'เจ้าขิม' ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ เธอกวาดสายตาสำรวจทั่วห้องก่อนเป็นอันดับแรก พลันจะอุทานในใจแบบหยาบคายว่า ' ฉิบหXXX นี่หลับไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ ? '
" ที่นี่..ที่ไหนวะ ? "
จากการคาดเดาคงเป็นบ้านของใครสักคน แต่เท่าที่จำได้เธอไม่มีเพื่อนคนไหนมีเชื้อจีนสักกะติ๊ด...แล้วนี่ มานอนเตียงคนอื่นอีก เจ้าของเขาอยู่ไหนก็ไม่รู้
[ กายาสวรรค์ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ]
" เฮ้ย ! "
ขิมตกใจจนถอยหลังตกเตียงเสียงดังโครม นั้นเพราะพลันมีตัวหนังสือเป็นภาษาไทยปรากฏขึ้นตรงหน้า " อะไร ? "
[ ระบบ ]
' มันคุยกับเธอได้ด้วย ! '
" นายเป็นใคร "
[ .... ]
หญิงสาวคล้ายได้ยินเสียงอีกาบินผ่าน ทำไมรู้สึกว่าถูกเจ้าระบบเมินได้ล่ะ ?
" เธอเป็นใคร "
[ เป็นระบบ ]
คงเป็นผู้หญิง กลอกตา...เพราะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนกลับมา ถามกลับไปอีกว่า " ระบบอะไร ? "
[ มอบภารกิจเพื่อกลับบ้าน ]
" หมะ...หมายความว่าไง ฉันอยู่ที่ไหน ? "
[ คุณอยู่ในโลกนิยาย ]
ล้อ..กันเล่นใช่มั้ย ?
[ ..... ]
บทที่ 1 เรื่องไร้สาระ 1
บนอาคารตึกสำหรับปล่อยห้องเช่าสักที่หนึ่งในกรุงเทพ ในห้องนอนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก เพียงพอให้วางเฟอร์นิเจอร์จำเป็นหลายอย่างเอาไว้ได้ เพราะพื้นที่อันถูกสิ่งของทั้งหลายถูกสะสมเอาไว้จากการซื้อเข้ามาของเจ้าของห้อง เพียงเหลือทางเดินอยู่บ้างเท่านั้นก็นับว่าประเสริฐ
ร่างบอบบางนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์สักพักแล้ว นัยน์ตาหวานภายใต้กรอบแว่นกำลังกวาดตาไล่อ่านคอมเม้นต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มสำหรับส่งข้อความและแชร์เรื่องราวส่วนตัว
ขิมเป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ ทำงานในบริษัทคัดแยกพัสดุแห่งหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยที่กระทบกระทั่งไม่กี่วันก่อน ฝ่ายคู่กรณีจะทำกับเธอขนาดนี้
จะไม่เป็นอะไรเลยถ้าเรื่องราวทั้งหมดมันไม่ได้อยู่ในสื่อออนไลน์ ที่ในนั้นมีทั้งญาติพี่น้องหลายคน อีกทั้งยังมีพ่อแม่ของเธอที่ติดตามความเป็นไปทุกอย่างอีกด้วย
สาเหตุขอเรื่องราว นั่นเป็นเพราะแฟนหนุ่มของคนที่ลงมือเคลื่อนไหวคนนี้ บังเอิญได้ทำงานร่วมกันในขั้นตอนคัดแยก แล้วพอเจอกันบ่อย ๆ ไม่แปลกที่จะมีการทำความรู้จักและพูดคุยกัน เธอเองแม้จะโสดแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรด้วย แม้ว่าชายหนุ่มคนนั้นอาจหน้าดีอยู่บ้าง
แต่ในยุคที่เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อมากมาย จึงไม่ได้รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ เธอเองก็เคยได้ยินกิตศัพท์ด้านความหึงหวงของผู้หญิงคนนั้นอยู่บ้าง
...แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองต้องมาเจอ
เจ้าตัวลงทุนแอบสืบทุกอย่างทุกช่องทาง แม้กระทั่งลามไปถึงไอดีสำหรับโพสต์วิดีโอสั้นในแอพที่เป็นที่นิยม นั่นเพราะขิมใช้แพลตฟอร์มนั้นในการโปรโมตนิยาย ส่วนหนึ่งเพราะเข้าถึงกลุ่มคนที่หานิยายอ่านได้ง่าย ส่วนหนึ่งก็เพื่อหาคนเข้าไปอ่านนิยาย อีกส่วนก็เพราะแพลตฟอร์มนี้คนในครอบครัวไม่มีใครรู้จักนั่นเอง
ที่ก่อปัญหาสุด ๆ คือเธอคนนั้นลงทุนสมัครไอดีแล้วไปเม้นในนิยาย โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายจนเธอเองก็ตกใจมากในทีแรก ถึงแม้มีนักอ่านใจดีโต้เถียงกลับ เจ้าตัวก็ไม่ยอมรามือ
แต่ในเมื่อหน้าที่ทำงาน ยังไงก้ต้องทำงานด้วยกัน ย่อมต้อมทำตามที่หัวหน้าวางแผนในแต่ละวันอยู่แล้ว
ในเมื่อเห็นว่ามีนักอ่านในนิยายที่เธอเขียนลงเว็บเป็นงานอดิเรก และใช้เป็นช่องทางการหารายได้พิเศษจากในนั้น ไม่เกิดผลกระทบอะไรมากนัก จึงได้สมัครแอคเคาท์ใหม่แล้วเอานิยายมาด่าหน้าไทม์ไลน์ อีกทั้งยังเพิ่มแอคเคาท์ของพ่อแม่ญาติพี่น้องทุกคน แล้วเริ่มโพสต์ต่าง ๆ ทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง
ที่แน่ ๆ สิ่งที่เธอเก็บซ่อนมันเอาไว้ก็ไม่สามารถหลบรอดจากสายตาของครอบครัวไปได้
" ค่ะพ่อ.."
ขิมยกมือถือขึ้นมาแนบหู ใช้น้ำเสียงหดหู่กล่าวออกไปเพื่อรอฟังเสียงที่ปลายส่าย
" ทำไมไม่ตั้งใจทำงาน เอาเวลาไปทำอะไรไร้สาระอยู่นั่น แล้วนี่ถึงขนาดไปแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก ใครสั่งใครสอนให้แกทำแบบนั้นกัน "
หญิงสาวแอบถอนหายใจ ที่กลัวไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น แต่กลัวปฏิกิริยาของครอบครัวต่างหาก " คือหนูแค่.. "
เสียงจากปลายสายตะคอกกลับมา ทั้งที่ยังไม่ได้อธิบาย..
" ไม่ต้องมาเถียง ! "
ได้ยินประโยคเด็ดของวันแล้วทำให้ขิมถึงกับชะงักไป และสิ่งที่อยู่ในใจมากมายทั้งหมด ไม่ได้หลุดไปแม้แต่น้อย นอกจากการนิ่งฟังถ้อยคำตำหนิมากมายแล้ว ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร " ... "
น้ำเสียงปะปนไปด้วยความเกรี้ยวกราด ยังคงสาดใส่เธอไม่หยุดยั้ง
" แกอายุจะสามสิบแล้วนะ ไม่เห็นคนอื่นรุ่นเดียวกันหรือไง คนเขาอายุเท่ากันกับแกล้วนแต่ทำงานเป็นหลักแหล่งดูแลพ่อแม่ แกมีอะไรนอกจากทำเรื่องไร้สาระไปวัน ๆ นี่คงคิดออกจากงานอีกแล้วใช่มั้ย ? "
ไม่รู้เหมือนกัน ว่าขิมติดนิสัยนิ่งเงียบเวลาที่จะต้องอธิบายเกี่ยวกับตนเองไปตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนเด็ก หรืออาจจะเป็นตอนที่โตจนไม่อินกับคำว่าความรักในครอบครัวแล้วก็ได้
..ทั้งที่ตอนนั้นก็เป็นพ่อแม่ไม่ใช่เหรอ
ทำให้ทุกอย่างเดินมาจนถึงจุดนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นิยายเรื่องนี้หาสาระไม่มี เน้นความใกล้ชิดพระนาง ใครต้องการพล็อตเข้มข้นสามารถข้ามเรื่องนี้ได้เลย
แม้ในตอนที่เธอจบมัธยมปลาย เคยทะเลาะไม่ลงรอยกันหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เป็นเธอเองที่ยื่นข้อเสนอขอเข้ามหาวิทยาเปิด อย่างน้อยค่าเทอมก็น้อยกว่า อีกทั้งบางคณะยังสามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ หรือไม่ก็หยุดเรื่องเรียนเอาไว้ก่อน แต่พอเธอตั้งใจเรียนและทุ่มเทกับการทำงานส่งอาจารย์ กลับทำให้ที่บ้านไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เธอต้องรู้สึกยังไงที่ไม่ใช่อัจฉริยะ แล้วใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น แต่เพราะที่บ้านยังต้องการแรงงาน คนหนึ่งคนต้องเก่งถึงเพียงใดที่ต้องทำหลายสิ่งพร้อมกัน
สุดท้ายเมื่อทางบ้านประสบปัญหา ด้วยปัจจัยหลายอย่างจนทำให้กิจการเล็ก ๆ ล้มลง ทุกคนในครอบครัวต่างก็ย้ายไปตั้งหลักที่ต่างจังหวัด เพราะที่นั่นมีบ้านที่สร้างเอาไว้ แม้ยังไม่เสร็จก็ตาม ทั้งหนี้สินรุมเร้าครอบครัว
ขิมจึงกลายเป็นนกที่พยายามจะบินทั้งที่ไม่พร้อม ทั้งที่ไม่รู้ ทั้งที่ไร้ประสบการณ์ มีหลายคนกล่าวว่าการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนั้นทำได้ แต่ในความคิดของเธอมันไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น
สุดท้ายใช้วิธียื่นคำร้องยืดเวลาครั้งแล้วครั้งเล่ากับทางคณะ จนเธอสามารถเรียนจบในที่สุด
แต่เพราะด้วยเวลาที่ผ่านไปถึงเพียงนั้น เมื่อเธอมองไปข้างหน้าอีกครั้ง กลับเดินไม่ทันคนรุ่นเดียวกันที่เขาสร้างเนื้อสร้างตัวก่อนตั้งหลายปี
" ... "
" เลิกทำเรื่องไร้สาระ แล้วตั้งใจทำงาน "
กล่าวเท่านั้นก็ตัดสายไป ขิมมองเครื่องมือสื่อสารในมือนิ่ง ทั้งที่ในหัวพลันคิดย้อนเรื่องราวมากมาย แต่เพราะเธอไม่ได้คิดว่าชีวิตตนเองสิ้นสุดเพียงเท่านี้ จึงได้ลุกขึ้นจากหน้าคอมพิวเตอร์แล้วหยิบเครื่องดื่มที่แพงเพราะการเพิ่มภาษีขึ้นมาเปิด
น้ำสีเหลืองถูกเทช้า ๆ เพื่อไม่ให้ฟองเยอะจนเกินไป ร่างระหงหยิบทั้งขวดและแก้วติดมือมานั่งหน้าคอมเพื่อไล่อ่านคอมเม้นต่าง ๆ บนฟีด
แต่เพราะเธอเองก็ชาชินกับการมีเรื่องกับคนอื่น ถ้ามันไม่กระทบมากนักก็ปล่อยผ่าน อย่างมากครอบครัวก็แค่โทรมาด่า แต่สุดท้ายตนเองก็ต้องใช้ชีวิตเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเองอยู่ดี
..การทำให้ตัวเองมีความสุข
..ถึงไม่รวย แต่สามารถก้าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนพึ่งเริ่มต้นก้าวใหม่อีกครั้ง
ขิมปิดทุกอย่างและงดติดต่อสื่อสาร ใจจดจ่อกับการเกลาสำนวนอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งคำผิดที่เธอไม่ได้ตรวจมันตั้งแต่แรกนั่นอีก ตรวจกี่ครั้งก็เห็นทุกครั้ง แต่ก็พยายามวนตรวจซ้ำ ๆ แต่ละหน้า ให้มั่นใจว่าไม่มีคำผิด จึงจัดหน้าอีบุ๊คขนาดเอห้า เข้าเว็บชื่อดังใส่ปก เขียนคำโปรย สุดท้ายคือการแนบไฟล์เอกสารที่เธอเตรียมเอาไว้
" เสร็จสักที "
จบคำก็นั่งเหยียดขาเอนร่างพิงเก้าอี้ เทเครื่องดื่มลงแก้วอีกครั้ง เมื่อตรวจตราความเรียบร้อยทุกอย่าง พอดีกับที่เครื่องดื่มหมดแก้วพอดี สุดท้ายจึงกดส่งต้นฉบับเพื่อส่งขายเป็นไฟล์อีบุ๊ค
...และนั่น ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจดจำได้ ก่อนที่จะเอนหลังหลับลงไป
แม้ในตอนที่เธอจบมัธยมปลาย เคยทะเลาะไม่ลงรอยกันหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เป็นเธอเองที่ยื่นข้อเสนอขอเข้ามหาวิทยาเปิด อย่างน้อยค่าเทอมก็น้อยกว่า อีกทั้งบางคณะยังสามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ หรือไม่ก็หยุดเรื่องเรียนเอาไว้ก่อน แต่พอเธอตั้งใจเรียนและทุ่มเทกับการทำงานส่งอาจารย์ กลับทำให้ที่บ้านไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เธอต้องรู้สึกยังไงที่ไม่ใช่อัจฉริยะ แล้วใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น แต่เพราะที่บ้านยังต้องการแรงงาน คนหนึ่งคนต้องเก่งถึงเพียงใดที่ต้องทำหลายสิ่งพร้อมกัน
สุดท้ายเมื่อทางบ้านประสบปัญหา ด้วยปัจจัยหลายอย่างจนทำให้กิจการเล็ก ๆ ล้มลง ทุกคนในครอบครัวต่างก็ย้ายไปตั้งหลักที่ต่างจังหวัด เพราะที่นั่นมีบ้านที่สร้างเอาไว้ แม้ยังไม่เสร็จก็ตาม ทั้งหนี้สินรุมเร้าครอบครัว
ขิมจึงกลายเป็นนกที่พยายามจะบินทั้งที่ไม่พร้อม ทั้งที่ไม่รู้ ทั้งที่ไร้ประสบการณ์ มีหลายคนกล่าวว่าการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนั้นทำได้ แต่ในความคิดของเธอมันไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น
สุดท้ายใช้วิธียื่นคำร้องยืดเวลาครั้งแล้วครั้งเล่ากับทางคณะ จนเธอสามารถเรียนจบในที่สุด
แต่เพราะด้วยเวลาที่ผ่านไปถึงเพียงนั้น เมื่อเธอมองไปข้างหน้าอีกครั้ง กลับเดินไม่ทันคนรุ่นเดียวกันที่เขาสร้างเนื้อสร้างตัวก่อนตั้งหลายปี
" ... "
" เลิกทำเรื่องไร้สาระ แล้วตั้งใจทำงาน "
กล่าวเท่านั้นก็ตัดสายไป ขิมมองเครื่องมือสื่อสารในมือนิ่ง ทั้งที่ในหัวพลันคิดย้อนเรื่องราวมากมาย แต่เพราะเธอไม่ได้คิดว่าชีวิตตนเองสิ้นสุดเพียงเท่านี้ จึงได้ลุกขึ้นจากหน้าคอมพิวเตอร์แล้วหยิบเครื่องดื่มที่แพงเพราะการเพิ่มภาษีขึ้นมาเปิด
น้ำสีเหลืองถูกเทช้า ๆ เพื่อไม่ให้ฟองเยอะจนเกินไป ร่างระหงหยิบทั้งขวดและแก้วติดมือมานั่งหน้าคอมเพื่อไล่อ่านคอมเม้นต่าง ๆ บนฟีด
แต่เพราะเธอเองก็ชาชินกับการมีเรื่องกับคนอื่น ถ้ามันไม่กระทบมากนักก็ปล่อยผ่าน อย่างมากครอบครัวก็แค่โทรมาด่า แต่สุดท้ายตนเองก็ต้องใช้ชีวิตเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเองอยู่ดี
..การทำให้ตัวเองมีความสุข
..ถึงไม่รวย แต่สามารถก้าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนพึ่งเริ่มต้นก้าวใหม่อีกครั้ง
ขิมปิดทุกอย่างและงดติดต่อสื่อสาร ใจจดจ่อกับการเกลาสำนวนอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งคำผิดที่เธอไม่ได้ตรวจมันตั้งแต่แรกนั่นอีก ตรวจกี่ครั้งก็เห็นทุกครั้ง แต่ก็พยายามวนตรวจซ้ำ ๆ แต่ละหน้า ให้มั่นใจว่าไม่มีคำผิด จึงจัดหน้าอีบุ๊คขนาดเอห้า เข้าเว็บชื่อดังใส่ปก เขียนคำโปรย สุดท้ายคือการแนบไฟล์เอกสารที่เธอเตรียมเอาไว้
" เสร็จสักที "
จบคำก็นั่งเหยียดขาเอนร่างพิงเก้าอี้ เทเครื่องดื่มลงแก้วอีกครั้ง เมื่อตรวจตราความเรียบร้อยทุกอย่าง พอดีกับที่เครื่องดื่มหมดแก้วพอดี สุดท้ายจึงกดส่งต้นฉบับเพื่อส่งขายเป็นไฟล์อีบุ๊ค
...และนั่น ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจดจำได้ ก่อนที่จะเอนหลังหลับลงไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!