NovelToon NovelToon

ย้อนเวลาลิขิตรัก

บทนำ

ขณะ  นี้เวลา 15.00 น.  ท้องฟ้าสว่างจ้าในช่วงบ่าย 3 อันแสนร้อนระอุจากแสงแดดได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำมืดครื้มทำให้มองเห็นก้อนเมฆที่เกาะกลุ่มกันอย่างชัดเจนพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างเจิดจ้ากำลังถูกบดบังแสงจากดวงจันทร์จนแสงนั้นเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ทุกที เหล่านก กา พากันรีบโบยบินหนีบ้างกลับเข้ารังบ้างผู้คนต่างพากันกลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็วอย่างกับจะเกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นถ้าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในสมัยโบราณคนไทยจะเชื่อกันว่า   " จะเกิดอาเพศ "   จากสายลมที่เคยสงบเงียบก็กลับเกิดเป็นลมกระโชกแรงอย่างคาดไม่ถึง

               

            แต่ทว่าจะพูดถึงความเชื่อเหตุและผลของคนในสมัยปัจจุบันนี้คือทางวิทยาศาสตร์ได้เรียกเหตุการณ์นี้ว่า " สุริยุปราคา  " หรือ สุริยคราสเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์  และโลก  โคจรมาเรียงอยู่ในแนวเดียวกันโดยมีดวงจันทร์อยู่ตรงกลางเกิดขึ้นเฉพาะในวันที่ดวงจันทร์มีดิถีตรงกับจันทร์ดับเมื่อสังเกตจากพื้นโลกจะเห็นดวงจันทร์เคลื่อนเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์โดยอาจบังมิดหมดทั้งดวงหรือบางส่วนก็ได้เหตุการณ์นี้มีโอกาสเกิดขึ้นไม่มากนักในแต่ละปีสามารถเกิดสุริยุปราคาได้อย่างน้อย 2 ครั้งสูงสุดไม่เกิน 5 ครั้ง 

           ในจำนวนนี้อาจไม่มีสุริยุปราคาเต็มดวงเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็เป็นได้                  โอกาสที่จะเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงนั้นมีน้อยผู้คนจำนวนมากที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆก็พากันรีบกลับบ้านหรืออยู่ในที่ร่มพากันรอดูปรากฏการณ์นี้

                 ในขณะเวลาเดียวกันนี้กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังได้รับเคราะห์กรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  " มา มะ มา ให้ฉันช่วยปลอบใจเธอดีกว่าน่า~ " 

                

 " นี่แกจะทำอะไรฉัน!  เอามือสกปรกของแกออกไปจากแก้มของฉันเดี๋ยวนี้นะ " เธอพยายามดึงมือผู้ชายอีกฝ่ายออกไปจากแก้มเธอซึ่งผู้ชายคนนี้กำลังบีบแก้มของเธออยู่ " เชื่อฉันสิฉันสามารถทำให้เธอลืมไอ้ชาวี ไอ้หน้าจืดนั้นได้แน่นอนถ้าไม่อย่างนั้นพี่สาวเธอคงไม่ติดใจจนเอาฉันมาทำผัวเหรอก "

 เขาได้เปลี่ยนจากบีบแก้มของเธอแล้วนำมือมาลูบไล้น่องขาขาวๆเนียนๆของเธอซึ่งอยู่กำลังอยู่ในชุดนอนแทน 

                 " ไอ้บ้านี่แกมันมีดีแค่เกิดมาเป็นผู้ชายแหละว่ะนิสัยเหี้ยขนาดนี้ไม่รู้ว่าพี่ฉันคิดยังไงถึงเอาแกมาทำผัวได้เนี้ย "  พูดเสร็จใบหน้างดงามราวกับรูปปั้นสงบนิ่งจนอีกฝ่ายมองอารมณ์ไม่ออก

                 " เธอนี่มันปากดีจริงๆ อย่าให้ดีแต่ปากนะอย่างอื่นก็ขอให้ดีด้วย " หน้าตาคมนัยตาชั่วร้ายทำหน้าแสยะยิ้ม " เพียะ ! " เธอได้รีบวิ่งออกไปจากห้องทำงานของเธอทันทีทันใดนั้นพี่สาวของเธอก็ได้มาเห็นสามีของตนกำลังเดินตามหลังของน้องสาวเธอมาเธอจึงคิดว่าน้องสาวของเธออ่อยสามีของเธอ "เพียะ ! "  ฝ่ามือบางฟาดลงบนหน้าเรียวของอินฟ้าอย่างเต็มแรง

  

                " นี่พี่ทำบ้าอะไร!!! "  อินฟ้าพูดออกมาด้วยความสงสัยปนเคือง  

"เธอทำบ้าอะไรห้ะ! อัสดม คือพี่เขยเธอนะ เธอจะยั่วผู้ชายคนไหนบนโลกใบนี้ก็ได้แต่อัสดมคือข้อยกเว้น! หรือว่าเพราะเธอโดน ชาวี บอกเลิกแล้วอยู่คนเดียวไม่ได้เหรอถึงได้มาอ่อยผัวพี่แบบนี้ " 

                 ตะคอกเสียงดังใส่ พร้อมใบหน้าโกรธมาก  " ไอ้บ้า! นั้นต่างหากที่มันพยายามจะลวนลามฉันเหมาะสมกันจริงๆผีเน่ากับโลงผุชัดๆ " 

                 หยาดน้ำตายังคงร่วงเผาะดุจดังไข่มุกอยู่บนใบหน้างดงามของเธอในแววตาของเธอฉายแววของความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง

                 " นี่เธอกล้าด่าพี่เหรอ! " ทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในขณะนี้ เอื้องฟ้าก็ตกใจอย่างสุดขีดน้องสาวของเธอที่กำลังเดินลงบันไดนั้นโรคหัวใจได้กำเริบทำให้น้องของเธอพลัดตกบันได โครม! นอนแน่นิ่งอย่างสงบไร้ซึ่งสติอยู่บนพื้น

                    ทั้งสองต่างพากันตกใจทำอะไรไม่ถูกแล้วรีบวิ่งลงมาดูน้องสาว เอื้องฟ้าได้ให้สามีของเธอโทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกับสุริยุปราคาเต็มดวงพอดีภายนอกบ้านจึงมืดสนิทอย่างกับถึงเวลาสองทุ่มแล้ว ท้องฟ้ามืดดำแต่เหตุการณ์ดันผิดปกติคือนอกจากท้องฟ้าจะมืดครึ้มแล้วดันเกิดมีลมกระโชกแรงอยู่ด้วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ…..

   ด้วยบุญพาวาสนานำพาส่ง                

จักนำนงพานพบที่จากมา

ไกลแสนไกลสุดใต้หล้าเหลือขณา           

จักนำพานงนุชกลับถิ่นแดน          

จริงแท้ยากพบพานมาช่วยเติม              

จากที่เดิมแม้นรักสุดจะแสน

ขมขื่นคะนึงหารำพึงแม้น                                  จากถิ่นแดนใกล้ไกลพานพบเอย

              

    

ฉันไม่ใช่ผี

ขณะ นี้ยามเช้าตรู่

         เสียงรํ่าไห้ดังระงมทั่วห้องหญิงสาววัยกลางคนหลายคนที่ต้องสูญเสียเจ้านางผู้อันเป็นที่รักและเคารพเป็นอย่างสูงจากไปโดยไม่อาจหวนคืนกลับมาได้   

"ถ้ารู้อย่างงี้ข้าเจ้าจะไม่ปล่อยให้เจ้านางเล่นน้ำคนเดียวข้าเจ้าผิดไปแล้วหญิงสมควรตาย " 

          หญิงพูดพร้อมทั้งนํ้าตาฟังแทบไม่รู้ความ

         " นอกจากอีหญิงสมควรตายแล้วแหลงก็สมควรตายเจ้าค่ะ "

หญิงสาววัยกลางคนทั้งสองต่างสบถวาจาอย่างเสียงดังทั่วห้องพร้อมทั้งนํ้าตาไหลพรากและมองดูร่างหญิงสาวผู้สูงศักดิ์นอนแน่นิ่งไร้ซึ่งลมหายใจหน้าซีดปากซีดถึงอย่างงั้นก็เถอะก็มิอาจทำลายความสวยบนใบหน้านั้นได้ หน้าทรงรูปไข่คิ้วโก่งเหมือนคันศรขนคิ้วที่ดำธรรมชาติปากกระจับสวยแต่พองามผิวพรรณดีผมดำเงางามแบบปล่อยผมไม่ได้มวยผม สวมชุดไตยเสื้อสีเหลืองนวลผ้าซิ่นไหมคำแบบชาวรัฐฉาน นอนอยู่บนเตียงไม้สักบนหัวเตียงถูกแกะสลักเป็นลวดลายดอกไม้อย่างสวยงามเสาเตียงทั้ง 4 มุม นั้นถูกเข้งตึงด้วยมุ้งสไตล์ยุโรปสีขาว

 ( ชุดไตย / ชุดไทใหญ่ \= ชุดประจำถิ่นของผู้คนใน รัฐฉาน ชอบใส่ชุดไตยในงานวันสำคัญต่างๆเช่นไปวัดทำบุญงานปอยต่าง ฯลฯ

 ลักษณะชุดไตยของผู้หญิง

\= เสื้อผ่าหน้าหรือเสื้อป้ายแขนกระบอก เอวสั้นตกแต่งลวดลายสวยงามด้วยการปักหรือฉลุผ้าตามขอบ

\= กระดุมที่กลัดเสื้ออาจจะใช้กระดุมผ้าหรือพลอยกลัดกับหูกระดุม 

\= ผ้าซิ่นที่ใส่นุ่งนั้นมีการต่อหัวซิ่นด้วยเนื้อผ้านิ่มสีดำพับแล้วเหน็บที่หัวซิ่นใช้เข็มขัดเงินคาดทับ

ลักษณะชุดไตยของผู้ชาย

\= สวมเสื้อคอกลมแขนยาวผ่าหน้าติดกระดุมผ้าคล้ายไส้ไก่ขมวดเป็นปมพร้อมตกแต่งลวดลาย

กางเกง \= สวมกางเกงขาก๊วยเป้าตํ่า

หรือเพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายๆ คือ เหมือนชุดล้านนาทางภาคเหนือนั้นเอง )

(  ซิ่นไหมคำ หรือ ซิ่นบัวคำ  \=  เป็นผ้าซิ่นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทอจากเส้นไหม บ้างก็ทอจากเส้นทองคำ ตีนซิ่นมีลวดลายเป็นดอกบัวควํ่าบัวหงาย เป็นรูปของชาวไตยเขิล หรือ ไทเขิน เมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า และยังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มราชสำนัก ตลอดจนผู้สะสมผ้า เนื่องจากถูกจัดให้เป็นหนึ่งในกลุ่มผ้านางพญาซิ่นล้านนา หากเป็นเจ้าของราชสำนักจะทอด้วยเส้นเงินหรือทองคำ ปักลายด้วยเพชรพลอยและทองคำ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านจะใช้เพียงไหมหรือฝ้ายธรรมดา  )

จู่ๆ ก็เกิดมีลมแรงพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกเปิดอ้าค้างทิ้งเอาไว้ในห้องทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวจนขนลุก หญิง แหลง และบ่าวใช้อีก 2 - 3 คน ก็รับรู้ด้วยเช่นกันพวกเขาทำได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างสงสัย แหลงได้พูดขึ้น

" เจ้านาง คำใส แน่เลย… เจ้านางคงจะรับรู้แล้วว่าตัวเองตายแล้วโธ่ ~ เจ้านางของอีแหลงไม่น่าเลย  " เมื่อพูดเสร็จก็ร้องไห้ต่อ

  ที่นี่คือที่ไหนกันนะ! ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ฉันจำได้ว่าฉันกำลังทะเลาะกับพี่เอื้องอยู่นี่นา ต่อจากนั้นฉันก็พลัดตกบันได! แต่ทำไมจู่ๆ ฉันถึงได้มาโผล่ที่นี้ได้ล่ะเนี้ย! แถมทุกคนในห้องนี้ก็แต่งตัวซะเหมือนอยู่ในยุคอดีตของเชียงตุง แสนหวี เหมือนอย่างกับในละครหลังข่าวที่ฉันเคยดูยังไง     ยังงั้นแหละซึ่งช่วงยุคนั้นเมืองทั้ง 2 กำลังรุ่งเรืองอยู่ฉันได้แต่ทำหน้าสงสัยก่อนจะพูดขึ้นเพื่อคุยกับทุกคน  

" นี่~ ทุกคนเห็นฉันมั๊ย "

         เดินเข้าไปหาทุกคนที่นั่งอยู่บริเวณรอบๆเตียงนอนพยายามทำให้ทุกคนเห็นตนแต่กลับไร้ซึ่งความหวังทุกคนไม่เห็นอินฟ้าเลย 

         " นี่~ ทุกคนมองไม่เห็นฉันจริงๆ เหรอเนี่ย! "   

ยกมือขึ้นกุมขมับทั้ง 2 ข้าง   

         " โอ๊ย~~~ จะบ้าตายฉันจะทำยังไงดี....."  ถึงแม้ว่าเธอจะตะโกนเสียงดังแค่ไหนก็ตามแต่กลับไม่มีใครได้ยินเสียงเธอแม้แต่คนเดียว  

 

         " เอ๊ะ!  นั้นใครอ่ะนอนอยู่บนเตียง "            

พร้อมเดินเข้าไปดูร่างที่นอนแน่นิ่งนั้นอย่างใกล้ๆแต่ทันใด      นั้นเอง " เอ๊ะ! น..นี่…มันฉันนี่...ไม่ ไม่ใช่ฉันแต่ทำไมหน้า…เหมือนฉันอย่างกับแกะฝาแฝดที่ว่าเหมือนยังต้องเรียกแม่! อะไรจะเหมือนขนาดนี้ "   

พอพูดเสร็จเธอพยายามยื่นมือไปจับแขนร่างของหญิงปริศนาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงตรงหน้าจู่ๆ ก็ได้เกิดแสงสว่างวาบแสบตาขึ้นมาเหมือนมีอะไรมาฉุดดึงดวงวิญญาณของเธอเข้าไปในร่างของหญิงสาวปริศนาทันที ทันใดนั้นเองบ่าวทุกคนในห้องต่างพากันตกใจที่เห็นเจ้านาง คำใส ฟื้นขึ้นมานั่งพรวดพราด เสียงกรีดร้องลั่นบ้านทุกคนต่างพากันกลัวตัวสั่นระริกแหลงวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า หญิงพยายามเอาหัวมุดใต้เตียงพร้อมสวดมนต์    บทสวดนะโมตัสสะ ส่วนคนที่เหลือวิ่งหนีออกจากห้องไปพร้อมหน้าตาแตกตื่นจนทำให้ผู้คนที่อยู่นอกห้องต่างพากันตกใจไปตามๆกันอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรกันแน่

        " นี่ ฉันยังไม่ตาย " พร้อมนำมือทั้ง 2 ข้าง จับหน้าจับแขนของตนเอง 

       " ทุกคน~ ไม่ใช่ซิพี่ 2 คน อ่ะฉันยังไม่ตาย... ลองมาจับแขนฉันดูสิ " เธอยื่นแขนออกจากลำตัวเพื่อให้ทั้ง 2 มาแตะ

        เมื่อได้ยินดังนั้นทั้ง 2 คน จึงยอมออกมาจากที่ซ่อนเพื่อที่จะพยายามมาแตะมือของเจ้านางของตน 

" จริงด้วย...เจ้าหน้ายังไม่ตาย.."

         บ่าวทั้ง 2 จึงพากันดีอกดีใจกันยกใหญ่         

  " เดี๋ยว! ก่อนฉันไม่ใช่เจ้านางอะไรนั้น " ใบหน้างดงามทำหน้าอย่างจริงจัง

" อ้าววว! ถ้าเจ้านาง ไม่ใช่เจ้านางแล้วเจ้านางจะไปเป็นใครได้เจ้าคะ เจ้านาง! " หญิงพูดเสร็จทอดสายตาไปทางแหลง

" ไม่น่าเลยเจ้านางของข้าเจ้ากำลังสาวกำลังสวยอยู่แท้ๆ ไม่นึกเลยว่าหลังจากฟื้นจากการจมน้ำหยุดหายใจไปหลายชั่วยามจะทำให้เจ้านางของข้าเจ้าเป็นได้ถึงเพียงนี้" 

 

         พร้อมทำหน้าสงสาร " เพียงนี้คือ…เพียงไหนไหน " อินฟ้า ผู้ซึ่งอยู่ในร่างของเจ้านางคำใส ได้พูดถามกลับ " ก็…บ้า..งั้ยเจ้าคะ " ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง

          " แต่ยังเคราะห์ดีที่เจ้านางฟื้นคืนมาถ้าไม่อย่างนั้นข้าเจ้าทั้ง 2 คน คงรู้สึกผิดไปจนตายเป็นแน่แท้เลยเจ้าค่ะ " 

          แหลงพูดเสร็จก็ได้ถอนหายใจเสียงดังเพราะรู้สึกโล่งอกที่เห็นเจ้านางของตนฟื้นคืนมาอีกครั้ง   

    "ใช่แล้วเจ้าค่ะ อีแหลงมันพูดถูกเจ้าค่ะ " 

ทั้ง 2 จึงส่งยิ้มให้กับเจ้านางคำใสอย่างพร้อมเพียงกัน

 

              " ฉันไม่ได้บ้าจริงๆนะพี่ ฉันไม่ใช่เจ้านางอะไรนั้นที่พี่ 2 คนพูด ฉันไม่ใช่จริงๆ "

 

            พร้อมทั้งน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อยืนยันว่าว่าตนไม่ใช่เจ้านางคำใสจริงๆแต่ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามอธิบายยังไงก็ตามแต่ก็ไม่มีใครเชื่อสักคนอยู่ดีแล้วพี่หญิงกับพี่แหลงก็ขอตัวออกไปบอกเจ้าฟ้าเมืองแสง กับ มหาเทวีฟ้าใส ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของเจ้านางคำใสเรื่องที่เจ้านางยังไม่ตาย เธอได้แต่ครุ่นคิดในใจ

             นี่ฉันย้อนเวลามาโผล่ในยุคไหนเนี้ยแต่พอฉันลองตั้งสติและคิดทวบทวนทุกเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ได้รู้ว่าฉันไม่ได้พูดภาษาไทยกับพี่เขาทั้ง 2 คน ฉันพูดภาษาไตย

(ภาษาไตย / ภาษาไทใหญ่ / ภาษาฉาน \= ภาษาตระกูลจร้า - ไท ภาษาจะคล้ายๆ คำเมือง ผสม อีสาน)

           โชคดีนะที่ตอนเด็กฉันเคยอยู่ จ.แม่ฮ่องสอน เพราะแม่ของฉันเป็นคนที่นั้นถ้าไม่อย่างงั้นฉันคงได้นั่งให้ใบ้รับประทานแน่เลยนอกจากจะฟังไม่ออกว่าเขาพูดว่าอะไรกันและที่สำคัญฉันคงไม่รู้จะสื่อสารยังไงกับพวกเขาฉันเดินสำรวจไปรอบๆภายในห้องนอนของเจ้านางคำใสมองดูข้าวของเครื่องใช้อย่างตื่นเต้น

             โดยเฉพาะเครื่องเขินล้านนากับเสื้อผ้าของเจ้านางแต่ละชุดช่างสวยงดงามอะไรเช่นนี้ที่ฉันพูดอย่างนี้เพราะเลือดของดีไซเนอร์สาวไฟแรงมันอยู่ในสายเลือดยังไงล่ะแต่ฉันอยากให้ กะทิ มาเห็นเสื้อผ้าเหล่านี้กับฉันจริงๆ ตอนนี้ฉันคิดถึงเพื่อนของฉันมากมากจนถ้าฉันสามารถส่งตัวเองกลับไปในปัจจุบันได้ฉันคงทำไปแล้วสำคัญไปมากกว่านั้นก็คือฉันคิดถึงพ่อกับแม่ด้วย

(เครื่องเขินล้านนาน \= ภาชนะเครื่องมือหรือของใช้ที่นำไม้ไผ่มาสานแล้วทาด้วยยางรักหลายๆ ชั้นโดยที่ชั้นแรกจะทำหน้าที่ยึดโครงสร้างให้เกิดความมั่นคงชั้นต่อๆ ไปเป็นการตกแต่งผิวภาชนะให้เรียบชั้นสุดท้ายเป็นการตกแต่งให้สวยงามเช่นการเขียนลวดลายการปิดทองหรือการขุดผิวให้เป็นร่องลึกแล้วฝังรักสีต่างกันเป็นลวดลายสวยงามมีนํ้าหนักเบาและนิยมใช้รักสีดำและสีแดงตกแต่ง)

             แค่คิดถึงพวกท่านทั้ง 2 เท่านั้นแหละน้ำตาฉันก็เอ่อล้นไหลออกมาจากตาแบบที่ฉันไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าท่านทั้ง 2 คน จะเป็นยังไงบ้างจะรู้หรือหรือยังว่าฉันตายแล้ว...แล้วท่ารู้ท่านทั้ง 2 คน จะเป็นยังไงบ้างไม่น่าเลยชีวิตของฉันทำไมมันถึงได้ซวยซํ้าซวยซ้อนอะไรขนาดนี้เพิ่งโดนบอกเลิกจะพี่ชาวี ( แฟนเก่าของอินฟ้า ) ไม่ถึง2 วัน 

             ก็ยังมาโดนไอ้อัสดมไอ้พี่เขยสารเลวพยายามปล้ำอีกแถมทำให้พี่เอื้องฟ้าเข้าใจผิดไปอีกถ้าฉันกลับไปได้ในปัจจุบันนะฉันจะไปทำบุญล้างซวยสะเดาะเคราะห์สัก 9 วัดไปเลยจะได้ไม่เจอเรื่องอะไรแบบนี้อีกพอฉันหยุดร้องไห้แล้วเช็ดน้ำตาเสร็จฉันก็เดินกลับไปที่เตียงนอนเพื่อเอนกายลงนอน...นอนเพื่อให้หายเครียด..เครียดไปก็ทำให้กลับไปปัจจุบันไม่ได้อยู่ดี

เจ้าจายต่างเมือง

1 ชั่วยาม ต่อมา

           พี่หญิงกับพี่แหลงได้ วิ่งโร่ขึ้นมาข้างบนและเข้ามาในห้องนอนของเจ้านางคำใส 

 

           " เจ้านางคำใส…เจ้าฟ้าเมืองแสงกับมหาเทวีฟ้าใสให้ข้าเจ้าทั้งสองคน มาเรียกให้เจ้านางไปพบที่ห้องโถงใหญ่เจ้าค่ะ " 

            ฉันที่อยู่ในร่างของเจ้านางคำใสที่กำลังนอนอยู่บนเตียงได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้กับบ่าวใช้ทั้งสองคน 

            " ใครคือเจ้าฟ้าเมืองแสงกับมหาเทวีฟ้าใสหรอจ๊ะพี่หญิงพี่แหลง! "   ฉันจึงถามเพราะความสงสัย

      " อ้าว…ก็เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ของเจ้านางไงล่ะเจ้าคะ "

บ่าวใช้ทั้งสองคน พูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายจากนั้น

แหลงจึงพูดขึ้น 

      " โธ่~เจ้านางของอีแหลงไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จมนํ้าในครั้งนี้จะทำให้เจ้านางฟื้นขึ้นมาแล้วจำทุกอย่างไม่ได้เช่นนี้ " 

       พี่หญิงได้เขยิบเข้าหาพี่แหลงแล้วกระซิบบอก

 

       " เจ้านางอาการหนักเอาการอยู่นะถึงได้ลืมได้แม้กระทั่งเจ้าพ่อกับเจ้าแม่ของเจ้านางเอง "

  

        ฉันไม่รู้เลยว่าท่านทั้งสองคือใคร หน้าตาจะเป็นแบบไหนได้แต่นั่งเงียบแล้วส่งยิ้มให้พี่หญิงกับพี่แหลงแบบมึนงงพอส่งยิ้มเสร็จฉันก็ลุกจากเตียงเดินไปหาพี่หญิงกับพี่แหลงแล้วตอบตกลง

      " โอเคร..งั้นไปพบท่านกันเถอะจ๊ะ "ถ้าฉันปฏิเสธไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี ต่อจากนั้นพี่หญิงและพี่แหลงก็ได้เดินนำหน้าออกจากห้องนอน

       

        ฉันเดินลงบันไดตามพี่หญิงกับพี่แหลง  ฉันแอบชำเลืองมองฝาผนังและส่วนอื่นๆของภายในเรือนหลังนี้ฉันได้เห็นภายในตัวเรือนข้างนอกห้องนอนครั้งแรกตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาในร่างนี้

       เรือนหลังนี้เป็นเรือนโคโลเนียลซึ่งได้รูปแบบมาจากเรือนยุโรปซึ่งมีหลายห้องมีสอง ชั้น ผนังเรือนถูกทาด้วยสีขาวและมีชุดเก้าอี้รับแขกแบบยุโรปมีแจกันดอกไม้ประดับประดาตามโต๊ะอย่างสวยงาม  รวมทั้งนาฬิกาแขวนผนังสไตล์ยุโรป เลขโรมัน

       ฉันเบนสายตาเข้าไปยังห้องโถงใหญ่เห็นผู้หญิงวัยกลางคนกับผู้ชายวัยกลางคนสองคน นั่งรอยู่ภายในห้อง เธอสวมเสื้อสีทองเสื้อผ่าหน้าแขนกระบอกเอวสั้นตกแต่ง

         ลวดลายสวยงามด้วยการปักตกแต่งลวดลายตามขอบนุ่งซิ่นไหมคำสีทอง ไว้ผมยาวเกล้าเป็นมวยประดับด้วยปิ่นปักผมที่ทำจากทองคำ

          เขาใส่เสื้อคอกลมแขนยาวสีกากีติดกระดุมผ้าคล้ายไส้ไก่ขมวดเป็นปมพร้อมตกแต่งลวดลายสวมกางเกงขาก๊วยเป้าตํ่าสีกากีทั้งชุดรวมทั้งโพกหัวพันผ้าห้อยก็ด้วย โดยมีบ่าวใช้นั่งรออยู่ด้วยบนพื้นภายในห้องนั้นด้วยและเมื่อได้เห็นหน้าท่านทั้งสองคนชัดๆฉันก็อ้าปากค้าง

      พ่อ…แม่ของฉัน!

    

     " นั่งลงซิลูกแม่กับพ่อและทุกคนกำลังรอลูกอยู่ "

ฉันนั่งลงเก้าอี้ข้างๆท่านทั้งสองทั้งที่ยังจ้อง ' มหาเทวีเจ้ากับเจ้าฟ้า '  ของผู้คนเหล่านั้นไม่วางตา

 

      พ่อ…แม่!  เหมือน…เหมือนพ่อกับแม่ของฉันมากแค่ดูมีสง่าราศรี อำนาจบารมีมากกว่า  ความสงสัยในหัวสมองของฉันมันผุดขึ้นมายังกับดอกเห็ดอยู่เป็นหมื่นล้านแต่ไม่สามารถบอกกับใครได้ฉันเชื่อแล้วว่าทำไมตาฉันถึงเชื่อเรื่องเราทุกคนในชาตินี้ที่ได้เจอกันรักกันเป็นครอบครัวเดียวกันล้วนแต่เคยร่วมทำบุญทำกรรมด้วยกันมา หรือนี่จะเป็นชาติก่อนของฉัน พ่อ แม่ กันนะ!

     …ถึงว่า ท่านทั้งสองถึงได้ชอบวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่เอามากๆแถมยังมียศถาบรรดาศักดิ์อีกต่างหาก ที่แท้ชาติก่อนก็เป็นเจ้าฟ้าเจ้านางของชาวไทใหญ่ นี่เอง แถมพื้นเพแม่ของฉันเป็นคนจังหวัดแม่ฮ่องสอนและไปพบรักกับพ่อที่กรุงเทพท่านทั้งสองจึงตกลงปลงใจกันแต่งงานและใช้ชีวิตครอบครอบอยู่ที่กรุงเทพ ฉันกับพี่สาวเกิดและโตที่กรุงเทพแต่ก็ชอบกลับไปพักผ่อนที่บ้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในช่วงวันหยุดต่างๆเป็นประจำ

      " ลูกหายดีแล้วใช่มัยจ๊ะรู้มั้ยว่าแม่กับพ่อเสียใจแค่ไหนที่เห็นลูกนอนแน่นิ่งหยุดหายใจแบบนั้นแม่คิดว่าจะไม่ได้พูดคุยกับลูกอีกแล้ว มาให้แม่กอดที " 

       ฉันกับแม่ ( ในอดีต ) สวมกอดกัน ท่านใช้มือลูบเส้นผมบนหัวฉันอย่างเบามือ

      " ทีหลังลูกจะทำอะไรก็ต้องระวังให้มากกว่านี้นะลูกรู้ไหมว่าแม่เขาเสียใจมากแค่ไหนที่เห็นลูกเกือบตายแบบนั้น..แต่ตอนนี้ถ้าหายดีก็ดีแล้ว " 

 

       นอกจากหน้าตาเหมือนเสียงยังเหมือนอีกด้วย

      " ยินดีกับมหาเทวีฟ้าใส กับ เจ้าฟ้าเมืองแสง ด้วยนะขอรับ ที่ได้เจ้านางคำใสฟื้นกลับคืนมา " จายปานจิ่งได้พูดยินดีด้วย

       " ขอบใจจ๊ะ เราทั้งสองก็ดีใจมากเช่นกัน  "  

และไพร่พลทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ก็ต่างพากันแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน

       

       " เจ้าพี่เห็นทีเราควรจัดพิธี 'ฮ้องขวัญ ' ให้กับลูกคำใสนะเจ้าคะเพื่อเป็นศิริมงคลและเรียกขวัญกลับมาสู่เจ้าตัวด้วยเจ้าค่ะ "

       " ได้สิงั้นพี่จะให้ปานจิ่งบอกคนอื่นๆให้เตรียมงานวันนี้เลย "  

       เจ้าฟ้าเมืองแสงจึงได้สั่งการแก่บ่าวใช้ทั้งชายหญิงให้ช่วยกันเตรียมงานเรียกขวัญให้แก่ลูกสาวบ่าวใช้ทุกคนจึงต่างพากันรีบไปช่วยเตรียมงานร่วมถึงพี่หญิงกับพี่แหลงด้วย ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีได้แต่ยิ้มและพูดขานรับค่ะอย่างเดียวที่ฉันสามารถทำได้

      "  นี่แม่ก็ให้คนไปเรียกพี่สาวเรากับสามีมาตั้งนานแล้วนะแต่ทำไมยังไม่มากันอีก "

      " สงสัยลูกๆคงน่าจะติดธุระกันอยู่แหละมั้ง "

      " เจ้าพี่ ลูกเหมยคำ ตั้งแต่ออกเรือนกับลูกชายเจ้าของเหมืองอัญมณี นั้นก็ไม่ค่อยมาพบปะกับเราเลยนะเจ้าค่ะ แถมลูกเขยคนนี้ดันขี้เมาเจ้าชู้อีกต่างหากไม่รู้ว่าลูกเราไปทำอีท่าไหนถึงได้หลงรักอยากออกเรือนกับจายเหลิน ได้น้องไม่อยากจะคิดต่อเลยคิดแล้วปวดหัว "

      " พี่สาวเหรอคะ! " ฉันมองหน้ามหาเทวีฟ้าใส

      " ใช่จ๊ะพี่สาวของลูกไง พี่เหมยคำ ไงลูกจำไม่ได้

เหรอโธ่~ ลูกแม่ ถือว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาฟาดเคราะห์ฟาดโศกนะลูกนะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็จำได้เอง "

     

       โอ๊ยยย หัวฉันจะปวดไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับใครหรือว่าอยู่ที่นี้ยาวนานอีกแค่ไหนถึงจะได้กลับสู่ยุคปัจจุบันตอนนี้ฉันรู้สึกลุ้นระทึกตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนลุ้นหวยออกซะอีก

   

      " เจ้าน้อง วันนี้เจ้าฟ้าหาญแลง กับมหาเทวีแสงเฮิน เชียงตุงได้ส่งลูกชายคนโตมาพูดคุยหารือเรื่องการค้ากับทางเรานะ ทำไม..ยังมาไม่ถึงอีก! "

      "จริงด้วยเจ้าค่ะ เจ้าพี่น้องดีใจเรื่องลูกจนลืมไปเลยว่าว่าหลานจะมา "

      " เจ้าพี่อ๋อนแลง จะมานะลูก ตอนเด็กลูกชอบวิ่งเล่นกับพี่เขาตอนพี่เขามาเยี่ยมที่แสนหวีบ่อยครั้ง จนกระทั่งลูกทั้งสองเริ่มโตเป็นหนุ่มสาวจึงได้ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษทำให้ไม่ได้เจอกันอีกเลยลูกคงจะดีใจมากแน่นอนตอนได้เจอกับพี่เขาอีกครั้ง เดี๋ยวไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆนะลูก จะได้เข้าร่วมพิธีกับรอเจอพี่เขา "

      " ค่ะ " คำพูดแสนจะสั้นแต่เต็มไปด้วยความมึน ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงดีคือฉันไม่ได้ขวัญหลุดลอยไปไหนแต่ฉันไม่ใช่ลูกของพวกคุณฉันคืออินฟ้าดีไซเนอร์สาวไฟแรงจู่ๆก็ได้ย้อนเวลากลับมาอยู่ในของร่างลูกของพวกคุณต่างหากล่ะโอ๊ยยย! หัวฉันแทบจะระเบิดออกมาเป็นภาษาเอเลี่ยนอยู่แล้วฉันต้องมาเข้าพิธีฮ้องขวัญ กับรอเจอ

 เจ้าจายอ๋อนแลง อะไรนั้นอีกโอ๊ยยย เวรกรรมของอินฟ้าเอ๊ยยย เวรกรรม..เวรกรรม

     " ขึ้นไปเตรียมตัวเถอะลูกเดี๋ยวแม่จะบอกให้หญิงกับแหลงขึ้นไปช่วยแต่งตัวให้ " 

     พอฉันตอบตกลงพวกท่านก็เดินออกไปจากห้องโถงเพื่อที่จะไปดูการเตรียมงานและบอกให้พี่หญิงกับพี่แหลงมาช่วยแต่งตัวให้ฉัน

     เมื่อพี่หญิงและพี่แหลงได้พาฉันมาอาบน้ำฉันก็ต้องตกใจคือในห้องอาบนํ้ากับห้องปลดทุกข์อยู่ห้องเดียวกันแต่แค่มีฝาผนังกั้นแต่ที่สำคัญคือห้องนํ้าหรือห้องปลดทุกข์มีลักษณะคล้ายคลึงกับของไทยปัจจุบันในต่างจังหวัดแถบชนบทเป็นส้วมแบบนั่งยองๆโดยใช้นํ้าล้างทำความสะอาดและใช้กระดาษทิชชู่เช็ดตูดนั้นเองส่วนห้องอาบนํ้าก็จะมีขันอยู่ในถังที่เอาไว้เก็บนํ้าไว้อาบ

      ฉันจึงเริ่มเอะใจรู้ว่าฉันน่าจะย้อนกลับมาในยุคประมาณปี พ.ศ. 2439 เพราะในยุคนั้นทุกอย่างเริ่มทันสมัยแต่ก็แค่เริ่มอ่ะนะยังไม่ถึงกับว่าทันสมัยซะทีเดียว

ฉันได้คิดคำนวณในหัวนำปีพ.ศ.ปัจจุบันมาลบกับปีที่ฉันได้ย้อนกลับมา ห้ะ! ประมาณ 127 ปี ผมรู้สึกตกใจกับในปี พ.ศ. ที่ฉันย้อนเวลากลับมาเป็นอย่างมาก

      ฉันจับขันตักนํ้ามาราดลงบนบ่าเรื่อยลงมายังลำตัวเพื่อพยายามทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน วิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากจนเกินไปพร้อมกับคิดว่าในเมื่อมาได้มันก็ต้องมีทางกลับได้!

       ดังนั้นฉันจึงรีบอาบนํ้าทำธุระส่วนตัวให้เสร็จแล้วเดินเข้าไปยังห้องนอนเพื่อให้พี่หญิงกับพี่แหลงแต่งตัวให้ 

ฉันได้เลือกใส่ชุดสีชมพูอ่อนนุ่งซิ่นไหมคำซึ่งฉันมีความชอบผ้าซิ่นไหมคำ

          เป็นการส่วนตัวอยู่แล้วตั้งในยุคปัจจุบันพี่หญิงพี่แหลงได้ช่วยกันแต่งตัวแต่งหน้าและลงเครื่องประทินผิว

                 พี่แหลงทำการเกล้าผมให้เป็นมวยแก่ฉันพร้อมใช้

       ปิ่นปักผมที่ทำจากทองมาเสียบไว้กับผมเพื่อทำให้ผมไม่ หลุดแซมดอกเอื้องแซะบนมวยผมด้วย

      แล้วพาฉันลงมาเข้าร่วมพิธีฮ้องขวัญที่ลานกว้างร่มรื่นบนพื้นเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวซึ่งถ้าอยู่คนเดียวน่าถอดรองเท้าไว้แล้ววิ่งเล่นมาก ถัดไปเกือบติดรั้วมีทั้งต้นมะพร้าวที่มีลูกมะพร้าวอยู่บนต้น 

      ต้นไม้น้อยใหญ่ต่างแข่งกันแผ่ขยายกิ้งก้านสาขาอย่างร่มรื่นพร้อมทั้งมีเสียงนกเจื้อยแจ้วเกาะอยู่บนกิ่งของมัน ลมได้พัดมาอย่างเย็นสบายผิว

       ในงานบรรดาเครือญาติ ไพร่พล บ่าวในเรือนต่างพากันมาร่วมงานและได้จัดโต๊ะเก้าอี้ต่างๆไว้พร้อมหมดแล้วผู้ที่เข้าร่วมพิธีฮ้องขวัญ  มีหมอขวัญเจ้าของขวัญ ( อินฟ้า ) ญาติพี่น้องที่เข้าร่วมพิธีเรียกขวัญ อุปกรณ์ประกอบพิธีกรรมมีเครื่องบายศรี (ทำจากใบตองและดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม ประดิษฐ์เป็นชั้นสวยงาม)

     ไข่ต้ม ข้าว กล้วย น้ำ ใบพลู หมากเมี่ยง บุหรี่ 

      ด้ายดิบและด้ายผูกข้อมือ   เมื่อฉันลงมาถึงเจ้าฟ้า

     เมืองแสงกับมหาเทวีฟ้าใสก็ได้ให้หมอขวัญได้เริ่มทำพิธีได้  เลยเพราะถึงฤกษ์ทำพิธีแล้ว

                 หมอขวัญจึงเรียกฉันมานั่งในส่วนที่ได้เตรียมไว้สำหรับเจ้าของขวัญและเริ่มทำพิธีโดยการเริ่มกล่าวคำอัญเชิญเทวดา บทฮ้องขวัญ ต่อมาได้ทำการเสี่ยงทายว่าขวัญมาแล้วหรือยังพอหมอขวัญบอกขวัญมาแล้วจึงได้เอาน้ำมนต์มาพรมให้กับฉันพร้อมทั้งอวยพร้อมให้อยู่เย็นเป็นสุข และใช้สายสิญจน์มามัดมือซ้ายให้ขวัญมา และมัดมือขวาเพื่อให้ขวัญอยู่กับเนื้อกับตัวจากนั้นผู้คนที่มาร่วมงานก็ได้ร่วมกันรับประทานอาหารและฉัน ( เจ้าของขวัญ ) ร่วมทานอาหาร ทานไข่ต้ม ที่ประกอบพิธี

         เจ้าฟ้าเมืองแสง มหาเทวีฟ้าใส ก็ได้พูดคุยระหว่างทานอาหาร  " นี่งัยพี่สาวของลูกและนั้นคือพี่เขย " มหาเทวีฟ้าใสพูด   ฉันก็อ้างปากค้างอีกครั้ง

          

          พี่เอื้องฟ้า  พี่สาวของฉัน!   ไอ้อัสดม ไอ้พี่เขยสารเลวไม่คิดเลยว่านอกจากในปัจจุบันได้เป็นพี่เขยฉันแล้วในอดีตก็ยังตามมาเป็นพี่เขยฉันอีกฉันล่ะเกลียดมันจริงๆ

          " คำใส น้องสบายดีแล้วใช่มัยจ๊ะ ขอโทษนะที่พี่ไม่ได้มาตอนที่น้องฟื้น ( ตอนที่เจ้าฟ้า มหาเทวี เรียกให้ไปพบ ) พอดีพี่ติดธุระด่วนอยู่ แต่..น้องฟื้นก็ดีแล้ว " พร้อมส่งยิ้มมาให้ฉัน

          " ขอบคุณค่ะ " ฉันยกมือไหว้

          " คราวหน้าก็หัดระมัดระวังตัวให้ดีกว่านี้หน่อยนะ! จะได้ไม่ต้องเป็นภาระ และสร้างความทุกข์ใจเสียใจให้กับคนอื่นเขาอีก" 

         " ฉันก็ไม่อยากจะทำตัวให้เป็นภาระ สร้างความทุกข์ใจเสียใจให้กับคนอื่นเหรอกค่ะ แต่เพราะว่ามันเป็นอุบัติเหตุไงค่ะซึ่งอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วคุณไม่รู้เหรอคะนอกจากครอบครัวรวยมีเงิน ทรัพย์สิน แล้วอีกอย่างที่ควรจะมีคือความรู้และมารยาทของการเป็นผู้ดีถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะมีนะค่ะ คุณพี่เขย! " 

           ฉันตอบกลับแบบนิ่มๆแต่เจ็บลึกไอ้นี่มันเลวจริงนอกจากเลวในปัจจุบันแล้วในอดีตก็ไม่เว้นเลวได้ใจจริงๆ

           จายเหลินไม่พอใจอย่างหนักยืนขึ้นจากเก้าอี้แล้วใช้มือทุบโต๊ะอาหารเสียงดัง ปึง! ทุกคนต่างพากันตกใจ สายตาจากโต๊ะอื่นกต่างพุ่งตรงจับจ้องมาที่จายเหลินเป็นตาเดียวกันอย่างพร้อมเพียง

            " นี่เธอกล้าด่าฉันเหรอ! " เขากัดฟันกรอด

            " ใช่…แล้วทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะ? " ดวงตาฉันเข้มแข็งขึ้นอย่างน่ากลัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะตอนนี้ความอดทนของฉันมันได้มาถึงขีดสุดแล้ว

            อัสดม กรามขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน จากนั้นเขาก็ได้กระทืบเท้าจากไปด้วยความโมโห

            " ขอโทษแทนสามีพี่ด้วยนะคำใส เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ด้วยเจ้าค่ะ พอดีเจ้าพี่เครียดเรื่องงานมากเกินไปก็เลยทำให้อารมณ์เสียง่ายน่ะค่ะช่วงนี้ลูกขอตัวกลับคุ้มก่อนนะเจ้าคะ "  

             รีบเดินตามหลังสามีของตนกลับคุ้มไป  เจ้าฟ้าเมืองแสน มหาเทวีฟ้าใส ต่างพากันแปลกใจที่เห็นลูกสาวคนเล็กของตนโต้ตอบกับจายเหลินอย่างกล้าหาญซึ่งปกติแล้วเจ้านางคำใสแต่ก่อนเป็นคนใจดีอ่อนแอใครดุด่าอะไรก็จะไม่ถือสาอยู่แบบเงียบๆแต่มาวันนี้กลับนิสัยเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน

         " อย่าไปสนใจคนพาลเลยนะลูก เดี๋ยวรอ..เจอเจ้าพี่อ๋อนแหลง ดีกว่า เดี่ยวนี้พี่เขาคงจะโตเป็นหนุ่มรูปงามแล้วแน่เลย "

                                     

         " ค่ะ เจ้าแม่ " ฉันได้พยายามพูดตามที่ได้ยินที่เขาพูดกัน  เพื่อให้กลมกลืนกับคนที่นี่ อย่างที่คนเฒ่าคนแก่เคยพูดกันว่า

         ' เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม '  พอทุกคนทานอาหารกันเสร็จเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ก็ได้นำเอาเครื่องบายศรีไปวางไว้ที่หัวนอนในห้องนอนของฉัน  จู่ๆก็ได้มีเสียงฝีเท้าวิ่งตรงมายังห้อง 

  

         " เจ้าจาย อ๋อนแลง มาถึงแล้วขอรับ ตอนนี้รออยู่ในห้องโถงใหญ่ขอรับ  " พร้อมหน้าตาตื่น

        " ลงไปกันเถอะเจ้าน้อง หลานมาแล้ว " 

        " เจ้าค่ะเจ้าพี่  ไปลูกลงไปพบเจ้าพี่ของลูกดีกว่า " ทั้งสองจึงเดินนำฉันลงมายังห้องโถงใหญ่

        " สวัสดีขอรับ เจ้าป้า เจ้าลุง และ… ? " เสียงชายหนุ่มกล่าวทักทายนํ้าเสียงนุ่มนวลอย่างสุภาพน่าฟัง

        " สวัสดีเช่นกันจ้ะ "  ทั้งสองพูดทักทายกลับ

 

        " หลานรัก นี่คือน้อง คำใส ไงจ๊ะเด็กผู้หญิงที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันกับหลานตอนเด็กๆงัยล่ะ แต่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว " พร้อมรอยยิ้มอย่างจริงใจ

        " น้องคำใส นี่โตมางามได้ เจ้าป้า จริงๆนะขอรับ "

พร้อมส่งยิ้ม จ้องมองมายังฉันอย่างไม่วางตา แววตาคู่นั้นทำฉันรู้สึกหัวใจฉันเต้นแรงแทบจะทะลุอกมาข้างนอก

         เจ้าชายเชียงตุงผู้ที่ถูกขนามนามว่าเป็นเจ้าชายที่รูปงามที่สุดในเชียงตุง ณ เวลานี้ ได้เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดความงามของพระราชาธิดาคนเล็กของเจ้าฟ้าเมืองแสง มหาเทวีฟ้าใส แห่งเมืองแสนหวี เจ้าชายได้ส่งร้อยยิ้มแสนหวานปานนํ้าผึ้งให้กับเจ้าหญิง

         " สวัสดี เจ้าพี่อ๋อนแลง ซิลูก " 

         " สวัสดี เจ้าค่ะ เจ้าพี่อ๋อนแลง " 

          ฉันถึงกับยืนอึ้งให้กับผู้ชายคนนี้เขาหล่อ…หล่อมากหล่อเหมือนพระเอกในเทพนิยาย ใบหน้าคมคาย คิ้วเข้มดกดำดวงตามีลักษณะเป็นตาหงส์ ตาเล็ก เรียวยาว หางตายกขึ้น บอกถึงผู้ที่มีสติปัญญาดี กระฉับกระเฉง เป็นผู้มีบารมี มีความสง่างาม ได้รับความเคารพนับถือจากคนรอบข้างอยู่เสมอเขาใส่ชุดไตยสีกากีพันผ้าโพกหัวพันห้อย

          " สวัสดี เช่นกันครับ น้องคำใส ไม่ได้เจอกันตั้งนานโตขึ้นเยอะเลยนะ งามจนพี่แทบจำไม่ได้เสียแล้ว "

          ทำไมฉันถึงได้รู้สึกคุ้นเคย ผูกพันกับเขาแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับพี่ชาวีมาก่อน! ทำไมกัน! ทั้งๆที่ฉันไม่เคยพบหรือเจอเขามาก่อนแท้ๆกลับรู้สึกผูกพันกับเขาอย่างบอกไม่ถูก

           " ป้าให้คนเตรียมห้องพักไว้ให้แล้วนะ  มาเหนื่อยๆ ตอนนี้หลานสามารถไปพักได้เลยนะ เพราะถ้าอยากคุยกับน้องตอนนี้ป้าคิดว่า…เริ่มดึกแล้ว ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่า "

           " คำใส ลูกขึ้นไปนอนได้แล้ว ประเดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสาย แม่จะพาลูกไปทำบุญที่วัดเพื่อสะเดาะเคราะห์ "

           " เจ้าค่ะ เจ้าแม่ เจ้าพ่อ ลูกขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนะเจ้าคะ..เจ้าพี่อ๋อนแลง " 

           อินฟ้าส่งยิ้มแล้วรีบเก้าเท้าขึ้นห้อง ชายหนุ่มก็ได้พยักหน้าเพื่อเป็นการตอบรับแทนคำพูด  ชายหนุ่มมองตามหลังของอินฟ้าอย่างไม่วางสายตา

            เจ้าฟ้าเมืองแสงได้กระแอมเสียง เพื่อให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้กับลูกสาวของตนแค่สองคน เท่านั้นแต่ยังมีท่านทั้งสองอีก  

             " ลุงคิดว่า..หลานไปพักผ่อนที่ห้องเถอะประเดี๋ยวลุงจะให้คนนำสำรับอาหารเย็นไปให้ที่ห้องนะ ลุงกับเจ้าป้าไปนอนก่อนแล้วพรุ่งนี้ไปทำบุญที่วัดกัน " 

             เจ้าฟ้าเมืองแสงได้ยื่นมือตบไหล่หลานชายแบบเบามือ ก่อนเดินขึ้นไปบนห้องกับมหาเทวีฟ้าใส 

    

             " ป้า ของตัวไปนอนก่อนนะจ๊ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ "

               กลับมายังห้องพัก ชายหนุ่มก็ได้เอาแต่นั่งเหม่อลอยคิดถึงหน้าหญิงสาวที่เพิ่งได้พบกันหลังจากไม่ได้เจอกันมานานหลาย 10 ปี   เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนเสียงผู้หญิงพูดขึ้น  

 

            " อาหารมาแล้วเจ้าคะ เจ้าจาย " พร้อมกับเปิดประตูนำสำรับอาหารเข้ามาวางไว้ให้ที่โต๊ะ  ก่อนจะเดินออกไปบ่าวใช้ได้พูด

            " ถ้าเจ้าจายอยากได้อะไรเพิ่มหรือมีอะไรขาดตกบกพร่อง ก็สามารถเรียกบ่าวทุกคนข้างนอก ได้ตลอดเลยนะเจ้าคะ " 

       " ได้ ถ้าเรามีอะไรเดี๋ยวเราเรียกเองไปพักเถอะ " 

เจ้าจายอ๋อนแลง   บ่าวใช้จึงก้าวเท้าออกจากห้องพักของเจ้าจายอ๋อนแลงพร้อปิดประตูให้คืน เจ้าจายอ๋อนแลง จึงเดินไปลงกลอนประตู แล้วมานั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะ 

 

        หลังจากทานข้าวเสร็จจึงได้เรียกบ่าวให้มาเก็บสำรับอาหารออกไปจากห้องพักของตน  

         ในเวลาคํ่าคืนที่มืดสนิท มองไม่อาจเห็นอะไรที่กลางวันสามารถมองเห็นได้...แต่ยังมีแสงระยิบระยับจากดวงดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า  

          เมื่อมองออกไปจากทางหน้าต่างจึงทำให้ผู้ที่มองนั้นรู้สึกเงียบเหงาหว่าเว้ ชวนให้คิดถึงคนอันเป็นที่รัก หรือกำลังตกหลุมรักอยู่ 

           เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องแว่วดังเสนาะหูเจ้าจายผู้เลอโฉมจึงได้แต่งกลอนพรํ่าเพ้อพรรณนา ถึงหญิงสาวที่เพิ่งได้พบกัน  

           แต่หญิงสาวผู้นั้น  กลับได้ครอบครองใจของเจ้าจายเสียแล้ว 

หลงเอ๋ยหลงละเมอรัญจวนจิต     

นั่งนึกคิดถึงนวลน้องกัลยา

จักกินนอนรำพึงแด่กานดา

จะหลับตาข่มจิตคิดถึงนาง

ผิวเจ้างามโสภาดั่งจันทร์ฉาย

เจ้างามตาดุจดั่งบุปผกา

ยามเจ้ายิ้มหวานจิตติดตรึงตรา

สวยหยาดฟ้าทั่วหล้านภาเอย

                       

         

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!