NovelToon NovelToon

อนธการธรรม

ความทรงจำและความจำเป็น.

มา…ทุกคน ฉันจะเล่าให้ฟัง ก่อนอื่นก็แนะนำตัวกันก่อนแล้วกันนะ เราชื่อ ธีร์ พิมพ์อยากเนอะอิห่า ชีวิตในวัยเด็ก จะเล่าว่า ลุงของเราเสียชีวิตตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก ความหวังของยายที่อยากได้จับชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ อยู่ที่ใครละ ฉันละสิ ฉันละสิ เก๋มาก เพราะในบ้านแล้วก็เลยที่มีงูอยู่เพียงผู้เดียว มันก็ต้องเป็นแบบนั้น

แต่ถ้าถามว่าแล้วเกิดมาแบบนี้ ใจจริงอยากบวชไหม?

ตอบเลยว่าใจจริงอยากบวชนะ ฉันชอบที่จะนั่งสมาธิ ทำใจสงบๆ สวดมนต์แบบไม่เร่งรีบ ชอบวิถีโทนเย็นๆ แบบนั้น ตอนไปค่ายในวัดที่เน้นฝึกเราก็ชอบนะ สงบมาก ฟีลแบบจิตมันได้พัก นิ่งสงบ ร่มเย็น หลีกหนีออกจากเรื่องราววุ่นวายปวดสมองทั้งปวง ถึงจะชอบมากๆ ก็เถอะ สังคมมันก็ไม่ได้ง่ายและสวยงามขนาดนั้น เราก็ได้ยินคนพูดเสมอๆ แหละ ว่า

"พระตุ๊ด พระแต๋ว จะมาบวชกันทำไมเป็นพวกมารศาสนาชัดๆ"

นี้แหละ ทิ่มแทงใจมากอยากบวชก็กลัวกลายเป็นตัวทำลายศาสนา กลัวคนไม่ยอมรับ กลัวสร้างความอับอายแทนที่จะได้แทนบุญคุณ เราต้องแบกรับความรู้สึกเหล่านี้มานานมาก และทุกๆ ครั้งที่มีคนบวชแล้วเชิญยายเราไป ก็จะเกิดวงนินทาซุบซิบว่า ทำไมบ้านนี้หลานไม่บวชให้พ่อแม่ หวังดีผสมกับความสาระแนอย่าไม่น่าให้อภัย

(นินทาคะ บางทีก็พูดให้กูได้ยินเลย แต่ก็ไม่รู้จะตอบโต้ไปว่าอย่างไร เผือกเก่งมาก งานสายเผือก นาตาช่า โรมานอฟกันเก่ง แก๊งป้าข้างบ้านเนี้ย)

แล้วก็มาที่เช้าวันหนึ่ง หน้าบ้านแม่กับยายของฉันก็ตื่นขึ้นใส่บาตรพระ (ฉันตามไปใส่บาตรไม่ทัน พระให้พรแล้ว แต่ก็เดินไปใกล้ๆ กับปากประตูบ้าน ที่แม่กับยายคงไม่ทันมอง) มีญาติห่างๆ กันมาใส่บาตรด้วย พระที่มาเดินรับบิณฑบาตนั้นก็คือลูกของนาง (เพราะฉันก็พึ่งไปงานลูกนางบวชมาไงละ) ต่อนะ ได้ยินเสียงยาย พูดออกมาหลังจากที่พระเดินไปแล้ว พูดกับแม่ของพระองค์นั้นว่า

"ก็อยากให้ธีร์มันบวชมั่งเนอะ ก่อนตายอยากจะเห็น"

ได้ยินแบบนี้จุกเลย…

แถมเห็นนางตาแดงๆ ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปหรือเปล่า

บอกเลยว่าอึดอัดมาก อึดอัดแบบไม่ไหวแล้ว เดินกลับเข้าห้องมาเงียบๆ ทบทวนชีวิตตัวเองอีกครั้งว่า ถ้าเราบวช เราจะน่าเกลียดไหม (เราเองเคยบวชหน้าไฟให้ อาม่า แม่ของตาหนะนะ ตัวฉันนั้นก็เชื้อสายจีนหน่อยๆ) คิดว่าในตอนนั้น เราก็สุภาพ ปกติ ถ้าไม่มีอะไรทำให้ตกใจและอุทาน คำเริ่ดๆ ออกมาอะนะ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะพอรอดอยู่

แต่ถ้ามันหลุดรอดออกมาละ ชิบหายเลยนาจ้า แต่ละคำที่ตัวฉันนั้นโปรยปรายออกมาประจำยามตกใจเนี้ย ทั้งพระทั้งชี มิหวังตกใจหงายหลังแน่ๆ

บวชดีไหม!?

รึไม่บวชดีอะ!!

บวชแล้วทำตัวไม่ดีจะบวชไปทำไม!!!!!??????

แต่ไม่บวชกูก็รักษาศีลได้อยู่นะ ยกเว้นศีลข้อ มุสาวาทา เพราะร่วมถึงห้ามด่า ห้ามนินทาว่าร้าย ฉันคงอดไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องนินทานะ เรื่องด่าคนนี้แหละ นึกแล้วก็อยากเดินไปจัดป้าข้างบ้านซักสองสามดอกตอนนี้เลยเนี้ย พูดแล้วยังขึ้น ฮืมมมมมม สติๆ สงบจิตสงบใจ

ฉันเคยบวชเณรนะ ในตอนบวชเป็นเณร เราก็เรียบร้อยมากตลอด3 วันเลยนะ (ที่ต้องบวชเณร 3 วัน เพราะตอนนั้นพระบอก ไม่มีเลิกสึก ให้สึกไม่ได้ เลยต้องบวช3วัน ก็อยู่ได้นะ แต่จัดการกับ จีวร ไม่ได้อย่างเดียวเลย จากใจตอนนั้นคือทำไมมันต้องหลายชั้นมัดนั้นนี้ ใส่ยากหลุดง่าย ต้องค่อยระวังไม่ให้หลุด รุงรังที่สุดเลย ขนาดเป็นตุกหัวโปกที่สันทัดการเอาผ้าปูที่นอนมาพันเป็นชุดราตรีแบบสับ ยังไม่โอเครกับการห่มจีวรเลย ฉันอยากได้แบบรูดซิบ ปื๊ดเดียวเสร็จอ้าาา

ชีวิตที่เคยใส่ เกงในตลอด กับโหวงเหวง เหว่ หว้า เฟง ฟ้าง มาก จะลุกจะนั่งนี้ต้องโคตรระวังเลย แล้วที่นั่งพระที่นั่งเณรก็นั่งหน้าญาติโยมที่นั่งสูงกว่าอีก กล้องมุมเสยอะ คิดภาพตามแล้วโอ้ยยยย มันต้องมีพลาดกันบ้างแหละหนะ จริงแมะ

เอิ่ม นั้นแหละ!!! หลายๆ สิ่งที่จิตตกมาก แต่คิดว่า…เมื่อตอนนี้เราโตแล้ว น่าจะไม่ยาก พระเยอะแยะยังห่มจีวรเป็นเลย กูก็ไม่น่าโง่ขนาดบวชต้องนานห่มผ้าไม่เป็นปะวะ มันจะยากกว่าชุดราตรีผ้าปูเตียงกูซักเท่าไหร่กันเชียว

แล้ว...แล้วว่าแต่ยังมีอะไรต้องห่วงอีกละ!?

(มึงขาลนาคได้เหรอ อิที) เสียงในหัวเด้งขึ้นมาเองอัตโนมัติ

เอ้อ...ขาลนาคไปอีก ยากไปอีก วุ่นวายในหัวไปพักนึง พอตกบ่ายๆ เย็นๆ เลย ไปคุยกับแม่กับยาย แบบตรงๆ ไปเลย ว่าจะบวชให้นะ

แต่มีข้อแม้ว่าห้ามจัดงานรื่นเริง เด็ดขาด!!!

ห้ามต่อไมด์ กระจายเสียงออกลำโพง ใดๆ ทั้งสิ้น

ไม่งั้นต่อให้โกนหัวแล้วก็จะยกเลิกบวช ถึงจะทำให้เสียฤกษ์แล้วไม่บวชอาจจะต้องตายก็ตาม (อันนี้กูก็ไม่รู้ไปได้ยินมาจากใคร) พอไปคุยทีแรกยายก็ค้านๆ ว่ามึงจะบวชไม่จัดงานได้ไง ยายอยากจัดงาน7วัน7คืนมาก ไม่รู้จะอยากประกาศอะไรเบอร์นั้น แต่ก็คุยกันจน นาง ยอม!

ไม่จัดงานก็ไม่จัด ตกลงแล้วว่าจะบวชกันแบบเรียบง่าย แทบจะไม่เชิญใครด้วย เพราะบอกแล้วว่าอยากสงบ

วันนี้เลยพากันไปคุยกับเจ้าอาวาสเลยตอนเย็นๆ ว่าหลานจะบวช (เนื่องจากยายทำบุญเก่ง สร้างนั้น สร้างนี้เก่ง เลยสนิทกับเจ้าอาวาสประมาณนึง อยากเจอเมื่อไหร่ก็ได้เจอ) ยายก็เลยเข้าไปถาม เจ้าอาวาสก็นั่งนับนั้นนับนี้ ดูนั้นนี้ก็บอก ไม่เดือนหน้าก็ได้พรุ่งนี้เลย มีสองทางเลือก บวชวันอื่นไม่ค่อยดี

เราเลยบอกไปว่าพรุ่งนี้เลย (มึงลืมเรื่องคำขาล นาคไปเลย ห่านจิกกกกกกกกก...!)

ตกลงไปเรียบร้อยเจ้าอาวาสก็ให้หนังสือมาเล่มนึงแล้วบอกให้ไปท่องคำขาลนาคมา ตกลงไปแล้ว แต่ลืมไปเลยว่ามึงยังขาลไม่เป็น งัวในงัวไปอีกทำไงละทีนี้ อีธีร์เอ่ย!

แต่คิดในใจว่า ภาษาอังกฤษ สมัยเรียนต้องออกไปพูด บทสนทนา ยาวเป็นหน้ากระดาษยังท่องสองวันเอง อันนี้ไม่ยากหลอกมั่ง กลังจากกลับบ้านมาเปิดอ่านแล้ว เอิ่ม มีเพียงหน้าของพระถังซัมจั๊งลอยขึ้นมาในหัว ช่วยลูกด้วย!!! ช่วยลูกออกไปจากภูเขาเหลียงซานด้วยเถิด!!!

อะไรวะเนี้ย!!!

บาลีหนักมากแม่

แล้วมึงจะบวชวันนี้พรุ่งนี้แล้ว ฮัลโหลโมโต!!!

ฉันก็ได้แต่พยายามอย่างหนักมากๆ เป็นเรื่องแปลกมาก ไม่คิดว่าชีวิตจะโง่ภาษาบาลีได้ถึงเพียงนี้ แค่คำตอบรับ ยังจำอะไรไม่ได้เลย สลับกันมั่วไปหมด แบบ พินาศแน่ๆ สู่ขิตในวันที่ดือแบบออนช้อยร้อยเปอร์เซ็นต์

เอาไงดีทีนี้ อีธีร์เอ่ยยยยย มั่นหน้าหมั่นโหนกมาก เลยตัดสินใจลงไปคุยกับแม่ว่าจะเลื่อนดีไหม เพราะฉันนั้นยังท่องขาลนาคไม่ได้จ้า แต่ก็เหมือนสวรรค์มาโปรด แม่บอกว่า

"อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง คุยกับเจ้าอาวาสไปละ เดี่ยวจะมีพระพี่เลี้ยงมายืนกระซิบให้"

เก๋มาก ไม่ต้องจำก็ได้ แบบนี้ก็จบปัญหาทุกสิ่งแล้ว ฉันก็สบายใจ แค่พยายามทำใจให้สงบๆ ก็น่าจะโอเครแล้วละ

พอถึงวันจริง พิธีต่างๆ ผ่านไปได้ด้วยดีทั้งหมด จนมาถึงตอนที่ต้องขาลนาค เหตุการณ์ที่ช็อคมากก็เกิดขึ้นกับฉันเราไม่ได้ป่วยหรือเป็นโรคแต่อย่างใด พูดตรงนี้เลยว่าตลอดชีวิตนี้ของฉันไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ ไม่เคยมีมาก่อนเลยแม้แต่น้อย ฉันไม่เคยมีปัญหาอะไรกับระบบเส้นเสียงใดๆ ในคอของฉันเลย สามารถแหกปากด่าทุกคนบนโลกได้ต่อเนื่องสามวันสามคืนก็เสียงไม่หมด ในขณะที่กำลังจะขาลนาคตามเสียงกระซิบของพระพี่เลี้ยงที่ให้ออกเสียงพูดตามนั้น

เราขาลนาคไม่ได้ มีเพียงแค่ปากเท่านั้นที่ขยับ!!!

แต่ตะโกนจนหน้าสั่นเสียงมันก็ไม่ดังออกมา!!!

ในเหตุการณ์นั้นก็ประหลาดมาก รู้สึกทั้งแปลกใจและหลอนในหัวใจอยู่ลึกๆ นี้มันเกิดเรื่องอะไรจึ้นกับฉัน นี้แค่กำลังจะบวชก็เล่นฉันเลยเหรอ และเรื่องอื่นที่แลประหลาดเหมือนกันคือทุกคนในงานก็พนมมือก้มหน้ากันหมดไม่มีใครเงยหน้ามามองเลย ว่าเราพูดแต่เสียงมันไม่ออก เราเปล่งเสียงคำขาลนาคออกมาไม่ได้

ทำไงเสียงมันก็ไม่ออก!!!

มนุสฺโสสิ…

เสียงมันหายไปเฉยๆ พระพี่เลี้ยงเห็นเราพยายามขาลแล้วแต่เสียงไม่ออกมาแบบนั้น เลย…ขาลนาคแทนเราหมดเลย ออกเสียงแทนเราหมดเลยด้วย

หลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไป เสร็จพิธี เสียงฉันก็กลับมาพูดได้ตามปกติ โดยที่ตลอดเวลาที่เสียงไม่ออก ฉันก็ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด แสบคอ หรืออะไรทั้งนั้น มันเหมือนอยู่ดีๆ คุณก็กดปุ่มปิดเสียงทีวีแบบนั้นเลย

กูเป็นอะไรไปเนี้ย! ผีอำกลางวันแสกๆ เลยเหรอ มันจะดีเหรอถ้าเริ่มต้นยังไม่ได้เป็นพระก็โดนรับน้องแบบนี้

ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมมันต้องเสียงหายตอนนั้น ไม่ใช่แค่เสียงแหบ แต่เรียกได้ว่าเสียงหายไปเลย

ไม่จ้ะ!!!

มันไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะเกิดในวันนี้

หลังจากเสร็จทุกสิ่งพระพี่เลี้ยง พาเราเดินไปยังกุฎิพระหลังเล็กๆ ทำจากไม้มี 4-5 หลัง แต่ละหลังห่างกัน เมตรนึง โดนการประมาณ แต่ภาพจำมันก็เด้งมาในหัวเมื่อหันมองกวาดสายตาจนรอบ ก่อนมาบวชไม่นานมาก กุฎินี้ มีพระมรณะ ในกุฎินี้เลย ภาพเด้งมาในหัวเลยมันเป็นภาพเหตุการณ์วิ่งมาซ้อนกับภาพตรงหน้าที่สายตาฉันกำลังจ้องมองอยู่ตอนนี้แหละ

แล้วเราต้องนอนที่นี้ แระรี่ จริงจร้ะ? ผ่านมาแค่เดือนเดียวเอง ไม่ไหวแน่ๆ เมื่อตอนเช้าก็โดนจัดหนักจนไม่มีเสียงออกจากปาก คืนนี้จะให้มานอนกุฎินี้อะนะ ขอเถอะ ด้วยความที่ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ฉันจึงรีบไปสะกิดแขนพระพี่เลี้ยง

"หลวงพี่ มีที่อื่นว่างอีกไหมครับ คือ..." จะให้บอกไปว่ากลัวผี ก็แหมมม กลัวผีละมาบวช หลวงพี่ก็ยิ้มๆ รึเขาก็รู้ว่าเรากลัวผี

"มีหลังนึง ถัดไปนั้นหนะ แต่ไฟมันเสียนะ ถ้าจะอยู่ต้องจุดตะเกียงไปก่อน ตามช่างแล้ว ช่างยังไม่ว่างมาซ่อมไฟให้เลย"

แก…ฉันคือแบบว่า มีสองตัวเลือก เก๋ๆ นอนในกุฎิที่มีพระมรณะภาพเมื่อไม่นานมานี้ แต่มีไฟใช้ มีไฟฟ้าสว่าง

กับ ไปนอนกุฎิข้างๆ ที่ไม่มีข่าวว่ามีพระมรณะภาพ แต่ไม่มีไฟ ต้องอยู่กับแสงตะเกียง มันก็น่ากลัวไม่ต่างกันปะอิห่านจิก!!

เอ้อ……….. อันไหนหลอนกว่ากันอะ ช่างเป็นทางเลือกที่ เหรี้# มาก

ไม่มีอะไรจะเก๋ไปกว่านี้อีกแล้ว คุณกิตติ ขาาาาาาาา….

ตกลงว่าจะต้องเลือกอะไรดี เลือกอะไรก็ไม่ดี...กลับไปนอนบ้านก่อนได้ไหมหลวงพี่ขา โอ๊ยยยย…แล้วคืนนี้ฉันจะได้นอนไหนละเนี้ย

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป เอาใจช่วยพระธีร์น้อยบวชใหม่คนดีคนนี้ให้จนแล้วจนรอดตามความหวังที่ตั้งไว้ด้วยนะ. จุ๊บๆ

พระอะไรสวดมนต์ตอนตีสอง.

ในเหตุการณ์วันที่พระรูปนึงเสียที่กุฏินี้ เป็นภาพเหตุการณ์ที่ยังใหม่มาก ในวันที่เกิดเหตุขึ้นนั้นก็เป็นวันพระด้วย

คือวันนั้นจำได้ว่าถือตระกร้ามาวัดนี้แหละ แต่ก็เอิ่มมมมม ทำไมมีคนมุงดูที่กุฏินั้น ทำไมมีมูลนิธิมา ถึงได้รู้ว่ามีพระมรณะภาพ แล้วภาพเหล่านั้นก็วนเวียนเวียนวน อยู่ในหัว เป็นพันรอบต่อนาที ที่กำลังตัดสินใจว่า

มีผี มีไฟ

กับ

ไม่มีผี (มั้ง) แต่ต้องจุดไฟตะเกียง โอ๊ย!! ไม่ว่าจะทางใดก็เก๋!

"พระธีร์กลัวผีเหรอ?"

ฉันคงเงียบนานเกินไป พระพี่เลี้ยงเลยยิงคำถามได้โดนใจมากเลย นึกว่าคุณสู่ขวัญ มาเจาะข่าวเด็นประเด็นร้อน เอาไงละมึง เป็นพระแล้ว นี้พระพี่เลี้ยงถามด้วยนะ มึงโกหกพระด้วยกัน บาปนะ บาปทันตาด้วยห่าเอ่ย ไม่กล้าสตอเบอร์รี่กลัวบาป ก็เลยได้แต่พยักหน้าตอบเขาไป

"ไหนตอนไม่บวช ไม่กลัวผี ทำไมบวชแล้วเป็นพระถึงกลัวผี..."

อยู่บ้านมันก็ไม่กลัวไหมละหลวงพี่ แหมม… มานอนที่ที่มีพระมรณะภาพ กุฏิก็ไม่ได้ไกลจากเมรุเลย คุณพระ!!! บิ้วบรรยากาศขนาดนี้ กูคงไม่กลัวเลยเนอะ นี้ถ้าไม่ติดผ้าเหลืองคงด่าไปแล้วอะ ดูซิถามมาได้ไง ไม่ดูสมการเลย

(แต่มึงจะด่าตอนนี้ไม่ได้ ถ้าเขาทิ้งมึงไม่ดูแลมึง มึงนี้หมาเลยนะ ห่มจีวรก็ไม่เป็น อย่าแม้แต่จะมีปากเสียง!!)

"แล้วจะเอายังไงเนี้ย…คืนนี้"

"ไปนอนกุฏิหลวงพี่ก่อนได้ไหมครับ…แฮร่…นอนคนเดียวไม่ได้จริงๆ"

เลิกหมั่นหน้า เข้าโหมดวิงวอนได้แล้ว พรีสสส จังหวะนี้ผีน่ากลัวกว่าเสียศักดิ์ศรี แล้วก็ส่งสายตาวิงวอน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าจะต้องมาเหลือแค่สองตัวเลือกนี้ด้วย

"จะดูไม่งามนะพระที"

"หลวงพี่ บวชมาขอเวลาตั้งหลักหน่อยสิ ถ้ากุฏิหลังท้ายนั้นมันมีไฟ ผมนี้ก็จะไม่รบกวนเลย"

พระพี่เลี้ยงคงเห็นใจอะ สุดท้ายก็ให้ไปอยู่ด้วยในคืนนี้ โอ๊ย!ยังกับพระถังมาสวดปลดผนึกยกภูเขาเหลียงซานออกจากอกที่ทับฉันมาอย่างยาวนาน โล่งอกเป็นที่สุด! อย่างน้อยๆ ถ้าเจอก็เจอคู่แหละวะ ในใจคิด หลวงพี่ก็เดินออกจากหน้ากุฏิที่มีพระมรณะนั้นมานิดนึง…

นิดนึง!!!

นิดนึงจริงๆ ก็คือ หลวงพี่ก็จำวัดกุฏิข้างๆ กันเลย ในใจก็ ดอกเอ่ย!!! อยู่ซะไกล นึกว่าจะมีกุฏิอื่นมาคั้นไว้ก็ยังอุ่นใจ ไม่จ้ะ ระยะนี้อะไรๆ ก็ชัดเจน เดินไม่พอสี่ก้าวก็ถึง เหมือนไม่ต่างจากให้นอนตรงนั้นเลย เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต่างจากโรงไอแมกโฟรดีเอ็กอะพ่อคุณเอ่ย ระยะนี้ แล้วหลวงพี่จะทำเป็นท่ามากทำไมถ้ามันดูไม่ได้ห่างออกไปให้ได้สบายใจขึ้นมาเลยเนี้ยหะ ปัดโธ่เอ่ย!

ถึงช่วงเวลาเย็น

จบภาระกิจสงฆ์ประจำคืนนี้แล้ว ก็จำวัดได้ (อย่าคิดอกุศลนะ ต่างคนต่างนอน ห่างกันหลายฟุตอยู่) ในใจก็ว่ารีบๆ หลับ เพราะปกติไม่ใช่คนตื่นเช้า หลวงพี่บอกพรุ่งนี้ต้องเดินบาตรด้วย เราต้องรีบๆ พักผ่อน พอเหมือนกับจะหลับ

พอกำลังที่จะหลับลึก

หูที่แสนดีก็ทำงาน เสียงสวดมนต์ที่ดังจนได้ยินชัดเจนเลย ชัดมาก สวดแบบเต็มเสียงมาก แต่สวดได้เสียงยืดกว่าปกติ โทนเสียงทุ้มมาก หลอนมาก ด้วยความกลัวบวกกับตกใจฉันก็ไม่ทันคิดเลยลืมตาขึ้น และรีบหันไปมองพระพี่เลี้ยงลุ้นอยู่ในใจว่า ไม่นะ พระพี่เลี้ยงจะมาอำอะไรแบบนี้ไม่ได้

ปรากฎว่าพระพี่เลี้ยง หลับลึกมากจ้า กรนดังสุด ดุดสายฟ้าของเทพเจ้า ทอร์!!!

กรนแข่งเสียงสวดเลย ก็เลยรู้สึกว่าเหี้_ละ

แล้วถ้าไม่ใช่พระพี่เลี้ยงเป็นคนสวด แล้ว…นั้น…เสียง…ใครรร!!!

พอฟังดีๆ นึกไปนึกมาถึงทิศทางของเสียง ถึงได้ปิ้งไอเดีย ว่า ชัดเจนนนนนน เสียงมาจากกุฏินั้นเลย เอาหัวเป็นประกันเลย ชัดกว่านี้ก็เดินมาสวดข้างหูตรูแล้วแหละ

สายตาของฉันเหลือบขึ้นไปมองนาฬิกาแขนบนผนัง ตีสอง! มาสวดทำเห้x อะไรตอนตีสองอะ คุณพระ!!! แล้วเขาจะหยุดสวดกี่โมงเนี้ย พักนึง เสียงสวดก็เงียบไป เราก็นอนแบบกลัวก็กลัว จิตก็ตื่น สมองก็ง่วง ตีกันไปหมด สุดท้าย ก็ได้ยินเสียงพระพี่เลี้ยงปลุก ให้ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมไปเดินบาตร

อ้าว! กลัวผีจนคิดว่าหลับไม่ลง สรุปก็หลับไปแบบกลัวผีนั้นแหละ หลับที่คิดว่าตัวเองไม่หลับ กูเป็นอะไรของกูเนี้ย รึเมื่อคือ เราแค่ฝัน…

และเหตุการณ์ระหว่างวันอื่นๆ ก็เป็นไปด้วยความปกติ ด้วยความที่เป็นวัดที่อยู่มานาน เจ้าอาวาสสร้างกุศลไว้มาก ชาวบ้านก็เลื่องลือกัน พากันชื่นชม แม่ชีที่วัดก็ถือศีลมานาน นำคนมาถือศีลทำสมาธิ ดูเป็นภาพที่เป็นสุขตาสุขใจดี อย่างที่เราเคยบอก เจ้าอาวาส คนนี้เราก็เห็นมาตั้งนานแล้ว คนชื่นชมท่านเยอะ เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนเย็นก็กวาดใบไม้ ทำวัดเย็นตามปกติ จนตอนกลับกุฏิพระพี่เลี้ยงนี้แหละ

ลืมคิด ลืมถามหลวงพี่ไปเลย เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน แต่ก็เลือกที่จะเดินผ่านไปจนเข้าไปในกุฏิพระพี่เลี้ยงแล้วถึงค่อยนั่งคุยกัน (เอาจริงมึงก็ไม่น่าถามอะ แล้วเวลาที่มึงจะถามก็มืดแล้วป่ะ แล้วมึงก็กลัวเอง เหนื่อยใจกะความเผือกเก่งของตัวเองเหมือนกันนะ)

"หลวงพี่ๆ เมื่อคืนหลวงพี่ได้ยินอะไรบ้างไหม"

"ไม่นะ ไม่ได้ยินอะไร เงียบสงบดี"

เมื่อได้ยินคำตอบจากปากหลวงพี่นั้น ฉันมองบนมาก มั่นใจอะไรเบอร์นั้น บทสวดสู้เสียงกรนหลวงพี่ไม่ได้มากกว่า เอาห่าไรมาสงบเนี้ย!

"เมื่อคืนมีพระรูปไหนมาใช้กุฏินั้นไหมคับ คือเมื่อคืน…ผม…ได้ยินเหมือนมีคนอยู่"

"ไม่มีหลอกพระธีร์ ก็พระธีร์ไม่จำวัดกุฏินั้น หลวงพี่ก็ไม่ได้ไขกุญแจให้ไง กุญแจก็ล็อคอยู่ จะไปมีใครมาใช้ได้ไง อีกอย่าง พระที่นี้เขาก็แยกกุฏิอยู่ลงตัวหมดแล้ว มีมาใหม่ก็แค่พระธีร์นั้นแหละ"

แล้วฉันจะทำอะไรได้ไหม ฉันทำอะไรได้หรือเปล่า.~

ฉันมาทำอะไรที่นี้!!! ฉันมาทำอะไรตรงนี้ ~เพลงพี่เบิร์ด ดังในหัวเลยจังหวะนี้ ~

(ละมึงถามทำไมละ อยากรู้นัก ถึงใจมึงไหม คำตอบที่หลวงพี่ตอบมา มันถึงใจไหมห๊ะ!) คราวนี้ พระพี่เลี้ยงพูดซะ ตาค้างเลย หลับไม่ลงจ้า หวาดระแวงสุด เหล่ตามองนาฬิกาก็โอ้ย เที่ยงคืนแล้ว ยังไม่หลับ พรุ่งนี้เช้าก็ต้องตื่นเช้าอีก ผลิกตัวไปๆ มา แอบหวังเล็กๆ ว่า เผื่อพระพี่เลี้ยงจะตื่นมาคุยบ้าง แบบ เป็นไรไหม นอนไม่หลับเหรอ อะไรงิ๊

ไม่มี!

ไม่มีเลยเจ้าค่ะ!!! หลวงพี่แกหลับลึกสุดท้องสมุทรยังต้องยอมมาก คิดอยู่ว่าเขาไม่ตื่นสายได้ไงหลับลึกเบอร์นั้น

คิดไปคิดมาก็กำลังเคลิ้มๆ กำลังจะหลับ มากอีกแล้วจ้ะ เสียงสวดเหมือนเดิมแปะ เลยมองนาฬิกา วันนี้ก็มาตีสองกว่า ช่างเป็นพระที่มีความตรงต่อเวลา น่าเลื่อมใสนัก ทำไมไม่มีใครนิมนต์หลวงพี่ไปสวดที่อื่น เหมือนตลกอะแก

แต่ฉันกลัวมากนะ จนเริ่มรู้สึกว่า ถ้าผีมาจริง การอยู่กับพระพี่เลี้ยงไม่ช่วยอะไรตรูแน่ๆ เขาไม่สะท้านสะเทือนเลย ในขณะที่กุจิตจะหลุดออกจากสมองอยู่แล้ว หลังจากที่สวดจนน่าจะพอใจแล้ว เสียงสวดก็เงียบไป

เอาละคราวนี้ เจนมั่นใจเลยว่าไม่ใช่ความฝัน เจนสัมผัสได้ เจนขนลุกไปหมดทั้งตัวแล้วเนี้ย…

เหตุการณ์ทุกอย่างยังคงเดิม จนหลังจากฉันท์เช้าเสร็จ ก็เดินไปดูที่กุฏินั้น

(มันกลางวัน แดดเปรี้ยงๆ คงไม่แสดงตัวออกมาหลอก ผีเขาน่าจะเกรงใจแดดเมืองไทยบ้าง)

และเมื่อมองอย่างตั้งใจก็เป็นตามที่พระพี่เลี้ยงว่า เอ้อ ชัดเจน ใส่กุญแจอยู่ หน้าต่างก็ปิด แต่ เอ๊ะ หรือจะไม่ได้ดังมาจากในกุฏิ เพราะก็ห่างกันพอสมควรนะ ทั้งกลัว ทั้งอยากรู้ ยิ่งไม่รู้ ยิ่งน่ากลัว

เหตุการณ์ก็ตัดกลับมาที่เวลาประมาณเดิม เพิ่มเติมคือคืนที่สามนี้ เรามีความเผือกแบบยกกำลัง ความกล้าๆ กลัวๆ บวกกับความนอนก็ไม่หลับ เพราะมันมีหลายๆ อย่างคาใจมาก เกี่ยวกับเสียงสวด ที่ทำไมจะต้อง ตีสอง ตีสองกว่า สวดจากที่ไหนมาจากไหน มันอยากรู้แล้วหลับไม่ลงจริงๆ

และแล้ว

เสียงสวดก็มาตามนัด แต่วันนี้ความเผือกนั้นมีมากกว่าความกลัวนิดนึง เราจึงตัดสินใจที่จะลุกขึ้นแล้วไปแอบมองที่หน้าต่าง

จ้ะ!!!

จะจะเลย หน้าต่างและไฟกุฏิที่เราจะได้ไปอยู่นั้นแหละ เปิดไฟแต่มันเป็นไฟหลอดไส้เล็กๆ ไม่สว่างมากจนเห็นอะไรได้ชัดเจนมากแต่ก็เห็น

เราเห็นพระรูปนึงนั่งท่าเทพบุตรสวดมนต์อยู่ ในเเสียงโทนเดียวกัน เห็นมะมีพระรูปอื่นมาจำวัดที่นั้นแต่อาจจะไม่บอกให้พระพี่เลี้ยงเรารู้ แต่พอเสียงสวดจบในทันที ไฟก็ดับ ไฟดับทันที่เหมือนเปิดเครื่องเล่นเพลงแล้วไฟดับอะ พร้อมกันสุด แป๊ะเวอร์

แต่ว่า สมองที่พอจะตั้งสติได้ ก็หันมามองพัดลมที่กุฏิที่กำลังนอนอยู่นี้ ไฟไม่ดับนะ พัดลมมันยังหมุนอยู่ปกติ หรือว่านั้นจะเป็น ผะ…ผะ… แต่อีกใจก็คิดว่า แหมมไฟวัดบ้านนอก อาจจะเดินสายไฟไม่ดีมึง ติดๆ ดับๆ บ้าง อย่าไปคิดไรเยอะ เพ้อเจ้อๆ เนอะวัดบ้านนอกสายไฟหลอดไฟมันก็ไม่ค่อยดีแบบนี้แหละแก พอกล่อมใจตัวเองได้แบบนั้นก็กำลังจะละสายตาจากหน้าต่างกุฏินั้น ว่าจะกลับไปนอนต่อ (ก็หายข้องใจแล้วไง มีพระมาอยู่ แค่นั้นแหละไม่มีไร หายข้อง นอนต่อสิรอไร) กำลังจะละสายตาจนสุดละ แต่ห่างตาของฉันนั้นก็ช่าง เบลล่า แวมไพร์ทไวไลท์มาก มีความตาดีมีความตาไว มีความตาซูมได้กว่า Huawei p50 pro อิห่ายังไปเห็น มือ มือดำมืด ค่อยๆ ยื่นออกมาดึงปิดบานหน้าต่างของกุฎิ

ฟังอีกครั้งนะคะ เห็นมือ เห็นแขน เห็นจีวร สิ่งที่เป็นปรกติดีนั้นมีเพียงแค่จีวรเท่านั้น มือแขนและหน้าของพระรูปนั้นที่สวดมนต์นั้นไม่มีจ้ะ เพราะคืนที่เห็นเป็นคืนเดือนหงาย ยิ่งทำให้นกมั่นใจมากเลยค่ะพี่ตา ใช่แน่ๆ ชัวร์ ร้อยเปอร์เซ็น และที่สำคัญกูก็มองค้างจนเขาดึงหน้าต่างปิดจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็ตาค้างอยู่อย่างนั้น

"ไม่รีบนอนละพระธีร์"

กรี๊ด!!!! อุกะ อุกะะะะะะะะะะะะะะะ!!!!

(โอ๊ยยยยยยยย ……กุเกือบกรี๊ดจริงๆ พระพี่เลี้ยงจะพูดอะไรไม่ให้สุ่มให้เสียงให้รู้ตัวซักหน่อย เกือบปล่อยคำอุทานทั้งนิทานชาดก ออกมาร่ายรำละ ความลับกูก็แตกหมดพอดี)

"โห้ย!!! หลวงพี่ตกใจหมดเลย ไม่ให้ซุ่มให้เสียง"

"ถ้ารีบนอนก็คงไม่ต้องเห็นอะไรแบบนั้น คราวนี้เห็นแล้วท่านจะหลับได้ไหมละ"

อ้าว กุผิดไปอีก (เอ้อมึงผิด มึงเผือกเก่งไงละ สายตาดี กินผักเยอะ ตาก็ดี เดือนหงายอีก จะมีอะไรดีไปกว่านี้) พระพี่เลี้ยงก็ไม่ปลอบเลย ซ้ำเติมไปอีก แหมม ถ้าหลับได้อินๆ เหมือนท่าน ก็ดีสิ ใครจะอยากตื่นมาฟังสวดมนต์ยืดยานหลอนหูตอนตีสองแบบนี้

"นอนเถอะ เดี่ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว"

จ้ะ พูดง่ายเหมือนกดปิดคอมเลย!!!

ปาฏิหาริย์มาก กูเป็นคนไหมละ มันสั่งปิดเปิดง่ายขนาดนั้นเลย แระหรี่ย์!!!??? เจอมาขนาดนี้บอกให้รีบนอนรีบหลับ ถามดีกว่าไหมว่าอีกกี่คืนจะหลับลง ในหัวนี้ภาพคือยังชัดมาก 4DXมาก แล้วจินตนาการจัญไรๆ ก็เด้งเข้ามาในหัวว่า

!!!! ถ้าเขาไม่เอื่อมมาแค่ปิดหน้าต่างแค่กุฏิเขาละ ถ้าเขาเอื่อมข้ามมาหน้าต่างกุฏินี้เลยทำไงดีวะ!!!

ถ้าเข้าพุ่งข้ามหน้าต่างจากตรงนั้น มาตรงนี้ กูจะทำยังไง!!!

(ขอให้ญาติโยมถวายยาระงับพระสาทให้อาตมาด้วย ไม่ไหวแล้ว) !!!

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ฉันจะเป็นบ้าไปเสียก่อนไหม ติดตามเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยน้า…

เจ้าอาวาส สั่งแยกกุฏิ!!!

ยังจ้ะ!!! ความเนื้อหอมของพระบวชใหม่ยังไม่จบจากเหตุการณ์เมื่อคืน จัดหนักจัดเต็มให้กับฉันนั้นยังไม่หนำใจพอ ตกบ่ายเจ้าอาวาสก็เรียกพบอีก ฮันแน่! อ่านหัวเรื่องแล้วก้ตามนั้นแหละ ตามนั้นเลย! แต่ได้ยินว่าวันนี้มีคนมาบวชชีเพิ่ม ได้ยินพระเขาคุยๆ กันมาอะนะ แต่ทีแรกฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็แค่แม่ชีที่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน

และแล้วก็มาเจอกับเจ้าอาวาส ก็ได้พูดคุยกัน คือฉันก็ไม่รู้จะพูดแบบไหนที่ให้ฉันได้อยู่กับพระพี่เลี้ยงต่อไปได้เจ้าอาวาสท่านก็เตือนว่า ถ้าชาวบ้านมารับรู้มันจะเสื่อมเสีย มันจะดูไม่งาม ไม่เหมาะสม วัดเรามีกุฏิพอให้พระแต่ละรูปนั้นอยู่โดยลำพัง จึงไม่มีอะไรเป็นเหตุอันควรที่พระธีร์ จะไปอยู่ที่กุฏิพระพี่เลี้ยงเลย

แล้วเวลาก็ผ่านเข้าวันที่ห้าแล้วด้วย พระพี่เลี้ยงเองก็จะลำบากใจได้ พันหมื่นเหตุผล ที่บอกกับฉัน.~ โอ้ย!!! ตายแล้ว ต้องเป็นบ้าแน่ๆ ก็เลยเอาวะ ใจคือตรูยอมจุดตะเกียง ยังไงก็ไม่เอากุฏินั้นที่มีพระมรณะภาพเป็นเด็ดขาด ก็เลยว่าจะบอกเจ้าอาวาส ว่าจะไปอยู่กุฏิที่ไฟมีปัญหานั้นแหละ เมื่อตัดสินใจแน่แล้วแต่ยังไม่ทันจะอ้าปากเลย

โบนัสก็มาอีกจ้า

"แล้วกุฏิหลังสุดท้ายหนะ ที่พักของแม่ชีตอนนี้นั้นไม่พอ หลังสุดท้ายที่ไฟเสียนั้นหนะ ก็ให้ชีที่มาบวชใหม่เขาไปนอนแล้วนะ หลวงพ่อบอกให้เขาไปแล้ว" เจ้าอาวาสสนทนาเซอร์ไพรส์เวอร์

อิเห้_! เอ่ย! บรรลัย! ชิบหายแล้วจ้า!!! ฉันทำความผิดอะไร บอกหน่อยได้ไหม ฉันเคยทำร้ายใครกันนนน...

"พระธีร์ก็นอนหลังที่มีไฟนั้นแหละ สบายดี มีพัดลมด้วย ตกลงตามนี้นะ"

พูดง่าย เหมือนมีช้อย พูดเหมือนมีตัวเลือก แม่ชีก็ดี๊ดี อีกสิบวันค่อยมาบวชไม่ได้รึไง เครียดมากอะ พระพี่เลี้ยงเองก็เดินพามาดูกุฏิก็ชวนคุยมาเรื่อยๆ แต่คือจิตกู ตัดระบบเสียงรอบตัวออกไปหมดละจ้า มีออโต้นอยแคนเซิลริ่งเวอร์ คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย แล้วตีสองคืนนี้ตรูจะอยู่ยังไง สายตามองไปยังกุฏิที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเหงาหงอยมาก จิตใจห่อเหี่ยวกว่าเกี๊ยวที่บูดหมดอายุที่ตากแห้งเสียอีก

อิภาพแขนไหม้ดำเมี่ยมเอื่อมออกมาดึงปิดหน้าต่างกุฎินั้นจากหลวงพี่ตีสองยังสยองอยู่ในหัวอยู่เลย ขนาดนั้นมันยังห่างหลายเมตร ก็ยังจะซ็อคตายห่าอยู่แล้วไหม

แล้วคืนนี้ละ!!! คืนนี้ยังไง? ฮันโหลว!

หลวงพี่ในเงามืดนั้นคงแบบว่า…ฉันมานอนเป็นเพื่อนเธอเลยจ้า คืนนี้เรามาร่วมสวดมนต์ประสานเสียงกันอย่างมีความสุขสนุกสนานไปด้วยกันเลยนะจ้ะ โอเปร่าบาลีไฮโนตเวอร์อย่างนั้นเหรอ โอ้วโน่วววว ไม่ใช่ไหมละ หายานอนหลับมาแดรกดีไหม ให้เด็กวัดออกไปซื้อให้ดีกว่า เอ๊ะ! ไม่เคยแดก แดกไปหลับแล้วไม่ฟื้นทำไง อิเห้_! น่ากลัวไปอีก ทำไงดีๆๆ คิดซิๆ (คาปูชิโน่วววว) [หยุดคะเดี่ยวโดนฟ้อง]

"พระธีร์…ใจลอยไปถึงไหนแล้ว!" พระที่เลี้ยงเขย่าแขนเรียกสติฉันกลับมาคุย

"หลวงพี่ว่าไรนะครับ" เอ้อใครจะมีกะจิตกะใจฟังอะ (คนอ่านเจอแบบตรูจะมีอารมณ์คุยมุ้งมิ้งไหมห้ะ)

"กลัวเรื่องเมื่อคืนเหรอ"

ถามจริง!? หลวงพี่ นี้คำถามจริงง้ะ จริ๊งจร๊ะ แระรี่ เอาฮาปะเนี้ย หน้าตรูตอนนี้ซีดจนรองพื้นเบอร์หนึ่งยังให้ขาวสู้ไม่ได้แล้วมั้ง! ถามมาได้ไง เรื่องเมื่อคืนระยะหลายเมตรยังเห็นขนาดนั้น แล้ววันนี้ให้มานอนตรงนี้

ไม่กลัว…เอ้อ!!!

ไม่กลัวเลย!

"แล้วหลวงพี่ละกลัวไหม"

"เราจะกลัวเขาทำไม เราไม่ได้ไปทำอะไรเขา" (อ้าาาา!…ไม่กลัวด้วยยยย…เข้าทางตรูละแบบนี้)

"งั้นเดี่ยว…ธีร์ช่วยหลวงพี่ย้ายของมากุฏินี้ แล้วเดี่ยวธีร์ไปนอนกุฏิหลวงพี่แทนก็แล้วกันนะครับ"

"ไม่ได้ๆๆๆ"

"อ้าว!…ทำไมไม่ได้ ของหลวงพี่มีไม่พอสิบชิ้น ขนรอบเดียวก็หมด"

คราวนี้พระพี่เลี้ยงกูคือ หน้าถอดสีมากเลยจ้า เมื่อห้านาทีที่แล้วไหนว่าไม่กลัวไง รองพื้นเบอร์หนึ่งซีดตามตรูมาติดๆ ละตอนนี้

แหมม…ละมาคำคมสอนด้วยนะ ‘เราไม่ทำเขาเขาจะมาทำอะไรเรา’

ฉันก็ไม่ได้ไปทำไรเขาป่ะ แต่เขาก็ยังมาสวดมนต์ให้ฟังทุกคืนเลยเนี้ย!!! ที่สอนมามันใช้ไม่ได้ปะว้า ไม่ทันได้ต่อรองต่อ หลวงพี่ก็เดินไปไขกุฏิเปิดให้

"เขาไปดูๆ ก่อนเลย เดี่ยวหลวงพี่ไปเอาของมาให้"

รีบมาก ตัดบทเก่ง ตัดความสัมพันธ์ได้เก่งและเด็ดขาดมาก ไม่รอสัญญาณตอบรับจากข้าพเจ้าเลย แล้วเขาก็ไปขนเสื่อหมอนผ้าห่มมาให้เสร็จพร้อมเลย ไม่ต้องบรรยายภายในเยอะเอาเป็นว่าก็เป็นห้องไม้สี่เหลี่ยม โล่งๆ กางมุงนอน (เอาจริงคือนอนคนเดียวก็แอบโหวงเหวิงนะพื้นที่ขนาดนี้)

เราคงไม่ต้องเล่าไปที่ส่วนอื่นเนอะอ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกหล่อนคงกำลังรอสมน้ำหน้าฉันในคืนนี้ที่จะมาถึงแล้วละสิ เอ้อ!!!ไปเลย! ไปกันตรงๆ เวลานั้นเลยก็ได้ กดกอข้ามไปเวลาระทึกขวัญเลย อิพวกคนอ่านแก่ต้องการแบบนี้ละสิ ได้ ได้เลย ฮือๆๆ

แต่…..

ฮันแน่….

ฟังก่อน ฟังฉันให้จบๆๆ แล้วจะบวกจะลบก็ตามใจ ฮาๆ เข้าใจนะว่าฉัน กลัว เครียด ฉันเป็นบ้าไปแล้วจ้า

คือหลายๆ คืนมา บวกกับเหตุการณ์เมื่อคืนอะเลยไม่ได้นอนอย่างเต็มที่ใช่ไหม คืนนี้ก็เลยค่อนข้างเพลียๆ อะ แต่ก็ไม่สามารถที่จะนอนรอฟังบทสวดสุดมัน จากพระ 2A.M.ได้ ถ้าสวดเป็นเกาหลีมันๆ ไปเลยน่าจะดี ความน่ากลัวจะได้หมดไป ตรูจะเสนอเขาอย่างไงดีวะ เชี้ยเอ่ย เอาละก่อนอื่น คิดว่าการอยู่กลางห้องเลยไม่ปลอดภัย

เพราะฉนั้น เราจะนั่งชิดมุมห้องมุมข้างประตูเจ้าค่ะ จังหวะไม่ไหว กูจะวิ่งออกไปกรี๊ดๆๆๆ

ปลุกทั้งวัดเลย กุไม่ไหวแล้ว พระกรี๊ดดด ต้องเป็นตำนานบทใหม่ของวัดนี้ เมื่อบังคับให้ฉันไม่ได้นอน ก็ไม่ต้องมีใครได้นอน ค่อยดู!

(แค่คิดๆ ไว้นะทุกท่าน แค่คิดๆ ไว้ ยังไม่ได้กรี๊ดทั้งผ้าเหลือง แต่ไม่สามารถห้ามความตุ๊ดในสมองให้สำรวมได้จริงๆ) สรุปก็ตามนั้น ฉันนั่งสมาธิอยู่ที่ผนังใกล้ๆ กับประตูกุฎิไม่แน่ใจว่าได้กี่นาทีไม่รู้แล้วกฉันนั้นก็หลับไปเลย…

แถ่นแถ๊นนน...

คิดว่าหลวงพี่2 A.M. จะพลาดนัดเหรอ? ไม่จ้า! และข้าพเจ้าก็ไม่ได้ปิดไฟนอนด้วย ทันทีที่ได้ยินเสียงสวดก็พยายามค่อยลืมตามอง เข้าใจฟีลลิ่งหลับแล้วต้องลืมตาแบบง่วงๆ ป่ะ สายตามันวิ้งๆ พร่าๆ มองไม่ชัดอะ แต่ก็พอมองภาพตรงหน้าออก เป็นรูปเป็นร่าง

ภาพที่ค่อยๆ ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเรา คือพระนั่งสวดมนต์นั่งท่าเทพบุตรพนมมือ แต่ยังไม่ทันจะเก็บรายละเอียดหมด ภาพและเสียงสวดก็หายไป ใช่!!! หายไปหลังจากเราลืมตา มาตามนัดจริง แต่วันนี้ไปไว

ฮันแน่...!!!

อย่ามาหลอกให้ฉันตายใจ ข้าพเจ้าก็ยังจะนั่งหลับตาอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ย้ายตัวลงไปนอนให้ใกล้บริเวณที่เห็นเขานั่งอยู่หลอกนะ จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป แล้วก็ได้ยินเสียง กับโดนเขย่าแขนจากพระพี่เลี้ยง

"พระธีร์ ทำไมไม่นอนดีๆ มานั่งหลับข้างประตูทำไม?"

พูดไปก็เขย่าแขนไปแหมม ใครจะกล้านอน กลัวผีอำ นั่งทับ ลุกไม่ได้ทำไง เราเป็นพระก็จริง แต่เป็นพระใหม่ป้ะ? วิชาก็ไม่มี สวดมนต์ก็เป็นแต่บูชาพระรัตนตรัย อาลาหัง แค่นั้น สวนที่เห็นนั้นก็ไม่ใช่ผีธรรมดาราคาไม่ใช่บาทสองบาท ผีที่มาหลอก สวดมนต์เก่งกว่าตรูอีกแล้วมันจะกลัวบทสวดตรูไหมละ มันสวดเนี้ย ตรูเนี้ยกลัวมัน ห่านจิก สรุปผีสวดไล่ตรู

และแล้วการนอนน้อยสะสม ทำให้การใช้ชีวิตวันนี้เหนื่อยเพลียมาก จนแทบจะหลับหน้าทิ่มตอนสวดทำวัตรเย็น อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวแล้ว ยิ่งง่วงใหญ่ จนคิดว่าคืนนี้ คงไม่สามารถทนนั่งหลับได้ ปวดหลัง ปวดคอ ทรมาน หลับที่รู้สึกได้เหมือนว่าไม่ได้หลับเลย แบบนี้ได้ขิตจนตาโบ๋ได้เป็นซอมบี้ก่อนสึกออกไปแน่ๆ

เพราะฉะนั้นคืนนี้ข้าพเจ้า ขอนอนเหยียดยาวไปเลยจ้า จะอำ ก็เชิญอำเลย นกไม่ไหวแล้วค่ะพี่ตา นกจะไม่ทน แล้วฉันก็เชิดหน้าเดินไปกลางมุ้ง พร้อมปิดไฟ ใจก็คิดว่า ง่วงขนาดนี้ อาจจะหลับลึก อาจจะลึกจนไม่ได้ยินอะไรเลยก็ได้

ถ้าไม่โดนอัมแบบนั่งทัพจมูกเลย คิดว่าก็คงไม่น่าจะตาย เอาวะนอน…ง่วงโว้ย ง่วงไม่ไหวแล้ว!

แล้วภาพก็ตัดไปไวมาก ส่วนตัวต้องบอกว่าเป็นคนติดการนอนตะแคงมาก ก็เลยนอนตะแคงหลับ แล้วก็รู้เลยว่า เป็นการนอนที่ภาพตัดไวมากหลับเร็วสุดในชีวิตเลยมั้ง

เหมือนจะรอดชิป่ะแกร่!!! ไม่จ้า!!!

ไม่รอดจ้า!!

เป็นอะไรที่โคตร เห้ยยย เลย คือ…

มีเสียงสวดมนต์ดังมาจากด้านหลังเราของเราในขณะที่นอนอยู่เนี้ยแหละ เราก็ลืมตาตื่นทันทีเลยด้วยความที่เปิดหน้าต่างแล้วก็ยังเดือนหงายอยู่ แสงจากพระจันทร์สว่างมากสาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง และด้วยความสายตาของ นาตาชา ธีร์มานออฟนั้น ก็ใช้ห่างตาเหล่มองผ่านไหล่ไปเล็กน้อยคือใช่ ชัดมาก TV8K ก็สู้ภาพตอนนี้ไม่ได้บอกเลย

ไม่ใช่แค่ภาพนะ เสียงระบบ4DXจ้ะ เราเห็นจีวอนที่คลุมร่างพระที่นอนอยู่ด้านหลังเรา ถึงจะเห็นไม่มาก แต่ที่ชัดเจนคือ เห็นแค่จีวรเลย ร่างกายของพระทั้งหมดเป็นสีดำสนิท ดำจนไม่เห็นหน้าตา หรือหัวที่โกนผม ทั้งหมดคือสีดำ มนุษย์เงาอะ เงามืดในผ้าเหลือที่นอนคะแคงหันหน้ามายังด้านหลังของฉัน และเขากำลังนอนสวดมนต์อยู่ข้างหลังเราในระยะประชิด

ที่พีคคือ เขาสวดมนต์รดต้นคอด้านหลังตรูเลย สวดระยะประชิดมาก คือแล้วได้ทั้งกลิ่นแปลกๆ ของผ้า ที่ไม่ใช่กลิ่นศพอะไรแบบนั้นนะ คือแค่ผ้ากลิ่นแปลกไป กับเสียงสวดที่ใกล้หูที่สุดแล้ว และลมปากจากของการสวดที่รดท้ายทอย แบบจัดเต็มมาก คือมันบีบหัวใจมากจนน้ำตาไหลอะ จนร้องไห้ออกมาเลยอะ ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ คือร้องไห้แบบออกเสียงเลยอะ

คิดในใจตอนนั้นว่าไม่เห็นใจกู สะใจก็ทำเลย!!! (ใจอยากจะลุกขึ้นมาแล้วชี้หน้าด่าว่าอิสัสผี อิชาติชั่ว….) อยากให้กูกลัวใช่ไหมเอ้อ กูกลัว อยากให้กูร้องไห้ใช่ไหม เนี้ยกูกลัวกูร้องไห้ เยี่ยวราดไปยั่งก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ในใจเว็บนึงคือสวดมนต์ มึงสวดมนต์ แต่อีกใจกก็บอก สวดทำเหี้ยไรละ เขาก็สวดใส่หลังคอมึงอยู่เนี้ย หลังจากเริ่มสติขาด ก็ร้องไห้ดังเลยจ้า แบบเด็กแม่ไม่ซื้อของเล่นที่ตลาดนัดให้อะ ปล่อยโฮแบบเล่นใหญ่ละครเวทีไหนๆ ก็แพ้ซีนนี้ ฉันแหกปากร้องลั่นแล้ว ไอดอนแคร์บอสตันแบบพี่เพชรปากปร้าร้าแล้วจังหวะเนี้ย!!!

เอ้อกูร้องเบอร์นั้นเลย คิดว่าถ้ามีบ่อน้ำคันด้วยกูจะลงไปนอนดิ้นร้องไห้ในนั้นเลยละ อย่าให้กูจิตหลุด รับรองกูสุดหว่าไซบีเรียนฮัคกี้ กูไม่ไหวแล้วก็ร้องๆๆ ร้องสู้เสียงสวดแม่งไปเลย และเมื่อเสียงสวดเงียบลง ก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกับเสียงที่สวด พูดว่า

"ที่นี้ไม่ใช่ที่ของท่าน ไปซะ!"

กูก็ดีเนอะยังเงียบเสียงร้องไห้ ให้เขามีจังหวะพูดให้ได้ยินเขาตวาดใส่อีก หลังจากที่เสียงจบลง พระพี่เลี้ยงก็เปิดพระตูเข้ามา พร้อมกับเปิดไฟในกุฏิ เหมือนสวรรค์อะ จังหวะนั้นลุกขึ้นนั้งร้องไห้โฮเลยอะ ก้มหน้าร้องไห้หนักมาก สติเสียมาก พระพี่เลี้ยงก็เลยให้ไปนอนที่กุฏิท่าน แล้วเดี่ยวไปบอกเจ้าอาวาสให้แล้ววันนี้ไม่ต้องไปเดินบาตร ให้นอนพักผ่อนก่อน เพราะเห็นว่าอาการเราหนักมาก

เสียงสวดมนต์ทุกคืน ที่ฟังซ้ำๆ มันยังไม่ฝังหัวฝังหู เท่าประโยคปิดท้ายที่เขาพูด

‘ที่นี้ไม่ใช่ที่ของท่าน ไปซะ!’

เสียงนั้นชัดเจนมาก วนเวียนในหูชัดเหมือนได้ยินมาเมื่อกี้ ทั้งกลัว ทั้งเสียใจ ทั้งไม่เข้าใจ ว่าเราไปทำอะไรให้ ทำไมต้องจัดหนักใส่เราถึงขนาดนี้ ในหัวคือแทบอยาก สึก! ในวันนั้นเลย ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรถึงใจไปมากกว่านี้อีกไหม…

(ตอนที่เขียนบรรยายอยู่นี้ ยังใจไม่ดีอยู่เลย เหมือนมันพึ่งเกิดขึ้น และหวังว่าอะไรๆ จะดีขึ้นบ้าง ในตอนต่อไป...)

เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ หรือจะเตรียมไปเยี่ยมฉันที่ รพ.ศรีธัญก็ได้ ฉันจะประคองสติเล่าไปไหวแค่ไหนก็ไม่รู้ ฮือๆๆๆ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!