NovelToon NovelToon

ข้าจะทำให้ตระกูลถังรุ่งโรจน์เอง!!!

1.ถังหมิง

หยงหมิง กำลังนอนอ่านนิยายอยู่ดีๆ จู่ๆแสงปริศนาก็ส่งออกมาจากโทรศัพท์ ถูดดูดเข้าไป ในโทรศัพท์ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่รู้จัก หยงหมิงลุกขึ้นไปส่องกระจกแล้วพบว่า เค้าได้เข้ามาอยู่ในร่างของคนคนหนึ่ง

ที่มีหน้าตาหล่อเหล่า ผมดำตัวสูงคิ้วเป็นรูปกระบี่ สายตาเย็นชา ผิวขาว จู่ๆก็มีเสียงดังออกมาจากนอกห้อง “ถังเฉิงถึงเวลาไปโรงเรียนแล้ว”

หยงหมิงยืนงง จู่ๆก็ได้มีความทรงจำของใครบ้างคนเข้ามาในห้วงสมองของหยงหมิง “ตึง” หยงหมิงล้มลงจากพื้นแล้วเอามือกลุ้มห้วด้วยท่าทางเจ็บปวด เจ้าของเสียงที่เรียงหมงหมิงได้วิ่งเข้ามาในห้อง “ถังเออร์!!!” คนๆนั้นรีบเข้าไปประคอง หมงหมิง

หมงหมิงลืมตา ได้พบกับหญิงสาว อายุ25ปี ผมยาวสีน้ำตาล รูปร่างสมบูรณ์ ประคองเค้าอยู่ “ท่านแม่ข้า ไม่เป็นไรขอรับ”

แม่ของถังเฉิงได้ประคองหยงหมิงไปนั่งที่โต็ะและพูดด้วยร้ำเสียงที่เป็นห่วงว่า “ลูกเป็นตรงไหนหรือไหม เราไปหาหมอดีมั้ย ให้แม่ไปเรียกพ่อมามั้ย” หยงหมิงได้หันไปมองท่านแม่ “ไม่เป็นไรครับท่านแม่ ลูกอยากจะขอนอนพักซักหน่อยขอรับ” แม่ของถังเฉิงได้เอามือลูบหัวด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม “ถ้าลูกรู้สึกป่วยหรือไม่สะบายตรงไหนให้เรียกแม่เลยน่ะ” แม่ของถังเฉิงได้ลุกออกจากห้องแล้วปิดประตูเบาๆ

เมื่อเห็นว่าท่านแม่ได้เดินออกไปแล้ว เค้าได้ลุดขึ้นมาแล้วเดินไปที่กระจก หยงหมิงพึกพัม “นี้เราได้มาอยู่ต่างโลกแล้วหรอเนี่ย!!! เราจะมีระบบโกงเหมือนในนิยายรึเปล่าเนี่ย! นิ้วทองคำ!” หลังจาดหยงหมิงกล่าวคำนี้ออกมาไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น “ทำไม่ไม่มีอะไรเกิดเลย ฟระ นิ้วทองคำ! นิ้วทองคำ!! ระบบ ระบบ!!” “หรือว่าไม่มีระบบโกง ม่ายน้าาาาา”

หลังจากหยงหมิงทำใจได้ เค้าได้มองกระจกอีกครั้ฝและพูดว่า “ไม่มีก็ช่างมัน หมงหมิงจะมีชิวิตรอดในต่างโลกให้ได้ เดี๋ยวสิ เจ้าของร่างนี้ชื่อถังเฉิง แสดงว่าต้องเปลี่ยนชื่อเป็นถังเฉิงสิน่ะ” ถังเฉิงได้มองไปยังประตู้ที่ปิดสนิท “ข้างนอกคือโลกใบใหม่ที่ต้องใช้ชีวิตสิน่ะ”

ถังเฉิงได้เดินไปเปิดประตู้พร้อมก้าวออกจากประตูด้วยความตื่นเต้น

2.โรงเรียนชนชั้นกลาง

ถังเฉิงกำลังเดินลงบันไดเพื่อไปหาแม่ของเค้า จู่ๆก็พบชายวัยกลางคนที่มัดผมไว้ หน้าตาหล่อ มีแผลเป็นรอยยาวลากจากใต้คาไปหาคิ้ว ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาเฉิงถัง “ถังเออร์เป็นอะไรมากมั้ยลูก หายเจ็บรึยังลูก”

ถังเฉิงเดินเข้าไปหาพ่อ “หายแล้วครับท่านพ่อ ท่านรู้ได้ไงว่าข้าป่วยขอรับ” พ่อของถังเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ก็แม่เจ้าน่ะสิ บอกว่าเจ้าจะตายให้ได้ ถ้าไม่ให้ข้ามาดูจะทุบตีพ่อให้ตาย พ่อก็เลยรีบมาดูน่ะสิ” ถังเฉิงเดินลงไปข้างล่างพร้อมกับพ่อ “พี่บอกน้องแล้วว่าถังเออร์ของเราแข็งแรงจะตาย ไม่เป็นไรหรอก” หลังจากเดินลงมาข้างล่างก็พบกับแม่ที่กำลังเตรียมซุปสมุนไพร

แม่หันมามองถังเฉิงด้วยรอยยิ้ม “ยังปวดอยู่มั้ย แม่ทำซุปสมุนไพร่ให้แล้ว รีบกินตอนยังร้อนสิ” หลังพูดกับถังเฉิงเสร็จก็ได้หันไปมองชายวัยกลางคน “ก็น้องเป็นห่วยถังเฉิง กล้วว่าจะป่วยเป็นโรคร้ายแรง” ถังเฉิงนั่งมองทั้งสองคนคุยกันพร้อมทางซุปที่แม่เตรียมไว้ให้ “ท่านแม่ขอรับ ลูกขอไปโรงเรียนน่ะขอรับ” แม่หันมามองด้วยความเป็นห่วง “จะไปไหวหรอลูก ลามั้ย” ถังเฉิงหันมามอง “ไม่เป็นไร หายดีแล้วขอรับ” ผู้เป็นแม่ยังไม่ไว้ใจจึงหันหปหาชายวัยกลางคน “พี่ไปส่งถังเออร์ที่โรงเรียน หน่อยได้มั้ย น้องกล้วลูกเป็นอะไรระหว่างทาง” พ่อหันมามอง “ได้สิน้อง เดี๋ยวพี่ไปส่งลูกเราเอง” พ่อหันมามองถังเฉิง “ไปเลยมั้ยถังเฉิง” “ไปเลยก็ได้ขอรับ”

หลังจากกินอาหารเสร็จถังเฉิงก็เตรียมตัวไปโรงเรียน หลังออกจากบ้านเพื่อนไปโรงเรียน พ่อพานั่งรถม้าไปโรงเรียนเพราะกลัวลูกเดินไม่ไหว ถังเฉิงมองไปรอบๆระหว่างเดินทาง ได้พบเห็นสัตว์แปลกประหลากมากๆไม่ว่าจะเป็นทุกนกที่คล้ายเหยี่ยวแต่มีขนาดเล็กกว่าและลำตัวรอบๆมีลมขนาดเล็กล้อมรอบไว้ หรือสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายเต่าแต่มีขนานตัวใหญ่กว่าเต่าปกติ5เท่า แถมมีเขาที่หัวอีก พอใกล้ถึงโรงเรียน ถังเฉิงพบว่าโรงเรียนมีอาคารมากว่า20-30 อาคารแถบบางอาคารตั้งบนภูเขา เค้าเหลืยบไปเห็นป้ายชื่อโรงเรียนที่เขียนว่า โรงเรียนชนชั้นกลาง ถังเฉิงคิดในใจว่าถ้ามีชนชั้นกลาง ก็ต้องมีชยชั้นสูง มันจะใหญ่ขนาดไหนกัน ชายวัยกลางคนหันมามอง “ถังเออร์พ่อมาส่งได้แค่นี้น่ะ โรงเรียนห้ามนำ พหะเข้า ลูกต้องเดินไปเองน่ะ” “ขอรับท่านพ่อ”

หลังจากเดินเข้าไปในโรงเรียน นักเรียนที่อยู่แถวนั้นหันไปซุบซิกนินทา “นั้นถังเฉิงมาแล้ว ลูกต้องสาป” “เห็นว่าพอเกิดได้เดือนเดียวตระกูลก็ล่มสลาย” “แถบได้ข่าวว่าพ่อแม่ของมัน โดนคนชุดดำรุมโจมตีจนวังวนฉีสลายไป จนเป็นแค่คนธรรมดานิ” “แค่เกิดมาตระกูลล่มสลาย พ่อแม่กลายเป็นคนธรรมดา สมแล้วที่เป็นเด็กต้องสาป” ถังเฉิงยืนงง คิดในใจว่า “ร่างนี้มันทำกรรมอะไรไว้ชาติที่แล้วว่ะ แค่เกิดมาก็ฉิบหายแล้ว”

หลังจากตั้งสติได้แล้ว ถังเฉิงก็เดินเข้าไปในอาคารเรียน พร้อมเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียน ทุกคนในห้องเรียนหันมามองและซุบซิบนินทา ถังเฉิงแสร้งไม่สนใจแล้วเดินไปนั่งที่หลังห้อง ชายวัยกลางคน รูปร่างค้อมไปข้างอ้วน ได้เดินเข้ามาในห้อง นักเรียนสาวที่คล้ายกับหัวหน้าห้องได้ลุกขึ้น “นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ” “สวัสดิครับ/ค่ะ”

อาจารย์ได้หันมามองนักเรียนทุกคน “วันนี้ เราจะมาเรียนวิธีการสร้างวังวนพลังฉีกัน วังวนพลังฉี คือแหล่งที่เก็บรวบรวมพลังฉีที่เก็บจากภายนอกเข้ามาในร่างกาย โดยสามารถแบ่งออกเป็น หมอก ก้องเมฆ แอ่งน้ำ บ่อน้ำ ลำธาร แม่น้ำ ทะเลสาบ และมหาสมุทร โดยแต่ละระดับแบ่งออกเป็น เป็นรูปเป็นร่าง กึ่งสมบูรณ์ และสมบูรณ์ “อาจารย์อยู่ระยะแอ่งน้ำขั้นเป็นรูปเป็นร่างใช้มั้ยครับ” อาจารย์มีสีหน้าภูมิใจ “ใช่แล้วแหละ” “เอาล่ะมาเรียนกันต่อ”

อาจารย์จะสอนวิธีการเก็บพลังฉีที่อยู่ในอากาศให้ ให้จิตนาการถึงจุดแสงไฟเล็กๆที่อยู่รอบๆตัวเรา และชักนำเข้ามาสู่ร่างกายผ่านกระแส เลือดแล้วให้ไปรวมที่ตรงกลางท้อง ถ้าสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่อยู่ตรงท้องแปลว่าทำสำเร็จแล้ว ทีนี้ให้เก็บรวบรวมทำให้เป็นหมอก ถังเฉิงใช้เวลา2ก้านธูปถึงจะสมารถสัมผัสได้ “หมดเวลาแล้ว เลิกเรียนได้” อาจารย์ได้พูดขึ้นมา และหันมามองถังเฉิง “ถังเฉิงมาตามอาจารย์มา” ถังลุกขึ้นเดินตามอาจารย์ไป

อาจารย์เติมไปหยุดใต้ต้นไม้แล้วหันมามองถังเฉิง “อาจารย์ขอโทษที่ต้องพูดน่ะ แต่ว่าเธอถูกไล่ออก” ถังเฉิงยืนงง จนได้สติ “ทำไมผมถึงถูกไล่ออก” พรุ่งนี้จะมีคนจากรัฐมาดูการคืบหน้าของเรียนและให้ ทรัพยากร แต่ โรงเรียนที่ พัฒนา กว่าปีที่แล้ว ซึ่งเธอเรียนมา4ปีแล้วยังรวบรวมให้เป็นหมอกไม่ได้เลย ดันนั้นคุณครูได้ลงมติให้เธอออกเพราอาจถูกตัดทรัพยากรได้ พรุ่งนี้เธอไม่ต้องมาอีกแล้ว

ถังเฉิงเดินกลับบ้านด้วยสติที่เลื่อนลอย พ่อและแม่ได้มาถามว่าเป็นอะไร “ท่านพ่อท่านแม่ลูกขอโทษลูกโดนไล่ออกเพราะพัฒนาช้า ลูกขอโทษจริงๆ” แม่หันมามองถังเออร์ด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรก็แค่โดนไล่ออกเลยลูกไม่ได้ก่อเหตุชะหน่อย” “แต่ท่านแม่ข้าโดนไล่ออกน่ะขอรับ เงินที่ท่านพ่อและแม่ส่งเรียนก็สูญเปล่าหมด” พ่อหันมามองและตบไหล่ “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องโทษตัวเอง”

ถังเฉิงมองพ่อกับแม่ด้วยน้ำตา “ท่านพ่อ ท่านแม่” ถังเฉิงเดินเข้าไปในห้อง มีเสียงพ่อกับแม่ไล่หลังมา “ไม่ต้องโทษตัวเองน่ะลูก” ถังเฉิงปิดประตูและนอนลงบนเตียงคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี จู่หางตาก็เหลือบไปเห็นเงาคนๆหนึ่งเป็นคนที่คล้ายบัณฑิต

คนผู้นั่งกล่าวว่า “ดวงชะตาลิขิตให้เราเจอกัน เราจะให้โชคแก่เจ้าล่ะกันแต่ต้องดูด้วยว่าจะคว้าไว้ได้รึไม่” ทันใดนั้นก็มีกระดาษมาที่เบี้ยขาวช่องEเดินไปช่อง4 บัณฑิตหันมามองด้วยรอยยิ้ม”ข้าให้โอกาศเจ้าเดิน2ครั้งจนกินให้ได้

ถังเฉิงหันมาถามว่ากินเบี้ยตัวนี้ตัวเดียว บัณฑิตพยัญหน้า ถังเฉิงเคยเล่นหมาดรุกชนะบอทระดับ3000มาก่อน ถังเฉิงให้เบี้ยช่องFเดินหน้าไปช่อง5พอเบี้ยขาวกินเบี้ยดำที่อยู่ช่องหน้าเสร็จถังเฉิงก็ให้คิงกินเบี้ย บัณฑิตหันมามอง “ยินดีด้วยเจ้าชนะแล้ว ข้าจะให้วิชาฝึกกระบี่พื้นฐานก็แล้วกัน”พอกล่าวเสร็จบัณฑิตก็ชี้นิ้วไปที่ระหว่างคิ้ว ข้อมูลวิชาฝึกกระบี่พื้นฐานไหนเข้าห้วงสมองจนถังเฉิงสลบไป

3.กระบี่พื้นฐาน (ต้น)

รุ่งเช้าเสียงนกร้องปลุกถังเฉิงให้ตื่น ถังเฉิงลืมตาด้วยความงัวเงีย หันไปมองรอบห้อง คล้ายลืมบางสิ่งบางอย่างไป “ทำไม รู้สึกเหมือนลืมบางอย่างไปน่ะ” ถังเฉิงพูดด้วยท่าทางครุ่งคิด “ถังเออร์ลงมากินข้าวได้แล้วลูก” “ครับท่านแม่” บนโต็ะ มีอาหารมากมาย “ท่านแม่ ทำอาหารเยอะขนาดนี้เพื่อที่จะปลอบเราสิน่ะ” กินไปคิดในใจไป พ่อหันมาถาม

“ถังเออร์เราจะฝึกกันเลยมั้ย” “ฝึกอะไรหรอครับท่านพ่อ” พ่อถังเฉิงเอามือมาวางตรงไหล่ “ก็ฝึกต่อสู้น่ะสิ” ถังเฉิงมองผู้เป็นพ่อด้วยความงง “แต่ข้ายังรวบรวมพลังฉียังไม่ถึงขั้นหมอกเลยน่ะขอรับ” พ่อหันมายิ้ม “ลูกคิดว่า ถ้าไม่มีพลังฉีจะสู้ไม่ได้เลยงั้นหรอ ลูกคิดผิดแล้ว ดูอย่างพ่อสิพ่อสามารถสู้กับคนที่อยู่ขั้นก้องเมฆระยะกึ่งสมบูรณ์ได้” “รู้มั้ยเพราะอะไร” ถังเฉิงมองพ่อด้วยความงง “สู้ได้ยังไงหรอครับ”

พ่อดื่มสุราในไห1อึด “เพราะว่าพ่อเป็นผู้ฝึกดาบ ขั้นแขนขาดาบน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” หลังจากกินเหล้าไปอีก1อึด ก็หันมามองถังเฉิง “ ลูกรู้มั้ยในโลกเราสิ่งที่น่ากลัวสุดคือผู้ที่ใช้อาวุธจนถึงขั้นประสานจิต ไม่ใช้ผู้ที่มีพลังฉีสูง ลูกอาจคิดว่าแล้วทำไมคนทั่วไปถึงไม่ฝึกอาวุธแทนฝึกพลังฉี ก็เพราะว่ามันฝึกยากยังไงหละ ทั้งตระกูลถังของเรามีพ่อกับท่านผู้ก่อตั้งตระกูลเท่านั้นที่ฝึกถึงขั้น อาวุธเปรียบเสมือนแขนขา แต่ท่านผู้ตระกูลฝึกถึงขั้นอาวุธคือจิต จิตคืออาวุธ” พอพูดถึงท่านผู้ก่อตั้งหน้าท่านพ่อก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ

“พี่จ๋า น้องเคยบอกว่าห้ามดื่มเหล้าต่อหน้าลูก”เสียงที่เย็นชาออกมาจากผู้หญิงที่หน้านิ่งสงบ สายตาจับจ้องไปยังชายวัยกลางคน “ล ล ลูก ช่วยพ่อเกลี้ยกล่อมแม่หน่อย” ถังเฉิงมองพ่อด้วยสายตาสงสารและวิ่งไปที่ประตู “น้อยจ๋าที่ผิดไปแล้ว เราค่อยๆคุยกันดีกว่าน่ะ อย่าพึ่งเดินเข้ามาสิ เดินได้แต่วางไม้ที่อยู่ในมือก่อนได้มั้ยจ๊ะ น้องจ๋า พี่ขอโทษพี่จะไม่ดื่มอีกแล้ว ลูกช่วยพ่อด้วย!!”

ถังเฉิงได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชายวัยกลางคน ผ่านไป1ชั่วยามมีเสียงมาเคระประตู “ลูกไปฝึกกันได้แล้ว ไปเจอพ่อที่สนามหญ้าหน้าบ้าน” ถังเฉิงเดินไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพบโต็ะที่เต็มไปด้วยอาวุธและชายวัยกลางคนที่ท่าทางสะบับสะบอม “เลือกอาวุธที่ลูกจะใช้เลย แต่ขอบอกไว้ก่อนน่ะ พ่อเป็นผู้ฝึกดาบเรื่องดาบเพราะเก่งสุด” ถังเฉิงมองไปยังอาวุธมากมายแต่สายตาจับจ้องไปยังกระบี่ที่มีรูปร่างเรียวยาว

ถังเฉิงพยายามหยิบมันขึ้นมาโดยใช้มือเดียวแต่หยิบไม่ขึ้นจนต้องใช้สองมือถึงจะหยิบขึ้น “ท่านพ่อข้าเอาอาวุธชิ้น นี้ขอรับ” พ่อหันมามองด้วยรอยยิ้ม

”กระบี่นั้นหรอ ก็ดีนิ”

“มาเดี๋ยวพ่อช่วยฝึกนอกจากดาบแล้วกระบี่พ่อก็เก่งรองมาจากดาบ” ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรเพิ่ม จู่ๆถังเฉิงก็กวักแกว่งกระบี่เป็นแนวนอนท่าทางเก้งก้าง ชายวัยกลางคนยืนหัวเราะ “ไม่เป็นไรไล่ค่อยฝึกไป” ชายวัยกลางคนเดินไปหาถังเฉิง

“กระบี่เน้นที่ความไวเป็นหลักเก่งในด้านดวลตัวต่อตัว”

“พ่อจะสอนท่าพื้นฐานให้เอง”ชายวัยกลางคนเดินไปหยิบกระบี่มาถือไว้ในมือ ตั้งท่ายอขาเตรียมวาดกระบี่ในแนวนอน บรกาศเปลี่ยนไปเป็นดุดัน เกรี้ยวกราดระหว่างออกกระบี่สายลมหยุดนิ่ง พอกระบี่ถึงช่วงสุดท้ายได้มีเสียงลมขาดออกจากกันตรงรอยกระบี่ ถังเฉิงมองดูด้วยความตื่นเต้น “จำได้มั้ยหรือให้พ่อทำให้ดูอีกครั้ง” “จำได้ขอรับท่านพ่อ”

ถังเฉิงถือกระบี่เตรียมแกว่งกระบี่เหมือนพ่อ ถังเฉิงได้ออกกระบี่แต่ท่าทางยังเก้งก้างเหมือนเดิม ถังเฉิงฝึกอีก3ชั่วยามจนหงิดหงุด ชายวัยกลางคนหันมามอง”อย่าเพิ่งท้อสิลูก ปู่พ่อเคยบอกไว้ว่าฝึกกระบี่1,000,000ครั้งถือเป็นมือกระบี่ผู้หนึ่ง ลูกพึ่งฝึกได้แค่3ชั่วยามเองอย่าพึ่งยอมแพ้สิ” ถังเฉิงฝึกกระบี่จนถึงเย็น แม่ของถังเฉิงเดินออกมาตาม “หนุ่มๆ ได้เวลากินข้าวแล้ว” “ครับท่านแม่”เด็กหนุ่มเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ขารับ หลังจากกินข้าวเสร็จ ถังเฉิงเดินขี้นไปนอนบนห้องด้วยท่าทางเหนื่อยล้า

ถังเฉิงคิดทวบทวนการฝึกเมื่อเช้า “ทำไมเราถึงเลือกกระบี่กันน่ะ” จู่ก็เด้งขึ้นจากเตียง “ข้าจำได้แล้วเมื่อวานมีบัณฑิตแปลกหน้าอยู่ในห้อง บอกว่าจะให้โชค ถ้าชนะหมากกระดานนั้น” ถังเฉิงพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานจู่ก็พบวิธีกมรฝึกกระบี่ “หรือว่าสิ่งนี้คือโชคบัณฑิตคนนั้นกล่าวไว้”

“เอ๊ ทำไมมีแค่2ท่าเองล่ะ วาดกระบี่กับแทงตรง”

ถังเฉิงยืนงง “อ๊าคคค อุตสาคิดว่าจะได้ท่าสุดยอดซะอีก” ถังเฉิงนอนหลับพร้อมน้ำตาที่ไหล ตื่นเช้ามาถังเฉิงเดินไปหน้าบ้านเพื่อที่จะฝึกต่อ แต่ครั้งนี้ถังเฉิงฝึกตามวิชาที่ได้จากบัณฑิตผู้นั้น “ก้าวขาขวาไปหน้าหน้าครึ่งก้าว ย่อขา เอามือจับกระบี่ กลั้นหายใจ ชักกระบี่ช้าๆค่อยๆเลยความเร็ว วาดกระบี่เป็นวงกลม”

“ถังเออร์ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว” ถังเฉิงได้สติแล้วพบว่า ถึงยามเย็นแล้ว “นี่ข้าฝึกกระบี่ถึงเย็นเลยหรอเนี่ย” หลังจากกินข้าวเสร็จ ถังเฉิงนั่งสมาธิเพื่อรวบรวมพลังฉี “เอ๋ ทำไมพลังฉีในร่างกายข้าถึงมีมากกว่าเดิม2เท่าล่ะ” ถังเฉิงนอนหลับด้วยความมึนงง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!