NovelToon NovelToon

ผมน่ะจะยึดครองโลกเอง

บทที่1 start

โลกนี้ไม่สิต้องเรียกว่า "ความเป็นจริงนี้"

มันมักจะมีคนอยู่2ประเภท นั้นคือ

"คนเก่ง"

และ

"คนที่เก่งกว่า"

และ... ลืมไปเลยว่ามี2นี่หว่าแต่ว่า "สิ่งนั้น" ไม่นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ "พวกขี้แพ้" เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ในสังคมที่ปลากินปลาเล็กแบบนี้ยิ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจะมีคนที่ใช้ "พลัง" ข่มคนที่อ่อนแอกว่า ทั้ง กำลัง อำนาจ และ เงินตรา บลาๆ ทุกสิ่งล้วนเอาเปรียบกันได้เสมอ ถึงคุณจะบอกว่ามันต้องมีสักคนที่เป็นพระแม่ส่งมาเกิดแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าพระแม่ของปลอมพวกนั้นล้วนทำแล้วมีแต่ได้ทั้งนั้น เช่น แสร้งทำเป็นดีแล้วได้เงิน บอกคนอื่นว่าไม่ควรฆ่าสิ่งมีชีวิตแต่ตัวเองกับกินสัตว์ที่โดนที่ฆ่าได้อย่างหน้าเฉย

ใน "ความเป็นจริง" ที่เลวร้ายนี้ก็มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่

เคยได้ยินหรือป่าวคนที่อยู่สูงกว่าคนอื่นแต่ดันต้อยต่ำกว่าคนอื่น

"อ้ากกกกกกกกกกกกกก ขอร้องล่ะอย่าเลยนะ

เงินใช่ไหมต้องการแค่นั้น- อึก! อ้ากกกกกกกก"

เสียงกรีดร้องที่เหมือนมาจากคฤหาสน์หลังหนึ่งเหมือนจะมาจากห้องนอนของเด็กชายคนหนึ่ง

...

ช่างหน้าสงสารทั้งที่เป็นชนชั้นสูงแท้ๆกลับต้องมามีสภาพแบบนี้ เด็กที่เพราะทางบ้านนั้นเป็นชนชั้นสูงแต่อ่อนแอมาแต่เกิด หน้าตาก็ไม่ดี ไม่มีใครเข้าข้าง ผมสีดำ นัยตาสีดำสนิทจนคิดว่าในตานั้นมีแต่ความว่างเปล่า

สภาพที่ผอมโซแต่ใส่เครื่องประดับอย่างสวยงามไม่เข้ากับสภาพที่น่าเกลียดและผอมโซเสื้อผ้าที่ทั้งเปียกแต่ก็ดันมีกลิ่นไหม้ในเวลาเดียวกัน

"ทำไมกันล่ะครับ"

"สัญญาไว้แล้วว่าจะปล่อยไปไง"

เด็กน้อยที่น่าสงสารได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมตนต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้

ริคุ วี ดอว์ล่า ที่ หนึ่ง

เด็กหนุ่มวัย10ปีที่เกิดมาเหมือนจะดีพร้อมแต่กลับถูกที่บ้านแบ่งแยกเพราะมีสีผมเป็นสีดำต่างจากทุกคนใน ตระกูลที่มีแต่ผมสีขาวจนชวนคิดว่าเป็นสายเลือดจริงหรือป่าว แถมยังมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนปกติสามเท่าเลยทีเดียว หน้าตาที่ไม่ได้ต่างไปจากสามัญชนเลยสักนิด

"ฮึก..ฮือออ"

"โอ๊ะดูสิใครกันๆเริ่มงอแงแล้ว น่าๆถ้าแกเจ็บฉันจะทดสอบเวทย์ฮิลไง 55555"

เด็กที่ดูเหมือนจะรู้จัก ริคุ ดีดูเหมือนคิดจะทำอะไรแปลกๆ เหมือนเด็กที่ได้ดินน้ำมันมาใหม่และหัวเราะออกมาแบบไม่น่าไว้ใจ

"ยะ-อย่านะมันอันตรายมากเลยนะขอล่ะ โอยะคุง"

ริคุดูเหมือนจะทำสุดความสามารถเพื่อไม่ให้โดน "ฮิล"

"หาาาาา แกว่ายังไงนะ!!!"

หลังจากที่ได้ยินริคุพูดแบบดูเหมือนเด็กที่ชื่อโอยะดูจะไม่พอใจในอะไรสักอย่างมากๆ

"ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียกฉันว่านายท่านนะ!!"

"อะ-"

"ไม่ต้องปราณีกันอีกแล้ว!"

ทันใดนั้นเองริคุก็รีบตะเกียกตะกายออกมาอย่างรีบร้อนและรีบขอโทษทันที

"ขอร้องล่ะครับท่านโอยะอย่านะ"

แต่เหมือนเสียงตะโกนนั้นไปไม่ถึงโอยะที่กำลังเดือดด้วยความโกธร และตั้งท่าชูมือไปข้างหนึ่งราวจะทำอะไรซักอย่าง

"จงจุติและเผาศัตรูให้ราบไฟร์บอล!!"

ทันใดนั้นเองก็มีไฟที่ก่อตัวเป็นลักษณะวงกลมมาที่ฝ่ามือของโอยะที่เล็งชี้ไปทางริคุ

"ตกใจอะไรกันพวกชนชั้นสูงน่าจะเคยเห็นบ่อยแล้วนิแค่สร้างแผลเพิ่มอีกหน่อยเอง~"

โอยะพูดเรื่องนี้ราวกับเป็นแค่การหยอกล้อ

--แต่ยังไม่ทันที่โอยะจะได้ทำอะไรก็มีเสียงตะโกนจากยามมาห้ามก่อน

"ชิ!ยามหรอในคฤหาสน์ของไอ้สวะพันนี้เนี่ยนะแต่ก็คงต้องไปก่อน"

ก่อนที่โอยะจะจากไปโอยะได้หันมาหาริคุพร้อมขู่ว่า

"ถ้าเจอกันคราวหน้าแกยังไม่มีกาลเทศะอีกละก็ครั้งหน้าจะไม่จบแค่ไฟร์บอลวันนี้ถือว่าแกยังโชคดีไว้เจอกันใหม่ ไ อ้ ขี้ แ พ้ "

ก่อนที่จะโดดลงหน้าต่างชั้น5แล้วตกลงบนเตียงที่ดูเหมือนจะวางไว้ก่อนแล้วมารองรับ

"ปะ-ไปแล้วเจ้าหมอนั่นไปแล้วสินะ"

ริคุรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ตนเองรอดมาจากสถานการณ์แบบนั้นได้จนแทบอยากจะร้องไห้

"เป็นอะไรไปหรือเปล่า-"

"อ้าว"

ยามที่วิ่งมาอย่างรีบร้อนนั้นเพิ่งได้สังเกตว่าคนที่ตนเองมาช่วยเป็นแค่"ข้อผิดพลาด"ในวงศ์ตระกูลเฉยๆ

"แม่งเอ้ยเสียเวลาชิบ"

ยามได้สถบออกมาราวกับคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นแค่สิ่งที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่หลังจากนั้นยามก็ได้เดินจากไป

"เฮ้ออออออออรอดแล้วเรานึกว่าจะตายแล้วซะอีก"

"แบบนี้ก็รู้สึกค่อยยังชั่วหน่อย"

"ค่อยยัง..ค่อยยั-...ยัง"

..........

นี่เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆใน

"ความเป็นจริงที่น่าสนใจแห่งนี้"

เอาล่ะมาดูกันต่อไปเถอะว่าสิ่งที่ น่าสนใจ นี้จะไปยังไงต่อไป

บทที่2 การเตรียมตัว

เคยมีคำพูดหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า

"ต่อให้จะอยู่ต่ำแค่ไหนขอเพียงสู้ต่อไปก็จะไปถึงยอดเขาได้"

มันเป็นคำพูดที่ดูดีและสวยหรูใช่ไหมล่ะ แต่มันก็เป็นได้แค่คำพูดนั้นแหละเพราะใน "ความเป็นจริง" นั้นไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่ายอยู่แล้วจะต้องมีการเสียสละเสมอและยิ่งเป็น "คนที่ไม่มีอะไรให้เสีย" แล้วด้วยยิ่งแล้วใหญ่เลยที่จะหลุดจากจุดต่ำสุดได้ยากแม้ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ตามอย่างมากก็ได้แค่มีข้าวกินไปวันๆ ไม่สิต้องเรียกว่ามีข้าวกินในวันนี้ดีกว่า ในความเป็นจริงที่แสนโหดร้ายแบบนี้ก็มักจะมีคนแก้ต่างให้กับมันเสมอ เช่น แกเคยพยายามหรือป่าว แกคิดบ้างไหม อย่างนู้นอย่างนี้ ผมแค่อยากจะบอกว่า "ก็เรื่องของพวกนายสิ" ในความเป็นจริงนี้ถ้าทุกคนในโลกคิดเหมือนหมดคงจะน่าเบื่อแย่สิให้คนกว่า7พันล้านมาคิดเหมือนแบบนั้นแค่คิดก็น่าเบื่อแล้ว

"ไอ้ความเท่าเทียมแบบนั้นน่ะอย่าเอาผมเข้าไปรวมด้วยสิ" เอาล่ะเรามาดูไอ้ความเป็นที่น่าสนใจกันเถอะ ชักจะตื่นเต้นแล้วสิ

.

.

.

ณ คฤหาสน์ของตระกูล วี ดอร์ลา ห้องของริคุ วี ดอร์ล่า ที่สภาพของห้องนอนของคุณหนูไม่ต่างไปจากมีคนมาทำสงครามในห้องเลยแม้แต่น้อยทั้งรอยไหม้จากไฟที่มีทั่วทั้งห้อง ประตูที่วิธีการซ่อมเอาแต่แผ่นไม้มาแปะแล้วตอกตะปูเฉยๆจนแทบจะทำร้ายจิตใจของช่างที่ทำประตูมาอย่างประณีตจนแทบไม่เหลือรอยของความสวยงามจากการแกะสลักแม้แต่น้อย หน้าต่างที่มีรอยแตกที่มีเทปปิดรูไว้2รูและยังมีอีกรูที่ยังไม่ได้ปิดพร้อมกับแค่โครงเตียงที่ไมมีฟูกเพราะโอยะได้โยนฟูกลงไปข้างล่าง ในห้องนั้นมีเพียงเด็กชายที่เป็นเจ้าของห้องอยู่ และไม่นานนักเด็กชายคนก็พูดออกมา

แบบน้ำเสียงไร้อารมณ์สุดๆ

"เฮ้อ...หน้าต่างเป็นรูอีกแล้วเทปจะปิดได้ไหมเนี่ย..."

ที่แท้ริคุนั้นแค่ห่วงห้องของตนเองแล้วคิดจะซ่อมหน้าตาด้วยเทปโดยที่ไม่สนใจร่างกายตัวเองเลยแม้แต่น้อย

"เทปอยู่ไหนกันนะ"

"เฮ้อ...พรุ่งนี้แล้วสินะ ไม่อยากให้มาถึงเลย"

ดูเหมือนว่าริคุจะกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้มากว่าวันนี้ซะอีก

"อย่างน้อยเสียงที่ตะโกนไปก็ไม่ได้เสียป่าวสินะตอนแรกคิดไว้ว่าจะมาช้ากว่านี้ซะอีก"

"ก็ขอบคุณมากแล้วกันที่ไอ้โอยะนั่นใช้เวทย์ที่มันโดนตรวจได้ง่ายแบบนั้น"

"เกือบแย่แล้วไหมล่ะ อุตสาพนันชีวิตไว้กับยามนั้นเลยนะ~"

ริคุดูดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่หวังถึงแม้มันจะอันตรายจนเกือบถึงชีวิตแล้วก็ตาม

ี่

"แต่ถ้าเอาจริงต่อให้ตะโกนไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะไอ้ยามนั่นคงไม่มาช่วยหรอกก็เลยล่อให้ไอ้โอยะใช้เวทย์ไฟไง"

"เฮ้อ..นึกว่าไอ้ยามนั่นจะจำตำแหน่งห้องได้ซักอีก"

"เกือบไปๆ"

ดูเหมือนว่าริคุจะวิเคราะห์แผนของตนเองใหม่เพื่อเอาชีวิตรอดในวันต่อไปได้อย่างครบ32

"แต่พรุ่งนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ก็จะกลับมาเยี่ยมแล้วสินะ"

"..."

"ช่างมันเหอะ"

ดูเหมือนจะเหตุอะไรสักอย่างที่ทำให้ริคุไม่อยากเจอทั้งพ่อและแม่แท้ๆของตนเอง

"เอาล่ะมาเก็บกวาดดีกว่า"

หลังจากนั้นริคุก็ได้เริ่มซ่อม?ห้องของตนเองแบบหยาบๆโดยการเอาเทปมาปิดหน้าต่างที่แตกเป็นรอยที่3และทำร้ายจิตใจช่างไม้โดยการนำแผ่นไม้ที่ตกจากพื้นมาตอกใส่ประตูงานประณีตและดูเหมือนจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ริคุทำแบบนี้

"โชคดีจริงๆที่ยังเหลือค้อนอยู่ไม่งั้นมือของฉันคงต้องมีแผลเพิ่มแล้ว"

"เอาล่ะๆ อัดย้ากก ฮิบ ย้ากก"

หลังจากที่ริคุทรมานช่างไม้โดยการซ่อมประตูจนเสร็จ? แล้วริคุก็คิดขึ้นได้ว่า

(แล้วฟูกเตียงตูล่ะฟะ)

...

...

...

"เชี่xไอ้บ้าเอ้ยยยยย"

"ไอ้โอยะไอ้เxรจะโยนฟูกตูลงไปทำไอ้ชาติหมxเอ้ยยยยยยยยยยย"

หลังจากที่คิดริคุก็กระหน่ำคำด่าแบบที่ทั้งชีวิตจะคิดได้และสาปแช่งโอยะราวกับโดนโอยะฆ่าหมามาไม่มีผิด

"เฮ้อ...ช่วยไม่ได้คงมีแต่จะต้องลงไปเอามาสินะแย่จริงๆ"

หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะออกจากห้องที่ไม่ได้ออกมานานจนแทบจะหลงทางแล้วก็ต้องผ่านสายตาที่มองมาราวกับจะแทงทะลุร่างกายน้อยๆแล้วก็ต้องลงไปหาฟูกที่ถูกโยนลงไปอีก

"ฮ่า..มาถึงสักที"

"เอ๋...สีและดินมาเลอะได้ไง?"

ริคุที่มาเห็นสภาพฟูกของตนเองได้แต่ทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะรู้ว่ามีคนเกลียดแค่ไหนแต่ก็ไม่คิดว่าพวกคนใช้ยังทำแบบนี้

(หรือว่าเพราะพ่อไม่ได้อยู่ที่กันนะพวกนั่นมันเลยกล้าทำแบบนี้)

ริคุทำได้แค่คิดแต่ไม่มีสิทธิ์โกธร

"เอาเถอะอย่างน้อยมันก็น่าจะล้างได้อยู่"

ริคุพยายามคิดในแง่ดีไว้ก่อน

แต่หลังจากที่ริคุพลิกฟูกของตนออกมา...

กับพบรอยขีดและรอยตัดจำนวนมาก

"..."

ริคุทำหน้าตกตะลึงอีกครั้ง

(กล้าขนาดนี้เลยหรอ...)

ริคุได้แต่คิดแต่ก็ยังคงทำอะไรไม่ได้...

"ว่าแต่นั่นเสียงอะไรน่ะ"

ริคุเหมือนได้ยินเสียงอะไรซักจากด้านหลัง

และพอฟังดีๆก็...

"คุคุคุ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

"ดูหน้าไอ้องค์ชายอันดับหนึ่งนั่นดิ"

"หน้าแบบ โอ้ไม่นะฟูกแสนหรูราคาแพงของฉัน~"

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

จากนั่นพวกคนใช้และยามก็ล้อเลียนริคุสารพัดทั้งด่าท่อ ไม่เคารพในองค์ชายของตนเอง ต่างๆนาๆ จนแทบจะคิดได้ว่าพวกนี้ถูกจ้างมารับใช้หรือมาแกล้งกันแน่

ตัดมาทางริคุที่ได้กัดฟันแน่นเพราะความแค้นที่ทำได้แคอดกลั่นไว้

"กรอด"

หลังจากนั้นริคุก็ได้แบกฟูกที่สภาพไม่ต่างจากฟางข้าวสีขาวขึ้นมาบนห้องตนเองท่ามกลางเสียงนินทาและสายที่เหยียดยามจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง

"ฮับชา~ เสร็จซะที เฮ้อ...ไม่คิดว่าจะโดนแบบนี้เอาเถอะนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อย"

ดูเหมือนว่าริคุจะเริ่มชินกับสถานการณ์ที่แทบหายใจไม่ออกแบบนี้แล้ว

"อาหารน่าจะมาเสริฟแล้วสินะ"

"คราวนี้จะอะไรอีก เนื้อไหม้? ถั่วกับข้าว? หรือผักสดที่ไม่ผ่านการล้างดีล่ะ"

เหมือนว่าริคุจะสนใจอาหารมากกว่าสภาพเตียงของตนเองซะอีก

*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

(มาแล้วสินะ)

"วางไว้ตรงนั้นแหละ"

ทันทีที่สิ้นเสียงของริคุคนใช้ก็ได้เดินจากไป

"เฮ้อ...มาดูกันเถอะ"

หลังจากที่ริคุเปิดออกมาก็ได้กลิ่นเหม็นมากออกมาก่อนที่จะได้เห็นซะอีก

"xี้!?"

ทันทีที่ริคุเปิดออกมามันเป็นเพียงแค่ก้อนสีน้ำตาลที่ถูกจัดใส่จานอย่างสวยงามจนไม่น่าเชื่อว่าคนที่ทำคือเซฟชั้นสูง

"อุแหวะ!!!"

ริคุที่ตกใจกับอาหารมื้อนี้สุดๆทำได้แต่โยนมันออกหน้าต่าง

"เวรเอ้ยนี้มันแย่กว่าที่คิดไว้10เท่าเลยนี้หว่า"

"เล่นอย่างนี้เลยหรอ"

"ไม่กินก็ได้ฟะ"

"วันที่2แล้วสินะ เฮ้อ..."

ริคุที่เหนื่อยกับทั้งวันนี้และยังจะมาเจอ"แจ็คพอตสุดพิเศษ"แบบนี้จนเริ่มง่วงและอยากจะนอนแล้ว

"ขอให้วันพรุ่งนี้มันแต่เรื่องดีะเถอะนะ"

ริคุได้หลับลงไป...

ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารว่างั้นไหมทั้งโดนทิ้งโดนแกล้งถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปอนาคตดับแน่

นี้ก็แย่น่ะสิถ้ามันเป็น อย่างนั้นก็คงไม่ใช่ความจริงที่น่าสนใจหรอก ตัวอย่างเช่นมีเด็กคนหนึ่งมีชีวิตอย่างบัดซบแต่กับชีวิตกับพลิกผันในแค่คืนเดียวเพราะ.. จุจุจุ~ ม่ายบอกหรอก~ ชักเริ่มสนุกแล้วสิ

.

.

.

"อืม...งืมๆๆ"

"หัวปวดชะมัด"

เหมือนว่าริคุแค่จะปวดหัวเฉยๆ

แต่

"อะ อ้ากกกก!! อะไรฟะ"

"ทำไมถึงรู้สึกมีอะไรสักอย่างมายัดใส่หัวฟะ"

"ปวดหัว ปวดหัว ปวดหัว"

"อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"

และริคุก็สลบไป

.

.

.

ณ ในเส้นขอบฟ้าที่จันทราขับกล่อมบทกวี

(...)

ฮุฮุฮุ เริ่มแล้วสินะ"หมากที่เจ้านั่น"ฝังไว้ชักรอไม่ไหวแล้วสิ ฮุฮุฮุ ไม่ต้องห่วงถ้าไม่"เกิดอะไรขึ้น"ฉันก็จะไม่เข้าไปแทรกหรอก แต่ยังไงซะ เด็กนั้นก็จะมายืนอยู่ตรงหน้าฉันอยู่ดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชักรอไม่ไหวแล้ว ถ้ายังช้าแบบนี้ฉันจะ ลงไปหาเองแล้วน้า~

ไว้เจอกันที่เส้นขอบฟ้านะ~ เ จ้ า ห นู

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!