เสียงแตรวงงานศพบวกกับเสียงพระสวดมาติกาล่องลอยมากับสายลมซึ่งเป็นเรื่องปกติของงานศพทั่วๆไป
ขึ้นชื่อว่างานศพก็ย่อมมีผู้คนมากมายที่สวมใส่ชุดดำมาร่วมงานและก็ย่อมมีใบหน้าที่เศร้าสลดกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและเคารพไปเป็นธรรมดา
แต่ในตอนนี้กลับมีเพียงเด็กชายตัวน้อยในวัยเพียงแค่เจ็ดขวบอยู่เพียงลำพังที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพตามลำพัง
เขานั่งมองดูรูปที่ตั้งอยู่หน้าโลงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาพลางส่งเสียงสะอื้นไห้ปริ่มเปรมจะขาดใจตามผู้ที่กำลังนอนหลับอย่างไม่มีวันตื่นอยู่ในโลงศพอันโอ่อ่าหรูหรา
แต่เหตุไฉนจึงไม่มีผู้ใดมาร่วมงานหรืออาจจะเป็นเพราะคนผู้นี้ไม่ได้เป็นที่รักของใครสักเท่าใด
เมื่อเวลาผ่านไปจนพระสวดมาติกาจบ ร่างอันไร้วิญญาณก็ถูกนำไปชาปาณะกิจสลายร่างในเมรุตามประเพณีที่สืบต่อกันมาแต่โบราณ
เตโชเด็กชายตัวน้อยยืนมองดูปล่องเมรุ ที่กำลังมีควันไฟพวยพุ้งออกมาพลางคิดในใจว่าขอให้แม่มีความสุขอยู่บนฟ้าหลับให้สบายไม่ต้องห่วงผมผมอยู่ได้ พอคิดได้ดังนั้นเสียงสะอื้นไห้ก็พลันเงียบลง
เด็กน้อยปราดเช็ดน้ำตาแล้วใบหน้าก็นิ่งสนิทไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ
"เตโช!" เด็กชายหันไปตามเสียงเรียกพลันก็พบกับชายผู้ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
"พ่อแม่ตายแล้ว" เด็กชายเอ่ยพลางส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาเมื่อรู้ว่าคนที่เรียกชื่อตนนั้นเป็นใคร แล้วโผเข้าไปกอดด้วยความรักและคิดถึงปนความเศร้าจากการสูญเสียผู้เป็นแม่ไป
"พ่อขอโทษที่มาไม่ทันเผาศพแม่ เต ไปอยู่กับพ่อนะ จากนี้ไปพ่อจะดูแลเตเอง" ชายวัยสามสิบพูดพลางนั่งคุกเข่าตะกรองกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมอก
หลังจากที่หย่าร้างจากภรรยาไปถึงสามปีเต็ม เขาก็ไม่ได้พบกับลูกชายอันเป็นที่รักอีกเลย จะมีก็แค่การติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น จนกระทั้งในวันนี้ที่ได้รู้ข่าวว่าอดีตภรรยาได้จากไปแล้ว เขาจึงตั้งใจว่าจะมารับเด็กน้อยเพื่อให้ไปอยู่ด้วยกัน
นอกจากแม่และพ่อแล้วเด็กน้อย ก็ไม่มีญาติที่ไหนให้ได้พึ่งพิงอีก
เอมอร เมียเก่าของอิฐเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มักนอกใจเขาไปหาชายอื่นอยู่บ่อยครั้ง แถมยังชอบกินเหล้าเมายาจนเขารู้สึกเอือมระอาจนต้องขอเลิกราไป
ตอนแรกเขาก็อยากเอาเตโชไปอยู่ด้วย แต่ด้วยความรักที่มีให้กับแม่ เตโชจึงเลือกที่จะอยู่กับแม่โดยที่อิฐก็ไม่มีสิทธิ์จะไปบีบบังคับใดๆ
นับตั้งแต่นั้นมาเด็กชายจึงต้องอาศัยอยู่กับแม่ ที่ล้มป่วยด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง มาโดยตลอดสามปีเต็ม
แต่โชคดีที่พ่อยังคอยรักและดูแลเตโชอยู่ห่างๆ มาโดยตลอดด้วยการส่งเงินมาให้ทุกๆเดือนในจำนวนที่มากอยู่พอสมควร
เรียกได้ว่าฐานะทางบ้านของอิฐก็ร่ำรวยอยู่ไม่ใช่น้อย จึงไม่ใช่ปัญหาในเรื่องของเงินค่าเลี้ยงดูเตโช
"เตนี่น้าสา น้าเขาจะมาเป็นแม่ของเตอีกคน และจะคอยดูแลเตต่อจากนี้ไป มาไหว้น้าเขาสิลูก" อิฐพูดพลางหันไปมองยังวันวิสา ภรรยาของเขาอีกคนที่กำลังอุ้มเด็กน้อยวัยสามขวบเศษ ที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมอกของเธอ
เด็กน้อยนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินพยายามประติดประต่อคำพูดของพ่อ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"อ้าวไอ้ตัวเล็กตื่นแล้วหรือ มาเร็วมาหาพี่เขาสิลูก นี่เตโชพี่ชายแท้ๆของลูกไง" อิฐเรียกทักขึ้นเมื่อเด็กในอ้อมกอดของวันวิสาได้ตื่นขึ้น
"พี่เตโช" เมื่อผู้เป็นแม่ได้วางร่างของตนลง เด็กน้อยก็วิ่งเข้าไปกอดพี่ชาย ที่กำลังยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"เตนี่นาคินทร์ น้องชายแท้ๆของลูก ดีใจไหมลูกมีน้องแล้วนะ" ผู้เป็นพ่อกล่าวแนะนำลูกชายอีกคนของตนด้วยรอยยิ้มอันมีความสุข
แต่เด็กชายไม่ตอบได้แต่ยืนนิ่งเงียบ รู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
"ไม่!ผมไม่อยากมีน้องผมไม่อยากมีแม่ใหม่" เตโชกระโกนออกมาจนดังลั่นอาณาบริเวณวัด แล้วผลักร่างของน้องชายตัวเองจนล้มก้นจ้ำเบ้าแล้ววิ่งหนีไป ทล่ามกลางความตื่นตกใจของผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยง
"เต!" อิฐร้องเรียกไล่ตามหลังเด็กชายไป ทันทีที่ตั้งสติได้เขาก็ออกวิ่งตามไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
พี่เตผมรักพี่ รักที่ไม่ใช่ในแบบพี่น้องแต่เป็นรักที่หวังครอบครอง และเป็นเจ้าของพี่แค่เพียงคนเดียว นี่คือสิ่งที่เด็กน้อยวัยสามขวบเฝ้าคิด มาตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นพี่ชายของตัวเอง
นาคินทร์เด็กชายตัวน้อยที่มีความลับบางอย่างเก็บซ่อนเอาไว้ นั่นก็คือเขามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
เด็กน้อยมองตามร่างของพี่ชาย ที่วิ่งหนีไปอย่างรู้สึกน้อยใจ
"พี่เกลียดผมขนาดนั้นเลยหรือ"
😘😘😘 เรื่องนี้ดรามานะขอบอกเนื้อเรื่องก็รุนแรงSM และncค่อนข้างรุนแรงนะจ๊ะถ้ารับได้ก็ขอให้สนุ๊กกับการอ่านนะจ๊ะ🥰🥰🥰
หลายปีต่อมา
"ไม่มีทาง ยังไงผมก็ไม่ยอมให้มันมาอยู่คอนโดเดียวกับผมเด็ดขาด" เสียงตะคอกดังลั่นห้องอาหาร เพื่อบันดาลโทสะที่มาครุอยู่ท่วมอก
เตโชชายหนุ่มในชุดนักศึกษา ผุดลุกขึ้นถลึงตามองหน้าผู้เป็นบิดาอย่างเอาเรื่อง
"พ่อก็รู้ว่าผมเกลียดมัน พ่อยังจะให้มันมาอยู่กับผมอีกเหรอ ยังไงก็ไม่มีทาง" เตโชเอ่ยขึ้นพลางหันไปส่งสายตาอาฆาตแค้นราวกับจะเลือดกินเนื้อ ให้กับคนที่กำลังนั่งกินข้าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วเดินออกไปจากโต๊ะอาหารอย่างเก็บอารมณ์
วันนี้เขาอุตส่าห์ดีใจ ที่พ่อใจดีโทรชวนเขามากินข้าวที่บ้านด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้มีอะไรตกถึงท้อง ก็ต้องมีเรื่องมาทำให้เขาต้องหมดอารมณ์ ความรู้สึกหิวหายไปในทันที เหลือเพียงแค่ความขุ่นมัวที่อัดอั้นอยู่ในใจ
"มันจะอะไรกันนักกันหนา กะอีแค่ฉันจะให้น้องไปพักอยู่กับแกแค่เทอมเดียวมันจะตายนักหรือไง" ผู้เป็นพ่อพอได้ยินดังนั้นจึงผุดลุกขึ้นหันมาตวาดไล่หลังลูกชายคนโตที่กำลังเดินหนีออกไปจากห้องอาหารในทันทีด้วยความรู้สึกโมโหไม่ต่างกัน
"คุณค่ะไม่เอาน่าใจเย็นๆก่อนค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะคะ" วันวิสาที่นั่งอยู่ข้างๆรีบลุกขึ้นไปกอดลูบต้นแขนเพื่อปลอบประโลมผู้เป็นสามี หวังให้อารมณ์เย็นลงในทันที เพราะเกรงว่าอาการป่วยของสามีจะกำเริบขึ้นมาอีก
"คุณก็ดูสิดูมันทำ ไปเลยจะไปไหนก็ไป แต่จำใส่หัวกระโหลกของแกเอาไว้เลย ว่าถ้าไม่มีฉันไม่มีเงินที่ฉันคอยส่งเสียให้แกเรียนและผลานเล่นไปวันๆ ป่านนี้แกก็คงจะได้ไปนอนอยู่ข้างถนนไปแล้ว"
"คนเลวๆอย่างแก ฉันไม่น่าปล่อยให้เกิดมาเลย แกมันก็เลวเหมือนแม่แกไม่มีผิด" คำด่าที่สาธยายไล่หลังมามันกรีดลึกเข้าไปในทุกอณูของหัวใจ ถึงจะทำเป็นไม่ใส่ใจแต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดี
เตโชถึงกับยืนนิ่งชะงักไปชั่วครู่ น้ำตาที่เก็บกลั้นมานานไหลรินอาบสองแก้ม แต่ไร้ซึ่งเสียงร้องไห้ใดๆให้ได้ยิน
นี่เป็นครั้งที่เท่าใหร่แล้ว ที่เขาต้องถูกพ่อด่าต่อหน้าคนที่เขาเกลียดที่สุด ตั้งแต่มีน้องชายเขาก็ไม่เคยดีในสายตาของผู้เป็นพ่อเลย ไม่ใช่สิตั้งแต่เกิดมาเลยต่างหาก
ตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากพ่อบังเกิดก้าวเลยแม้แต่น้อย มันเลยกลายเป็นปมในใจเขามาโดยตลอด จนทำให้เขากลายเป็นเด็กมีปัญหามาจนถึงทุกวันนี้
เขายกมือขึ้นมาปาดเช็ดน้ำตา แล้วหันกับไปมองหน้าบิดาตัวเองด้วยแววตาตัดพ้อ ด้วยความน้อยใจที่อัดอั้นอยู่เต็มอก
"ก็ใช่สิผมมันไม่มีอะไรดีเลย ไม่เหมือนลูกชายคนโปรดของพ่อที่มันดีไปเสียทุกอย่าง" เขาหยุดพูดไปชั่วครู่เพราะพยายามเก็บกลั้นฝืนไม่ให้หยดน้ำตา ได้หลั่งรินลงมาอีก
แล้วฝืนสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุด ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ สีหน้าแววตาเจือไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
"ถ้าผมมันเป็นตัวปัญหา ที่ทำให้พ่อลำบากใจมากละก็ พ่อก็เอาของๆพ่อกับคืนไปเลย ต่อจากนี้ไปผมจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของผม พ่อไม่ต้องมายุ่ง"
พูดจบเขาก็หยิบเอากุญแจรถคันหรู กับกระเป๋าเงินและคีย์การ์ดคอนโด โยนทิ้งลงพื้นไปด้วยความเดือดดาล แล้วรีบวิ่งออกไปจากตรงนี้โดยมีเสียงด่าของพ่อดังไล่หลังมาติดๆ "ไปเลยแกจะไปไหนก็ไป แล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกไอ้ลูกเลว"
"ว้ายคุณคะ/พ่อ" เสียงร้องของสองแม่ลูกดังขึ้นพร้อมกันทันที ทั้งรีบเข้ามาประคองร่างของชายชราที่ทรุดร่วงลงไปกองกับพื้น ด้วยอาการของโรคหัวใจที่เกิดกำเริบขึ้นมากระทันหัน
นาคินรีบเข้าไปดูอาการของผู้เป็นบิดาแล้วทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจนรถพยาบาลมารับตัวส่งโรงพยาบาล
ทางด้านเตโชหลังจากวิ่งออกมาจากบ้าน แล้วก็ไม่รู้จะไปที่ไหน เลยได้แต่เดินไปเรื่อยๆตามท้องถนน พลางคิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ว่าตนเดินมาไกลแค่ไหนแล้วจะไปที่ไหนต่อดี
ปี๊บ... ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ ก็ต้องสะดุ้งกับเสียงบีบแตรที่ดังไล่หลังมาติดๆ
รถคันหรูเข้ามาจอดเทียบอยู่ข้างๆ พร้อมกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับที่ถูกลดลง ปรากฏร่างของชายหนุ่มใบหน้าหล่อคมที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย
" ขึ้นรถ" เสียงทุ่มเอ่ยสั่งมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นัยตาสีสนิมเหล็กจ้องมองมาอย่างมีอำนาจ
ชายหนุ่มปรายตามองเจ้าของเสียงอยู่ชั่วครู่ ด้วยสายตาที่แสดงถึงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็รีบเดินหนีไป ไม่เสียเวลามาเสวนาให้เสียอารมณ์
เมื่อคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเห็นดังนั้น จึงรีบเปิดประตูรถเดินก้าวอาดๆตามไปคว้าตัวคนอวดดีไว้ได้ทันพอดี พลันหมัดหนักๆก็เหวี่ยงกลับมา หมายจะเข้าปะทะใบหน้าหล่อคมแบบเต็มๆ
แต่มีหรือที่คนที่มีฝีมืออยู่พอตัว จะเสียท่าถูกจู่โจมได้โดยง่าย เขาเหวี่ยงตัวหลบแล้วยกมือขึ้นมารับหมัดด้วยท่าทีสบายๆ จนคนที่ออกหมัดถึงกับรู้สึกอึ้งปนความงงงวยอยู่ชั่วครู่
ไม่ทันที่จะตั้งตัวแขนก็ถูกฉุดกระชาก ด้วยแรงอันมหาศาล ส่งผลให้ร่างทั้งร่างถึงกับลอยระลิ่วเข้าไปปะทะกับอ้อมอกแกร่งโดยพลัน
และไม่ปล่อยให้เสียเวลา สองแขนแกร่งก็กอดรัดเข้ามาในทันที
"ปล่อยกู" ไม่ว่าจะดิ้นรนขัดขืนยังไงก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์ และไม่สามารถหลุดออกไปจากอ้อมกอดนี้ได้เลย
เลยได้แต่ดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ราวกับสาวน้อยในอ้อมกอดของอสูรร้าย ที่ทำได้คงมีเพียงการแหงนเงยใบหน้าขึ้นไปสบตาเจ้าของอ้อมกอดแล้วส่งสายตาขู่อาฆาตไปให้
"ถ้าอยากให้ผมปล่อยพี่ก็ต้องทำตามที่ผมสั่ง" เสียงทุ่มดังกระชิบอยู่ข้างหู พร้อมเป่าลมหายใจหนักหนักลงมา ทำให้คนฟังเกิดอาการหวั่นเกรงขึ้นมาในทันที
เขายอมรับว่าเขาเองก็แอบกลัวน้องชายตัวเองอยู่เหมือนกัน ถึงแม้อีกคนจะไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับเขา มากไปกว่าการใช้แรงบีบบังคับพันธนาการ ให้เขาไม่สามารถทำร้ายตนได้เหมือนอย่างเช่นในครั้งนี้
แต่นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาเสียเปรียบอีกคนในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือพละกำลัง
เตโชถึงแม้จะสูงถึงร้อยเจ็บสิบแต่ก็ยังดูเตี้ยกว่าอยู่ดีเพราะนาคินมีส่วนสูงถึงร้อยแปดสิบห้า ทั้งรูปร่างดูกำยำกว่าเขามากด้านพละกำลังยิ่งไม่ต้องพูดถึง
"กูไม่ทำมึงจะทำไม อย่าคิดนะว่าพ่อรักมึงมากกว่า แล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรมึง" ชายหนุ่มกัดฟันพูดออกมา ด้วยความเดือดดาลถึงแม้ตนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ก็ตาม
"ดูสภาพตัวเองก่อนเถอะ แรงอย่างกับมดจะมาทำอะไรผมได้" นาคินพูดพลางส่งยิ้มเยาะมาให้อย่างยั่วอารมณ์ ส่งผลให้คนในออ้มกอดถึงกับฟิวส์ขาด
"อึก" เร็วเท่าความคิดเข่าหนักก็ตอกเข้ายังจุดยุทธศาสตร์ ส่งผลให้ร่างหนาถึงกับทรุดร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น หน้าดำหน้าแดงจุกจนพูดไม่ออก นอนกุมเป้าอยู่ตรงนั้น
"ไงละเจ็บไหมไอ้น้องชาย" พอเป็นอิสระได้ ชายหนุ่มก็ส่งสายตาพร้อมกับรอยยิ้มยียวนกวนประสาท ไปให้เจ้าของอ้อมกอดเป็นเชิงท้าทายก่อนจะเดินหนีไปในทันที
"พี่เตเดี๋ยวก่อน" นาคินพยุงกายลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ด้วยอาการที่ยังจุกเสียดอยู่ รีบวิ่งตามไปดักหน้าด้วยท่าทางแปลกๆ
"จะเอาอีกหรือไง" เตโชยิงคำถามใส่พร้อมขมวดคิ้วหน้ายุ่งอย่างไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มส่ายหน้าเร่าๆในทันที ยิ้มเจื่อนออกมาอย่างรู้สึกเข็ดขยาด
"ไม่เอาอะ ผมแค่จะขอให้พี่ขึ้นรถไปกับผมเหอะผมจะไปส่ง" เขารีบเปลี่ยนจากคำสั่งเป็นคำขอร้องในทันที พร้อมกับยิ้มน้อยๆส่งไปให้คนหน้าบึ่ง
"แล้วทำไมกูจะต้องให้มึงไปส่ง" เตโชพูดพร้อมกับส่งสายตาเป็นเชิงขอคำตอบ
"อะ..ไอ้คินปล่อยกู" แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ กลับกลายเป็นว่าตัวเขากลับถูกชายหนุ่มเข้าจู่โจมด้วยความเร็ว นาคินเข้าประชิดตัวแล้วจับเขาแบกขึ้นบ่าไปด้วยท่าทีสบายๆ โดยไม่รอให้เขาได้มีเวลาตั้งตัว จนคนที่ถูกแบกถึงกับตกใจ ถึงจะออกแรงถีบหรือจะทุบอย่างไร คนแบกก็ไม่สะทกสะท้าน
"ยุ่งยากเสียเวลา" นาคินพูดออกมาด้วยความรู้สึกรำคาญ แล้วก็แบกคนตัวเล็กกว่าเดินตรงไปที่รถ พอเปิดประตูรถได้ก็ทุ่มคนตัวเล็กลงกับเบาะที่นั่งข้างคนขับ จนเจ้าตัวถึงกับออกอาการจุก แล้วรีบวิ่งอ้อมไปขึ้นรถขับออกไปในทันที
"เดี๋ยวคนเขาอุตส่าห์มาส่งจะไม่ขอบคุณกันหน่อยเหรอ" เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นทันทีที่คนตัวเล็กกำลังจะเปิดประตูรถ
เตโซถึงกับหันมามองค้อนเจ้าของเสียงอย่างไม่พอใจ " ใครใช้ให้มึงมาส่งมึงบังคับกูมาเองเปิดประตู" เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแล้วพยายามจะเปิดประตูรถ ที่ถูกล๊อคอัตโนมัติจากฝั่งคนขับ
"ลืมอะไรหรือเปล่าผมรู้ว่าพี่โกธรที่พ่อพูดแบบนัั้นแต่พี่ก็ไม่ควรจะทำอย่างนั้น พี่ก็รู้ว่าพ่อเป็นโรคหัวใจพี่ไม่ควรทำให้ท่านไม่สบายใจ" นาคินหยิบของที่ถูกวางอยู่ตรงกระจกหน้ารถยื่นให้เตโซ ด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนโยนลง
"มึงเป็นหมอมึงก็ดูแลไปสิพ่อมึงไม่ใช่เหรอ" แต่แทนที่เตโชจะรับของแล้วกล่าวขอบคุณ แต่กับพูดเสียดสีทิ่มแทงจนคนฟังถึงกับรู้สึกเอือมระอา อยากจะจับฟาดก้นชะให้เข็ดตามด้วยประกบจูบจนไม่กล้าพูดอย่างนั้นอีกเลย
แต่คงจะทำได้แค่คิดก็ในเมื่อศักของความเป็นพี่น้องมันค้ำคออยู่
นาคินถอดถอนใจไปทีนึง ก่อนจะแสดงสีหน้าเซ็งพี่ชายของตัวเอง " งั้นก็แล้วแต่พี่เถอะ" พูดจบก็ปลดล๊อคประตูรถให้
เตโชรีบเปิดประตูรถแล้วก้าวขาลงจากรถในทันทีโดยไม่ลืมหยิบเอาของจากมือของนาคิน โดยไม่มีแม้แต่คำขอบคุณ แล้วปิดประตูดังลั่นอย่างไม่กลัวว่ารถจะพัง
นาคินมองตามหลังร่างพี่ชายของตนที่เดินหายลับเข้าไปในตัวตึกเขาส่ายหัวเบาๆอย่างรู้สึกเหนื่อยกับพฤติกรรมของพี่ชายตัวเอง
ถ้าไม่ติดตรงที่เป็นพี่น้องกันเขาจะจับคนอวดดีบดขยี้ให้แหลกคาเตียงเลยทีเดียวเพราะความรู้สึกหมั่นไส้
"คิดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คิน" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อรู้ตัวว่าคิดอะไรออกไป ถึงอยากจะทำแต่คงทำไม่ได้เพราะเขาคงไม่ไร้จิตสำนึกจนถึงขนาดจับพี่ชายตัวเองมาทำเมีย
ถึงแม้ในบางครั้งเขาจะเผลอคิดถึงใบหน้าพี่ชายตัวเองทุกครั้งที่มีอะไรกับคนอื่น
เขาส่ายหัวเบาๆอีกครั้งเพื่อไล่ความคิดบ้าๆออกจากหัวแล้วรีบขับรถออกไป
เมื่อมาถึงห้องเตโซก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยออ่นความคิดมากมายสุมรุมเข้ามาในหัวภาพที่พ่อชี้หน้าด่าเขาเมื่อตอนหัวค่ำก็พุดเข้ามาในหัวราวกับจะตอกย้ำให้เขารู้สึกเจ็บแต่ที่หนักยิ่งกว่าคือความรู้สึกเกลียดชังน้องชายตัวเองที่มีมากขึ้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นเพราะทุกครั้งที่เขาโดนด่าโดนดุมันก็ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับน้องชายของเขาตลอด
ตั้งแต่ตอนเด็กๆพ่อมักจะให้ความสำคัญกับนาคินก่อนเสมอจนเขาคิดว่าพ่อไม่เคยรักเขาเลย
พลันจู่ๆนำ้ตามันก็ไหลออกมาเองอย่างไม่รู้ตัวเขานอนสะอื้นอยู่อย่างนั้นจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
🎶🎶🎶 เสียงโทรศัพท์ดังปลุกให้ชายหนุ่มที่กำลังนอนอยู่บนเตียงตกใจตื่นขึ้นมางัวเงียควานหาโทรศัพท์กดรับโดยไม่ทันได้ดูเบอร์
(เตโซ\=ว่า)
(ปลายสาย\=เฮ้ยไอ้เตแกอยู่ใหนแล้วเนี้ยวันนี้มีสอบเก็บคะแนนมึงจะเบี้ยวอีกหรือไงวะ)
(เตโซ\=สอบเ_ี้ยละเออๆเดี่ยวกูไป)
(ปลายสาย\=เ_ี้ยมึงจะตะโกนหาพระแสงอะไรวะหูกูแทบแตก ตู๊ดดด)
ปลายสายยังพูดไม่จบสายก็ถูกตัดไปในทันทีชายหนุ่มรีบพุดลุกขึ้นจากเตียงกุลีกุจอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
สิบนาทีต่อมาเขาก็นั่งวินรีบบึ่งตรงไปยังมหาลัยที่อยู่ใกล้ๆในทันทีโชคยังดีที่รถไม่ค่อยติดเขาจึงมาถึงมหาลัยทันเข้าห้องสอบพอดี
เนื่องจากรถยังจอดอยู่ที่บ้านวันนี้เลยต้องนั่งวินมา
พอสอบเสร็จก็มานั่งสุมหัวกันอยู่ใต้อาคารเรียนคณะศิลปะที่เป็นสายที่เขาเลือกเรียนต่างจากน้องชายที่เลือกเรียนคณะแพทย์ที่อยู่อาคารถัดไปอีกสองอาคารตอนนี้เขาก็เรียนอยู่ปีสามแล้วอันที่จริงถ้าไม่ติดว่าเรียนชำ้ชั้นตอนอยู่ประถมตอนนี้เขาคงได้ขึ้นปีสี่ไปแล้ว
ส่วนนาคินก็พึ่งขึ้นปีสองเนื่องจากปีนี้เขาต้องย้ายออกจากหอในตามกฏของทางมหาวิทยาลัยเลยขอพ่อไปอยู่กับพี่ชายเลยเป็นเหตุให้เตโซต้องทะเลาะกันกับพ่ออันที่จริงนาคินเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้
"เฮ้ยไอ้เตเป็นอะไรของมึงวะตั้งแต่อยู่ในห้องสอบละมีอะไรก็บอกพวกกูได้นะเว้ย" ชินกรเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่สังเกตเห็นเพื่อนรักดูท่าทางเหม่อลอยราวกับคนกำลังคิดมาก
"เรื่องของกู" คนอวดดีพูดกระแทรกเสียงใส่อย่างไม่พอใจ
"เ_ี้ยไรของมึงวะกูถามดีๆ" ชินกรพูดพร้อมทำหน้าเซ็งๆกับคนนิสัยเสีย ถ้าไม่ใช่ว่ารู้ใจกันดีและคบกันมานานคงได้มีเรื่องกันแน่ๆ
"ไอ้ชินมึงก็รู้ว่ามันนิสัยไม่ดีแล้วมึงจะไปสนใจมันทำไมหว้านี่สนใจนี่ดีกว่า" สุทินเพื่อนอีกคนในกลุ่มพูดขึ้นพร้อมกับโชว์คลิปโป๊ในโทรศัพท์ให้ชินกรดู ชายหนุ่มถึงกับตาลุกวาวรีบเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากมือสุทินในทันที
"โอ้ว้าวไอ้ทินสุดยอดไปเลยวะแชร์เลยแชร์ให้กูด้วย" แล้วพวกมันก็นั่งดูคลิปโป๊เปิดเสียงลั่นลานม้าหินออ่นที่อยู่ใต้อาคารเรียนจนคนที่ผ่านไปผ่านมามองด้วยสายตารังเกียจ
เตโชเห็นดังนั้นก็ได้แต่ฟุบหน้าหนีรู้สึกอายกับการกระทำของสองเพื่อนชี้
"เ_ี้ยดูอะไรก็เปิดเสียงเบาๆหน่อยดิวะพวกมึงกลัวคนอื่นเขาไม่รู้รึไง" เตโซพูดพลางเหลือบมองโต๊ะรอบๆที่หันมามองพวกเขาเป็นตาเดียวกัน พอไอ้สองเพื่อนเกลอได้ยินดังนั้นก็หันไปส่งยิ้มแหยๆให้กับโต๊ะรอบข้างแล้วรีบลดเสียงลงในทันที
แล้วก็หันมาสนใจกับคลิปหวิวในโทรศัพท์ต่อแบบไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีก เตโซได้แต่ส่ายหัวเอือมระอากับพฤติกรรมของพวกมันแล้วก็ทำเป็นฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อหลบสายตาของคนรอบข้าง
"เฮ้ยไอ้คินมองดูอะไรวะ" อีกด้านหนึ่งของตัวอาคารนาคินที่เดินผ่านมาแอบหันไปมองพี่ชายตัวเองที่นั่งหมอบอยู่ในกลุ่มเพื่อนถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงตะโกนดังขึ้นใกล้ๆหู
"เ_ี้ยกูตกใจหมดพูดเบาๆก็ได้" พูดพลางเอามือกุมหน้าอกมองค้อนเพื่อนอย่างไม่พอใจ
"ก็กูเรียกมึงหลายรอบแล้วมึงก็ไม่ขานรับกูเลยต้องตะโกนเนี๊ยะ" บาสถึงกับเกาหัวแกรกๆงงกับพฤติกรรมของเพื่อนแต่แล้วเขาก็ถึงกับตาลุกวาวเมื่อหันมองไปยังจุดที่เพื่อนจ้องมองอยู่เมื่อครู่
"เฮ้ยนั่นพี่ชายมึงไม่ใช่เหรอวะโคตรน่ารักเลยวะแต่เสียอย่างเดียวนิสัยแย่ไปหน่อย" บาสพูดพลางเอามือขึ้นมาเกาคางแกรกๆอย่างคนกำลังใช้ความคิด
พอได้ยินดังนั้นชายหนุ่มถึงกับหันไปมองค้อนอย่างไม่พอใจ
ส่งผลให้บาสถึงกับหน้าถอดสีส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ในทันที "เออกูลืมไปว่ามึงรักพี่มึงยังกับอะไรดีเอ้ยคินรอกูก่อน"
นาคินรีบเดินหนีไปยังอาคารเรียนด้วยความไม่พอใจจนบาสต้องรีบวิ่งตามไป
"แฮกกก กูขอโทษก็พี่มึงนิสัยเสียจริงๆนี่หว่าโอ้ย" ทันทีที่มาถึงเขาก็ต้องหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหอบแต่ปากก็ยังไม่หยุดพูดเลยโดนบาทาหนักๆประเคนเข้าให้เต็มรักบาสถึงกับลงไปกองอยู่กับพื้นถึงมันจะไม่แรงมากแต่มันก็ทำให้เขาเจ็บอยู่เหมือนกัน
"เฮ้ยไอ้บาสทำไมลงไปนอนอยู่ตรงนั้นวะ" นิวเพื่อนอีกคนในกลุ่มร้องทักขึ้นทันทีที่มาถึงแล้วเห็นเพื่อนรักลงไปนอนกลิ้งเกือกอยู่บนพื้น
"คุณมึงก็ถามไอ้คินดูสิ" เขาพยุงตัวลุกขึ้นได้ก็รีบปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าแล้วหันไปมองค้อนตัวต้นเหตุที่ทำเป็นนั่งอ่านตำราแพทย์ไม่รู้ไม่ชี้อยู่บนโต๊ะข้างๆ
"มึงไปพูดถึงพี่มันอีกแล้วละสิ" นิวกระชิบถามบาสเพราะเขารู้ดีว่ามีอยู่อย่างเดียวที่ทำให้เจ้าชายที่แสนเย็นชาไร้ความรู้สึกปี๊ดแตกได้ถึงขนาดลงไม้ลงมือกับเพื่อนได้ถึงขนาดนี้
"นิดเดียวเอง" บาสเอ่ยออกมาอย่างเซ็งๆ แต่ก็ต้องรีบหุบปากในทันทีเมื่อสายตาพิฆาตมองมาทางตนสองคน เขาจึงส่งยิ้มเจื่อนไปให้แล้วรีบพากันเข้าไปนั่งบนโต๊ะเรียนข้างๆกันเพื่อรอเรียนคาบต่อไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!