NovelToon NovelToon

บันทึกการเดินทางของผู้มาจากต่างแดน

เริ่มเรื่องราว

“….ใคร นั้นใครกันหนา…..ก้าวเข้ามา ให้ข้าได้เห็น….มาสิ เดินตรงเข้ามา….ต้องอย่างนั้นสิ ทำดีมาก ดีมาก แด่ท่านผู้ได้เดินทางผ่านมาในยามวิกาล ท่านอาจหลงโปรดจงฟังให้ดี….เชิญเข้ามาพักข้างใน ดื่มน้ำใบชา ให้ใจ---”

แปะ แปะ แปะ

“นั้นใคร!!” เจ้าของเสียงผู้กำลังร้องเพลงด้วยเสียงต่ำมีเสน่ห์ อยู่ที่บ้านตรงตีนเขา เขาได้หยุดร้องเพลงและบรรเลงเพลงกับเปียโนหรูเมื่อได้ยินเสียงปรบมือที่ดังสนั่นจากหน้าประตู

เขาได้ส่งเสียงถามออกไป แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงฟ้าผ่าและแสงจากฟ้าแลบพร้อมกับเสียงฝนที่กำลังตกกระหน่ำอยู่ภายนอกจากท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาจึงลุกจากเก้าอี้และค่อยๆเดินไปยังหน้าต่างที่มีผ้าม่านกำมะยี่สีแดงเข้ม เขาแง้มมันออกเล็กน้อย แล้วจึงมองออกไป

เขาเห็นชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองเนื้อตัวเปียกปอนยืนอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ชายหนุ่มยืนก้มหน้าและถือกระเป๋าถือหนัง เขายืนนิ่งไม่ขยับ นิ่งราวกับรูปปั้น

เขาเห็นว่าอีกฝ่ายดูไม่น่ามีพิษภัยอะไรก็น่าจะเปิดไปดูได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ไว้ใจคนแปลกหน้า เพราะในบ้านหลังนี้ บ้านแสนอบอุ่นของเขา เขาไม่ได้อยู่ที่นี้เพียงคนเดียว ยังมีภรรยาและลูกๆอีก 2 คนนอนอยู่ที่ชั้นบน คิดได้ดังนั้น เขาเดินไปหยิบกรอบรูปออกจากผนังบ้าน หลังกรอบรูปนั้นมีปืนพกLeMat 1869 centerfire-11mm กับกล่องบรรจุกระสุน เขาหยิบกระสุนออกมาใส่ ก่อนจะเอากรอบรูปแขวนไว้ดังเดิม

ชายเจ้าของบ้านผู้นี้เหน็บปืนเอาไว้ข้างหลังและเดินไปเปิดประตู ปึก!!! โครม!!!!! เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งในจังหวะเดียวกันกับที่ชายเจ้าของบ้านเปิดประตูออก

“ไง ขอโทษที่มารบกวนยามดึก พอดีอย่างที่คุณเห็น ฝนมันตกตอนที่ผมกำลังเดินทางน่ะ แล้วก็เห็นแสงไฟเปิดอยู่สลัวๆเลยเดินมา” ชายหนุ่มผมทองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ เมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนตรงหน้าเปิดประตูให้

ชายวัยกลางคนตรงหน้าชายหนุ่มมีผมและนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาว สูงน่าจะ5ฟุต8นิ้ว ใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขา3ส่วน

“อ่อ งั้นเรอะ งั้นเข้ามาก่อนสิ” ชายวัยกลางคนเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้น หลังจากตรวจสอบคนตรงหน้าคร่าวๆ

เด็กหนุ่มผมบลอนด์ทองตรงหน้า มีนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนส่องประกาย มีผิวสีขาวนวลเกือบซีด สูงราว6ฟุต1นิ้ว ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวโกธิคพังก์แบบเชือกผูก ใส่กางเกงขายาวสีดำ และสวมรองเท้าหนัง

“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้ม และเดินตามชายเจ้าของบ้านเข้าไปนั่งตรงหน้าเตาพิงไฟ ก่อนจะนั่งเด็กหนุ่มมองสำรวจภายในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว ขนาดบ้านไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ครอบครัวหนึ่งพอจะอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ต้องแย่งทีี่ ของประดับตกแต่งในบ้านพอจะทำให้รู้ว่าครอบครัวนี้ฐานะค่อนข้างดี

“ไอหนุ่ม เธอเป็นใครล่ะ ทำไมมาอยู่แถวนี้”ชายวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยความสงสัยเสียเต็มประดา คนอะไรมาเดินอยู่แถวตีนเขาดึกๆดื่นๆ

“งั้นขอแนะนำตัว ผมฟิลิปป์ คาร์เตวิลด้าร์ รับจ้างทำทุกอย่างครับ” ชายหนุ่มนามฟิลิปป์พูดแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับยื่นมือมาจับ ไม่รู้ว่าชายกลางคนคิดไปเองหรือไม่ ประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่มพูดสีนัยน์ตาของเขาเปลี่ยนกลายเป็นสีเหลืองอำพัน

ตอนนี้ชายวัยกลางคนพอจะเดาได้ บางทีเด็กหนุ่มตรงหน้าอาจกำลังเดินทางไปหางานรับจ้างที่ต่างๆก็เป็นได้ นั้นพอจะช่วยไขคำถามในใจของเขา

“ฉันแดน เซอร์นี่ ก็…อย่างที่เห็น ฉันเป็นนักเปียโน”ชายวัยกลางคนหรือแดนพูดพร้อมหันไปทางเปียโน และยื่นมือมาจับกับฟิลิปป์ แต่แดนก็สะดุ้งเล็กน้อยจากเล็บแหลมของเด็กหนุ่ม

“เธออยากพักที่นี้ก่อนมั้ยล่ะ แต่เธอนอนได้แค่บนโซฟานะ”แดนเอ่ยขึ้นอย่างคุณพ่อใจดี

“โว่ว ขอบคุณนะครับ ให้นอนพื้นผมก็ยินดี”ฟิลิปป์กล่าวตอบ แล้วชายต่างวัยทั้ง2ก็หัวเราะกัน แดนตอนนี้เริ่มคิดว่าเด็กหนุ่มนามฟิลิปป์อาจไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

ตึก ตึก ตึก

“คุณพ่อฮะ อยู่กับใครหรอ” หลังจากเสียงหัวเราะสั้นๆได้จบลง พลันก็มีเสียงของเด็กชายตัวน้อยอายุไม่น่าจะเกิน6ขวบเดินลงบันไดมา

“โอ้ แดนนี่ พ่อทำลูกตื่นรึเปล่า” แดนพูดพร้อมเข้าไปอุ้มผู้เป็นลูกชายที่เดินลงบันได ที่ถือตุ๊กตาเท็ดดี้สีน้ำตาลลงมาด้วย ฟิลิปป์เองก็ชะโงกดูจากห้องรับแขก

“ลูกคุณเหมือนคุณย่อส่วนเลยนะ คุณเซอร์นี่” ฟิลิปป์พูดขึ้น เขาไม่ได้พูดขึ้นเกินจริงนัก ตัวของชายของแดน ,แดนนี่มีผมสีน้ำตาลเข้มและผิวขาว มีเพียงตาที่เป็นสีฟ้าเข้ม

“ฮะๆ ขอบใจ แต่เรียกฉันแดนเถอะ” แดนหันมาพูดในขณะที่ยังแดนนี่อย่างอารมณ์ดี ฟิลิปป์ก็รับคำ

“แดนนี่! แดนนี่! อย่าลงไปตอนที่พ่อซ้อมเพลงสิ” เสียงหวานใสของหญิงสาววัยแรกรุ่นผมบลอนด์เป็นลอนสวยงามที่ตัวเธอกำลังวิ่งลงมา

“ไม่เป็นไรเดฟนี่ย์” แดนหันไปตอบกลับ ขณะเดียวกันที่หญิงสาวนามเดฟนี่ย์ลงมาถึงชั้นล่างจะได้พูดอะไรต่อเมื่อเธอเห็นหนุ่มปริศนาที่หลังพ่อของเธอ

แดนที่เป็นปฏิกิริยาของลูกสาว เขาก็หันไปมองฟิลิปป์ เขาเห็นฟิลิปป์ยิ้ม เมื่อหันมาทางเดฟนี่ย์ เขาก็เห็นเดฟนี่ย์ยิ้มเช่นกัน แดนก็หันสลับไปมา ไม่เพียงแค่แดน แดนนี่เองก็ตามพ่อเช่นกัน จน2พ่อลูกก็หันมามองกันอย่างรู้ใจ

“เดฟนี่ย์นี่ฟิลิปป์ ฟิลิปป์นี่เดฟนี่ย์” แดนแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน

"" ไง "" ทั้งคู่พูดพร้อมกัน อย่างแอบอมยิ้มกันทั้งคู่ แดนกับแดนนี่ก็ถอนหายใจ

“อ่านี่ ลูกๆ คือฟิลิปป์เขาจะมาพักกับพวกเราสักคืนน่ะ ไม่มีปัญหานะ”แดนถามขึ้น ลูกทั้ง2ของเขาเองก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ฟิลิปป์ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มขึ้น ครอบครัวนี้ช่างเป็นคนดี

“ขอบคุณนะอีกครั้งนะครับ ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกได้เลย ผมทำได้ทุกอย่าง”

“งั้นพี่ชายมีเรื่องเล่าสยองๆมั้ยฮะ” แดนนี่ได้เอ่ยขึ้นเมื่อแดนเขาร่างน้อย ๆ ของเขาลงบนโซฟา “เพราะคืนนี้ผมคงนอนไม่ค่อยหลับแล้วแหละ” เด็กน้อยพูดพลางยิ้มแห้งเมื่อหันไปนอกหน้าต่างที่มีฝนตกฟ้าร้องไม่หยุด ต่างจากตอนหัวค่ำที่มีเพียงแค่สายฝนตกลงมาเพียงปรอย ๆ

“ก็…พอจะมีอยู่นะ เป็นเรื่องที่พี่เจอมากับตัวเลยล่ะ” ฟิลิปป์ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป

“ว้าว เจ๋งอ่ะ มีเยอะมั้ย”แดนนี่ถามอย่างตื่นเต้น แดนและเดฟนี่ย์เองก็มานั่งหน้าเตาพิงไฟกันทุกคน ฟิลิปป์ก็มองทั้ง3และพยักหน้า

“อื้ม พี่มีหลายเรื่องเลยล่ะ งั้นเอาเรื่องเบาๆก่อน” ฟิลิปป์พูดพร้อมหลับตาและกระแอ่มเล็กน้อย ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น

...เรื่องราวเรื่องแรก….เรื่องสยองของราว์นิช...

.......

.......

.......

THE RAWNICH HORROR I

ณ สถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกของดินแดนแห่งนี้ ที่ต้นลำธารสีเลือด มีเมืองไกลปืนเที่ยงที่ซึ่งสินค้าส่งออกหลัก คือ น้ำเชื่อมเมเปิ้ลและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทุกส่วนของต้นเมเปิ้ลจะให้ได้

และแม้ที่นี้จะเป็นเมืองแถบชนบท ถึงกระนั้นคนในเมืองแห่งนี้ก็มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีทุกคน ยากนักที่ผู้มาเยี่ยมเยือนจะได้พบเห็นคนยากไร้ หรือคนจรจัด ที่แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ระบบสาธารณสุขที่อยู่ในขั้นดีเยี่ยม ทั้งยังมีเศรษฐีอยู่หลายราย

เรื่องราวที่จะกล่าวเล่าออกมาต่อจากนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่ง ในเมืองแห่งนี้ ‘เมืองราว์นิช’ และตระกูลนั้น โอ'เมอร์ฟี่ ผู้ร่ำรวย ซึ่งมีเอกลักษณ์คือผมสีแดง มีคฤหาสน์และที่ดินตั้งอยู่ท้ายเมืองติดกับป่าเมเปิ้ล อันเป็นที่ดินของพวกเขา

สิ่งหนึ่งที่คนทั้งเมืองรู้เกี่ยวกับพวกเขา สมาชิกในตระกูล ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความแปลก ความประหลาด อย่างผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน กรานด์ฟอร์ด โอ'เมอร์ฟี่ เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาภูมิฐาน บุคลิกดีตามฐานะ และมีสีผมอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล เขานั้นมักจะเข้าไปหลังโกดังเก็บถังน้ำเชื่อมเมเปิ้ล ตั้งแต่ยามวิกาลไปจนรุ่งสาง

หรือ เคย์ลี่ โอ'เมอร์ฟี่ คุณนายบ้านนี้ แม้ตัวเธอจะแต่งเข้ามาและไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดมาก่อน แต่เธอก็มีผมสีแดง และแน่นอนเธอก็มีความแปลก เธอมักจะไปยังเรือนเล็ก และ…เข้าไปยังห้องสวดมนต์ใต้ดินในทุกๆคืน

กระทั่งอดีตผู้นำตระกูลและทายาทรุ่นต่อไป โรเซนลอยด้า โอ'เมอร์ฟี่ หญิงสูงวัยอดีตผู้นำตระกูลหลังจากสามีเสียชีวิตไปอย่างปริศนา เป็นเรื่องหน้าพิศวงที่ตัวของเธอยังดูเหมือนหญิงสาววัย 30 ปลายๆ ,อาร์ทัวร์และอาร์ธัส โอ'เมอร์ฟี่ สองฝาแฝด พวกเขามักจะมานั่งรอบเตาพิงไฟในคฤหาสน์ทุกคืนวันศุกร์

แต่แม้พวกเขาจะมีความแปลกความน่าสงสัย แต่ก็ไม่มีชาวเมืองคนไหนสนใจหรือมาถือคบเพลิงไล่ ส่วนหนึ่งกก็เพราะพวกเขายังไม่ก่อความเดือดร้อนอะไรให้ชาวเมือง และเป็นตระกูลสำคัญที่หารายได้เข้าเมือง ทำให้ใครหลายคนมีงานทำ อีกส่วนคือมีข่าวลือว่าพวกเขามีเทวทูตประจำตระกูลที่คอยปกปักษ์พวกเขา และจะร่ายคำสาปใส่ผู้ประสงค์ร้าย

พิธีกรรมและความแปลกประหลาดของครอบครัวตระกูลนี้ก็ดำเนินไปจนชาวเมืองเริ่มรู้สึกได้ถึงความวุ่นวาย บรรยากาศที่เริ่มไม่ชอบมาพากล และลางร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามา เมื่อทายาททั้ง 2 นั้น มีอายุครบ 16ปีบริบูรณ์…

THE RAWNICH HORROR II

ในเรื่องเล่าลึกลับสยองขวัญแทบทุกเรื่องที่มีเมืองหรือหมู่บ้านเล็กๆหรืออาจจะแม้ใจกลางกรุง มักจะมีบ้าน คฤหาสน์หรือโรงแรม อันเป็นสถานที่ต้องห้ามไม่ให้เด็กๆย่างกรายเข้าไปเล่น ในเรื่องราวนี้ก็เช่นกัน นั้นคือ คฤหาสน์เรด เมเปิ้ล ของตระกูลโอ'เมอร์ฟี่…..

คฤหาสน์2ชั้นสไตล์โกธิค มันมีขนาดใหญ่มากพอจะอยู่รวมกันราวร้อยคน ผนังคฤหาสน์ภายนอกมีสีแดงเลือดนก และหลังคาสีไวน์องุ่นแดง พวกเขายังมีสุสานประจำตระกูล ไม่พอที่เพิ่มความน่าสยดสยองและมนต์ขลังให้คฤหาสน์นี้คือหมอกหนารอบๆพื้นที่ของพวกเขาตลอดทั้งปีและยาวนานเรื่อยมาจนเป็นเอกลักษณ์ที่ถ้าเกิดคุณถามเด็ก5ขวบในเมืองนี้ว่านึกถึงคฤหาสน์แห่งนี้นึกถึงอะไร แน่นอนร้อยละ 80 มักจะตอบว่าหมอกหนา

.

.

.

.

เช้าวันหนึ่งหลังสิ้นสุดฤดูหนาว ขณะที่แสงแดดจากดวงตะวันยังส่องได้ไม่ทั่วฟ้า แต่ถึงกระนั้นแสงก็ยังส่องมากพอให้มองเห็นหมอกที่ลงหนายังเมืองตรงหน้าได้ เด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุดูจากใบหน้าน่าจะราวๆ 15 ปี ได้หยุดยืนอยู่หน้าป้าย ‘ราว์นิช ยินดีต้อนรับ’ เขาเสยผมสีบลอนด์ทองเป็นประกายสั้น หยักศก ทรงรองหวีของตนขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กำกระเป๋าหนัง เดินตรงไปตามทางถนนที่แม้จะเป็นทางดินแต่ก็เรียบดูดี ช่างไม่เข้ากับความไกลปืนเที่ยงนี้เสียเลย

เด็กหนุ่มหยุดเดินอีกครั้งเมื่อเขามาอยู่ตรงหน้าบ้านหลังใหญ่สีขาวคลาสสิค 2 ชั้น ที่ชั้น 1 มีระเบียงให้เห็นลานรอบบ้านที่เป็นลานหญ้าที่ตัดอย่างสม่ำเสมอสวยงาม และมีสวนย่อมอยู่ริมรั้วสีขาวเช่นเดียวกับบ้าน เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็เดินเข้าไปในบริเวณบ้าน เขาเดินขึ้นทางบันไดสั้นๆจากนั้นก็เคาะประตูไม้อัดสีขาว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจก็มีชายร่างใหญ่เปิดประตูออกมา การแต่งตัวและหน้าตาของเขาดูภูมิฐาน ผมสีดำรองทรงของเขาถูกเสยไปข้างหลังมันช่างดูเรียบเสมอกันหมดและเงางาม นัยน์ตาสีฟ้าซีด ชายวัยกลางคนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีดำ ทั้งยังมีสายเอี๊ยมหนัง

“โอ้ไง คุณคือ…คนที่จะมาจัดการเจ้านั่นให้เราใช่มั้ยครับ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น หลังจากสังเกตุเด็กหนุ่มตรงหน้า จากนั้นเขาจึงยื่นมือออกมาเป็นเชิงทักทาย

“ครับ ใช่ครับ คุณวิลลาจย์” เด็กหนุุ่มยิ้มและกล่าวตอบ ก่อนจะยื่นมือไปจับ คุณวิลลาจย์สะดุ้งเล็กน้อยเพราะเล็บบนนิ้วเรียวของเด็กหนุ่มผิวขาวนวลจนเกือบซีดตรงหน้า มันจิกเข้ามาในเนื้อของเขาเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก

.

.

.

“งั้นคุณวิลลาจย์ สรุปก็คือ มีผู้คนที่ทำอาชีพที่ต้องอยู่ใกล้กับป่าพบเห็นตัวประหลาดคล้ายมนุษย์หมาป่าแต่มีหน้าสีขาว มีเขาสี่เขา ยืนสองขาได้ ไม่มีหาง กลุ่มคนที่พบเห็นบ่อยสุดคือจากคนงานในตระกูลโอ'เมอร์ฟี่….งั้นสินะครับ”เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยขึ้น

“ใช่แล้วล่ะ ปกติฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งอะไรกับพวกนั้น แค่…ช่วงหลังๆมานี้ทุกครั้งเจอไอตัวประหลาดนั้น สัตว์เลี้ยงในฟาร์มจะตายตลอด ศพของพวกมันเละไปหมด เหมือนถูกฉีกกระชากจากกรามของสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่กว่าหมี นับวันจำนวนสัตว์ที่ตายก็มากขึ้น” ชายวัยกลางคนพูดพลางถอนหายใจ

“คุณเลยจ้างผม งั้นสิ”

“ใช่ ขอล่ะ ช่วยเราที อยากได้อะไรฉันจะให้ ถ้าฉันให้ไ--”

“จิ๊ๆ พอแล้วครับ เข้าใจแล้ว….แล้วอยากให้แค่สืบ…..หรือจัดการมันเลยล่ะ” น้ำเสียงสุภาพพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก และเมื่อเขาพูดจบนัยน์ตาสีฟ้าประกายของเขาเกิดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพันไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาเป็นเช่นเดิม คุณวิลลาจย์ที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกลัวสุดขั้วหัวใจของเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังเก็บอาการ เพื่อเมืองนี้

“ถ้าให้ดีก็….จัดการเลยครับ ถ้าเกิดปล่อยไว้มันอาจจะเปลี่ยนจากสัตว์มาเป็นชาวเมืองก็ได้ ฉันในฐานะนายกเมืองนี้ที่ทุกคนเลือกมาจะปล่อยผ่านไม่จัดการไม่ได้ ฝากจัดการด้วยนะครับ อ้อ เรียกฉันเจฟฟ์ก็ได้” ริมฝีปากที่มีหนวดขึ้นอยู่เหนือเล็กน้อยก็ขยับขึ้น มันช่างเป็นรอยยิ้มสู้ชีวิตเสียนี่กะไร และคุณวิลลาจย์หรือเจฟฟ์ก็ยื่นมือมา แม้เด็กหนุ่มจะสัมผัสลักษณะของรอยยิ้มได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร เขายื่นมือไปจับตอบกับเจฟฟ์ที่ยื่นมือมา และยิ้มกลับไป ทำเอาเจฟฟ์ยิ้มแห้งทันที

หลังจากที่พักดื่มชากาแฟกับเจฟฟ์ เด็กหนุ่มก็เดินออกมาพร้อมแผนที่ในมือ นัยน์ตาของเขากรีดไปมาตามแผนที่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพับเก็บอย่างเรียบร้อยใส่กระเป๋าหนัง และตรงไปยังแหล่งรวมตัวของผู้คน บาร์ นั่นเอง

แม้จะเป็นเรื่องแปลกที่เขาจะไปที่บาร์ตอนกลางวันแสกๆ แต่แน่นอนทุกคนล้วนมีเหตุของตนเองที่จะทำอะไรสััักอย่าง เด็กหนุ่มผมทองผู้นี้เช่นกัััน

กิ๊งๆ

“เฮ้ เดี๋ยวสิตาแก่ฮอบแมน ทำไมชอบมาร้านตอนไม่เปิดอยู่เรื่--” ไม่ทันที่หญิงสาววัยรุ่นตอนปลายจะพูดจบ เธอก็หันจากโต๊ะที่เธอกำลังเช็ด มาเห็นเด็กหนุ่มเจ้าของผมบลอนด์เป็นประกายเสียก่อน

“แย่จริง นี่ผมดูเหมือนตาแก่หรอพี่สาว” ฟิลิปป์พูดพลางหัวเราะเล็กน้อย

“หล่อ เอ้ย ขอโทษนะคะคุณลูกค้า พอดีมักจะมีตาแก่ขี้เหล้ามาร้านฉันตอนกลางวันทุกที” หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มมัดเป็นทรงหางม้า ใบหน้าคมคายสวยมีเสน่ย์ ทั้งยังมีนัยน์ตาสีเขียวน่าดึงดูด .กล่าวตอบกับผู้มาเยือน

“แล้ว…พ่อหนุ่มมีอะไรหรอถึงมาที่นี้ แถมหน้าไม่คุ้นเลย” หญิงสาวกล่าวถาม แน่นอนการที่มีคนต่างถิ่นมาบาร์ตอนกลางวันต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน

“ก็นะครับ ผมถูกจ้างให้มาจัดการ เจ้านั่น” นันย์ตาของชายหนุ่มราวกับคิดไปเองมันกลายเป็นสีเหลืองอำพันชั่วขณะ

“เจ้านั่น? อ๋อ เข้าใจล่ะ เธออยากถามอะไรใช่มั้ย” หญิงสาวพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเด็กหนุ่มทันที

“หัวไวดีนะครับ ก็นั่นแหละ” เด็กหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้

“งั้นมานั่งก่อน” หญิงสาวพูดพลางเดินหลังเคาน์เตอร์บาร์ เด็กหนุ่มเองเดินไปนั่งลงตรงหน้าเธอ

“เรามีเวลาอีกเยอะเลยกว่าร้านจะเปิด ฉันจะตอบเท่าที่ฉันตอบได้” หญิงสาวกล่าวตอนที่ใช้แขนทั้ง2ข้างวางลงบนเคาน์เตอร์

“คงต้องเริ่มจากแนะนำตัวกันก่อนล่ะนะ ฉันเล็กซานดร้า แต่เรียกซานดร้าก็ได้” หญิงสาวนามเล็กซานดร้า หรือซานดร้ากล่าวพร้อมยิ้มให้

“ครับคุณซานดร้า ผมอยากรู้ว่าตระกูลโอ'เมอร์ฟี่นี่ มีภาพลักษณ์ยังไง แล้วช่วงนี้มีอะไรแปลกๆรึเปล่า” เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้น

“ฮ่ะ เจ้าพวกนั้นก็แปลกตลอดทั้งปีทั้งชาติ ส่วนภาพลักษณ์นี่ก็…ตระกูลไฮโซมีแต่ผมแดง ชอบทำตัวแปลกๆลึกลับกันทั้งบ้าน” ซานดร้ากล่าวพลางกอดอก

“โอ้ งั้นคำถามต่อไป นายอำเภอของเมืองนี่จัดการเรื่องเจ้าตัวประหลาดนั้นยังไง”

“นายอำเภอกุสตาฟว์ ตาลุงนั่นก็พยายามในแบบปกติของเขาล่ะนะ แต่นายก็รู้ เรื่องของเรื่องคือมีตระกูลเศรษฐีมาเกี่ยวข้อง กรานด์ฟอร์ดผู้นำตระกูลน่ะ เจ้านายเขา” ประโยคสุดท้ายก้มตัวลงพูดกระซิบเบาๆ เด็กหนุ่มเองก็เอนตัวตาม

“เข้าใจล่ะครับ แล้วมีพวกข่าวลืออะไรบ้างมั้ย เกี่ยวกับเจ้านั่น” เด็กหนุ่มพูดเบาๆ

“จากที่ฉันได้ยินจากลูกจ้ากตระกูลเมอร์ฟี่ตอนที่มานั่งินเหล้าอ่ะนะ ก็…ฉันได้ยินมาว่าเจ้านั่นน่ะ น่าจะเป็นหนึ่งในสองแฝดทายาทตระกูล” เธอกล่าวตอบเบาๆเช่นกัน

“โห นั่นน่าสนใจ ทำไมพวกเขาคิดแบบนั้นหล่ะครับ” เขากล่าวอย่างสนใจ

“คนเก่าคนแก่ที่ยังทำงานอยู่ที่นั่นน่ะ เมื่อ16ปีก่อนที่ทายาทตระกูลจะเกิด พวกเมอร์ฟี่ทำพิธีกรรมบางอย่างที่สวนหลังบ้าน เขายังเล่าอีกว่าคืนวันนั้นทั้งคืนแทบไม่ได้นอนกันดี มันทั้งขนลุก เย็นยะเยือก ลมพัดก็แรง ได้ยินเหมือนเสียงกรีดร้องอะไรบางอย่างทั้งคืนมันอธิบายออกมาไม่ค่อยถูก แต่มันโหยหวนและสยดสยองจนนอนไม่หลับ แถมมันยังติดอยู่ในหัวเขาจนแทบบ้าเก้าเดือนเห็นจะได้ จากนั้นมันก็หายไป คนงานคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์และนอนที่พักเดียวกันใกล้ๆคฤหาสน์ก็ยืนยัน” ซานดร้าเล่าออกมาอย่างไม่ติดขัดราวกับว่าเธอเองอยู่ในเหตุการณ์ก็มิปาน

ทางด้านเด็กหนุ่มที่ได้ยินเรื่องราวก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก แล้วเขาก็ยิ้มออกมา

“ขอบคุณครับคุณซานดร้า หลังจากเรื่องจบคุณอยากได้อะไรตอบแทนรึเปล่า” เด็กหนุ่มกล่าวพลางลุกขึ้น

“ฮึ ไม่ต้องให้เรื่องจบก็ได้ ระหว่างที่เธออยู่ที่นี้ก็แวะมาดื่มอะไรที่ร้านฉันบ้าง จริงสิ เธอชื่ออะไร” ซานดร้ากล่าว เธอพึ่งนึกขึ้นได้หลังจากที่คุยกันยาว ตลอดมานี้เด็กหนุ่มตรงหน้ายังไม่แนะนำตัวเลย

“ผมฟิลิปป์” เด็กหนุ่มหรือก็คือฟิลิปป์หันมากล่าวและยิ้มให้ซานคร้า จากนั้นก็ออกจากร้านไป….

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!