"คามา! ดูนี่สิ ฉันเจออะไร"
หลังจากคามาเลิกงานกรรมกรเหมืองแร่ที่เหนื่อยหนักแล้วกลับมานอนในพัก จู่ๆ โมเลฟี่ เพื่อนร่วมห้องก็เข้ามาส่งเสียงเอะอะ ทำเอาเขาหงุดหงิด
"นี่โมเลฟี นายไม่เหนื่อยหรือไง"
"อย่าเพิ่งพูดอะไร ดูซะก่อนว่าฉันเจออะไร" ในมือขอโมเลฟีมีเพชรเม็ดโตที่เจียระไนอย่างงดงาม คามาซึ่งทำงานในเหมืองแร่มานานได้เห็นอัญมณีชิ้นนั้นเพียงแวบเดียวก็รู้ทันทีว่านั้นคือเพชรแท้
"โมเลฟี ไปเอาเพชรเม็ดโตขนาดนั้นมาจากไหน ขโมยมาหรือเปล่า!"
"ขโมยอะไร ฉันเจอในเหมืองต่างหาก"
"นั่นแหละขโมย! เหมืองนี้ไม่ใช่ของเรา แค่เอาหินออกมาก่อนหนึ่งก็เรียกว่าขโมยแล้ว เอ๊ะ เดี๋ยว! ว่าไงนะ นายว่าเพชรที่เจียระไนจนสมบูรณ์แล้วแบบนี้นายเจอในเหมืองเหรอ"
ไม่รู้โมเลฟีฟังที่คามาพูดหรือไม่ เขายังคงมองเพชรในมือด้วยตาเป็นประกาย
โมเลฟีกำเพชรในมืแน่น แล้วพูดว่า
"ใช่ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เพชรเจียระไนแล้วจะอยู่ในเหมืองแต่มันฝังอยู่ในหินที่เหมืองจริงๆ นี่คือโชคชะตา มันรอคอยฉันยังไงล่ะ"
ช่างดูราวกับเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ คามาจึงสังหรณ์ใจแปลกๆ
"เดี๋ยว โมเลฟี ถ้าไม่มีใครสกัดก็ต้องเป็นฝีมือของอะไรบางอย่างทำขึ้นแน่ๆ ฉันว่าเอาของที่มีเจ้าของนี่กลับไปคือที่เดิมดีกว่านะ"
แต่โมเลฟีไม่สนคำเตือนของคามา เขากำเพชรในมือไว้แน่นแล้วรีบปิดไฟนอน
กลางดึก คามารู้สึกเย็นอย่างประหลาดจึงตื่นขึ้นมา "ทำไมมันหนาวอย่างนี้"
เขาหันมองไปที่เตียงขอโมเลฟี เมื่อพยายามมองผ่านความมืดไปที่หัวเตียงก็เห็นเงาดำของคนหลายคน ยืนรายล้อมรอบตัวโมเลฟีอยู่
คามาอยากตะโกนออกมา แต่เขาขยับไม่ได้เหมือนโดนผีอำ
เงาคนเหล่านั้นลากตัดโมเลฟีเข้าไปในผนัง คามากลัวสุดขีดจนช๊อกหมดสติไป
กว่าคามาจะได้สติก็เช้าวันพรุงนี้ขึ้นแล้ว
"โมเลฟีๆ เป็นยังไงบ้าง!"
คามาไปที่เตียงขอโมเลฟี
"โมเลฟี ลุกขึ้น! ฟื้นสิ ฟื้น"
ไม่ว่าจะเรียกและเขย่าตัวอย่างไรโมเลฟีก็ไม่รู้สึกตัว เขากลายเป็นศพตัวแข็งทื่อไปแล้ว ในมือยังกำเพชรเม็ดนั้นไว้แน่น
คามาแกะเพชรจากมือเพื่ออกดู ก็รู้สึกเหมือนว่าเพชรนั้นเปล่งประกายแวววาวระยิบระยิบระยับกว่าเมื่อวาน แล้วจู่ๆ ความโลภก็เกาะกินในใจของคามาอย่างฉับพลัน
"ใช่ ของแบบนี้มันไม่คู่ควรกับเจ้าโมเลฟีหรอก ต้องเราสิ นี่มันเพชรของเรา..."
คามาตามืดบอดเพราะความโลภ เขาไม่ทันรู้ตัวว่า...เงามืดกำลังคืบคลานมาหาจากด้านหลัง
"เฮ้! เบนสัน ยินดีด้วย"
"ชู่...นี่ห้องห้องสมุดนะพอล"
พอลดีใจจนเผลอตะโกนเรียกเบนสัน คนรอบข้างต้องมาที่พอลเป็นตาเดียว เขามาหาเบนสัน เพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน ในห้องสมุดมหาวิทยาลัยบอตสวานา เพื่อค้นคว้าตำราเรียน
"นี่เป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ถ้าเป็นที่นี่ต้องมีหนังสือที่หาอยู่แน่ๆ"
พอลเดินดูความใหญ่โตของห้องสมุดมหาวิทยาลัยพอตสนาวาดเวยความตื่นตาตื่นใจ ที่โต๊ะมีนักศึกษามากมายนั่งอ่านหนังสือ ตรงชั้นหนังสือก๊กมีนักศึกษาอีกหลายคนกำลังหยับหนังสือจากชั้น
"กระตือรือร้นกันดีจัง นักศึกษาเข้ามาอ่านหนังสือเต็มห้องสมุดเลย..."
"ที่จริงวันนี้เงียบกว่าปกตินะ"
"หา! แบบนี้เรียกว่าเงียบแล้วเหรอ"
พอตถามเพื่อนเสียงดัง จนนักศึกษาบ้างคนมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ส่วนใหญ่ยังคงจดจ่อกับหนังสือของตนราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงพอตเลย
พอตรู้สึกถึงความผิดปกติ คนเหล่านั้นไม่กระดูกกระดิกเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นรวมถึงเสียงของเราด้วย นักศึกษากลุ่มนั้นก้มหน้าอ่านหนังสือด้วยในหน้าซีดเซียวเหมือนกันหมด
"เบนสัน คนที่อย่างกับคนป่วย เขาเป็นอะไรกันหรอ"
"พูดอะไรของนาย นักศึกษาที่นี่แข็งแรงดีทุกคน"
เบนสันจ้องพอลราวกับเขาพูดอะไรไม่เข้าท่า แล้วเตือนเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจังว่า
"ที่จริงห้องสมุดนี้มีตำนานที่เล่าต่อกันมาเรื่องหนึ่ง ว่ากันว่ามีหนังสือต้องห้าม หากใครอ่านจะไม่ได้ออกจากห้อมสมุดนี้ไปตลอดกาล"
เบนสันเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง
"หา! จะเป็นไปได้ไง อาจเป็นเพราะห้องสมุดนี้กว้างขวางและซับซ้อน จนคนที่เพิ่งมาครั้งแรกเดินหลงทางก็เลยเอาแต่งเรื่องสนุกๆมั้ง"
พอลเดินไปเดินมาในห้องสมุดสักครู่หนึ่งเพื่อค้นหาหนังสือเล่มที่ต้องการ และก็พบหนังสือประหลาดเล่มหนึ่ง
ในห้องสมุดนี้ปกติที่สันจะมีสติ๊กเกอร์ติดชื่อและประเภทหนังสือชัดเจนเพื่อให้แยกแยะได้ง่าย แต่เล่มนี้กลับไม่ได้ติดสติกเกอร์เหมือนเล่มอื่น
"หนังสืออะไรเนี่ย"
พอลหยิบหนังสือออกมาอย่างไม่รู้ตัว หนังสือเหมือนจะเก่ามากพอเปิดออกดูก็มีกลิ่นอับของราโชยออกมาจากเล่ม พอกลางหนักสือออกแล้วอ่านคำนำ
" คุณพบหนังสือเล่มนี้เพราะคุณเป็นคนที่ถูกเลือก หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปในโลกหนังสือตลอดกาล ที่นั่นคุณจะได้อ่านหนังสือตามใจชอบและตอนนี้คุณคงเห็นแล้วว่าหนังสือเล่มนี้เขียนด้วยอักขระที่คุณเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก..."
พอลอ่านพึมพำแล้วก็สะดุ้ง เพราะหนังสือนี้เขียนด้วยอังขณะที่เพิ่งเคยเห็นจริงๆ แต่ว่าเขากลับอ่านมันได้หน้าตาเฉย
"อ...อะไรกันเนี่ย"
ทันใดนั้น บรรดาคนหน้าซีดที่ไม่ตอบสนองต่อเสียงของพอลก็เริ่มหันมามองเขา
"อ่านหนังสือนั้นแล้วเหรอ..."
"ดีจัง มีเพื่อนเพิ่มมาอีก1คนแล้ว..."
พวกเขาจ้องมองพอลแล้วฉีกยิ้มอย่างหลอนๆ พอลหวาดกลัวลืมสนิทว่าที่นี่ห้ามส่งเสียงดัง เขาตะโกนเรียกเบนสัน
"เบนสัน พวกนี้เป็นใครเนี่ย แล้วหนังสืออะไรกัน"
แต่น่าแปลก ทั้งเบนซินและคนในห้องสมุดกลับไม่ตอบสนองต่อเสียงตะโกนของพอลอย่างกับเขาไม่มีตัวตน
มีเพียงพวกที่ใบหน้าซีดเซียวเหนือนผีที่ยังมองและหัวเราะคิกคักพอกเขาค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
"มาสิ ขอต้อนรับสู่โลกหนังสือนิรันดร เราจะอยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไป..."
"ผมขอรุยนี่สวยจริงๆนะ" หนาซาเอ่ยปากชมเส้นผมยาวสลวยของรุย เพื่อนสนิทที่ไม่ขาดปาก
หลายเดือนก่อน รุย นักเรียนหญิงเผ่าเย้าย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกันหยาซา หยาซาเป็นเพื่อนคนแรกและคอยดูแลรุยจนปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่ได้ ทั้งสองจึงเป็นเพื่อนสนิทกันโดยอัตโนมัติ
รุยเป็นเด็กผู้หญิงที่มีรอยยิ้มใสซื่อ นิสัยดี และไว้ผมยาวมากเพราะไม่เคยตัดผมเลยตั้งแต่เกิดตามประเพณีของเผ่าเย้า หยาซาชอบผมยาวสลวยของรุยมาก
วันหนึ่งหนาซาตกใจที่เห็นรุยตัดผมสั้นมาโรงเรียน
"รุย ทำไมถึงตัดผมเสียล่ะ" หยาซาถามด้วยน้ำเสียงเสียดาแทนเพื่อน
"ฮิๆ เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดครบรอบอายุ18ปรของฉัน ผู้หญิงเผ่าเย้าเมื่ออายุครบ18ปีจะตัดสั้นและเก็บผมที่ตัดเอาไว้อย่างดีเพื่อใช้เวลาแต่งงาน แต่ฉันไม่ได้คิดจะเก็บผมที่ตัดไว้ทำตามประเพณีหรอก"
รุยพูดพลางลูบผมบ๊อบของตัวเอง แล้วก้มลงหยิบกล่องใบหนึ่งออกจากกระเป๋า
"เอ้า! หยาซา ฉันยกให้เธอนะ"
หยาซาเปิดกล่องออกดูและพบเส้นผมของรุยเก็บเอาไว้อย่างดีเธอรับของขวัญจากใจและรู้สึกถึงมิตรภาพแสนพิเศษของกันและกัน
"รุย ทำไมถึงออกจากเผ่าเย้ามาเรียนในเมืองล่ะ" หยาซาถามด้วยความสงสัย
"ฉันเบื่อชีวิตในหมู่บ้าน อย่างลองใช้ชีวิตแบบคนเมืองดูบ้านนะ"
เพื่อนชาวเยเาตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ
รุยเล่าความใฝ่ฝันสิ่งที่อยากทำในอนาคตให้หยาซาฟังด้วยแววตาเป็นประกายและมีความสุข แต่หยาซาไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้านที่เธอจะพบรุย
เย็นวันนั้น รุยประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตระหว่างกลับบ้าน
เมื่อรู้ข่าวจากครู หยาซาก็ร้องไห้เสียใจอยู่หลายวัน
คืนหนึ่งเธอเปิดหล่องหยิบช่อเส้นผมซึ่งเป็นของขวัญชิ้นทุดท้ายขากเพื่อนรักออกมาดูด้วยความคิดถึงแล้วก็เผลอหลับไป
ในความฝัน หยาซาเห็นรุยใช่ชุดแต่งกายประจำเผ่าเย้าพร้องผมสีดำยาวสลวย รุยกำลังเต้นรำกันคนในหมู่บ้านของเธอ เมื่อหยาซาเห็นรุยก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ รุยหันมาทางหยาซาแต่สีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
"ฮือๆๆ หยาซาช่วยฉันด้วย! ฉันออกไปจากเผ่าเย้าไม่ได้ ฉันอยากไปจากที่นี่ ช่วยฉันด้วย"
เสียงตะโกนด้วยความโศกเศร้าของรุยทำให้หยาซาตกใจตื่น พอเห็นช่อผมของรุยในมือ เธอจึงคิดว่าช่อผมนี้อาจผูกมัดวิญญาณของรุยกับเผ่าเย้าอยู่ก็ได้
หนาซาลุกออกไปที่สวนหลังบ้านแล้วจุดไฟเผาช่อผมของรุยพลางภาวนาให้วิญญาณของรุยเป็นอิสระ
คืนนั้น หยาซาเห็นรุยในความฝันอีกครัง
แต่ภาพที่เห็นคือรุยกำลังตะเกียกตะกายอยู่ในกองไฟ
รุยดิ้นทถรนทุรายจ้องมองหยาซาด้วยสายตาเคียดแค้น
"โอ้ย...ร้อนจังเลย! หยาซา ทำไมต้องเผาผมของฉันด้วย!"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!