NovelToon NovelToon

[Fan Fic] Andura Shard : มหาศิลาพลิกชะตาโลก

The Demon god's resurrection การคืนชีพของจอมราชาปีศาจ

คำเตือน! : เนื้อเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ROV และ! แนะนำให้ทำความรู้จักกับตัวละครในเกม (แบบรู้หน้าตาตัวละครกับชื่อ) ไว้ก่อน

ณ ดินแดนเอธานอร์ อันเต็มไปด้วย

สิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด โดยแบ่งเป็น 4 เผ่าพันธุ์ ได้แก่มนุษย์ อมนุษย์ ปีศาจและทูตสวรรค์ ทั้ง 4 เผ่าพันธุ์นี้มีความขัดแย้งอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเกิดเป็นมหาสงครามทั่วดินแดนครั้งหนึ่งในอดีตกาล โดยเหล่ามนุษย์ อมนุษย์และทูตสวรรค์ ได้ร่วมมือกันต่อต้านกองทัพปีศาจที่แข็งแกร่ง ซึ่งนำทัพโดยราชินีเหล่าเอลฟ์และหัวหน้าเหล่าผู้พิทักษ์ต้นไม้โลก Tel'Annas กษัตริย์อาณาจักร Okka, Mortos และเทพีสูงสุด, Illumia เพื่อปลิดชีพจอมราชาปีศาจ Volkath โดยราชินี Tel'Annas ได้เป็นผู้แผลงศรปักหัวใจจอมราชาปีศาจ Volkath ลง

หลังจาก Volkath ตายลง เหล่าปีศาจก็ต้องการคืนชีพนายของพวกมันขึ้นมา โดยการรวบรวมสิ่งของ ได้แก่ จิตวิญญาณมังกรที่ Hayate ขโมยจาก Temple of Light ปีศาจโบราณบนแขน Errol เวทมนตร์แห่งเทพีของ Marja และศิลา Andura ในกริชของ Murad ที่ได้รับมาจาก Azzen'ka... เผ่าพันธุ์ทั้ง 3 ที่ได้รับทราบข่าวการฟื้นคืนชีพของ Volkath ก็ได้ร่วมมือกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อขัดขวางการคืนชีพของราชาปีศาจ โดยในครั้งนี้ได้กษัตริย์แห่งอาณาจักร Norman, Thane และพวกพ้อง รวมถึงกองทัพของเขาด้วย ได้พยายามห้ามปรามและขัดขวาง แต่แล้ว... ก็ไม่เป็นผล

เมื่อพิธีใกล้เสร็จสิ้น วิญญาณของ Volkath ก็ได้เริ่มก่อรูปขึ้นที่กลางอากาศ ท่ามกลางพิธีที่ได้กลายเป็นสมรภูมิรบของทั้ง 4 เผ่าพันธุ์ เหล่าปีศาจทั้งหลายต่างพากันดีใจกับการกลับมาของจอมราชาปีศาจ โดยเฉพาะเหล่าแม่ทัพ Marloch, Veera และ Marja ที่ต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันนี้เป็นเวลาหลายทศวรรษ ในทางกลับกันเหล่ามนุษย์ อมนุษย์และทูตสวรรค์กลับรับรู้ถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้ หากพิธีนั้นสำเร็จ

.

.

.

.

แต่แล้วการก่อรูปของวิญญาณก็หยุดชะงักลง หินวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ของ Volkathได้ลอยหยุดนิ่งอยู่ ณ จุดเดิม Marja ที่เป็นผู้ควบคุมพิธีก็รับรู้ได้ทันที

"พิธีนี้ถูกต้องทุกประการ ข้าเป็นผู้บันทึกวิธีกานด้วยตัวเอง จะผิดพลาดได้ก็ต่อเมื่อ..."

ทันใดนั้นเอง Marja ก็สัมผัสได้ถึงฝุ่นละอองในอากาศที่เริ่มหนาแน่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เพียงแต่ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ฝุ่นละออง

" ..ทราย.. "

Hayate และ Errol ก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วมองมาที่ Marja Marja เริ่มนึกสงสัย

" ที่แห่งนี้เป็นภูเขาหินดินดานสีแดงฉาน ทรายพวกนี้มีสีเหลืองทองอร่าม มันมาจากที่ไหน... "

Marja พลันนึกขึ้นมาได้ทันที

" ทราย... อาณาจักรทะเลทราย, Helios! Azzen'ka!! "

เมื่อหันไปมองกริชของ Murad ที่ได้มาจาก Azzen'ka ก็พบว่าศิลา Andura นั้นได้สลายหายไป พร้อมกับมีมือทรายพุ่งขึ้นมาท่ามกลางพิธี

" Errol, Hayate หลบไป! "

Marja กล่าวขึ้น ก่อนที่จะกลายเป็นร่างวิญญาณเพื่อหลบหลีก Errol นั้นกระโดด พุ่งผลัก Hayate ออกไป และล้มลงกันทั้งคู่ ก่อนที่ทรายนั้นจะรวมกันเป็นมือพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินท่ามกลางพิธีกรรม แต่พลาดเป้าทั้งสามคนไป

ในขณะนั้นเอง ท่ามกลางหุบเขาหินดินดานสีแดงฉานไปจนถึงอากาศโดยรอบ ทันใดนั้นเอง ก็เกิดพายุทรายขึ้นมาปกคลุมอย่างฉับพลัน

* ฟ.....วู่....วูม.. *

มือทรายขนาดมหึมานั้นได้เหยียดสูงเฉียดกับหินวิญญาณของ Volkath ก่อนที่มันจะกำมือทุบลงมาที่พื้น

* ครุม! *

บัดนี้พิธีชุบชีวิตได้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา เหล่าสิ่งมีชีวิตทั้ง 4 เผ่าพันธุ์นั้นรู้ดี

" มีเพียงคน ไม่สิ, สิ่ง.เดียว. ที่สามารถสร้างสิ่งที่น่าประหลาดใจเหล่านี้จากทรายได้, จักรพรรดิและปีศาจแห่งทะเลทราย Azzen'ka "

.

.

.

.

ท่ามกลางพายุทรายที่โหมกระหน่ำ ได้มีรูปร่างของบางสิ่งปรากฏขึ้นมา พร้อมกับทรายที่พัดเข้ามานั้น ได้กลายเป็นรูปร่างของผู้ชายในชุดขุนนาง ก่อนที่มันจะกล่าวขึ้นว่า

" เหล่าราษฎรอันเป็นที่รักทั้งหลาย บัดนี้....จักรพรรดิแห่งอาณาจักรทราย, Azzen'ka ผู้ยิ่งใหญ่...ทรงเสด็จแล้ว.... "

หลังปราศรัยจบ ร่างของมันก็แหลกสลายกลับเป็นทรายอีกครั้ง และลอยหายไปในกลุ่มพายุ พลางปรากฏเป็นผ้าคลุมสีดำเก่าที่มีลายทางสีม่วงคล้ำตามขอบผ้า ซึ่งคลุมร่างโครงกระดูกที่ไร้วิญญาณที่กำลังลอยออกมา

" สวัสดีชาว Athanor..."

ร่างผ้าคลุมนั้นได้ชัดเจนขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับเวทมนตร์ ปรากฏเป็นตะเกียงที่มีไฟด้านนอกสีเขียว แต่ด้านในสีฟ้าน่าพิศวง ห้อยลงมาด้วยโลหะบางชนิดจากมือซ้ายของมัน ก่อนที่มันจะพูดต่อไปว่า

" ข้าจะขอแนะนำตัวอีกครั้งก็แล้วกัน... ข้าคือ จักรพรรดิแห่งอาณาจักรทะเลทราย, Azzen'ka "

ก่อนที่ Azzen'ka จะได้พูดอะไรต่อไป ก็ได้มีสายฟ้าสีดำลอยมาจากพิธีกรรม และซัดเข้าที่ตัวของมันเต็มเหนี่ยว

***กรูม!......แกรก.....แกรก..แกก..ก.ก***

ควันสีดำได้ฟุ้งกระจายทั่วบริเวณที่สายฟ้ากระแทกใส่ Azzen'ka สายฟ้านั้นมาจาก Marja ซึ่งในตอนนี้กำลังกัดฟันแน่น พลางคิดว่า

" แก....แก! แกจะต้องชดใช้! "

หน้าตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและดีใจได้หายไป และถูกแทนที่ด้วยไปหน้าแห่งความโกรธและโศกเศร้า

"ได้โปรด ข้าขอให้ท่านยังปลอดภัย "

Marja พึมพำกับตนเอง

หลังจากม่านควันนั้นจางลง ปรากฏว่า Azzen'ka ได้หายตัวไปและถูกแทนที่ด้วยทรายที่ลอยหมุนอยู่ในอากาศ ก่อนที่จะประกอบรวมกันเป็นตัวมันขึ้นมาเหมือนใหม่ Marja แปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เตรียมเวทมนตร์ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับ Hayate และ Errol ที่กำลังเตรียมพร้อมเข้าปะทะ

" ช้าก่อน Marja "

Azzen'ka กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่เย็นสงบ แต่เมื่อเห็นว่า Marja ไม่ยอมรับฟัง Azzen'ka จึงพยักหน้าขึ้นและเอื้อมมือจับอะไรบางอย่างในอากาศ เมื่อ Marja เห็นเช่นนั้น ก็ถึงกับหยุดชะงักและลดมือลงทันที ...

ใช่แล้ว มันคือหินวิญญาณของ Volkath

" ...เจ้าต้องการอะไร? "

Marja กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ราวกับพร้อมที่จะโจมตีโดยไม่ต้องเตรียมพร้อม

" ศิลา Andura ของข้า เจ้าได้สิ่งที่ต้องการแล้ว... ตามข้อตกลงของเรา... คืนมันมาซะ "

Azzen'ka กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยังคงนิ่งสงบของมัน

Marja นิ่งเงียบอยู่สักพัก ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้ Hayate ไปหยิบมา เพราะถึงแม้ว่าการชุบชีวิต Volkath ยังไม่สำเร็จจะเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดี แต่ถ้าหากขัดขืน เจ้า Azzen'ka คงจะทำลายหินวิญญาณของ Volkath ลงอย่างไร้ความปราณีแน่นอน

เมื่อ Hayate ไปนำกริชของ Murad มา Azzen'ka จึงได้ร่อนตัวลงมา ก่อนที่จะยื่นหินวิญญาณ Volkath ให้ พร้อมเอ่ยขึ้นว่า

" กริช...ล่ะ.. "

Hayate จึงได้ยื่นกริชออกไปให้ Azzen'ka เมื่อ ทั้งสองได้สิ่งที่ฝ่ายตนเองต้องการ ก็กำลังจะแยกทางกัน แต่ทว่า Azzen'ka กลับกล่าวขึ้นว่า

" ศิลา Andura..มันอยู่ที่ไหน "

Azzen'ka กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มร้อนรน และพยายามจะกำหินวิญญาณ Volkath ไว้

ก่อนที่ Hayate จะรีบฉวยโอกาส และทำการถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว Marja จึงได้เอ่ยปากถามว่า

" ก็เจ้าไม่ใช่รึ? ที่นำศิลาปลอมมาให้แก่ข้า! ศิลามันแหลกสลายไปแล้วต่อหน้าข้า! เจ้ายังต้องการอะไรอี- "

ก่อนที่ Marja จะได้พูดจบประโยค ท้องฟ้าสีแดงฉานที่ถูกปกคลุมไปด้วยพายุทรายแล้วนั้น ก็ได้เกิดแสงน้ำเงินขึ้นมา และขยายเป็นวงกว้าง

* ว...วู..วูว...วูววูวววววววม... *

.

.

.

.

* คว้าง! *

ประตูมิติขนาดย่อมก็ได้ส่องสว่างขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์บนท้องฟ้าเหนือ Azzen'ka ขึ้นไป ก่อนที่จะปรากฏร่าง 4 ร่างออกมา โดยมี 2 ร่างหนึ่งที่อยู่ด้านหน้า และอีกร่างตามหลังมาไม่ห่างกัน

Marja มองเห็นร่างที่อยู่ด้านหน้าร่างหนึ่งก็รู้ได้ทันที

" ผมสีขาว ผิวกายสีซีด ตาและ

มงกุฏห่วงฮาโลสีแดงฉาน...., Volkath , ท่าน....กลับมาแล้ว "

Marja กล่าวขึ้นด้วยเสียงที่ตื้นตันใจ ก่อนที่ร่างทั้ง 4 จะตกถึงพื้น

* ฟุ่บ! *

ควันขโมงเกิดขึ้นกลางพิธีกรรม สร้างความวุ่นวายขึ้นไปอีก ก่อนที่ร่างทั้ง 4 จะปรากฏออกมา ประกอบไปด้วย จอมราชาปีศาจ Volkath,

จอมเวทมิติสูงสุด D'Arcy, เจ้าชายแห่งอาณาจักร Helios, Murad และเพื่อนร่วมเดินทางของเขา Yena

.

.

.

.

D'Arcy พยักหน้าให้ Volkath และ Volkath เองก็พยักหน้ารับไว้ ก่อนที่ D'Arcy จะพา Murad และ Yena เดินแยกทางออกมา

Volkath ที่ได้เดินแยกทางจากทั้ง 3 มา ได้ถูกต้อนรับโดยเหล่ากองทัพ แม่ทัพ และหญิงอันเป็นที่รักของเขา, Marja ทั้ง 2 โผกอดกันด้วยความคิดถึง ก่อนที่ Volkath จะกล่าวคำแรกของเขาขึ้นมา

" ใช่...ที่รัก ข้ากลับมาแล้ว "

The new storm that is approaching : พายุระลอกใหม่ที่เคลื่อนเข้า

" ท้องฟ้าและหุบเขาสีแดงฉาน ถูกบดบังด้วยสายานุภาพแห่งสายฟ้า พื้นพสุธาที่สั่นไหวและขาดบั่น บัดนี้ท่านจอมราชาแห่งข้าได้ฟื้นคืนแล้ว "

-ขุนพลเผ่าปีศาจ ,Marloch-

(อีกด้านหนึ่ง, ทางฝั่งของ D'Arcy)

.

.

.

.

หลังจากที่ D'Arcy แยกตัวออกมาจาก Volkath เขาก็ได้รีบมุ่งหน้าไปยังกองทัพฝ่ายอาณาจักร Norman พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกจิตวิญญาณ (Spirit Realm)

D'Arcy ที่หลุดเขามาในโลกจิตวิญญาณพร้อมกับ Murad และ Yena ด้วยความบังเอิญหลังจากหาวิธีซ่อมกริชของ Murad ทั้ง 3 คนนั้นไม่สามารถทนแรงของประตูมิติสู่โลกจิตวิญญาณได้จึงสลบไปตามกัน ก่อนที่จะสลบไป Murad ได้มองเห็นใครบางคนนั่งอยู่ไม่ไกลออกไปจากพวกเขา และก็เหมือนกับว่าคนๆนั้นก็รับรู้ถึงการมาถึงของพวกเขา

.

.

.

.

หลังจากเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง Murad ตื่นขึ้นมาและได้ยินเสียงที่แปลกหูของเขา

" น่าแปลก... เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แสนจะอ่อนแอ สามารถทนแรงกดดันและรอดชีวิตจากประตูเข้าสู่โลกจิตวิญญาณได้... ช่างเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ... ข้าขอยอมรับ "

เสียงนั้นช่างสุขุมและเยือกเย็น ราวกับว่าเขาไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ Murad ค่อยๆลุกขึ้นนั่งเอาแขนยันพื้นแบบยังคงมึนงงอยู่ ก่อนที่เขาจะนึกถึง D'Arcy และ Yena ที่หลุดมิติเข้ามาด้วยกันและเมื่อหันหน้าไปทางซ้าย เขาก็พบกับ Yena ที่นอนทับแขนของ D'Arcy อยู่ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ก่อนที่จะหันหน้าไปทางเจ้าของเสียงอันเย็นยะเยือกทางด้านขวามือของเขาด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อหันมาเขาก็พบหน้าของบุคคลผู้มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วแผ่นดิน Athanor

" จอมราชาปีศาจ, Volkath "

Murad กล่าวขึ้น ก่อนที่เขาจะกระโดดไปคว้ากริชคู่ใจของเขาและตั้งท่าปกป้องตัวเขาเองและพวกพ้องของเขาไว้

" ...ต้องการอะไร "

Murad กล่าวขึ้น

" ข้านึกว่าเพื่อนจอมเวทของเจ้า ผู้ที่ดูจะเชี่ยวชาญเรื่องการท่องมิติจะตื่นขึ้นมาก่อนเสียอีก... น่าแปลกใจเสียจริง... "

Volkath กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยังคงดูเรียบเฉย

" ....ข้ามีประสบการณ์ของข้า อย่าด่วนตัดสินข้าจากรูปลักษณ์ภายนอกไปเลย Volkath "

จากนั้น Murad ก็นิ่งเงียบ ทิ้งบทสนทนาค้างไว้อย่างนั้นพลางมองดูกริชแห่งกาลเวลาของเขา  ในขณะนั้นเอง D'Arcy และ Yena ก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนที่จะเห็น Murad นั่งจ้องเขม็งไปที่ Volkath ทั้งคู่จึงได้รีบถอยห่างจาก Volkath ออกมา และตั้งท่าเตรียมสมทบกับ Murad

" ข้ามีข้อเสนอ "

Volkath กล่าวขึ้นมา ราวกับว่าสถานการณ์นี้ไม่น่าเป็นห่วง ทั้ง 3 คนจึงรวมกลุ่มปรึกษากันสักพัก

"....ว่ามา "

Murad กล่าวขึ้น

" มิติแห่งนี้.... ด้วยตัวข้าคนเดียวคงไม่อาจหาทางออกไปได้.... ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า "

Volkath กล่าวขึ้น พร้อมหันหน้าไปทาง D'Arcy

" ข้าตกลง "

D'Arcy ตอบกลับในทันทีราวกับว่าไม่จำเป็นต้องคิด Murad และ Yena ก็ดูเหมือนจะเห็นด้วย Volkath ทำหน้าตาประหลาดใจเล็กน้อย

" ดูเหมือนท่านจอมราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่จะไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินนะ? สงสัยความเหงานี่จะทำให้ใครๆ เปลี่ยนไปก็ได้สินะ โดยเฉพาะคนที่มีใคร.บาง.คน. รออออออออยู่ "

Murad กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูผ่อนคลายขึ้นมา พร้อมหัวเราะคิกคักเบาๆ Volkath สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังคงหน้าตาเย็นชาอยู่ไว้

" ...มิติแห่งนี้เป็นเหมือนอวกาศอันเคว้งคว้าง... ไม่ว่าจะเดินออกไปทางไหนก็ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับที่ วิธีเดียวที่จะออกไปได้ก็คือวิธีที่เราต่างใช้เข้ามาในมิติแห่งนี้... "

Volkath กล่าวขึ้นตัดบทสนทนา ระหว่างเขากับ Murad

" เข้าใจแล้ว, เวทประสานข้ามมิติ แต่เจ้าแน่ใจงั้น  เหรอ เวทประเภทนี้และการประสานอาคมนั้น อาศัยความชำนาญมากเชียวนะ "

D'Arcy กล่าวขึ้นด้วยเสียงที่ฟังดูเคร่งเครียดและจริงจัง Volkath ที่ได้ยินจึงได้พึมพำร่ายคาถาเคลื่อนย้ายตัวเขาออกไปจากทั้ง 3 คนออกไป D'Arcy ที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย

" Impressive, ยอดเยี่ยม "

D'Arcy กล่าวขึ้นอย่างประทับใจ ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวแล้วพูดกลบเกลื่อน

" งั้นเราเริ่มกันเลยดีกว่า เราเสียเวลาไปมากเกินไปแล้ว "

D'Arcy กล่าวขึ้นอย่างร้อนรน

" อย่าทำพิธีล่มเพราะอารมณ์ของเจ้าซะล่ะ นักเวท "

Volkath กล่าวขึ้นอย่างนิ่งสงบ แล้วทั้งสองจึงเริ่มประกอบเวทประสานเข้าด้วยกัน

Yena ที่มองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ มาโดยตลอดจึง ได้ถาม Murad ขึ้นมา

" เราตัดสินใจถูกแล้วงั้นเหรอ? ที่จะไว้ใจปีศาจ     แบบนั้นน่ะ... "

Yena กล่าวขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

" ถ้าถึงขนาดจอมเวทมิติอย่าง D'Arcy ต้องยอมรับคำขอความช่วยเหลือล่ะก็ เราคงไม่สามารถตัดสินใจได้หรอก อีกอย่าง ตอนที่เราข้ามมิติมาแล้วสลบลง เขาก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเรา เราก็ไม่ควรด่วนตัดสินใจเขาไปหรอก ใช่ไหมล่ะ? "

Murad กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่คล้ายว่าไม่พอใจตั้งแต่ตอนลืมตาตื่น

" เจ้า~ ไม่พอใจอะไรหรอ? "

Yena กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มและพอใจ ราวกับว่ารู้คำตอบแก่ใจอยู่แล้ว Murad ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยืดแก้มเธอออกจนเธอหยุดยิ้มไป

" นิสัยอย่างเจ้านี่มัน ..จริงๆเลย "

Murad กล่าวขึ้น ก่อนที่หน้าตาของเขาจะกลับไปเป็นปกติ พลางคิดถึงสิ่งที่เขาจะทำหลังจากกลับไปโลกแห่งความเป็นจริง

" Azzen'Ka รอก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปตอนนี้ล่ะ "

Murad พูดขึ้นอย่างเจ็บใจพร้อมหยิบหินศิลา Andura ขึ้นมาหลอมรวมกับกริช เพื่อรักษาสภาพของมันเอาไว้

Yena พลางนึกถึงตอนที่เธอนำกริชปลอมของ Murad กลับไปให้ Azzen'Ka ที่อาณาจักร ก่อนที่จะออกเดินทางด้วยข้ออ้างว่าจะจับตัว Murad มาให้ได้ เธอหวังว่าของปลอมที่ทำขึ้น จะไม่ความแตกขึ้นกลางทาง

.

.

.

.

กลับมายังปัจจุบัน

" Yena, เจ้า...บังอาจหลอกข้า... "

Azzen'Ka กล่าวขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเทาไปด้วยความโกรธ

" แต่ก็...ช่างมันเถอะ... ในเมื่อตัวกริชเองก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว... ข้าเพียงแต่ต้องการศิลาชิ้นนี้ ! "

Azzen'Ka พูดจบประโยคพร้อมกับหยิบศิลาสีฟ้าจากในตะเกียงออกมา และชูขึ้นฟ้า

" ดูไว้ซะ! เจ้าพวกหนอนทากทั้งหลาย! ข้า! จักรพรรดิปีศาจทรายผู้นี้จะแสดงความสามารถของสิ่งนี้ให้พวกไร้ค่าอย่างเจ้าเห็นเป็นสิ่งสุดท้ายอันแสนงดงามในชีวิต "

Azzen'Ka กล่าวขึ้นอย่างหยิ่งผยองต่างจากช่วงแรก พร้อมกับปลดปล่อยพลังงานมหาศาลจากหิน ไปยังทาง Volkath

" ท่าน Volkath ระวัง! "

เหล่าแม่ทัพแห่ง Lokheim ต่างร่วมกันปกป้อง Volkath (ยกเว้น Omen ไม่สิ เขาก็ไม่ได้เป็นแม่ทัพนี่นา ช่างเถอะ) รวมถึง Marja ด้วย

" อย่างน้อยครั้งนี้... ข้าก็จะขอติดตามท่านไปด้วย "

Marja กล่าวขึ้นพร้อมกับกางวงเวทป้องกันให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้  แม้จะดูเหมือนว่าเธอจะเหลือพลังอยู่เพียงน้อยนิด

Volkath ที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ได้สวมกอดเธอจากข้างหลัง พร้อมกับเสียงที่เราไม่คาดคิดเลยว่า ชายผู้ที่สีหน้าเรียบเฉย พร้อมกับน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกจะสามารถเปล่งออกมาได้

" ด้วยหน้าที่ของราชา ข้าจะต้องปกป้องสมุนของข้า แต่ด้วยหัวใจของข้าที่ฝากไว้กับเจ้า.. ข้าคงจะไม่อยู่เฉยเป็นแน่ "

เขาร่ำลากับ Marja และก่อนที่เธอจะได้รั้งเขาเอาไว้ เขาก็กระโดดทะยานเข้าใส่ Azzen'Ka

" ไม่! ได้โปรด! ท่านอย่าทิ้งข้าไว้อีกครั้งไปอีกเลย ข้าขอร้องเถอะ... "

Marja กล่าวขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินและเรี่ยวแรงที่กำลังเลือนหายไป

" องค์ราชินี! อย่าได้เป็นห่วงไป!

หากข้ายังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีใครแตะต้องท่าน Volkath ได้ "

เสียงอันกึกก้องอันเป็นเอกลักษณ์เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับเสียงและแรงลมกรรโชกที่บีบอัดกันราวจะเกิดพายุขึ้น

" Shock "

* ตูมมม!! *

ใช่แล้ว ต้นเสียงเหล่านี้ คือ Marloch ที่ตอนนี้ได้บินโฉบขึ้นไป เพื่อเคียงข้างกับราชาของเขา Volkath มองไปยัง Marloch พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยิงคำถามออกไป

" ม้าของข้าอยู่ที่ไหนล่ะ ...Marloch "

" ข้าให้น้ำและอาหาร พร้อมทั้งเช็ดตัวและทำความสะอาดมันทุกวันด้วยตัวข้าเองพะยะค่ะ ท่านไม่ต้องกังวลไป "

Marloch กล่าวขึ้นด้วยความภูมิใจและดีใจที่ได้พูดคุย Volkath หลังจากเวลาผ่านไปนาน

" ให้เกียรติข้า ได้เป็นม้าศึกตัวสุดท้ายของท่านด้วยเถิด "

หัวและปีกของปีศาจนั้นเปรียบดั่งศักดิ์ศรีและความหยิ่งยโสของพวกมัน แต่ Marloch นั้นกลับขอให้ Volkath ประทับใช้อย่างมั่นใจและแน่วแน่

" ย่อมได้ "

Volkath ตอบรับ พร้อมนั่งบนไหล่อันกว้างขวางของ Marloch และพุ่งทะยานไปพร้อมกัน

ในขณะเดียวกัน Murad ที่ได้เห็น Volkath ทะยานขึ้นมากับ Marloch เองก็ได้กระโดดขึ้นไปบนอากาศด้วยพลังบิดเบือนมิติของกริช เข้ามาทางข้างหลังของ Azzen'Ka

" ข้ารอเวลานี้มานานเกินทนแล้ว! วันนี้คือวันตายของแก Azzen'Ka! "

" Dimension Slash! "

Murad กล่าวขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่ผุดออกมาจากอากาศและพุ่งเข้าฟัน Azzen'Ka

.

.

.

.

.

แต่แล้ว ก่อนที่เกิดเหตุการณ์อื่นต่อไปมากกว่านี้ หินศิลา Andura ที่มือของ Azzen'ka ก็ได้เกิดปฏิกิริยากับ หินศิลา Andura ชิ้นอื่นในกริชของ Murad และหัวใจของ Volkath ก่อนที่มันจะเบิดเอง

* โครม! แครก....แหรก....แคก *

ในตอนนี้ เหล่าแม่ทัพของแต่ละฝ่ายต่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากสนาบรบแห่งนี้ ทิ้งไว้แต่เพียงกองทัพของพวกเขาไว้อย่างงงฉงน

A way out : ทาง.ออก. (1)

(ความทรงจำเมื่อสงครามครั้งแรกนั้นหวนกลับมา)

" Marloch... รีบนำทัพกลับเดี๋ยวนี้ ชัยชนะนั้นรอได้! แต่หาก... ไร้ซึ่งผู้นำและกองทัพ

เราจะไม่เหลืออะไรอีก อึก! "

Volkath ในตอนนี้อยู่ในสภาพใกล้ตาย หลังจากถูกศรของ Tel'Annas นั้นปักเข้ากลางขั้วหัวใจ

" องค์ราชา... เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงหรือพะย่ะค่ะ "

Marloch ที่หอบร่างที่ใกล้ตายของ Volkath กล่าวขึ้น ขณะที่พาดร่างไว้บนไหล่พร้อมกับปัดป้องเหล่าศัตรูแห่ง 3 อาณาจักร Volkath นั้นได้เริ่มเข้าสู่ร่าง Doom lord แล้วจึงปล่อยตัวลงมาจากร่างของ Marloch

" ฟังข้าให้ดี! นี่คือคำสั่งเสียของข้า องครักษ์แห่งข้า! เจ้าจงพาเหล่าแม่ทัพถอยทัพกลับไปตั้งค่ายป้องกันยัง Lokheim หากเจ้าปฏิเสธ ข้าจะคว้านท้องของเจ้าและทิ้งร่างของเจ้าให้เน่าเหม็นอย่างไร้ค่าอยู่ที่นี่! คำพูดของข้า ชัด.เจน.หรือ.ไม่! "

Volkath กล่าวขึ้นพร้อมชี้ดาบ 2 ปลายของเขาไปที่หัวของ Marloch

" ระ..รับทราบ..พะย่ะค่ะ.."

Marloch กล่าวขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน

" ข้าไม่ได้ยิน! "

Volkath ตะโกนเพื่อปลุก Marloch

" รับทราบพะย่ะค่ะ! "

Marloch กล่าวขึ้นอย่างมั่นใจในครั้งนี้ ก่อนที่เขาจะมองหน้า Volkath ผู้เป็นนายอีกครั้ง Volkath จึงได้ยื่นหินเก็บจิตวิญญาณที่เขาได้มาจาก Temple of Light เมื่อครั้นเขาศึกษาจบจากอาจารย์ของเขาให้กับ Marloch ที่ได้น้อมรับคำสั่งเป็นที่เรียบร้อย

          

Marloch หันหน้ามองเหล่ากองทัพแห่ง Lokheim ที่แม้จะเสียผู้นำทัพไปแต่หาได้กลัวตายไม่  ก่อนที่จะเปล่งเสียงคำรามและสั่งการแทนที่ Volkath 

" ทหารทั้งหมดจงฟังข้า! บัดนี้องค์ราชาได้แต่งตั้งข้าเป็นหัวหน้าทัพแทนขณะที่ท่านต่อสู้กับราชาและราชินีของอาณาจักรทั้ง 3 อยู่! เราจะตีฝ่าวงล้อมของเจ้าพวกโง่เขลานี้ออกไป และรอรับคำสั่งต่อไปที่ Lokheim รับทราบ!

" รับทราบขอรับ! "

เหล่ากองทัพต่างฮึกเหิมขึ้นมาพร้อมเตรียมตัวเจาะทะลวงวงล้อมศัตรูออกไป

" ท่าน Volkath ข้าจะทำทุกหนทางเพื่อปกป้องกองทัพไว้เองพะย่ะค่ะ! ท่านอย่าได้เป็นกังวลไป! "

Marloch กล่าวขึ้น พร้อมกับนำพากองทัพแห่ง Lokheim ตีฝ่าวงล้อมออกไปจนสำเร็จ เมื่อผ่านออกไปได้และเหลียวมองไปข้างหลัง ก็พบ Volkath ที่พุ่งเข้าใส่ Tel'Annas, Illumia และ Mortos อย่างไม่เกรงกลัว

" วินาทีวีรบุรุษของท่าน ข้าจะจดจำมันไว้และส่งต่อให้ท่านเองพะย่ะค่ะ องค์ราชา... แห่งข้า "

Marloch กล่าวขึ้น พร้อมมองหินเก็บวิญญาณที่ Volkath ได้ยื่นให้

" ความปรารถนาของข้า คือ การทำลายล้างดินแดนแห่งนี้ "

เขากล่าวขึ้นอย่างเคียดแค้น

.

.

.

.

.

(หลังจากการระเบิดของศิลา Andura)

" อ๊ากกกกกกกกกกกก!!! "

เสียงๆหนึ่งได้ดังขึ้นและปลุก Marloch ที่ตอนนี้พึ่งได้สติคืนมาหลังจากสลบไปจากแรงระเบิดของศิลา Andura ก่อนหน้านี้

" มันเกิด.... บ้าอะไรขึ้น อึก!? "

Marloch กล่าวขึ้นเบาๆ พร้อมมองดูร่างกายของเขา สภาพร่างกายของเขาตอนนี้นั้น นับว่าอยู่ในจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ ปีกที่เคยได้รับแผลเป็นจากคมดาบของ Airi ครั้งหนึ่งนั้น ตอนนี้หนังของปีกเป็นรูเหวอะหวะจนใช้การไม่ได้ทั้ง 2 ข้าง มีบาดแผลและเลือดท่วมลำตัวของเขาไปหมดซึ่งล้วนเกิดจากแรงระเบิดของศิลาทั้งสาม

" ข้า... ปีศาจที่เคยเข่นฆ่าเหล่าปฏิปักษ์ของท่าน Volkath มานับไม่ถ้วน ลากคอเหล่าเทพและเทพีทั้งหลายลงสู่ขุมนรก Lokheim และปกป้องมันเพื่อรอวันที่ท่านจอมราชาจะกลับมา... อึก! "

Marloch กล่าวขึ้น พร้อมกับสติที่ค่อยๆ เลือนหายไปของเขา

" ข้า... ข้า... ข้าไม่ใช่พวกขี้ขลาดที่จะนอนรอความตายแบบนั้น! ข้าจะไม่ยอมจมปรักอยู่กับความขี้ขลาด..อย่างนี้เด็ดขาด! "

Marloch ตะเบ็งเสียงขึ้น พร้อมนึกถึงวิชาแรกสุดที่เหล่าปีศาจทุกตนนั้น ตั้งแต่โบราณกาลนั้นใช้เพื่อทำการแลกเปลี่ยนทุกอย่างกับมนุษย์

" พันธะสัญญา "

Marloch กล่าวคำปฏิญาณรักษาสัตย์ขึ้นพร้อมเริ่มเขียนมนตร์ ขณะที่ร่ายมนตร์อยู่ อาการเขาก็เริ่มทรุดหนักลงเรื่อยๆ

" ...ด้วยเหตุผลดังว่า ข้าขอให้พันธะสัญญานี้เป็นผล ด้วยโลหิตของกายหยาบและร่างจิตทั้งสองเป็นพย- ค่อก! "

Marloch กระอักเลือดออกมาถูกพันธะสัญญาปีศาจที่เขากำลังเขียนขึ้น

ลวดลายของสัญญาเรืองแสงสีแดงฉาน และลุกโชนด้วยไฟนรก อันเป็นเอกลักษณ์ของสายเลือดปีศาจที่บริสุทธิ์ของ Marloch กระดาษที่เริ่มปรากฎขึ้นมา อันเป็นสัญลักษณ์ว่าสัญญานี้เป็นผลแล้วครึ่งหนึ่ง ขาดแต่เพียงส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ

" ผู้ทำพันธะสัญญา "

Marloch เริ่มหันหน้าไปทางต้นเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อเขาพึ่งฟื้นจากการสลบ เขาเริ่มเคลื่อนย้ายดวงวิญญาณของเขา

มันมีรูปทรงกลมและครั้งหนึ่งมันเคยลุกโชนไปด้วยไฟนรกแห่งความปรารถนาอันแรงกล้าของเขา ตอนนี้กลับเหลือเพียงก้อนเถ้าถ่านที่เปลวไฟอ่อนแรงเต็มที

เมื่อ Marloch เคลื่อนย้ายลูกแก้ววิญญาณออกไปจากร่างของเขา กายหยาบของเขาก็เริ่มสูญสลายไป ทิ้งไว้แต่เพียงความว่างเปล่า ซึ่งมันหมายความว่า หากเขาทำพันธะสัญญาไม่สำเร็จ วิญญาณเขาก็จะดับสูญไปตลอดกาล

" ความหวังสุดท้ายของข้า... อย่าทำให้ข้าผิดหวัง.. "

Marloch กล่าวขึ้น พร้อมเคลื่อนที่ลูกแก้ววิญญาณของเขาไปตามทางต้นเสียงดังกล่าว

(เหตุการณ์ฝั่งต้นเสียงก่อนที่ Marloch จะฟื้นสติ)

.

.

.

.

ในแต่ละเมืองล้วนแต่มีปัญหาการทะเลาะวิวาท ซึ่งมีมาตั้งแต่นานนมจนมาถึงปัจจุบัน ไล่เลี่ยมาตั้งแต่วัยกลางคนกลับมายังวัยเด็ก และที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด

" วัยรุ่น "

ในตรอกซอยไร้ชื่อแห่งหนึ่ง ในกลางเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังมีเหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้น

ซัน เด็กหนุ่มวัย 19 ปีกำลังกลับบ้านด้วยบาดแผลทั่งร่างเหมือนทุกวัน ด้วยฐานะที่ไม่ค่อยดี จึงได้มาเช่าห้องอยู่ที่แถวซอยเปลี่ยวกับน้องสาววัย 16 ปีของเขา ด้วยร่างกายที่แม้จะสมส่วน และส่วนสูงราววัยรุ่นทั่วไป แต่ด้วยผิวพรรณที่ขาวและผ่องใสแม้ว่าทางบ้านจะยากจน หน้าตาที่ดูใสซื่อและนิสัยซื่อๆไม่ชอบมีปัญหาของเขา ทำให้เขามักตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งเป็นประจำ แต่เขาเองนั้นก็เริ่มเฉยชากับการถูกทำร้ายเป็นประจำ พร้อมกับคิดในแง่บวกว่า สักวันพวกเขาคงเบื่อกันไปเอง....อย่างนั้น

" ว่างายซัน ไอ่เพื่อนยากก~ วันนี้พวกพี่มารอส่งเอ็งกลับถึงบ้านเลยนะเว้ยย เป็นไง เซอไพรส์รึป่าววว "

เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ไม่ไกลจากที่ซันยืนอยู่นัก ซึ่งมันเป็นเสียงที่ซันคุ้นเคยดี

สกา หัวโจกกลุ่มนักเลงในเมืองแห่งนี้ ซึ่งซันนั้นได้เรียนอยู่ร่วมชั้นกับเขาในปีนี้ ซึ่งก็นับว่าโชคไม่ดีจริงๆ และแน่นอนการได้อยู่ร่วมชั้นกับสกานั้น ซันเองก็รู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน

ซึ่งในวันนี้เขายกพวกมากัน 4 คน หายไป 1 คน ในกลุ่มปกติของสกา ในตอนนี้สกาดูอารมณ์ดีมาก นั่งชันขาข้างซ้ายและห้อยขาขวาแกว่งไปมา ซึ่งสกาที่ปกติจะอารมณ์เดือดอยู่ตลอดเวลานั้นอารมณ์ดีขึ้นมา ซันกลับไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำเขาอยังรู้สึกว่า...

" มันเป็นลางร้าย "

ซันคิดขึ้น พลางนึกถึงสำนวนที่ว่า เทวดาหลบหน้า ปีศาจยิ้มแยก(มั่ว)  และเขาก็นึกถึงว่าคนที่ 5 ไปที่ไหน..

" เห้ยๆ เอาแล้วๆ หมามันรู้ว่าเจ้านายมาไม่ครบด้วยว่ะ55 สงสัยเอ็งสอนมันดีจริงมั้งเนี่ย, สกา "

หนึ่งในกลุ่มนักเลงพูดขึ้น พร้อมกับยกยอ สกา

ซันทำทีท่าไม่สนใจ พร้อมกับความกังวลใจของเขาที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

 (พวกมันไปไหนมาไหนกันตลอด และมันไม่กล้าทิ้งเพื่อนพวกมันแน่ๆ พวกมันมีแผนอะไรกันอีกวะ)

ซันเริ่มคิด พร้อมสีหน้าที่ดูหมองคล้ำ ราวกับรอยแผลตามร่างกาย

" ที่จริง ตอนแรกพวกเรากะจะลืมเอ็งไปสักวันอยู่นะ เพราะเอ็งก็เริ่มน่าเบื่อไป แต่พอนึกว่าจะปล่อยให้เอ็งกลับบ้าน ก็เลยนึกได้ว่าไม่เคยเห็นบ้านแกเลย กะมาเยี่ยมชมหน่อย ว่าบ้านที่เอ็งโหยหานักนามีอะไรดี ข้าก็เลยให้ไอ้เขียวไปตรวจตราดูสักหน่อย ......แล้วดูนี่ดิ ซ่อนของดีไว้นี่หว่าา!! " 

ก่อนที่จะหันหน้าไปทางบ้านของซัน

 " ไอ่เขียว!  เอ็งทำอะไรนานนักหนาวะ!! "

สกาหันหน้าไปตะคอกเสียงดัง แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ลางสังหรณ์ของซันก็เป็นจริง...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!