NovelToon NovelToon

กลิ่นหอมของดอกไม้

ค่ำคืนที่ดูดดื่ม

<< คำอธิบายเพิ่มเติม >>

มีเลือด , การกระทำที่ไม่เหมาะสม , อาจมีการกระทำที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเซ็กส์ , หากมีคำผิดประการใดต้องขออภัย

และไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ตลค.เสียหายและไม่ได้มีความเกี่ยวจ้องกับเนื้อเรื่องภายในเกมแต่อย่างใจ

แต่อาจจะหยิบยกเนื้อเรื่องภายในเกมบางอย่างมาเป็นส่วนหนึ่งในเนื้อเรื่องเพื่อเพิ่มอรรถรสเพิ่มเติม

และอาจจะลืมชื่อของตัวละครบางตัวไปนิดหน่อย

คำอธิบายก่อนเริ่ม ❕

เนื้อเรื่งไม่ได้มีการเชื่อมต่อกันนะจ๊ะ แต่จะเป็นตอนเดียวจบ

ตอนนี่ขอนำเสนอคู่ที่อร่อยแบบสวบโต๊ะ

{ Aether x xiao }

ภายในค่ำคืนอันเงียบสงัก มีร่างของชายหนุ่มที่อาบไปด้วยเลือดของตนเอง กำลังเดินกระเสือกกระสนไปยังที่ใดสักแห่งภายในป่า

เพื่อนตัวน้อยของเขาที่นอนสลบอยู่ภายในอ้อมกอดของเขานั้น ก็ยังนอนสลบไม่รู้ถึงสถานการณ์ภายนอก

นักเดินทางที่ต่อสู้กับเหล่ารูนการ์ดเมื่อก่อนนห้านี้นั้น บาดเจ็บสาหัสจนอาจถึงแก่ชีวิตของตน

เจ้านักเดินทางตัวน้อย เรือนผมสีทองอร่าม ถักเปียยาวสวย จุดมุ้งหมายของเจ้านักเดินทางตัวน้อยนั้นคือการตามหาน้องสาวผู้เป็นที่รักของเขาเพียงคนเดียวในครอบครัว

แต่กว่าตะถึงเป้าหมายอันสูงสุดของเจ้านักเดินทางตัวน้อยนั้น จะต้องผ่านอุปสรรค์มากมายจากการเดินทางของเขา

แต่อาจจะเป็นโชคชะตาของนักเดินทางที่ไม่ดีนัก เหตุการณ์สะเทือนใจของนักเดินทางเมื่อตอนกำลังหาเบาะแสเกี่ยวกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของชายปริสนาที่มีผ้าปิดตาสุดประหลาด

นักเดินทางได้พบเจอกับน้องสาวผู้เป็นที่รัก แต่โชคร้ายนัก ที่น้องสาวของตนนั้นอยู่ฝั่งเดียวกับสัตรู หัวใจดวงน้อยๆของนักเดินทางนั้นผู้เฝ้ารอคอยน้องสาวอันเป็นที่รัก ตอนนี้ได้พบเจอ แต่ถึงจุดนั้นหัวใจของนักเดินทางก็แตกสลายเพราะเหตุผลแบบนั้น

และสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออีกอย่างคือ ชายปริสนาที่ร่วมเดินทางกับนักเกินทางนั้นคือหนึ่งมนประชากรในเกาะที่ล่มสลายไปเมื่อ 500 ปีที่แล้ว แต่ถูกคำสาปที่ทำให้เป็นอัมตะชั่วนิรันด์

หลังจากเหตุการณ์นั้น นักเดินทางได้ตัดสินใจที่จะเดินทางต่อไปเพื่อตามหาเบาะแสของน้องสาวของตน

ในค่ำคืนนั้นที่มีฝนตกโหมกระหน่ำอย่างหนัก

ร่างบางของนักเดินทางที่เดินกระเสือกกระสนจนแทบจะหมดลมหายใจ แต่เจ้าตัวก็ดันทุรังที่จะพาเพื่อนตัวน้อยของตนที่สลบไม่รู้เรื่องไปรักษาบาดแผล

ตรงหน้าของนักเดินทางนั้น เป็นดั่งแสงสว่าง นั่นคือโรงแรมที่ห่างจากตัวของเมืองหลี่เยว่ไม่มาก เป็นโรมแรมที่ไว้สำหรับพักผ่อนแก่นักเดินทางที่ผ่านมาอย่างเหน็ดเหนื่อย

แต่โชคไม่ดีนัก เกือบจะถึงประตูดั่งแสงสว่างตรงหน้าของนักเดินทาง เจ้าตัวกลับหมดแรงและภาพค่อยๆดับลงไป .....

ปริบ ปริบ

“ รู้สึกตัวแล้วหรอ ”

“ เอ๋ เอ๋ !!!! ”

“ โอ๊ย เจ้าทึ่ม เงียบหน่อยสิ อย่าแหกปากเสียงดังเชียวนะ ”

ตรงหน้าของนักเดินทางหนุ่มนั้นคือ เซียนผู้พิทักษ์ของเมืองหลี่เยว่ที่มีประวัติอันยาวนาน แต่ปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนสัญญาระหว่างการปกครองของเทพและมนุษย์ ตอนนี้ได้เปลี่ยนสัญญาเป็นการปกครองแบบ มนุษย์ช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกันเองแล้ว

นักเดินทางตัวน้อยได้มองสำรวจรอบข้าง แต่ตรงจุดหนึ่งที่ร่างกายรู้สึกหนักๆกับอะไรบางอย่าง ก่อนจะมีเสียงสะอื้นจากข้างตัวของเขา

“ ฮึก ฮือ! แงง ทาบิบิโตะ ! ฉันนึกว่านายจะไม่ตื่นมาอีกซะแล้ว ”

นั่นคือเพื่อนตัวน้อยของเขาที่คอยเป็นทั้งผู้นำทางที่และที่เพื่อนคอยให้กำลังใจกันอยู่เสมอมา กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างกายของนักเดินทาง

เจ้าตัวที่เห็นการกระทำของเพื่อนตัวน้อยของตนดังนั้นถึงได้เอื้อมมือเข้าไปลูบหัวปลอบประโลมเพื่อนตัวน้อยของตน พรางยิ้มอ่อนก่อนจะพูดปลอบ

“ ฉันก็รอดมาแล้วนี่ไง จะร้องไห้อะไรอีกล่ะ ”

“ กะ..ก็ถ้านายไม่รอด..ฉันไม่ยกโทษให้แน่! ”

“ พวกเจ้านี่เล่นเป็นเด็กกันไปได้นะ ”

“ เงียบน่า! เจ้าคนซึน คนเขากำลังซึ้ง! ”

“ เอ่า รีบทานยาเข้าไปซะ ”

“ อะ.. อืม ”

“ ข้าเคยบอกเจ้าไปกี่ครั้งแล้วว่าอย่าหักโหมร่างกายนัก เจ้าคนไม่รู้จักจำ ”

“ ขอโทษแล้วกันนะ เซียว ”

...“ หึ ”...

เซียนผู้พิทักษ์ที่เปรียบเสมือนเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กับนักเดินทางนั้น ได้พูดตักเตือนพรางโกรธเจ้าตัวไปด้วย ที่ไม่รู้จักถอยหรือหยุดสู้จนตัวตาย อย่างปากที่รับคำไว้ในวันนั้น

เจ้านักเดินทางตัวน้อยก็พูดขอโทษขอโพยกับท่านเซียนผู้พิทักษ์ด้วยความรู้สึกผิดมาก

เซียวนั้นก็ไม่ได้จะว่าดุอะไรกับเจ้านักเดินทางตรงหน้าของเขามาก เพราะเจ้าตัวก็รู้นิสัยของเจ้านักเดินทางคนนี้อยู่แล้ว ว่าเป็นคนที่หัวดื้อมาก

แต่ก็อดห่วงเจ้านักเดินทางไม่ได้อยู่ดีว่าสักวันอาจจะเกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ง่ายๆ หากว่าเจ้านักเดินทางยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป ยังหัวรั้นอยู่แบบนี้

...“ เจ้าก็อย่าลืมทานยาซะล่ะ เดี๋ยวจะหายไม่ทันพรุ่งนี้เอา แต่ก็อย่ารีบออกเดินทางนะ เดี๋ยวแผลจะฉีกเอา ”...

...“ ครับ เซียว ”...

...“ เหอะ ”...

เซียวนั้นบ่ายหน้าหนีเจ้านักเดินทางที่นอนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดตักเตือนอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ดูโกรธกริ้วและน้อยใจ กับการกระทำของนักเดินทางหัวรั้นคนนี้

“ เจ้านี่มัน ชิ.. ทั้งๆที่ข้าบอกไปแล้วเชียวว่าหากมีอันตรายก็เอ่ยขานชื่อข้าเมื่องามนั้น ”

...“ แต่เจ้าก็ยัง ... ”...

...เซียวหันกลับมาตักเตือนก่อนที่จะบ่ายหน้าหนีนักเดินทางอีกครั้งพรางพองแก้มด้วยความน้อยใจ...

...นักเดินทางที่เห็นการกระทำของเซียวตรงหน้าของเขาแบบนั้นที่ดูเสมือนกับเด็กที่กำลังน้อยใจ นักเดินทางก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมาด้วยความเอ็นดูเซียวที่ปกติแล้วจะมีท่าทีที่อึมครึม และสุขุมเป็นอย่างมาก ตอนนี้กลับมีท่าทีที่น่ารัก น่าเอ็นดู...

...เซียวที่เห็นแบบนั้นก็สดุ้งโหยงในทันทีเพราะเขาเผลอตัวจนเกินไปจนอาจเป็นการเปิดจุดอ่อนให้สัตรูก็เป็นได้ เซียวจึงหันหน้ากลับมาก่อนที่จะพูดแก้ตัวกับตัวเองอย่างร้อนรน...

...“ ชิ.. ขะ..ข้าไม่ได้จะเปิดจุดอ่อนให้สัตรูรู้หรอกนะ อย่าเข้าใจผิดเสียละ— อุ้บ! ? ”...

...พรวด!!——...

...“ อึก...”...

ก่อนที่เซียวนั้นจะพูดจบด้วยท่าทีที่ร้อนรนแบบนั้น

มือเจ้ากรรมที่ซนไม่รู้เรื่องของนักเดินทางก็อเอื้อมไปจับคางของเซียวก่อนที่จะบังคบให้ทิศทางของมัน กันมาทางของเขาและประกบจูบด้วยกันภายในห้องพักของโรงแรมแห่งนั้น

จูบที่เร่าร้อนและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดให้ท่านเซียนนั้นได้พักผ่อนภายในค่ำคือที่เงียบสงักนั้นช่างยาวนาน ก่อนที่มือเจ้ากรรมของนักเดินทางจะซนอีกแล้ว และค่อยๆรุกล้ำเข้าไปลึกอีก

ฝ่ามือบางได้ค่อยๆรุกล้ำเข้าไปภายใต้เสื้อของเซียว และเจ้ามือซนอีกข้างก็ค่อยๆถอดเครื่องประดับตามตัวที่ห้อยไปรุงรังออกไปด้วย

แม้ร่างกายจะกำลังพักฟื้นจากบาดแผลสาหัส แต่การกระทำและความคิดนั้นมันมากกว่าความรู้สึกเจ็บ ร่างกายของทั้งสองค่อยๆย่างกายเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น โดยที่มือของนักเดินทางได้เอื้อมไปลูบไล้ตามลำตัวของเซียวอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดทำแบบนั้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง และมือนั่นก็เหมือนจะพยายามชักชวนฝ่ายตรงข้ามให้ย่างกายเข้ามา

เซียวที่โดนกระทำไปแบบนั้นก็มีท่าทีที่เหมือนจะสนองตามการกระทำของเจ้านักเดินทางตรงหน้า สายตาของเซียวนั้นดูจะยอมรับไม่ได้กับการกระทำของเขาที่ดูจะเป็นการสนองตามความต้องการของนักเดินทางตรงหน้า แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธไม่ได้

...“ จะ..เจ้า... ”...

...“ ถ้ามากกว่านี้ผมจะต้องตอบแทนอะไรกับคุณนะ ”...

...“ อืม... ”...

เจ้านักเดินทางที่ทำท่าทางเจ้าเล่ห์ก็พูดหยอกล้อไปกับเซียวในขณะที่ทั้งสองกำลังใกล้ชิดกันมากขึ้น

นักเดินทางก็กำลังกำลังครุ่นคิดบางอย่างก่อนที่จะนึกบางอย่างออก เพื่อเป็นการตอบแทนที่อีกฝ่ายยอมสนองตามความต้องการของเขาที่พละการทำอย่างไม่ได้ถามความเห็นจากอีกฝ่ายเลยแม้แต่คำเดียว

...“ งั้นผมขอเป็นการทำมากกว่านี้นะครับ เซียว ”...

...“ เจ้านี่โลภเกินไปแล้วนะ ”...

...“ ผมก็กำลังคิดว่าคุณคงจะต้องการแบบนั้นนะครับ เซียว ”...

...“ เจ้านี่เล่ห์เหลี่ยมจริงๆ ”...

...“ ข้ายอมก็ได้ เพียงแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวเท่านั้น จดไม่มีครั้งต่อไป ”...

...“ แย่จังเลยนะครับ เซียว พอดีว่าผมน่ะ อยากจะมีครั้งต่อไปนะครับ ”...

...“ ถ้าคิดว่าข้าจะยอมให้กับเจ้าได้ เจ้าก็ลองทำดูสิ ”...

...“ ค่ำคืนนี้คุณจะไม่มีวันลืมเลยล่ะครับ ”...

...“ บางทีคุณอาจจะเผลอติดใจไปเลยก็ได้นะครับ”...

ยังไม่ทันที่เซียวจะเอ่ยพูดตโต้กลับนักเดินทาง เขาก็ถูกฉุดกระชากลงไปประกบกับจูบของนักเดินทางอีกครั้งกับอีกฝ่ายที่นอนคอยเซียวอยู่บนเตียง

กว่าที่จะได้เริ่มบทเพลงรักระหว่างทั้งสองคนนั้น ก็ยืดเยื้อพอตัวเพราะนักเดินทางนั้นคงจะติดใจกับจูบที่ดูดดื่มระหว่างทั้งสองคนเป็นอย่างมาก

นักเดินทางได้จูบและแลกลิ้นกับเซียวอยู่อย่างยาวนาน จนริมฝีปากของเซียวเริ่มเป็นรอยช้ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ท่าทีของเซียวที่เจ็บปวดที่ริมฝีปากนั้น ก็รีบเอ่ยปากพูดกับนักเดินทางตรงหน้าของเขาที่เจ้าตัวของเซียวนั้นกำลังนั่งคร่อมนักเดินทางอยู่

...“ เจ้าคิดจะยืดเยื้อไปอีกนานสักเท่าไหร่กัน ”...

นักเดินทางที่ได้ยินดังนั้น จึงได้เผยรอยยิ้มที่มีเล่สไนย์ออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีรอยยิ้มแบบนั้น ประกดบนใบหน้าหวานละอ่อนของหนุ่มร่างบางอย่างนักเดินทางผู้นี้

ด้วยความที่ดูร้อนรนและไม่อยากยืดเยื้อไปมากกว่านี้แล้ว ทั้งสองก็ได้เริ่มบทเพลงรักหลังจากนั้น

จูบที่ดูดดื่มระหว่างเพลงรักของทั้งสอง

และการกระทำที่เริ่มรุกล้ำไปมากกว่าคำว่า " เพื่อน " ระหว่างทั้งสองนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

แต่จากการกระทำและบทสนทนานั้นดูไม่ใช่ว่าการกระทำที่ดูก้าวก่ายไปมากกว่านี้นั้นไม่ได้เป็นครั้งแรกของทั้งสอง และดูเหมือนว่าทางของนักเดินทางนั้น จะค่อนข้างรุกล้ำก้าวก่ายกับเซียวมากเป็นพิเศษกว่าใคร

มือเจ้ากรรมได้ค่อยๆเอื้อมไปจับตามผิวผ้าตามลำตัวของเซียวที่มีรูปร่างเล็กและบอบบาง แต่ทักษะของเขานั้นเหลือกว่าใครหลายๆคน

เซียวที่ดูไม่ค่อยอยากจะทำนักแต่ร่างกายมันดันสนองตามความต้องการจึงจำเป็นที่จะต้องสนองตามความต้องการของคนตรงหน้า และค่อยรุกล้ำเข้าไปมากกว่านี้ ลึกกว่านี้

จนท้ายที่สุดทั้งสองคนก็แทบจะประกบกันเป็นปลาท่องโก๋

ทั้งสองที่นอนร่วมเพลงรักระหว่างกันและกัน ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่างลอดผ่านภายใต้ม่านของหน้าต่างเข้ามาสาดส่องร่างกายที่ไร้อาพันธ์ของทั้งสอง

มือเจ้ากรรมของนักเดินทางก็ซนไม่รู้เรื่องอีกแล้ว ค่อยๆลูบไร้ไปตามผิวหน้าท้องของเซียวอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ แต่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายของนักเดินทางเสียมากกว่าที่พูดจาหยอกล้อกับเซียว

โดยที่เซียวนั้น นั่งคร่อมเจ้านักเดินทางแสนเจ้าเล่ห์ด้วยท่าทีที่เขินอาย และร่างกายของเขาก็อยู่ไม่เป็นสุขเช่นกัน เพราะมือของนั่งเดินทางนั้น ลูบไล้ต่อเนื่องไม่มีท่าทีว่าจะหยุดบนหน้าท้องของเขาอย่างมีความสุข เซียวก็มิอาจที่จะปฏิเสธได้แม้แต่นิดเดียว

ถึงแม้ร่างกายที่ไร้อาพันธ์ของทั้งสองจะประกบเข้าด้วยกันและต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์ร่วมด้วยกันแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังไม่ได้รีบร้อนที่จะเริ่มทำเรื่องอย่างว่า

แต่มีเพียงแค่นักเดินทางเท่านั้นที่ดูจะมีความสุขและหยอกล้อกับเซียวเพียงฝ่ายเดียว

นักเดินทางก็เริ่มครุ่นคิดอีกครั้งว่า ถ้ายืดเยื้อไปกว่านี้คงจะไม่เป็นการดีแน่

“ อ๊ะ !? — อุ้บ!! ”

นักเดินทางไม่ได้รีรอ นิ้วมือก็ได้ทำการสอดแทรกเข้าไปใต้จุด จุดหนึ่ง ที่เหมือนจะเป็นจุดที่กระตุ้นเร้าเรียกอารมณ์ของเซียวนิดหน่อย เจ้าตัวเลยเผลอที่จะครางเสียงหลงออกมา

นักเดินทางเห็นดังนั้นจึงยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ ยิ่งรุกล้ำเข้าไปมากกว่าเดิม และหนักหน่วงกว่านั้น

แต่ก็ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากมาย ทั้งสองเพียงแค่และลิ้นกันในค่ำคืนนั้น ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลอดผ่านภายใต้ม่านหน้าต่าง

บทเพลงรักที่ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเพียงแค่ความสุขเล็กๆน้อยๆระหว่างทั้งสอง

ทั้งสองเพียงแค่และลิ้นกันและจูบกันอย่างดูดดื่ม ภายใต้แสงจันทร์ และร่างที่ไร้อาพันธ์

...แกร๊ก !—...

“ นี่ๆ ทาบิบิโตะ ฉันได้ข้าวเย็นมาแล้วน้าาา กว่าจะได้มา ฉันนั่งกินตั้งนาน หยุดยั้งความหิวไม่ได้เลยยย ฮ่าฮ่า ”

ไพม่อน เพื่อนตัวน้อยนักเดินทางก็ได้เข้ามาในห้องพักพอดี ตรงหน้าของเธอมีเพียงแค่เพื่อนนักเดินทางของเธอที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่ และเซียว เซียนยักษ์สาผู้พิทักษ์กำลังนั่งเฝ้าอาการ

...“ เอ๋ ”...

“ ทำไมเซียวยังไม่ไปอีกอ่ะ แหม เป็นคนซึนจริงๆด้วยแฮะ ”

“ ทั้งที่เห็นพูดข่มไม่อยากจะมาดูแล สุดท้ายก็ยังเฝ้าดูอาการหรอเนี่ยยย ”

“ ชิ เรื่องของข้า ”

“ อะไรกันเล่าา จู่ๆก็มาโมโหใส่เฉยเลยแฮะะ ไปโกรธใครมาเนี่ยยย ”

ไพม่อนเพื่อนตัวน้อยพูดหยอกล้อนิดหน่อยกับเซียวไม่ได้มีอะไรมาก ก่อนที่เธอจะบินถือถาดอาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะเอ่ยปากถาม

“ อ่า นี่ข้าวเย็นของนาย พอดีที่มาช้าฉันเพอินกอนเพลินไปหน่อยน่ะ เถ้าแก่เนี้ยะก็ให้มาได้เท่านี้แหละ ”

“ ขอโทษทีน้าา พอดีฉันอิ่มแล้วน่ะ ”

“ โกหกหน้าตายเห็นๆ ยังไม่ทันที่จะได้กินอะไรเลย ก่อนหน้านี่ก็เกือบตาย เอ้าๆ รีบมากินซะ ”

“ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ! ”

“ ฮะๆๆๆ ”

TBC.

ห้องศิลปะ

ตอนนี้ขอนำเสนอคู่ !

...<< albado x xiao >>...

ในเย็นของทุกวันที่ห้องศิลปะนั้น จะมีชายร่างสูงโปร่งที่คอยยืนวาดรูปที่มุมห้องของชมรมศิลปะอยู่เสมอ ซึ่งเป็นมุมประจำของเจ้าตัวเอง

ชายร่างสูงโปร่งที่มีเรือนผมสีบลอนด์อ่อนๆ ตัดทรงผมสั้นรุงรัง ถักเปียยาวและนำมาประจบกันมัดเป็นจุกที่ด้านหลังของศีรษะการแต่งตัวที่แสนจะสบายและเรียบง่ายตามสไตล์ของเจ้าตัว

ชายหนุ่มรูปงามสมวัยนั้น เขามีงานอดิเรกที่ใครหลายๆคนก็อาจจะชอบเช่นเดียวกัน อย่างการวาดรูป

...แกร๊ก !—...

...“ ขออนุญาตนะครับ ”...

...“ โอ๊ะ มาแล้วหรอๆๆ ”...

...“ ไหนของว่างของฉันกันน้าาา ”...

...“ สักแต่จะแดกจริงๆ ”...

...“ โธ่ ใจร้ายจังนะ เจ้าบ้านี่ เพื่อนกันมากี่ปีแล้วเนี่ย”...

...“ จ้าๆ พ่อเจ้าชายชอกค์ขาวรูปหล่อ ”...

......“ ชมกันแบบนี้แอบมีใจป่ะเนี่ย ”......

...“ อี๋ ขยะแขยง ”...

ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนคนที่ได้ฉายาว่าเจ้าชายชอกค์ขาวนั้น คือเพื่อนสนิดของเจ้าตัวเองที่เดินเข้ามาพร้อมกับข้าวกล่องที่ติดไม้ติดมือมาด้วย

คนที่มีผมสีเขียวเข้มไฮไฃท์ที่ปลายผมสีเขียวมิ้นต์สว่าง ส่วนสูงค่อนข้างเตี้ย 160 ไม่สามารถเพิ่มขึ้นเป็น 161 ได้ตลอดปี ผู้เป็นเพื่อนสนิดของเจ้าชายชอกค์ขาว

“ นายไม่สนใจมาลองวาดรูปกับฉันหน่อยหรอ เซียว ”

“ ฉันไม่ใช่จิตกรนะ ”

“ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนเลยนี่ เจ้าบ้า ”

เซียวเดินเข้ามาภายในมุมโต๊ะข้างๆกับจุดที่อัลเบโด้กำลังระเลงสีลงบนสมุดเล็กๆของเขาขนาดเท่าฝ่ามือ จับถือพอเหมาะพอดี

ทั้งสองคนก็พูดคุยสนทนากันชั่วครู่ ก่อนที่อัลเบโด้จะนิ่งเงียบไปสักพัก

.

เซียวที่นั่งเก้าอี่ข้างตัวไม่ไกลจากตัวของอัลเบโด้มากนัก รู้สึกแปลกๆ จึงจับสังเกตุได้ ว่าเพื่อนสนิทของเขานั้นมีอาการที่ไม่ปกติเหมือนก่อนหน้านี้ ด้วยความสงสัยเซียวจึงได้เอ่ยปากถามอัลเบโด้ ที่ยืนนิ่งเงียบหันแผ่นหลังให้กับเซียว

.

.

...“ แกเป็นอะไรทั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ อัลเบโด้ ”...

อัลเบโด้ที่ยืนหันหลังให้กับเซียวยังคงยืนนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะค่อยๆหันใบหน้าหล่อมาหาเซียวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ก่อนที่เขาจะพูดประโยคหนึ่งออกมา

เพราะประโยคนั้น เซียวจึงชะงักไปชั่วครู่ ด้วยความตกใจกับสิ่งที่ออกมาจากปากของเพื่อนเจ้าตัว เซียวนั่งนิ่งและยังคงช็อคกับสิ่งที่อัลเบโด้พูดออกมา

.

.

“ นี่.. เซียว ฉันน่ะ ”

“ ได๊สึกิ้ นายสุดๆไปเลยอ้ะ ”

ปั๊ก !!!

ฝ่ามือของเซียวได้กระแทกอย่างแรงลงบนศีรษะของอัลเบโด้ด้วยความโมโห

“ พูดอะไรของแกฟร้ะ !! ”

ปั๊กๆ ปั๊กๆๆๆๆ ตุ้บ!!!

“ โอ้ยย พอแล้วๆ ฉันเจ็บนะ! ”

อัลเบโด้ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เพราะเซียวทารุนเค้าด้วยความโกรธแบบจริงจัง แล้วไม่มีท่าทีว่าเซียวจะหยุดทุบเขาเลย จากการกระทำที่เขาเล่นเอาเซียวหัวใจจะวาย

“ ไอ้เจ้าบ้านี่ แกนะแก ฉันจะเชือดแกให้เหี้ยนเลย! ”

“ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆ ”

.

.

“ นี่ก็มืดค่ำแล้วนะ ฉันขอกลับก่อนล่ะ ”

“ นายนอนหอไม่ใช่รึไง ”

“ จิ๊ ก็เพราะแบบนั้นนั่นแหละ กฏของหอคือต้องกลับก่อนหกโมงเย็น ”

“ ถ้างั้นไปนอนกับฉันที่บ้านดีกว่ามั้ยล่ะ เซียว”

“ นี่แก... ใจเกเรงั้นหรอ ”

“ อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันดูเป็นคนแบบนั้นหรอ ”

“ ตามตรง ก็ถูกต้องตามสำเนา ”

“ เห้ย! ”

“ ฮ่าๆๆๆ ”

“ นี่เซียว ที่ฉันบอกว่าชอบนายน่ะ ฉันพูดจริงจากใจเลยนะ ”

“ ... ห๊ะ !? ”

.

.

ฟุ้บ!

“ เฮ้ยๆๆๆๆๆ ! เห้ย!!! ”

“ ฉันไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ เซียว ”

คำพูดที่อัลเบโด้พูดออกมานั้น เป็นคำพูดจากใจจริง เซียวก็ยังช็อคอีกรอบ ยังไม่ทันทำอะไร อัลเบโดรีบเดินเข้ามาใกล้ตัวของเซียว

เซียที่พยายามจะถอยห่างอย่างอัตโนมัต จังหวะที่เซียวกำลังจะลุกนั้น อัลเบโด้ได้รั้งเซียวเอาไว้

แต่มันกลับทำให้เซียวยิ่งอยากจะถอยห่างออกจากเพื่อนของตนมากเข้าไปอีก ดพราะอัลเบโด้เล่นเอามือของตัวเองมาคว้าเอวบางของเซียวเอาไว้

อัลเบโด้ที่รั้งเอวของเซียวเอาไว้ โดยที่เซียวไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว อัลเบโด้ก็ได้ขึ้นคร่อมเซียวจนใบหน้าของทั้งสองใกล้กันแทบจะจูบกันอยู่แล้ว เพียงอีกนิดเดียวเท่านั้น

“ เห้ย อัลเบโด้ ฉันว่านะ— ”

เซียวที่ตัวสั่นระริกด้วยความเขินอย่างขั้นสุดที่ใบหน้าของเขาและอัลแเบโด้อยู่ใกล้ชิดกันแทบจะกลืนกินกันไปด้วยกันอยู่แล้ว เซียวก็รีบพูดด้วยความกลัวนิดหน่อยพรางช็อคแต่เขาก็ยังคงมีสติเต็มร้อย แต่ยังไม่ทันที่เซียวจะพูดจบ

อัลเบโด้รีบชิงฉวยโอกาสและประทับจูบลงที่ริมฝีปากของเซียวในทันที เพราะใบหน้าของทั้งสองใกล้กันมาก จึงเป็นเส้นทางที่ดีที่อัลเบโด้จะสามารถฉวยโอกาสจูบเซียวได้ในทันที

อัลเบโด้ไม่รอช้า ในขณะที่ทั้งสองทำลังจูบกัน อัลเบโด้ใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองสอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ต และไซ้รซุกซนไปตามร่างกายของเซียว

คนที่ถูกกระทำก็ตัวบิด เพราะการกระทำของอัลเบโด้ที่ทำอย่างกับ กำลังสนุกสนาน แต่ตัวของเซียวกลับดูทรมาน เพราะจูบที่กระทันหันของอัลเบโด้แบบนั้น อันเบโด้ดูรีบร้อน ถึงเผลอกัดปากของเซียวไป

จนมีเลือดซึมออกมานิดๆ แต่เซียวก็เจ็บมากเช่นกัน เพราะส่วนของปากนั้น ค่อนข้างบอบบาง หากถูกกระทำรุนแรงเพียงนิดเดียวอาจปากแตกได้ง่ายๆ

อัลเบโด้ดูอยากกระหายที่จะทำ ส่วนเซียวที่ก่อนหน้านี้ช็อคกับคำพูดของอัลเบโด้จนไม่ทันได้ตั้งตัว จึงถูกกระทำได้อย่างง่ายดาย

เพราะอัลเบโด้ที่เริ่มจูบอย่างไม่หยุดหย่อน เซียวที่ถูกกระทำก็แทบจะไม่ได้พักผ่อนแม้แต่เสี่ยววินาทีเดียว เซียวที่หายใจไม่ออกเพราะอัลเบโด้

หลังจากที่อัลเบโด้ถอดจูบนั้น ร่างของเซียวที่หอบโรยริน ใบหน้าสีแดงฉานราวกับมะเขือเทส ไม่ไกลจากใบหน้าของเซียวมากนัก เพียงอีกนิดก็จะประกบกันอีกครั้ง ใบหน้าหล่อของอัลเบโด้ ที่มุมปากมีรอยยิ้มที่มีเล่สไนย์ ราวกับสัตว์ป่าที่พร้อมจะตะคุ้บเหยื่อของตนด้วยความกระหาย

.

.

.

ท่าทางของอัลเบโด้ที่อยากจะทำมากกว่านี้ แต่ก็ได้มีเสียง เสียงหนึ่งที่เข้ามาภายในห้องศิลปะนั้น เป็นดั่งเสียงของเทพที่จะมาช่วยลูกแกะที่น่าสงสาร เสียงของคนคนนั้นยังไม่ได้เห็นสารรูปของทั้งสองคนภายในห้อง เพราะประตูทางเข้าห้องชมรมนั้น ทางที่จะเข้ามาตรงมุมของอัลเบโด้ค่อนข้างยาก เพราะมีกำแพงสูงหนากำบังทั้งสองเอาไว้

“ เซียวครับบบ อยู่รึเปล่าาา ”

“ เสียงของเอเทอร์หนิ ”

“ โอ้ะโอ๋ ถ้ามีเห็นในสารรูปแบบนี้ภาพลักษณ์เสียแย่เลยแฮะ ”

หลังอัลเบโด้พูดจบ ตเจ้าตัวก็ลุกขึ้นและจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้ารูปเป็นเหมือนดั่งปกติ

“ แกนี่มันน่ากลัวจริงๆ ”

หลังตากที่อัลเบโด้ลุกออกจากตัวของเซียว เวียสก็รีบลุกขึ้นก่อนจะถอยหนีทันที พรางพูดด่าทอกลับไปหาอัลเบโด้ด้วยความโกรธ บนใยหน้าสีแดงฉาน

“ ไว้คราวหลังแล้วกันน่ะนะ แล้วคราวนั้นฉันได้ทำมากกว่านี้แน่ ” อัลเบโด้พูดด้วยรอยยิ้มที่มีเล่สไนย์

เซียวทำท่าทางขยะแขยง ก่อนจะรีบจัดเสื้อหาของตัวเองให้เป็นเหมือนปกติอย่างเร่งด่วน

ตึก ตึก ตึก

“ โอ๊ะ อยู่นี่เอง คุณเซียว ”

“ มาได้ทันเวลาจริงๆนายเนี่ย ฉันติดหนี้บุญคุณนายเลยนะ เอเทอร์ ”

“ ติดหนี้บุญคุณ ??? ”

เซียวพูดขอบคุณกับเอเทอร์ แต่เจ้าตัวที่มีเรือนผมสีทองสวยงามแพรวพราวนั้น กลับงุง.งงกับการกระทำของเซียว แต่เจ้าตัวไม่ได้คิดอะไรมาก และยังพูดลากับอัลเบโด้ก่อนไปอีกด้วย

“ ผมขอตัวก่อนนะครับคุณอัลเบโด้ ”

อัลเบโด้ก็ไม่ได้ติดอะไรมากที่เอเทอร์จะมาขัดเขา เพราะนี้ก็เริ่มจะมืดค่ำแล้วด้วย เขาเลยบอกลากลับกับเอเทอร์ไปด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อบอุ่นดั่งพ่อไมโครเวฟ (?) ^^

“ เอเทอร์นายนี่เหมือนลูกหมาเลยแฮะ ทั้งยังบ๊อง และซื่อบื้ออีกด้วย ”

.

Tbc.

หวานเจี๊ยบ

ตอนนี้ขอนำเสนอคู่ { Ganyu x xiao }

ทีม { ความรักแสนหวาน }

<---- เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวกับชื่อตอนเลยนะจ๊ะ ᕦ༼ຈل͜ຈ༽ᕤ

.......

...“ อือ ~ ”...

...ในเช้าวันแสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านม่านหน้าต่างส่องเข้ามาภายในห้องนอน จากแสงแดดที่อ่บอุ่นภายนอก ร่างโปร่งที่ไร้อาพันธ์นอนคดตัวภายใต้ผ้าห่มหนาๆ แสงแดดลอดผ่านเข้ามาสัมพัสกับใบหน้าของร่างนั้น...

เจ้าตัวค่อยๆยื่ดตัวยาวเหยียดขาไปสุดปลายเตียงใหญ่ บิดขี้เกียจร้องครวญครางออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งที่เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยความเอ็นดูอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายที่ได้ยินถึงกับสดุ้งโหยงนิดหน่อย

“ ตื่นแล้วหรอคะ ”

เมื่อสายตาเริ่มชินกับสภาพแวดล้อมรอบตัวของตนเองและเริ่มเห็นภาพข้างหน้าชัดขึ้น คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงตรงหน้าของร่างบางนั้นคือคนรักของเขา " กานยู " เดือนขณะบริหารที่ทั้งโด่ดเด่นในเรื่องหน้าตา หุ่น และเรื่องผลงานอีกด้วยเช่นกัน แบบทัศนคติของเธอยังดีอีกด้วย จึงทำให้มีเพื่อนฝูงมากมายที่รักใคร่ในตัวเธอมาก

ร่างบางนอนนิ่งจ้องมองกานยูอยู่สักพีก ก่อนที่จะเอ่ยตอบกานยูออกไปด้วยความจี้เกียจ ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าผ้าห่มมาคุมโป่งก่อนที่จะพลิกตัวหันข้างไปทางหน้าต่างของห้องนอน

“ อือ หิวแล้วอ่ะ ทำอะไรให้กินหน่อย.. ”

กานยูที่ได้ฟังคำตอบดังนั้นจึงตอบคนตรงหน้าของเขาไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆที่อ่บอุ่นก่อนที่กานยูจะลุกออกจากเตียงเดินห่างจากเตียงไปที่อีกห้อง

“ ได้ค่ะ งั้นเรานอนรอไปก่อนนะคะ ”

อีกฝ่ายที่ได้ฟังดังนั้นจึงผงกหัวกลับไปเป็นสัญญาณ

.

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

.

หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก ร่างบางก็ค่อยๆเริ่มรู้สึกว่าตื่นเต็มที่แล้วเรียบร้อย ร่างบางที่กำลังลุกขึ้นจากเตียงที่ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ไม่เป็นที่เรียบร้อย ร่างบางที่เห็นก็เริ่มชักหงุดหงิดเพราะเจ้าตัวเป็นคนที่เจ้าระเบียบมากๆ คงจะเป็นผลพลอยมาจากแฟนสาวสุดสวยของเขาอย่างกานยูที่ทั้งเพียบพร้อม หน้าตาดีและเรียบร้อยเป็นอย่างมาก ทั้งยังสุภาพเป็นที่รักใคร่ของหลายๆคน ต่างจาก เซียว ที่เป็นแค่นักศึกษาใหม่ ไม่ค่อยเข้าหาใครสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพียงเพราะเขาไม่อยากคบค้าสมาคมกับใคร แต่เป็นเพราะเขาไม่ค่อยเข้าสังคม เลยเข้ากับใครไม่ค่อยเป็น ยิ่งเป็นโปรเจ็กต์ที่ต้องทำเป็นกลุ่ม เขาจะถูกเพื่อนๆเมินเฉยอยู่เสมอ คนรอบตัวจึงไม่ค่อยสนใจกับเขานัก อีกทั้งภายนอกที่คนรอบตัวเห็น เขาดูเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยเข้าสักคมกับใคร และยังดูหยิ่งพยอง นี่เป็นอีกเหตึผลที่เขาไม่ค่อยจะมีเพื่นอสักเท่าไหร่

แต่ดูจะเป็นโชคชะตาบางอย่างเกี่ยวกับเขา และกานยู ครั้งหนึ่งเขาบังเอิญไปเจอกับกานยู ครั้งนั้นเซียวดันเดินไม่ดูทางเผลอไปชนกับกานยูเข้า ทั้งสองฝ่ายต่างขอโทษขอโพยกันใหญ่ สุดท้ายมาจบกันที่เลี้ยงข้าว จะว่าเลี้ยงข้าวก็ไม่ได้ เพราะเหมือนทั้งสองจะหารกันจ่ายเสียมากกว่า ต่างฝ่ายต่างอยากจะจ่ายเลี้ยงค่าอาหารเพื่อเป็นการขอโทษ แต่ผ่านไปสักพักทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันอย่างเข้าจากันดี หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มทำความรู้จักกันมากเรื่อยๆ สุดท้ายทั้งสองที่ความรู้สึกตรงกัน จึงตกลงที่จะคบกัน ที่ทั้งสองคบกันคงไม่ใช่เพียงแค่เพราะว่าความความรู้สึกตรงกัน แต่อาจจะเป็นเรื่องรสนิยมบนเตียงด้วยอีกเช่นกัน โดยที่กานยูนั้นชอบที่จะเป็นผู้คุม ส่วนเซียวเลือกที่จะฝ่ายถูกควบคุมมากกว่า

.

กลิ่นหอมของอาหารมื้อเช้านี้ ทำเอาเซียวแทบอดใจไม่ไหว เขาจึงรีบลุกจากเตียงและรีบเดินไปที่ห้องครัวทันที

แกร๊ก !

“ มื้อเช้าวันนี้หอมจังเลยนะ— ”

“ .... ”

“ พี่กานยู.. ”

เซียวที่รีบมายังห้องครัวกลับต้องหยุดชงักกับภาพตรงหน้า ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากว่าความอะไรสักประโยคเดียวแม้แต่น้อย กานยูก็รีบพูดตัดก่อน

“ วันนี้พี่ขออีกนิดนะคะ ”

“ พี่.. คือว่านะ.. เราเหนื่อยแล้ว ”

เซียวที่ได้ยินกานยูพูดออกมาจากปากแบบนั้นด้วยท่าทางที่อยากจะทำเรื่องอย่างว่าในยามเช้า ใบหน้าของเซียวก็เริ่มไม่จืดขึ้นมาเลย เพราะว่สตัวเขานั้นเหนื่อยล้ามาก จากเรื่องราวเมื่อค่ำคืนก่อนหน้านี้

“ ไม่ได้หรอคะ ”

กานยูที่ได้ฟังคำตอบแบบนั้นพร้อมทั้งใบหน้าของเซียวที่ดูไม่จืดเลย กานยูเลยเริ่มทำท่าทางออดอ้อนก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ตัวเซียวอย่างช้าๆ

“ เราขอกินข้าวก่อนได้มั้ยอ่ะพี่ ”

เซียวรีบพูดตัดและเดินสวนจากตัวของกานยูและมุ่งตรงไปที่โต๊ะกินข้าวที่มีอาหารทั่วโต๊ะน่ารับประทาน ประดับด้วยแท่นเทียนที่ตั้งอยู่ตรงกลาง เซียวเดินเข้ามาใกล้โต๊ะกินข้าวก่อนที่จะพูด ด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองกานยู

“ พี่ จะโรแมนติกไปไหนก่อน นี่ยังเช้าตรู่อยู่เลยนะ ”

กานยูหน้าเจื่อนทันทีที่ได้ฟังคำตอบ เซียวที่สังเหตุเห็นเหมือนจะมีหูงอกออกมาและหูคู่นั่นตกอยู่ ราวกับสุนัขที่กำลังหงอยเพียงเพราะไม่ได้รับความสนใจจากเจ้านาย

เซียวอดขำไม่ได้จริงๆ ก่อนที่จะยิ้มออกมา

“ พี่นี่นะ ผมล่ะแพ้ลูกอ้อนของพี่จริงๆ ”

น่าแปลกที่หูคู่นั้นกลับตั้งขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าของกานยูที่ดูดีใจสุดๆ ก่อนที่กานยูจะเริ่มเอ่ยปากพูดอะไรด้วยความดีใจ เซียวกลับตอบด้วยคำตอบที่ไร้เยื่อใยพร้อมกับใบหน้านิ่งๆอีกครั้งราวกับว่าก่อนหน่านี้ไม่ได้มีโมเม้นต์อะไรหวานฉ่ำสดใสน่ารัก

“ แต่วันนี้เราขอไม่ทำนะ เราต้องทำงานด้วย ”

หูคู่นั้นก็ตกลงทันที

เซียวเดินไปเลื้อนเก้ากี้ออกมาก่อนที่จะนั่งรับประทานอาหาร และพูดชักชวนให้กานยูมากินด้วย แต่เซียวนั่งมองกานยูอยู่สักพักเพื่อสังเหตุพฤติกรรม

เซียวที่เห็นว่ากานยูยืนนิ่งไม่ได่ทำอะไร ก็กำลังจะหันกลับไปทานข้าวเช้าต่อ จู่ๆ กานยูก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่บอุ่นแต่รอยยิ้มดูมีเล่สไนย์หมายแฝง

“ ถ้างั้นพรุ่งนี้พี่ขอทั้งคืนนะคะ ”

“ พรืด! — ”

เซียวที่ได้ฟังคำตอบแบบนั้นถึงกับสำลักข้าวภายในปากที่กำลังเคี้ยวอยู่ ก่อนที่จะเก็บกวาดเศษอาการบนโต๊ะและรีบยกน้ำขึ้นมาดื่ม เพราะอาการสำลักก่อนหน้า เซียวกันไปมองกานยูด้วยสีหน้าที่ดูไม่จืด

ภายในหัวของเซียวที่เริ่มมโนถึงวันพรุ่งนี้ที่เซียวจะต้องเจอกับอะไรบ่างในเย็นค่ำของวันนั้น โดยไม่มีจังหวะว่าจะหยุด เซียวเริ่มหน้าเจื่อน ก่อนที่จะส่ายหัวไปมาราวกับสบัดความคิดภายในหัว และรีบหันกลับไปทานข้าวต่อด้วยใบหน้าที่แดงฉานอย่างกับมะเขือเทศ

.

.

.

.

.

.

.

.

ค่ำคืนที่ดูสงบสุข ภายในห้องนอนขนาดใหญ่เซียวกำลังนอนหันข้างฝห้กับกานยูอยู่พรางไถนิ้วมือของตนไปกับหน้าจอโทรศัพท์ แสงจากจอโทรศัยท์ไม่ได้สว่างมาก เพราะแสงจันทร์ในค่ำคืนนี้นั้นสว่างกว่าใคร พระจันทร์เต็มดวง ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เป็นค่ำคืนที่ดี

และสงบสุข ?

เซียวมีใยหน้าที่ดูหงุดหงิดสุดๆ เพราะว่าขณะที่เขากำลังไถโทรศัพท์ไปมาอยู่นั้น มือของกานยูทั้งสองข้างใช่ว่าจะอยู่นิ่งเพราะความอยากกระหายตั้งแต่เช้าวันนี้แล้ว คงเพราะก่อนหน้านี้เธอคงอยากทำมากกว่านี้แต่ไม่มีสิทธิ์ต่อเพราะความเหนื่อยล้าของเซียว

มือของกานยูซุกไซร้ไปมาภายใต้เสื้อของเซียวลูบไล้ไม่หยุด ใบหน้าของกานยูก็ซุกอยู่บนแผ่นหลังน้อยๆของเซียว

หมับ!

“ โอ๊ย — ”

“ พี่ อย่ากัดดิ ”

“ ขอโทษค่ะ แหะๆ ”

กานยูที่ใบหน้าซุกอยู่บนคอเล็กๆของเซียว จู่ๆก็ซุกซนเลยกัดหมั่บเข้าให้ จนทำเอาอีกฝ่ายที่ถูกกระทำแบบนั้นไปถึงกับเจ๋ฌบปวดแต่ไม่มากนักเท่าไหร่ แต่ก็ร้องเพราะตกใจออกมาจากความเจ็บปวด

“ อยากให้ถึงพรุ่วนี้เร็วๆจังเลยนะคะ ”

“ แต่ผมไม่อยาก ”

“ ทำไมล่ะ ทำกับพี่มันำม่สนุกแล้วหรอ ”

“ เราเหนื่อยอ่ะดิพี่ พี่เยดแล้วพี่หยุดที่ไหน ”

“ ฟังที่ผมขอให้หยุด รึเปล่าเถอะ เหอะๆ ”

เซียวพูดด้วยความหงุดหงิดใส่กานยูไปเพราะตั้งแต่เช้าก็หงุดหงิดมานิดหน่อยแต่เดิใอยู่แล้ว

กานยูไม่ได้ต่อว่าอะไรเซียวกลับไป เพียงแค่ตอบกลับเซียวไปด้วยรอยยิ้มที่มีนัยแฝงแบบนั้นอีกครั้ง

“ เราบอกให้พี่หยุดหรอคะ ”

“ พี่ว่าพี่ได้ยินเราบอกให้พี่ทำแรงกว่านี้นะคะ ”

เซียวหน้าเจื่อน ก่อนจะรีบกำมือแน่นและทุมเข้าให้หน้าอกของกานยูเบาๆ พรางแก้เขินตัวเองไป

กานยูก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กานยูกลับหัวเราะชอบใจแทนซะอย่างนั้น คงเพราะในความคิดของกานยูนั้นเซียวคือแมวของเขาที่กำลังโกรธและใช้อุ้งมือน้อยๆมาทุบเข้าให้ด้วยคสามนุ่มฟู จากการมโนของกานยูเอง

.

.

.

.

.

TBC.

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!