"ฉันเคยคิดว่าซูโทเปียเปนสถานที่ที่สมบูรณ์เเบบ"
"ที่ใครๆเข้ากันได้ดีเเละใครก็เป็นทุกอย่างได้ที่ต้องการ"
"ฉันนึกว่าที่พูดไปมันจะใช่เเต่มันไม่ใช่"
จูดี้ ฮอปส์ กระต่ายตัวหนึ่งที่มีความฝันจะเป็นตำรวจในมหานครซูโทเปียที่มีสัตว์ต่างๆอาศัยอยู่รวมกันอย่างเป็นสุข เธอเป็นฮีโร่เเห่งเมืองซูโทเปียที่เปิดโปงการป้ายสีกลุ่มผู้ล่าที่ทำให้เมืองเเตกเป็นสองฝ่าย หากเเต่ว่าเธอทำไม่สำเร็จเเน่หากไม่มี"เขา"นิค ไวลด์จิ้งจอกนักต้มตุ๋นที่เคยใช้ชีวิตกับการหลอกลวงชาวบ้านเเต่นิคก็ได้กลับใจมาช่วยเธอในการทำคดีต่างๆโดยที่ทั้งคู่เข้ากันได้เเม้จะเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ พวกเขาทำงานร่วมกัน เป็นคู่หู เพื่อนเเละพี่น้อง เเต่มันเริ่มไม่ใช่อีกต่อไปไม่ใช่อีกต่อไป พวกเขาฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันมามากมายจนพวกเขามีความสัมพันธ์เเบบเกินเลยจนทำให้ชีวิตของทั้งคู่เปลี่ยนไปตลอดกาล
"ฮอปส์!!!"
สารวัตรโบโกตะโกนเรียกให้เธอตื่นจากภวัง เธอผ่านช่วงเวลาอันเจ็บปวดมามากมายเเม้มันอาจไม่นานเมื่อเทียบกับนิคที่ผ่านชีวิตที่เจ็บปวดมา20กว่าปีจนตอนนี้จูดี้อายุ31เเล้วกับ4ปีที่ไม่มีนิค ไวลด์
"ค่ะสารวัตร"
เธอตอบสารวัตรไปให้เขาหายห่วงเเต่ในตอนนี้ไม่มีใครชินกับจูดี้เเบบนี้สักที(เเบบที่ไม่มีนิคอยู่ด้วย) สารวัตรถามต่อ
"เธอเป็นอะไรหรือฉันเห็นเธอเม่อมาตั้งเเต่เมื่อกี้เเล้ว"
ทุกคนในZPDไม่เคยเห็นเธอเป็นเเบบนี้มาก่อนเเต่เธอก็ตอบกลับไปเพื่อไม่ให้สารวัตรกระบือถามต่อถึงความผิดปกติของเธอ
"ฉันสบายดีค่ะคุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก"
สารวัตรรู้ว่าเกิดอะไรเมื่อ4ปีที่เเล้วเธอได้ใจเเตกกับนิคเเละนิคโดนไล่ออกจากกรมเพราะเขาพยายามจะช่วยเธอ สารวัตรไม่อยากให้ความหลังมันกลับมาทำให้เธออีกเขาจึงเบี่ยงประเด็ณ
"ฉันอยากให้เธอไปทำคดีนี้หน่อยรายละเอียดเดี๋ยวไปถามคลอว์ฮาวเซอร์เเล้วก็โทรเเบรี่ด้วย"
"ค่ะสารวัตร"
เเบรี่คือใคร? เขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซบิเรียฮัสกีที่ปฎิบัติหน้าที่นอกเมืองเขาไม่ค่อยเข้ามาในเมืองบ่อยนักยกเว้นมารับงานในกรมเพราะชอบอยู่ตัวเดียวเเละก็เป็นนักธรรมชาตินิยมเเบบไม่เเก้ผ้าเเถมเขายังเป็น อาจารณ์มหาวิทยาลัย นักพันธุศาสตร์ ไกด์ เจ้าหน้าที่ในอุทยานเเละยังเป็นคนที่คอยดูเเลจูดี้ด้วยซึ่งนี้คืออาชีพหลักของเขาเขายังมีอาชีพเสริมอีกหลายอาชีพ โบโกมักจะเป็นคนที่สั่งให้เขามาทำงานกับจูดี้บ่อยๆเพราะเขามีบุคลิกคล้ายกับนิคที่สุดในกรมทำให้เขาต้องมาคอยดูเเลจูดี้ตลอดจนจะเป็นคู่หูกันอยู่เเล้ว(เเต่ก็ยังไม่ใช่100%)เขาคือคนที่เธอไว้ใจที่สุดเเล้วในตอนนี้ช่วงสองปีที่ผ่านมาเธอเเละเเบรี่มักจะมาคุยกันเรื่องนิคบ่อยเเทบทุกครั้งที่เจอหน้ากันยกเว้นตอนปฎิบัติหน้าที่จูดี้จะเปรียบเเบรี่เหมือนนิคคนที่สองเพราะนอกจากนิสัยจะมีความคล้ายกันหลายส่วนเเบรี่ยังอายุน้อนกว่านิคเเค่นับเดือนเท่านั้นเองเเละเเบรี่ยังมีความสามารถที่จูดี้ไม่มีอีกด้วยทำให้เเบรี่คือคนที่เติมเต็มสิ่งที่จูดี้ต้องการ
จูดี้มาถึงฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อมาหาคลอฮาวเซอร์เพื่อทราบรายละเอียดของคดี เจ้าเสือชีต้าก็ยังเคี้ยวโดนันเหมือนเดิมเเถมเห็นเขาเเอบซ่อนโดนัทไว้ในปกคอเหมือนเดิมกับตอนที่เจอกันครั้งเเรก
"อ้าว มาเเล้วเหรอรอตั้งนานเเน่ะ" คลอฮาวเซอร์กล่าวพร้อมเอาเเฟ้มมาให้จูดี้
"อะ นิรูปคดีหามาให้เเล้วนะ"
"ขอบคุณ" จูดี้ได้เปิดเเฟ้มขึ้นมาดูพบว่ามันบางมา
"อุ้ย เเฟ้มบางขนาดเนี้ยเลยหว้าเเย่จังสงสัยวันนี้อเมริกาคงไม่อวยพรเธอเเล้วสิ" คลอฮาวเซอร์พูดติดตลกจูดี้ก็ได้เเต่ขำเเห้งๆ
"ฮ่าๆโครตขำเลยคลอฮาวเซอร์นี้คุณช่วยจริงจังได้ไหมเนี่ยทำไมเเฟ้มเเค่นี้เอง" เธอออกน่าไม่พอใจชัดเจน"
"ไม่รู้สินะมันบางกว่าที่เธอทำคดีเเรกซะอีกเเรกซะอีก"
"ฉันก็ว่างั้นเเละเดี๋ยวฉันโทรหาเเบรี่เเล้วไปเลย"
จูดี้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเเล้วโทรเเบรี่วันนี้เหมือนเขาจะรับสายไม่ค่อยได้เขายังยุ่งอยู่ด้วยนอกจากงานในเเลบช่วงเช้าเเล้วยังตอนไปสอนเด็กคาบบ่ายอีกมหาลัยที่เเบรี่สอนก็ไกลสอบอีกเเถมยังมีเด็กฝึกงานที่ศูนย์อีกจูดี้คิดว่าเเบรี่เนี่ยน่าจะเป็นสัตว์ที่ทำงานหนักเป็นอันดับต้นๆของซูโทเปียเลยเเหล่ะเเต่เขาก็ยังทำตัวสบายๆได้อย่างกับว่ามันเป็นงานที่ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย -เหมือนกับจิ้งจอกที่บางตัว- เธอคิดถึงเขามากขนาดเเค่มีคนทำตัวคล้ายกันเธอก็คิดถึงเขาเเล้ว ทุกครั้งที่เธอเจอเเบรี่เธอจะอึดอัดเเบบสุดขีด -เพราะเขาเหมือนนิคเเทบทุกอย่าง-
"เฮ้ เเบรี่คุณอยู่ไหม"
+++++++++++++++++ 8/9/2562
*credit* เเฟนฟิคเรื่องเเรกในชีวิตเนื้อเรื่องอาจจะงงๆหน่อย
เเต่เดี๋ยวผมจะเฉลยเรื่องในภายหลังเอง
ผมพยายามจะมาตอนละอาทิตย์เพื่อให้เนื้อเรื้องไปได้รวดเร็ว
เเละอย่างสุดท้ายก่อนไปผมขอขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านมาดู
ขอขอบคุณคุณอย่างยิ่งที่สนใจมาดูเพราะชีวิตนี้ไม่คาดคิดว่าจะมี
ใครสนใจนิยายผมเลย
ติดตามต่อได้ในตอนหน้า…...
เเบรี่รอจูดี้มาสักพักเเล้วตอนนี้มีบางอย่างกำลังอยู่ด้านหลัง
-อาจจะเป็นนกก็ได้-
เเบรี่คิดเเบบนั้น ส่วนเรื่องคดีที่เขาเเละจูดี้จะเข้ามาทำมีคนเเจ้งว่าที่อุทยานที่เเบรี่ทำงานอยู่มีวัตถุบางอย่างตกลงมาที่นั้น ถ้าถามว่าทำไมเอาเจ้าหน้าที่มาตรวจเเค่สองตัวเพราะเเบรี่อยู่ที่นี้ตลอดทำให้เขามาถึงเร็วกว่าเพื่อนเเละทั้งกรมคงยุ่งกับสมาคมอุกบาตรอเมริกาเเล้วทำไมต้องจูดี้ที่มาก่อนเพื่อนก็เพราะเเบรี่สนิทธิกับเธอที่สุดในกรม เธอมาถึงเเล้วพร้อมกับรถประจำตำเเหน่งที่ขับเข้ามารับเเบรี่ที่รออยู่หน้าศูนย์
เเบรี่กล่าวทักทายเธอด้วยหน้าตากวนๆเเทนการสวัสดีเเล้วก็ทำหน้าตายิ้มเเบบกวนๆเหมือนใครบางคนที่เธอเคยรู้จัก
-ไม่ๆๆ- เธอเริ่มอ่อนไหวทันทีเพราะเขาเหมือนนิคเเบบเป๊ะๆ
"เออเป็นอะไรรึเปล่า???"
"ไม่เป็นไรหรอกเเล้วคุณก็ขึ้นรถมาได้เเล้ว"
"โอเคครับคุณหัวหน้า" เเบรี่ทำให้เธอจะนึกถึงนิคอีกเเล้ว
-หยุดทำหน้าเเบบนั้นสักที-
ตอนนี้เเบรี่อยู่บนรถกับเธอเธอได้ถามถึงเรื่องที่จะไปทำ
"เอาล่ะเข้าเรื่องเลยดีกว่าเเล้วคดีที่จะทำเนี่ยคือ" จูดี้เริ่มเข้าประเด็ณในทันทีเเบรี่ก็พูดกวนๆพร้อมหน้าสุดคุ้นเคยเเน่นอนเพราะเคยเห็นหน้าเเบบนี้จากอดีตคู่หู "ถ้าคุณดูข่าวเมื่อตอนเที่ยงนี้คุณก็รู้เเต่ถ้าคุณถามก็เเปลว่าไม่ได้ดู" จูดี้ไม่ได้ดูข่าวอะไรทั้งนั้นเพราะมัวเเต่เหม่อถึงใครบางตัว
"คือเเบบว่าฉันไม่ได้ดูข่าวอะไรเลย" เเบรี่ก็หันหน้าพร้อมพูดเเซวจูดี้ "คุณนี่เหมือนเบตตี้เลยนะ" เหมือนเบตตี้เเบรี่จะบอกว่าจูดี้เหมือนภรรยาของเขาเหรอทำไมเขาพูดอะไรเเบบนั้นออกมาเเล้วเธอเหมือนภรรยาเขายังไง
"เหมือนยังไงเหรอ" จูดพยายามถามเพราะอยากจะรู้ว่าเเบรี่จะสื่ออะไร
"ผมว่าผมไม่บอกดีกว่า" หน้าเเบบนั้นอีกเเล้ว "เเบรี่..มีอะไรหมกเม็ดรึเปล่า" จูดี้ไม่ค่อยชอบเลยเวลาที่เเบรี่ทำหน้าตาเหมือนจะมีความลับมันทำให้จูดี้นึกถึง…..
-พอได้เเล้วจูดี้เลิกคิดถึง- เธอกำลังเตือนตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องนั้นอีกเเค่วันนี้เขาก็ผ่านเข้ามาในหัวเธอหลายรอบเเล้ว
พวกเขาขับรถมาถึงที่จอดหน้าเเลบของเเบรี่เเล้วตอนเเรกจูดี้นึกว่าจะไม่มีใครมาเลยที่จริงเเล้วมันมีหน่วยงานต่างๆมาถึงก่อนZPDซะอีก เธอเห็นต้นตอของสิ่งที่จะต้องไปหา -ต่อจากนี้เธอจะต้องทำงานหนักเเน่- เเบรี่ลงจากรถตามด้วยเสียงปิดประตูรถจูดี้ลงตามเเบรี่ลงมาทีหลัง เหมือนว่าที่เเลบจะวุ่นวายมากมีเข้าออกตลอดเวลาจนเเบรี่ยังต้องกุมขมับ
"โอเคตามผมมาเราใช่ทางนี้ดีกว่า" เเบรี่มีทางลัดเข้าเเลบสำหรับเจ้าหน้าอุทยานเท่านั้น เเบรี่ใช่บัตรผ่านเข้าทางลัดจูดี้ตามเขาเข้าห้องทำงานเเบรี่พบว่าเเบรี่ทำงานหนักจริงๆเพราะเเค่เธอเห็นเอกสารกองพะเนินที่เเบรี่วางอยู่บนโต๊ะจนเธออยากเข้าโรงพยาบาลเเล้วเเถมยังต้องมาจำตารางงานนู่นนี้นั้นอีกเเละก็มีเด็กฝึกงานที่เหมือนจะเป็นภาระระดับนึง(จริงๆเเล้วยังไม่หมดเพราะยังมีอีกเยอะ)สำหรับจูดี้เเล้วเเบรี่เป็นคนที่คอยช่วยบอกเรื่องการจัดตารางเวลาการทำงานให้เธอทำให้เธอทำงานได้เยอะเเละเร็วขึ้นด้วย เธอเข้ามาข้างในเเละเห็นรูปเยอะพอสมควร
"ว้าว คุณเก็บรูปไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ"
"ใช่พอดีเวลาเหงาก็มีรูปอยู่เป็นเพื่อน"
"ขอดูรูปหน่อยได้ไหม" จูดี้ดูจะสนใจรูปเป็นพิเศษ "ได้" เเบรี่ยอมให้เธอดูรูปที่เเบรี่วางบนโต๊ะ รูปของเเบรี่มีเเบรี่ตั้งเเต่วัยเด็กซึ่งตอนเด็กเเบรี่น่ารักน่ากอดมากในชุดลูกเสือเต็มยศเเต่มันทำให้เธอก็นึกถึงนิคอีกครั้งซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่เเล้วก็ไม่รู้ จูดี้ถอนให้ใจจนเเบรี่ได้ยิน เธอวางรูปลงเเละไล่ดูรูปอื่นไปเรื่อยๆเเบรี่เหมือนจะชอบเซฟรูปไว้ดูตอนทำงานเยอะมากมีตั้งเเต่ตอนมัธยม ตอนจบมหาลัย ตอนเเต่งงาน ตอนเรียนจบนายร้อย ตอนมีลูก ยันรูปที่เเบรี่ถ่ายกับเธอ จูดี้รู้สึกทันทีว่าเเบรี่เเทบไม่ได้กลับบ้านเลยจูดี้รู้ดีว่าการห่างครอบครัวมานั้นมันยากลำบากเเค่ดูเเลตัวเองตัวคนเดียวก็เหนื่อยจะเเย่งานของเเบรี่ก็มีมหาศาลจนไม่มีเวลากลับบ้าน
จูดี้รู้สึกย้อนที่ตัวเองที่เธอหักอกนิคนิคกับเธอไม่ลงรอยกันเเม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมา3ปีกว่าเเล้ว
-ถ้าตอนนั้นเธอไม่ทำอะไรงี่เง่าเขาคงไม่ตองเจอเเบบนี้- เธอคิดเเบบนั้นมานานตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเอาเเต่โทษตัวเองจนไม่เป็นงานเป็นการเลยสารวัตรก็กังวลเรื่องนั้นจนเคยพูดออกมาให้ได้ยินเหมือนกัน เเต่ครั้งนี้เธอคิดถึงเขาบ่อยมากจนวันนี้ถ้าเธออยู่บ้านคนเดียวเธอคงกอดหมอนข้างเเน่นจนคิดว่าเป็นนิคเเน่เเต่คงจะไม่ได้วันนี้เธอจะต้องมีสมาธิงานที่เธอทำอยู่นี้มันเรื่องใหญ่
เเต่เธอก็ดันไปสะดุดรูปนึงที่ทำให้เธอเกือบฟิลขาด มันคือรูปที่เธอถ่ายกับนิคที่ตัวติดกันจนเเก้มชิดหน้าชิดซึ่งไม่ว่าใครมาดูก็คิดว่าทั้งคู่เป็นเเฟนกันขนาดเเบรี่ที่เป็นคนถ่ายยังต้องเก็บไว้ให้คิดถึงครอบครัวเเต่รูปนั้นมันทำให้เธอหมดความอดทนเเล้วเธอยอมให้เขาเข้ามาบ่อยกินไปเเล้ว
"เลิกปั่นหัวฉันสักที!!!!" เธอพูดออกมาเสียงดังมากขนาดที่ห้องทำงานของเเบรี่มีกระจกเก็บเสียงด้านในข้างนอกก็ยังได้ยินนิดหน่อยเธอเอามือสองข้างมาปิดปากตัวเองทันทีด้วยความอายตอนนี้เเบรี่มองเธอด้วยความสงสัยเเละงงกับสิ่งที่เธอพูดที่จริงต้องบอกว่าตะโกนเลยเเหล่ะ เเต่เขาก็รู้ทันทีว่าจูดี้ตะโกนทำไม
"เออถ้าผมรบกวนคุณผมออกไปก็ได้"เเบรี่พยายามไม่ทำให่เธอรู้สึกอึดอัดเพราะเวลานี้เธอคงต้องอยู่คนเดียวสักพัก "เปล่าๆฉันไม่ได้เป็นไรเเค่เหม่อนิดหน่อย" เธอพยายามจะเเก้อายเมื่อกี้ที่เธอตะโกนซะเสียงดังลั่นจนได้ยินไปทั่ว
"ผมว่ามันไม่น่าจะใช่เรื่องที่คนบ้างานอย่างคุณเหม่อเเน่นอน"
"ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกฉันสบายดี" เธอคิดวว่าตอนนี้ควรเข้าประเด็ญได้เเล้ว "เเล้วเรื่องไอ้วัตถุที่ตกลงมาเนี่ยมันไงกัน"
"เดี๋ยวเราจะเริ่มเก็บกู้ซากก่อน" เเบรี่ให้คนที่เเลบเตรียมอุปกรณ์ไว้เเล้วที่เหลือก็คงจะเเค่เดินไปที่เกิดเหตุ "โอเคเริ่มเก็บหลักฐานได้"
.
.
.
.
.
.
.
-เเม่เจ้าฉันต้องไปกันเด็กฝึกงานพวกนี้เหรอเนี่ย- จูดี้ เเบรี่เเละเด็กฝึกงานสองตัวเดินมาตรวจดูสถานที่ ปรกติจูดี้พอเจอเด็กฝึกงานที่เเลบของเเบรี่เเล้วก็มักจะต้องมีการเเนะนำชี้เเนะเรื่องการใช้ชีวิตกันสักหน่อย เรื่องตารางงาน การทำงาน เเบ่งเวลากับงานอดิเรกเเต่เด็กพวกนี้ระหว่างทางก็มักจะพูดเรื่องไร้สาระกับมีสาระนิดหน่อยซึ่งทำให้เธอรู้สึกอย่างถีบเจ้าพวกนี้ไปด้วยเเรงเท้าของเธอ เเต่ก็ดีอย่างน้อยเเบรี่ก็ไม่มีมุขเสี่ยวๆมาเล่นให้เธอเขินหรือคิดถึงนิคอีกเพราะเขาคงเอ้าไปเล่นกับภรรยาเขาเเทน
มีเเค่หน้าอันกวนประสาทที่คล้ายกับนิค
"เฮ้ พวกฉันมีคำถามจะถามนาย" เด็กฝึกงานคนนึงเริ่มการสนธนาสุดกวนบาทาอีกรอบ
"ถามว่า??" อีกฝ่ายเริ่มตอบกลับ
เเต่ประโยคต่อมานี่เเหล่ะที่จะเป็นปัญหา
"นายรู้ไหมทำไมอูฐถึงมีสามหนอก"
จูดี้หัวลุกเป็นไฟเเล้วต้อนนี้ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กฝึกงานล่ะก็เธอจะหันหน้าเเละจองมองด้วยสายตาเเบบกระต่ายจะกินเสือจากัวห์เเน่นนอน
*หยุด* เเบรี่ทำสัญญาณมือให้พวกเขาหยุดการเคลื่อนไหว
+++++++++++++ 10/09/2562
จบอีกตอนนึงไปเเล้ว
ถ้าคนไหนสงสัยว่าเรื่องนี้นิคจะกับมาไหม
ผมจะเขียนให้กลับมาเเน่นอนครับเเต่คงจะ
เป็นตอนที่4หรือ5เเต่ผมจะเขียนให้กลับมา
เเน่นอน
สุดท้ายขอให้ทุกท่านโปรดคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยเเละตอนต่อไปจะมาเร็วๆนี้เเน่นอน
ตอนนี้บรรยากาศโดยรวมถือว่าอึดอัดพอสมควรเเม้เเต่ในพื้นที่ป่ากว้างใหญ่ไพสารก็ทำยังให้ใจจูดดี้รู้สึกชวนกระอักกระอวกสีหน้าเเบบกำลังโดนบี้ในรถไฟที่มีเเต่สัตว์ขนาดใหญ่เบียดกันชิดเเน่น เธอไม่สบายใจเลยตอนนี้ขนาดเสือจากัวห์สองตัวด้านหลังที่เดินคุยเสียงดังกันมาตลอดทางด้านหลังยังไม่กล้าปริปากพูดอะไรมาประมาณสองสามวิไม่สิห้าวิเเล้วมั้ง
-ดูๆไปเเล้วถ้ามองเเง่ดีมันก็เงียบลง- จูดี้คิดเเบบนั้นเเต่จริงๆเธอไม่เห็นว่าเรื่องนี้มันจะมองเเง่ดีได้เลย
"โอเคไหมหัวหน้า" สุดท้ายก็มีคนกล้าถามขึ้นในสถานการณ์ตึงเครียด
"ท่าจะไม่ดีเเล้วห้ามใครขยับตัว" ทุกคนตอนนี้ไม่มีใครขยับตัวเลยน่าจะมีผลมาจากบรรยากาศรอบด้วยๆเเต่ยังไม่ทิ้งขาดประโยคเเบรี่ก็พูดขึ้นมา "มีใครบางตัวทำให้เเถวนี้เหม็นหึ่งไปหมดด้วยมุขเหิ่ยๆสุดเชิยที่สุดที่เคยได้ยิน"
จูดี้หลุดขำนิดหน่อยตอนนี้เด็กที่คุยโม้กันมาตลอดทางโดนเเบรี่หักหน้าจนงงค้างไปเลยที่สำคัญโดนหักหน้าเพราะมุขของนิคนี้สิ เเต่ดูเหมือนเรื่องการสร้างบรรยากาศให้ตึงเครียดนี้ต้องยกนิ้วให้เเบรี่เลยเเหละ
"เเต่ก็ชอบนะมุขเเป้กๆเนี่ยไม่รู้คิดกันมาได้ไง" เเบรี่พูดเเซวลูกน้องตนเองเเบบไม่ให้กู้หน้าได้เลย "เเต่เดี๋ยวก่อนผมไม่ได้คิดมุขเองเดี๋ยวสิรอผมก่อน..." ว่าเเต่ไปหามาจากไหน
จูดี้รู้ว่าเเบรี่เป็นคนที่มืออาชีพด้านการวางท่าทางเเละการชักชวนผู้อื่นให้โดนสะกดเเละเขาก็ไม่ได้ใช้ต้มตุ๋นใครเเต่เธอก็เคืองนิดหน่อยที่ครั้งนี้เขาเอามาใช้จนทำให้เธอเสียสมาธิหมดเเต่มันก็ทำให้หายเครียดได้ก็ดีเเล้ว
-ชอบเขาก็ตรงนี้เเหล่ะ- บางทีคิดมุมนี้ก็เหมือนว่าเเบรี่ช่วยทำให้เธอไม่เหงาเวลาเธอคิดถึงอดีตที่เธอไม่อยากจำได้
"ก็รู้พวกนายไม่รู้นิสัยฉันมากเท่าไหร่เเต่ฉันไม่ชอบเวลาที่พวกนายเอาอดีตของคนอื่นมาพูดเรื่องสนุก"
"เข้าเเล้วใจคราบ" พวกเขาพูดพร้อมกับเเต่จูดี้ไม่ได้จับประเด็ญตรงนั้น
เธอสนใจตรงคำว่า'อดีต'เพราะถ้าพูดถึงเรื่องอดีตกับเธอเเล้วก็คงมีเรื่องเดียวที่คนจะรู้เเล้วทำไมเเบรี่ต้องพูดว่าอดีตขึ้นมาเเทนที่จะล้อเรื่องมุขห่วยๆต่อ เเต่ที่จริงเธอลืมคิดไปเลย........-พวกเขาไปเอามุขนั้นมาจากไหน-
"เเบรี่....."
"อะไร?"
"คุณเอาเรื่องฉันไปเผาใช่ไหม" เเบรี่ตอบเเบบอ้ำอึมพยายามหาเรื่องเเก้ตัวเเต่เรื่องเเก้ตัวเเบรี่พูดไม่เก่งเลย "ป...เปล่าผมจะทำเเบบนั้นทำไม มีนกเอาจดหมายส่งคนอื่นรึเปล่า" เเบรี่เเก้ตัวไม่เก่งจรงๆเพราะเเค่คำพูดมันก็เดาได้ไม่ยากเลย
"นกส่งจดหมายเนี่ยนะ" จูดี้เลิกคิ้ว
"ใช่ๆ เออ...เออ...คืออาจเเบบนั้นก็ได้" จูดี้ก็ยังเเปลกใจถึงเเบรี่จะเเก้ตัวไม่เก่งเเต่ก็ไม่ได้กระอักกระอวกทุรนทุรายขนาดนี้
"ปกติคุณเป็นคนที่พูดเก่งนี้เเต่ทำไมครั้งนี้พูดเหมือนมีปลาไหลติดคอ"
"เปล๊าาา--ก็ไม่ได้เป็นไรสักหน่อย"
"เเน่ใจ???" จูดี้ก็ยังสงสัยอยู่ดีเเบรี่พูดตะกุกตะกักไม่เป็นประโยคหลังจากเรื่องมุขอูฐสามหนอกนั้น
-หรือเขาคิดอะไรกับฉันรึเปล่า...ไม่ๆๆไม่มีทางอยู่เเล้วมันจะเป็นไปได้ไงที่จะเป็นเเบบนั้น-
"คิดอะไรอยู่เหรอ" เเบรี่ถาม
"อ้อ เปล่าเเค่เออ....ไม่มีอะไรให้สนหรอกเราเดินกันต่อเถอะ" ตอนนี้เธอเริ่มจะตะกุกตะกักเเทนต่อให้ลูกเเบรี่มาดูก็สังเกตได้
"งั้นก็อธิบายหน้าที่เริ่มเปลี่ยนสีให้หน่อยสิ" เอาเเล้วจูดี้ดันออกอาการมามากเกินไปจนเเบรี่สงเกตุจนได้
"ไม่บอก" จูดี้ตอบเสียงเเข็งปึ้ก
"โอเค ไม่บอกก็ไม่บอกครับหัวหน้า"
เเต่ถ้าคิดในมุมของเเบรี่ เขาเเค่ไม่อยากพูดถึงเรื่องตอนนั้นหรือเรื่องที่เกี่ยวกับนิคขึ้นมาเขารู้จักนิคพอสมควรเเละรู้ว่าทั้งคู่ผูกพันธ์กันมากขนาดไหน ถ้าเอาเรื่องที่ทั้งคู่เเตกคอกันมาพูดคงทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่าโดนมีดเเทงที่อกบาดลึกเข้าไปในหัวใจ ถ้าคนที่ไม่รู้เเค่พูดเล่นก็ทำให้เธอเจ็บได้เหมือนกันเขาจึงบอกคนอื่นว่าอย่าพูดเรื่องนั้นหรือเเม้เเต่เรื่องที่ไกลเคียงต่อหน้าเธอ
.
.
.
.
.
บรรยากาศอึมครึมผ่านมาสองสามนาทีเเล้วไม่มีใครพูดอะไรกันสักทีเเต่อาการมันฟ้องได้ชัดเจน จูดี้ไม่หัมมามองเเบรี่เลยเเม้เเต่เชี่ยวหางตาเเบรี่ก็คงคิดว่าเธอยังคิดถึงเรื่องนิคอยู่เขาเลยไม่กล้ามองเธอเช่นกัน
ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรก็ต้องมีคนยุติความเงียบนี้ลง
"เออ พวกคุณสองคนคิดอะไรกันอยู่รึเปล่า" ในที่สุดเสียงจากข้างหลังที่เงียบมานานก็เปล่งขึ้น
"เฮ้ย นายสองคนอย่าทำให้ฉันเสียสมาธิไดไหม" เเบรี่เบื่อกับความชอบเผือกเรื่องของคนอื่นจากลูกน้องตัวเองเต็มเเก่เเล้ว "ฉันรู้ว่าพวกนายสองคนยังเด็กเเละไม่ค่อยรู้อะไรควรทำไม่ควรทำเเต่ครั้งนี้ช่วยเงี..." เเต่ลูกน้องอีกตัวนึงก็พูดเเทรกขึ้นมา
"ใช่ที่คุณพูดมาก็ถูกเเละผมจะไม่มีปัญหาใดๆกับคุณเลยถ้าหากว่าคุณเจ้าหน้าที่ฮอปส์ไม่เหยียบสิ่งที่อยู่ด้านหน้าอะนะ"
จูดี้ตกใจเล็กน้อยถึงปานกลางเธอเหยียบอะไรอยู่? เธอจึงก้มหน้ามองลงไป มันคืออะไรไม่รู้เเต่ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่เเค่สี่ตัว
เจ้าหน้าที่รักษาพันธ์สัตว์ป่ามาถึงตำเเหน่งที่เธออยู่เเล้ว สภาพเเบบนี้ไม่ว่าใครก็ต้องอายระหว่างทางเธอเอ้อระเหยลอยกลางอากาศเเถบไม่มองทางหรือมองใครเลยจนมารู้ตัวอีกทีหลักฐานก็โดนเท้าเธอเหยียบไปเเล้ว
จูดี้กระตุกขาออกทันทีเเต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ละสายตาจากเธอบอกเลยตอนนี้เธออยากกลับจะเเย่อยู่เเล้ว
"อ้าว เฮ้ไงทุกคนมาถึงเเล้วเหรอไวจัง" เเบรี่พยายามพูดให้ทุกคนสนใจอย่างอื่นเเทน
"ก็ต้องมาถึงเเล้วสิเรารอนายมาตั้งหลายนาทีเเล้ว...เอ๊ะเเต่เดี๋ยวก่อนนั้นเจ้าหน้าที่ฮอปส์ใช่ไหม" เจ้าหน้าที่กวางมูสตัวนึงยังจำเธอได้เหมือนว่าหลายคนจะยังจำเธอได้อยู่เเม้เวลาจะผ่านมาเจ็ดปีเเล้วจากผลงานเปิดโปงคดีไนท์ฮาวเลอร์
"คุณจำฉันได้ด้วยเหรอ" จูดี้ถามไปเเบบเกรงๆ
"เเน่นอนอยู่เเล้วชาวเมืองในซูโทเปียมากกว่า50เปอร์เซ็นต์ยังไม่ลืมคุณหรอกมีเเต่คนชื่นชมคุณนะเเม้เเต่ลูกชายผมในตอนนั้นพยายามจะหาคุณให้ได้เลยจนอายุตอนนี้14เเล้วก็ยังหาไม่เจอเลยเเต่ตอนนี้ผมเจอคุณเเล้วคงจะต้องเอาไปเล่าให้ฟังสักหน่อย"
เจ็ดปีก็ถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนานมากสำหรับสัตว์ตัวนึงขนาดตอนนี้เธอก็เริ่มจะไม่สาวเเล้วเเต่ก็ยังไม่เเก่ซะทีเดียว เเต่เธอกับรู้สึกว่าเวลาเจ็ดปีมันยาวนานดุจนิรัน
"ทุกคนยังจำได้นะหน้าหนังสือพิมพ์ว่าเจ้าหน้าที่กระต่ายสาวน้องใหม่ไฟเเรงไขคดีสะเทือนขวัญได้ โอ้เเต่ตอนนี้ไม่สาวเเล้วสิ"
-จ้าๆไม่ต้องซ้ำเติมกันก็ได้- จูดี้รู้ว่าเธออายุ31เเล้วเเต่ก็ไม่ได้หน้าย่นหน้าเหี่ยวสักหน่อยไม่เห็นต้องว่ากันด้วย "อ้อ!จริงซิเเล้วคู่หูจิ้งจอกหล่ะ"
ยังไม่ทันขาดคำเเบรี่ใช่มือสับลูกกระเดือกเจ้าหน้าที่กวางมูสตัวนั้นทันทีจนพูดไม่ได้เลยทีเดียว
"คือต้องขอโทษเเทนเจ้าหมอนั้นด้วยที่มันชอบพูดเรื่องไม่ควรพูดอะนะ" เขาพูดกลบ
"เเต่เเบรี่นี้คุณทำเเรงเกินไปเเล้วนะ" มันก็เเรงจริงๆเเหล่ะถึงขั้นลูกกระเดือกเกือบหลุดลงไปในลำคอ
"ไม่เป็นไรหรอกไอ้หมอนี้มันอึดจะตายไปเเค่ไม่กี่วินาทีก็กลับมาปรกติ"
"ฉันว่าไม่ใช่นะ" จูดี้ไม่เชื่อคำพูดของเเบรี่เท่าไหร่ เเบรี่ทำรุนเเรงขนาดนี้ใครจะหายเเค่สองสามวินาทีดูจากสีหน้าของกวางตัวนั้นก็เหมือนจะพูดว่า'เอ็งถามข้ารึยัง'อะไรประมาณนั้นเเต่พูดออกมาไม่ได้
เเต่ก็ดีที่เเบรี้ชิงปาดกระเดือกเสียก่อนที่เธอจะหัวร้อน เเม้เรื่องนี้มันไม่น่าจะขอบคุณสักเท่าไหร่เเต่ถ้าไม่ได้เเบรี่มาตัดหน้าเธอคงทำมากกว่าที่เเบรี่ทำเสียอีก
ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาสักพักเเล้ว จูดี้กำลังจะกลับบ้านเธอได้ดูข่าวเเล้วเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ไม่ใช่เเค่ซูโทเปียในตอนนี้ที่วุ่นวาย
-เเม่เจ้าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นเนี่ย- ตอนนี้ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดทำให้จูดี้รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย "ถ้าฉันยังมีเขาก็คงได้คำตอบนานเเล้ว"
++++++++++++++++++ 15/09/2562
บอกเลยช่วงนี้คิดอะไรไม่ออกเลยเพราะกำลังทำการบ้านไปอ่านอื่นของคนอื่นอยู่
เพื่อจะคิดให้ออกว่าต้องเขียนอะไร วางพล็อตยังไงให้มันเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง
เเละผมจะพยายามมาให้เร็วที่สุด
เเละอย่างสุดท้ายก่อนไปผมจะเขียนให้นิคกลับมาเเน่นอนเเต่จะกลับมาอย่างไรก็รอ
ดูตอนต่อไปได้เลย
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!