“แม้นจักเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกไปก็มิอาจแปรผันสิ่งที่พ่อกล้าเชื่อแล้วกระมัง พี่เพียงอยากฝากสายพระพายไปว่าพี่นั้นแสนคะนึงหายอดดวงใจของพี่ผู้นี้เสียคณานับ เจ้าจักรู้หรือไม่ว่าพี่นั้นรักเจ้าดั่งดวงหทัย” เสียงเอื้อนเอ่ยวาจาเบา ๆ จากชายผิวเข้มที่มองผ่านหน้าต่างหอนอนออกไปยังต้นกฤษณา พลันนึกถึงบุคคลที่ตนต้องทำให้เขาหมองใจในวันนี้ ชายหนุ่มหยิบกระดานชนวนและดินสอพองขึ้นมาแล้วบรรจงขีดเขียนบทโคลงกลอน
กลกานท์กลิ่นแก้วกฤษณา
ดั่งมนตราต้องจิตรพิสมัย
พี่เฝ้าหวนคะนึงหาดวงหทัย
สุดอาลัยกลิ่นกายที่หมายปอง
ฝากลมโชยกลิ่นหอมถึงตัวเจ้า
ครั้นสุขเศร้าปลอบประโลมให้คลายหมอง
หากคะนึงถึงพี่บ้างแม้นเมียนมอง
สมดั่งปองมลายสิ้นวายชีวัน...
เสียงกระทบกับระหว่างดินสอพองกับกระดานชนวนที่เกิดจากการลากขีดเขียนสิ้นสุดลง หมื่นบดินทร์วางกระดานชนวนลงข้างกายแล้วเงยหน้าขึ้นมองดวงดาราที่ลอยเด่นอยู่เหนือนภา แววตาของเขานั้นดูเศร้าหมอง สุดแสนคะนึงหาชายผู้เป็นที่รัก
“พ่อกล้าหากพ่อได้ฟังบทโคลงกลอนของพี่ เจ้าจักรู้ความในใจของพี่ฤๅไม่อย่างไรหนอ...
ตืบ! เสียงหน้ากระดาษหนังสือปิดทับกันสนิท ชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ผมสีดำขลับ ริมฝีปากสวยได้รูป ใบหน้าเล็กเรียวรูปไข่ ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะอย่างแรงหลังจากอ่านมันจบบทแล้วรู้สึกขุ่นเคืองใจ
“หนังสืออะไรของมึงวะไอ้พลอย ไม่เห็นสนุกเลย”
“จ้าาา ไม่สนุกจ้า แต่มึงก็อินอยู่นะกล้า นี่ขนาดไม่สนุกนะแต่ทำไมหูแดงอ่ะ เอ๊ะ ๆ หรือว่าพี่กล้าหาญของเราจะรู้สึกเขิน”
“ขะ เขิน ก็เหี้ยละ อ่ะ ๆ เอาของมึงคืนไปเลย”
“กูว่ามึงเก็บไว้อ่านต่อเถอะนะ ไม่ต้องอายสมัยนี้ผู้ชายอ่านนิยายวายเยอะแยะไป อีกอย่างนะเรื่องนี้กูชอบเพราะนายเอกชื่อเดียวกับมึง เพิ่มความฟินไง อ่ะ ๆ เอาไปอ่านก่อนไม่ต้องรีบคืน” เด็กสาวผมยาวประบ่าปฏิเสธหนังสือนิยายเล่มดังกล่าวที่เพื่อนกำลังยื่นคืนมันกลับมาให้ ใบหน้าของเธอระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นเพื่อนของเขาเธอเก้อเขินเพราะโดนแซวว่ามีชื่อเหมือนนายเอกของเรื่อง
“เออ ๆ ก็ได้ แต่กูไม่รู้ว่าจะอ่านจบตอนไหนนะ มึงไม่รีบใช่ไหม”
“อืม ไม่รีบ เพราะกูอ่านจบแล้วจ้า ให้กูสปอยไหมเพื่อน”
“เอ่อ... ไม่เป็นไร ไม่ต้องก็ได้ ขอบใจมากมึง แต่เรื่องสปอยนี้เบา ๆ หน่อยนะ หนังเรื่องไหนที่มึงสปอยกูก็ไม่ค่อยอยากดูเลย มึงทิ้งนิยายเรื่องนี้ไว้สักเรื่องเถอะเพื่อน”
“โอเค ได้ แต่มึงอย่าทิ้งไว้นานนะ เพราะกูไม่มีคนเม้าท์ เอางี้กูให้เวลามึงอาทิตย์นึง หลังจากนั้นกูจะเริ่มสปอย”
“โหยย อย่ากดดันกันดิวะ กูไม่เคยอ่านนิยายวายให้กูทำใจหน่อย นี่พ่อแม่กูรู้ทำไง กูต้องแอบอ่านตอนกลางคืนเท่านั้นนะเว้ย อาทิตย์เดียวจะไปพออะไร ดูดิ๊ นิยายเล่มหนาขนาดนี้”
“ขี้บ่นจริงนะมึง ถ้าไม่ติดว่าไอ้สายฟ้ามีแฟนละก็ กูจะจิ้นพวกมึงสองคน บ่นเป็นหมีกินผึ้งไปได้ นิยายแค่นี้สาววายอย่างกูอ่านวันเดียวก็จบละจ้า” พลอยปรายตามองสายฟ้า ชายผิวสีน้ำผึ้งที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมมือถืออยู่ข้าง ๆ โดยไม่แสดงอาการอะไรออกไปจากการพาดพิงของเธอ
“ไปกันใหญ่ละไอ้พลอย เหลือพื้นที่ให้หนุ่มโสดแบบกูด้วยครับ” กล้าเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากโต๊ะไม้ ใต้อาคารกิจกรรมประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์
“อ่าวเฮ้ยรีบไปไหนวะ ไอ้กล้า รอกูด้วย” สายฟ้าเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่รีบจ้ำอ้าวหนีออกไป
“ถามได้ก็รีบไปจองที่ดิวะ กูไม่ยอมนั่งจ้องหน้าอาจารย์แม่ตลอดทั้งคาบเรียนหรอกนะเว้ยยยย พวกมึงก็รีบเข้าละกูไปล่ะ กูไม่จองที่นั่งหลบมุมเสาให้นะ ใครไวใครได้” เสียงตะโกนพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นจากกล้าที่เดินห่างไปไกล เร่งเร้าให้เพื่ออีกสองคนต้องกุลีกุจอรีบเก็บข้าวของแล้วตามเขาไป
“อ่าวเห้ย รอด้วย รอกูด้วยไอ้กล้า” สายฟ้าเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งตามกล้าไปอย่างเร่งรีบ
“พวกมึง ไอ้เชี่ย ทิ้งผู้หญิงหรอวะ รอกูด้วยดิ ไอ้พวก... ชิ” พลอยรีบเก็บกองขนมที่วางอยู่บนโต๊ะไม้เข้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนทั้งสองคนไป
บรรยากาศในห้องเรียนที่ตึกเรียนรวมในมหาลัยเอกชนชั้นนำในกรุงเทพฯ เป็นห้องเรียนที่กว้างขวาง สามารถบรรจุนักศึกษาได้ประมาณสองร้อยคนในคลาสเรียนได้ กล้าวิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงหายใจจากความเหนื่อยหอบ ตามมาด้วยเพื่อนอีกสองคน เขาตรงเข้าไปยังที่นั่งประจำเป็นมุมเล็ก ๆ หลบสายตาอาจารย์ผู้สอน ตำแหน่งนี้ถือเป็นทำเลทองในการนั่งเรียนวิชาที่น่าเบื่อจากอาจารย์แม่ ที่ได้ฉายาว่าอาจารย์แม่เป็นเพราะว่าเธอเป็นอาจารย์วัยสี่สิบปลายแต่ด้วยการแต่งกายและผมทรงยกกะบังลมที่ดูเป็นเอกลักษณ์ ทุกคาบเธอจะบ่นเรื่องจารีตและประเพณีที่เธอรับไม่ได้สำหรับเด็กสมัยนี้ให้นักศึกษาในชั้นเรียนฟัง จนทุกคนตั้งฉายาเธอว่า อาจารย์แม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมถึงกล้า พลอยและสายฟ้าที่ร่วมเรียกฉายาอาจารย์แบบนั้นด้วย กล้านั่งลงในตำแหน่งที่ตนเองหมายปองตามมาด้วยสายฟ้าและพลอย
“ไอ้พลอยมึงอย่าลืมเก็บชีทเรียนวิชาอาจารย์แม่ให้ไอ้ลาเต้ด้วยนะ”
“จ้า ๆ โดดเรียนแล้วยังเป็นภาระคนอื่นอีก คอยดูนะถ้าไม่เลี้ยงชาบูจะแม่ไม่ยอมให้ลอกแลชเชอร์ด้วย”
“ปกติมันเคยเลี้ยงมะ”
“ฮึ ไม่เคย”
“เออ ก็ไม่ต้องหวังหรอกเห็นบ่นแบบนี้ทีไร สุดท้ายก็ให้ไอ้เต้ลอกทุกทีแหละ”
ผ่านไปไม่นานนักศึกษาที่เลือกลงวิชาเรียนรวมก็เริ่มหนาแน่นขึ้น ทุกคนเริ่มหาที่นั่งว่าง เพื่อเตรียมตัวเข้าเรียน ซึ่งเหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนที่ อาจารย์แม่จะเดินเข้ามาในห้อง กล้าหยิบหนังสือนิยายที่พลอยให้ยืมอ่านขึ้นมาวางบนเก้าอี้ เขาเอาชีทเรียนหนา ๆ วางทับไว้ข้างบนอีกที เผื่อว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงที่น่าเบื่อเขาจะได้เปิดอ่านมันระหว่างคาบเรียน
เวลาบ่ายโมงตรง อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้องเรียน ทุกสายตาจับจ้องไปที่กระดาษสีขาวที่อยู่บนมือของเธอ รายชื่อนักเรียนทั้งหมดในคลาส หลังจากนั้นเธอก็หยิบไมค์โครโฟนแล้วเริ่มขานชื่อทีละคนเพื่อเช็คชื่อของนักศึกษาในคลาสก่อนเริ่มทำการสอน
วิชาภาษาไทยเป็นวิชาที่น่าเบื่อสำหรับนักศึกษาปีหนึ่งทุกคนเพราะเป็นวิชาที่เรียนมาตั้งแต่ประถม มัธยม จนกระทั่งเข้ามหาลัยก็ยังต้องเรียนวิชาสามัญบังคับที่ไม่เรียนก็ไม่ได้ ทำให้วิชานี้ค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับใครหลาย ๆ คนรวมทั้งกล้าหาญด้วย หลังจากที่กล้าขานเช็คชื่อเข้าเรียนเสร็จเรียบร้อย เขาย่อตัวลงแล้วเอนหลังไปทางเก้าอี้แล้วหยิบนิยายที่เตรียมไว้ขึ้นมา กล้ากวาดสายตาพิจารณาหน้าปกหนังสือ มันเป็นหลังสือที่ไม่มีอะไรเป็นจุดเด่น ไม่มีแม้กระทั่งหน้าปกที่สวยงาม มีเพียงตัวหนังสือที่บอกชื่อเรื่องของนิยายเล่มนี้ เขาแปลกใจนักทำไมเพื่อนของเขาจึงนิยมชมชอบนิยายเรื่องนี้นัก ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องอ่านมันให้ได้ จนสุดท้ายเข้าก็ทนต่อแรงคะยั้นคะยอของเพื่อนไม่ไหวจนต้องขอลองอ่านมันสักครั้ง ในส่วนของชื่อเรื่องก็ไม่ได้ดูพิเศษน่าดึงดูดอีกด้วย
‘กลิ่นแก้วกฤษณา’
เป็นชื่อของนิยายเล่มนี้ ยังไม่ทันที่กล้าจะได้เปิดอ่านกลิ่นเครื่องหอม ที่คุ้นเคยโชยผ่านจมูกประสาทรับรู้ถึงความหอมที่ฝั่งเข้ามาในความทรงจำ กลิ่นไม้เนื้อหอมที่กล้าเคยได้ดอมดมเมื่อครั้งเยาว์วัยมันคือกลิ่นของไม้กฤษณา ความหอมที่ผ่อนคลายช่วยให้เคลิบเคลิ้ม ตามมาด้วยความง่วงที่เข้ามาแทรกจนเขาต้องวางหนังสือนิยายเล่มหนาลงบนหน้าอก แล้วค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงและจมดิ่งสู่ห้วงนินทรา
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!