—-----------------------
นี้ผมกำลังจะตายอย่างั้นเหรอ
ผมที่กำลังนอนกุมแผลอยู่หันไปมองศพของเพื่อนมีสภาพไม่ต่างกันผมพยายามใช้เเรงที่มีพยุงร่างเต็มไปด้วยบาดแผลลุกขึ้นมา
“เวอร์มิลเลี่ยน”
“ชวาตรู”
“เมญ่า”
“เอสเทอร์”
ผมเรียกชื่อของเพื่อนๆที่ต่อให้เรียกพวกเค้ามากแค่ไหนพวกเค้าก็คงจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีกแล้วเเน่ๆร่างกายของพวกเค้าที่เต็มไปด้วยบาดเเผลเเละเลือดที่ไหลนองออกมาราวกับเเม่น้ำคงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าพวกเค้าคงกลับบ้านเก่าไปแล้วเเน่ๆ
“เป็นเพราะพวกมัน”
ผมได้ย้อนนึกย้อนไปยังสาเหตุที่ทำให้พวกเราต้องมาอยู่ในสภาพเเบบนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณสองปีที่เเล้วโลกของมนุษย์ถูกอะไรบางอย่างเข้าเเทรกแซงจากอะไรบางอย่างวันนั้นทุกคนต่างรู้สึกเหมือนโลกจะเเตกจนกระทั่งการมาถึงของ
“ไทมส์เกท”
จู่ๆพวกมันก็โผล่ขึ้นมายังใจกลางเมืองประชาชานต่องหวาดผวาทันทีที่ได้พบเห็นสิ่งนั้นเเต่นั้นก็ยังไม่เท่ากับสิ่งที่พวกมันได้พามาด้วยนั้นก็คือพวกมอสเตอร์
18กุมภาพันธ์20xx
มอสเตอร์ประมาณวานรที่ภายหลังจะถูกตั้งชื่อว่าเทมเมอร์มังกี้ได้บุกโจมตีตามหัวเมืองใหญ่ของทั่วโลกถึงเเม้มนุษย์จะเอาชนะได้พวกยุทโธปกรณ์ของมนุษย์เเต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน
19กุมภาพันธ์20xx
สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายนกผสมกิ้งก่าชื่อเอมเบอร์เบิร์ดบุกทำลายสะพานของประเทศอเมริกาจนกลายเป็นที่หวาดกลัวเเต่เเล้วชายคนนั้นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นชายผู้ที่ได้รับการเเต่งตั้งให้เป็นเเรงค์เกอร์คนเเรกของโลกชื่อของเค้าคือ
“ดันเต้ เกอรกอรี ซิลเวอร์”
ชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถจัดการเอมเบอร์เบิร์ดได้เเทบทั้งหมดแถมยังทำลายไทมส์เกทได้อีกตั้งหากหลังจากนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับการปลุกพลังเเรงค์เกอร์ขึ้นมา
เเละดันเต้ก็ได้ก่อตั้งองค์กรผู้ปกป้องแห่งเเสงเหนือขึ้นมาเเละใช่องค์กรนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมเหล่าเเรงค์เกอร์ที่มีจำนวนมากรวมไปถึงการที่จำกัดจำนวนคนในการเข้าไปจัดการ
ไทมส์เกทด้วย
เเละพวกเราเองที่ได้รับภารกิจให้มาจัดการไทมส์เกทแห่งนี้โดยที่ไม่รู้เลยเเม้เเต่น้อยเลยว่านี้คือกับดักที่พวกองค์กรบ้านั้นส่งพวกเราเข้ามาเพื่อหวังจะฆ่าพวกเราที่กำลังเป็นที่โด่งดังพวกเราทั้งห้าเรียกว่า
วีรชนเเห่งปาฏิหารณ์
ฉายานี้ได้มาเพราะพวกเรามีเเรงค์เกอร์ที่สูงเอามากๆถึงขั้นที่ว่าหลังจากที่พวกเราได้รับตรวจเสร็จกิลด์ใหญ่ของหลายๆประเทศถึงขั้นต้องรีบโทรมาจ้องตัวพวกเราเเต่ว่าพวกเราทั้งห้าก็ตัดสินใจสร้างกิลด์ของตัวเองชื่อมีชื่อว่า บลัดฮันต์
เเต่เเล้วพวกเราก็ต้องมาพ่ายเเพ้ยังที่เเห่งนี้เพราะตรงหน้าเรากำลังเจอกับบอสที่เป็นถึงระดับตัวเเทนดวงดาว เกททั่วไปส่วนมากก็จะมีถึงเเค่ระดับผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นเเต่พวกองค์กรก็คงจะรู้เเละส่งพวกเรามาตายที่นี้
“โถ่เว้ย!!!”
ผมใช้กำปั้นทุบไปที่พื้นอย่างเเรงก่อนเหลือบสายตามองบอสระดับตัวเเทนดวงดาวตรงหน้าลักษณะของมันคล้ายสุนัขในตำนานของอังกฤษอย่างเเบล็คชัค*เเต่ร่างกายของมันกับมีขนาดที่ใหญ่เอามากๆความสามารถของมันก็โกงจนขนาดที่พวกเราทั้งห้าคนก็จัดการมันไม่ได้
“เอาเเต่มองเเบบนั้นเดี๋ยวฉันก็พุ่งเข้าไปจัดการแกได้สิเนี้ย”
ถึงจะพูดเเบบนั้นเเต่ขาเเละซี่โครงข้างซ้ายเองก็หักจนเเทบละเอียดเลยก็ว่าได้ถ้าไม่ติดที่ว่าเมญ่าใช้อัลติเมทสกิลก่อนตายล่ะก่อนผมเองก็คงจะลุกไม่ไหวเเน่นอน
“กรรรรรรรรรรรร!!!!”
“ก็มาสิไอ้ลูกหมาเอ้ย!!!!”
ผมหยิบดาบคาตานะคู่ใจก่อนจะชักมันออกมาจากฝักเเต่ว่าก็สายไปเสียเเล้วเจ้าบอสตรงหน้าได้อ้อมมาข้างหลังก่อนจะอ้าปากขนาดใหญ่เพื่อกัดร่างกายของผมผมรู้สึกได้ถึงเลือดอุ่นๆที่กำลังไหลออกมาจำนวนมากดวงตาเริ่มหนักอึ้ง
ผมค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆในหัวของผมคิดแต่เรื่องขอโทษที่พาเพื่อนๆของผมมาตายร่วมไปถึงความต้องการที่จะกับไปแก้เเค้นพวกองค์กรเสร็งเคร้งนั้นผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆเตรียมเข้าสู่นิทราอันยาวนานเเต่เเล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
<คุณต้องการที่จะใช้การวิงวอนครั้งสุดท้ายของผู้ใกล้ตายหรือไม่>
-ใช่
-ไม่
เปิดใช้สกิล
“นี้มันเรื่องบ้าอะไรกันหรือว่าฉันกำลังฝันไป”
<คุณต้องการที่จะใช้การวิงวอนครั้งสุดท้ายของผู้ใกล้ตายหรือไม่>
-ใช่
-ไม่
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันเหมือนกับหน้าจออะไรบางอย่างจดผมเหลือบไปเห็นลูกศรบางอย่างที่ชี้อยู่บริเวณมุมขวาล่างของหน้าจอ
→รายละเอียด
ผมไม่รอช้ารีบกดทันทีจดปรากฏลายละเอียดขึ้นมาให้ผมอ่านซึ่งมันได้ระบุเอาไว้ว่า
→การวิงวอนครั้งสุดท้ายของผู้ใกล้ตาย
-ความสามารถนี้จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้ใกล้จะเสียชีวิต
-หลังจากที่ใช้ความสามารถนี้ผู้ใช้จะสามารถเลือกความสามารถสกิลหรือไอเทมติดตัวไปได้
-สกิลสามารถเลือกได้ทั้งหมด3สกิล
-ไอเทมนั้นสามารถเลือกไปได้ทั้งหมด1ไอเทมเท่านั้น!!!
ย้ำ1ไอเทม!!!
ผมกระพิบตารวดๆด้วยความงุนงงมันเป็นเรื่องจริงหรือว่าเรื่องโกหกกันเเน่สิ่งๆนี้ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้ผมกดมันยังไงอย่างงั้นผมที่กำลังเริ่มสนใจสิ่งๆนี้เล็กน้อยจึงตัดสินใจอ่านข้อความที่เหลือต่อ
-หลังจากที่คุณเลือกสิ่งที่ต้องการเสร็จเเล้วระบบจะส่งคุณไปยังช่วงเวลาที่คุณต้องการที่จะกลับไปได้
“ช่วงเวลาที่คุณต้องการจะกลับไปได้?!!”
นี้มันซักจะน่าสนใจกว่าที่คาดเอาไว้ซะอีกถ้ามันทำได้จริงๆสิ่งๆนี้ก็น่าสนใจไม่ใช้น้อยเลยผมเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้วของเเค่ได้ย้อนเวลากลับไปเพื่อจัดการสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ไม่ว่าอะไรผมก็ยอมเสี่ยงผมเลือนหน้าจอกลับมาหน้าเเรกอีกครั้งก่อนจะกดหน้าจอในสิ่งที่ผมต้องการ
—>ใช่
-ระบบกำลังทำการอนุมัติ
ชื่อผู้ใช้งานระบบ เฮนรี่ บิชอป ลูเทอร์
อาชีพ เเรงค์เกอร์ระดับs
ประสบการณ์ 1xxxxxxxxxxx
→ระบบอนุมัติเสร็จสิ้น
ทันใดนั้นก็ได้มีเเสงสว่างจางออกมาจนผมต้องแทบยกมือมากันเอาไว้พอเเสงหายไปผมเองก็ต้องเเทบตกใจจนเเทบทำอะไรไม่ได้รอบข้างของผมมีบางอย่างที่คล้ายเเผ่นอะไรบางอย่างที่โปร่งใส่ลอยไปมารวมไปถึงหน้าจอขนาดใหญ่ที่โผล่อยู่ตรงใจกลางห้อง
→สกิล
-สายฟ้าของเทพผู้สังหาร
ระดับ ss
ชื่อของสกิลนี้ทำผมรู้สึกสนใจไม่น้อยจนต้องเปิดดูรายละเอียดของมันซึ่งก็ดูน่าสนใจเอาไม่ใช่น้อย
-คมดาบสายฟ้าของเทพผู้สังหาร
เจ้าของคนเดิม(xxxxx)
คุณสามารถโจมตีด้วยสายฟ้าอันรุนเเรงราวกับโทสะของทวยเทพเจ้าของคนเดิมตัดสินใจไม่เอ่ยนามของตนเพื่อให้คุณสามารถใช้พลังของมันได้อย่างหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
“อะไรกันมีการที่ไม่บอกนามเพื่อเพิ่มพลังของสกิลด้วยเหรอ”
ผมเก็บสกิลนี้เอาไว้ในใจก่อนจะมองหาสกิลอื่นต่อไปจนมาสะดุดกับสกิลอีกสกิลหนึ่ง
มนต์นิทราของผู้ปกป้องความฝัน
ระดับ A+++
เจ้าของคนเดิม(เป็นพ่อมดชื่อดังในตำนานของอังกฤษ)
คุณสามารถสร้างดินแดนเเห่งความฝันที่สามารถเพิ่มทั้งพลังการโจมตีพลังป้องกันรวมไปถึงเพิ่มพลังมานาของตัวเองได้เรื่อยๆจนกว่าผลของสกิลจะหมด
สกิลจะสามารถใช้งานได้เเค่10นาทีเท่านั้น!!!
ย้ำ10นาที!!!
ผมที่อ่านมาถึงสกิลนี้จึงไม่รอช้าตัดสินใจเหลือสกิลนี้มันเป็นสกิลเเรกดูเหมือนผมจะสามารถใช้สกิลนี้ไปได้อีกนานในการโจมตีไทมส์เกทในอนาคตที่
→คุณต้องการเลือกสกิลนี้ใช่หรือไม่?!!!
-ใช่
ผมกดที่ใช่เเทบจะในทันทีก่อนจะเลื่อนหาสกิลอื่นๆไปอีกสักพักจนหาอีกสกิลที่ดูน่าสนใจเจอจนได้
บันทึกภาวนาของนักเขียนผู้อาภัพ
ระดับ s
เจ้าของคนเดิม(เป็นนักเขียนที่ไม่ประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่มีชีวิตแต่กลับโด่งดังอีกครั้งหลังจากที่เสียชีวิต)
พออ่านมาถึงจุดๆนี้ก็ทำผมชะงักไปไม่ใช่น้อยเพราะเจ้าของคนเดิมของสกิลนี้ชั่งคล้ายคลึงกับนักเขียนนิยายท่านหนึ่งผมนั้นชอบอ่านเอาสุดๆเเต่ผมเองก็ยังไม่ตัดสินจนกว่าจะอ่านรายละเอียด
คุณจะได้รับพรจากทวยเทพบรรพการเต่คุณมีเวลาจำกัดเเค่5นาทีเท่านั้นไม่งั้นคุณจะได้รับผลข้างเคียง
“นี้มันดาบสองคมชัดๆ”
ถึงเเม้จะพูดงั้นเเต่ผมก็ตัดสินใจเลือกสกิลนี้เป็นอันที่สองจนผมเองก็เหลือหาไปอีกสักพักจนตัดสินใจกลับมาเลือกสกิลอันเเรกอย่างคมดาบสายฟ้าของเทพผู้สังหารเอาดีกว่าเพราะดูเหมือนจะประยุกต์ได้มากหลังจากที่เลือกสกิลครบผมจึงตัดสินใจไปยังหน้าไอเทมต่อ
-คุณได้เข้าสู่หน้าเลือกไอเทมโปรดเลือกไอเทมตามที่คุณต้องการ
ผมเองไม่ค่อยถนัดพวกเวทย์มนต์จึงข้ามพวกคฑาหรือสมุดเวทย์ไปที่ยังไม่นับพวกอาติแฟกต์เจ๋งๆอีกนะน่าเสียดายจริงๆอาวุธที่ถนัดจึงมีเเค่ดาบเท่านั้น
“เจ้านี้น่าสนใจสุดๆไปเลยนิ”
ผมยิ้มออกมาอย่างภูมิใจในที่สุดผมก็ได้เจออาวุธที่น่าจะเหมาะกับผมมากที่
ดาบคาตานะปิดชีพ คามิอิซุมิ
ระดับ อาวุธโบราณ s
อาวุธเล่มนี้หลังถ้าผู้ใช้นั้นได้รับบาดเจ็บมันจะสามารถช่วงฟื้นฟูบาดแผลของผู้ใช้25%เเละในตัวดาบเองก็สามารถเก็บมานาสำรองรวมไปถึงสกิลจำนวนมากได้อีกด้วย
ผมคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับเลือกเจ้าดาบปิดชีพนี้ทันทีอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรใดๆทั้งสิ้นจนกระทั่ง
→โปรดเลือกช่วงเวลาที่คุณต้องการจะไปจุติ
ผมครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งว่าผมควรจะย้อนกลับไปตอนไหนมันควรจะเป็นเหตุการณ์ช่วงที่เราบุกเข้ามาในไทมส์เกทเพื่อช่วยไม่ให้ทุกคนตายหรือจะเป็นช่วงที่เกทอันเเรกปรากฏดีจนผมนั้นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ว่า ถ้านี้เป็นโอกาศที่ส่งมาเพื่อให้แก้ตัวล่ะผมยิ้มออกมาก่อนจะตัดสินใจเลือกช่วงเวลาที่ต้องการ
→ช่วงเวลา
“ถ้าให้ต้องเลือกยังไงมันก็ต้องช่วงเวลานี้อยู่เเล้วสิ”
(ก่อนจะตรวจสอบเเรงค์เกอร์)
ทันทีที่กดตกลงเเสงสีขาวก็พลันสว่างจ้าขึ้นมาร่างกานถูกปกคุมไปด้วยเเสงสว่างที่อบอุ่นพร้อมกับผมที่ค่อยๆหลับตาลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย
→คุณได้รับการจุติใหม่
→จุติใหม่เสร็จสิ้น
การตรวจสอบ(1)
…………………………………………………………………..
“อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!”
รู้สึกตัวอีกทีผมก็กรีดร้องออกมาอย่างกับพึ่งตื่นจากฝันร้ายที่น่าสยดสยองผมมองมือขวาที่ชูขึ้นสัมผัสได้ถึงหยาดเหงื่อที่กำลังหลั่งไหลราวกับฝนตกผมดันตัวเองขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อสังเกตว่าที่นี้มันคือที่ไหนซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นห้องนอนของผมเอง
“ราวกับฝันไปเลยแหะ”
ทันใดนั้นหน้าจอของระบบก็เด้งขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวเล่นเอาผมตกอกตกใจจนกระเด็นไปชนกับกำเเพงบนหัวเตียงพอตั้งสติได้อีกทีผมจึงรีบหยิบโทรศัพท์มาเพื่อเช็ควันเวลาเเละใช่นี้เป็นก่อนที่ผมจะได้รับการตรวจสอบเเรงค์เกอร์
“15มกรา”
เเต่จู่ๆตัวผมเองกับนึกขึ้นได้ว่าบางครั้งการที่เราย้อนเวลากลับมานั้นเห็นการบางอย่างอาจจะถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยผมจึงไม่รอช้ารีบเช็คข่าวสารในตอนนี้เพื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเหตุการณ์ที่ผมเคยพบเจอมาเเละใช่มันเปลี่ยนไปมากจริงๆโดยเฉพาะเรื่องสมาชิกของบลัดฮัลด์
“เวอร์มิลเลี่ยนชายผู้ถูกประเมินว่าเป็นเเรงค์เกอร์เซเบอร์ระดับสูงเสียชีวิตจากโรคปริศนาหลังจากที่เข้าไปสำรวจยังในไทม์เกท”
“ชวาตรูเจ้าของเเรงค์เกอร์โล่มารประทับถูกลอบสังหาร”
“เเม้เเต่เมญ่าเเละเอสเทอร์ก็ด้วยงั้น”
ผมวางโทรศัพท์ทึ้งก่อนจะมาเอามือมากุมขมับเอาไว้ผมเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ถึงเเม้จะมีการเริ่มต้นใหม่เเต่การตายของพวกเค้าในอนาคตเองจะย้อนกลับมาแก้ไข้ในอดีตนี้ด้วยนั้นหมายความว่าผมไม่มีทางเจอพวกเค้าได้อีก
“โถ่เว้ย!!!ไอ้พวกผู้ปกป้องแห่งเเสงเหนือ!!!”
ผมอยากจะปลดปล่อยความโกรธเเค้นพวกนี้ออกมาผมแทบจะฆ่าเจ้าดันเต้ซะตอนนี้เเต่ว่าผมมีเวลาไม่มากเพราะผมต้องรีบไปตรวจสอบเเรงค์เกอร์ในภายในไม่กี่ชั่วโมงลุกไปหยิบเสื้อคลุมสีขาวตัวโปรดมาส่วน
<ระบบกำลังจะโอนย้ายข้อมูลมาให้กับคุณ>
เสร็จหลังจากที่ระบบเเจ้งขึ้นมาดาบคาตานะก็โผล่มาในมือขวาของผมรวมไปถึงสกิลต่างๆก็เริ่มเด้งขึ้นมายังบนหน้าจอเเต่ผมก็เห็นว่าในหน้าจอของระบบเองยังมีอะไรเเถมมาด้วย
→ระบบได้มอบสกิลเป็นของขวัญในแก่คุณ
สกิล<การตรวจจับอัตโนมัติ>
“นี้มันสกิลอะไรกัน”
เเต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรกับมันมาเพราะตอนนี้พบต้องรีบเเล้ว
…………………………………………………………………………………………………
“เอาล่ะมากันครบเเล้วสินะ”
ในที่สุดผมก็ได้มาถึงเเล้วยังสนามที่เอาไว้ตรวจสอบเเล้วซึ่งคนก็มาตรวจสอบกันเยอะพอสมควรซึ่งน่าจะประมาณหนึ่งร้อยถึงสองร้อยกว่าคนได้เเต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมเฝ้ารอเพราะว่าสิ่งที่ผมกำลังรออยู่นั้นกำลังจะมาพร้อมกับเสียงเฮ้เเละเสียงโห่ร้องดีใจของผู้คนมากมาย
ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าผมสีเหลืองที่มาพร้อมกับเเสงดาวที่ระยิบระยับอยู่รอบๆตัวของชายหนุ่มสิ่งนั้นก็คือพลังอันรุนเเรงที่เเม้เเต่เทพก็พ่ายเเพ้ชื่อของมันก็คือแรงค์เกอร์ตัวเเทนดวงดาวใช่มันคือพลังเดียวกันกับบอสที่ผมเคยเจออย่างพวกระดับตัวเเทนดวงดาวอย่างเเบล็คชัค*นั้นเเหละ
ผมจ้องมองอีกฝ่ายถึงเเม้จะห่างกันเเต่ผมก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนเเรงที่อีกฝ่ายไม่สามารถปกปิดมันเอาไว้ได้
“ดันเต้!!!”
เสียงกองเชียร์ร้องดังขึ้นหลังจากที่เห็นชายหนุ่มโบกมือดูเหมือนว่าเหล่าเเม่ยกจะมารอกันเป็นจำนวนมากเพื่อเจอคนอย่างดันเต้
“คนอย่างมันนี้นะ”
ผมคิดในใจก่อนจะเดินไปลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการตรวจสอบขั้นตอนการตรวจสอบจะมีด้วยกันสองวิธี วิธีเเรกคิอการวัดโดยลูกแก้วพลังที่มีชื่อเคาเตอร์ฟอร์สซึ่งในอดีตที่ผ่านมาผมเองก็เข้ารับการทดสอบโดยวัดจากเจ้าลูกแก้วนี้นั้นเเหละเพราะทั้งสะดวกเเละรวดเร็วต่างจากวิธีที่สอง
วิธีนี้จะต้องต้องสู่กับเเรงค์เกอร์เพื่อวัดพลังถ้ายิ่งสู้มากเเสดงว่าเเรงค์เกอร์ยิ่งสูงยิ่งเอาชนะเเรงค์เกอร์สูงๆได้ก็ถือว่าเป็นเเรงค์เกอร์ระดับสูงทันที
“เเต่ถ้าเราจำไม่ผิดเเรงค์เกอร์ที่จะมาเป็นคนทดสอบดูเหมือนจะเป็นพวกเเรงค์สูงๆที่ขนาดคนสองถึงสามคนรุมก็ยังเอาชนะได้ยากเพราะวิธีจึงยุ่งยากไม่เเน่จริงก็ผ่านเเต่ว่า”ผมมองยังหน้าจอของระบบที่มีข้อมูลต่างๆเต็มไปหมดผมทำการอ่านอยู่สักพักจนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาเเถวๆบริเวณข้างหลังของผม
“ดูเหมือนจะมีเรื่องกันสินะ”ถึงเเม้จะไม่ค่อยสนใจเเต่ของเดินไปดูหน่อยละกันเเต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์รอผมอยู่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของสองฝั่งฝั่งเเรกที่ยืนอยู่ดูเเต่งตัวดูภมูิฐานซึ่งเเต่ต่างจากนิสัยที่ห้าวเอามากๆใช่ผมรู้จักคนๆนั้นเพราะลักษณะผมสีน้ำเงินที่เป็นเอกลักษณ์ชายคนนั้นชื่อว่า
ดิมิเทอร์ มาเรสโก้
ทายาทเจ้าของบริษัทจัดจำหน่ายไอเทมที่ทำเงินมากถึงร้อยพันล้านส่วนอีกคนที่กำลังล้มลงอยู่บนพื้นนั้น
“หื้มเดียวก่อนนะตอนนั้นไม่มีเเบบนี้นิ”
ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมสีเขียวเเละเเว่นตารวมไปถึงไอเทมลักษณะคล้ายที่คาดผมเล็กๆบนหัวเเต่ในตอนนั้นไม่มีชายคนนี้ผมแอบตกใจอยู่เล็กน้อยที่ได้เจอคนที่ผมคาดไม่ถึง
คนที่ในอนาคตจะได้เป็นมือขวาของดันเต้
จูปิเตอร์ มอนโดวาร์
ผมยังคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำได้เจอเค้าเร็วๆเเบบนี้ในอดีตที่ผ่านมากว่าจะได้รู้จักกันก็เล่นเอากลุ่มบลัดฮัลด์ก่อตั้งขึ้นมาได้ปีกว่าๆเเล้วเเต่ในตอนนี้ผมกับเจอเค้าเร็วเเล้วนี้อาจจะเป็นคนจากที่สมาชิกตายก็เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงเเบบนี้เเต่ในจังหวะนั้นเองดิมิเทอร์ก็กำลังจะทำบางอย่างที่ไม่คาดคิด
“มองหน้าฉันเเบบนั้นไม่พอใจงั้นเหรอได้ฉันจะจัดการแกที่คิดจะมาขัดขวางฉัน”
ทันทีที่พูดจบดิมิเมอร์ก็ยื่นมือไปพอเค้าทำเเบบนั้นน่าจอของระบบกับรีบเเจ้งเตือนขึ้นมา
→ระบบกำลังเปิดใช้งานการตรวจจับอัตโนมัติ
ตรวจอันตรายจากมานามหาศาลที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมา
“จริงสิ”
ผมจับดาบคาตานะในมือเเน่นเพราะผมพอจะเดาออกเเล้วว่าหลังจากนี้มันจะเกินอะไรขึ้นเวทย์มนต์ที่เหมือนกับน้ำเเข็งถูกเรียกออกมาจากข้างตรงหน้าของชายหนุ่มผมสีเขียวที่ดูจะไม่สามารถขัดขืนได้
“ชะตาขาดล่ะ!!!”
“ดูเหมือนคนที่จะชะตาขาดจะเป็นแกมากกว่า”
→คุณเปิดใช้งานบันทึกภาวนาของนักเขียนผู้อาภัพ
เหล่าทวยเทพเเห่งบรรพการได้อวยพรคุณ คุณได้รับการป้องกันการโจมตีจากเวทย์มนต์ทุกประเภทเป็นเวลา75วินาที
“ก็เกินพอเเล้ว!!!”
ผมเหวี่ยงดาบอย่างสุดเเรงใส่พวกน้ำเเข็งพวกนั้นจนเเตกหักเเต่ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ในใกล้ๆต่อจะให้โดนเพียงเเค่ไอเย็นๆก็สามารถถูกน้ำเเข็งกัดไปเลยเเต่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากน่าจะเป็นผลมาจากสกิลนั้นเเหละ
“แกเป็นใคร”
อีกฝ่ายมองหน้าผมด้วยสายตาที่ไม่พอใจเเต่ก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไรผมกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างกำลังมาทางนี้เเต่หลังจากนั้นไม่นานผมก็รู้สึกที่มาของมันเจ้าของมันไม่ใช่ของใคร
“เอ้าๆพอกันเเค่นั้นเถอะครับไม่งั้นเดี๋ยวการทดสอบมันจะไม่เริ่มเอาสักที”
ดันเต้ตบมือเเค่เบาๆเท่านั้นดิมิเทอร์ก็กระเด็นออกไปไกลยกเว้นเเต่ผมที่ยังสามารถยืนเอาไว้ได้ด้วยผลของสกิลที่ป้องกันสกิลจากเวทย์มนต์
“เเค่ตบมือเเค่นั้นยังต้องใช้เวทย์มนต์ด้วยเหรอ”ผมเเสดงสีหน้ามึนงงออกมาจนไม่ได้สังเกตว่าคนอย่างดันเต้กำลังทำสีหน้าตกใจใส่ผมเเต่เค้ากับไม่ได้พูดอะไรเเล้วหันหลังเดินจากไป
“ยกเลิกการใช้สกิล”
→ทำการยกเลิกสกิลบันทึกภาวนาของนักเขียนผู้อาภัพ
“เอาๆการทดสอบจะเริ่มเเล้วในที่เลือกการทดสอบเเบบไหนเอาไว้ก็ไปตามห้องได้เลย”
กรรมการผู้เบบนั้นผมเลยเดินแแกมาจากการมุงนั้นโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างจนมาถึงยังห้องทดสอบของผมในรอบนี้ผมตัดสินใจว่าจะไม่ตรวจโดยลูกแก้วอีกแล้วผมจึงตัดสินใจเลือกเเบบที่สองถึงเเม้มันจะเสี่ยงเเต่มันก็น่าจะปกปิดการมีตัวตนของผมจากกิลด์เเละองค์กรได้ดีกว่า
“นะ…นายน่ะเมื่อกี้ขอบคุณมากนะ”
“หื้ม…นายคนเมื่อกี้”
ชายหนุ่มผมสีเขียวสวมเเว่นตาเเละไอเทมที่คาดผมอันเป็นเอกลักษณ์เดินมาข้างๆผมใช่จูปิเตอร์นั้นเเหละเองผมเริ่มทำสีหน้าสงสัยออกมาว่าทำไมเค้าถึงตามผมมาจดหันมาเจอชื่อที่หน้าห้องสอบ
ห้องสอบที่16
ผู้เข้าสอบ
เฮนรี่ บิชอป ลูเทอร์
จูปิเตอร์ มอนโดวาร์
“เอ้าห้องเดียวกันเลยนี้ว่า”
หลังจากที่เราสองเข้ามายังในห้องก็ไม่เห็นว่าจะมีเเรงค์เกอร์คนไหนเข้ามาตรวจสอบสักทีจึงตัดสินใจที่จะยืนรอ
“เมื่อกี้ทำไมนายถึงโดนเจ้านั้นทำร้ายล่ะ”
“เพราะว่าพวกเค้ารังเกียดเลือดเนื้อของผมน่ะสิ”
ถ้าจำไม่ผิดสายเลือดของตระกูลของดิมิเทอร์เเละจูปิเตอร์เองเหมือนจะมีพันธสัญญาต่อกันอยู่พันธสัญญาที่ว่าถ้าใครหยิบยืมอะไรไปเเล้วถ้าไม่เอามาใช้คืนจะต้องถูกเฉือดเนื้อของร่างกายออกไปจำนวน1กิโลกรัมเพื่อเป็นของเเลกเปลี่ยนเเต่ว่าตระกูลที่เสียเปรียบต่อกฏนี้กับฝ่ายของดิมิเทอร์เองเเต่ว่าดิมิเทอร์เองจะมีมานามากกว่าเลยสามารถข่มเหงจูปิเตอร์ที่มีมานาน้อยกว่าได้
“เพราะงั้นเองเราสองคนเลยไม่ถูกกันเวลาที่ตระกูลของเราเจอกันก็มักจะมีปัญหากันตลอด”
จูปิเตอร์ไม่คิดที่จะมองหน้าผมเลยด้วยซ้ำเวลาตอบอาจจะเพราะด้วยเหตุผลแบบนี้จูปิเตอร์ที่ผมรู้จักในช่วงเวลาก่อนถึงได้มีสายตาที่เย็นชาเเละไม่ไว้ใจใครงั้นสินะ
“ทำความรู้จักกันดีรึยัง”
เสียงที่ดูนุ่มลึกดังขึ้นมาเราทั้งสองรีบหันไปมองยังที่มาของเสียงซึ่งชายคนนั้นไว้ผมยาวดีเทาเเต่ชุดเหมือนพวกวรยุทธหน่อยๆซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่จูปิเตอร์รู้จักอย่างดีเลย
“เหยนฟิง”
ถึงผมจะไม่คุณกับหน้าตาเเต่ผมก็พอจะได้ยินชื่อนี้มาบางว่ากันว่าเป็นคนที่สามารถเคลียร์ไทมส์เกทไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ
“ไงจูปิเตอร์ยังดูสบายดีดิเเล้วพ่อของนายเป็นไงบ้าง”
ถึงเเม้พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเเต่ผิดกลับน้ำเสียงที่เหมือนกับกำลังดูถูกตัวของจูปิเตอร์อยู่ก็เพราะพ่อของจูปิเตอร์ในตอนนี้กำลังถูกโรคฝันเล่นงานอยู่เเละเหตุผลที่จูปิเตอร์มาเป็นเเรงค์เกอร์ก็เพราะต้องการที่จะช่วยพ่อเค้าผมนึกย้อนไปในช่วงเวลาที่ผมเคยคุยกับเค้า
“จูปิเตอร์ฉันถามนายเล่นๆนะถ้ามันไม่สามารถหาทางรักษาพ่อของนายได้อีกเเล้วนายจะทำยังไงต่อไป”
ในตอนนั้นจูปิเตอร์ไม่เเม้เเต่จะตอบผมกลับมาด้วยซ้ำเเต่ใบหน้าของเค้าเองก็เเสดงออกถึงว่าเข้านั้นยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยเเม้เเต่น้อย
ปัจจุบันเองจูปิเตอร์ก็เอาเเต่ก้มหน้ามองพื้นไม่เเม้เเต่จะเหงยหน้ามามองเหยนฟิงเลยผมเองก็จะมาเสียเวลาตรงนี้ไม่ได้เเล้วผมจึงก้าวมาข้างหน้าเพื่อของทดสอบ
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากมาฟังคนรำลึกความหลังหรอกนะตอนนี้ฉันมีธุระพอดีต้องรีบไปทำหลังจากตรวจสอบน่ะเพราะงั้นของตรวจสอบก่อนคงไม่ว่ากันนะ”
เหยนฟิงมองผมราวกับกำลังประเมินผมอยู่หลังจากนั้นจึงกวักมือเรียกเป็นสัญญาณว่าผมแล้วเเต่เพราะผมกำลังจะขยับตัวจูปิเตอร์ก็เอามือมาขวางผมไว้
“โทษทีเเต่ฉันเองก็มีธุระเหมือนกัน”
ดูเหมือนการกระทำนี้ของจูปิเตอร์จะสร้างความพอใจให้ตัวของเหยนฟิงเอามากจนอีกฝ่ายเตรียมท่าพร้อมรบเหมือนพวกมวยจีน
“งั้นก็เข้ามาพร้อมกันสองคนนั้นเเหละ”
จูปิเตอร์เองหยิบก้อนอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนจะกลืนมันลงไป
→ระบบตรวจสอบเเล้วพบเจอพลังมานาอันเข้มข้น
ก้อนมานางั้นเหรอ???
จู่ๆในมือของจูปิเตอร์กับมีธนูสีขาวที่ปลายของธนูมีลักษณะเหมือนปีกโผล่ออกมา
“คิดจะใช้มันเลยสินะไอเทมนั้นน่ะ”
เหยนฟิงเตรียมท่าทางดั่งอสรพิษที่เตรียมจะพุ่งเข้ามาได้ทุกเมื่อจูปิเตอร์เเละผมเองก็เตรียมที่จะเข้าปะทะเเล้วเช่นกันพออีกฝ่ายเห็นอย่างงั้นจึงไม่รอช้าพุ่งเข้าหาพวกเราในทันที
ผมจึงตัดสินใจผลักตัวจูปิเตอร์ออกไปจากระยะการโจมตีซึ่งดูเหมือนจะเข้ามาอย่างหวุดหวิด
บริเวณที่เหยนฟิงพุ่งผ่านมาเต็มไปด้วยคลื่นลมอันรุนเเรงที่ใครอยู่ๆใกล้อาจจะโดยลมพวกนั้นบาดเอาดื้อๆได้เลยมองไปที่จูปิเตอร์ที่ง้างธนูก่อนจะปล่อยการโจมตีใส่
ลมกรดอสรพิษ!!!
ลำเเสงถูกยิงออกไปพร้อมกับเหยนฟิงที่พุ่งหลบเเต่การโจมตีนั้นกับตามตัวของเหยนฟิงไปมาติดๆเเต่ว่าอีกฝ่ายกับกระโดดหมุนตัวเเละใช้เท้าปัดการโจมตีไปได้
งั้นเราเองก็!!!
ผมพุ่งออกไปด้วยความเร็วก่อนจะชักดาบออกมาจากฝังเตรียมจะฟันใส่เเต่เเล้วการตรวจสอบอัตโนมัติของผมกับทำงานขึ้นมา
→ตรวจสอบพลังงานที่มีผลทางกายภาพที่กำลังพุ่งเข้ามา
→เปิดใช้งานบันทึกของนักเขียนผู้อาภัพ
เหล่าเทพบรรพการอวยพรคุณโดยการป้องกันการโจมตีทางกายภาพเป็นเวลา15วินาที
“อึก!!!”
ผมรู้สึกถึงหมัดที่ต่อยพุ่งเข้ามาที่ท้องของผมถึงเเม้มันจะไม่เจ็บเเต่ความรู้สึกที่พุ่งเข้ามาราวกับเหยนฟิงต้องการที่จะฆ่าผมยังไงยังงั้นเเต่ผมเองก็ไม่ยอมอยู่ฝ่ายเดียวผมหมุนตัวก่อนจะเหวี่ยงเท้าซ้ายเตะอีกฝ่ายถึงเเม้อีกฝ่ายจะป้องกันได้ก็ตาม
“โจมตีได้หนักดีนิดูเหมือนจะทนต่อมันของเราได้ด้วยน่าสนใจจริงๆ”
จู่ๆท่าทีของเหยนฟิงก็เปลี่ยนไปจากที่ตอนเเรงท่าทางราวกับอสรพิษตอนนี้กับรู้สึกว่าท่าทางเหมือนกับหมาป่า
“หรือว่า!!!”
จูปิเตอร์เหมือนจะรู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นเค้าเรียบโจมตีออกไปทันทีเพื่อสกัดไม่ให้เหยนฟิงใช้ท่านั้นได้เเต่ถึงจะโจมตีออกไปเท่าไหร่เหยนฟิงนั้นกับหลบได้ราวกับลิงโลดถึงเเม้ผมพอจะรู้จักไอเทมของจูปิเตอร์อยู่บ้างเเต่ผมกับรู้สึกสงสัยว่าทำไมพลังจากโจมตีมันถึงได้ดูอ่อนเเอ่เเบบนั้น
ระบบทำการตรวจสอบไอเทมของจูปิเตอร์ที
→ระบบทำการตรวจสอบเเล้วพบว่าไอเทมนั้นเป็นไอเทมระดับSS
“มัวเเต่มองอะไรอยู่”
ผมที่เอาเเต่มองหน้าจอกับลืมไปเลยว่าเหยนฟิงนั้นกำลังพุ่งโจมตีเข้ามาผมมองใบหน้าอันโรคจิตที่ราวกับคนกำลังบี้เเมลงตัวเเมลงของเหยนฟิงพร้อมกับเหวี่ยงดาบอย่างสุดเเรงถึงเเม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจะหลบได้ก็ตามพออีกฝ่ายโดดหลบออกไปจูปิเตอร์ก็ยิงพุ่งเข้าใส่ผมจึงมีเวลาที่จะดูไอเทมของจูปิเตอร์
→ชื่อไอเทม อาจูน่า
ธนูที่สามารถสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น10เท่าเเถมยังช่วยเสริมมานาให้ตัวผู้ใช้ด้วย
มันก็ธนูเดียวกับช่วงเวลาในอนาคตนี้เเต่ว่าทำไมกัน??
พลังของไอเทมอาจูน่าในอนาคตนั้นรุนเเรงจนถึงขั้นที่ว่าจูปิเตอร์ต้องถูกห้ามใช้เป็นเวลาหลายปีเเต่ว่าในตอนนี้มันกับเหมือนกับยังไม่ถูกปลดพลังออกมา
“การโจมตีเเค่นี้ของนายทำอะไรฉัน!!!ไม่ได้!!!”
เหยนฟิงเตะเข้าไปเต็มตัวของจูปิเตอร์จดกระเด็นออกไปก่อนที่เหยนฟิงจะหันกลับมาหาตัวของผมเเล้วยิ้มให้อย่างโรคจิตเเละเหยนฟิงเองก็ร่ายรำราวกับตั๊กเเตนก่อนจะพุ่งเข้ามาหาผม
หมัดมวยร้อยแปด-ตั๊กเเตนรำพันล้านภพ!!!
หมัดของเหยนฟิงกับรวดเร็วเเละรุนเเรงในเวลาเดียวกันจนผมเองก็เเทบป้องกันเอาไว้ไม่หมดเเต่ผมเองก็ไม่คิดที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่อย่างเดียว
เปิดใช้สกิลมนต์นิทราของผู้ปกป้องความฝัน!!!
ร่างกายของผมในตอนนี้ราวกับถูกโอบอุ้มด้วยเเสงสว่างผมเริ่มจับทางการเคลื่อนของอีกฝ่ายของก่อนจะฟันเข้าสวนใส่อีกฝ่ายจนได้รับบาดแผลไปบางเเละด้วยผลของดาบคาตานะเองบาดแผลบางส่วนของผมเองก็ได้รับการฟื้นฟูไปด้วย
เหยนฟิงกระโดดหลบออกห่างจากผมทันใดนั้นจูปิเตอร์ก็มาโผล่ข้างหลังของเหยนฟิงก่อนจะเริ่มโจมตี
สตาร์ดัสแอร์โรว์
ลำเเสงพุ่งออกไปราวกับฝนดาวตกถึงเเม้ในตอนนี้เหยนฟิงจะอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถหลบการโจมตีพวกนั้นได้เเต่ผมเองก็ไม่ได้คิดแบบนั้นทันทีที่ลำเเสงกำลังพุ่งเข้าหาตัวของเหยนฟิงกับกระเเทกเท้าลงไปยังพื้นจนก้อนหินพุ่งขึ้นมาเป็นกำเเพงป้องกันเอาไว้ได้
“ไอ้นี้มันเหลี่ยมชะมัด”
ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีก9นาทีที่ผลของสกิลจะหมดลงผมจึงรีบพุ่งเข้าไปหวังว่าโจมตีเเต่ผมเองก็รู้สึกได้เลยว่าผมกำลังคิดผิด
“ช้าไปนะ”
“เวรล่ะ”
ผมรู้สึกถึงหมัดที่พุ่งอัดเข้ามาเต็มๆท้องจนผมกระเด็นไปถ้าไม่มีสกิลช่วยล่ะก็ผมคงตายไปแล้วเเน่ๆผมเองก็เลยใช้เวลานี้คิดทบทวนดูว่าเพราะอะไรทำไมจูปิเตอร์ถึงไม่สามารถเอาพลังที่เเท้จริงของอาจูน่ามาใช้ได้
“จูปิเตอร์ทำไมนายถึงได้อ่อนเเอ่เเบบนี้ล่ะถ้าเป็นนายในตอนนั้นเองคงสู้เราได้อย่างสูสีไปแล้ว”
คำพูดนั้นทำให้ผมฉุดคิดได้บางอย่างในอนาคตนั้นจูปิเตอร์นั้นไม่เคยสวมเเม้เเต่ที่คาดผมเเละทำไมในตอนนี้เค้าถึงใส่มันอยู่ล่ะ
→ระบบทำการตรวจสอบเเล้วพบว่านั้นเป็นอาติเเฟกต์ระดับสูง
ชื่อของอาติเเฟกต์ กุงกุสการ์
กุงกุสการ์ไอเทมที่สามารถกักเก็บมานาของผู้ใช้งานเอาไว้ได้
ไอเทมที่เอาไว้กักเก็บมานางั้นเหรอทำไมจูปิเตอร์ถึงต้องใช้ด้วยล่ะอย่างบอกนัว่าตั้งเเต่ที่พ่อของจูปิเตอร์เป็นโรคฝันตัวของจูปิเตอร์อาจจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองก็เลยกักเก็บพลังเอาไว้งั้นเหรอ
ผมค่อยๆดันตัวขึ้นผมเข้าใจเหตุผลทุกอย่างเเล้วจึงเอาดาบมาควงก่อนจะตัดสินใจปิดสกิลลงเเละค่อยๆเดินไปหาตัวของจูปิเตอร์ที่ดูเหมือนตอนนี้ได้รับบาดเจ็บหนักเอามากๆพอผมเเตะตัวของเขาจูปิเตอร์กลับมองหน้าผมด้วยเเววตาที่เศร้าสร้อยผมจึงคว้าเอาที่คาดผมของอีกฝ่ายมา
“เอาคืนมานะ”
จูปิเตอร์เริ่มจ้องผมด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจตัวของเหยนฟิงที่เห็นว่าเราสองคนกำลังคุยกันก็ไม่ได้คิดจะโจมตีเเถมยังนั่งสมาธิรอ
“ฉันจะช่วยนายเองเข้าใจมั้ย!!!”
จูปิเตอร์เเสดงสีหน้าที่งุนงงออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของผม ผมกำที่คาดผมของเขาเอาไว้เเน่น
“นายคงคิดว่าที่พ่อของนายปวดด้วยโรคฝันมันต้องทำให้นายต้องกักเก็บพลังที่เเท้จริงเอาไว้เลยงั้นเหรอ”เเต่ผมกลับต้องแปลกใจที่สีหน้าของอีกฝ่ายกับเเสดงสีหน้างุนงงออกมา
“คนที่เป็นโรคฝันน่ะคือน้องสาวฉันต่างหาก”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!