NovelToon NovelToon

1 ตอนเรื่องสั้น | GL

เรื่องที่ 1 แด่เจ้าหญิงตัวน้อยของฉัน

ณ งานเลี้ยงสังสรรค์ ขององค์ชายที 1 แขกที่มางานเลี้ยงต่างพากันสนุกสนานไปกับงานมีทั้งคู่หนุ่มสาวและชายที่หล้อและงดงามมากมายภายในงาน แต่จู่ๆก็ได้มีเสียงแก้วหล่นแตกดังขึ้น

เพล้ง!! กิ๊ง! กิ๊ง!!

แขกภายในต่างพากันหันไปมองและก็ได้พบเจ้าชายได้ใช้มือของเขาตบหน้าผู้หญิงผมทองในชุดเดรสที่สวยงามคนหนึ่งจนเธอ ทำแก้วหล่นแตก ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่งดงามมากจนทำมให้ผู้คนหลายๆคนต่างอิจฉาเธอและพยายามที่จะแกล้งเธออยู่เรื่อยๆแต่พอเธอได้เป็นคู่หมั้นขององค์ชาย อะไรต่างๆที่เกิดขึ้นกับเธอก็ได้หายไป แขกที่ได้เห็นต่างพากันเริ่มซุบซิบขึ้นก่อนที่องค์ชายที่ 1 จะพูดขึ้น

"เธอนี่มัน น่ารำคาญจริงๆ ฉันขอถอนหมั้นกับเธอ ณ ตอนนี้ และ ที่ตรงนี้ ให้แขกที่มาเยือนได้เป็นสักขีพยานในการถอนหมั้นครั้งนี้"องค์ชายได้หันไปมองรอบๆและหยิบขวดไวน์ที่วางอยู่ที่โต๊ะขึ้นและเทใส่ผู้หญิงคนนั้น

แขกที่มาเยือนที่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างพากันซุบซิบ

"ดูนั้นสินั้น คู่หมั้นขององค์ชายหนึ่งนี่นา โดนถอนหมั้นซะแล้วสิ แบบนี้...คงใช้อำนาจขององค์ชายไม่ได้แล้วละ"

"ฮ่ะๆ สมเพชจริงๆ โดนขอถอนหมั้นท่ามกลางผู้คนมากมายแบบนี้ถ้าเป็นฉันคงจะขายหน้ามากเลยละ"

"จบแล้วสิน้า ยัยผู้หญิงสามัญชน 'ซิลเวีย ไวท์โรส' "

ซิลเวียที่ยืนอยู่ตรงหน้าองค์ชายที่ตอนนี้เธอนั้นได้เปียกชุ่มไปด้วยไวน์ที่องค์ชายที่เธอรักมากเทใส่เธอ เธอนั้นช็อกมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

กรึบ กรึบ!

เสียงเดินได้เข้ามาใกล้ๆเธอก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น

เพียะ!!

ชิลเวียที่ได้ยินเสียงนั้นจึงได้เงยหน้าของเธอขึ้นและก็ได้พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งได้ตบหน้าขององค์ชาย ผู้หญิงผมดำเงาในชุดเดรสสีดำสวยงามและประดับไปด้วยดอกกุหลาบสีแดง และใบหน้าที่งดงามของเธอ ก่อนที่ซิลเวียจะเผลอพูดออกมา

"แมรี่"เสียงของซิลเวียนั้นได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย

ก่อนที่แมรี่จะหันมาหาซิลเวียและจับมือเธอและพาเธอเดินออกมาจากงาน

ผู้คนที่ได้เห็นก็ต่างพากันสับสนไปหมดเพราะตระกูลของแมรี่นั้นเป็นตระกูลที่สนับสนุนเหล่าราชวงศ์เป็นหลัก แต่การกระทำของแมรี่ที่ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลตอนนี้แสดงให้เห็นถึงการเป็นปรปักษ์อย่างเห็นได้ชัด การที่ราชวงศ์เสียแมรี่ไปนั้นเป็นผลเสียอย่างมากในหลายๆด้าน

ณ ข้างนอกงานเลี้ยงสังสรรค์ แมรี่ที่ได้เดินจูงมือของซิลเวียออกมาจากงาน หลังจากที่เธอคิดว่าเดินออกมาไกลแล้วเธอก็ได้ปล่อยมือของเธอออก ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้มีที่เศร้าสร้อยออกมาก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

"ทำไมกันละ.. ทำไมเธอต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้ด้วย ทั้งๆที่ฉันทำให้เธอเจ็บไปตั้งขนาดนั้นแต่ทำไม...เธอถึงยังจะช่วยฉันอีก..แมรี่.."เธอได้พูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่แผ่นหลังของแมรี่

แมรี่ที่ได้ยินแบบนั้นจึงได้พูดขึ้น"ไม่รู้สิ...บางทีเพราะเธอดูเหมือนกับฉันละมั้งเลยทำให้เธอดูน่าสงสารขึ้นมามันทำให้ฉันที่เห็นเธอทำหน้าเจ็บปวดแบบนั้น รู้สึกเจ็บขึ้นมาแทน.."แมรี่ได้หันหน้าเข้ามาหาซิลเวีย

ซิลเวียได้ตกใจขึ้นเพราะใบหน้าของแมรี่นั้นตอนนี้ดูทรมานมากและใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยน้ำตา ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้รู้สึกผิดขึ้นก่อนที่เธอจะก้มหน้าของเธอลงเพื่อหลบสายตา

"ฉัน...ขอโทษ..."

สิ้นเสียงของซิลเวียแมรี่ก็ได้ร้องไห้ขึ้นเธอนั้นได้ยกมือของเธอจึ้นมาเช็ดน้ำตาของเธอเรื่อยๆจนเธอนั้นได้ฟุบลงกับพื้นและก็ยังคงร้องไห้ต่อหน้าซิลเวีย

"ฮะ-ฮืออ~! ฮือ~!!"

ในตอนนั้นลึกๆในใจของซิลเวียนั้นก็รู้สึกเจ็บขึ้น เพราะทั้ง สองคนนั้นเคยเป็นเพื่อนรักกันก่อนที่เธอจะพยายามตีตัวออกหากจากแมรี่เพื่อองค์ชาย เธอได้ยืนมองแมรี่ร้องไห้อยู่สักพักก่อนที่แมรี่จะหยุดร้องและลุกขึ้นยืนขึ้นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าก่อนที่เธอจะหันหลังให้แมรี่และพูดขึ้น

"ลาก่อน...ฉันหวังว่าเราสองคนจะไม่เจอกันอีกนะ...ซิลเวีย.."สิ้นเสียงขอแมรี่เธอนั้นเร่มที่จะเดินจากไป

ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้สะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลออกมาเธอได้ใช้มือของเธอนั้นแตะไปที่ใบหน้าของเธอที่และเอามาดูก็ได้พบว่าตัวเองนั้นร้องไห้ออกมา

"ฮือ~ ทำไมกัน ทำไมน้ำตาถึงไหลออกมากันละ ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ.. ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้กัน ทำไม.. ทำไมกันละ!! ฮือ~"เธอได้ใช้มือของเธอเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา 

แต่จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ ถึงอดีตที่ทั้งสองยังเป็นเด็ก ณ ต้นไม้ใหญ่ในป่าเด็กสาวสองคนได้อยู่ใต้ต้นไม้นั้นกำลังคุยเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน

"นี่ๆ ถ้าโตขึ้นเธออยากที่จะทำอะไรงั้นเหรอ"เสียงของแมรี่ได้พูดขึ้นก่อนที่จะมีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา

"ฉันอยากที่จะโตขึ้นและแต่งงานกับใครสักคนที่ฉันรักมากๆและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และคนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่สามารถดูแลและปกป้องฉันได้ละนะ"

"ฮืมม~ งั้นเหรอ มันก็คงจะดีสิน้าถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่อยู่ใกล้ๆกับเธอตอนนี้น่ะ"

ซิลเวียในตอนเด็กนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของแมรี่มากนักเพราะว่าเธอนั้นยังคงเป็นเด็กอยู่แต่แล้ว

ซิลเวียก็ได้พูดขึ้น"อ๊ะจริงสิแมรี่"ซิลเวียได้ล้วงมือไปกฝหยิบอะไรสักอย่าง

แมรี่ที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้พูดขึ้น"ฮืมม~ ว่าไง~"

ซิลเวียได้หยิบต่างหูคู่ออกมาและชูให้แมรี่ดูก่อนที่เธอจะพูดขึ้น"นี่พวกเรามาใส่เจ้านี่กันเถอะ เพื่อเป็นหลักฐานว่าเราทั้งสองคนยังเป็นเพื่อนซึ่งกันและกันตลอดไป"

แมรี่ได้ยิ้มขึ้นก่อนที่เธอจะหยิบต่างหูข้างหนึ่งไป"สัญญานะว่าเรา จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป"

อดีตนั้นได้ผุดขึ้นมาในหัวของซิลเวียก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่าแมรี่นั้นยังคงใส่มันมาตลอดเวลาแม้จะเป็นตอนที่เธอจะเดินจากไปก็ตาม นั้นทำให้เธอนั้นรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิมก่อนที่ซิลเวียจะพูดขึ้น

"นี่เธอ ยังคงจำสัญญานั้นได้อยู่ตลอดเลยสินะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอยังคงเชื่อมั่นในตัวฉันและยังคงรอฉันอยู่ตลอดเวลา"ซิลเวียได้ร้องไห้ขึ้นอีกครั้งก่อนที่เธอจะรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นตลอดมาก็ถูกแมรี่นั้นช่วยไว้ตลอดไม่ว่าเธอจะทำให้แมรี่นั้นเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเธอได้สูญเสียแมรี่ไป เธอก็ได้รู้สึกเหมือนเธอนั้นสูญเสียอะไรบางอย่างที่สำคัญมากกับเธอไป

"ฮือ~ ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวกันนะว่าคนที่ฉันเคยพูดในตอนเด็กจะอยู่ใกล้ขนาดนี้กัน ทำไมกันนะ"ซิลเวียได้เช็ดน้ำตาของเธอออกและเริ่มวิ่งแมรี่ไปเธอพยายามมองหารถม้าของแมรี่แต่ก็ไม่พบเธอจึงรีบไปที่คฤหาสน์ของแมรี่ด้วยความเร่งรีบ

"แมรี่ รอฉันก่อนนะ ฉันยัง..มีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกเธอเลย!!"เธอได้พูดขึ้นในขณะที่เธอนั้นกำลังวิ่งอยู่ด้วยความเร่งรีบ

ณ คฤหาสน์ของแมรี่ ซิลเวียที่ชุ่มไปด้วยเหงือและหอบเหนื่อยนั้นก็ได้เคาะประตู

"แฮ่ก แฮ่ก ขอละ เปิดประตูทีเถอะ แมรี่!!"

ก๊อกๆ ก๊อกๆ

แต่แล้วก็ได้มีเสียงคนเดินมาที่หน้าประตูและเปิดประตูออก ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้น

"แมรี่!!"

แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะคนที่เปิดประตูนั้นไม่ใช่แมรี่แต่เป็นแม่บ้านของแมรี่ ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นจึงแปลกใจเป็นอย่างมาก และก็ได้ถามกับแม่บ้านไปว่า

"นะ-นี่คุณป้า โรน่า แมรี่อยู่หรือเปล่าคะ!"เธอได้พูดขึ้นด้วยท่าทีที่ร้อนรน

แต่แล้วแม่บ้านก็ได้พูดขึ้น"อ้าวคุณหนูซิลเวียเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ อ๊ะแล้วก็คุณหนูแมรี่ได้ออกเดินทางไปแล้วละค่ะถ้ามีอะไรจะฝากบอกคุณหนูแมรี่ก็บอกดิฉันได้นะคะเดี๋ยวฉันจะส่งจดหมายไปบอกให้"

ซิลเวียที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้ตกใจก่อนที่เธอจะลุกไปจับไหล่ทั้งสองข้างของป้าโรน่าและพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ร้อนรน

"ละ-แล้วพวกเขาออกเดินทางกันไปนานหรือยังคะ!!"

ป้าโรน่าที่ได้เห็นแบบนั้นจึงได้พูดขึ้น"คะ-คุณหนู แมรี่ออกไปได้สักพักแล้วละค่ะ..."

ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้ฟุบลงกับพื้น..ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและเดินออกไปป้าโรน่าพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ซิลเวียนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ซิลเวียนั้นได้เดินไปยันสถานที่ต่างๆที่แต่ก่อนเธอกับแมรี่นั้นมาเล่นด้วยกันเป็นจำ ณ สวนดอกไม้ ซิลเวียได้ยืนมองดอกไม้พวกนั้นอยู่สักพักในตอนนั้นเธอก็ได้นึกถึงอดีตที่เธอกับแมรี่นั้นได้มาเล่นด้วยกัน ณ สวนดอกไม้อยู่บ่อยๆในตอนเด็ก

"นี่ซิลเวีย~ รอฉันด้วยสิ้~ "แมรี่ในวัยเด็กได้พูดขึ้นและวิ่งไล่ซิลเวียด้วยใบหน้าที่มีความสุขและภาพนั้นได้ผ่านซิลเวียไป เซิลเวียที่ได้เห็นก็ได้เดินตามทางแต่ก่อนที่เธอเคยมา ในระหว่างทางนั้นก็ได้มีภาพอดีตของแมรี่กับซิลเวียโผล่ขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ

"ฮ่ะๆ จับได้แล้ว!!"แมรี่ในวัยเด็กได้พุ่งทะลุผ่านซิลเวียไปและโดดไปจับซิลเวียในวัยเด็กและภาพนั้นก็เลือนหายไป

ภาพเหล่านั้นได้โผลออกมาตามทางที่ซิลเวียเดินไปในตอนนี้ซิลเวียที่ได้แต่นึกถึงอดีตก็ได้มีท่าทีที่เศร้าออกมาแต่เธอก็ยังคงเดินตามภาพในวัยเด็กของเธอต่อไป

"ซิลเวียดูนี่สิ!!ดอกไม้สิ!! มันดูเหมือนเธอมาเลยละ!!"แมรี่ในวัยเด็กได้ชูช่อต้นกระดุมทองออกมาและยื่นให้ซิลเวียในปัจจุบันแต่เมื่อเธอจะเอื้อมมือไปหยิบภาพนั้นก็ได้หายไป

ความทรงจำในวัยเด็กของซิลเวียและแมรี่ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆตามสถานที่ต่างๆจนมาถึงที่สุดท้าย ณ ต้นไม้ใหญ่ในป่าลึก ที่ๆในอดีตแมรี่และซิลเวียเคยมาเล่นกันใต้ต้นไม้ 

"นี่ๆไปนอนเล่นใต้ต้นนั้นกันเถอะ"แมรี่ในวัยเด็กได้ดึงเขียนเสื้อของซิลเวีย ก่อนแมรี่ในวัยเด็กจะวิ่งไปนอนใต้ ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นจึงได้ยิ้มขึ้น และเดินไปใต้ต้นไม้นั้นและนอนข้างๆกับแมรี่ในวัยเด็ก

"นี่ต้นนี้ลมเย็นสบายจัง เธอว่างั้นไหมซิลเวีย"แมรี่ในไวเด็กได้พูดขึ้น

ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดขึ้น"นั้นสินะ...ลมเย็นดีจัง.."เธอค่อยๆหลับตาของเธอลงทีละนิด 

"หวา~ หลับซะแล้วสิ"เสียงของแมรี่ในวัยเด็กได้พูดขึ้นก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบไป

ลมเย็นๆได้พัดผ่านไปและเสียงของใบไม้ได้ดังขึ้นเบาๆเสียงของลมที่พัดผ่านและเสียงของแมลงที่ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ นั้นทำให้ซิลเวียที่นอนอยู่ก็ได้เผลอหลับไป

ในที่ๆทุกอย่างล้วนมืดไปหมดก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"นี่ซิลเวีย ทางนี้ๆ"เสียงนั้นได้ดังขึ้นจากที่ไหนสักที่ซิลเวียได้พยายามหันไปมองรอบๆแต่ก็ไม่ได้พบอะไรนอกจากความมืดแต่แล้วก็ได้มีมือที่ส่องแสงจับมือของซิลเวียไว้และเมื่อเธอก้มลงไปมองก็ได้พบกับตัวเองในวัยเด็ก

"นี่ทำไมเธอถึงร้องไห้อยู่กันละ!?"เสียงของซิลเวียในวันเด็กได้พูดขึ้นกับซิลเวีย

ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ใช้มือแตะไปที่ใบหน้าของตัวเองและก็ได้พบว่าน้ำตาของตัวเองนั้สกำลังไหลออกมา

ซิลเวียในวัยเด็กก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง"อย่าทำหน้าเศร้างี้สิ~ แบบนี้ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ.. เธอต้องร่าเริงอยู่ตลอดเวลาสิ!"

ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ยิ้มขึ้นมาแม้มาว่าเธอจะร้องไห้อยู่ก็ตาม"ขอบคุณนะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้วละ!?"เธอได้หันไปพูดกับตัวเองในวัยเด็ก ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"ซิลเวีย"

ซิลเวียได้หันไปมองต้นทางของเสียงนั้นก็ได้พบกับแมรี่ในวัยเด็กตัวเธอเองนั้นก็ส่องแสงเหมือนกับ ตัวเองในวัยเด็ก ก่อนที่ตัวเธอในวัยเด็กจะพูดขึ้น

"ฉันต้องไปแล้วละ!! แล้วเจอกันใหม่นะ!"

"อืม..."

ซิลเวียในวัยเด็กได้ปล่อยมือของเธอออกและเดินไปหาแมรี่และจับมือของแมรี่ไว้ และหันหน้ามาหาซิลเวียและก็ได้ชูมืออีกข้างของเธอขึ้นและโบกมือลา ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้ยกมือขึ้นและโบกมือกลับไปและพูดขึ้น

"แล้ว...เจอกัน..."

ซิลเวียและแมรี่ในวัยเด็กได้เดินจากไปในความมืดแต่จู่ๆแสงก็ได้สว่างขึ้น ซิลเวียได้ตื่นขึ้นและก็ได้พบว่าแสงนั้นคือแสงของพระจันทร์ที่ส่องมาที่เธอ พระจันทร์เต็มดวงที่ส่องแสงยามค่ำคืนสวยงาม ซิลเวียได้พูดขึ้น

"พระจันทร์สวยจัง..."หลังจากที่เธอพูดจบก็ได้ข่มตาหลับอีกครั้ง

แต่จู่ๆก็ได้มีเสียงของแมรี่พูดขึ้น"นั้น..สินะ"

ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ลืมตาขึ้นและก็ได้พบกับแมรี่ ซิลเวียได้ตกใจมากและลุกขึ้นนั่ง และเธอก็ได้รู้ว่าตัวเธอเองนั้นได้นอนอยู่บนตักของแมรี่ ซิลเวียที่ได้เห็นแมรี่ก็ได้อึ้งอยู่สักพักก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นและเช็ดไปที่ตาของเธอ

"นี่เราฝันอยู่สินะ ฝันอยู่แน่ๆเลย"เธอได้เช็ดอยู่แบบนั้นแต่เธอก็ยังคงเห็นแมรี่อยู่จู่ๆแมรี่ก็ขำขึ้น

"อุ๊ป!! ฮึๆ เธอไม่ได้ฝันสักหน่อย"แมรี่ได้ขยับเข้ามาหาซิลเวียก่อนที่เธอจะเอามือของเธอกุมไปที่มือของซิลเวียและยกขึ้นมาจับไปที่ใบหน้าของตัวแมรี่เอง

"นี่นะตัวจริงต่างหาก.."

มือของซิลเวียได้สัมผัสไปที่หน้าของแมรี่ผิวที่นุ่มนิ่มของเธอและยังเย็นแต่จู่ๆก็ได้เริ่มอุ่นขึ้นและสีของใบหน้าเธอก็เริ่มแดงขึ้น 

แมรี่ก็ได้พูดขึ้น"นี่..จะ..จับอีกนานไหม.."แมรี่ได้สบตากับซิลเวียด้วยท่าทีที่เขินอายของเธอและใบหน้าของเธอที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ

ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้หน้าแดงขึ้นก่อนที่เธอจะปล่อยมือออกจากใบหน้าของแมรี่ด้วยท่าทีที่ลุกลี้ลุกลน

"ขะ-ขอโทษ!!"

ซิลเวียได้ก้้มหน้าหลบสายตาของแมรี่ก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

"นี่..ฉันได้ยินจากแม่บ้านว่าเธอออกเดินทางไปแล้วนี่...แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละ!?"

แมรี่ได้ขยับเข้ามาหาเธอและเอามือของเธอจับไปที่คางของซิลเวียเงยหน้าขึ้นทั้งสองคนได้สบตากันแมรี่ก็ได้พูดขึ้น

"จะให้ฉันไปได้ยังไงกันในเมื่อฉันไม่ได้เอาของที่สำคัญที่สุดไปด้วยนะ!?"

ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้หน้าแดงขึ้นก่อนที่เธอจะหลบสายตาของแมรี่และพูดขึ้น

"แล้ว...เธอได้ไปเอาของที่ว่านั้นหรือยังละ.."

แมรี่ได้ยิ้มขึ้นก่อนที่เธอจะพูดต่อ"แล้ว...เธอจะไปด้วยกันไหม"

ซิลเวียที่ได้ยินแบบก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันไปสบตาแมรี่อีกครั้งและก็ได้พูดขึ้นด้วยท่าที่ที่เขินอาย

"อะ-อื้ม...."

แมรี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้ขยับหน้าของเธอเข้ามาใกล้ซิลเวียมากขึ้นเรื่อย ซิลเวียที่ได้เห็นแบบนั้นจึงได้หลับตาลง 

แสงจันทร์ได้ส่องมาที่พวกเธออีกครั้งในตอนที่ทั้งสองได้จูบกัน ลมได้พัดใบไม้ปลิวไสวไปทั่วทั้งบริเวร ราวกับว่าต้นไม้ได้เป็นสักขีพยานให้กับพวกเขาทั้งสองคน 

แมรี่ได้พูดขึ้น"ฉัน..รักเธอนะ ซิลเวีย"เธอพูดด้วยทั้งน้ำตาที่แสดงออกถึงความดีใจและได้ยิ้มขึ้น

ซิลเวียที่ได้เห็นรอยยิ้มของแมรี่ก็ได้ยิ้มตอบกลับและก็ได้พูดขึ้น"อืม..ฉันก็รักเธอเหมือนกันแมรี่!!"ก่อนที่เธอจะพุ่งไปโอบกอดแมรี่ด้วยความดีใจ

"ฉัน..รักเธอแมรี่"

ณ ที่ๆห่างไกลจากผู้คน บ้านติดริมทะเล เสียงคลื่นได้กระทบฝั่งและลมทะเลที่พัดผ่านเป็นช่วงๆ ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

แป็ก! แป็ก!!

เสียงของขวานที่กำลังผ่าท่อนไม้เป็นสองท่อนก่อนที่จะมีเสียงผู้หญิงได้พูดขึ้น

"แมรี่ อาหารพร้อมแล้วนะมากินกัน"

แมรี่ได้ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้าของเธอออกและก็ได้หันไปหาเสียงของผู้หญิงคนนั้นและก็ได้พูดขึ้น

"อื้มมม... ฉันกำลังไป"เธอได้ปักขวานลงกับตอไม้และเดินเข้าไปหาซิลเวียที่ยืนอยู่และโอบกอดเธอไว้ก่อนที่จะพูดขึ้น

"แต่ก่อนที่กินข้าว ฉันขอกินเธอก่อนแล้วกัน"เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็ได้จูบกันและก็ได้ยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข

...

...

...สามารถตามไปอ่านใน RAW หรือ ธัญวลัย ได้นะ...

เรื่องที่ 2 อย่าร้องไห้สิคะ

ณ คฤหาสน์ตระกูล ไวโอเล็ต หญิงสาวผมยาวสีทองในชุดเดรสสีขาวคนหนึ่งกำลังนั่งมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง สายลมได้พัดผ่านเข้ามาหาเธออย่างเบาๆ ผ้าม่านได้ปริวไสว ทำให้เห็นถึงใบหน้าที่ งดงามของเธอที่ดูเหมือนเธอนั้นยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่แล้วในขณะที่เธอกำลังนั่งมองไปข้างนอกหน้าต่างนั้นก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ก๊อก! ก็อก!!

"นายหญิงได้เวลาตื่นนอนแล้วเพคะ ดิฉันขอเข้าไปนะเพคะ"เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งได้พูดขึ้นก่อนที่เธอนั้นจะเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวผมดำสนิทกับดวงตาสีม่วงราวกับอัญมณีในชุดเครื่องแบบทางทหารที่ดูสบายๆไม่ได้สวมชุดเกราะอะไรเยอะ เธอนั้นได้พกดาบของเธอไว้ข้างกายเสมอ

นายหญิงได้หันหน้าไปหาเธอและก็ได้พูดขึ้น"อรุณสวัสดิ์นะ มาเรีย"เธอได้แสดงออกด้วยท่าทีที่ร่าเริงในขณะที่เธอพูด

มาเรียที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้พูดขึ้น"อรุณสวัสดิ์เพคะ นายหญิงเซเรน่า"ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย

ว้า~ วันนี้มาเรียก็ยังหน้ารักเหมือนเคยเลยน้าา~ ฉันละดีใจจริงๆที่มีองค์รักษ์ที่น่ารักแบบนี้แถมเธอยังเป็นเพื่อนในสมัยเด็กอีก แต่ว่า...ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธอบาดเจ็บจากการฝึกมันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด

มาเรียนั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็กและยังเป็นองค์รักษ์ส่วนตัวของเซเรน่า และเธอนั้นยังเป็นนักดาบอันดับต้นๆของประเทศแต่เนื่องจากเธอถูกว่าจ้างจากตระกูลฉันให้มาเป็นองค์รักษ์ ทำให้เธอนั้นสูญเสียโอกาสที่จะได้ตำแหน่งนักดาบอันดับ 1 ของอาณาจักรไป 

"นายหญิงมองออกไปนอกหน้าต่างอีกแล้วงั้นเหรอเพคะ"มาเรียได้เดินไปยืนอยู่ใกล้ๆกับเซเรน่า

เซเรน่าที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้หันออกไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้งและก็ได้พูดขึ้น

"อื้ม.. วันนี้ลมเย็นสบายมากเลยละ."

มาเรียได้ก้มลงไปมองที่เซเรน่าก่อนที่เธอจะพูดขึ้น"งั้น...เราออกไปข้างนอกไหมเพคะ"

เซเรน่าได้เงยหน้าไปมองมาเรียก่อนที่เธอจะแสดงอาการที่ดีใจออกมาก่อนที่เธอจะพูดขึ้น"อื้ม ไปสิ!"มาเรียได้ลุกขึ้นหลังจากทีที่เธอพูดจบและวิ่งออกไปจากห้องไป แต่แล้วเธอก็โผล่หน้ามาและก็พูดขึ้นด้วยท่าทีที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

"นี่ มาเรีย เร็วสิไปข้างนอกกัน"

มาเรียที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดขึ้น"กำลังไปเพคะ"เธอได้เดินตามเซเรน่าไปยังข้างนอก

ณ ส่วนดอกไม้ เซเรน่าได้ออกมาเดินรับลมและเดินชมดอกไม้ในสวน ผีเสื้อได้บินมาเกาะดอกไม้ เซเรน่าได้ก้มลงมองอย่างช้าๆก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

"นี่มาเรียเธอจำได้หรือป่าว

"คะ?"

เซเรน่าได้หันไปสบตากับมาเรียและเธอก็ได้พูดขึ้น"ในตอนเด็กพวกเราสองคนมักจะมาเล่นที่สวนนี้อยู่บ่อยๆ ฉันจำได้เลยละในตอนที่เธอนั้นวิ่งไล่จับผีเสื้อเพื่อฉัน และเธอก็สะดุ๊ดล้มเข่าถลอก จนแม่บ้านดุยกใหญ่เลยละ!"เธอได้พูดด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน

มาเรียที่ได้ยินและเห็นสีหน้าแสนอ่อนโยนของเซเรน่าก็ไม่ได้ตอบอะไรกับไป เธอได้ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่เธอจะพยายามพูดขึ้น

"นะ-นั้น ส-"ในระหว่างที่เธอกำลังพูดอยู่นั้นเซเรน่าได้มีอาการไอออกมา เซเรน่าได้ใช้มือของเธอปิดปากและมีอาการไออยู่สักพัก มาเรียที่ได้เห็นแบบนั้นได้รีบเข้าไปหาเซเรน่าเพื่อดูอาการและได้พบว่าเธอนั้นกระอักเลือดออกมา มาเรียที่ได้เห็นแบบนั้นจึงได้ตะโกนขึ้น

"นี่!! มีใครอยู่ไหม!! ไปเรียกหมอมาที!!"

เมดที่อยู่แถวนั้นก็ได้รีบวิ่งไปตามหมอมาทันที

มาเรียได้พูดบอกเซเรน่าอย่างเป็นห่วง

"ทำใจดีๆนะเพคะนายหญิง!! อดทนอีกนิดนะเพคะ!!"มาเรียได้พยายามประคับประคองเซเรน่าไว้

เซเรน่าได้ยิ้มขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะพูด"อื้ม ขอบคุณนะมาเรีย..ที่คอยตามใจฉันอยู่ตลอดเวลา.."

มาเรียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้สะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น"ยะ-อย่าพูดเหมือนเธอกำลังจากไปแบบนั้นสิ..."

เซเรน่าได้ยิ้มขึ้นก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมา

"ฮะ ฮ่ะ ขอโทษท-"แต่เธอไม่ทันได้พูดจบเธอก็ได้มีอาการไอขึ้นอีกครั้ง

หมอและแม่บ้านได้วิ่งมาหาและดูอาการของเธอก่อนที่พวกเขาจะประคับประคองเธอและพาไปยังที่พัก

ณ ข้างในคฤหาสน์ มาเรียที่กำลังถือแก้วน้ำและกำลังเดินไปที่ห้องเซเรน่านั้นก็ได้หยุดเดินเพราะเธอได้ยินเสียงหมอกับคนรับใช้นั้นกำลังคุยกัน

"นะ-นายหญิงจะเป็นอะไรหรือป่าวคะคุณหมอ"เสียงแม่บ้านกำลังพูดคุยอยู่กับหมอ

หมอที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ส่ายหน้าของเขาก่อนที่เขาจะพูดขึ้น"อาการของคุุณหนูแย่มากเลยละ เธอคงอยู่ได้อย่างช้าที่สุดก็ประมาณ 1 เดือนแต่ถ้าในกรณีที่เลวร้ายเธออาจจะอยู่ได้แค่ 1 อาทิตย์ เฮ้อ..ถ้าเรามีวิธีรักษาโรคหัวใจของคุณหนูก็ดีนะสิ"

แม่บ้านที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ร้องไห้ออกมา

"คะ-คุณหนู ฮือ~"แม่บ้านได้ร้องไห้ออกก่อนที่เธอนั้นจะไปบอกเรื่องนี้ให้นายท่านและนายหญิงฟัง

มาเรียที่ได้ยืนฟังอยู่นั้นก็ได้เดินออกมาและเดินไปหาหมอที่ยืนอยู่ข้างหน้าห้องของเซเรน่าด้วยท่าทีที่เหมือนเธอนั้นไม่ได้ยินอะไร ก่อนที่เธอจะถามกับคุณหมอ

"อาการของเซเรน่าเป็นยังไงบ้างคะ"

หมอได้หันมามองเธอและก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าเล็กน้อย"เธอเหลือเวลาไม่มากแล้วละ..."

หมอได้หันไปเห็นสีหน้าของมาเรียมี่แสดงออกมานั้น แม้ว่าเธอจะทำหน้าเฉยเมยอยู่ตลอดเวลาแต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าข้างในเธอนั้นรู้สึกยังไง แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา

มาเรียได้เปิดประตูเข้าไปในห้องของเซเรน่าและเอาน้ำวางไว้ที่โต๊ะก่อนที่เธอนั้นจะเอาเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงและมองไปที่เซเรน่า ด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย แต่จู่ๆน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอได้เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอก่อนที่เธอนั้นจะจะเอื้อมมือทั้งสองข้างไปกุมมือของเซเรน่าและคอยนั่งเฝ้าเซเรน่าตลอดเวลาทั้งวันจนเธอนั้นเผลอหลับไป

มาเรีบที่ได้รู้สึกถึงลมเย็นที่พัดผ่านก็ได้ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นและก็พบว่าเซเรน่ากำลังนั่งมองออกไปข้างนอก ท้องฟ้ายามค่ำคืนและพระจันทร์เต็มดวงที่สวยงามแสงจันทร์ได้สาดส่องเข้ามายังภายในห้อง

ในขณะที่มาเรียที่กำลังจ้องมองไปที่เซเรน่าอยู่ด้วยนั้น เซเรน่าก็ได้หันมาสบตาเธอก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

"ตื่นแล้วหรอมาเรีย~"เธอได้พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มไปด้วย

มาเรียที่ได้เห็นเซเรน่ายิ้มเธอก็ได้แต่ก้มหน้าลงและก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าสร้อย

"ค่ะนายหญิง..."

เซเรน่าได้เอามือของเธอนั้นไปจับที่ใบหน้าของมาเรีย และเงยหน้าของเธอขึ้น ทั้งสองได้สบตากัน ก่อนที่เซเรน่าจะพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหัวไปด้วย

"ไม่ได้สิ ไม่เห็นต้องพูดเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้นี่นา ก็เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเด็กด้วยกันนี่....เพราะงั้นช่วยเรียกชื่อฉันเหมือนแต่ก่อนทีนะ..."

มาเรียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าเล็กน้อย"เธอนี่ขี้โกงชะมัดเลยนะ แม้ว่าเธอรู้ว่าตัวเองอยู่ได้อีกไม่นานแท้ๆแต่กลับยิ้มออกมาอย่างดีใจซะได้"จู่ๆเมื่อพูดจบน้ำตาของมาเรียก็ได้ไหลออกมา

"เธอนี่มันขี้โกงจริงๆ เซเรน่า ฮือ~”เธอได้ร้องไห้ออกมา แม้ว่ามาเรียจะพยายามเช็ดหรือพยายามที่จะหยุดร้องไห้เท่าไหร่แต่น้ำตาของเธอก็ยังคงไหลออกมา

เซเรน่าที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองข้างนอกหน้าต่าง"นี่มาเรีย เธอจำได้หรือเปล่า ความฝันในวัยของฉันนะ!?"

มาเรียได้ตอบกลับมาแม้ว่าเธอจะร้องไห้อยู่ก็ตาม"อื้มม~ จำได้สิ.."

เซเรน่าได้พูดต่อ"ฉันอยากเห็นความฝันนั้นเป็นจริงจัง ความฝันที่เธอนั้นจะขึ้นเป็นนักดาบอันดับ 1 ของอาณาจักรและมาขอฉันแต่งงานนะ..."เซเรน่าได้หันไปมองทีที่มาเรียและรอฟังคำตอบของมาเรียอย่างตั้งใจ

มาเรียที่ได้ยินแบบนั้นจู่ๆน้ำตาของเธอก็ได้หยุดไหล เธอนั้นก็ได้เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอออกและเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเซเรน่าด้วยรอยยิ้ม"อื้ม ฉันจะทำให้ความฝันของเธอนั้นเป็นจริงเอง...เพราะงั้นก่อนที่จะถึงวันนั้นได้โปรดช่วยรอฉันด้วยนะ.."

เซเรน่าได้ยิ้มขึ้นอย่างมีความสุขก่อนที่เธอจะพูดขึ้น"อื้ม ฉันจะรอนะ"สิ้นเสียงของเธอลมเย็นได้พัดเข้ามาผมสีทองของเธอนั้นได้พัดปริวไสวก่อนที่เซเรน่าจะพูดขึ้นพร้อมกับทำมือเกี่ยวก้อยสัญญา

"สัญญานะว่าเธอจะทำให้ความฝันของฉันเป็นจริง"

มาเรียที่ได้เห็นแบบนั้นจึงได้ยกมือของเธอขึ้นและไปเกี่ยวก้อยกับเซเรน่าก่อนที่เธอจะยิ้มขึ้นและพูดออกมาอย่างมีความสุข

"อื้ม สัญญาเลยละ!!"

โชคดีที่งานแข่งขันประลองดาบนั้นจะจัดขึ้นในอีก 3 วัน นั้นจึงทำให้มาเรียนั้นมีเวลาเตรียมพร้อมถึงจะไม่มากเท่าไหร่ก็เถอะ ตลอดการแข่งขันมาเรียได้ชนะคู่ต่อสู้ของเธออย่างง่ายดาย จนเวลาได้ผ่านไปจนถึงช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน ช่วงเวลานั้นก็ผ่านมาแล้วประมาณ 1 เดือนนิดๆ แต่เซเรน่านั้นก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ในศึกรอบชิงนั้นมาเรียได้เจอกับคู่แข่ง ที่สู้กับเธอได้อย่างสูสี การต่อสู้นั้นได้ดำเนินไปอย่างยากลำบากทั้งสองที่ประดาบกันก็ได้ถึงขีดจำกัดกันทั้งคู่ 

"แฮ่ก แฮ่ะ แฮะ"

ทั้งสองได้จ้องหน้ากันอยู่สักพัก เพราะนี่จะเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของพวกเขา แต่แล้วทั้งสองคนก็ได้พุ่งเข้าปะทะกันเสียงของดาบได้ดังขึ้น..

เพล้ง!! 

ผู้​ชมต่างพาก็ลุ้น​​​​​​ว่าใครกันจะชนะ แต่แล้วในขณะทั้งสองที่กำลังยืนหันหลังให้กันอยู่นั้นมาเรียก็ได้ล้มลงแต่เธอนั้นได้เอาดาบยันที่พื้นไว้ได้แต่แล้วก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ตุบบ!!

ร่างของคู่แข่งของมาเรียได้ล้มลงกับพื้นผู้คนที่ได้ดูอย่างเงียบๆอยู่นั้นก็ได้ต่างพากันดีใจและสงเสียงเรียกชื่อขอมาเรีย เสียงนั้นได้ดังไปทั่วทั้งสนาม มาเรียได้ลุกขึ้น และผู้ประกาศได้เดินมาเช็คคู่แข่งของเธอ และเดินจับมือของมาเรียชูขึ้น

"ผู้ชนะของการแข่งขันประลองดาบประจำปีได้แก่..'มาเรีย!!' "

เสียงตบมือและแสดงความยินดีได้ดังขึ้น มาเรียที่ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นและหันไปมองที่ๆเซเรน่ามักนั่งชมอยู่ตลอดทั้งสองคนได้สบตากันก่อนที่เซเรน่าจะทำท่าทางแสดงความยินดีด้วยแต่แล้วเธอก็กระอักเลือดขึ้น มาเรียที่เห็นแบบจึงได้พยายามที่จะไปหาเธอแต่เพราะร่างกายที่เหนื่อยล้าของเธอทำให้เธอล้มลง แม่บ้านและหมอที่อยู่ข้างๆเซเรน่าต่างพากันพาเซเรน่ากลับไปที่บ้านและรักษา มาเรียที่ได้เห็นแบบนั้นก็พยายามที่จะคลานไปหาเธอแต่แล้วสายตาของเธอค่อยๆจางลงและเธอก็สลบไป

เมื่อเธอตื่นขึ้นเธอก็รีบพุ่งไปหาเซเรน่าทันที แต่เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าห้องของเซเรน่าก็ได้พบกับคุณหมอและก็ได้ถามกับเขาด้วยท่าทีที่ร้อนรน

มาเรียได้เดินไปจับไหล่ทั้งสองข้างของคุณหมอ"เซเรน่าเป็นยังไงบ้าง!!"

หมอที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ทำหน้าเศร้าก่อนที่เขาจะพูดขึ้น"คุณหนูอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่นาน.. ที่เธอยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว...เพราะงั้นถ้ามีอะไรจะบอกคุณหนูก่อนที่เธอจะจากไปก็รีบบอกซะก่อนที่จะสาย"

มาเรียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ทำหน้าเศร้าออกมา ก่อนที่เธอนั้นจะปล่อยมือออกจากคุณหมอและเปิดประตูเข้าไปในห้อง เซเรน่าที่กำลังมองออกไปข้างนอกหน้าต่างนั้นก็ได้หันมามองมาเรียด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

"ขอบคุณนะมาเรีย..ที่รักษาสัญญา"

มาเรียที่ได้เห็นรอยยิ้มของเซเรน่านั้นทำให้เธอมีความสุขมากก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งบนเตียงข้างๆเซเรน่าและใช้มือข้างหนึ่งจับมือซ้ายของเซเรน่ายกขึ้นมา ก่อนที่เธอจะใช้มืออีกข้างหนึ่งของเธอนั้น หยิบแหวนมาสวมที่นิวนางของเซเรน่าและก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา

"แต่งงานกันนะ เซเรน่า!"

เซเรน่าที่ได้เห็นและได้ยินแบบนั้นก็ได้ยิ้มขึ้นอย่างมีความสุขและก็ได้โน้มตัวไปกอดมาเรีย

"อื้ม!! ขอบคุณนะมาเรีย"

มาเรียที่ได้ยินแบบนั้นน้ำตาของเธอก็ได้ไหลออกมาไม่หยุดในขณะที่เธอกำลังโอบกอดเซเรน่าไปด้วย

เซเรน่าที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้พูดขึ้น"นี่มาเรีย อย่าร้องไห้สิมันไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ เพราะงั้นอย่าร้องไห้เลยนะ"

นั้นเป็นคำพูดสุดท้ายที่เธอได้พูดไว้ก่อนที่เธอจะจากไปในวันต่อมา พิธีศพของเธอได้ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตจนเวลาได้ผ่านไปจนงานจบ มาเรียได้แต่ยืนอยู่หน้าหลุมศพของ เซเรน่า ทุกๆปีที่การแข่งขันประลองดาบจบลง มาเรียมักจะมาไหว้หลุมศพอยู่ตลอด จนเวลาได้ผ่านไป การประลองดาบประจำปี มาเรียได้สู้และชนะอีกครั้ง 

"ผู้ชนะการแข่งขันประจำปีได้แก่ มาเรีย!! ผู้ครอบครองอันดับ 1 อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานับ 7 ปี!!"

เสียงผู้คนต่างพากันยินดีให้กับชัยชนะของมาเรีย แต่หลังจบการแข่งขันมาเรียได้ไปไหว้หลุมศพอีกครั้ง เธอนั้นได้วางช่อดอกไม้หน้าหลุมศพของเซเรน่าก่อนที่เธอจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก

"นี่เป็น..เซเรน่า..ฉันได้อันดับ 1 อีกแล้วล่ะ..เซเรน่า.....ฉันอยาก..เจอเธอจริงๆ"หลังเธอพูดจบก็ได้ทรุดลงกับพื้นและร้องไห้ออกมาเสียงร้องไห้ของเธอได้ดังไปทั่วทั้งบริเวร

"ฮืออ~"

ก่อนที่จู่ๆจะมีเสียงเดินเข้ามาใกล้และเสียงนั้นก็ได้พูดขึ้น

"อย่าร้องไห้แบบนั้นสิคะไม่สมกับเป็นคุณเลยนะ"

มาเรียที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นและก็ได้พบกับเด็กสาวผมสีทองในชุดสีขาวที่คล้ายกับเซเรน่าและเด็กคนนั้นก็ได้ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอามือของเธอไปเช็ดน้ำตาให้มาเรีย

"อย่าร้องไห้สิคะ"

ตามไปอ่านใน RAW หรือ ธัญวลัย ได้น้า

เรื่องที่ 3 ผู้จัดการของฉันน่ารักที่สุดเลยค่ะ!

การมีความรักในวัยทำงานเนี้ยเป็นเรื่องยากจริงๆ

ฉันเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง รายได้ก็พอตัวเพียงแค่รายจ่ายช่วงต้นเดือนก็ทำให้ฉันกินมาม่าตลอดทั้งเดือนได้

จู่ๆ ผู้หญิงดวงตาสีฟ้าหม่นและผมของเธอสีดำยาว คนหนึ่งได้ตะโกนขึ้นมา"อ้ากกกก!!ทำไมชีวิตฉันต้องมาทำงานอะไรแบบนี้ด้วยเนี้-"แต่เธอยังไม่ทันได้พูดจบก็ได้มีผู้หญิงผมทองยาวสลวยคนหนึ่งได้ใช้สันหนังสือทุบลงไปที่หัวของเธอ

ตุบ!! "อัก!!"ผู้หญิงผมดำรู้สึกโกรธอย่างมากที่เธอนั้นโดนทุบเธอได้หันหน้าไปมองด้วยความโกรธแต่เมื่อเธอเห็นผู้หญิงผมทองคนนั้นความโกรธของเธอก็หายไปในทันที

"ผะ-ผู้จัดการ!!"เธอได้พูดขึ้นด้วยความตกใจก่อนที่ผู้จัดการคนนั้นจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เหมือนกับกำลังโกรธอยู่

"นี่..คุณ เรโกะ งานที่ฉันให้ไปทำเสร็จหรือยังคะ ถึงได้มานั่งบ่นแถมยังตะโกนเสียงดังรบกวนคนอื่นอีก"ผู้จัดการคนนั้นได้เริ่มขยับเข้าไปใกล้เรโกะมากขึ้น

เรโกะได้ครุ่นคิดขึ้น

อ้ากกกก!! ฉันจะโดนผู้จัดการจับกินแล้วว!! ไม่น้าา!! อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้มีแฟนก่อนที่จะตายก็ดี!!

ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นผู้จัดการได้ใช้มือยันที่โตะและพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว

"คุณ 'เร' 'โกะ' ไม่ได้ยินที่ฉันพูดงั้นเหรอคะ! "

เรโกะที่ได้เห็นแบบนั้นและไหนจะยังที่เธอโดนกดดันให้ติดโต๊ะแบบนี้เธอจึงได้ใช้ท่าไม้ตาย

"ขะ-ขอโทษ ค่า~ ฉันผิดไปแล้วค่า~ ได้โปรดอภัยให้ลูก..เอ่อ..ช้าง ไม่สิ ลูกเศรษฐีคนนี้ด้วยเถอะค่ะ!!"เธอได้ยกมือไหว้และก้มหน้าลง

ผู้จัดการที่ได้ยินคำแก้ตัวแบบนั้นของเรโกะก็ได้พูดขึ้น"ละ-ลูกเศรษฐีงั้นเหรอ ถ้างั้นคงไม่ต้องมาทำงานแล้วละมั้งคะเนี้ย งั้นเดี๋ยวฉันจะไปเอาใบลาออกมาให้นะคะ"เมื่อเธอพูดจบก็ได้เดินไปที่ห้องแต่แล้วเรโกะก็ได้กอดขาเธอไว้

"ขะ-ขอโทษค่า~ ฮือ~ ฉันจะกลับไปตั้งใจทำงานแล้วค่ะ เพราะงั้น...อย่าไล่ฉันออกนะคะ!! ช่วงนี้ข้าวของแพงผู้จัดการก็น่าจะรู้นี่คะ! ถ้าฉันโดนไล่ออกแล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย'ค่าบ้าน' 'ค่ากิน' 'ค่ารถ' เอ่อฉันไม่มีรถนี่นา....ไหนจะ 'ค่าเสื้อผ้า' 'ค่ามือถือ' แล้วก็-"ในขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้นผู้จัดการก็ได้พูดขึ้น

"ช่วย'หุบปาก'ทีเถอะค่ะ!! ถ้ายังไม่หยุดพล่ามอีกละก็.."เธอได้แสดงสีหน้าที่โกรธออกมาหลังจากที่พูดแบบนั้น

เรโกะที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบทันทีเรโกะได้เงยหน้าขึ้นไปสบตากับผู้จัดการแต่แล้วเมื่อเธอได้เห็นสีหน้าของผู้จัดการเธอก็ได้ครุ่นคิดขึ้น

ตายแหงตัวฉัน

ณ เวลาพักเที่ยง เรโกะ กำลังนั่งทำงานอยู่ด้วยความอดทน ในขณะที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ นั้นต่างพากันไปหาอะไรกินข้างนอกบริษัท เรโกะพยายามอย่างหนักเพื่อให้งานเสร็จแต่พอรู้ตัวอีกทีก็มืดซะแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจอีกอย่างก็คือ

ไหงทำไมถึงมีข้าวปั้นกับโคล่าอยู่บนโต๊ะฉันได้ละเนี้ย!? นี่เราตั้งใจทำงานจนไม่ได้สนใจคนรอบข้างหรืออะไรเลยงั้นหรอเนี้ย!! เอาเถอะใครเอามาให้ก็ไม่สำคัญหรอก ขอทานละนะคะ!!

เรโกะได้หยิบข้าวปั้นกับโคล่าขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนที่เธอจะครุ่นคิดขึ้น

ฮืมมม~ ทำไมข้าวปั้นกับน้ำโคล่าที่แสนธรรมดาถึงได้อร่อยขนาดนี้กันละเนี้ย~ สงสัยเป็นเพราะเราหิวมากแน่ๆ เลย

เธอได้ใช้เวลากินอยู่สักพักก่อนที่เธอจะยืดตัว

"ฮึบบบ!!"

หลังจากยืดตัวเสร็จเธอก็เริ่มที่จะเก็บของและเดินทางกลับบ้าน ในระหว่างทางนั้นเธอก็ได้ไปแวะร้านค้าเพื่อซื้อมาม่ามาไว้กินตอนดึก แต่เมื่อเธอออกมาจากร้านค้าเธอก็สะดุดตากับอะไรบางอย่าง

"นั้นมัน...ผู้จัดการนี่นา"เรโกะนั้นได้เห็นผู้จัดการกำลังเดินขึ้นรถของเธอก่อนที่เธอจะสตาร์ทรถและขับออกไป

ดะ-เดี๋ยวนะทำไมเธอถึงมาอยู่แถวๆ นี้ได้ละ!? คงไม่ใช่ว่า...บ้านเธออยู่ใกล้ๆ เรา..หรอกใช่ไหม!?

เรโกะได้เอามือทั้งสองข้างขึ้นมาและตบไปที่หน้าของตัวเองก่อนที่เธอจะเริ่มเดินกลับบ้านและครุ่นคิดขึ้นอีกครั้งในระหว่างที่เดิน

ไม่ๆ ผู้จัดการคงแค่บังเอิญผ่านมาเฉยๆ คงจะไม่...

เรโกะได้หยุดมองบ้านหลังหนึ่งอยู่สักพักก่อนที่สีหน้าของเธอจะเริ่มซีดลง

นะ-นี่มัน รถของผู้จัดการนี้นา!! อ้ากกกกก!! แล้วดันมาอยู่ติดกันด้วยเนี้ยนะ!!

ในขณะที่เธอกำลังหยุดครุ่นคิดอยู่นั้นผู้จัดการก็เดินออกมาจากบ้านพอดีเธอได้เดินไปที่รถและกำลังจะเปิดประตูรถแต่เธอนั้นก็ได้สังเกตไปเห็นเรโกะที่กำลังยืนอึ้งอยู่ ทั้งสองได้สบตากันอยู่สักพักก่อนที่ผู้จัดการจะทำหน้าเหมือนโกรธเธอขึ้นมาอีกครั้ง เรโกะที่ได้เห็นแบบนั้นก็เริ่มที่จะขยับขาของเธอทีละนิดและรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของเธอย่างรวดเร็ว เรโกะำได้ยืนอยู่หน้าประตูอยู่สักพักก่อนที่เธอจะทรุดลงกับพื้นและครุ่นคิดขึ้น

ตะ-ตายแหง!! ถ้าพรุ่งนี้ฉันไปต้องโดนผู้จัดการฆ่าแน่ๆ เลย ไม่น้าาาา!!

ณ วันรุ่งขึ้นที่บริษัทเรโกะได้เดินเข้ามาและนั่งที่โต๊ะของเธอ ผู้คนรอบข้างได้มองที่เธอและพากันซุบซิบ ก่อนที่จะมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ

"นี่เรโกะ เมื่อคืนไม่ได้นอนพักงั้นเหรอ!?"

เรโกะได้หันหน้าไปมองและก็ได้พูดขึ้น"อ้า~ รุ่นพี่ โมโมะ~ ขาขอน้วยหน่อยสิ"เรโกะได้เดินไปโอบกอดโมโมะและก็น้วยเธอโมโมะที่ได้เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ห้ามหรืออะไรเธอแถมยังคอยลูบหัวให้อีกด้วย

ว้า~ ผิวของรุ่นพี่โมโมะนี่ยังนุ่มเหมือนเดิมเลยแฮะ~ เมื่อคืนเราก็แทบจะไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำเพราะกังวลว่าจะโดนไล่ออกหรือเปล่า แต่ตอนนี้ก็ยังโอเคอยู่คง...ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง แถมยังได้เติมพลังงานจากรุ่นพี่โมโมะอีก อ้า~สบายจัง

ในขณะที่ทั้งสองกำลังโอ๋กันอยู่นั้นผู้จัดการก็ได้ยืนอยู่ข้างพวกเขาทั้งสองคนก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

"นี่พวกหล่อน ว่างกันนักหรือไงเอาเวลาไปทำงานที่ค้างไว้จะดีกว่าไหมฮ๊ะ!?"ผู้จัดการได้พูดด้วยสีหน้าที่โกรธจัด

เรโกะ และ รุ่นพี่โมโมะที่ได้เห็นแบบนั้นก็ถึงกับเหงื่อตก แต่แล้วสีหน้าของผู้จัดการก็เปลี่ยนไปก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

"เฮ้อชั่งเถอะ ถึงบอกไปสุดท้ายฉันก็ต้องเป็นคนทำทั้งหมดเองอยู่ดี แถมวันนี้ยังมีงานเลี้ยงของบริษัทอีก ฉันจะปล่อยไปสักวันก็แล้วกัน"เมื่อเธอพูดจบเธอได้ชายตามองไปที่มือของเรโกะที่กำลังโอบกอดโมโมะก่อนที่เธอจะเดินจากไป

...เมื่อกี้เธอมองมาที่ฉันหรือเปล่านะ

ในขณะที่เรโกะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นผู้คนรอบๆ ต่างพากันซุบซิบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแถมยังคุยกันเรื่องงานเลี้ยงอีก

รุ่นพี่โมโมะได้พูดขึ้น"เอ่อคือ...เรโกะจัง ปล่อยได้หรือยังจ๊ะ!?"เธอได้หันมาสบตากับเรโกะด้วยท่าทีที่ยิ้มแย้มปต่แฝงไปด้วยความอันตราย เรโกะที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้ปล่อยมือออก

จู่ๆ รุ่นพี่โมโมะก็ได้พูดขึ้น"ฮืม~ งานเลี้ยงงั้นเหรอถ้าจำไม่ผิด น่าจะมีบริษัทอื่นไปกับเราด้วยสินะ"

รุ่นพี่โมโมะได้เดินกลับไปทำงานของเธอในขณะที่เรโกะนั้นยังยืนอยู่กับที่และกำลังครุ่นคิด

งานเลี้ยงสังสรรค์ระหว่างสองบริษัทงั้นเหรอ ว้าว!! นี่มันต้องเป็นแบบในมังงะแน่เลยพบรักในงานเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัท!! นี่มันโอกาสที่จะได้มีแฟนละ!!

จู่ๆ ก็ได้มีเสียงผู้จัดการดังขึ้น

"เดี๋ยวเถอะเรโกะ จะยืนบื้ออยู่ตรงนั้นไปอีกนานแค่ไหนกันย๊ะ!!"

เรโกะได้ขนลุกเมื่อได้ยินแบบนั้นเธอจึงรีบกลับไปนั่งที่เธอและเริ่มทำงานทันทีแต่ในระหว่างนั้นเธอก็ได้ครุ่นคิดขึ้น

พบรักละ อื้มๆ พบรัก!!

ณ งานเลี้ยงสังสรรค์ระหว่างสองบริษัทหนุ่มหล่อรูปงามมากมายและยังมีสาวสวยที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ต่างพากันดีใจและตีสนิทคนในงานนั้น

แต่ไหง...ถึงไม่มีใครสนใจฉันเลยสักคนเล่า!! ยัยพวกนั้นมันดีกว่าฉันตรงไหนกัน!! บ้าเอ๊ยย!!

เมื่อเธอได้ครุ่นคิดเสร็จเธอได้ยกเหล้ากินจนหมดและได้เติมแล้วเติมอีก เพื่อคลายความเคลียดของเธอจนเวลาได้ผ่านไป ณ นอกร้าน เรโกะที่ได้ดื่มหนักนั้นก็ได้มีอาการเมาและเวียนหัวไปหมด

"อึก!! ดูท่าเราจะดื่มเยอะไปนิดไม่มีแรงเดินเลยแฮะ อึก!?"เธอได้ฟุบลงอยู่ข้างทางแต่ทันใดนั้นก็ได้มีผู้ชายสามคนเดินเข้ามาหาเธอ แต่เพราะเธอนั้นเมาภาพที่เธอเห็นนั้นจึงเบลอเป็นอย่างมากแต่เธอแน่ใจว่าตัวเธอนั้นในตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย

"เฮ๊ย~ สวยดิมีสาวมาเมาหมดสติแบบนี้ ปะพวกเรามีอะไรให้ทำละ"ชายทั้งสามได้หันมามองหน้ากันและกันก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปหาเรโกะ

ไม่นะตัวฉันขยับสิ!! ไอร่างกายเฮงซวยเอ๊ย!! ขอร้องละขยับทีเถอะ!!

ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นชายทั้งสามได้เข้ามาจับเธอแต่เธอนั้นก็พยายามดิ้นและตะโกนขอความช่วยเหลือจนหนึ่งในชายพวกนั้นได้ตบหน้าเรโกะและก็พูดขึ้น

เพลี๊ย!! "หุบปากของแกซะถ้าไม่อยากจะตายไว"

เรโกะที่โดนตบก็ได้สติกลับมาถึงจะไม่มากเธอทำได้แต่ครุ่นคิด

ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้กันด้วยละเนี้ย~ ฮือ~ ไอ้พระเจ้าบ้านั้นต้องใส่โชคร้ายมาให้ฉันเยอะมากในตอนที่มันสร้างฉันแน่ๆ เลย ฮือ~ จบแล้วชีวิตของฉัน~

เรโกะได้แต่มองพระจันทร์ในขณะที่เธอกำลังโดนอุ้มขึ้นรถอยู่นั้นจู่ๆ ชายหนึ่งในสามคนนั้นก็ได้ลอยผ่านหน้าของเรโกะไปก่อนที่จะมีเสียงพูดขึ้น

ตุบบ! "นะ-นังบ้านี่อยากตายหรือไงวะ เฮ๊ยไอ้ 3 ไหมเปล่า!!"ชายคนนั้นได้หันไปมองคนที่โดนเตะจนลอยแต่เมื่อเห็นคนนั้นไม่ขยับเลยสักนิดเลยจะหันกลับไปด่าคนข้างหน้า

"นังบ้านี่บังอา-"แต่เขาไม่ทันได้พูดจบก็โดนเตะเข้าที่ใบหน้าของเขาก่อนที่อีกคนจะชักมีดและวิ่งเข้าไปแทง แต่เพราะเรโกะเห็นแบบนั้นจึงได้ตะโกนขึ้น

"ระวัง! ชายคนนั้นมีมีด!!"

เฮื๊อก!! ตุบบ!!เสียงของชายคนนั้นได้ล้มลงกับพื้น

เรโกะด้วยความที่ยังไม่สร่างเมานั้นตาของเธอจึงเบลอหน่อยเธอพยายามตั้งสติก่อนที่เธอจะเห็นคนนั้นที่ช่วยเธอยืนมือออกมาเรโกะได้จับมือเธอนั้นและพยายามบุกขึ้นแต่เมื่อเรโกะได้เงยหน้าขึ้นก็ได้พบว่า

คะ-คนที่เราไว้ดันเป็นผู้จัดการซะได้!!

ผู้จัดการของเธอก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่แตกต่างไปจากเดิม"นี่เธอไม่เป็นนะ!? ไหวไหม? บาดเจ็บตรงไหน"แต่เธอยังไม่ได้พูดจบเรโกะนั้นก็ได้พุ่งเข้ามากอดเธอ ผู้จัดการที่เห็นแบบนั้นก็ได้ครุ่นคิดขึ้น

"เธอคงจะกลัวมากเลยสิ...ถ้าเรามาช้ากว่านี้เธอต้องแย่แน่ๆ เลย"

เรโกะได้ปล่อยมือของเธอออก และเอามือทั้งสองข้างของเธอกุมมือผู้จัดการไว้ก่อนที่เธอจะหันไปสบตาและพูดขึ้นว่า

"ได้โปรดช่วยคบกับฉันด้วยค่ะ!!"เรโกะได้พูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง

ผู้จัดการได้อึ้งอยู่สักพักก่อนที่หน้าของเธอจะเริ่มแดงขึ้นและท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนของเธอทำให้เรโกะที่ได้เห็นด้านนี้ของผู้จัดการนั้นก็ได้ตกหลุมรักเข้าอีกครั้ง

ผู้จัดการได้ตอบกลับด้วยท่าทีที่เขินอาย"ตะ-แต่ว่า ฉันเป็นผู้หญิงนะ..มันคงไม่"เธอไม่ทันได้พูดจบเรโกะก็ได้พูดขึ้นและขยับเข้ามาใกล้เธอ

"ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนเลยนี่คะว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่ฉันชอบก็เพราะเป็นคุณยังไงละคะ'ผู้จัดการ' "ผู้จัดการที่ได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเธอก็ได้แดงขึ้นยิ่งกว่าเดิมแต่แล้วในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เรโกะก็ได้ขยับเข้ามาใกล้และจูบเธอ ริมฝีปากของทั้งสองได้แนบติดกัน รสขมของเหล้าได้ผ่านเข้ามาผ่านทางริมฝีปากของเรโกะที่นุ่มนวล ต่างจากที่เห็นภายนอก ก่อนที่เรโกะนั้นจะพยายามสอดลิ้นของเธอเข้ามา

ผู้จัดการที่ไม่เคยมีความรักนั้นก็ได้ตกใจเป็นอย่างมากจนหน้าของเธอก็ได้เริ่มแดงขึ้นเพราะอาการเขินอายจนเธอนั้นก็ได้เป็นลมหมดสติไป เรโกะที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้กังวลอยู่สักพักและพยายามมองหารถของผู้จัดการและพาเธอกลับไปนอนที่บ้าน

ณ วันรุ่งขึ้นที่ บริษัท ผู้จัดการที่กำลังบ่นคนอื่นอยู่นั้นจู่ๆ เธอก็สังเกตไปเห็นเรโกะ และ ทั้งสองก็ได้สบตากัน เรโกะที่ได้เห็นแบบนั้นเลยแสดงท่าทางส่งจูบไปให้กับผู้จัดการ เธอที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้เขินจนหน้าแดงก่อนที่เธอจะเดินหนีไป

แหม่ๆ ผู้จัดการเนี้ยมีทั้งเท่และยังมีด้านน่ารักแบบนี้ด้วยสิน้า~ อืมม..จะว่าไปตอนนี้เราถือว่าคบกันอยู่หรือเปล่า....นะ?

อย่าลืมตามไปอ่านใน RAW หรือ ธัญวลัยด้วยน้า

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!