NovelToon NovelToon

บันทึกของรัก

บทนำ

บทนำ

“บันทึก...ตื่นหรือยังลูก”

น้ำเสียงนุ่มนวลที่ลอยตามลมมา เปรียบเสมือนปุยนุ่นแบบนี้ คงเป็นเสียงใครอื่นเป็นไม่ได้ นอกจากเสียงคุณยายผมเองฮะ

“ฮะ...ตื่นแล้วฮะ”

แย่แล้ว เปิดเรียนวันแรกของการเป็นเด็กมหาลัยก็จะสายแล้วหรอเนี่ย

งั้นผมขอแนะนำตัวเลยแล้วกันนะฮะ ผมชื่อบันทึก เพื่อนๆ ชอบบอกว่าผมเป็นคนซื่อ แต่ก็อาจจะจริงอย่างที่พวกนั้นบอกก็ได้ เพราะหลายๆ ครั้งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เพื่อนพูดจริงๆ นั้นแหละ และปกติผมจะเป็นคนที่ตรงเวลามาก แต่ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ไปเรียนมหาลัยเป็นวันแรก ทำให้เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย วันนี้เลยตื่นสายไปนิดนึง

หลังผมขานรับเสียงของคุณยายเสร็จ ก็รีบลุกขึ้นออกจากเตียง อย่างกับจรวจทันที แล้วเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัวด้วยความเร็วแสง และรีบวิ่งลงบันไดอย่างไวเพื่อไปกินข้าว

“มาแล้วฮะ คุณยาย แฮกๆ”

“ไม่ต้องรีบจนหอบขนาดนั้นก็ได้ลูก นั่งพักให้หายหอบก่อน ค่อยกินข้าวนะลูก เดี๋ยวสำลักเอา”

พอกินข้าวเสร็จ ผมก็รีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้ไปส่งที่มหาลัย แต่ปกติถ้าไม่ตื่นสายเหมือนวันนี้ ผมจะนั่งรถเมล์ไปเรียนเพราะมันประหยัดกว่าฮะ

“ไปไหนน้อง...” เสียงของพี่วินมอเตอร์ไซค์ ที่มาพร้อมน้ำเสียงกวนๆ และแฟชั่นส่วนตัวที่เป็นเอกลักษณ์ กางเกงขาเดปสีดำแต่งขาด เสื้อเเจ็คเก๊ตหนังสีดำรัดรูป และรองเท้าคอนเวิร์สแจ็คสีแดงสด

“ไปมหาลัย...ฮะ”

“โอเคร...งั้นขึ้นมาเลย รับรองถึงเร็วแน่นอน แค่กระพริบตาเดียวเท่านั้นน้อง”

“ค่อยๆ ไปก็ได้ฮะ” จริงๆ ผมก็รีบนะ แต่กลัวจะถึงโรงพญาบาลก่อนมหาลัยซะมากกว่า

ถึงจะบอกพี่วินแล้วนะว่าค่อยไปก็ได้ แต่เหมือนพี่วินจะไม่เจ้าใจคำว่าค่อยๆ ไป พอขึ้นรถยังไม่ทันจัดระเบียบการนั่งให้เข้าที่เลย พี่วินก็บิดแฮนด์รถด้วยความเร็วเกือบสุดแฮนด์ จนล้อแทบจะยกลอยฟ้าเลยทีเดียว

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ ผมถึงกับต้องท่องบทสวดนะโมตัสสะในใจและหลับตาเพราะความกลัว ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะช่วยได้ไหม แต่วินาทีนี้น่าจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยให้ลูกถึงมหาลัยปลอดภัยด้วยเทอญ...

.....

“น้องๆ ถึงแล้วจะให้พี่ไปส่งตึกไหน”

“ตึกคณะการบินฮะ”

พอบอกพี่วินจะไปตึกไหน แปปเดียวพี่วินก็มาส่งตรงหน้าคณะเลย พร้อมกับบอกราคาอันแสนแพงหนึ่งร้อยยี่สิบบาท ผมนี่ถึงกับอึ้งพูดไม่ถูกเลยฮะ นี่คงจะเป็นบทลงโทษของการตื่นสายสินะ ฮือออ...

“บันทึก”

เสียงผู้หญิงที่เรียกจากข้างหลัง พอหันไปมองตามเสียง ก็พบว่าเป็นไลค์ เพื่อนผมเองฮะ ไลค์เป็นคนที่พูดเพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน ผมยังไม่เคยได้ยินคำพูดหยาบคาย ออกมาจากปากของไลค์เลย แต่เชื่อไหมว่าไลค์เป็นคนไม่ยอมคนถ้าเจอสิ่งที่ไม่ถูกต้องจะไม่ยอมเด็ดขาด

“อ้าว ไลค์เองหรอ เราก็นึกว่าใคร”

“แค่ไม่เจอกันเดือนกว่าๆ จำเสียงเราไม่ได้แล้วหรอ”

“ป่าวซะหน่อย...แล้วเลโก้กับภู ยังไม่ถึงหรอ”

“บันทึก ไลค์”

เสียงผู้ชายสองคน ที่ตะโกนดังลั่น เรียกชื่อผมกับไลค์ แล้วก็วิ่งเข้ามาหาเราสองคน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าให้ทุกคนเดาก็น่าจะรู้แน่นอน ว่าสองเสียงนั้นเป็นของใคร

ใช่แล้วฮะ สองเสียงนั้นเป็นของเลโก้กับภูอย่างที่ทุกคนคิดนั่นแหละ

ซึ่งทั้งสองคนจะมีนิสัยที่ต่างกัน เลโก้จะเป็นผู้ชายที่ห่ามๆ ใจร้อนอยู่บ้าง ส่วนภูจะนิ่งๆ มาดสุขุม แต่ทั้งสองจะคอยซัพพอร์ตผมกับไลค์ตลอด และคอยปกป้องเวลาที่มีคนมาพูดจาไม่ดีกับผมด้วย ซึ่งสำหรับผมเวลาที่อยู่กับพวกเขาสองคนเปรียบเสมือนมีเกราะป้องกันเลยก็ว่าได้

“พูดถึงก็มาเลยนะ”

“ขอโทษครับ...คุณบันทึก”

เลโก้พูดกับผมด้วยน้ำเสียงทะเล้นแบบกวนๆ ส่วนภูก็หัวเราะเบาๆ ในมาดคุณชาย ส่วนผมกับไลค์ก็อดที่จะขำตามภูไม่ได้

“อ้อ...ไลค์ ตอนเรานั่งรถมาเห็นพี่รักอยู่กับผู้หญิงคนนึง ดูสนิทกันด้วย แฟนพี่รักหรอ”

ภูถามไลค์ด้วยความสงสัย ส่วนผมก็ได้ยินโดยปริยาย ซึ่งผมก็ฟังอย่างเงียบทำตัวนิ่งๆ และไม่ออกความคิดเห็น หรือสอดแทรกความคิดใดๆ ลงไประหว่างการสนทนาแม้แต่คำเดียว

“ไม่รู้สิ เดี๋ยวตอนเที่ยงก็ถามเอาเองแล้วกัน พี่รักจะกินข้าวด้วย”

“ตอนเที่ยง พี่รักจะมากินข้าวด้วยจริงหรอ...”

ผมนี่พูดเสียงเบาเลย เพราะว่าพี่รักหรือพี่ชายแท้ๆ ของไลค์ เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบผมซักเท่าไหร่ ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุนั้นเหมือนกัน

“อืม...ไม่ต้องกังวลนะ เราไม่ให้พี่รักทำอะไรบันทึกแน่นอน”

“อื้ม...ขอบใจนะไลค์”

“งั้นพวกเราขึ้นเรียนกันเหอะ”

เสียงชวนของเลโก้ที่ดัง เพื่อหวังตัดอารมณ์ความรู้สึกกังวล ของผมแต่ใครจะไม่รู้สึกกังวลกันละ เวลาที่ต้องอยู่กับคนที่เขาไม่ชอบเรา แต่ก็ชั่งเหอะน่ะเป็นไงเป็นกัน

.....

“เย้ๆ เรียนเสร็จซักที หิวข้าวจะแย่อยู่แล้ว”

“เรียนแค่สองชั่วโมงเองนะเลโก้ ตอนเช้าไม่ได้กินข้าวมาหรอ”

“บันทึกพูดผิดแล้ว ต้องใช้คำว่า (ตั้ง) ไม่ใช่ (แค่) ”

“เอาที่สบายใจเลยจร้า... บันทึกยังกังวลเรื่องนั้นอยู่มั้ย”

จะตอบไลค์ยังไงดีนะ จะให้ตอบว่ากังวลคงไม่ได้ ไลค์ต้องลำบากใจแน่เลย งั้นผมคงต้องตอบว่าไม่ถึงจะโอเครใช่ไหมเนี่ย เอางั้นก็ได้เพื่อความสบายใจของเพื่อนแม้เราจะต้องอึดอัดก็ตาม

“เรา...โอเครแล้ว”

“ถ้าอย่างงั้นเราไปกันเลยดีกว่า เพราะเราก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”

ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปที่ศูนย์อาหารของคณะ ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก มีความคิดหลายอย่างแล่นเข้าสมองของผม จนหัวของผมแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วฮะ

“ถึงซักที ว่าแต่พี่รักนั่งอยู่ตรงไหนนะ…อ้อนั่นไง”

พอได้ยินเสียงนั่นไง สายตาของผมก็มองตามไปที่นิ้วของไลค์ที่กำลังชี้ไปที่พี่ชายของเขา ดูสายตาคู่นั้นสิถึงคนอื่นจะรู้สึกเป็นมิตร แต่สำหรับผมมันตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง

“สวัสดีครับ”

เสียงทักทายที่ผมพูดกับพี่เขาแต่กลับได้รับการเมินใส่ ซึ่งในขณะเดียวกันที่เลโก้และภูพูดเขากลับพูดตอบรับว่าครับและยิ้มกลับ เป็นไงล่ะฮะ นี่แค่เริ่มต้นในการที่จะนั่งร่วมโต๊ะกันนะ แล้วต่อจากนี้จะอึดอัดขนาดไหนเนี่ย

“เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงพวกเราเอง ถือเป็นการแสดงความยินดีที่พวกเราโตขึ้นอีกขั้นแล้ว”

พี่เขารวมเราด้วยหรือเปล่านะ สงสัยแต่ผมไม่กล้าถามหรอกฮะ

“เลี้ยงทุกคนใช่ไหมคะพี่รัก”

ไลค์ถามย้ำกับพี่ของเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งผมเข้าใจวัตถุประสงค์ของการที่ไลค์ถามแบบนั้น คงถามให้แน่ใจว่ารวมผมด้วย

“พี่บอกจะเลี้ยงทุกคนก็คือทุกคน แม้จะอยากเว้นบางคนก็ตาม”

น้ำเสียงและสายตาที่ไม่พอใจ บวกกับคำที่พูดออกมานั้นรับรู้ได้เลยว่าพี่เขาหมายถึงผมแน่ๆ

หลังจากสิ้นเสียงพี่เขา ไลค์ก็หันหน้ามาแล้วก็เอามือมาจับมือผม พร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อยช้าๆ ความหมายน่าจะประมาณว่าไม่เป็นไรนะ ซึ่งผมก็ตอบกลับโดยการยิ้มให้พร้อมกลับและพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ แสดงให้เห็นว่าผมไม่เป็นอะไร

ในระหว่างกินข้าว เลโก้ได้พูดโต้งถามพี่รักถึงเรื่องที่ภูเห็นเมื่อตอนเช้าในเรื่องผู้หญิงที่อยู่กับพี่เขา

“พี่รักผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”

“ได้ดิ ถามอะไรอ่ะ”

“ผู้หญิงที่อยู่กับพี่ตอนเช้า แฟนพี่หรอครับ”

“คนอย่างพี่แค่มองผู้หญิงก็เดินมาแล้ว พี่ไม่ยกสถานะแฟนให้ใครง่ายๆ หรอก”

พี่เขาพูดด้วยความภาคภูมิใจในความมีเสน่ห์ของตัวเองสุดๆ

โห...พี่เขากล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ไงเนี่ย ผมนี่อึงเลยฮะ ทำไมเจ้าชู้จังถ้าผู้หญิงคนนั้นมาได้ยินคงเสียใจมากแน่ๆ ผมได้แต่นึกในใจ

“ขอบคุณนะฮะ สำหรับอาหารมื้อนี้”

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ผมก็ได้พูดขอบคุณพี่เขา แต่ได้รับการตอบกลับโดยการมองหน้าผมด้วยสายตานิ่งๆ แล้วกรอกสายตาไปทางอื่นพร้อมถอนหายใจ หลังจากเห็นท่าทางที่พี่เขาทำ ผมถึงกับหน้าหงอยเลยฮะ

กลับจากศูนย์อาหาร ผมยังออกจากความรู้สึกซึนๆ หน่วงๆ กับคำพูดและท่าทาง ที่เขาทำใส่อยู่เลยฮะ

....

สวัสดีคะเป็นอย่างไรกันบ้างคะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราแต่งเลยคะ ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยนะคะ

.....

บทที่1 สิ่งที่ไม่คาดคิด

บทที่1 สิ่งที่ไม่คาดคิด

...

“สวัสดีคะนักศึกษา” คำทักทายจากอาจารย์พร้อมกับเริ่มทำการสอน ตลอดระยะเวลาสามชั่วโมง...

หลังจากสอนจบอาจารย์ได้พูดสอบถามแบบไม่เจาะจงขึ้นมา“นักศึกษาทุกคนเข้าใจใช่มั้ย ถ้าเข้าใจแล้ววันนี้เลิกคลาสได้คะ ไว้เจอกันอาทิตย์หน้าอีกที”

“เย้…เลิกเรียนแล้ว ไปไหนกันดี”

“เราต้องรีบกลับบ้านไปเตรียมงานวันเกิดอ่ะเลโก้”

“วันนี้วันเกิดไลค์หรอ”

“เปล่าหรอกภู วันเกิดเราพรุ่งนี้ แต่เราต้องไปเตรียมของจัดงานไว้ก่อนอ่ะ”

“เราอยากให้บันทึกไปงานวันเกิดเราด้วยนะ”

หลังจากไลค์ตอบคำถามภูเสร็จ ก็หันหน้ามาทางผมแล้วชักชวนไปงานวันเกิด แล้วผมจะตอบยังไงดีนะ ถ้าไปต้องเจอพี่รักแน่เลย แต่ถ้าไม่ไปไลค์จะรู้สึกอย่างไรล่ะ

ผมเริ่มคิดหนักเลยฮะ แต่ก็คิดในใจว่าไม่เป็นไรหรอก เขาก็อยู่ส่วนเขาเราก็อยู่ส่วนเรา ต่างคนต่างอยู่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

“ได้สิ เดี๋ยวเราไป”

เห้ย…ที่พูดออกไปแน่ใจแล้วหรอเนี่ย แต่ถ้าพี่เขาเข้ามาพูดจาไม่ดีกับเราอีก ผมจะถามพี่เขากลับตรงๆ เลยฮะ ว่าทำไมถึงต้องไม่ชอบผม ก็หวังว่าผมจะกล้าพูดมันออกไปนะ

“ดีใจจังเลย ที่บันทึกจะมางานวันเกิดเรา งั้นเดี๋ยวเราไปรับเอง”

“ไม่ต้องมารับหรอกไลค์ เดี๋ยวเราไปเองก็ได้”

“ไม่ได้หรอก บันทึกเป็นแขกวีไอพีของเรานิ”

“เอ่อ...งั้นก็ได้ฮะ”

ผมพูดตอบตกลงด้วยน้ำเสียงเบาๆ เพราะถึงผมจะปฏิเสธอย่างไร ไลค์ก็ไปรับผมอยู่ดี

“คนอะไรทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี”

“จริงแก หน้าหล่อเหมือนเทพปั้นนิสัยก็ดี นี่มันเทพบุตรลงมาจุติชัดๆ”

ระหว่างนั่งรอรถเมล์กลับบ้านที่หน้ามหาลัย ผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกำลังพูดถึงพี่รัก โดยคำที่พูดออกมานั้นล้วนแต่เป็นคำชื่นชมทั้งนั้น ผมไม่ได้จะแอบฟังนะฮะ แค่บังเอิญนั่งใกล้จนได้ยินเท่านั้นเอง

แต่ก็นั้นแหละผมอยากจะบอกกับพวกเขาเหลือเกิน ว่าสิ่งที่คุณคิดผิดแล้วละ จริงๆ แล้วคนที่คุณกำลังชื่นชมอยู่ที่จริงแล้วเป็นปีศาจต่างหาก

“รถมาแล้วมึง ป่ะ”

เสียงของนักศึกษาที่อยู่ข้างๆ ผมคนหนึ่งที่พูดกับเพื่อนด้วยโทนเสียงปกติ พร้อมลุกไปขึ้นรถ ซึ่งผมก็เดินตามเขาขึ้นไปด้วยเช่นกัน เพราะเป็นรถเมล์สายทางผ่านบ้านผมฮะ

ถึงซะที ทางเข้าบ้านแห่งความสุขของผม เห้อ...แต่ยังต้องเดินเข้าไปอีกนะฮะ ทำไมวันนี้มันเหนื่อยขนาดนี้เนี่ย

“กลับมาแล้วฮะคุณยาย”

“เป็นอย่างไรบ้างลูกเรียนวันแรก สนุกไหม”

“ไม่สนุกเลยฮะ เหนื่อยมากกว่า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะเบาๆ ของคุณยาย

“อ้อ...วันพรุ้งนี้บันทึกไปงานวันเกิดเพื่อนนะฮะ”

“แล้วจะไปอย่างไรล่ะลูก”

“เดี๋ยวเพื่อนมารับฮะ”

พอพูดกับคุณยายเสร็จผมก็เดินขึ้นข้างบนบ้านไปที่ห้องนอน เพื่อที่จะอาบน้ำ แล้วค่อยกลับลงไปกินข้าว

“โอ้ย...เหนื่อยจัง แค่วันแรกของการไปเรียนก็เหนื่อยขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย”

ผมนั่งบนเตียงนอนพร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบาๆ จากนั้นลุกไปหยิบผ้าขนหนูสีชมพู แล้วเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ในห้องเพื่ออาบน้ำ พออาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวแล้วรีบเดินลงบันไดไปกินข้าวด้วยความหิว

“หอมจังเลยฮะ กำลังทำอะไรอยู่หรอฮะ”

“ยายกำลังทำผัดไข่ใบเหลียง ของโปรดหลานอยู่ไงจ๊ะ”

“งู้ย...รักคุณยายที่สุดในโลกเลยฮะ”

“ทำเป็นพูดไป พอมีแฟนก็คงลืมยายแล้วมั้ง”

คุณยายพูดทำนองแซวๆ ผมคิดในใจใครกันจะมาชอบคนอย่างผม พอกินข้าวเสร็จผมก็กลับขึ้นห้อง แล้วคิดว่าจะเอาอะไรให้เป็นของขวัญวันเกิดไลค์ดี

งั้นเขียนโปสการ์ดเป็นของขวัญให้ดีกว่า หลังจากได้ไอเดียของขวัญ ผมก็รีบหยิบกระดาษเริ่มวาดรูปการ์ตูนผู้หญิงระบายสีเป็นอันดับแรกต่อด้วยเขียนบรรยายคำอวยพร แล้วทำซองใส่

“เสร็จแล้ว”

ผมพูดด้วยความภูมิใจเพราะผมตั้งใจที่จะทำของขวัญชิ้นนี้มาก หวังว่าไลค์จะชอบนะ

เสียงแชทดังขึ้นจากโทรศัพท์

[ไลค์ :บันทึกเราขอแผนที่บ้านหน่อย]

[บันทึก : ...แผนที่...]

[ไลค์ :โอเคร เดี๋ยวพรุ้งนี้เดี๋ยวรับไปรับ 16.00น. นะ]

[บันทึก :โอเคร]

[ไลค์ :สะดวกใช่มั้ย]

[บันทึก :สะดวก]

[ไลค์ :งั้นเราไม่รบกวนแล้ว ฝันดีนะ]

[บันทึก :อื้ม ฝันดีเหมือนกันนะ]

หลังจากคุยแชทเสร็จ หนังตาผมก็รู้สึกเหมือนจะปิด เลยเดินมาที่นอน วางโทรศัพท์บนโต๊ะโคมไฟข้างๆ เตียง ปิดไฟแล้วเอนตัวลงนอนทันที

เช้าแล้วหรอเนี่ย สบายจังไม่ต้องรีบไปเรียน…

ตามสัญชาตญาณผมตื่นนอนเองโดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก พอตื่นแล้วก็ลุกออกจากที่นอน เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ

“บันทึกตื่นแล้วลงมากินข้าวนะลูก”

คุณยายเรียกผมลงไปกินข้าวเช่นเคยฮะ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปกินข้าวตามตามเสียงเรียกของคุณยาย

“แล้ววันนี้ไปงานวันเกิดเพื่อนกี่โมงละ”

“สี่โมงเย็นฮะ”

“แล้วจะกลับดึกมั้ยละ ยายจะได้ทำกับข้าวไว้รอ”

คุณยายพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงผม

“ไม่รู้เลยฮะ คุณยายไม่ต้องทำกับข้าวไว้รอหรอก บันทึกน่าจะอิ่มจากที่งานแล้วละฮะ”

“อ่อ แล้วก็ไม่ต้องรอบันทึกนะฮะ ขึ้นนอนตามปกติได้เลย เดี๋ยวบันทึกเอากุญแจไปด้วย”

หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็มาช่วยคุณยายปั้นลูกชุบเอาไว้ขายที่ตลาดนัดแถวบ้าน คุณยายไม่ชอบอยู่เฉยๆ ชอบหาอะไรทำตลอดเพราะครั้งหนึ่งผมเคยถามว่าทำไมถึงไม่พักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ ซึ่งทุกเดือนแม่ก็จะส่งเงินมาให้อยู่แล้ว คำตอบที่ได้จากคุณยายคือท่านบอกว่าสิ่งที่ทำให้คนแก่อย่างยายมีความสุขได้ นอกจากลูกกับหลานแล้วก็เห็นจะมีแต่ลูกชุบนี่แหละนับตั้งแต่วันนั้นผมเลยไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย อะไรที่เป็นความสุขของคุณยายมันก็คือความสุขของผมด้วย

“วันนี้วันเสาร์นี่หน่า ปกติคุณยายจะขายแค่จันทร์พุธศุกร์หนิ ทำไมวันนี้ถึงปั้นลูกชุบละฮะ”

“ก็วันนี้วันเกิดเพื่อนบันทึก ยายก็เลยจะทำลูกชุบไปฝากเพื่อนหนูด้วย”

“อ๋อ...เข้าใจแล้วฮะ”

การทำลูกชุบนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ทำเสร็จก็ปาไปจะสี่โมงเย็นแล้วเรารีบไปอาบน้ำเตรียมตัวก่อนดีกว่าเดี๋ยวไลค์มารับ จะได้ไม่ต้องรอเรา แต่ตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีสี่โมงแล้ว จะทันไหมเนี่ย

“ปี้นๆๆ ...”

เสียงบีบแตรที่ดังสนั่น ไลค์มาถึงแล้วหรอแต่ทำไมต้องบีบแตรเสียงดังด้วย

รอก่อนนะไลค์ เรากำลังรีบสุดชีวิตอยู่ กางเกงก็ยีนส์ใส่ยากจริงๆ ทำไมต้องมายากเวลาที่กำลังรีบด้วยเนี่ย

คุณยายเมื่อได้ยินเสียงบีบแตรที่ดังสนั่น ก็เดินออกมาดูว่าใครกันที่มาบีบแตรเสียงดัง พอเดินออกมาดูก็เห็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดียืนกระวนกระวายท่าทางดูเหมือนหงุดหงิด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศที่ร้อนหรือเปล่า

“ขอโทษนะหนู ใช่คนที่จะมารับบันทึกหรือเปล่าจ๊ะ”

“ใช่ครับ นี่บ้านบันทึกหรอครับ”

ชายหนุ่มคนนั้นตอบคุณยายด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แฝงไปด้วยความไม่พอใจนิดๆ

“งั้นเข้าบ้านก่อนเถอะลูก ข้างนอกอากาศร้อน” พูดเชิญเสร็จก็เปิดประตูให้ชายหนุ่มคนนั้นเข้ามาในบ้าน

“นั่งก่อนนะลูก เดี๋ยวยายขึ้นไปตามบันทึกให้”

“ครับ” คำพูดตอบรับคำเดียว พร้อมท่าทางนิ่งๆ

เมื่อสิ้นสุดบทสนทนาคุณยายก็ได้ขึ้นมาตามผม “บันทึกเตรียมตัวเสร็จหรือยังลูก เขามารอแล้วนะ”

“บันทึกเสร็จหรือยังลูกเขามารอแล้วนะ”

“เสร็จแล้วฮะ” พูดเสร็จผมก็รีบเปิดประตู ซึ่งเจอคุณยายยืนอยู่ข้างหน้า เลยเดินลงไปพร้อมกับคุณยาย

พอถึงชั้นล่างผมถึงขั้นตกใจกับสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น เพราะคนที่มารับไม่ใช่ไลค์แต่เป็นพี่รัก

“ลงมาได้แล้วหรอ รอตั้งนาน”

“ทำไม…”

ผมยังไม่ทันจะพูดจบประโยค พี่เขาก็พูดแทรกขึ้นมาว่า ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้นแหละจะไปกันได้หรือยัง

“เดี๋ยวก่อนบันทึก เอาขนมไปด้วยสิลูก”

“อ้อ เกือบลืมเลยฮะ” ผมรับขนมจากคุณยายและรีบเดินตามพี่รักไปขึ้นรถ

แอร์บนรถที่เย็นบวกกับรังสีอำมหิตของเขาทำให้ความรู้สึกของผมในรถคันนี้เหมือนอยู่คั่วโลกเหนือ

นั่งรถมาได้สักพักรถก็จอดลงหน้าบ้านหลังหนึ่ง แต่ไม่ได้ดับเครื่องพี่รักก็ไม่ได้ลงจากรถ

“ถึงแล้วหรอฮะ”

ผมถามด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีคำตอบใดตอบกลับมา พี่เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดโทรออกเบอร์ใครซักคนหนึ่ง บอกว่าถึงแล้วออกมาได้เลย ผมเลยเข้าใจทันทีว่าคงมารับคนที่อยู่บ้านหลังนี้ หลังจากที่เขาวางหูไปแค่แป็ปเดียว ก็มีผู้ชายหนึ่งคนเดินออกมาจากในบ้านตรงมาเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ แล้วพี่รักก็เริ่มออกรถทันที

“ใครว้ะ แฟนใหม่หรอว้ะ” เสียงผู้ชายคนที่เดินออกมาจากในบ้าน พูดด้วยความสงสัยและแซวในพร้อมกัน

“กูไม่นิยมของแปลก พวกมึงหุบปากไปเลย”

คำพูดที่พี่รักพูดออกมาเหมือนเขาเอาเข็มมาทิ่มผม มันทำให้ผมรู้สึกทั้งอายทั้งโกรธในเวลาเดียวกัน ซึ่งมันทำให้ผมเสียความรู้สึกกับพี่เขามากๆ

“เห้ยมึงพูดแรงไปหรือเปล่าว้ะ กูแค่พูดแซวนิดเดียวเอง”

“เออ…พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้น้องโดนมันว่า”

พี่คนที่พูดแซวกล่าวขอโทษผม แต่ผมไม่ได้โกรธพี่คนที่แซวหรอกฮะ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนว่าผม

“แล้วน้องชื่ออะไรหรอครับ พี่ชื่อลมนะ”

“อ่อฮะ ผมชื่อบันทึก เป็นเพื่อนไลค์”

ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับพวกพี่ลมที่ขึ้นรถมาใหม่ สีหน้าพี่รักก็ดูไม่พอใจ พยายามรบกวนไม่ให้เพื่อนของเขาคุยกับผม โดยการเปิดเพลงเสียงดังผมเลยต้องหยุดบทสนทนากับเพื่อนของเขา แล้วนั่งเงียบๆ เหมือนเดิม

ตลอดระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า อยู่ดีๆ รถก็ค่อยๆ ชะลอพร้อมกับเปิดไฟเลี้ยว ประตูรั้วหน้าบ้านบานใหญ่ค่อยๆ เปิดออกโดยอัตโนมัติ ข้างหลังประตูบานใหญ่ที่เปิดออกมาเป็นบ้านหลังโตที่มีสระน้ำ ผมรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นมาก

นี่มันบ้านในฝันเราเลยชัดๆ บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ นี่คือครั้งแรกที่ผมมาบ้านของไลค์

“ถึงแล้วหรอฮะ” ผมถามพี่รักอีกครั้ง แต่น่าจะที่นี่แหละตามความคิดผม เช่นเคยอย่างที่ทุกคนคิดนั้นแหละเขาไม่คิดจะตอบคำถามผมหรอก นอกจากจะไม่ตอบผมแล้วยังดับเครื่องรถแล้วลงไปเลย

“ใช่แล้วครับลงเถอะ”

พี่ลมพูดตอบผมแทน ซึ่งคนตอบควรจะเป็นคนที่ผมถามต่างหากถึงจะถูก แต่ก็นะผมเริ่มชินบ้างแล้วล่ะฮะ

บทที่2 ตบหัวแล้วลูบหลัง

บทที่2 ตบหัวแล้วลูบหลัง

...

หลังจากนั้นผมก็ลงจากรถ และเดินตามพี่รักเข้าไปในบ้านข้างนอกว่าสวยแล้วข้างในสวยกว่าอีก

“บันทึก...”

ไลค์เรียกผมพร้อมแนะนำผมกับพ่อแม่ ผมยกมือไหว้พร้อมพูดสวัสดีและเอาขนมที่คุณยายทำยื่นให้แม่ของไลค์ พูดบอกว่าเป็นของฝากจากคุณยาย

หลังเอาขนมให้แม่เสร็จ ไลค์ก็จูงมือผมไปที่สระน้ำข้างบ้านพร้อมถามผมว่าเป็นอย่างไรบ้างพี่รักทำอะไรให้หรือเปล่า และกล่าวขอโทษที่ไม่ได้ไปรับด้วยตัวเองโดยให้เหตุผล ยังจัดเตรียมของไม่เสร็จเพราะอยากลงมือทำเองเลยช้า ผมบอกกลับไปว่าไม่เป็นไรพร้อมยิ้มให้

“เดี๋ยวบันทึกหาอะไรกินก่อนเลยนะ เราขอไปดูคนอื่นๆ ก่อนนะ”

“ได้ ไลค์ไปเถอะ”

ผมมองไปรอบๆ เห็นอาหารที่เรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด ทั้งบาร์บีคิว ข้าวผัด สปาเก็ตตี้และอื่นๆ อีกเยอะแยะ

ว้าวอาหารน่ากินจัง บาร์บีคิวดูท่าทางน่าจะอร่อย ลองชิมดีกว่า

ผมหยิบบาร์บีคิวมาใส่จานสองไม้ แล้วหยิบหนึ่งไม้กัดเข้าปากแต่ยังไม่ทันจะเคี้ยวเสร็จก็มีเสียงพูดลอยมาจากข้างหลัง กินให้คุ้มนะ ผมค่อยๆ หันไปมองพบว่าคือพี่รัก

“หยุดกินทำไมละ กินเยอะๆ จะได้คุ้ม”

“พี่รักหมายความว่าอย่างไรหรอฮะที่ว่าคุ้ม”

“ก็ที่มางานไม่ใช่เพื่อมากินอย่างงั้นหรอ ถ้าตั้งใจมางานวันเกิดเพื่อนตัวเองจริงก็ต้องมีของขวัญมาให้เจ้าของวันเกิดด้วยสิ”

ผมเงียบไม่ตอบอะไรพี่เขากลับ หันหน้ากลับวางจานบาร์บีคิวลงแล้วเดินเข้าไปในบ้านหาไลค์ทันที เพื่อจะให้การ์ดและขอตัวกลับทันที

“แม่ฮะไลค์อยู่ไหนหรอฮะ”

“อืมไปไหนแล้วนะ เมื่อกี้แม่ยังเห็นเดินอยู่แถวนี้อยู่เลย”

“เออติ๋มเห็นเจ้าไลค์มั้ย”

คุณแม่ถามหาไลค์กับคุณป้าแม่บ้านให้ผม ซึ่งคุณป้าแม่บ้านได้บอกมาว่าเพิ่งเห็นเดินขึ้นไปข้างบนน่าจะอยู่ในห้อง แล้วหันมาถามผมว่าจะไปมั้ยคะเดี๋ยวป้าพาไป ผมตกลงแล้วเดินตามคุณป้าแม่บ้านขึ้นไปข้างบน

“ถึงแล้วคะ ถ้างั้นป้าไปก่อนนะ”

“ฮะ ขอบคุณนะฮะที่พามา”

ผมเคาะประตูเรียกพอไลค์ได้ยินเสียงผมก็เปิดประตูออกมา

“อ้าวบันทึกเองหรอ เข้ามาก่อน”

“ไลค์เราขอกลับก่อนนะ อ่อเรามีของขวัญมาให้ด้วย เราทำเมื่อคืนนี้อ่ะอาจจะไม่ได้สวยมากนะ”

“หูย…ขอบคุณมากเลยนะอุตส่าห์ทำเองเลย แค่ซองก็สวยแล้วเดี๋ยวเราเปิดอ่านตอนหลังเป่าเค้ก”

ไลค์พยายามพูดอ้อนให้ผมอยู่ต่อ เห็นสายตาที่มองมาที่ผมเพื่ออ้อนวอน เลยทำให้ผมใจอ่อนอยู่ต่อตามที่ไลค์ขอ

“แล้วทำไมบันทึกถึงอยากขอกลับก่อนละ มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าหรอกไลค์ เราแค่…รู้สึกไม่ค่อยสบายแค่นั้นอ่ะ”

“บันทึกไม่สบายหรอ”

ไลค์แสดงอาการเป็นห่วงผมมาก บอกให้ผมนอนลงบนเตียง บอกผมรอแป็ปนึงนะเดี๋ยวไปเอายามาให้ และก็ลงไปเลยโดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ

ระหว่างที่ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงก็มีเสียงคนเปิดประตูเข้ามา ผมเลยบอกออกไปว่าเดี๋ยวนอนพักซักแป็ปก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เพราะคิดว่าไลค์คงเอายามาให้ พอลุกนั่งและหันกลับไปมองพบว่าไม่ใช่ไลค์

แต่เป็นคุณป้าแม่บ้าน พร้อมถามแน่ใจหรอคะ งั้นป้าวางยาไว้ตรงนี้นะคะ เพื่ออาการไม่ดีขึ้นจะได้ทานยา แล้วมีอะไรเรียกป้าได้เลยนะคะ

“อ่อ ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวพักซักแป็ปก็ดีขึ้นแล้วฮะ”

ผมทำเป็นนอนต่อ คุณป้าแม่บ้านก็เดินออกไป ยังไม่ถึงห้านาทีก็ได้ยินเสียงเปิดประตูอีก

ไลค์มาแล้วแน่เลย ผมพูดเหมือนตอนแรกที่พูดกับคุณป้าแม่บ้านเลยฮะ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลยลุกแล้วมองแล้วหันไปเหมือนเดิม พบเป็นพี่รักมองมาด้วยสายนิ่งเย็นชาแล้วบอกผมว่าเลิกแสดงได้แล้ว ถึงคนอื่นจะดูไม่ออกแต่ผมดูคุณออก

“ถามจริงเถอะทำไมต้องทำตัวแอ็บแบ๊วด้วย ไม่อึดอัดหรอ ผมรู้นะว่าตัวตนคุณไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนเห็น”

“อ่อ แล้วจะบอกอะไรให้นะ สิ่งที่ทำอยู่สำหรับผมถ้ามันเหนื่อยก็เป็นตัวเองเหอะ เห็นแล้วอึดอัดแทน”

คำพูดที่ออกมาจากปากพี่รักทำให้ผมรู้สึกโกรธมาก

“หรอฮะ ขอบคุณนะฮะที่บอก แต่ก่อนที่พี่จะว่าใครก็ควรรู้จักคนนั้น ให้ดีซะก่อน”

คำพูดและเสียงของผมที่บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่โกรธมากๆ

ในขณะที่ในห้องเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นของผมกับพี่รัก ไลค์ก็เปิดประตูเข้ามา ผมเดินไปหาไลค์แล้วบอกขอตัวกลับก่อนนะและรีบเดินออกทันที

“เดี๋ยวก่อนสิบันทึกมีอะไรอีกหรือเปล่าทำไมเปลี่ยนใจไม่อยู่อีกแล้วละ”

“ไม่มีอะไรหรอก ให้เรากลับเถอะนะ”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ

“งั้นก็ได้ให้เราไปส่งมั้ย”

“ไม่เป็นไรถ้าเจ้าของวันเกิดไม่อยู่ใครจะเป่าเค้กละ”

หลังพูดจบผมก็ลงบันไดและเดินออกจากบ้านแล้วเดินเท้าจากบ้านไลค์เพื่อที่จะกลับ

“พี่รักทำอะไรบันทึกเนี่ย ทำไมถึงเปลี่ยนใจกลับบ้านอีกแล้วละ บอกมานะ”

“ก็ดีแล้วนิคนอะไรมางานวันเกิดเขาแต่ไม่เอาของขวัญอะไรมาเลยกะจะมากินอย่างเดียว เลิกคบได้ก็เลิกคบนะคนแบบนี้อ่ะ”

“พี่รักรู้ได้ไงบันทึกไม่เอาของขวัญมาให้ไลค์”

ไลค์เดินไปหยิบโปสการ์ดที่ผมทำ แล้วชูให้พี่รักดู

“นี่ไงของขวัญที่บันทึกให้ไลค์ รู้มั้ยว่าการที่ให้โปสการ์ดที่เขียนถึงความรู้สึกที่ออกมาจากใจเพื่อมอบให้ใครซักคนเป็นของขวัญเนี่ย มันสื่อถึงความจริงใจกว่าการซื้อของซะอีก”

ไลค์ผิดหวังกับพี่รักจริงๆ ปกติพี่จะเป็นคนที่มีเหตุผล ไม่ตัดสินคนที่ภายนอกแต่กับบันทึกพี่กับโคตรไม่มีเหตุผลเลยรู้ป้ะ ไลค์พูดด้วยความผิดหวังกับการกระทำของพี่ตัวเอง

ระหว่างกำลังเดินอยู่ฟ้าก็มืดตั้งเค้ามาผมคาดการณ์ว่าอีกซัก

ครู่ฝนคงจะตก จะมีอะไรแย่อีกมั้ยเนี่ยวันนี้

หลังเดินจนมาถึงป้ายรถเมล์ฝนก็ตกลงมาพอดี โชคดีนะเนี่ยที่ผมถึงป้ายรถเมล์ก่อนไม่งั้นเปียกแน่นอน

ฝนตกหนักมากจนผมมองไม่เห็นเลยว่ารถที่กำลังมาเป็นสายอะไร ขณะรอยิ่งนานฝนก็ตกแรงขึ้นเรื่อย พร้อมลมที่พัดมาทำให้ผมหนาวขึ้นมาทันที แต่อยู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าป้ายรถเมล์

มีผู้ชายกางร่มและค่อยๆ เดินจากรถมาทางผม ยิ่งใกล้ยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ผมตกใจเล็กน้อยเพราะ คนที่ออกมาจากสายฝนที่ตกกระหน่ำจนแทบมองมาเห็นแม้แต่รถที่แล่นบนถนน คนนั้นคือพี่รัก ผมสงสัยหลังจากตกใจขึ้นมาทันทีว่าพี่เขามาทำไม

“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

น้ำเสียงที่ได้ยินต่างไปจากทุกครั้ง ดูปกติไม่เย็นชาและมีความนุ่มนวลเบาๆ ด้วย

“ไลค์ให้มาหรอฮะ ไม่ต้องลำบากไปส่งผมหรอกฮะ เดี๋ยวผมกลับเองได้”

“เปล่าพี่มาเองไลค์ไม่ได้บอกพี่หรอก”

“ไม่อ่ะฮะ ผมจะกลับเอง”

ผมยืนยันที่จะกลับเอง พูดจบพี่เขาก็มานั่งข้างผมและบอกว่าได้ งั้นพี่นั่งเป็นเพื่อนจนกว่าเราจะขึ้นรถเมล์ ผมไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้จริงๆ เมื่อไม่นานมานี้ยังด่าว่าผมแอ็บอยู่เลย มาตอนนี้กลับมาทำเป็นดีด้วย

“น่าจะรอนานเลยนะฝนตกแรงขนาดนี้ เขาคงจอดพักที่ป้ายอื่นอยู่แหละ”

“งั้นพี่ก็กลับก่อนสิฮะ จะมานั่งรอทำไม”

“ก็พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะรอเราขึ้นรถไปก่อนถ้าเรายืนยันที่จะกลับเอง”

เสียงจามดังพร้อมกับมีอาการจมูกบี้ๆ เหมือนหายใจไม่ค่อยสะดวก

พี่รักเหมือนเริ่มไม่ค่อยสบายเลย เราจะเอาไงดีเนี่ยถ้าดื้อไม่ไปกับเขา พรุ้งนี้เขาต้องนอนซมไม่สบายแน่นอน

“พี่รักฮะ บันทึกตัดสินใจให้พี่ไปส่งก็ได้ฮะ”

อยากจะโกรธเขานะ แต่พอเห็นอาการแบบนี้แล้วโกรธไม่ลงจริงๆ กลับสงสารสะมากกว่า

หลังยอมให้พี่เขาไปส่งผมก็ขึ้นซึ่งพี่เขากางร่มเดินไปส่งผมขึ้นก่อนแล้วตัวเองค่อยเดินขึ้น ระหว่างทางพี่เขามีอาการคัดจมูกไอและจามตลอดทาง อาการน่าเป็นห่วงมาก

พอถึงบ้าน ผมรู้สึกสงสารพี่เขาจัง ที่พี่เขาเป็นแบบนี้เป็นเพราะผมหรือเปล่านะ ทำให้เขาโดนละอองฝนจนทำให้เป็นแบบนี้ ผมเลยตัดสินใจชวนพี่เขาเข้าบ้านเพื่อพักกินชาก่อน ดูพี่เขาไม่น่าจะขับรถกลับไหว

“พี่รักฮะ ลงไปดื่มชาก่อนมั้ยฮะ ดูพี่ไม่ค่อยสบาย ฝืนขับรถจะอันตรายเอานะฮะ”

“ไม่เป็นไร พี่ขับไหว”

“แต่บันทึกดูไม่น่าไหวนะ ถ้าพี่ไม่ลงบันทึกก็ไม่ลงจากรถพี่เหมือนกัน”

พี่รักมองหน้าผม ทำสีหน้าคิดทบทวนคำพูดของผม ก่อนที่จะตอบรับคำชวนของผม

พอเข้ามาในบ้านก็พบกับคุณยายที่นั่งรอที่เก้าอี้ไม้โยกตัวโปรด เมื่อคุณยายเห็นพี่รักก็ถามขึ้นมาคำแรกว่าไม่สบายหรือเปล่าลูก แล้วบอกให้พี่รักนั่งลงที่โซฟาก่อน จึงจูงมือผมไปที่ห้องครัวเพื่อชงชาคาโมมายล์ให้พี่รักดื่ม มันช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอจามลดน้ำมูก จากนั้นผมก็นำมาให้พี่รักดื่ม

“ดื่มชาคาโมมายล์ก่อนสิฮะ จะได้รู้สึกดีขึ้น เดี๋ยวบันทึกไปเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้พี่รักก่อนนะฮะ”

“เตรียมให้พี่ทำไมอ่ะ”

“คุณยายให้พี่รักอาบน้ำที่นี่ก่อนอะฮะ ท่านบอกว่าถ้าไม่รีบอาบน้ำจะป่วยไม่สบายกว่าเดิม”

พอพูดเสร็จผมก็เดินขึ้นห้องไปเตรียมชุดให้พี่รัก ผ้าขนหนูผมมีผืนใหม่อยู่แต่แต่เสื้อกับกางเกงนี่สิ พี่รักจะใส่ได้มั้ยนะตัวผมเล็กกว่าพี่เขาอยู่ประมาณหนึ่ง ผมลองหาเสื้อและกางเกงที่ดูใหญ่กว่าปกติ

งั้นเอาชุดนี้แล้วกัน เป็นเสื้อยืดสีชมพูฟรีไซส์กางเกงนอนลายการ์ตูนสีฟ้าอ่อนที่คุณยายซื้อให้ผมแต่มันผิดไซส์ เขาจะโอเครหรือเปล่านะก็มีแค่ชุดนี้อ่ะที่พี่เขาน่าจะใส่ได้

“บันทึกลูกเปิดประตูให้ยายหน่อย ยายพาพี่เขามาอาบน้ำ”

“ฮะคุณยาย” ผมเปิดประตูออกแล้วเห็นคุณยายกับพี่รักหน้าประตู สีหน้าพี่รักดูงงๆ เล็กน้อย คุณยายพูดฝากดูแลพี่เขา แล้วก็ขอตัวไปนอนก่อนเฉยเลย

ทำไมคุณยายทำกับบันทึกแบบนี้เนี่ย!! ผมนี่ทำตัวไม่ถูกเลยฮะได้แต่เชิญพี่เขาเข้ามาในห้องก่อน

“เข้ามาก่อนสิฮะพี่รัก”

“อ่อ...ครับ” เสียงพูดที่กระตุกและท่าทางเหลอหลาเล็กน้อย ตามด้วยเดินเข้ามาในห้องผม

“ห้องน่ารักดีนะ”

เมื่อกี้นี้คือคำชมใช่มั้ยหรือผมหูฝาดไปเอง คนอย่างพี่เขาพูดอะไรที่ดีๆ เกี่ยวกับผมเป็นด้วยหรอ ทำไมผมรู้สึกดีแปลกๆ กับคำพูดเมื่อกี้ของเขานะ

“ขอบคุณฮะ อ้อผมเตรียมชุดไว้ให้อยู่ในห้องน้ำแล้วฮะ ห้องมันไม่ได้ใหญ่เหมือนที่บ้านพี่ ลำบากนิดนึงนะฮะ”

“อืมไม่เป็นไรครับพี่อาบได้ อ้อ...แล้วก็ขอบคุณด้วยนะที่เตรียมชุดให้พี่ งั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดเสร็จเขาก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!