The Great Truely Lord
ปฐมบท ตกสู่โลกมนุษย์
ฟ้าดินเปลี่ยนสี สวรรค์แปรปรวน พลังวิญญาณแตกซ่าน....
ท่ามกลางเศษซากของสนามรบอันโหดร้าย ร่างในชุดคลุมสีดำยืนนิ่ง ท่ามกลางซากศพกองพะเนินสูงเสียดฟ้า ใต้เท้าในบ่อเลือดสีแดงสด เปรียบดั่งมหาสมุทรสีแดงฉาน...
เทพอมตะซงหลิว
ยอมแพ้เสียฟางอวินโม่ วันนี้ข้าเป็นตัวแทนของคนทั้งพิภพ เพื่อมาลงโทษเจ้า!!!
น้ำเสียงของชายวัยกลางคน ที่อัดแน่นไปด้วยความกราดเกรี้ยวดังสนั่นไปทั่วผืนฟ้า พร้อมกับปรากฏร่างเงาพร่ามัวมาจากหมู่เมฆ
เทพอมตะหยง
ยอมแพ้เถอะปีศาจเฒ่า เจ้าไม่มีทางรอดแล้ว ส่งมอบแก่นวิญญาณกาลเวลามาซะดีๆ
เงาพร่ามัวร่อนลงมาจากหมู่เมฆ พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยคุณธรรมสูงสุด ดวงตาสีทองคู่นั้นมองอย่างเหยียดหยันลงมาเบื้องล่าง
เทพอมตะซวน
พวกเจ้ามัวพูดพร่ำเพ้อไปเพื่ออะไร? รีบไปชิงแก่นวิญญาณกาลเวลามาได้แล้ว!!!
เสียงของสตรี ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจดังสะท้านไปทั่ว พร้อมปรากฏร่างเงาขึ้นจากความว่างเปล่า ปิดทางหนีทีไล่ของอีกฝ่ายจนหมด
ฟางอวินโม่
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!! ข้าก็คิดว่าเหตุใดเทพอมตะปลอมๆอย่างพวกเจ้าจึงลงมายังสวรรค์เบื้องล่าง เป็นเพราะแก่นวิญญาณกาลเวลาที่ข้าบ่มเพาะขึ้นมานี่เอง น่าขัน!!!
เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังกึกก้องไปทั่วสวรรค์ คลื่นออร่าสีแดงเลือดอมดำ แพร่ขยายไปทั่วบริเวณ ราวกับสุริยคราสที่กลืนกินทุกแสงสว่าง เงาทั้งสามแค่นเสียงอย่างเย็นชา มองไปยังร่างนั้นอย่างไม่พอใจ
ฟางอวินโม่
ถ้าอยากได้นักก็มาเอาสิ!!!
ฟางอวินโม่แสยะยิ้ม ที่อาบไปด้วยเลือดแดงฉาน พร้อมขยับฝ่ามือเรียกนาฬิกาคริสตัล ที่อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณอันโบราณ ที่ราวกับว่ามันมาจากโบราณกาล
เทพอมตะซงหลิวคำรามลั่น พร้อมทั้งเรียกแก่นวิญญาณของตนออกมา ปลดปล่อยการโจมตีจนสวรรค์พิภพสั่นสะเทือน!!!
แต่คล้ายจะลงมือช้าเกินไป เข็มของนาฬิกาคริสตัลเริ่มขยับถอยหลัง เสียงของเข็มดังคริก สั่นสะเทือนวิญญาณของสรรพชีวิต
ในขณะที่แม่น้ำกาลเวลาคล้ายหยุดนิ่ง กระแสเรียกทวนกลับ โซ่โปร่งใส่ก็พุ่งออกมาจากความว่างเปล่า รัดร่างของฟางอวินโม่อย่างไม่คาดฝัน
เทพอมตะซวน
คิดหรอว่าข้าไม่ได้เตรียมตัวมา? เอาหล่ะยอมแพ้เสียปีศาจเฒ่า ส่งมอบแก่นวิญญาณกาลเวลามาซะ..
ร่างเงาพร่าเลือนของสตรีแสนยั่วยวน ร่อนลงมาลอยเหนือพื้นดิน พร้อมค่ายกลแกนวิญญาณ ที่สร้างโซ่สวรรค์คุมขังฟางอวินโม่ไว้อย่างอยู่หมัด เพียงขัดขืนวิญญาณก็จะถูกฉีกกระชาก แล้วถามว่าเขากลัวหรือ? คำตอบคือไม่!!!
เขาคือผู้บ่มเพาะเส้นทางปีศาจ จนสวรรค์และโลกหวั่นเกรง ต่อให้ตายเขาก็ไม่เสียใจ!!
ฟางอวินโม่
ฮ่าฮ่าฮ่า!!! คิดว่าแค่นี้ข้าจะกลัวงั้นหรือ? เจ้าคิดตื้นไป!!!
ฟางอวินโม่หัวเราะดุจปีศาจร้าย ถ่ายเทพลังวิญญาณ ใช้งานแก่นวิญญาณกาลเวลา โดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของวิญญาณตนเลย
เทพอมตะหยง
หยุดเดี๋ยวนี้!!!
เทพอมตะหยงเรียกแกนวิญญาณ สร้างเป็นดาบวิญญาณขนาดมหึมา ฟาดลงมาใส่ฟางอวินโม่
แต่มันสายไปแล้ว ในขณะที่แม่น้ำแห่งกาลเวลาไหลทวนกระแส สรรพสิ่งก็หยุดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆย้อนกลับไปยังจุดเดิม สีหน้าของทั้งสามภายใต้เงาอันเลือนลางซีดเผือด การกระทำทุกอย่างค่อยๆย้อนกลับหลัง
ฟางอวินโม่
ฮ่าฮ่าฮ่า!! พวกเจ้ามันโง่เง่า!! เทพอมตะหรอ!? พวกเจ้าก็แค่ของปลอม!!! เบิกตาดูให้ดีนี้คืออำนาจที่เทียบเคียงกับระดับ 9 แก่นวิญญาณกาลเวลา!!!
แม้ทั้งสามจะโกรธเกรี้ยวที่ถูกดูหมิ่น แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงมองดูภาพตรงหน้าอย่างไร้อำนาจ พวกเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับ 8 ไม่อาจเทียบเคียงอำนาจของแก่นวิญญาณระดับ 9 ได้เลยแม้แต่น้อย
ฟู้ม!!!! เกิดประกายแสงเจิดจ้าทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า แม้แต่ร่างของฟางอวินโม่ยังหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย
เทพอมตะซงหลิว
จบแล้ว....ทุกอย่างจบแล้ว อีกไม่นานเทพปีศาจจะถือกำเนิด...พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้ว
ภูเขาเอื้อมจันทร์ เมื่อ 1000 ปีก่อน
ฟางอวินโม่
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! สำเร็จ!! ข้าทำสำเร็จ!! ข้าได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อ 1,000 ปีก่อน!
ชายหนุ่มในชุดเก่าโทรม ลุกขึ้นยืนแหงนหน้ามองจันทร์สีเงินบนฟากฟ้า ด้วยสีหน้าปิติอย่างล้นพ้น รอยยิ้มฉีกกว้างน่าสยดสยอง ดวงตาสีดำไร้ความรู้สึกคู่นั้น เสมือนบ่อน้ำโบราณคล้ายจะเรืองแสงสีแดงอันเลือนลาง
ฟางอวินโม่
รากฐาน แก่นวิญญาณ แกนวิญญาณ ตบะของข้าหายไปหมด ไม่เป็นไรเพียงความทรงจำนับพันปีของข้า ก็มากพอแล้ว รอก่อนเถอะ ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์พิภพขัดขวาง ข้าฟางอวินโม่ จะกลายเป็นอมตะ!!!
ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นฟ้า คล้ายพยายามคล้ายดวงจันทร์ลงมา ครานี้จะไม่มีใครแย่งชิงอะไรจากเข้าไปได้อีก ครานี้จะไม่มีใครขวางเขาได้ ครั้งนี้เขาจะกลายเป็นอมตะ!!!
ตอนที่ 1 ผู้เกิดใหม่
ป่าไม้รกทึบ ท่ามกลางเวลายามค่ำคืนอันวังเวง
ร่างของชายหนุ่มในชุดเก่าโทรม
กำลังยืนอ้าแขนรับแสงจันทร์ ด้วยรอยยิ้มที่ยากจะอธิบาย
ฟางอวินโม่
ข้าคิดถึงเจ้าเหมือนกัน ภูเขาเอื้อมจันทร์....
ชายหนุ่มพึมพำด้วยเสียงราบเรียบ ผิดจากวัยของเขาอย่างสิ้นเชิง
เขากำมือก่อนจะแบออก ทำอย่างงี้ซ้ำอยู่สองสามครั้ง
ฟางอวินโม่
เมื่อพันปีก่อน ข้าอ่อนแอเพียงนี้เลยหรือ....
ฟางอวินโม่พูดอย่างไร้อารมณ์ ภายในน้ำเสียงอัดแน่นไปด้วยความเย็นเยือก
เขาขยับสายตามองไปรอบตัว พยายามจะรื้อฟื้นความทรงจำของตนเอง
ดวงตาสีดำราบเรียบไร้ประกาย
ไม่ต่างอะไรจากดวงตาของคนตายก็มิปาน
ดวงตาคู่นั้นมองไปรอบตัวสักพักก่อนเขาจะนึกอะไรออก
ฟางอวินโม่
ถ้าข้าจำไม่ผิด คืนนี้คงเป็นคืนที่ข้าถูกตระกูลหลง จับตัวไปสินะ ไม่เลว....แต่ช่างเป็นเวลาที่ย่ำแย่จริงๆ
ชายหนุ่มกวาดสายตา พร้อมทั้งแง่หูฟังเสียงรอบข้าง แม้การกระทำจะดูจริงจัง แต่ใบหน้านั้นราบเรียบ คล้ายทุกอย่างตกอยู่ในการควบคุมของตน
แกรก!! เสียงของบางสิ่งเหยียบกิ่งไม้แห้งดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มให้ขยับสายตาไปเหลือบมอง
เพียงไม่นานร่างกำยำในชุดคลุมผู้บ่มเพาะวิญญาณ ก็เดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาเปล่งประกายมองชายหนุ่มขึ้นลง ราวกับตนค้นพบทองก้อนโต
ฟางอวินโม่เองก็มองสำรวจอีกฝ่ายขึ้นลง ก่อนจะจดจำอีกฝ่ายจากความทรงจำอันยาวนานได้
ผู้บ่มเพาะ
ฮ่าฮ่า เจ้าหนูมากับข้าซะดีๆ
อีกฝ่ายหัวเราะอย่างชั่วร้าย มองชายหนุ่มอย่างละโมบ แม้วันนี้จันทร์สีเงินจะสาดแสง แต่แสงอันน้อยนิดนั้น ก็ไม่อาจสัมผัสร่างของชายหนุ่ม ที่ถอยร่นไปอยู่ใต้เงามืด
ฟางอวินโม่
ท่านเป็นใคร!? ท่านตามข้ามาทำไม!? ขอหล่ะข้าเป็นเพียงเด็กที่ยากจนธรรมดาๆเท่านั้น!!
ชายหนุ่มแสดงท่าทีหวาดกลัว เอาแผ่นหลังชิดลำต้นด้านหลัง ดวงตาที่เคยไร้ประกาย ถูกอาบชโลมด้วยความตื่นตระหนก
ผู้บ่มเพาะผู้นั้นชะงักเล็กน้อย ก่อนจะไอกระแอมเสียง เปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน
ผู้บ่มเพาะ
ขอโทษที ข้าคงทำหน้าตาน่ากล้วเกินไป ข้าคือผู้บ่มเพาะตระกูลหลง เหตุผลที่ข้าไล่ตามเจ้ามา เพราะตระกูลหลงของเรา ต้องการเด็กรุ่นใหม่จำนวนมาก จึงลงมาตีนเขาแห่งนี้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุผลใด เพียงพวกข้ามาถึงกลางทาง พวกเจ้ากลับวิ่งเตลิดหายไปในป่า พวกข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ
ทุกอย่างกลายเป็นเงียบงัน
บรรยากาศคล้ายหยุดนิ่ง
แม้แต่ฟางอวินโม่ ยังแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ
ฟางอวินโม่
(นั่นสิ ตัวข้าในอดีตทำแบบนั้นทำไม?)
ฟางอวินโม่ขบคิดกับตนเองอย่างไม่เข้าใจ ในชีวิตที่แล้ว ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาเลือกจะหนีออกมา โดยมีเด็กคนหนึ่งในหมู่บ้านเป็นแกนนำ พร้อมยังมีความรู้สึกบางอย่างที่คลุมเครือ ที่ผลักดันให้เขาทำเช่นนั้นในคราวก่อน
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นก่อนจะคลาย ออกเขาเปลี่ยนท่าที เป็นสงบแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความตระหนกเล็กๆ
ฟางอวินโม่
ข....ข้าเชื่อท่าน
ผู้บ่มเพาะผู้นั้นถอนหายใจยาว ก่อนจะกวักมือให้ตามเขากลับไปยังค่าย โดยไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนสีหน้าของชายหนุ่มในเงามืดเลย
ระหว่างทางทั้งพูดคุยกันเล็กน้อย โดยคนเปิดประเด็นคือฟางอวินโม่ เขารู้สึกว่าตนลืมอะไรไป แถมสิ่งที่ลืมไปเป็นสิ่งสำคัญเสียด้วย
แต่การพูดคุยก็ไม่ได้ข้อมูลสำคัญใดๆเลย เขาจึงหยุดสนทนา และเดินตามผู้บ่มเพาะผู้นั้นไปอย่างเงียบๆ
นี่คือโลกไร้ลักษณ์ พิภพที่ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อ ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง มนุษย์ธรรมดาไม่ต่างอะไรจากปลาบนเขียง หากไม่อยากตายหรืออดอยาก ทำได้เพียงแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
โดยการฝึกฝนจะถูกเรียกว่า การบ่มเพาะแก่นวิญญาณ
ผู้บ่มเพาะแก่นวิญญาณ จะถูกเรียกว่า ผู้บ่มเพาะ หรือ ปรมาจารย์วิญญาณ
ขอบเขตการฝึกฝนมีทั้งหมด 9 ขั้นเท่าที่เขารู้ โดยจะแบ่งเป็น
ระดับ 1,2,3 จะเรียกว่า มนุษย์ดิน
ระดับ 4,5 รู้จักกันในชื่อ มนุษย์ฟ้า
ระดับ 6,7,8,9 จะถูกเรียกอย่างเคารพว่า ผู้อมตะ
แต่ละระดับแบ่งออกเป็น ต่ำ กลาง ปลาย สูงสุด แต่ผู้อมตะต่างจากระดับมนุษย์ เมื่อฝึกถึงระดับอมตะ จะไม่แบ่งเป็น ต่ำ กลาง ปลาย สูงสุด อีกต่อไป
ในชีวิตที่แล้วฟางอวินโม่ คือผู้อมตะระดับ 7 ที่ไร้ใครเทียบ
หากไม่ถูกตลบหลังโดยแผนการของเทพอมตะจอมปลอมทั้งสาม เขาคงไม่ต้องใช้แก่นวิญญาณกาลเวลาอย่างฉุกละหุก เพื่อย้อนเวลากลับมาเมื่อ 1,000 ปีก่อนเช่นนี้
ผู้บ่มเพาะ
เอาหล่ะมาถึงแล้ว ข้าจะไปแจ้งข่าวก่อนเจ้า ไปนั่งรวมกับคนอื่นๆตรงนู้น ข้าไปล่ะ
ผู้บ่มเพาะชี้นิ้วไปทางฝั่งหนึ่ง ก่อนจะโบกมือจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งให้ฟางอวินโม่ยืนนิ่งท่ามกลาง ค่ายชั่วคราวของตระกูลหลง
ชายหนุ่มขยับสายตาไร้อารมณ์มองไปรอบตัวสักพัก ก่อนจะเดินไปรวมกับเด็กคนอื่นๆที่ถูกตระกูลหลงรวบรวมมา
เมื่อมาถึง ดวงตาสีน้ำไร้ระลอกคลื่นนั้น ก็หดลีบเล็กจนน่ากลัว จับจ้องไปยังชายหนุ่มผมสีบรอนซ์ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
ฟางอวินโม่
(อา...ข้านึกออกแล้ว ข้าจำทุกอย่างได้แล้ว ต้นเหตุของทุกอย่างที่ทำให้ข้าต้องดินรนอย่างทุกข์ทรมานเมื่อชีวิตที่แล้ว จางซวน...โชคร้ายแม้ข้ากับเจ้าจะเป็นผู้เกิดใหม่เช่นเดียวกัน แต่คราวนี้เจ้าจะเป็นหมากของข้า...)
ชายหนุ่มกลับมาเป็นปกติ ในเสี้ยวพริบตาจนไม่มีใครสังเกตเห็น
ก่อนเขาจะหามุมพื้นที่ว่าง นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ
ชีวิตที่แล้วเขาถูกจางซวนที่เป็นผู้เกิดใหม่เช่นเดียวกัน
ใช้เป็นหมากเพื่อให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ทั้งคู่รู้จักกันโดยบังเอิญเมื่อหลายเดือนก่อน
ในครานั้นฟางอวินโม่ยังไร้เดียงสา เป็นเป็นเพียงผู้เกิดใหม่ที่ไร้ความรู้
จึงถูกจางซวนใช้ประโยชน์ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เขาคือ ผู้อมตะ ระดับ 7
ด้วยความรู้นับพันปี ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่อาจขัดขวาง ความอมตะ ที่เขาไขว้คว้าได้อีก!!
ฟางอวินโม่
จางซวนเอ๋ยจางซวน ชีวิตนี้เจ้าก็เป็นเพียงก้อนหินที่ข้าใช้รองเท้า เพื่อกลายเป็นอมตะ.....
ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองอย่างเงียบเชียบ พร้อมแสดงรอยยิ้มที่ไร้ความรู้สึก ชีวิตนี้จะไม่มีอีกแล้ว จางซวนยอดอัจฉริยะตระกูลหลง มีเพียงประวัติศาสตร์การล่มสลาย
ตอนที่ 2 เปิดโพรงวิญญาณ
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายชั่วยาม
เหล่าเด็กที่ถูกรวบรวมมา ต่างนั่งไม่เป็นสุข
แม้พวกเขาอาจจะได้รับอนาคตอันสดใส จากโอกาสที่ตระกูลหลงมอบให้
แต่นั่นก็ต้องหมายความว่า พวกเขาต้องมีพรสวรรค์ และ เปิดโพรงวิญญาณได้เสียก่อน
ในขณะที่ทุกคนเริ่มมีความไม่แน่ใจ บังเกิดขึ้นภายในจิตใจ
ร่างอันสง่างามสูงสุดก็เดินมาด้วยรอยยิ้มเปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม
หลงหลิง
สวัสดีสหายทุกท่าน ข้ามีนามว่า'หลงหลิง' เป็นนายน้อยของตระกูลหลง พวกเจ้าคงทราบกันอยู่แล้ว
ว่าตระกูลหลงของเรา ต้องการผู้เยาว์เป็นจำนวนมาก เพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่ตระกูล วันนี้จึงเป็นเลิศงานยามดี ที่ข้าจะเป็นตัวแทนของตระกูลหลง มาพาพวกเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอันรุ่งเรือง!!!
หลงหลิงพูดสุนทรพจน์อย่างฮึกเหิม ปลุกกำลังใจและความหวังใหม่แก่เหล่าเด็กล่างภูเขา
จนแต่ละคนโฮ่ร้องตอบรับอย่างฮึกเหิม
หลงหลิง
เช่นนั้น เราจะไปกันเลยไปยังบ้านแห่งใหม่ ไปยังสถานที่อันรุ่งเรือง!!
สิ้นเสียงของหลงหลิง ทุกคนก็โฮ่ร้องอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆพากันเดินทางขึ้นไปยังบนภูเขาเอื้อมจันทร์
ฟางอวินโม่ที่พยายามทำตัวเองไม่ให้เป็นจุดสังเกต ก็ก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า แต่เหมือนเขาจะหลบสายตาของจางซวนไม่ได้
อีกฝ่ายเดินมาหาฟางอวินโม่ ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
จางซวน
เสี่ยวฟาง เจ้าบาดเจ็บหรือไม่? ข้าขอโทษข้า มองพวกเขาผิดไป จนทำให้เจ้าต้องลำบาก
อีกฝ่ายแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย พร้อมถามอาการของฟางอวินโม่ ราวกับตนเป็นญาติสนิทชิดเชื้อ
ฟางอวินโม่
จางซวนเจ้าไม่ต้องขอโทษหรอก ข้าวู่วามไปเอง เห็นไหมข้าไม่เป็นไร!!
ฟางอวินโม่แสดงท่าทางฮึกเหิม พร้อมแสดงรอยยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
จางซวน
(หึ่ม เหมือนเจ้าบ้านี่จะกำจัดไม่ได้ง่ายๆ เหอะ ไม่เป็นไรยังไงผู้เกิดใหม่ก็มีได้แค่คนเดียวในที่แห่งนี้ ทรัพยากรที่นี่ไม่พอให้มังกรสองตัวหรอก!!)
แม้ในใจจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับแต้มไปด้วยรอยยิ้มราวกับดอกทานตะวัน
ฟางอวินโม่
(โอ้ เจ้าจะแสดงไปได้นานแค่ไหนกัน แต่ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ข้าจะค่อยๆเล่นกับเจ้าเอง.....)
ทั้งสองสวมหน้ากาก พูดคุยกับกันและกัน โดยจางซวนกำลังเดินตามแผนการ ของฟางอวินโม่อย่างช้าๆ
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงยังบริเวณภูเขาสูง อันเป็นที่ตั้งของตระกูลหลง
บริเวณลานกว้าง มีชายชราในชุดคลุมสีเงิน บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคือ ปรมาจารย์วิญญาณ มนุษย์ดิน ระดับ 3 ผู้อาวุโสเหล่านั้น คล้ายกำลังจัดเตรียมบางสิ่งไว้อยู่
ซึ่งฟางอวินโม่ก็รู้ว่าคนเหล่านั้น กำลังจะทำสิ่งใด พวกเขากำลังจะเปิดโพรงวิญญาณ ให้แก่เด็กน้อยเหล่านี้ ซึ่งวิธีที่พวกนั้นจะใช้ เป็นวิธีดาดๆ ที่ไม่สามารถแยกแยกแยะระดับของโพรงวิญญาณได้เลย
รู้เพียงว่าใครสามารถเปิดโพรงวิญญาณได้ก็เท่านั้น บางครั้งบางคนที่มีพรสวรรค์สูงส่ง ก็ไม่อาจเปิดโพรงวิญญาณได้ เพราะวิธีที่ใช้ไร้คุณภาพเกินไป
แต่สำหรับฟางอวินโม่ ที่รู้อยู่แล้วว่าตนมีโพรงวิญญาณระดับกลาง และ รับรู้ถึงขั้นตอนการเปิดโพรงวิญญาณอย่างทะลุปรุโปร่ง
เพียงมาถึงลานกว้าง เหล่าอาวุโสก็ประกาศขึ้นมาอย่างกระทันหัน โดยอธิบายคร่าวๆ ก่อนจะเริ่มใช้ค่ายกลแกนวิญญาณ เพื่อเปิดโพรงวิญญาณ ของเหล่าเด็กๆ
ฟู้ม!!! คลื่นออร่ากดทับลงมาบนตัวของแต่ละคน มันค่อยๆกะเทาะเปลือก แง้มเปิดโพรงวิญญาณ
ฟางอวินโม่ โคจรลมหายใจเหนี่ยวนำ ออร่าอันมหาศาลมุ่งไปยังจุดที่เปราะบางที่สุดของโพรงวิญญาณ เพียงไม่กี่วินาที เสียงราวกับมีบางสิ่งกระเทาะเปลือกก็ดังขึ้น
ฟางอวินโม่ลืมตาที่ไร้ประกายขึ้นอย่างช้าๆ รอยยิ้มอันไร้อารมณ์ถูกฉาบไว้บนใบหน้า
ฟางอวินโม่
ง่ายดายอะไรเช่นนี้.....
ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ ความรู้สึกคุ้นเคยก็กระแทกเข้าสู่จิตใจของชายหนุ่ม นัยตาหดเล็กลงอย่างน่ากลัว
ฟางอวินโม่
ป....เป็นไปไม่ได้
ฟางอวินโม่พึมพำ พร้อมค่อยๆตรวจโพรงวิญญาณของตนเองอย่างละเอียดอีกครั้ง ดวงตาของเขาเริ่มเปล่งประกาย
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!