NovelToon NovelToon

ทางเลือกของนักบุญหญิง

ค่ำคืนที่ชัดเจนในความทรงจำ

เรือนผมสีบลอนด์ทองของเอวาสยายไปบนที่นอน ที่หลังเปลือยเปล่าของเธอนั้นชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ผ้าคลุมผมและชุดนักบุญของเธอถูกกระชากออกไปกองที่พื้น เธอยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงที่น่าอายออกมา

ดวงตาทั้งสองข้างของเธอรื้นไปด้วยน้ำตา

เขาก้มลงมาจูบซับน้ำตาให้เธอ สัมผัสที่อ่อนโยนของเขาทำให้เอวารู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย เขายังคงส่งมอบความหฤหรรษ์ให้เธอจากจุดที่เชื่อมต่อกัน

เอวาพยายามลืมตาขึ้นมามองใบหน้าเขา แต่ทว่าฤทธิ์ของไวน์องุ่นที่เธอดื่มฉลองในวันขอพรพระเจ้านั้นทำให้ดวงตาของเอวาพร่ามัว

เขาโอบกอดเธอแน่น ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันช่างอ่อนหวานและอ่อนโยนจนเอวาแทบจะหลอมละลายภายใต้ร่างของเขา

“…เอวา”

เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ เพื่อจะบอกกล่าวแก่เธอว่าเขารู้สึกดีเพียงใด เอวายื่นมือขึ้นไปโน้มใบหน้าเขาลงมาก่อนจะจุมพิตเขาเบาๆ

เขายังคงตามใจเธออย่างว่าง่าย เธออยากทำเช่นใดกับร่างกายเขาก็ย่อมได้ เขาไม่แม้แต่จะขัดใจเธอ

เอวากอดรับความอบอุ่นที่เขามอบให้เธอ…ครั้งแล้วครั้งเล่า

ถึงแม้เธอจะมองเห็นใบหน้าเขาเลือนรางทว่าสัมผัสที่เขามอบให้เธอ…เอวาสัมผัสได้อย่างชัดเจน

ค่ำคืนที่หวานล้ำขอเอวาผ่านไปอย่างช้าๆ จวนเจียนจะขาดใจ

“พรึบ!!!”

เอวาเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เธอก้มมองภายใต้ผ้าห่มสีขาว

ไม่ได้….ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น….

เอวาเหลือบมองไปข้างเตียง เธอเอาผ้าห่มห่อตัวเพื่อเดินลงมาหยิบเสื้อผ้าไปใส่ เอวายกชุดนักบุญของเธอขึ้นมา

ด้านหลังขาดวิ่นจนผ้าที่เย็บไว้แทบจะแยกออกจากกัน….

ส่วนกระโปรงด้านในของเธอถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทบจะไม่เหลือซาก

“…..”

เอวายกมือขึ้นตบที่หน้าผากตัวเอง ความรู้สึกปวดเอวและส่วนล่างนั้น…มันแสนจะชัดเจน

เมื่อคืนเธอคงเสียตัวให้ใครสักคน…..

รอบๆ ห้องนี้ไม่มีใครอยู่ เอววามองไปที่นาฬิกา

ใช่แล้วตอนนี้เวลาสิบโมงกว่า เธอหายไปทั้งคืนเช่นนี้ ป้ามาธ่าน่าจะบิดหูเธอขาดทันทีที่เอวากลับไปที่โบสถ์

ใจเย็นๆ เอวา ตอนนี้สิ่งที่ต้องคิดเป็นอันดับแรกคือ….เธอจะใส่ชุดอะไรออกไปจากห้องนี้กัน

เอวาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าไม้ สถานที่นี้เธอมาค่อนข้างบ่อย

ที่นี่คือโรงแรมเอเลฟีน่า…โรงแรมที่หรูหราที่สุดในจักรวรรดิ

เอวามาปราสาทพรให้ผู้จัดการโรมแรมบ่อยๆ เขาให้ค่าตอบแทนเอวาในราคาที่สูง เพราะที่พักที่นี่ราคาแพงลิบลิ่ว

เอวาชะงัก!

เธอหวังลึกๆ ว่าชายคนเมื่อคืน….เขาคงจะจ่ายค่าโรงแรมแล้วใช่ไหมนะ…..เธอคงไม่ซวยถึงขนาดที่เสียตัวแล้วยังต้องมาออกค่าโรงแรมอีก

เอวาเปิดตู้เสื้อผ้าออก ปรากฏเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ เอวาคว้าเสื้อเชิ้ตและกางเกงมาใส่ เธอพับขากางเกงขึ้นเพื่อให้สะดวกกับการก้าวเดิน

หลังจากจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเอวาก็เปิดประตูออกไปด้านนอก ก่อนออกไปเธอไม่ลืมหยิบเศษซากชุดนักบุญของเธอออกมาด้วย

ที่นี่เป็นชั้นบนสุด..ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาพักเพราะค่าห้องชั้นบนจะแพงที่สุด เอวารีบวิ่งลงบันไดของพนักงาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอผู้คนด้านล่างด้วย

“อ้าว!..เอวา?”

เธอหันไปมองเสียงเรียกก็พบกับเจน

“สภาพเช่นนั้นคืออะไรกัน…ท่านนักบุญ”

เจนอมยิ้มให้เอวา

เอวาหลับตาพร้อมทั้งหมวดคิ้ว

“….อย่าบอกใคร”

เจนหัวเราะ เจนและเอวาเติบโตด้วยกันมาในบ้านเด็กกำพร้า เอวาคือเพื่อนสาวคนเดียวของเธอ อีกทั้งเมื่อคืนคนที่ชวนเอวาไปกินไวน์องุ่นจนเมาก็คือเจนเอง

“เอวา…เดินออกมาจากห้องไหน?”

เอวาเม้มปาก

“ช่างมันเถอะ”

เจนยกมือขึ้นท้าวเอว เธอเริ่มมองเพื่อนสนิทด้วยอารมณ์โมโหนิดๆ

“จะช่างมันได้ยังไงเอวา!…ดูสภาพเจ้าก่อน คอแดงเถือกเช่นนี้…คงไม่ได้ทำไปแค่รอบเดียวหรอกนะ!!!”

เอวายกมือขึ้นปิดปากเจน

“เจน…เมื่อคืนข้าเมา..เลยมองหน้าเขาไม่ชัด”

“เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาว่าเจ้าออกมาจากห้องไหน…ข้าสามารถตรวจชื่อของแขกที่เข้าพักให้ได้”

เอวาเม้มปาก

“เจนตรวจชื่อแล้วยังไง…เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าก็จำไม่ค่อยได้ จะไปบังคับให้เขามารับผิดชอบข้าเหรอ เกิดเจ้าโวยวายให้เขามารับผิดชอบข้าแล้วเขาเป็นคนที่มีภรรยาอยู่แล้วล่ะ ชีวิตข้าจะไม่ยิ่งเลวร้ายไปกว่านี้เหรอ?”

เจนถอนหายใจ พอเธอนึกตามที่เอวาพูดมานั้นก็มีเหตุผล

“เช่นนั้นเจ้ารีบไปก่อนป้ามาธ่าจะฆ่าเจ้า”

เอวารีบวิ่งทันทีที่เจนกล่าวจบ เธอปีนกำแพงเข้าทางข้างโบสถ์ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องนอนตัวเองเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนักบุญหญิง โชคดีที่ชุดนี้ปิดขึ้นไปถึงคอ ไม่งั้นถ้าคนอื่นเห็นคงตอบคำถามกันไม่หวาดไม่ไหวแน่

เอวาเดินไปยังห้องสวดภาวนา…ทว่าไม่มีคนอยู่สักคน

เธอรับวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่เสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ นักบุญส่วนใหญ่อยู่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เอวาใช้ถังน้ำมารองก่อนที่เธอจะปีนไปแอบดูที่หน้าต่าง

ท่านนักบุญริกเกอร์ผู้ดูแลโบสถ์กำลังกล่าวกับนักบุญที่อยู่ในห้องโถง

“เพราะฉะนั้นทางพระราชวังจึงให้เราส่งนักบุญที่มีพลังรักษาเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อไปออกรบในครั้งนี้”

เอวาขมวดคิ้ว ออกรบงั้นเรอะ!! ให้ตายเถอะ

เธอหวังอย่างยิ่งว่าท่านนักบุญริกเกอร์คงจะไม่ส่งผู้หญิงไปหรอก ใช่ไหม?

“คนแรกที่จะเป็นหัวหน้าของนักบุญที่เดินทางไปครั้งนี้ คือ เอวา”

“…..”

“เอวา…รีบออกมา!!”

เอวาคิดว่าเธอยังคงไม่สร่างเมา ไม่สร่างเมาแน่ๆ เหล้าองุ่นของเจนฤทธิ์ช่างแรงข้ามวันข้ามคืน

“เอวา!!!”

เอวาที่มองท่านนักบุญริกเกอร์ที่หน้าต่าง เธอรู้สึกเสียวๆ ที่สันหลัง เอวาหันหลังไปมองด้านหลังก็พบกับ ป้ามาธ่า ที่ยืนถือไม้เรียวมองเธออยู่

“…เอวา…ยังไม่รีบเข้าไปอีก!!!”

เสียงของป้ามาธ่าที่เรียกเธอทำให้ทั้งห้องโถงใหญ่มองมาที่หน้าต่างที่เอวายืนอยู่

นี่มัน….วันซวยอะไรของเธอกัน!!

เอวาเดินคอตกไปหาท่านนักบุญริกเกอร์

“คนต่อไป……”

เอวารู้สึกว่าหูของเธออื้อจนไม่ได้ยินเสียงของท่านริกเกอร์ที่เรียกชื่อนักบุญคนอื่นเลย

เสื้อผ้าของเอวาถูกเตรียมใส่กระเป๋าไว้โดยป้ามาธ่า เอวาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับกระเป๋านั้นมา

ป้ามาธ่ายื่นห่อข้าวที่เตรียมไว้ให้เอวา

“กลับมา…อย่างปลอดภัยละกันเจ้าน่ะ!!”

เอวาพยักหน้าเบาๆ ถัดจากป้ามาธ่าคือเจนที่ยืนร้องไห้อยู่

“เจน…หุบปากซะ!!!”

ป้ามาธ่าหันไปดุเจน

“เอวา…ข้าอยากจะบอกเจ้าว่าข้าจะดูแลโคลว์เป็นอย่างดีชนิดที่ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะ”

เอวามองค้อนไปที่เจน

โคลว์คือชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสตรีในหมู่บ้านรวมทั้งเอวาและเจน เขารับราชการเป็นอัศวินของตระกูลดยุคแลงค์ตั้น ตระกูลที่สูงส่งและมีชื่อเสียง

ใบหน้าที่หล่อเหลาบวกกับความเป็นสุภาพบุรุษของเขาทำให้สาวๆ ในเมืองต่างก็หมายปองโคลว์มาเป็นคู่ชีวิต

“ถือซะว่า…ข้าต่อให้เจ้าแล้วกัน”

“โป๊ก!!!”

ป้ามาธ่าใช้พัดที่ถืออยู่ตีไปที่หัวของเจนและเอวา

“ให้ตายเถอะ!! พวกเจ้าเป็นสตรี มากล่าวถึงบุรุษเช่นนี้เหมาะสมแล้วเรอะ!!!”

เอวายื่นมาลูบหัวตัวเองเบาๆ

“เจ็บนะป้ามาธ่า…วันก่อนตอนที่คณะอัศวินมาที่โบสถ์ข้ายังเห็นป้าออกไปยืนแถวหน้าสุดเพื่อต้อนรับหัวหน้าอัศวินริชาร์ดเลย”

ป้ามาธ่าหน้าแดง เธอยกมือขึ้นเตรียมจะตีเจนอีกครั้ง แต่เจนวิ่งหนีไปก่อน

“อ๊ากกก…พอข้าพูดความจริงป้าก็รับไม่ได้!!”

เอวาหัวเราะเสียงใส ป้ามาธ่าและเจนวิ่งไล่กันไปจนถึงหน้าโบสถ์

“ท่านนักบุญหญิงเอวาใช่ไหมครับ…ท่านดยุคแลงค์ตั้นให้ข้ามารับคณะท่านนักบุญครับ”

อัศวินผู้นั้นยื่นมือมาถือกระเป๋าเสื้อผ้าให้เอวา เขามีผิวสีแทนจากการตากแดด ใบหน้าดูคมเข้มตามแบบฉบับของชายชาตรี เอวามองเขาแล้วยกยิ้มให้

เอซหน้าแดงทันทีที่สบตาของเอวา สตรีเบื้องหน้ามีผิวขาวราวกับหิมะ ดวงตากลมโตรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ปากอมชมพูที่เชิดขึ้นเพื่อรับกับใบหน้าเรียวยาวของเธอ

สตรีตรงหน้าคือสาวงามชนิดที่ว่าหาได้ยากผู้หนึ่ง

“ท่านชื่อ?”

“ข้าชื่อเอซีล่า มามัวร์ เรียกว่าเอซก็ได้ครับ”

เอวาพยักหน้า

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ…ท่านอัศวินเอซ”

เอซนึกขอบคุณที่เขานั้นมีผิวสีคล้ำมันทำให้เวลาที่เขาหน้าแดงคนอื่นมองไม่ออก

เขาพานักบุญหญิงและนักบวชชายอีกสามคนขึ้นรถม้าเพื่อไปเตรียมตัวที่คฤหาสแลงค์ตั้น รถม้าจอดที่หน้าประตูขนาดใหญ่ คฤหาสน์สีขาวกว้างสุดลูกหูลูกตา

มีพ่อบ้านท่าทางใจดีมายืนต้อนรับเอวา

“พวกเราจัดห้องไว้ให้แล้วครับท่านนักบุญหญิง มื้อเย็นท่านดยุคจะลงมารับประทานอาหารเย็นด้วย ขอท่านนักบุญหญิงเตรียมตัวให้พร้อมครับ”

เอวาพยักหน้า มีสาวใช้นำทางเธอไปยังเรือนรับรองด้านหลัง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสอง เอวาเกิดรู้สึกเบื่อจึงขออนุญาตพ่อบ้านเพื่อจะไปชมสวนดอกไม้ด้านหลัง

ตระกูลแลงค์ตั้นนั้นร่ำรวยมหาศาล ท่านแกรนด์ดัชเชสของตระกูลเป็นน้องสาวขององค์จักรพรรดิ ส่วนท่านแกรนด์ดยุคเป็นแม่ทัพใหญ่ นำทัพออกรบชนะศึกทุกครั้ง จนได้ฉายาว่าตระกูลแลงค์ตั้นคือเสือดำที่ยากแก่การโค่นล้ม

พวกเขามีบุตรชายหนึ่งคน ชื่อว่าออสติน

ข่าวลือของออสตินคือเขาเป็นคนตายด้าน….บุรุษ…ที่นกเขาไม่ขัน…

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มต้นข่าวลือนี้

พอรู้ตัวอีกที….ชื่อของดยุคออสตินก็โด่งดังในชั่วข้ามคืน

เขาแต่งภรรยาทั้งหมดสี่คนแล้ว….ภรรยาทั้งสี่ของออสตินล้วนหย่ากับเขาด้วยเหตุผลเดียวกัน

คือ…นกเขาของออสตินนั้นหลับสนิทและปลุกไม่ตื่น…..

เอวาคิดว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่คงจะมีเหตุผลของตัวเอง ออสตินเองก็คงน่าเห็นใจเพราะเขาเป็นถึงท่านดยุค

หากตรงนั้นใช้การไม่ได้ เรื่องทายาทและผู้สืบทอดคงจะเป็นปัญหาแน่ๆ

เอวาเดินมาหยุดที่แปลงดอกทิวลิปสีแดงสด เธอนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สวนดอกไม้นี้มีดอกไม้หลากหลายชนิด แต่ละชนิดล้วนแล้วแต่มีราคาแพงระยิบ ทิวลิปดอกหนึ่งราคาราวสามเหรียญทอง เธอไปปราสาทพรได้เงินวันละ ห้าเหรียญทอง

เธอปราสาทพรทั้งวัน จะซื้อดอกทิวลิปได้เพียงดอกครึ่งเท่านั้น….

ความจนนี่…น่ากลัวเหมือนกันแฮะ

ถ้าถอนดอกทิวลิปทั้งแปลงนี้ไปขายคงได้เงินมหาศาล…..ไม่ได้นะเอวา!!!

ขโมยของมีโทษถึงตัดมือ…เธอจะไม่มีมือสวยๆ เอาไว้กุมหน้าสุดหล่อของโคลว์นะ เอวารู้สึกเขินอายทุกครั้งที่นึกถึงหน้าโคลว์

เขาทำงานในคฤหาสน์แห่งนี้นี่นา…จะมีพรหมลิขิตแบบเดินไปจ๊ะเอ๋กันไหมน้า~~

เอวาล้มตัวนอนลงบนพื้นหญ้า

“โป๊ก!!”

เอวารีบดีดตัวขึ้นทันทีที่หัวเธอไปกระแทกกับอะไรสักอย่างบนพื้น เธอยกมือมากุมหัวที่เริ่มปูดบวม

“ใคร!!..กล้ารบกวนการนอนของข้า”

เอวาเงยหน้าไปมอง เธอเห็นว่ามีชายคนหนึ่งนอนลงด้านหลังต้นไม้ที่เธอนั่งอยู่ เขายกมือขึ้นมากุมหน้าผากที่บวมแดง

“ขะ…ขอโทษค่ะ…ข้าไม่รู้ว่ามีคนนอนอยู่”

เขาลุกขึ้นเสยผมดำสนิทที่ปกหน้าผากก่อนจะมองเธอด้วยสายตาโกรธแค้น

“เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าชื่อเอวาค่ะ…เป็นนักบุญหญิงที่จะออกไปร่วมรบกับท่านดยุคแลงค์ตั้น”

หางตาเขากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเธอเอ่ยชื่อ

เอวาถือวิสาสะขยับเข้าไปหาเขา เธอยกมือขึ้นท้าวกับต้นไม้ส่วนอีกมือแตะที่หน้าผากเขา เธอร่ายเวทย์รักษาให้เขา มีลมสายหนึ่งพัดผ่านเขาไป พอรู้ตัวอีกทีก็ไม่รู้สึกเจ็บที่แผลแล้ว

“พรืด!!…”

มือที่ยันต้นไม้ไว้ของเอวาเกิดลื่น…เอวาพยายามคว้าต้นไม้ไว้แต่เธอก็คว้าได้แต่เพียงอากาศ

“ตุบ!!!”

เอวาล้มตัวไปทับเขา หน้าของเธอกระแทกที่หน้าอกแกร่งของเขาอย่างจัง เอวารู้สึกว่าเธอได้ยินเสียงดัง ก็อก!! ดังก้องอยู่ในหู

“!!!!”

กลิ่น….กายของเขา!!!!

เอวาไม่มีทางลืมกลิ่นนี้ได้เด็ดขาด กลื่นที่เธอสูดดมตอนที่เธอซบแนบอิงอกแกร่งของเขาโดยไร้ซึ่งสิ่งปิดกั้น เอวาเงยหน้ามองที่ใบหน้าของเขา

ถึงจะเลือนลาง ทว่ามีความคล้ายกับชายในความทรงจำของเธออยู่หลายส่วน

ไม่ผิดแน่!!! เขาคือชายที่มีค่ำคืนอันหอมหวานรัญจวนใจกับเธอ เอวาไม่มีทางลืมอกแกร่งที่เธอซบและลูบคลำตอนนั้นได้

“แหมะ!!…”

เลือดสีแดงสด….ไหลลงมาจากจมูกของเอวา

“!!!!”

ชายเบื้องหน้าก็ตกใจพอๆ กับที่เอวาตกใจ เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าไปซับเลือดที่กำลังไหลลงมาจากจมูกของเธอ

เอวาหลับตาลง….เธอไม่แน่ใจว่าเลือดที่ไหลออกมาทางจมูกนี้….ไหลเพราะว่าจมูกเธอกระแทกหรือเพราะว่าเธอนึกถึงเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของเขาในคืนนั้นกันแน่!!!!

22 วัน 2 คืน

แกรนด์ดัชเชสรอนด้า แลงค์ตั้น แม้จะเข้าสู่วัยสามสิบกว่าแล้วแต่ทว่าใบหน้าของเธอยังคงงดงามเหมือนสตรีอายุยี่สิบต้นๆ อยู่

ชีวิตของรอนด้าราวกับอยู่ในเทพนิยาย เธอเป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องห้าคน พี่ชายคนโตได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ เขารักและหวงแหนรอนด้ามากกว่าสิ่งใด

จึงให้โอกาสน้องสาวเลือกคู่ด้วยตัวเอง

ใบหน้างดงามที่ชายใดเห็นเป็นต้องหลงใหลของรอนด้า ทำให้มีจดหมายสู่ขอส่งมาเป็นจำนวนมาก

ทว่ารอนด้าเป็นสตรีที่ชอบความท้าทาย เธอดันไปตกหลุดรัก ดยุคโดโนแวน แลงค์ตั้น

ชายสูงใหญ่อีกทั้งหนวดเครารุงรัง….เขาถูกขนานนามว่าเป็นเสือดำแห่งแลงค์ตั้น!! เธอหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ

บุรุษผู้นั้นราวกับก้อนหิน ไม่ว่ารอนด้าจะยั่วยวนยังไง เขาก็ไม่มีท่าจะจะสนใจนาง

ไม่ยอม….รอนด้าไม่มีทางยอม!!!! ยังไงโดโนแวนก็ต้องตกเป็นของเธอ!!!

แผนการฉุดโดโนแวนจึงเริ่มขึ้น รอดด้าปลอมตัวเป็นทหารเพื่อเข้าไปฝึกสู้รบ….มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อในชีวิตของสตรีชนชั้นสูงเช่นเธอมากๆ มือที่ไม่เคยต้องหยิบจับสิ่งใด คราวนี้รอนด้าต้องหยิบดาบออกมาสู้รบ

เธอยังจำได้ดีว่าเธอไม่ได้อาบน้ำนานที่สุดห้าวัน รอนด้าอยู่ในค่ายทหารราวสามเดือน เธอแอบมองโดโนแวนทุกวัน รอนด้าพยายามหาวิธีจะเข้าใกล้เขาแต่ว่าก็ไม่มีวิธีใดเลย

จนวันนั้นวันที่โดโนแวนชนะศึกครั้งนี้ เหล่าทหารมากมายร่วมดื่มฉลองจนเมามาย ในความทรงจำของรอนด้า โดโนแวนเดินเข้ามาอุ้มเธอ ก่อนจะพากลับไปที่ห้อง….

เช้าที่แสนสดใสของรอนด้า….เธอตื่นมาในสภาพเปลือยเปล่าพร้อมกับโดโนแวนที่นั่งอยู่ รอนด้าแสร้งร้องไห้เพื่อให้โดโนแวนรู้สึกผิด….ทว่าไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ บนใบหน้าโดโนแวน เขากลับแสยะยิ้มให้รอนด้า

พอรอนด้ารู้สึกตัวอีกที…โดโนแวนก็เคี่ยวกร่ำเธอ…..ทั้งวันทั้งคืนยาวนานเกือบอาทิตย์ที่ไม่ได้ก้าวขาออกจากห้อง

รอนด้าหน้าแดง เธอจำได้ดีว่าช่วงเวลานั้นมันหอมหวานมากแค่ไหน

แกรนด์ดัชเชสรอนด้า แลงค์ตั้น เดินไปชมสวนดอกไม้ที่เธอบรรจงปลูกด้วยตัวเอง หลังจากที่แต่งงานกันโดโนแวนก็เป็นเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนจากก้อนหินก้อนใหญ่เป็นเสือที่แสนดุร้ายเวลาอยู่บนเตียง

ทุกครั้งที่ไปออกรบเขาจะหาดอกไม้ชนิดใหม่ๆ มาให้เธอปลูก เพราะโดโนแวนรู้ดีว่ารอนด้าชอบดอกไม้มากขนาดไหน

รอนด้าเดินไปพร้อมข้ารับใช้อีกสามคน

“….เจ็บไหม?”

“ไม่เจ็บค่ะ”

รอนด้าหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินของเธอลง เบื้องหน้ารอนด้าคือแปลงดอกทิวลิปสีแดงสด รอนด้าเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ เพื่อไปดูต้นตอของเสียงนั้น

ออสติน!!!

ใช่แล้วชายหญิงตรงหน้าเธอคือออสติน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอไม่ผิดแน่!!!

แล้วสตรีในอ้อมแขนที่ออสตินกำลังยกผ้าเช็ดหน้า เช็ดที่ใบหน้าเธอนั้นคือใครกัน!!!

ถึงแม้ว่ารอนด้าจะเติบโตขึ้นมาจากในวังที่กฏระเบียบเข้มงวด แต่ทว่าเธอไม่ใช่สตรีหัวโบราณ

ออสติน คือลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ

ลูกชายสุดที่รักมีข่าวลือที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่….เรื่องบนเตียงของออสตินนั้น…เฮ้อ…แค่นึกถึงเธอก็ต้องถอนหายใจ

รอนด้าพยายามเฟ้นหาสตรีมากมายมารับใช้ออสติน ทว่าทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้น สตรีทุกนางต่างหนีและตีจากออสตินไปจนหมด

การแต่งงานทั้งสี่ครั้งของออสติน เธอก็เป็นคนจัดเองกับมือ สตรีแต่ละนางที่เธอหามาเป็นลูกสะใภ้ล้วนแล้วแต่ชาติกำเนิดสูงส่งและมีใบหน้าที่งดงาม แต่ทว่าก็ไม่มีสตรีนางใดทนอยู่กับออสตินได้

จนตอนนี้…รอนด้าคิดว่า เธอจะเลิกล้มการบังคับเรื่องนี้กับออสตินได้แล้ว เธอไม่อยากให้บุตรชายต้องมาแบกรับความเครียดความกดดันจากเธออีก ใช้งานไม่ได้ก็ไม่ต้องไปใช้มัน!!!

แต่วันนี้แววตาของออสตินที่มองไปยังหญิงสาวในอ้อมกอดนั้นเปลี่ยนไป

แววตาเขาอ่อนโยนกว่าที่มองสตรีอื่น

รอนด้ารู้สึกว่าดวงตาของเธอนั้นกำลังเป็นประกาย เธอต้องรู้ให้ได้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นใคร

“อะ…แฮ่ม”

ออสตินเงยหน้าขึ้นมาก็พบท่านแม่กำลังเดินมาทางเขา

เอวากำลังจะหันหน้าไปมอง แต่ก็ถูกออสตินจับหน้าเธอไว้

“ออสตินลูกรัก…มาทำอะไรตรงนี้จ๊ะ”

“เปล่า…ครับท่านแม่”

เอวาดีดตัวขึ้นมา เธอมองไปที่ชายเบื้องหน้าอย่างตกใจ

ออสติน…ดยุคออสติน!!!!

ผู้ชายตายด้านของจักรวรรดิ!!!

เอวาหันไปมองใบหน้าของสตรีด้านหลัง เธอรีบก้มลงทำความเคารพสตรีเบื้องหน้าอย่างมีมารยาท

รอนด้าเลิกคิ้วขึ้น

นี่มัน….สาวงาม!!!

เธอส่งยิ้มกรุ้มกริ่มไปให้ลูกชาย ออสตินถอนหายใจ

“…..”

เอวากำลังนั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหาร เบื้องหน้าเธอคืออาหารมากมายหลากหลายชนิด ที่แค่เห็นยังน้ำลายสอ เธอไม่เคยพบอาหารราคาแพงเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต

ที่หัวโต๊ะถ้าเอวาเดาไม่ผิดชายร่างใหญ่หนวดเครายาวเฟิ้มนั้นคงจะเป็นแกรนด์ดยุคโดโนแวน ถัดมาคือสตรีที่ใบหน้างดงามจนเอวามองยังตะลึงในตอนแรกเจอ แกรนด์ดัชเชสรอนด้า

ตรงข้ามเธอคือ ชายผมดำที่หน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง….ไม่ใช่เอวา!!

ตรงข้ามเธอคือ…ชายผมดำใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมารดามา…

ดยุคออสติน

เอวารู้สึกว่าเธอ….มานั่งผิดที่ผิดทางอยู่รึเปล่า

นักบุญหญิงจนๆ เช่นเธอมานั่งเจ๋ออะไรอยู่ตรงนี้กัน….

แกรนด์ดัชเชสรอนด้าตักซุปใส่ถ้วยส่งมาให้เอวา เธอยื่นมือไปรับถ้วยซุปด้วยความเกรงใจ ก่อนจะตักเข้าปาก

“ซุปนี่ใช้เวลาตุ๋นถึงสามวันสามคืน…ส่วนประกอบหลักคือเขากวางบดและอัณฑะของวัวตัวผู้…นิยมทานเพื่อเพิ่มพละกำลังภายใน…”

เอวาเม้มปาก ตอนนี้….ซุปอัณฑะวัวกำลัง…อยู่ในปากเธอ…..

เธอมองใบหน้าของแกรนด์ดัชเชสรอนด้าที่กำลังยิ้มให้…..

แค่นึกถึงอัณฑะวัวที่อยู่ในหม้อต้มเอวาก็อยากจะพ่นซุปในปากออกมา….แต่….ต้อง..กลืนลงไปสินะ……

เอวานับหนึ่ง สอง สามในใจ ก่อนจะกลั้นใจกลืนซุปนั้นลงคอ

รสชาตินับว่ายังใจดีกับเธออยู่บ้าง

เธอรู้สึกว่าการอยากอาหารในมื้อนี้ลดลงเล็กน้อย….เมื่อกลืนซุปนั้นลงไป

“นี่ออสติน…ซุปของลูก…ต้องทานให้มากหน่อย”

ออสตินยื่นมือไปรับซุปนั้นมากินหน้าตาเฉย เอวาคิดว่าแกรนด์ดัชเชสคงจะสรรหายาชูกำลังให้ออสตินกินเป็นประจำแน่ๆ

…..ภาพคืนนั้นยังชัดเจนในหัวของเอวา….ยาพวกนั้นคงจะได้ผลเป็นอย่างดี….เพราะพละกำลังของเขาในคืนนั้นมัน….

เอวาส่ายหน้าน้อยๆ เพื่อไล่ความคิดของตัวเองออกไป

“จริงสิ…ข้าได้ยินว่าเจ้าคือนักบุญหญิงใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะท่านแกรนด์ดัชเชส”

“พอดีเลย ลูกชายของข้ามีปัญหาด้านสุขภาพ….ข้าอยากให้ท่านนักบุญหญิงช่วยรักษาลูกชายของข้า”

“…ท่านแม่!!”

ออสตินหันไปที่เอวาก่อนจะส่ายหน้าเพื่อให้เธอปฏิเสธแกรนด์ดัชเชส เอวาทำท่าลังเล…

“เงินหนึ่งพันเหรียญทองจะถูกฝากไปที่บัญชีของท่านนักบุญหญิงเอวาทันทีที่ลูกชายของข้าหายดี”

“ด้วยความยินดีค่ะ…ท่านแกรนด์ดัชเชส ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ”

……..

เอวาพาตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างประตูห้อง

หากเธอย้อนเวลากลับไปได้…..เธอคงจะไม่รับปากแกรนด์ดัชเชสเช่นนั้น

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเอวาก็ถูกสาวใช้จูงไปอาบน้ำ ครีมอาบน้ำ น้ำมันหอมระเหยต่างๆ ถูกชโลมลงบนผิวกายที่ขาวเนียนของเธอ

ไหนจะชุดสีขาวบางจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนที่เธอกำลังสวมนี่อีก!

แกรนด์ดัชเชสส่งยิ้มให้เอวา

“ลูกชายข้ามีปัญหาเรื่องตรงนั้นของเขาใช้การไม่ได้ ข้าอยากให้ท่านนักบุญหญิงช่วยให้ตรงส่วน…นั้นของเขากลับมาใช้งานได้ค่ะ”

ใช่แล้วนี่เป็นประโยคสุดท้ายที่เอวาได้ยินก่อนที่เธอจะถูกดันเข้ามาในห้องนอนห้องดยุคออสติน ไม่ว่าเอวาจะเคาะเรียกยังไงก็ไม่มีใครเปิดประตูให้…..

“เปล่าประโยชน์…กว่าท่านแม่จะมาเปิดประตูให้คงจะราวอีกสองวัน”

ห๊ะ!!!…สองวัน

เธอมองไปที่ออสติน เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟาโดยสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำ ผมที่ถูกเซตไว้อย่างดีเมื่อเช้าตอนนี้ดูยุ่งเหยิง เขายกมือเสยผมของเขาเบาๆ ก่อนจะหันหน้ามาหาเธอ

โห….โครตหล่อ….

เอวารู้สึกว่าใบหน้าของเธอกำลังแดง เธอรีบเอายกมือขึ้นมาปิดจุดสำคัญไว้ก่อนจะวิ่งไปดึงผ้าห่มที่เตียงมาม้วนปิดร่างตัวเอง

ออสตินยิ้มน้อยๆ กับการกระทำของเอวา เขาลุกขึ้นเดินไปหาเอวาที่นั่งอยู่บนเตียง เธอซุกซนน่ารัก ราวกับกระต่ายตัวน้อยๆ ที่เขาเคยเลี้ยงไว้

“…เอวา? …”

ใช่แล้วเอวา….เขาไม่มีทางจำผิด..เธอเป็นสตรีที่ทำให้เขาครางชื่อเธอ…ทั้งคืน

32 วัน 2 คืน

ออสตินใช้มือทั้งสองข้างของเขายันไปที่เตียง เขากักขังเอวาไว้ในอ้อมกอดเขา

“ท่านนักบุญหญิง….ท่านจะเริ่ม…รักษาข้ายังไง”

เอวาหน้าแดง ตอนนี้ชุดคลุมอาบน้ำช่วงบนของออสตินนั้นแหวกออก ทำให้กล้ามท้องแกร่งปรากฏต่อสายตาเอวาอีกครั้ง

“…..ท่านดยุคคะ….ข้าว่าท่านควรจะ…เอ่อ….ถะ…ถอยออกห่างไปก่อน”

เอวาใช้มือดันไหล่ของออสตินเอาไว้

ออสตินยกมือขึ้นมาจับที่ปลายผมของเอวา เขาจูบที่ปลายผมนั้นเบาๆ

เขาอยากจะจูบตั้งแต่เส้นผม…ไปจนถึงปลายเท้าของเธอ ทุกส่วนบนร่างกายเล็กนั้นๆ ดึงดูดเขาอย่างน่าประหลาด

ข่าวลือเรื่องส่วนล่างของเขาแพร่ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วจักรพรรดิ

ออสตินไม่ได้คิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปมด้อย หรือว่าเรื่องน่าอาย

เขาเติบโตมาด้วยครอบครัวที่ท่านพ่อบูชารักท่านแม่สุดหัวใจ

ส่วนท่านแม่ก็คลั่งรักท่านพ่ออย่างหนัก บรรยากาศยามที่ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกันราวกับมีแสงแดดอุ่นๆ สาดแสงออกมา ยังกับว่าบนโลกนี้มีเพียงท่านพ่อและท่านแม่เท่านั้น

ในคราแรกออสตินคิดว่าเขาคงจะมีน้องมากมายเต็มคฤหาสน์ แต่ทว่าหลังจากที่ท่านพ่อเห็นท่านแม่คลอดเขาออกมาด้วยความเจ็บปวดเจียนตาย

ท่านพ่อจึงหายาสมุนไพรที่ทำให้ตัวเองเป็นหมัน เพื่อที่ท่านแม่จะไม่ต้องเจ็บปวดเจียนตายกับการคลอดลูกอีก

เขา….คิดว่าการจะมีค่ำคืนที่ลึกซึ้งกับใครสักคนหนึ่ง

มันต้องมีองค์ประกอบหลัก…คือความรัก

นกเขาของเขานั้นปกติดี….มันยังคงตื่นทุกเช้า แต่ทว่ากับสตรีที่เขาไม่ได้สนใจหรือว่าไม่ได้ชอบ มันจะไม่ตื่นขึ้นมาแม้จะทำเช่นไรก็ตาม

เอวา…….ออสตินยกยิ้ม

เธอคงจะจำเขาไม่ได้…..แต่ทว่าภาพของสตรีตัวเล็กแก้มพองๆ นั้นยังคงตราตรึงใจของออสตินมาจนถึงทุกวันนี้

………

ออสตินในวัยสิบเจ็ดเขาออกไปร่วมรบกับท่านพ่อแต่เขาพลาดท่าโดนธนูที่อาบด้วยสมุนไพรพิษยิง เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการขี่ม้าหลบหนีเข้าไปในป่า พิษที่อาบอยู่บนดอกธนูช่างร้ายแรง ดวงตาจะปิดลงให้ได้ เรี่ยวแรงของเขาที่จะนั่งบนหลังม้าก็หมดลง

ออสติน…ร่วงลงจากหลังม้า

เขา….ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพราะกลิ่นอาหารที่ลอยเข้าจมูก

“แค่ก…แค่ก”

มีมือขาวๆ ยื่นแก้วน้ำมาให้เขา ออสตินยื่นมือไปรับก่อนจะยกน้ำนั้นขึ้นดื่ม

“…ฟื้นแล้ว…หรือคะ?”

เขาหันไปตามเสียง….ใบหน้าของสตรีที่งดงามปานนางฟ้าบนสรวงสวรรค์ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เธอสวมชุดนักบุญสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตากลมโตนั้นมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นห่วง

“…ท่านหลับไปตั้งสามวัน”

“เจ้าช่วยข้าไว้?”

เธอพยักหน้าก่อนจะยื่นช้อนมาจ่อที่ปากเขา ในช้อนคือโจ๊กที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนให้ลิ้มลอง

ออสตินอ้าปากกินโจ๊กที่เธอส่งมาให้ เขาคิดว่ารสชาติคงจะอร่อมเหมือนกลิ่นหอมที่ลอยมาปะทะจมูก

…….เค็ม….ปี๋

ออสตินกลืนโจ๊กลงคออย่างยากลำบาก

“อร่อยไหมคะ…ข้าพึ่งทำครั้งแรก…ข้าทำตามที่ป้ามาธ่าสอนทุกขั้นตอนเลยค่ะ”

ใบหน้างามนั้นยิ้มให้เขาอย่างภูมิใจ….

“อื้ม..อร่อย…”

“เช่นนั้นก็ดีเลย ข้าต้มไว้สองหม้อ ท่านก็ทานให้มากหน่อย…นอนหลับไปตั้งหลายวัน”

ออสตินฝืนยิ้มให้กับ….ตัวเอง

หากกินหมดหม้อนั้น….ต่อมรับรสเขาอาจจะพังทลายลง…..

“แผลท่าน…หายดีแล้วค่ะ…วางใจได้เลย แต่ภายในอาจจะยังบาดเจ็บอยู่ขอให้ท่านพักอีกสักสองวัน”

ออสตินพยักหน้า…..เขาพึ่งสังเกต บนร่างกายเขา….

สวมเพียงชุดที่ทอด้วยฝ้ายราคาถูก……

“อ๋อ..ข้าไปเจอท่านในป่า ชุดของท่านเบื้องเลือด ข้าจึงถือวิสาสะเปลี่ยนชุดให้ท่าน วางใจข้า….มองเพียงนิดเดียวเท่านั้น….ขอท่านอย่าถือสา”

ใบหน้าเล็กๆ ของนางขึ้นเป็นสีแดงน้อยๆ

“ดาบของข้า…..”

“….พอดีท่านถูกพิษของเผ่าทางเหนือถึงแม้ข้าจะร่ายเวทย์รักษาให้ทว่ารักษาได้เพียงภายนอก…พิษแพร่กระจายเข้าสู่ภายใน….ข้าต้องไปซื้อสมุนไพรซึ่งสมุนไพรนี้มันก็แพงมาก…..”

ออสตินหลับตาลง เขายกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ

“หวังว่าเจ้าคงไม่เอาดาบข้าไปขาย…”

“ใช่….ข้าขายดาบท่านไปแล้ว….”

ดาบสุริยันจรัสแสง….ดาบที่ตีขึ้นโดยนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ…..เขาได้รับดาบนี้มาจากท่านลุงที่เป็นองค์จักรพรรดิในวันบรรลุนิติภาวะ

นาง…..กล้าเอาของล้ำค่าในชีวิตเขาไปขาย!!!!

ให้ตายเถอะ!!!! ออสตินกัดฟัน

“ข้าจะกลับบ้าน…”

เธอยกมือขึ้นมาคว้าข้อมือเขาไว้

“ท่านยังไม่หายดีค่ะ….หากเดินทางหรือว่าขี่ม้าตอนนี้จะต้องกระทบกระเทือนภายในแน่”

ออสตินหลับตา พยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้ง เธอประคองเขาลงไปนอนลงบนเตียง

“ท่านจะกินโจ๊ก…อีกไหมคะ”

“ข้าจะนอน!!!”

เธอเม้มปาก ก่อนจะเก็บแก้วน้ำและถ้วยไปล้าง

เขามองไปรอบๆ บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเล็กๆ ไม่มีการกั้นห้องใดๆ ทั้งนั้น มีเตียงนอนอยู่มุมห้อง ถัดไปเป็นโต๊ะกินข้าวและห้องครัว

“…ที่นี่…เป็นบ้านเจ้า?”

“จะเรียกว่าบ้านคงไม่ถูกนัก…ที่นี่เป็นที่พักของอาจารย์ข้าค่ะ…ไม่ต้องกังวลเรื่องคนที่ทำร้ายท่านนะคะ…จะไม่มีใครหาที่นี่พบเพราะข้าร่ายเวทลวงตาไว้แล้วค่ะ”

ออสตินหลับตาลง ความง่วงโจมตีเขาอีกครั้ง

ยามกลางคืนที่เงียบสงัด ออสตินค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขาดันตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบๆ

เธอ…นอนหลับอยู่ที่พื้น…

มีความรู้สึกอบอุ่นสายหนึ่งพาดผ่านหัวใจของเขา ออสตินลุกขึ้นไปช้อนตัวเธอขึ้นมานอนบนเตียง เขาเดินไปที่หน้าเตาไฟ ก่อนจะเทโจ๊กหม้อนั้นทิ้ง สภาพในครัวเลวร้ายกว่าที่เขาคิด เธอคงจะทำอาหารไม่เป็นจริงๆ

เขาเหลือบไปมองมือเธอ ก็พบรอยมีดบาดสามสี่รอยที่นิ้วทั้งสองข้าง

ออสตินยกยิ้ม เธอและเขาต่างก็ไม่รู้จักกันทำไมเธอทำเพื่อเขาขนาดนี้กันนะ?

เขาคว้ามันฝรั่งมาปอกเปลือกก่อนจะเอาไปหั่นอย่างคล่องแคล่ว มีเนื้อกวางตากแห้งแขวนไว้ที่หน้าต่าง ออสตินนำเนื้อกวางและมันฝรั่งมาผัดรวมกัน ก่อนจะปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาล

เขาตักใส่จานก่อนจะเดินไปปลุกสตรีที่กำลังหลับอยู่

“เฮ้!!!”

ออสตินเขย่าตัวเธอ เธอยกมือขึ้นมาขยี้ตาน้อยๆ ออสตินก้มลงไปอุ้มเธอมานั่งที่เก้าอี้ แววตาของเธอมีอาการตกใจน้อยๆ

“กินสิ”

“ท่านทำเองเหรอคะ?”

ออสตินยักไหล่ก่อนจะตักผัดเนื้อกวางไปจ่อที่ปากเธอ เธอมองหน้าเขาอย่างแปลกใจก่อนจะอ้าปากกิน

“อื้อ…อร่อยมาก!!!”

ออสตินยิ้มน้อยๆ

“เจ้า…ไม่กลับบ้านรึไง?”

เธอทำหน้าเศร้า ก่อนจะถอนหายใจ

“ข้าหนีออกมาจากโบสถ์….”

ออสตินเลิกคิ้วขึ้น

“โจนาธานเขามาขอซื้อตัวข้าไปเป็นภรรยาคนที่สามของเขา….”

ราวกับมีบางอย่างมาจุกที่คอของออสติน เขามองเธอที่ทำหน้าเศร้าด้วยความสงสาร

“แล้วคนที่โบสถ์ว่ายังไง?”

“ตระกูลของโจนาธานเป็นถึงท่านเคาน์ พ่อของเขาก็บริจาคให้โบสถ์มหาศาล…ท่านผู้ดูแลโบสถ์ไม่มีทางกล้าขัดใจเขาหรอกค่ะ…..ท่านผู้ดูแลเป็นคนดีมากๆ เขาเองก็ไม่อยากบังคับข้า…แต่อำนาจของโจนาธานนั้นยิ่งใหญ่มาก…หากข้าปฏิเสธก็จะทำให้ท่านผู้ดูแลลำบากใจ”

“เจ้าคิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไปรึไง…”

“เรื่องนี้ข้าก็ยังคิดไม่ออก…แต่ว่าข้าไม่มีทางไปเป็นเมียเก็บของโจนาธานแน่นอนค่ะ”

เขา….แอบสงสารเธออยู่ลึกๆ ในใจ

เธอเองก็ช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตาย….เขาควรจะช่วยเหลือเธอกลับไปบ้าง แต่ทว่าการช่วยเหลือเธอในครั้งนี้เขาต้องได้ประโยชน์ไปด้วยถึงจะคุ้มค่า

“เจ้า…..ยังบริสุทธิ์ใช่ไหม”

เธอหน้าแดงก่อนจะมองที่เขาอย่างตกใจ

“ชนชั้นสูงมีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่อย่างเคร่งครัด….พวกเขาจะไม่รับสตรีที่ไม่ถือพรหมจรรย์เข้าตระกูล”

เหมือนเขาจะเห็นดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอยกยิ้มก่อนจะขอบคุณเขา

“แล้ว…เจ้าจะเอายังไงต่อ?”

“ข้าจะไปที่หมู่บ้านค่ะ…ข้ามีเพื่อนผู้ชายอยู่เยอะ เพียงแค่ข้าเอ่ยปากพวกเขาน่าจะยอมช่วย”

ออสตินรู้สึกราวกับมีหินก้อนใหญ่ทุ่มใส่หัวเขาอย่างแรง เธองดงามเช่นนี้แม้ไม่เอ่ยปากใครๆ ต่างก็ต้องอยากครอบครองเธอทั้งนั้น!! เขาหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจ

“…..ข้าไง”

เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าไง….เจ้าจะลำบากไปที่หมู่บ้านทำไมกัน…ข้าช่วยเจ้าได้นะ”

“ข้าว่า….ท่านยังไม่หายจากอาการ….”

“เจ้าช่วยชีวิตข้า….ให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าเถอะ….วางใจไม่ได้รบกวนอะไรข้าเลย….ข้า…ยินดีช่วย”

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!