เรือนผมสีบลอนด์ทองของเอวาสยายไปบนที่นอน ที่หลังเปลือยเปล่าของเธอนั้นชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ผ้าคลุมผมและชุดนักบุญของเธอถูกกระชากออกไปกองที่พื้น เธอยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงที่น่าอายออกมา
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอรื้นไปด้วยน้ำตา
เขาก้มลงมาจูบซับน้ำตาให้เธอ สัมผัสที่อ่อนโยนของเขาทำให้เอวารู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย เขายังคงส่งมอบความหฤหรรษ์ให้เธอจากจุดที่เชื่อมต่อกัน
เอวาพยายามลืมตาขึ้นมามองใบหน้าเขา แต่ทว่าฤทธิ์ของไวน์องุ่นที่เธอดื่มฉลองในวันขอพรพระเจ้านั้นทำให้ดวงตาของเอวาพร่ามัว
เขาโอบกอดเธอแน่น ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันช่างอ่อนหวานและอ่อนโยนจนเอวาแทบจะหลอมละลายภายใต้ร่างของเขา
“…เอวา”
เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ เพื่อจะบอกกล่าวแก่เธอว่าเขารู้สึกดีเพียงใด เอวายื่นมือขึ้นไปโน้มใบหน้าเขาลงมาก่อนจะจุมพิตเขาเบาๆ
เขายังคงตามใจเธออย่างว่าง่าย เธออยากทำเช่นใดกับร่างกายเขาก็ย่อมได้ เขาไม่แม้แต่จะขัดใจเธอ
เอวากอดรับความอบอุ่นที่เขามอบให้เธอ…ครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้เธอจะมองเห็นใบหน้าเขาเลือนรางทว่าสัมผัสที่เขามอบให้เธอ…เอวาสัมผัสได้อย่างชัดเจน
ค่ำคืนที่หวานล้ำขอเอวาผ่านไปอย่างช้าๆ จวนเจียนจะขาดใจ
“พรึบ!!!”
เอวาเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เธอก้มมองภายใต้ผ้าห่มสีขาว
ไม่ได้….ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น….
เอวาเหลือบมองไปข้างเตียง เธอเอาผ้าห่มห่อตัวเพื่อเดินลงมาหยิบเสื้อผ้าไปใส่ เอวายกชุดนักบุญของเธอขึ้นมา
ด้านหลังขาดวิ่นจนผ้าที่เย็บไว้แทบจะแยกออกจากกัน….
ส่วนกระโปรงด้านในของเธอถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทบจะไม่เหลือซาก
“…..”
เอวายกมือขึ้นตบที่หน้าผากตัวเอง ความรู้สึกปวดเอวและส่วนล่างนั้น…มันแสนจะชัดเจน
เมื่อคืนเธอคงเสียตัวให้ใครสักคน…..
รอบๆ ห้องนี้ไม่มีใครอยู่ เอววามองไปที่นาฬิกา
ใช่แล้วตอนนี้เวลาสิบโมงกว่า เธอหายไปทั้งคืนเช่นนี้ ป้ามาธ่าน่าจะบิดหูเธอขาดทันทีที่เอวากลับไปที่โบสถ์
ใจเย็นๆ เอวา ตอนนี้สิ่งที่ต้องคิดเป็นอันดับแรกคือ….เธอจะใส่ชุดอะไรออกไปจากห้องนี้กัน
เอวาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าไม้ สถานที่นี้เธอมาค่อนข้างบ่อย
ที่นี่คือโรงแรมเอเลฟีน่า…โรงแรมที่หรูหราที่สุดในจักรวรรดิ
เอวามาปราสาทพรให้ผู้จัดการโรมแรมบ่อยๆ เขาให้ค่าตอบแทนเอวาในราคาที่สูง เพราะที่พักที่นี่ราคาแพงลิบลิ่ว
เอวาชะงัก!
เธอหวังลึกๆ ว่าชายคนเมื่อคืน….เขาคงจะจ่ายค่าโรงแรมแล้วใช่ไหมนะ…..เธอคงไม่ซวยถึงขนาดที่เสียตัวแล้วยังต้องมาออกค่าโรงแรมอีก
เอวาเปิดตู้เสื้อผ้าออก ปรากฏเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ เอวาคว้าเสื้อเชิ้ตและกางเกงมาใส่ เธอพับขากางเกงขึ้นเพื่อให้สะดวกกับการก้าวเดิน
หลังจากจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเอวาก็เปิดประตูออกไปด้านนอก ก่อนออกไปเธอไม่ลืมหยิบเศษซากชุดนักบุญของเธอออกมาด้วย
ที่นี่เป็นชั้นบนสุด..ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาพักเพราะค่าห้องชั้นบนจะแพงที่สุด เอวารีบวิ่งลงบันไดของพนักงาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอผู้คนด้านล่างด้วย
“อ้าว!..เอวา?”
เธอหันไปมองเสียงเรียกก็พบกับเจน
“สภาพเช่นนั้นคืออะไรกัน…ท่านนักบุญ”
เจนอมยิ้มให้เอวา
เอวาหลับตาพร้อมทั้งหมวดคิ้ว
“….อย่าบอกใคร”
เจนหัวเราะ เจนและเอวาเติบโตด้วยกันมาในบ้านเด็กกำพร้า เอวาคือเพื่อนสาวคนเดียวของเธอ อีกทั้งเมื่อคืนคนที่ชวนเอวาไปกินไวน์องุ่นจนเมาก็คือเจนเอง
“เอวา…เดินออกมาจากห้องไหน?”
เอวาเม้มปาก
“ช่างมันเถอะ”
เจนยกมือขึ้นท้าวเอว เธอเริ่มมองเพื่อนสนิทด้วยอารมณ์โมโหนิดๆ
“จะช่างมันได้ยังไงเอวา!…ดูสภาพเจ้าก่อน คอแดงเถือกเช่นนี้…คงไม่ได้ทำไปแค่รอบเดียวหรอกนะ!!!”
เอวายกมือขึ้นปิดปากเจน
“เจน…เมื่อคืนข้าเมา..เลยมองหน้าเขาไม่ชัด”
“เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาว่าเจ้าออกมาจากห้องไหน…ข้าสามารถตรวจชื่อของแขกที่เข้าพักให้ได้”
เอวาเม้มปาก
“เจนตรวจชื่อแล้วยังไง…เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าก็จำไม่ค่อยได้ จะไปบังคับให้เขามารับผิดชอบข้าเหรอ เกิดเจ้าโวยวายให้เขามารับผิดชอบข้าแล้วเขาเป็นคนที่มีภรรยาอยู่แล้วล่ะ ชีวิตข้าจะไม่ยิ่งเลวร้ายไปกว่านี้เหรอ?”
เจนถอนหายใจ พอเธอนึกตามที่เอวาพูดมานั้นก็มีเหตุผล
“เช่นนั้นเจ้ารีบไปก่อนป้ามาธ่าจะฆ่าเจ้า”
เอวารีบวิ่งทันทีที่เจนกล่าวจบ เธอปีนกำแพงเข้าทางข้างโบสถ์ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องนอนตัวเองเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนักบุญหญิง โชคดีที่ชุดนี้ปิดขึ้นไปถึงคอ ไม่งั้นถ้าคนอื่นเห็นคงตอบคำถามกันไม่หวาดไม่ไหวแน่
เอวาเดินไปยังห้องสวดภาวนา…ทว่าไม่มีคนอยู่สักคน
เธอรับวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่เสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ นักบุญส่วนใหญ่อยู่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เอวาใช้ถังน้ำมารองก่อนที่เธอจะปีนไปแอบดูที่หน้าต่าง
ท่านนักบุญริกเกอร์ผู้ดูแลโบสถ์กำลังกล่าวกับนักบุญที่อยู่ในห้องโถง
“เพราะฉะนั้นทางพระราชวังจึงให้เราส่งนักบุญที่มีพลังรักษาเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อไปออกรบในครั้งนี้”
เอวาขมวดคิ้ว ออกรบงั้นเรอะ!! ให้ตายเถอะ
เธอหวังอย่างยิ่งว่าท่านนักบุญริกเกอร์คงจะไม่ส่งผู้หญิงไปหรอก ใช่ไหม?
“คนแรกที่จะเป็นหัวหน้าของนักบุญที่เดินทางไปครั้งนี้ คือ เอวา”
“…..”
“เอวา…รีบออกมา!!”
เอวาคิดว่าเธอยังคงไม่สร่างเมา ไม่สร่างเมาแน่ๆ เหล้าองุ่นของเจนฤทธิ์ช่างแรงข้ามวันข้ามคืน
“เอวา!!!”
เอวาที่มองท่านนักบุญริกเกอร์ที่หน้าต่าง เธอรู้สึกเสียวๆ ที่สันหลัง เอวาหันหลังไปมองด้านหลังก็พบกับ ป้ามาธ่า ที่ยืนถือไม้เรียวมองเธออยู่
“…เอวา…ยังไม่รีบเข้าไปอีก!!!”
เสียงของป้ามาธ่าที่เรียกเธอทำให้ทั้งห้องโถงใหญ่มองมาที่หน้าต่างที่เอวายืนอยู่
นี่มัน….วันซวยอะไรของเธอกัน!!
เอวาเดินคอตกไปหาท่านนักบุญริกเกอร์
“คนต่อไป……”
เอวารู้สึกว่าหูของเธออื้อจนไม่ได้ยินเสียงของท่านริกเกอร์ที่เรียกชื่อนักบุญคนอื่นเลย
เสื้อผ้าของเอวาถูกเตรียมใส่กระเป๋าไว้โดยป้ามาธ่า เอวาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับกระเป๋านั้นมา
ป้ามาธ่ายื่นห่อข้าวที่เตรียมไว้ให้เอวา
“กลับมา…อย่างปลอดภัยละกันเจ้าน่ะ!!”
เอวาพยักหน้าเบาๆ ถัดจากป้ามาธ่าคือเจนที่ยืนร้องไห้อยู่
“เจน…หุบปากซะ!!!”
ป้ามาธ่าหันไปดุเจน
“เอวา…ข้าอยากจะบอกเจ้าว่าข้าจะดูแลโคลว์เป็นอย่างดีชนิดที่ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะ”
เอวามองค้อนไปที่เจน
โคลว์คือชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสตรีในหมู่บ้านรวมทั้งเอวาและเจน เขารับราชการเป็นอัศวินของตระกูลดยุคแลงค์ตั้น ตระกูลที่สูงส่งและมีชื่อเสียง
ใบหน้าที่หล่อเหลาบวกกับความเป็นสุภาพบุรุษของเขาทำให้สาวๆ ในเมืองต่างก็หมายปองโคลว์มาเป็นคู่ชีวิต
“ถือซะว่า…ข้าต่อให้เจ้าแล้วกัน”
“โป๊ก!!!”
ป้ามาธ่าใช้พัดที่ถืออยู่ตีไปที่หัวของเจนและเอวา
“ให้ตายเถอะ!! พวกเจ้าเป็นสตรี มากล่าวถึงบุรุษเช่นนี้เหมาะสมแล้วเรอะ!!!”
เอวายื่นมาลูบหัวตัวเองเบาๆ
“เจ็บนะป้ามาธ่า…วันก่อนตอนที่คณะอัศวินมาที่โบสถ์ข้ายังเห็นป้าออกไปยืนแถวหน้าสุดเพื่อต้อนรับหัวหน้าอัศวินริชาร์ดเลย”
ป้ามาธ่าหน้าแดง เธอยกมือขึ้นเตรียมจะตีเจนอีกครั้ง แต่เจนวิ่งหนีไปก่อน
“อ๊ากกก…พอข้าพูดความจริงป้าก็รับไม่ได้!!”
เอวาหัวเราะเสียงใส ป้ามาธ่าและเจนวิ่งไล่กันไปจนถึงหน้าโบสถ์
“ท่านนักบุญหญิงเอวาใช่ไหมครับ…ท่านดยุคแลงค์ตั้นให้ข้ามารับคณะท่านนักบุญครับ”
อัศวินผู้นั้นยื่นมือมาถือกระเป๋าเสื้อผ้าให้เอวา เขามีผิวสีแทนจากการตากแดด ใบหน้าดูคมเข้มตามแบบฉบับของชายชาตรี เอวามองเขาแล้วยกยิ้มให้
เอซหน้าแดงทันทีที่สบตาของเอวา สตรีเบื้องหน้ามีผิวขาวราวกับหิมะ ดวงตากลมโตรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ปากอมชมพูที่เชิดขึ้นเพื่อรับกับใบหน้าเรียวยาวของเธอ
สตรีตรงหน้าคือสาวงามชนิดที่ว่าหาได้ยากผู้หนึ่ง
“ท่านชื่อ?”
“ข้าชื่อเอซีล่า มามัวร์ เรียกว่าเอซก็ได้ครับ”
เอวาพยักหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ…ท่านอัศวินเอซ”
เอซนึกขอบคุณที่เขานั้นมีผิวสีคล้ำมันทำให้เวลาที่เขาหน้าแดงคนอื่นมองไม่ออก
เขาพานักบุญหญิงและนักบวชชายอีกสามคนขึ้นรถม้าเพื่อไปเตรียมตัวที่คฤหาสแลงค์ตั้น รถม้าจอดที่หน้าประตูขนาดใหญ่ คฤหาสน์สีขาวกว้างสุดลูกหูลูกตา
มีพ่อบ้านท่าทางใจดีมายืนต้อนรับเอวา
“พวกเราจัดห้องไว้ให้แล้วครับท่านนักบุญหญิง มื้อเย็นท่านดยุคจะลงมารับประทานอาหารเย็นด้วย ขอท่านนักบุญหญิงเตรียมตัวให้พร้อมครับ”
เอวาพยักหน้า มีสาวใช้นำทางเธอไปยังเรือนรับรองด้านหลัง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสอง เอวาเกิดรู้สึกเบื่อจึงขออนุญาตพ่อบ้านเพื่อจะไปชมสวนดอกไม้ด้านหลัง
ตระกูลแลงค์ตั้นนั้นร่ำรวยมหาศาล ท่านแกรนด์ดัชเชสของตระกูลเป็นน้องสาวขององค์จักรพรรดิ ส่วนท่านแกรนด์ดยุคเป็นแม่ทัพใหญ่ นำทัพออกรบชนะศึกทุกครั้ง จนได้ฉายาว่าตระกูลแลงค์ตั้นคือเสือดำที่ยากแก่การโค่นล้ม
พวกเขามีบุตรชายหนึ่งคน ชื่อว่าออสติน
ข่าวลือของออสตินคือเขาเป็นคนตายด้าน….บุรุษ…ที่นกเขาไม่ขัน…
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มต้นข่าวลือนี้
พอรู้ตัวอีกที….ชื่อของดยุคออสตินก็โด่งดังในชั่วข้ามคืน
เขาแต่งภรรยาทั้งหมดสี่คนแล้ว….ภรรยาทั้งสี่ของออสตินล้วนหย่ากับเขาด้วยเหตุผลเดียวกัน
คือ…นกเขาของออสตินนั้นหลับสนิทและปลุกไม่ตื่น…..
เอวาคิดว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่คงจะมีเหตุผลของตัวเอง ออสตินเองก็คงน่าเห็นใจเพราะเขาเป็นถึงท่านดยุค
หากตรงนั้นใช้การไม่ได้ เรื่องทายาทและผู้สืบทอดคงจะเป็นปัญหาแน่ๆ
เอวาเดินมาหยุดที่แปลงดอกทิวลิปสีแดงสด เธอนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สวนดอกไม้นี้มีดอกไม้หลากหลายชนิด แต่ละชนิดล้วนแล้วแต่มีราคาแพงระยิบ ทิวลิปดอกหนึ่งราคาราวสามเหรียญทอง เธอไปปราสาทพรได้เงินวันละ ห้าเหรียญทอง
เธอปราสาทพรทั้งวัน จะซื้อดอกทิวลิปได้เพียงดอกครึ่งเท่านั้น….
ความจนนี่…น่ากลัวเหมือนกันแฮะ
ถ้าถอนดอกทิวลิปทั้งแปลงนี้ไปขายคงได้เงินมหาศาล…..ไม่ได้นะเอวา!!!
ขโมยของมีโทษถึงตัดมือ…เธอจะไม่มีมือสวยๆ เอาไว้กุมหน้าสุดหล่อของโคลว์นะ เอวารู้สึกเขินอายทุกครั้งที่นึกถึงหน้าโคลว์
เขาทำงานในคฤหาสน์แห่งนี้นี่นา…จะมีพรหมลิขิตแบบเดินไปจ๊ะเอ๋กันไหมน้า~~
เอวาล้มตัวนอนลงบนพื้นหญ้า
“โป๊ก!!”
เอวารีบดีดตัวขึ้นทันทีที่หัวเธอไปกระแทกกับอะไรสักอย่างบนพื้น เธอยกมือมากุมหัวที่เริ่มปูดบวม
“ใคร!!..กล้ารบกวนการนอนของข้า”
เอวาเงยหน้าไปมอง เธอเห็นว่ามีชายคนหนึ่งนอนลงด้านหลังต้นไม้ที่เธอนั่งอยู่ เขายกมือขึ้นมากุมหน้าผากที่บวมแดง
“ขะ…ขอโทษค่ะ…ข้าไม่รู้ว่ามีคนนอนอยู่”
เขาลุกขึ้นเสยผมดำสนิทที่ปกหน้าผากก่อนจะมองเธอด้วยสายตาโกรธแค้น
“เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าชื่อเอวาค่ะ…เป็นนักบุญหญิงที่จะออกไปร่วมรบกับท่านดยุคแลงค์ตั้น”
หางตาเขากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเธอเอ่ยชื่อ
เอวาถือวิสาสะขยับเข้าไปหาเขา เธอยกมือขึ้นท้าวกับต้นไม้ส่วนอีกมือแตะที่หน้าผากเขา เธอร่ายเวทย์รักษาให้เขา มีลมสายหนึ่งพัดผ่านเขาไป พอรู้ตัวอีกทีก็ไม่รู้สึกเจ็บที่แผลแล้ว
“พรืด!!…”
มือที่ยันต้นไม้ไว้ของเอวาเกิดลื่น…เอวาพยายามคว้าต้นไม้ไว้แต่เธอก็คว้าได้แต่เพียงอากาศ
“ตุบ!!!”
เอวาล้มตัวไปทับเขา หน้าของเธอกระแทกที่หน้าอกแกร่งของเขาอย่างจัง เอวารู้สึกว่าเธอได้ยินเสียงดัง ก็อก!! ดังก้องอยู่ในหู
“!!!!”
กลิ่น….กายของเขา!!!!
เอวาไม่มีทางลืมกลิ่นนี้ได้เด็ดขาด กลื่นที่เธอสูดดมตอนที่เธอซบแนบอิงอกแกร่งของเขาโดยไร้ซึ่งสิ่งปิดกั้น เอวาเงยหน้ามองที่ใบหน้าของเขา
ถึงจะเลือนลาง ทว่ามีความคล้ายกับชายในความทรงจำของเธออยู่หลายส่วน
ไม่ผิดแน่!!! เขาคือชายที่มีค่ำคืนอันหอมหวานรัญจวนใจกับเธอ เอวาไม่มีทางลืมอกแกร่งที่เธอซบและลูบคลำตอนนั้นได้
“แหมะ!!…”
เลือดสีแดงสด….ไหลลงมาจากจมูกของเอวา
“!!!!”
ชายเบื้องหน้าก็ตกใจพอๆ กับที่เอวาตกใจ เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าไปซับเลือดที่กำลังไหลลงมาจากจมูกของเธอ
เอวาหลับตาลง….เธอไม่แน่ใจว่าเลือดที่ไหลออกมาทางจมูกนี้….ไหลเพราะว่าจมูกเธอกระแทกหรือเพราะว่าเธอนึกถึงเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของเขาในคืนนั้นกันแน่!!!!
แกรนด์ดัชเชสรอนด้า แลงค์ตั้น แม้จะเข้าสู่วัยสามสิบกว่าแล้วแต่ทว่าใบหน้าของเธอยังคงงดงามเหมือนสตรีอายุยี่สิบต้นๆ อยู่
ชีวิตของรอนด้าราวกับอยู่ในเทพนิยาย เธอเป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องห้าคน พี่ชายคนโตได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ เขารักและหวงแหนรอนด้ามากกว่าสิ่งใด
จึงให้โอกาสน้องสาวเลือกคู่ด้วยตัวเอง
ใบหน้างดงามที่ชายใดเห็นเป็นต้องหลงใหลของรอนด้า ทำให้มีจดหมายสู่ขอส่งมาเป็นจำนวนมาก
ทว่ารอนด้าเป็นสตรีที่ชอบความท้าทาย เธอดันไปตกหลุดรัก ดยุคโดโนแวน แลงค์ตั้น
ชายสูงใหญ่อีกทั้งหนวดเครารุงรัง….เขาถูกขนานนามว่าเป็นเสือดำแห่งแลงค์ตั้น!! เธอหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ
บุรุษผู้นั้นราวกับก้อนหิน ไม่ว่ารอนด้าจะยั่วยวนยังไง เขาก็ไม่มีท่าจะจะสนใจนาง
ไม่ยอม….รอนด้าไม่มีทางยอม!!!! ยังไงโดโนแวนก็ต้องตกเป็นของเธอ!!!
แผนการฉุดโดโนแวนจึงเริ่มขึ้น รอดด้าปลอมตัวเป็นทหารเพื่อเข้าไปฝึกสู้รบ….มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อในชีวิตของสตรีชนชั้นสูงเช่นเธอมากๆ มือที่ไม่เคยต้องหยิบจับสิ่งใด คราวนี้รอนด้าต้องหยิบดาบออกมาสู้รบ
เธอยังจำได้ดีว่าเธอไม่ได้อาบน้ำนานที่สุดห้าวัน รอนด้าอยู่ในค่ายทหารราวสามเดือน เธอแอบมองโดโนแวนทุกวัน รอนด้าพยายามหาวิธีจะเข้าใกล้เขาแต่ว่าก็ไม่มีวิธีใดเลย
จนวันนั้นวันที่โดโนแวนชนะศึกครั้งนี้ เหล่าทหารมากมายร่วมดื่มฉลองจนเมามาย ในความทรงจำของรอนด้า โดโนแวนเดินเข้ามาอุ้มเธอ ก่อนจะพากลับไปที่ห้อง….
เช้าที่แสนสดใสของรอนด้า….เธอตื่นมาในสภาพเปลือยเปล่าพร้อมกับโดโนแวนที่นั่งอยู่ รอนด้าแสร้งร้องไห้เพื่อให้โดโนแวนรู้สึกผิด….ทว่าไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ บนใบหน้าโดโนแวน เขากลับแสยะยิ้มให้รอนด้า
พอรอนด้ารู้สึกตัวอีกที…โดโนแวนก็เคี่ยวกร่ำเธอ…..ทั้งวันทั้งคืนยาวนานเกือบอาทิตย์ที่ไม่ได้ก้าวขาออกจากห้อง
รอนด้าหน้าแดง เธอจำได้ดีว่าช่วงเวลานั้นมันหอมหวานมากแค่ไหน
แกรนด์ดัชเชสรอนด้า แลงค์ตั้น เดินไปชมสวนดอกไม้ที่เธอบรรจงปลูกด้วยตัวเอง หลังจากที่แต่งงานกันโดโนแวนก็เป็นเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนจากก้อนหินก้อนใหญ่เป็นเสือที่แสนดุร้ายเวลาอยู่บนเตียง
ทุกครั้งที่ไปออกรบเขาจะหาดอกไม้ชนิดใหม่ๆ มาให้เธอปลูก เพราะโดโนแวนรู้ดีว่ารอนด้าชอบดอกไม้มากขนาดไหน
รอนด้าเดินไปพร้อมข้ารับใช้อีกสามคน
“….เจ็บไหม?”
“ไม่เจ็บค่ะ”
รอนด้าหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินของเธอลง เบื้องหน้ารอนด้าคือแปลงดอกทิวลิปสีแดงสด รอนด้าเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ เพื่อไปดูต้นตอของเสียงนั้น
ออสติน!!!
ใช่แล้วชายหญิงตรงหน้าเธอคือออสติน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอไม่ผิดแน่!!!
แล้วสตรีในอ้อมแขนที่ออสตินกำลังยกผ้าเช็ดหน้า เช็ดที่ใบหน้าเธอนั้นคือใครกัน!!!
ถึงแม้ว่ารอนด้าจะเติบโตขึ้นมาจากในวังที่กฏระเบียบเข้มงวด แต่ทว่าเธอไม่ใช่สตรีหัวโบราณ
ออสติน คือลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ
ลูกชายสุดที่รักมีข่าวลือที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่….เรื่องบนเตียงของออสตินนั้น…เฮ้อ…แค่นึกถึงเธอก็ต้องถอนหายใจ
รอนด้าพยายามเฟ้นหาสตรีมากมายมารับใช้ออสติน ทว่าทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้น สตรีทุกนางต่างหนีและตีจากออสตินไปจนหมด
การแต่งงานทั้งสี่ครั้งของออสติน เธอก็เป็นคนจัดเองกับมือ สตรีแต่ละนางที่เธอหามาเป็นลูกสะใภ้ล้วนแล้วแต่ชาติกำเนิดสูงส่งและมีใบหน้าที่งดงาม แต่ทว่าก็ไม่มีสตรีนางใดทนอยู่กับออสตินได้
จนตอนนี้…รอนด้าคิดว่า เธอจะเลิกล้มการบังคับเรื่องนี้กับออสตินได้แล้ว เธอไม่อยากให้บุตรชายต้องมาแบกรับความเครียดความกดดันจากเธออีก ใช้งานไม่ได้ก็ไม่ต้องไปใช้มัน!!!
แต่วันนี้แววตาของออสตินที่มองไปยังหญิงสาวในอ้อมกอดนั้นเปลี่ยนไป
แววตาเขาอ่อนโยนกว่าที่มองสตรีอื่น
รอนด้ารู้สึกว่าดวงตาของเธอนั้นกำลังเป็นประกาย เธอต้องรู้ให้ได้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นใคร
“อะ…แฮ่ม”
ออสตินเงยหน้าขึ้นมาก็พบท่านแม่กำลังเดินมาทางเขา
เอวากำลังจะหันหน้าไปมอง แต่ก็ถูกออสตินจับหน้าเธอไว้
“ออสตินลูกรัก…มาทำอะไรตรงนี้จ๊ะ”
“เปล่า…ครับท่านแม่”
เอวาดีดตัวขึ้นมา เธอมองไปที่ชายเบื้องหน้าอย่างตกใจ
ออสติน…ดยุคออสติน!!!!
ผู้ชายตายด้านของจักรวรรดิ!!!
เอวาหันไปมองใบหน้าของสตรีด้านหลัง เธอรีบก้มลงทำความเคารพสตรีเบื้องหน้าอย่างมีมารยาท
รอนด้าเลิกคิ้วขึ้น
นี่มัน….สาวงาม!!!
เธอส่งยิ้มกรุ้มกริ่มไปให้ลูกชาย ออสตินถอนหายใจ
“…..”
เอวากำลังนั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหาร เบื้องหน้าเธอคืออาหารมากมายหลากหลายชนิด ที่แค่เห็นยังน้ำลายสอ เธอไม่เคยพบอาหารราคาแพงเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ที่หัวโต๊ะถ้าเอวาเดาไม่ผิดชายร่างใหญ่หนวดเครายาวเฟิ้มนั้นคงจะเป็นแกรนด์ดยุคโดโนแวน ถัดมาคือสตรีที่ใบหน้างดงามจนเอวามองยังตะลึงในตอนแรกเจอ แกรนด์ดัชเชสรอนด้า
ตรงข้ามเธอคือ ชายผมดำที่หน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง….ไม่ใช่เอวา!!
ตรงข้ามเธอคือ…ชายผมดำใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมารดามา…
ดยุคออสติน
เอวารู้สึกว่าเธอ….มานั่งผิดที่ผิดทางอยู่รึเปล่า
นักบุญหญิงจนๆ เช่นเธอมานั่งเจ๋ออะไรอยู่ตรงนี้กัน….
แกรนด์ดัชเชสรอนด้าตักซุปใส่ถ้วยส่งมาให้เอวา เธอยื่นมือไปรับถ้วยซุปด้วยความเกรงใจ ก่อนจะตักเข้าปาก
“ซุปนี่ใช้เวลาตุ๋นถึงสามวันสามคืน…ส่วนประกอบหลักคือเขากวางบดและอัณฑะของวัวตัวผู้…นิยมทานเพื่อเพิ่มพละกำลังภายใน…”
เอวาเม้มปาก ตอนนี้….ซุปอัณฑะวัวกำลัง…อยู่ในปากเธอ…..
เธอมองใบหน้าของแกรนด์ดัชเชสรอนด้าที่กำลังยิ้มให้…..
แค่นึกถึงอัณฑะวัวที่อยู่ในหม้อต้มเอวาก็อยากจะพ่นซุปในปากออกมา….แต่….ต้อง..กลืนลงไปสินะ……
เอวานับหนึ่ง สอง สามในใจ ก่อนจะกลั้นใจกลืนซุปนั้นลงคอ
รสชาตินับว่ายังใจดีกับเธออยู่บ้าง
เธอรู้สึกว่าการอยากอาหารในมื้อนี้ลดลงเล็กน้อย….เมื่อกลืนซุปนั้นลงไป
“นี่ออสติน…ซุปของลูก…ต้องทานให้มากหน่อย”
ออสตินยื่นมือไปรับซุปนั้นมากินหน้าตาเฉย เอวาคิดว่าแกรนด์ดัชเชสคงจะสรรหายาชูกำลังให้ออสตินกินเป็นประจำแน่ๆ
…..ภาพคืนนั้นยังชัดเจนในหัวของเอวา….ยาพวกนั้นคงจะได้ผลเป็นอย่างดี….เพราะพละกำลังของเขาในคืนนั้นมัน….
เอวาส่ายหน้าน้อยๆ เพื่อไล่ความคิดของตัวเองออกไป
“จริงสิ…ข้าได้ยินว่าเจ้าคือนักบุญหญิงใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะท่านแกรนด์ดัชเชส”
“พอดีเลย ลูกชายของข้ามีปัญหาด้านสุขภาพ….ข้าอยากให้ท่านนักบุญหญิงช่วยรักษาลูกชายของข้า”
“…ท่านแม่!!”
ออสตินหันไปที่เอวาก่อนจะส่ายหน้าเพื่อให้เธอปฏิเสธแกรนด์ดัชเชส เอวาทำท่าลังเล…
“เงินหนึ่งพันเหรียญทองจะถูกฝากไปที่บัญชีของท่านนักบุญหญิงเอวาทันทีที่ลูกชายของข้าหายดี”
“ด้วยความยินดีค่ะ…ท่านแกรนด์ดัชเชส ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ”
……..
เอวาพาตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างประตูห้อง
หากเธอย้อนเวลากลับไปได้…..เธอคงจะไม่รับปากแกรนด์ดัชเชสเช่นนั้น
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเอวาก็ถูกสาวใช้จูงไปอาบน้ำ ครีมอาบน้ำ น้ำมันหอมระเหยต่างๆ ถูกชโลมลงบนผิวกายที่ขาวเนียนของเธอ
ไหนจะชุดสีขาวบางจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนที่เธอกำลังสวมนี่อีก!
แกรนด์ดัชเชสส่งยิ้มให้เอวา
“ลูกชายข้ามีปัญหาเรื่องตรงนั้นของเขาใช้การไม่ได้ ข้าอยากให้ท่านนักบุญหญิงช่วยให้ตรงส่วน…นั้นของเขากลับมาใช้งานได้ค่ะ”
ใช่แล้วนี่เป็นประโยคสุดท้ายที่เอวาได้ยินก่อนที่เธอจะถูกดันเข้ามาในห้องนอนห้องดยุคออสติน ไม่ว่าเอวาจะเคาะเรียกยังไงก็ไม่มีใครเปิดประตูให้…..
“เปล่าประโยชน์…กว่าท่านแม่จะมาเปิดประตูให้คงจะราวอีกสองวัน”
ห๊ะ!!!…สองวัน
เธอมองไปที่ออสติน เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟาโดยสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำ ผมที่ถูกเซตไว้อย่างดีเมื่อเช้าตอนนี้ดูยุ่งเหยิง เขายกมือเสยผมของเขาเบาๆ ก่อนจะหันหน้ามาหาเธอ
โห….โครตหล่อ….
เอวารู้สึกว่าใบหน้าของเธอกำลังแดง เธอรีบเอายกมือขึ้นมาปิดจุดสำคัญไว้ก่อนจะวิ่งไปดึงผ้าห่มที่เตียงมาม้วนปิดร่างตัวเอง
ออสตินยิ้มน้อยๆ กับการกระทำของเอวา เขาลุกขึ้นเดินไปหาเอวาที่นั่งอยู่บนเตียง เธอซุกซนน่ารัก ราวกับกระต่ายตัวน้อยๆ ที่เขาเคยเลี้ยงไว้
“…เอวา? …”
ใช่แล้วเอวา….เขาไม่มีทางจำผิด..เธอเป็นสตรีที่ทำให้เขาครางชื่อเธอ…ทั้งคืน
ออสตินใช้มือทั้งสองข้างของเขายันไปที่เตียง เขากักขังเอวาไว้ในอ้อมกอดเขา
“ท่านนักบุญหญิง….ท่านจะเริ่ม…รักษาข้ายังไง”
เอวาหน้าแดง ตอนนี้ชุดคลุมอาบน้ำช่วงบนของออสตินนั้นแหวกออก ทำให้กล้ามท้องแกร่งปรากฏต่อสายตาเอวาอีกครั้ง
“…..ท่านดยุคคะ….ข้าว่าท่านควรจะ…เอ่อ….ถะ…ถอยออกห่างไปก่อน”
เอวาใช้มือดันไหล่ของออสตินเอาไว้
ออสตินยกมือขึ้นมาจับที่ปลายผมของเอวา เขาจูบที่ปลายผมนั้นเบาๆ
เขาอยากจะจูบตั้งแต่เส้นผม…ไปจนถึงปลายเท้าของเธอ ทุกส่วนบนร่างกายเล็กนั้นๆ ดึงดูดเขาอย่างน่าประหลาด
ข่าวลือเรื่องส่วนล่างของเขาแพร่ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วจักรพรรดิ
ออสตินไม่ได้คิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปมด้อย หรือว่าเรื่องน่าอาย
เขาเติบโตมาด้วยครอบครัวที่ท่านพ่อบูชารักท่านแม่สุดหัวใจ
ส่วนท่านแม่ก็คลั่งรักท่านพ่ออย่างหนัก บรรยากาศยามที่ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกันราวกับมีแสงแดดอุ่นๆ สาดแสงออกมา ยังกับว่าบนโลกนี้มีเพียงท่านพ่อและท่านแม่เท่านั้น
ในคราแรกออสตินคิดว่าเขาคงจะมีน้องมากมายเต็มคฤหาสน์ แต่ทว่าหลังจากที่ท่านพ่อเห็นท่านแม่คลอดเขาออกมาด้วยความเจ็บปวดเจียนตาย
ท่านพ่อจึงหายาสมุนไพรที่ทำให้ตัวเองเป็นหมัน เพื่อที่ท่านแม่จะไม่ต้องเจ็บปวดเจียนตายกับการคลอดลูกอีก
เขา….คิดว่าการจะมีค่ำคืนที่ลึกซึ้งกับใครสักคนหนึ่ง
มันต้องมีองค์ประกอบหลัก…คือความรัก
นกเขาของเขานั้นปกติดี….มันยังคงตื่นทุกเช้า แต่ทว่ากับสตรีที่เขาไม่ได้สนใจหรือว่าไม่ได้ชอบ มันจะไม่ตื่นขึ้นมาแม้จะทำเช่นไรก็ตาม
เอวา…….ออสตินยกยิ้ม
เธอคงจะจำเขาไม่ได้…..แต่ทว่าภาพของสตรีตัวเล็กแก้มพองๆ นั้นยังคงตราตรึงใจของออสตินมาจนถึงทุกวันนี้
………
ออสตินในวัยสิบเจ็ดเขาออกไปร่วมรบกับท่านพ่อแต่เขาพลาดท่าโดนธนูที่อาบด้วยสมุนไพรพิษยิง เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการขี่ม้าหลบหนีเข้าไปในป่า พิษที่อาบอยู่บนดอกธนูช่างร้ายแรง ดวงตาจะปิดลงให้ได้ เรี่ยวแรงของเขาที่จะนั่งบนหลังม้าก็หมดลง
ออสติน…ร่วงลงจากหลังม้า
เขา….ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพราะกลิ่นอาหารที่ลอยเข้าจมูก
“แค่ก…แค่ก”
มีมือขาวๆ ยื่นแก้วน้ำมาให้เขา ออสตินยื่นมือไปรับก่อนจะยกน้ำนั้นขึ้นดื่ม
“…ฟื้นแล้ว…หรือคะ?”
เขาหันไปตามเสียง….ใบหน้าของสตรีที่งดงามปานนางฟ้าบนสรวงสวรรค์ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เธอสวมชุดนักบุญสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตากลมโตนั้นมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นห่วง
“…ท่านหลับไปตั้งสามวัน”
“เจ้าช่วยข้าไว้?”
เธอพยักหน้าก่อนจะยื่นช้อนมาจ่อที่ปากเขา ในช้อนคือโจ๊กที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนให้ลิ้มลอง
ออสตินอ้าปากกินโจ๊กที่เธอส่งมาให้ เขาคิดว่ารสชาติคงจะอร่อมเหมือนกลิ่นหอมที่ลอยมาปะทะจมูก
…….เค็ม….ปี๋
ออสตินกลืนโจ๊กลงคออย่างยากลำบาก
“อร่อยไหมคะ…ข้าพึ่งทำครั้งแรก…ข้าทำตามที่ป้ามาธ่าสอนทุกขั้นตอนเลยค่ะ”
ใบหน้างามนั้นยิ้มให้เขาอย่างภูมิใจ….
“อื้ม..อร่อย…”
“เช่นนั้นก็ดีเลย ข้าต้มไว้สองหม้อ ท่านก็ทานให้มากหน่อย…นอนหลับไปตั้งหลายวัน”
ออสตินฝืนยิ้มให้กับ….ตัวเอง
หากกินหมดหม้อนั้น….ต่อมรับรสเขาอาจจะพังทลายลง…..
“แผลท่าน…หายดีแล้วค่ะ…วางใจได้เลย แต่ภายในอาจจะยังบาดเจ็บอยู่ขอให้ท่านพักอีกสักสองวัน”
ออสตินพยักหน้า…..เขาพึ่งสังเกต บนร่างกายเขา….
สวมเพียงชุดที่ทอด้วยฝ้ายราคาถูก……
“อ๋อ..ข้าไปเจอท่านในป่า ชุดของท่านเบื้องเลือด ข้าจึงถือวิสาสะเปลี่ยนชุดให้ท่าน วางใจข้า….มองเพียงนิดเดียวเท่านั้น….ขอท่านอย่าถือสา”
ใบหน้าเล็กๆ ของนางขึ้นเป็นสีแดงน้อยๆ
“ดาบของข้า…..”
“….พอดีท่านถูกพิษของเผ่าทางเหนือถึงแม้ข้าจะร่ายเวทย์รักษาให้ทว่ารักษาได้เพียงภายนอก…พิษแพร่กระจายเข้าสู่ภายใน….ข้าต้องไปซื้อสมุนไพรซึ่งสมุนไพรนี้มันก็แพงมาก…..”
ออสตินหลับตาลง เขายกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ
“หวังว่าเจ้าคงไม่เอาดาบข้าไปขาย…”
“ใช่….ข้าขายดาบท่านไปแล้ว….”
ดาบสุริยันจรัสแสง….ดาบที่ตีขึ้นโดยนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ…..เขาได้รับดาบนี้มาจากท่านลุงที่เป็นองค์จักรพรรดิในวันบรรลุนิติภาวะ
นาง…..กล้าเอาของล้ำค่าในชีวิตเขาไปขาย!!!!
ให้ตายเถอะ!!!! ออสตินกัดฟัน
“ข้าจะกลับบ้าน…”
เธอยกมือขึ้นมาคว้าข้อมือเขาไว้
“ท่านยังไม่หายดีค่ะ….หากเดินทางหรือว่าขี่ม้าตอนนี้จะต้องกระทบกระเทือนภายในแน่”
ออสตินหลับตา พยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้ง เธอประคองเขาลงไปนอนลงบนเตียง
“ท่านจะกินโจ๊ก…อีกไหมคะ”
“ข้าจะนอน!!!”
เธอเม้มปาก ก่อนจะเก็บแก้วน้ำและถ้วยไปล้าง
เขามองไปรอบๆ บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเล็กๆ ไม่มีการกั้นห้องใดๆ ทั้งนั้น มีเตียงนอนอยู่มุมห้อง ถัดไปเป็นโต๊ะกินข้าวและห้องครัว
“…ที่นี่…เป็นบ้านเจ้า?”
“จะเรียกว่าบ้านคงไม่ถูกนัก…ที่นี่เป็นที่พักของอาจารย์ข้าค่ะ…ไม่ต้องกังวลเรื่องคนที่ทำร้ายท่านนะคะ…จะไม่มีใครหาที่นี่พบเพราะข้าร่ายเวทลวงตาไว้แล้วค่ะ”
ออสตินหลับตาลง ความง่วงโจมตีเขาอีกครั้ง
ยามกลางคืนที่เงียบสงัด ออสตินค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขาดันตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบๆ
เธอ…นอนหลับอยู่ที่พื้น…
มีความรู้สึกอบอุ่นสายหนึ่งพาดผ่านหัวใจของเขา ออสตินลุกขึ้นไปช้อนตัวเธอขึ้นมานอนบนเตียง เขาเดินไปที่หน้าเตาไฟ ก่อนจะเทโจ๊กหม้อนั้นทิ้ง สภาพในครัวเลวร้ายกว่าที่เขาคิด เธอคงจะทำอาหารไม่เป็นจริงๆ
เขาเหลือบไปมองมือเธอ ก็พบรอยมีดบาดสามสี่รอยที่นิ้วทั้งสองข้าง
ออสตินยกยิ้ม เธอและเขาต่างก็ไม่รู้จักกันทำไมเธอทำเพื่อเขาขนาดนี้กันนะ?
เขาคว้ามันฝรั่งมาปอกเปลือกก่อนจะเอาไปหั่นอย่างคล่องแคล่ว มีเนื้อกวางตากแห้งแขวนไว้ที่หน้าต่าง ออสตินนำเนื้อกวางและมันฝรั่งมาผัดรวมกัน ก่อนจะปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาล
เขาตักใส่จานก่อนจะเดินไปปลุกสตรีที่กำลังหลับอยู่
“เฮ้!!!”
ออสตินเขย่าตัวเธอ เธอยกมือขึ้นมาขยี้ตาน้อยๆ ออสตินก้มลงไปอุ้มเธอมานั่งที่เก้าอี้ แววตาของเธอมีอาการตกใจน้อยๆ
“กินสิ”
“ท่านทำเองเหรอคะ?”
ออสตินยักไหล่ก่อนจะตักผัดเนื้อกวางไปจ่อที่ปากเธอ เธอมองหน้าเขาอย่างแปลกใจก่อนจะอ้าปากกิน
“อื้อ…อร่อยมาก!!!”
ออสตินยิ้มน้อยๆ
“เจ้า…ไม่กลับบ้านรึไง?”
เธอทำหน้าเศร้า ก่อนจะถอนหายใจ
“ข้าหนีออกมาจากโบสถ์….”
ออสตินเลิกคิ้วขึ้น
“โจนาธานเขามาขอซื้อตัวข้าไปเป็นภรรยาคนที่สามของเขา….”
ราวกับมีบางอย่างมาจุกที่คอของออสติน เขามองเธอที่ทำหน้าเศร้าด้วยความสงสาร
“แล้วคนที่โบสถ์ว่ายังไง?”
“ตระกูลของโจนาธานเป็นถึงท่านเคาน์ พ่อของเขาก็บริจาคให้โบสถ์มหาศาล…ท่านผู้ดูแลโบสถ์ไม่มีทางกล้าขัดใจเขาหรอกค่ะ…..ท่านผู้ดูแลเป็นคนดีมากๆ เขาเองก็ไม่อยากบังคับข้า…แต่อำนาจของโจนาธานนั้นยิ่งใหญ่มาก…หากข้าปฏิเสธก็จะทำให้ท่านผู้ดูแลลำบากใจ”
“เจ้าคิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไปรึไง…”
“เรื่องนี้ข้าก็ยังคิดไม่ออก…แต่ว่าข้าไม่มีทางไปเป็นเมียเก็บของโจนาธานแน่นอนค่ะ”
เขา….แอบสงสารเธออยู่ลึกๆ ในใจ
เธอเองก็ช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตาย….เขาควรจะช่วยเหลือเธอกลับไปบ้าง แต่ทว่าการช่วยเหลือเธอในครั้งนี้เขาต้องได้ประโยชน์ไปด้วยถึงจะคุ้มค่า
“เจ้า…..ยังบริสุทธิ์ใช่ไหม”
เธอหน้าแดงก่อนจะมองที่เขาอย่างตกใจ
“ชนชั้นสูงมีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่อย่างเคร่งครัด….พวกเขาจะไม่รับสตรีที่ไม่ถือพรหมจรรย์เข้าตระกูล”
เหมือนเขาจะเห็นดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอยกยิ้มก่อนจะขอบคุณเขา
“แล้ว…เจ้าจะเอายังไงต่อ?”
“ข้าจะไปที่หมู่บ้านค่ะ…ข้ามีเพื่อนผู้ชายอยู่เยอะ เพียงแค่ข้าเอ่ยปากพวกเขาน่าจะยอมช่วย”
ออสตินรู้สึกราวกับมีหินก้อนใหญ่ทุ่มใส่หัวเขาอย่างแรง เธองดงามเช่นนี้แม้ไม่เอ่ยปากใครๆ ต่างก็ต้องอยากครอบครองเธอทั้งนั้น!! เขาหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจ
“…..ข้าไง”
เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าไง….เจ้าจะลำบากไปที่หมู่บ้านทำไมกัน…ข้าช่วยเจ้าได้นะ”
“ข้าว่า….ท่านยังไม่หายจากอาการ….”
“เจ้าช่วยชีวิตข้า….ให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าเถอะ….วางใจไม่ได้รบกวนอะไรข้าเลย….ข้า…ยินดีช่วย”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!