ชื่อ อิซึกะ ฮารุโตะ อายุ21 ปี
ส่วนสูง 180 น้ำหนัก 85
กรุ๊ปเลือด O แต่เวลาเครียดจะกลายเป็น A ได้ไงก็ไม่รู้
คุณลักษณะ ชายวัยรุ่นตอนกลางนิสัยกวนๆเงียบๆและเข้มขึงเวลาทำงานผมดำที่ตาข้างขวามีแผลเป็นที่ทำให้เขาตาบอดข้างหนึ่งมีสีผิวแทนเนื่องจากโดนไฟเผาถึงเพื่อนที่ทำงานจะบอกว่าเขาพูดเล่นแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเป็นชายที่ทำงานหนักเพื่อจะได้พาน้องๆที่รักไปเที่ยวที่ต่างๆได้ถึงจะชอบบ่นชิโดกับโทโตริบ่อยๆว่าเสียงดังกันแต่เช้าแต่เขาก็ชอบมันถึงแม้ต่อมาจะไม่มีโมเม้นแบบนั้นแล้วก็ตาม
อีกบุคลิกหนึ่งจะสลับเป็นเมื่อฮาโตรุเวลาเครียดหรือโกรธ
เนื่องจากการทำงานหนักจนเกินเหตุจนทำให้เขาเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งจากความเครียดเมื่อมีอะไรเคมีไม่ถูกกับเขาเมื่อไหร่ก็จะอาละวาดขนานหนักมีวันหนึ่งที่เขาหลับและฮาโตริเข้ามากวนเขาจนเผลอจับน้องสาวของตัวเองมัดและเอาไปห้อยตรงบันไดและชิโดที่ไม่รู้อะไรก็โดนไปกับเขาด้วยจึงทำให้ฮาโตริไม่กล้าไปกวนเขาอีกและไปลงชิโดแทน
อย่างที่รู้ๆ ว่าเขาเป็นคนจากอีกโลกหนึ่งแต่เขาก็จำไม่ได้แล้วว่าเขาตายมาได้อย่างไรแต่ด้วยยังมีความรู้ติดมาด้วยจึงสมารถนำมาใช่ในโลกนี้ได้และรอดพ้นช่วงเรียนไปได้อย่างง่ายดายแต่แล้วเมื่อ 5 ปีก่อนที่น้องสาวของเขาน้อยใจพ่อแม่จึงได้หนีหายไปและเจ้าน้องชายบุษธรรมที่เป็นห่วงจึงได้ตามไปและแน่นอนด้วยเป็นพี่ใหญ่สุดของบ้านก็ต้องตามไปดิถามแปลกๆ //จุ๊ปากเบาๆ
แต่เมื่อเดินหาไปซักพักก็พบกับสนามเด็กเล่นที่ลุกร้อนดังไฟเยอร์พร้อมของแถมเป็นสองพี่น้องที่
กลางกองไฟนั้นและแน่นอนก็ต้องวิ่งเข้าไปหาสิ
แต่ด้วยไฟอันร้อนแรงดังกาต้มน้ำมันได้แผดเผาผิวหนังของเขาแต่มันกับไม่ร้อนเท่าไฟเย็นเลยแต่กลับค่อยพลักเขาออกไปพร้อมเปลี่ยนผิวหนังของเขาเป็นสีแทน และด้วยความเป็นห่วงก็พยายามแหวกเข้าไปให้ได้แต่ก็นั้นแหละนะอยู่ๆก็มีบางพุ่งเข้ามาใส่หน้าแต่ก็เฉียดตาขวาเขาไปจนลืมตาไม่ขึ้นได้แต่ฉุดลงไปและได้แต่มองตาปริบๆได้แต่คิดและสงสัยแต่ทุกอย่างก็จบลงพร้อมกับที่ภาพบัดสีบัดเถลิงของน้องชายและน้องสาวที่เสื้อขาดจนเห็นผิวนว...
ช่างเถอะ..แล้วก็ใครบางคนเดินตรงไปมาหาพวกเขาและพูดอะไรบางอย่างก่อนทำมือชูไปข้างหน้าและหันมามองทางผมแปปนึงก่อนทุกอย่างจะดับมืดไป
และเมื่อตื่นขึ้นมาพบกับเพดานขาวอันแปลกตาพร้อมกับที่ตาข้างหนึ่งยังคงดับมืดและเมื่อเวลาผ่านไปพ่อกับแม่ได้เดินเข้ามาคุยพวกเขาเล่าให้ฟังว่า
ตอนนั้นมันมืดแล้วเลยออกไปตามหาและก็ไปพบพวกเรา 3 คนนอนแองแม๊งอยู่กลางสนามเด็กเล่นแล้วตอนนั้นพ่อก็เดินไปกระชากฮาโตรุหรือก็คือตัวผมที่ตัวเปลี่ยนสีไปเพราะคิดว่าเป็นคนทำแต่พอเห็นหน้าก็ถึงกับพูดไม่ออกได้แต่เรียกรถโรงบาลมารับและมาโพล่ที่นี้แหละและพ่อกับแม่ก็ได้ถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ผมกับจำไม่ได้ก็เลยไปถามพวกน้องๆแต่ก็ไม่ได้ความเหมือนกันและผมก็ได้รู้จากปากหมออีกเรื่องนึงว่าตาข้างขวาผมได้รับความเสียหายอย่างหนักและมันก็ทำให้ผมตาบอดข้างหนึ่งนั้นเอง.....
ณ เช้าที่สดใสไม่มีอะไรมากไปกว่าวันธรรมดาวันหนึ่ง
ชายคนหนึ่งยังคงนอนอยู่ภายใต้ผ้าห่มอันอบอุ่นของเขาและยังค่อยขยับตัวไปมาเพื่อให้ร่างกายยังคงรู้สึกสบายตัวอยู่ แต่ในขณะที่เขาฝันหวานอยู่นั้น
"แอ๊กกกกกกก!!!!"เสียงร้องของใครบางคนก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดภายนอกห้องของเขา จนทำให้ชายคนนั้น สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ร่างนั้นค่อยๆลุดขึ้นจากเตียงครึ่งตัวเผยให้ให้ร่างกายท่อนบนที่ไม่ใส่อะไรสีผิวแทนคล่ำมีกล้ามแต่พอดีคำที่พองามตาอยู่บ้าง
ร่างนั้นค่อยๆขยี้หัวที่ฟู่ฟ่องของตนไปมาอย่างงั่วเงี้ยวแล้วหาววอดใหญ่และทันใดนั้น
"กรี๊ดดดดด!!! ง๊าาาาาาาา!!!"
เสียงร้องของสาวน้อยได้ดังมาพร้อมกับความเร็วของเสียงเท้าที่มาพร้อมกันดังออกมาจากข้างนอกเสียงดังตุบตับและเสียงก็เงียบไปเมื่อเสียงนั้นดังลงไปข้างล่างของบ้าน
ชายคนนั้นมองไปทางประตูสักพัก แล้วบ่นอุบอิบแล้วยกยิ้มขึ้น"ให้ตายสิ.. เสียงดังแต่เช้าเลยแฮะ.."
บ่นไปก็เท่านั้นเขาลุกขึ้นจากเตียงยืดเส้นยืดสายแล้วเดินไปตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดทำงานของเขาที่เป็นชุดสูทสีดำขาวและเสื้อคลุมสีดำคอสูงมาจากตู้แล้วเดินไปเปิดประตูห้องออกไปและจะเดินลงไปที่ห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวไปทำงานและเขาก็ปะกับใครบางคนที่หน้าประตูพอดี
"ห้าว~~~ อ๊ะ!! พี่ฮารุ อรุณสวัสดิ์ครับ~"
ผู้ที่กำลังห้าววอทใหญ่กับทักทายตอนเช้านี้คือน้องชายเขาและยังเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ชื่อ อิซึกะ ชิโด อายุ 16 ปี
น้ำหนัก 58 ส่วนสูง 170
กรุ๊ปเลือด A
เมื่อหลายปีก่อน ครอบครัวอิซึกะ ได้รับชิโดมาเป็นบุตรบุญธรรมและได้เลี้ยงดูเรื่อยมาและด้วยความที่พ่อแม่เลี้ยงของเขาเชื่อใจในตัวของเขาจึงได้ ไหว้วานให้ชิโดช่วยดูแลน้องสาวบุญธรรมของตนเนื่องจากต้องไปทำงานต่างประเทศและยังมีฮารุโตะซึ่งเป็นพี่ใหญ่ค่อยดูแลอยู่ด้วยนั้นเอง
เขาพยักหน้าพร้อมกับขยี้หัวชิโดไปมาให้ผมยุ่งและทักทายกลับไป
"อ๊า.. อรุณสวัสดิ์ไอ้ตัวแสบตื่นมาก็เสียงดังแต่เช้าเลยนะ.."
ชิโดหัวเราะแห้งๆและเกาแก้มตัวเองแล้วลูบผมตัวเองให้เข้าทรงแล้วจึงถามพี่ชายของตน
"แฮะๆ ว่าแต่พี่ฮารุจะเอาข้าวเช้าด้วยไหมครับ? เดี่ยวผมจะได้ไปทำให้ตอนลงไป?"
"อืม...ไม่เป็นไรๆเอาแค่กาแฟพอ.."
ชิโดพยักหน้าเบาๆแล้วยิ้มขึ้น
"งั้น..ผมไปแต่งตัวก่อนนะครับพี่เดี่ยวจะได้ลงไปทำอาหารกับชงกาแฟให้นะครับ"
เขาพยักหน้าให้น้องชายตนแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำทันทีเพื่อจะได้เตรียมตัวบ้างเพื่อจะไปทำงานในวันนี้
เมื่อเข้ามาในห้องน้ำเขาก็จ้องมองหน้าตาของตนที่สะท้อนออกมาจากกระจกออกมาให้เห็นหน้าของชายหนุ่มที่หน้าค่อนข้างที่จะเข้มขึงและหล่อเหลาพอเหมาะสีผิวแทนตาด้านขวาที่ปิดสนิทและมีรอยแผลเป็นที่ลากตรงลงมาที่ตาขวาของตน
"อื้ม...."
เขาครางออกมาเล็กน้อยและเริ่มล้างหน้าแปรงฟันแล้วแต่งตัวให้เสร็จเหมือนคนทั่วๆไปที่ทำกัน
เมื่อทำธุระเสร็จแล้วก็มาที่ห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับห้องครัวเข้าด้วยกันเพื่อกะว่าจะมาดูข่าวสักหน่อยแต่ก็ต้องพบแม่สาวน้อยทรงทวิลเทลนั่งหลบอยู่หลังโซฟาด้วยตัวที่สั่นเทา ฮารุที่เห็นดังนั้นก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเดินไปหาสาวน้อยคนนั้นซึ้งก็คือน้องสาวของเขานั้นเอง
"โคโตริ?.."
"ง๊ะ!!"
เธอ สะดุ้งเล็กน้อย แต่พอรู้ว่านั้นเสียงใครก็รีบหันมาทันทีแล้วพุ่งเข้ามากอดเขาใว้แน่น
"พ.พพพี่ใหญ่!!! งื้อ~~"
เธอกอดพี่ของตนพร้อมกับหน้าซบอกของเขาและสะอื้นออกมาเบาๆ
ฮารุทำแค่ลูบผมเธอเบาๆแล้วจับไหล่เธอใว้แล้วค่อยๆ ผลัดออกมาเพื่อดูหน้าของเธอชัดๆแล้วเช็ดหน้าเธอเบาๆ
ชื่อ อิซึกะ โคโตริ อายุ 14 ปี
สัดส่วน B/W/H 72/53/74 ส่วนสูง 145
กรุ๊ปเลือดAB
ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากเป็นน้องสาวสุดที่รักของพี่ๆทั้งสอง
"เกิดอะไรขึ้น..แล้วมีอะไรหรอ? ...."
เขาถามไปอย่างไม่ใส่ใจพร้อมหยิกแก้มน้องสาวทั้งสองข้างเบาๆ
"งื้อ~ มันเจ็บนะพี่!!"
เธอทำหน้ามุ่ยแล้วจับมือสองข้างของเขาไว้แน่นและพยายามจะแกะมือออกจากแก้มเธอ
"โทษทีๆ พอดีเธอหน้าแกล้งไปหน่อยเลยเผลอตัวนะ~.."
เขาพูดและปล่อยมือเลิกหยิกแก้มและทันใดนั้นชิโดก็เดินเข้ามาในครัวพอดีแล้วโคโตริที่เห็นก็ร้องออกมาแล้วรีบไปหลบข้างหลังฮารุและพยายามจะบอกชิโดว่าติดเชื้ออะไรบ้างอย่างไปแล้ว จึงทำให้สองพี่น้องต้องช่วยกันกล่อมน้องเล็กของตนให้ใจเย็นๆลงและหาข้อแก้ตัวให้ตัวเธอหายกลัวลงและมันก็ได้ผล...
ตอนนี้ตัวเขานั้นกำลังนั่งดื่มกาแฟที่โซฟาและกำลังดูจอทีวีที่มีที่ฉายข่าวเกี่ยวกับอากาศสั่นไหวและถ้าถามว่ามันคืออะไร(ก็ไปดูอนิเมะตอนที่1ละกันมันยาวเกินนน!!)ก็นั้นแหละมันก็คือภัยภิบัติชนิดหนึ่งไม่มีอะไรมากกว่านั้นเปล่านะ??
และข้างๆฮารุนั้นก็มีน้องสาวสุดน่ารักของตนนั่งกอดเข่าและซบไหล่เขาอยู่อย่างเงียบๆขณะจ้องดูข่าวนั้นอยู่
"ช่วงนี้ไม่เกิดบ่อยไปหน่อยหรออากาศสั่นไหวเนี่ย..."
ชิโดพูดอย่างไม่สบายใจขณะที่ยังเตรียมอาหารอยู่ในครัว
และโทโตริก็ตอบกลับไปขณะเธอแกะอมยิ้มมากิน
" 'อั้ม' อื้อ...นั้นสิน่อ..ช่วงนี้มันเกิดขึ้นบ่อยจริงๆ...เกินที่คาดการณ์ไว้ซะอีก"
เหมือนเขาจะได้ยินน้องสาวของตนพูดอะไรแปลกๆแต่ก่อนจะได้ถาม..ชิโดก็โพล่พรวดมาดุน้องสาวว่าเธอกินของหวานก่อนอาหารไม่ได้และยื้อกระซากอมยิ้มกับเธอ ฮารุเห็นว่าถึงเวลาแล้วจึงทำเพียงถอนหายใจและส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้แล้วจึงวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะและลุกขึ้นเตรียมจะไปทำงานของตน
“จะไปทำงานแล้วหรอพี่” ชิโดถามขึ้นเล็กน้อยหลังเห็นพี่ชายของตนลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกไป
“อื้ม….ต้องไปแล้ว…พอดีว่าวันนี้มีงานด่วนนะ….แต่ก็นะ…” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจนักแล้วโบกมือให้พี่น้องทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลัง
“ไปโรงเรียนกันแล้วก็อย่าไปใส่ตัวกันละ….งั้นไปก่อนนะ….”
“ไปดีมาดีครับ//ไปดีมาดีนะพี่ใหญ่” เขาทำเพียงยิ้มส่งให้ทั้งสองก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านแล้วไปทำงานของตน
แล้วตอนนี้ก็เหลือเพียงสองพี่น้องที่อยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว…..
“พี่เนี่ยขยันจังน่าาา” “ก็เพราะว่าพี่เขานะเป็นพี่ใหญ่ยังไงละ!!” สองพี่น้องพยักพร้อมเพียงกันก่อนชิโดจะ ฉวยโอกาศดึงอมยิ้มจากปากของน้องสาวตน “เสร็จฉันละ!!!” เขาพูดอย่างผู้มีชัยต่างจากโคโตริที่ทำหน้าตกใจและเหวอกินก่อนที่จะด่าพี่ของตนและงอนเขาในที่สุดจนทำให้ชิโดต้องง้อโดยสัญญาว่าจะพาไปกินร้านโปรดตอนเลิกเรียนทำให้เธอที่งอนอยู่กับมามีความสุขมากขึ้นและพวกเขาก็เกี้ยวก้อยสัญญากันว่าจะไปกินให้ได้
ตัดภาพมาที่ฮารุโตะที่ตอนนี้กำลังเดินไปตามทางเดินของเมืองที่เขาอาศัยอยู่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายคนเดินควักไขว้ไปมาเพื่อจะไปทำตามหน้าที่ของตนในบทละครแห่งโลกใบนี้แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะโชคไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เพราะอยู่ๆก็มีชายชุดดำเดินเข้ามาทักเขา
“เห้!! นายนะ…” ชายคนนั้นจับไหล่เขาและค่อยๆบีบไหล่ของเขาแรงมากขึ้น ‘อะไรกันจู่ๆก็’
“อ.อึ้ก!!! เดี่ย…วสิม.มีอะไรหรอถึงเข้ามาทักผม….”
ชายคนนั้นไม่ตอบฮารุในทันที่ทำเพียงมองซ้ายมองขวาปล่อยไหล่ของเขาแล้วเดินมาหยุดที่ด้านหลังฮารุโตะและทันทีนั้นตัวเขาก็รู้สึกถึงอะไรแข็งๆที่ทิ่มเขาอยู่ถ้าหากมันทิ่มตรงนั้นเขาก็คงคิดว่าเป็นพวกโรคจิตไปแล้วแต่ว่ามันดันทิ่มที่กลางหลังของเขานี้สิ…
“อย่าแหกปาก…. ถ้าแกยังรักชีวิตและยังไม่อยากกลายเป็นศพอุจาดตากลางทางเดินตรงนี้ละก็…ก็เดินเข้าไปในตอกนั้นซะ!!!” เขาชี้นิ้วไปในตอกข้างๆพวกเราและของแข็งที่ยังทิ่มหลังเขาอยู่ก็กดเขามาแน่นขึ้นมาอีก สมองเขาประมวลผลไม่ทันและทำได้แค่ค่อยๆเดินเข้าไปในตอกนั้นอย่างเชื่อฟังแล้วเสียงของผู้คนก็ค่อยๆเบาลงจนดับเงียบไปทำให้เขาสงสัยไปอีกว่าในเมืองที่เขาอยู่นี้ไม่น่ามีซอยที่อยู่ลึกขนาดนี้นิ
“เห้…พวกตอนนี้เรากำลังจะไปไหนกันหรอ……" ไม่มีเสียงตอบรับ ‘ไม่คิดจะตอบเลยรึไงกันเจ้าชุดดำนี้แล้วมันต้องการอะไรจากเรากันลองถามดูดีกว่า’
"แล้วนี้ไม่ใช่ว่าเราอยู่ไกลคนตามที่นายต้องการแล้วนิ…นายต้องการอะไรบอกฉันมาดีๆเถอะ…” ชายคนนั้นมองเขาสักพักก่อนจะยิ้มอย่างเย้นหยัน
“เหอะ!!! ขนาดศาสตราของพวกเรายังใช่ไม่ได้ นี้หรอ!!ผู้ที่ทุกคนกลัวและได้รับฉายาว่าดับเบิลเกิงเกอร์ ฮาโตรุนะ!!! ” 'ฮะ!! อะไรของมัน เขาเรียกอะไรคือศาสตราของพวกเราเจ้านี้ต้องการสื่ออะไรกับเรากันแน่'
ชายชุดดำคนนั้นไม่พูดให้เสียเวลาชีวิตก่อนจะพลักให้ตัวฮารุล้มลงและยังไม่ทันที่ฮารุจะได้พูดอะไรชายชุดดำก็ชี้สิ่งที่อยู่ในมือของตนที่เป็นปืนหน้าตาประหลาดๆ ก่อนที่ตัวมันจะพูดขึ้น “ลาขาดละ!! ดับเบิลเกิงเกอร์ ”
“เฮ่!!! เดี่ยวฉันไ….” แล้วทันใดนั้นภาพทุกอย่างก็ดำมืดลงไปความคิดแร่นขึ้นมาชั่ววูบนั้น"นี้ฉันตายแล้วหรอ…."
แต่ทันใดนั้นทุกอย่างก็สว่างวาบขึ้นสิ่งแรกที่เขามาคือเสียงผู้คนตามด้วยภาพการมองเห็นของเขาที่ตอนนี้มาโพล่หน้าทางเข้าบริษัทซะแล้ว 'เมื่อกี้อะไร เดี่ยวเรามาตรงนี้ได้ไง แล้วคนชุดดำนั้นละ'
สิ่งเดี่ยวที่เขาทำได้คือนิ่งเงียบแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะสิ่งที่เขาเห็นมันอาจเป็นเพียงการมะโนขึ้นและจินตนาการล้วนๆของเขาก็ได้ จริงไหม? คิดได้ดังนั้นแล้วส่ายหัวให้กับสมองของตนที่สุดจะบรรเจิดของตนรึจะเป็นผลจากความทรงจำชาติก่อน....เขาก้มมองดูนาฬิกาของตนที่ดูมุ่งมิ้งไปหน่อยที่เป็นของยัยน้องสาวสุดรักของเขาซื้อให้และเมื่อเห็นว่าเกินเวลามามากแล้วจึงทำได้เพียงเดินเข้าไปในบริษัทของตนอย่างเร็งรีบ “เฮ้อออ… ไม่หน้าคิดอะไรเพลินเลยเรา” เขาส่ายหัวให้ตนเองอย่างขบขันแล้วเดินไปขึ้นลิฟเพื่อขึ้นไปที่แผนกของตนนั้นเอง
แล้วทันใดที่ลิฟเปิดเสียงอันคุ้นหูก็ดังเข้ากับหน้าเขาอย่างจัง "อิออออออออออ ซึซซซซซ กะะะะะะะะะ!!!!!!!"
นั้นทำให้เขาต้องเกาหน้าของตนอย่างเลียงไม่ได้จริงๆเพราะเขาเป็นคนผิดจริงๆ และคนที่เรียกชื่อเขาเมื้อกี้ก็คือ หัวหน้าของเขานั้นเอง “ครับๆ ผมมาแล้ว” และเขาก็ส่งยิ้มไปหาหัวหน้าของเขาที่มีโต๊ะทำงานห่างไปหลายสิบเมตรแต่ก็สุดยอดมากเลยน่า… ที่เสียงดังได้ขนาดนั้น
แล้วเขาก็ค่อยๆเดินมาจากลิฟโดยมีเหล่าเพื่อนร่วมงานมากกว่าสิบชีวิตที่นั่งอยู่ทีโต๊ะทำงานพวกเขาก็เหมือนพยายามกลั้นขำกันอยู่ ทำให้เขาทำหน้าสงสัยเลยที่เดี่ยวว่าเขาพลาดอะไรไปรึเปล่านะ
“แก!!!ไอ้เด็กเวร ไม่ต้องทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเลยนะเว้ย!!! ตอนนี้มันเลยเวลาทำงานจนเขาจะพักเที่ยงแล้วเว้ย!!! ไอ้เด็กไม่รู้กะลำกะลา!!!”
และทันใดนั้นเสียงหัวเราะจากทั่วสารทิศภายในแผนกเล็กๆแห่งนี้ก็ดังขึ้นมาโดยทุกคนก็หัวเราะอย่างถูกใจไม่ใช้การหัวเราะเยาะ แล้วก็มีสาวสวยคนนึงเดินเข้ามาหาเขาขณะกุ้มท้องไว้อยู่
“ฮ่าๆๆๆ ฮารุคุงเนี่ยช่วยทำให้เราหายเครียดได้ดีจริงๆ”และขอแนะนำคนตรงหน้าและกำลังหัวเราะใส่ผมอยู่นี้ให้ทุกคนฟังเธอคนนี้คือรุ่นพี่ของผมชื่อว่า
ชื่อ วาตานาเบ้ เอยะ อายุ 24 ปี
สัดส่วน B/H/W 75/55/77 ส่วนสูง 147
กรุ๊ปเลือด O
หนึ่งในสาวสวยประจำบริษัทผู้มีประติสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับทุกคนและมักจะโดดงานไปหารุ่นน้องสุดรักของเธอที่เจอกันตั้งแต่ตอนฝึกงานจนตอนนี้กลายเป็นพนักงานเต็มตัวแล้วและปัจุบันก็กลายเป็นว่าคบหาเป็นแฟนกันแล้วนั้นเองมีบุคลิกอ่อนน้อมแต่ตัวจริงค้องข้างโพลงพางหากจะทำสิ่งใดก็จะทำให้สุดแล้วแต่ตัวเองจะทำไหวไม่ว่าเรื่องงานหรือเรื่องความรักก็ตาม
ฮารุทำเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วเดินไปหาหัวหน้าที่โต๊ะโดยมีรุ่นพี่ที่ตัวเล็กพอๆกับน้องสาวตนเดินตามต่อยๆผมไม่รู้จริงๆว่าทำไมผมถึงชอบเธอแต่เอาเถอะ…สุดท้ายผมก็คงยังลงเอ่ยกับเธออยู่ดีและเมื่อมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะของหัวหน้าก็เผยให้เห็นหน้าที่ดูจิ้มลิมถ้าไม่ติดตรงมีเคราและเสียงเข็มกว่าผมเถอะนะคงคิดว่าเป็นสาวน้อยน่ารักซะแล้ว
ชื่อ ฮาชิโมโตะ อิวะโอะ อายุ 43 ปี
น้ำหนัก 63 ส่วนสูง 160
กรุ๊ปเลือด A
หัวหน้าที่ตัวค้อนข้างจะเล็กแต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่ถ้าไม่มีเคราก็คงน่ารักน่าดูเลยละเป็นคนจริงจังคิดเล็กคิดน้อยมากๆใส่ใจลูกน้องถึงจะด่าเเรงก็เถอะแต่ทุกคนก็ยังเคารพ เห็นน่ารักอย่างเงี้ยแต่มีภรรยาสวยมากๆ เป็นคนขยันจริงจังเยือกเย็นแต่อารมแปรปรวนบ่อยมากๆ
ทั้งสองมองหน้าหัวหน้าของตนสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกันแล้วก็หันมายิ้มให้กันเหมือนรู้ใจ “อยากเห็นหน้าตอนไม่มีเคราจัง!!!!!” แต่เหมือนความคิดจะดังไปหน่อยจนหัวหน้าได้ยิน “แล้วอันตอนฉันไม่มีเคราแล้วมันจะไปหนักหัวพวกแกหรือไงกันฮะ!!! ”พร้อมที่เขาทุบโต๊ะเสียงดังจนทุกคนที่กำลังเป็นบ้าถึงกับเงียบกริบแต่ยังผ่านไม่ถึงวิก็ดันมีคนตอบซะได้ “ก็ถ้าหัวหน้าไม่มีเคราก็คงน่ารักกว่านี้ไงครับ”
. แล้วทุกๆคนก็เงียบกริบโดยมีหัวหน้าของเขาที่ตอนนี้เหมือนมีงูซ้อนไซ้เต็มหน้าของเขาด้วยความเขินและโกรธ “งั้นแกคนแรกเนี่ยแหละจะได้โกนทุกอย่างจนหมดจด”ทันที่ที่เขาตบมือทุกคนก็รู้งานและไปจับตัวของคนที่พูดไว้ “เห้ย!! เดี่ยวเราพวกเดี่ยวกันไม่ใช่หรอ?!!”
!! ////ขอโทษนะพนักตัวประกอบAคุงดูเหมือนว่าพวกเราจะช่วยนายไม่ได้นะ….และเพื่อความอยู่รอดของพวกเราด้วย!!!////!!
ในขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่นั้น เสียงสัญญาณเตือนหนึ่งก็ดังขึ้นจากทั่วทั้งเมืองและประกาศว่ากำลังจะเกิดอากาศสั่นไหวขึ้น
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงเตือนนั้นก็เลิกพากันเล่นและค่อยๆพากันเริ่มเดินไปทางลิฟอย่างเป็นระเบียบคนที่ดูรีบหน่อยก็เดินลงบันไดหนีไฟกันอย่างเร่งรีบ ซึ้งฮารุก็เป็น 1ในนั้นที่ลงบันไดที่ลงไปที่เร็วกว่าการที่ต้องรอลิฟ โดยมือทั้งสองข้างก็อุ้มคนไว้สองคนอยู่ด้วยเช่นกันนั้นก็คือ คุณแฟนสาวและหัวหน้าของตนนั้นเอง
"แหม่~ รู้สึกถึงความโรแมนเลยละ~ ฮิฮิ"ระหว่างนั้นก็เอานิ้วอันเรียวยาวของตน จิ้ม ที่อกของฮารุอยู่นั้นเอง! "คุณ...เอยะคับ... เลิกจิ้มผมได้ไหม....มันจักจี้นะครับ.."แต่เขาก็ยังรีบเดินลงไปเหมือนเดิมขณะคุยไปเดินไป
"อื้ม~ ช่วยไม่ได้นิ.. ก็ตอนที่พี่จะจู้จี้ กับเธอก็มีแค่ตอนพักเที่ยงกับเลิกงานนี่นา~ แถมพี่ก็เสียเวลาจาก 1/2 ของการจู้จี้กับเธอไปแล้วด้วย มู้ว~"
เธอทำหน้าเศร้าและทำนิ้วชี้ชนกันไปมาโดยที่ส่งสายตาหวานไปให้ฮารุ เขาที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจแล้วตอบกลับเธอไป "เอางี้ไหมครับ...ถ้าเลิกแกล้งผมเดี่ยวผมจะพาไปเจอคร..."
"โอเคจ้า~ รักที่สุด~" พร้อมกับที่เธอกอดเขาไว้แน่นท่ามกลางการพอดรักของเขาและเธอแต่ดูเหมือนจะมีคนไม่เข้าพวกอยู่คนหนึ่งที่ฮารุเเบกมาด้วยอยู่ซึ้งก็คือหัวหน้านั้นเอง "ถ้าพวกแกอยากจะพอดรักกัน ก็ไปทำที่โรงแรมสิวะ!!! อย่ามาทำกันตอนที่สถานการณ์หน้าสิวหน้าขวานตอนนี้สิเห้ย!! ไอ้พวกเด็กเวร!!"
เสียงของเขายังคงบ่นขณะที่ตัวยังถูกอุ้มไว้อยู่ข้างตัวฮารุในขณะที่รุ่นพี่หัวเราะอยู่ข้างๆตัวเขานั้นเองและเมื่อผ่านมาสักพักก็มาถึงหน้าทางออกบันไดเมื่อเปิดออกไปก็เจอกับฝูงพนักงานที่กำลังเดินไปทางที่หลบภัยกันและขณะที่กำลังจะเดินไปก็โดนหยิกแขนจนเขาต้องมองไปทางต้นเหตุและพบกับหน้าหัวหน้า
"ว่าไงครับ หัวหน้า"เขาถามพร้อมทำหน้าสงสัยขณะยังอุ้มคนทั้งสองไว้อยู่ และเมื่อรู้สึกตัวดังนั้นเขาจึงวางทั้งสองลงและก้มหัวขอโทษหัวหน้าของตนซึ้งหัวหน้าก็ไม่ด่าอะไรมากและทำเพียงแค่บ่นกับตัวเองจากนั้นเขาก็เดินนำพวกเขาไปยังทางเข้าหลุมภัยนั้นเอง ซึ่งพวกเขาก็เดินตามไปเพราะนี้เสียงสัญญาณก็ดังมาแล้วว่าภัยภิบัติกำลังมา
ในขณะนั้นรุ่นพี่เธอก็เอามืออันบอบบางของเธอมาจับมือของฮารุไว้แน่นแล้วพูดขึ้น "นี่ฮารุ..."เธอถามเสียงเบามาทางเขาและเขาก็ตอบเธอไปเพียงแค่มองหน้าอย่างสงสัย
"ถ้าเกิดนะ...ถ้าเกิดเป็นไ.."
ฮารุทำเพียงกอดเธอและลูบหัวของเธอเพียงเท่านั้นและเธอก็ตอบกลับมาด้วยการกอดที่แน่นขึ้น
"มันไม่มีอะไรหรอกครับรุ่นพี่ไปกันเถอะ..."
จากนั้นก็จูงมือเธอเดินเข้าไปในที่หลบภัยโดยมีสายตาของหัวหน้าจับจ้องอยู่เขาทำเพียงบ่นตามประสาคนใกล้แก่และยังคงเดินนำพวกเขาไป เนิ้บๆ
และรุ่นพี่เธอทำเพียงหน้ายิ้มกริ่มและเขินอายเท่านั้นเอง
และขณะนั้นโทรศัพท์ของฮารุก็ดังขึ้นและนึกขึ้นได้ว่าอาจเป็นน้องๆของเขาที่โทรมาเช็คก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ปล่อยมือจากรุ่นพี่และสอดมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ และชื่อที่นั้นก็คือ ชิโด นั้นเองเขาจึงกดรับโทรศัพท์
"ฮัลโหลนี้พี่ฮารุ พูดนะ..มี."แต่เขายังไม่ทันได้พูดเสียงของชิโดก็พูดขัดขึ้นก่อน
"พี่!! โคโตริ!! โคโตริ!! เธอยังอยู่ข้างนอก!!!"
"หมายควา....ไงนะ!!!!"
เสียงวิ่งและเหนื่อยหอบของชิโดนั้นทำให้เขาสติแตกกระเจิงและถามเพียงเสียงสั้นๆ และแล้ว อลินาดีนของเขาก็พุ่งขึ้นสูงพร้อมกับที่เขาเดินสวนทุกคนไป
"เดี่ยวฮารุ จะไปไหน!!!นะ!!"หนึ่งเพื่อนพนักงานทักขึ้นและเอามือจะมาจับตัวเขา แต่ก็โดนฮารุปัดออก
"อย่ามายุ่ง" เขาทำเสียงแข็งและกำลังจะเดินออกไป
เมื่อเห็นดังนั้นพวกเขาก็ทำอะไรไม่ถูกแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"จับไอ้เด็กเวรนั้นไว้!!! อย่าปล่อยให้ไปได้"เมื่อทุกคนหันไปมองคนที่พูดและรู้นั้นคือหัวแผนกตัวเล็ก
ก็ไม่รีรอที่จะรุมจับฮารุเอาไว้
และเมื่อฮารุโดนคนรุมจับไว้ก็พยายามดิ้นและร้องตะโกนออกมาเสียงดังจนทุกคนตกใจและเมื่อรุ่นพี่จะเข้าไปปลอบก็โดนหัวหน้าหยุดไว้และเดินเข้าไปหาแทน
"ปล่อยผมหัวหน้า น้องๆผมยังอยู่ข้างนอกนั้น!!"
ทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งแล้วพูดอะไรไม่ออก เป็นหัวหน้าที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้ฮารุอยู่ข้างในให้ได้
แต่ก็ไม่เป็นผลใครจะไปใจเย็นได้น้องๆเขาที่เขารักและห่วงแล้วการที่ทำงานทั้งหมดนี้ก็ เพื่อน้องๆและเขานั้นห่วงพวกน้องๆที่อยู่ข้างนอกมากๆถ้าเกิดเป็นอะไรมาเขาคงใจแตกก่อนที่จะรู้ว่าน้องๆของเขาเป็นอะไรก่อนซะอีกเมื่อเขาเริ่มสติแตก จนสุดท้ายหัวหน้าของเขาต้องใช้วิธีไม้แข็ง
"โทษนะถ้าการกระทำต่อไปนี้อาจทำให้นายเกียจหรือโกรธพวกเราแต่ฉันก็จะรับมันเอาไว้เองขอโทษล่วงหน้านะ.."
"คุณพูดอะไร!! แล้วทำไมต้องขอโทษ.."
แต่เมื่อเขาพูดจบมือแข็งๆของหัวหน้าก็กระทบเข้าหลังคอของเขาอย่างจังจนสติเริ่มเรือนราง'นี้เล่นใช่มุขสับคอเลยหรอ!?!' และทุกอย่างก็ดับวูบไปทิ้งไว้เพียง อารมณ์มากมายที่เกินกว่าที่เขาจะรับได้พุ่งเข้ามาในจิตใจเขา
"โคโตริ!!! ชิโด!!!! พี่ขอโทษ!!"และทุกอย่างก็ดับวูบไปอย่างเงียบงัน...
ยังไม่ลงภาพนะจุ๊บุ๊
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!