NovelToon NovelToon

ความจริงที่หลอกลวง Sky

Sky 1

ชาวไร่ท่านหนึ่งได้เอ่ยทักท้วงแก่เด็กน้อยที่เผอิญนั่งแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างไม่หยุดหย่อน

"สวยมากเลยใช่มั้ยละ?"

"ค่ะ ท้องฟ้าสวยมากเลยค่ะ ดูดาวดว-"

เด็กน้อยยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคได้โดนแทรกขึ้นมา

"แล้วทำไม ใส่อาภรณ์ยาวนักล่ะ"

ทันทีที่ชาวไร่ท่านนี้ปิดปากสนิทจึงได้เดินหันหลังกลับไปบ้านของตนที่อยู่ห่างไกลไม่มากนัก ขณะเดียวกันเด็กน้อยจึงได้เปิดปากขึ้นพูดว่า

"แล้วจะให้หนูทำยังไงละ? ภายใต้อาภรณ์นี้มันไม่ได้สวยงามเหมือนท้องฟ้าที่เเต่งเติมไปด้วยดวงดาวสักหน่อย..."

"แล้วเธอคิดว่าท้องฟ้าที่ไม่มีดวงดาวมันจะสวยเหมือนเดิมมั้ยละ..?"

"มันทั้งมืด ทั้งน่ากลัว ไม่มีแสงสว่างอะไรเลย มันก็ต้องไม่สวยอยู่แล้วสิ.."

"...."

ความเงียบได้เริ่มขึ้นหลังเด็กน้อยปิดปากสนิท จนกระทั่ง

"ถูกที่พอไม่มีดวงดาว มันทั้งมืด น่ากลัวและไม่มีแสงสว่างแต่สิ่งที่ทำให้มันดูสวยงาม โดดเด่น เห็นได้ชัดมันก็เกิดเพราะความมืดที่ปกคลุมมันไม่ใช่หรอ?"

เด็กน้อยเงียบ

"ถ้าไม่ใช่เพราะความมืดแล้วเพราะอะไรละ ยิ่งมืดเท่าไหร่ดวงดาวพวกนั้นก็ยิ่งโดดเด่นมากขึ้น ความมืดที่ไม่มีดวงดาวน่ะมันก็สวยในตัวของมัน และอาจเปลี่ยนใครสักคนที่เคยเกลียดความมืดกลับชอบมันก็ได้นะ"

ช่างเป็นบทสนทนาที่ยาวเสียจริง

เด็กน้อยคิดในใจ ก่อนจะหันเดินกลับไปสู่เส้นทางบ้านของเธอ

"พรุ่งนี้เธอจะมาที่นี่อีกรึป่าว..?"

"ค่ะ"

ไร้มารยาทจังแหะ เย็นชาซะจริง

นั้นคือเสียงวาจาพูดสุดท้ายก่อนจะเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งหลังจบบทสนทนาที่แสนยาวนานลง

Credit: Tkailis

Conclusion: ท้องฟ้าก็เปรียบเสมือนตัวเราที่อยากจะดำหรือสว่างก็ขึ้นอยู่กับคนโดยรอบ แต่นั้นก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด มันเกิดขึ้นเพราะตัวเราเองว่าอยากนะเป็นตามคำสั่งคนอื่นหรือเป็นไปตามแบบที่เราอยากจะเป็น แต่การจะเป็นตามที่เราอยากมันมักจะถูกผู้คนหว่านล้อม ทำร้ายตัวเราอยู่เสมอจนเราต้องยอมน้อบน้อมผู้คนทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ตัวเราต้องดำมืดไปมากกว่านี้.........

Sky 2

"วันนี้มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นละ มาแต่รุ่งสางเชียว"

ชาวไร่เอ่ยจบ

"ก้อนเมฆสีขาวตอนนี้ก็สวยเหมือนกันนะคะ^^"

เด็กน้อยยิ้ม

ฉึก! ฉึก!

ชาวไร่ไม่ได้เปิดปากเอ่ยวาจาออกไป แต่กลับตัดต้นข้าวต่อ..

เวลาก็ได้ผ่านล่วงเลยจากรุ่งสางไปยามเช้าจากยามเช้าไปยามบ่ายและจากบ่ายไปยามเย็น ชาวไร่ท่านนี้ก็ยังไม่คิดจะเปิดปากเอ่ยวาจากับเด็กน้อยที่นั่งมองเขาสลับกับขนปุยสีขาวสักคำ

"กลับบ้านได้แล้วเจ้าหนู นี่มันจะค่ำแล้วมันอันตราย"

"กว่าจะเปิดปากคุยกับหนูสักทีนะคะ"

"ฉันไม่อยากยุ่งกับดอกไม้ที่เริ่มจะผลิดอกออกผลเพื่อให้ผู้คนได้รับชมหรอกนะ"

"แต่ถ้าดูแลมันไม่ดี ก็จะตายเอานะคะ"

"เธองดงามอยู่แล้วนิ่ ฉันจะไปเร่งให้เธอรีบออกผลทำไมละ"

ฉึก! ฉึก!

เด็กน้อยเงียบ

"ฉันจะบอกอะไรให้อย่าง"

"?"

"เธอในตอนนี้น่ะ ยังคงสวยงามอยู่เสมอ"

"เธอยังมีโอกาสที่จะอยู่ในโลกของแสงสว่างที่ไม่ใช่โลกแห่งนี้"

"เธอกล้ามั้ยล่ะ?"

"กล้าอะไรคะ?"

"กล้าที่จะโดดเด่นกว่าดวงดาว กล้าที่จะชัดเจนต่อโลกของเธอ"

"......."

หลังจากชาวไร่เอ่ยจบจึงได้แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฝากฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวที่กำลังสว่างไสวไปมาราวกลับ ท้าทายให้เด็กน้อยคนนี้กล้าจะเผชิญกับมันอีก

"เวลามันผ่านไปเร็วจังเลยนะคะ...."

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าอันน้อยนิดเริ่มห่างไกลก่อนจะหยุดลง...

"ไว้มาใหม่นะคะ..คุณชาวไร่"

หลังจากจบประโยค เสียงฝีเท้าอันน้อยได้เดินต่อไปโดยไม่หันหลังกลับมา

"ฉันจะรอดูผลงานที่เธอจะแสดงออกมาให้ชมอยู่นะ"

นั้นคือบทสนทนาสุดท้ายของวันนี้แล้วสินะ อยากคุยด้วยอีกหน่อยจัง

Credit: Tkailis

Conclusion: ดวงดาวนั้นสว่างได้ทั้งตัวมันเองและจากดาวดวงอื่น การก้าวข้ามดวงดาวที่เปรียบเสมือนผู้คนออกมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากชัดเจนต่อตัวเองชัดเจนต่อโลกของเธอ มันอาจยากสำหรับบางคน แต่เชื่อเถอะมันจะง่ายขึ้นเยอะหากเราทบทวนใจตัวเองและกล้าจะฝืนตัวเองดูสักครั้ง สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำเราจะได้ทำมัน สิ่งใดที่เราต้องการเราก็จะได้มาเอง สิ่งใดที่เราพรากไปเราจะได้พากลับมา

Sky3

วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ยังไม่กลับมา บรรยากาศที่เย็นยะเยือกทำให้รับรู้ได้ทันใดว่าฤดูของเหมันต์กำลังจะมาเยือน เสียงลมแผ่วเบาโลดแล่นผ่านไปอย่างอิสระ ยามคำคืนที่มาอย่างรวดเร็ว

"เด็กน้อยเอ๋ย เวลาของเธอใกล้หมดลงทุกทีแล้ว"

แฮ่กๆ...แฮ่ก

หยดน้ำสีใสไหลอาบผ่านแก้มนวลอย่างล้นเอ่อ ร่างกายที่เหนื่อยล้า ขาที่กำลังอ่อนเเรงลง

"ช่วย..."

"บอกหนูทีว่าการมีชีวิตอยู่มันคืออะไรกันแน่..."

เสียงที่สั่นเทา เนื้อหนังภายใต้อาภรณ์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล มือที่พยายามปิดกลั้นรอยน้ำตา..."หนูฝืน...ที่จะสว่างกว่าดวงดาวพวกนั้นไม่ไหวแล้ว"ร่างที่แสนบอบบางนั้นได้ทรุดนั่งกับพื้นอย่างหอบระโรย

"วันเวลาที่ผ่านไปนี้คงเจออะไรมาเยอะสินะ..ลุกขึ้นมาซะสิ"ฝ่ามืออันหยาบกระด้างแต่กลับอบอุ่นอย่างน่าประหลาดยื่นออกมา เธอจะรับมันมั้ยนะ?

"ไม่ไหว...ขามัน" เสียงที่สั่นเทาอันแหบแห้ง

"เธอไม่ได้อ่อนแอ แต่ข้างในเธอต่างหาก"มือนั้นยังยื่นอยู่

"ฉันจะรอจนกว่าเธอจะลุกขึ้นมา"มือนั้นยังคงยื่นต่อ

"..."

"เป็นคนดีจังนะ ช่วยหน่อยสิ"มืออันน้อยนิดได้ประกบกับมือนั้นอย่างแผ่วเบา ช่างอบอ่นเหลือเกิน.. ความในใจของเด็กน้อยคนนี้ อ่านง่ายจริง มิน่าถึงได้...

"อยากซ่อมมันมั้ย"ชาวไร่เอ่ยก่อนเดินหันหลังไปหยิบอะไรบางอย่าง

"ไม่เหลืออะไรให้ซ่อมแล้วละ.."เด็กน้อยเอ่ยจบ

"งั้นเธอจะยื่นความหวังสุดท้ายมาให้ฉันทำไม?"

เด็กน้อยเงียบ

"ง่วงแล้วละ"ร่างอันบอบบางเริ่มเหนื่อยล้า

"ดื่มนี่ก่อนไปสิ"แก้วใสที่เห็นของเหลวสีขาวพร้อมไออุ่นระเหยถูกยื่นมา เธอจะดื่มมันมั้ยนะ?

"นั้นคือ..?"

"ทำให้หลับง่ายขึ้น"

"..ขอบคุณ"ผ่านไปไม่กี่นาทีของเหลวสีขาวที่มีไอระเหยที่ชื่อว่า นมร้อน ก็หมดไปในไม่กี่นาทีเหมือนกับคนที่ไม่เคยกินอะไรดีๆมาทั้งชีวิตได้ดื่มมันเข้าไป

Credit: Tkailis

Conclusion: นมร้อนนั้นช่วยให้นอนหลับง่ายหากเธอต้องการที่จะ หลับให้เร็วขึ้น มันดีต่อสุขภาพนะ ถ้าเธออยาก....แต่ถึงอย่างไร การกินก่อนนอนนั้นมันดีต่อการหลับที่สุด

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!