สวัสดีครับทุกคน ผมขอใช้นามสมมุติว่าบีนะครับวันนี้ผมมีเรื่องจะมาเล่าให้ทุกได้ฟังกัน
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นตอนที่ผมกับเพื่อนกลับจากการไปเที่ยวงานเทศกาลของจังหวัดทางภาคเหนือครับ
เรื่องมัันมีอยู่ว่าผมและเพื่อนกำลังจะกลับบ้าน ที่สมุทรปราการหลังจากที่ไปเที่ยวงานเสร็จ โดยพาหนะที่พวกเราใช้นั้นก็คือรถยนต์ส่วนบุคคลในการเดินทางไปและกลับ ซึ่งมันก็เป็นรถเพื่อนของผมเองครับ
พวกเราไปกันทั้งหมดห้าคน มีผม เอ ซี เอฟ เจ ชื่อที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่นามสมมุตินะครับ คนขับเนี่ยเป็นไอ้เอ ผมนั่งข้างคนขับ ส่วนซี เอฟ เจ นั่งแค็ป ในขณะที่เรานั่งรถกันไปเรื่อยๆสองข้างทางมันมีแต่ป่า ผมที่เป็นคนไม่ค่อยจะชำนาญทางเท่าไหร่จึงไม่รู้ว่ามันคือถนนเส้นไหน
ตอนแรกมันก็ไม่ได้มีอะไรหรอกครับนั่งกันชิวๆชมวิวข้างทางกันไปถึงแม้ว่ามันจะมีแต่ป่าทั้งสองข้างทางก็เถอะ จู่ๆไอ้เจมันก็พูดขึ้นมาครับว่า
" พวกมึงไม่หลอนกันบ้างหรอวะ สองข้างทางแม่งมีแต่ป่า รถสวนมาก็แทบจะไม่มี เอาจริงๆคือพอเข้าเส้นทางที่มันมีแต่ป่ากูนี่นับคันได้เลยนะที่สวนกันกับพวกเราเนี่ย "
ตอนที่ไอ้เจมันพูดจบทุกคนก็เงียบกันหมดเลยครับ เอาตรงๆก็คือมันก็เป็นเรื่องที่ต่างคนก็ต่างรู้แล้วอ่ะครับไม่รู้ไอ้เจมันจะพูดขึ้นมาทำไมสงสัยว่ามันจะเหงา เลยอยากชวนเพื่อนคุย
" มึงเหงาหรอวะไอ้เจ ยกเรื่องอื่นมาคุยก็ได้นะไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่พวกกูรู้อยู่แล้วป้ะ "
ผมถามมันกลับไปกลัวว่าพอไม่ตอบแล้วมันจะงอแงเหมือนเด็ก
" เออกูเหงา มึงก็ดูไอ้สองตัวนี้ดิแม่งหลับเป็นตายหนีกูกันหมดเลยไอ้ห่า "
คราวนี้ผมไม่ได้ตอบอะไรไอ้เจมันกลับไป ที่จริงผมก็รู้สึกง่วงๆอยู่เหมือนกันแต่แค่อยู่เป็นเพื่อนไอ้เอมันขับรถกลัวว่ามันจะเหงา ถึงเราจะไม่ได้ชวนกันคุยแต่อย่างน้อยก็มีคนตื่นสู้ความง่วงไปกับมัน แล้วไอ้เจมันก็พูดขึ้นมาอีกครับ
" กูก็อยากนอนเหมือนกันแหละว่ะ กลัวว่าแม่งเกิดเจอผีขึ้นมานี่หื้มกูตาย แต่ข่มตานอนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลับ "
ผมไม่คิดเลยครับว่าไอ้เจมันจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ถึงมันจะเป็นคนที่มีนิสัยพูดอะไรออกมาไม่คิด ก็คิดว่ามันจะพอรู้บ้างว่าขับรถตอนกลางคืนเขาไม่ให้ทักเรื่องอะไรพวกนี้ออกมา ผมที่กำลังจะพูดตักเตือนไอ้เจก็โดนไอ้เอพูดแทรกขึ้นมาก่อน
" เห้ยไอ้เหี้ยเจ ไม่มีใครสอนมึงรึไงวะว่าห้ามพูดเรื่องพวกนี้ตอนนั่งรถอ่ะไอ้เวร จำไว้เลยนะว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมันก็เป็นเพราะมึงปากหมาพูดอะไรออกมาไม่รู้เรื่องเนี่ยแหละ "
ผมคิดว่าที่ไอ้เอมันด่าไอ้เจออกมาก็เพราะมันพูดมาก แล้วก็เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดด้วยนี่แหละครับ แต่ก็ไม่ได้ด่าเสียงดังนะครับ เอมันน่าจะกลัวว่าไอ้อีกสองคนจะตื่น หลังจากนั้นไอ้เจมันก็เงียบเลยครับ ปกติไอ้เอมันจะไม่ค่อยด่าใคร แต่จะด่าเฉพาะคนนั้นทำผิดหรือว่าไม่ถูกต้องจริงๆ
" เห้ย!! "
" อะไรวะไอ้เจ มึงจะตะโกนออกมาเสียงดังทำไมวะ กูตกใจหมด ดีกูไม่พามึงลงข้างทาง "
เจมันตะโกนออกมาจนไอ้สองคนที่นั่งข้างๆนี่พากันสะดุ้งตื่นกันแบบงงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
" พวกมึงไม่เห็นหรอวะ เมื่อกี้นี้อ่ะ "
" เห็นอะไรของมึง อยู่ๆมึงก็ตะโกนออกมาเนี่ย "
ผมถามออกไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเพราะเริ่มที่จะรำคาญไอ้เจเต็มทนแล้ว
" ก็เมื่อกี้กูเห็นว่ามีเหมือนผู้หญิง เดินอยู่ข้างทางอ่ะดิ มืดๆแบบนี้แถมสองข้างทางก็ไม่เห็นว่าจะมีบ้านคนอีก ใครมันจะมาเดินวะ "
" มึงอย่าแต่งเรื่องมาหลอกพวกกูได้มั้ย พวกกูเริ่มจะรำคาญแล้วนะเห้ย! "
" กูพูดจริงๆนะเว้ยไอ้บี กูจริงจัง กูโดนไอ้เอด่าไปหยกๆคงไม่พูดอะไรให้โดนมันด่าอีกหรอกว่ะ "
ผมที่เห็นว่ามันทำสีหน้าที่จริงจัง และเหมือนว่ามันจะพูดความจริงจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ คนในรถต่างก็เงียบกันหมดไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คนเดียว รวมถึงไอ้สองคนที่พึ่งจะตื่นขึ้นมาด้วยอาการงงๆก็ไม่เอ่ยปากถามสักคำ
พวกเราเงียบและนั่งรถกันไปไม่นานนัก ผมก็เห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แสงไฟรถนั้นไปตกกระทบ รถของพวกเราขับเคลื่อนเข้าไปใกล้สิ่งนั้นเรื่อยๆ หัวใจผมเต้นโครมครามและรู้สึกใจหวิวๆกับสิ่งที่ได้เจอในขณะนั้น ผมไม่ได้เอ่ยถามเพื่อนคนอื่นว่าเห็นเหมือนที่ผมเห็นรึเปล่า
แต่ดูจากสีหน้าและอาการของแต่ละคนก็พอจะเดาได้ว่าพวกมันก็เห็นเหมือนกันกับตัวผม รถขับผ่านสิ่งนั้นไปโดยที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง แต่แล้วพวกเราที่พึ่งจะโล่งใจกันไปได้อยู่หยกๆ
ก็ต้องกลับมาใจหวิวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสิ่งที่พวกเราพึ่งจะขับผ่านกันไป มันกลับมาอยู่ตรงทางข้างหน้าของเราอีกครั้ง ผมที่ถึงแม้ว่าจะกลัวแต่ครั้งนี้ก็เลือกที่จะหันไปมองสิ่งๆนั้นตรงๆ
และเมื่อผมได้เห็นส่ิงนั้นตรงๆมันก็กลายมาเป็นภาพติดตาของผมจนถึงทุกวันนี้ ก็คือผู้หญิงที่มีใบหน้าเละไปทั่วทั้งหน้า กระโหลกข้างขวาบุบตากลวงโบ๋ ผมเห็นเพียงเท่านี้เพราะรถนั้นเคลื่อนที่ผ่านไปเร็วพอสมควร
" พวกมึงเห็นมั้ยวะ พวกมึงเห็นมั้ยผู้หญิงอ่ะๆแม่งโครตน่ากลัวเลย หน้าแม่งโครตเละ "
ไอ้เจมันพูดหมาๆขึ้นมาอีกครั้ง ดูท่าว่าน่าจะพูดออกมาเนื่องด้วยอาการตกใจ แล้วมันก็โดนไอ้เอด่าไปอีกชุดตามระเบียบ
" มึงจะพูดำเหี้ยไรวะไอ้เหี้ยเจ เดี๋ยวพอถึงบ้านกูจะสัดหน้ามึงให้ยับเลย กูบอกกูเตือนอะไรมึงไปมึงฟังกูมั้ยห้ะ "
ผมเห็นว่าตอนนี้อารมณ์ของไอ้เอจะเดือดมากๆจึงเอ่ยปากห้ามให้อารมณ์มันสงบลง กลัวว่าถ้ามันอารมณ์ร้อนอยู่แบบนี้จะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
" มึงหาอะไรมายัดปากมันหน่อยก็ดีนะไอ้บี กูเริ่มจะทนไม่ไหวละถ้าขืนมันยังพูดแบบนั้นออกมาอีก กูจะสัดหน้ามันจริงๆแน่ "
คราวนี้ไอ้สองคนมันก็ช่วยพูดให้ไอ้เอมันเย็นลง แล้วเหตุการณ์เดจาวูมันก็เกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่ทางข้างหน้าแต่ว่ารถของพวกเรายังไม่ทันที่จะเข้าไปถึง เธอก็เดินเข้าข้างทางไป ก็ถือว่ามันดีมากๆแล้ว
" เห้ย!! "
" ไอ้เหี้ยเจ!! "
" เหี้ยอะไรมึง กูไม่ได้เป็นคนตะโกน ไอ้เหี้ยซีนู่น "
แล้วไอ้เอมันก็ถามไอ้ซีครับว่ามันจะตะโกนขึ้นมาทำไม ไอ้ซีมันไม่พูดเอาแต่ก้มหน้ามือกุมหัว พวกเราเริ่มใจไม่ดี ผมเลยพูดบอกกับผู้หญิงในใจว่า
ถ้าพวกผมทำอะไรไม่ดีหรือเป็นการลบหลู่ออกไปต้องขอโทษด้วย กลับถึงบ้านจะทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ ผมก็ไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนนั้นอีก แต่ไม่รู้นะครัับว่าคนอื่นจะเลิกเห็นกันไปแล้วเหมือนกันกับผมด้วยหรือเปล่า
แต่เมื่อพวกเรากลับมาถึงที่จังหวัดสมุทรปราการ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน แล้ววันต่อมาผมก็ไปทำบุญให้กับผู้หญิงคนนั้นตามที่ได้บอกกับเธอเอาไว้ พร้อมกับเพื่อนของผมทั้งหมดทุกคนที่ไปในวันนั้น
หลังจากทำบุญเสร็จไอ้ซีก็มาเล่าให้ผมฟังครับว่าวันนั้นมันเจอกับอะไรถึงร้อง เห้ย!! ออกมา
มันบอกว่าที่มันร้องตะโกนออกมา เพราะว่ามีผู้หญิงใส่ชุดขาวที่ค่อนข้างเก่าพร้อมกับใบหน้าที่เน่าเฟะหัวบุบตากลวงโบ๋โผล่มาที่ข้างหน้าต่างแค็ปฝั่งที่มันนั่งอยู่ มันจึงร้องตะโกนออกมา และไม่กล้าบอกเพื่อนคนอื่น กลัวว่าจะโดนด่าว่าพูดจาไม่ดีในเวลากลางค่ำกลางคืน
มันเล่าเสร็จพร้อมกับบอกว่ามันก็ไม่ได้ไปลบหลู่อะไร ทำไมมันถึงเจอเข้าจังๆ มันไม่ได้มีแค่ผม ไอ้เจ ไอ้ซี หรอกครับที่เจอจังๆ ผมถามทุกคนที่นั่งไปวันนั้นแล้วคือเจอเหมือนกันหมด
ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าสาเหตุที่พวกเราเจอมันเป็นเพราะอะไรกันแน่ หรือเป็นเพราะไอ้เจที่พูดจาที่ไม่ควรพูดออกไปในเวลากลางค่ำกลางคืน
เรื่องที่ผมเอามาเล่าวิธีการเล่าอาจจะงงๆหน่อยหรืออาจจะใช้คำแปลกๆก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ยังไงก็ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องที่ผมนั้นได้เจอมาจนจบ
คืนนี้ขอให้ฝันดี อย่าฝันร้ายนะครับ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!