ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ตามท้องถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟสลัวๆ มีร่างของชายคนหนึ่งนอนหอบหายใจอย่างโรยรินอยู่ในตรอกที่เต็มไปด้วยเศษซากของขยะมากมายที่ถูกนำมาทิ้งกองกันไว้
"ชะ....ช่วยด้วย...ช่วย...ฉัน...ด้วย"
น้ำเสียงอ่อนแรงดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา เพื่อขอความช่วยเหลือ หากแต่มันไม่ทำให้ใครได้ยินและมาช่วยเขา ในเวลาไม่นานหลังจากนั้นเสียงขอความช่วยเหลือที่ถูกปล่อยออกมาก็เงียบลง
เปลือกตาสีสวยขยับเบาๆก่อนจะเผยให้เห็นในตาสีโกเมน ดวงตาแห่ง "สเน่ห์" ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่มองเข้าไปในดวงตาคู่นี้เป็นต้องหลงไหลอย่างโงหัวไม่ขึ้นทุกราย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะมีหญิงสาวสวมชุดเมดขาวดำเข้ามาให้ห้องและตรงมาที่เจ้าของดวงตาสีโกเมนคู่สวย
"คุณหนูตื่นแล้วสินะคะได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวแล้วนะคะ"
หญิงสาวที่สวมชุดเมดที่แม้จะมึนงงเล็กน้อยกับการที่เห็นเด็กสาวที่ตนเองรับใช้อยู่ตื่นก่อนที่ตนเองจะมาปลุกอย่างทุกวันก็ปรับตัวตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและพูดหน้าที่ของตนเอง
"ดิฉันจะพาไปอาบน้ำแต่งตัวนะคะ"
ไม่ว่าเปล่า เมดสาวค่อยๆช้อนตัวเด็กน้อยเจ้าของดวงตาสีโกเมนขึ้นอย่างเบามือและตรงไปที่ห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีหญิงสาวอีกหลายคนที่สวมชุดแบบเดียวกันกับตนเองรออยู่ก่อนแล้ว
'หะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน'
หลังจากชำระล้างร่างกายเสร็จสิ้นเด็กน้อยก็ตาสว่างจากอาการสลึมสลือขึ้นมาทันทีก่อนจะนึกถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นไปเมื่อสักครู่
เด็กน้อยมองสำรวจไปรอบๆห้อง ภาพเบื้องหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าที่ไม่คุ้นชิน แต่กลับกันบรรยากาศในห้องกลับรู้สึกคิดถึงราวกับเป็นสถานที่ที่ตัวเขานั้นห่างหายไปนาน
'นี่มัน...ห้องของใครกันเนี่ย!?'
เด็กน้อยที่ตกตะลึงอยู่ก็เริ่มก้มหน้าคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่กระจกบานใหญ่ของโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ใกล้ๆกันกับเตียงนอนหลังใหญ่ ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏสะท้อนผ่านกระจกใสออกมา คือภาพของเด็กสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม เรือนผมสีชมพูเปล่งประกายเงางามสลวย ดวงตากลมโตสีโกเมนที่ไม่ว่าใครได้มองก็ต้องถูกความงดงามดึงดูดให้หลงไหล ปากกระจับสีชมพูอ่อนๆเล็กน่ารัก แก้มกลมอมชมพูดูนุ่มนิ่มน่าบีบ ผิวขาวนวลเนียนน่าสัมผัส เด็กน้อยมองภาพสะท้อนจากกระจกตกตะลึงไปอีกครั้ง
'นี่มัน...ใครกันน่ะ!'
"ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะเหมือนกันแต่ร่างนี้กลับเป็นเด็กผู้หญิงงั้นหรอ...อะไรกัน......นี่ฉัน...ฉันฝันอยู่สินะ...ฮะ..ฮะ..ฮะ...ฝันอยู่แน่ๆ"
เด็กสาวตัวน้อยตบหน้าตัวเองเรียกสติแต่มันกลับไม่เป็นผลมีเพียงความเจ็บบนใบหน้าที่แล่นเข้ามาให้เธอได้รู้สึก เด็กสาวหน้ามุ้ยพลางคิดทบทวนเรียบเรียงเรื่องราวที่มีอยู่ภายในความทรงจำของร่างนี้อยู่นานก่อนจะเริ่มหยุมหัวตนเองและโวยวายออกมาเสียงดัง ดีที่ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงจึงทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถได้ยินเสียงจากภายในห้องนี้ได้
"ไอบ้าเอ้ย!นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!นี่ฉันย้อนเวลากลับมาแต่ดันมาอยู่ในร่างของเด็กผู้หญิงที่ไหนไม่รู้งั้นเรอะ!โถ่เอ้ยยยยยในอนาคตอีกราวๆ10ปีข้างหน้าประเทศญี่ปุ่นจะต้องพบเจอกับสงครามครั้งใหญ่แท้ๆ แต่ฉันดันกลายเป็นผู้หญิงเนี่ยนะ!? แถมยังหน้าตาน่ารักและดูบอบบางแบบนี้อีก!!!"
เด็กสาวเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานก่อนจะหยุดชะงักลงและกำมือของตนไว้แน่น
"ไหนๆก็ย้อนเวลากลับมาแล้วงั้นคราวนี้...ก็แก้ไขทุกอย่างให้หมดไปเลยซะก็สิ้นเรื่อง...เพื่อคนอีกหลายคน...และ...เพื่อตัวเรา...เพื่อชีวิตที่สงบสุขในอนาคต"
................
สวัสดีทุกคนผมชื่อ ฮิโรโตะ ฮิโรชิ อายุก็ประมาณ20-21ได้แล้วละนะ หลายคนอาจจะเข้าใจแล้วตั้งแต่อ่านด้านบนแล้วก็ได้ ใช่แล้ว นั้นคืออายุในตอนที่ผมเสียชีวิตครับ เอาจริงๆผมเป็นแค่นักศึกษาธรรมดา อัตลักษณ์เองก็แค่อัตลักษณ์จดจำ เท่านั้น มันช่วยให้ผมจดจำทุกอย่างได้อย่างดีและรวดเร็วแต่ข้อเสียคือหากจดจำเรื่องร้ายเข้าก็จะไม่มีทางลืมมันด้วยเช่นกันละนะ แต่ชั่งเรื่องนั้นเถอะ ตอนนี้ผมน่ะกำลังใช้ชีวิตอยู่ในร่างของหญิงสาวคนหนึ่งละครับ ในตอนแรกที่พวกพี่สาวเมดกำลังอาบน้ำให้อยู่ก็มีภาพมีเรื่องราวมากมายปรากฏขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆแล้วละนะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกว่าภาพอะไร แต่ตอนนี้เข้าใจแลัวละครับ มันคือภาพความทรงจำของเด็กสาวที่ผมอยู่ในร่างของเธอตอนนี้นั้นเองครับ
ซึ่งหลังจากวันนั้นที่ผมมาอยู่ในร่างนี้แล้วเนี่ยตอนนี้ก็ผ่านมาราวๆ1-2สัปดาห์ได้แล้วละครับ เด็กสาวเจ้าของร่างคนนี้มีชื่อว่า มาซาโตะ ฮารุมิ เธอเป็นลูกสาวคนที่แรกและลูกคนที่2ของมหาเศรษฐีญี่ปุ่นที่ชื่อ มาซาโตะ ฮาจิเมะ ซึ่งเขาเป็นคนดังในแวดวงสังคมของชนชั้นสูงหรือก็คือคนรวยนั่นแหละครับแต่ในหมู่คนธรรมดาคงไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไรละมั้ง เมื่อวันนั้นที่ผมเข้ามาอยู่ในร่างนี้วันแรกและตัดสินใจจะเปลี่ยนอนาคตเพื่อรักษาความสงบสุขของตัวผมเองไว้ หลายคนอาจจะคิดว่าผมไปถาม มาซาโตะ ฮาจิเมะ มาใช่ไหมคำตอบคือ ไม่ครับ ผมไม่กล้าไปถามอะนะดูเหมือนว่าร่างนี้กับพ่อของเธอจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรมีก็แต่พวกพี่เมดที่คอยดูแลเธอมาตั้งแต่ยังแบเบาะละนะ ผมก็เลยใช้ประโยชน์จากตรงนั้นถามข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันทั้งใน สังคม สิ่งแวดล้อม ครอบครัว และอื่นๆที่จำเป็นอีกหลายอย่าง ตอนที่ผมไปถามพวกพี่เมดก็ดูจะสงสัยอยู่นะแต่ก็ไม่ได้ถามกลับมาและตอบคำถามที่ผมถามออกมาเท่าที่สามารถตอบได้ซึ่งมันดีมากแต่ก็นั้นแหละ ถึงจะมีข้อมูลแล้วก็จริงแต่ผมก็ยังต้องฝึกฝนตัวเองด้วยเพื่อที่จะแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ และในอนาคตไม่จบลงในรูปแบบเดิมอีก
"ต้องแข็งแกร่งขึ้น!"
ความเดิมตอนที่แล้ว
..."ต้องแข็งแกร่งขึ้น!"...
......................
'ถึงจะตัดสินใจว่าจะแข็งแกร่งขึ้นก็เถอะน้า...แต่ตอนนี้สิ่งที่เราไม่อยากให้มาถึงก็ดันมาถึงซะได้นี่สิ'
ฮารุมิ คิดในใจก่อนที่จะขึ้นรถลีมูซีนหรูสีดำพร้อมกับสาวใช้อีกคนหนึ่งที่ในมือถือกระเป๋านักเรียนและบรรจุด้งเครื่องเขียนดินสอยางลบและไม้บรรทัดในนั้นขึ้นรถไปด้วย เธอคนนี้มีชื่อว่า มิยากาวะ คานะ เธอเป็นหนึ่งในสาวใช้ที่ดูแลฮารุมิมาตั้งแต่ยังแบเบาะถึงแม้ว่าฮารุมิจะถูกบิดาของตนหมางเมินราวกับไม่มีตัวตนและพี่ชายแท้ๆหรือก็คือลูกคนแรกของ มาซาโตะ ฮาจิเมะ ที่ชื่อว่า มาซาโตะ ฮารุกิ เกลียดขี้หน้า ด้วยสาเหตุบางอย่างแต่เพียงเพราะคำขอร้องของ นายหญิงของมาซาโตะแม่แท้ๆของฮารุมอและฮารุกิ ภรรยาของฮาจิเมะ เป็นคนสั่งเสียกับเธอไว้ก่อนจะสิ้นใจไปทำให้เธออยู่ดูแลฮารุมิมาจนถึงตอนนี้
"ไปก่อนนะคะพี่คานะ"
ฮารุมิลงจากรถและสะพายกระเป๋าไว้ที่หลังของตนเองพูดขึ้นพร้อมโบกมือให้เมดสาวที่ยืนอยู่ข้างรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนวิ่งเข้าโรงเรียนอนุบาลไป เมดสาวยืนหนูคุณหนูน้อยของเธอวิ่งเข้าไปในโรงเรียนจนหายลับไปจากสายตาเธอจึงเดินขึ้นรถคันหรูมุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยก่อนประตูรถจะปิดแล้วเลื่อนตัวออกไปจากตรงนั้นเพื่อกลับไปยังที่ที่จากมา
"เฮ้อ~~ถึงยังไงก็ไม่อยากเรียนเลยจริงๆ"
ฮารุมิเดินบ่นไปดวงตาคู่สวยก็มองสำรวจไปรอบๆพื้นที่ก่อนจะชนเข้ากับใครบางคนจนตัวเซถอยหลังไปหลายเก้า แต่ยังไม่ทันที่จะได้ขอโทษคนตรงหน้าก็ขอโทษขอโพยขึ้นมาก่อนซะงั้น ฮารุมิมึนงงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่กำลังขอโทษขอโพยตนเองอย่างลนลานทำตัวไม่ถูกก็ต้องคิดในใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ 'กระต่าย' คำคำนี้มันช่างดูเข้ากับเขาคนนี้นี้จริงๆ กระต่ายสีเขียวตัวใหญ่กำลังเลิ่กลั่กขอโทษขอโพยต่อเธออย่างไม่หยุดปากจนเธอต้องเอ่ยปากห้ามเขาจึงได้หยุดลง แต่ถึงแม้จะหยุดหน้าเขากลับไม่ลดความกังวลลงเลยกลับกันเขายังหน้าซีดตัวสั่นราวกับกำลังกลัวอะไรอยู่ซะอย่างนั้น ฮารุมิถอนปายใจออกมาเฮือกหนึ่งเขาก็สะดุ้ง เธอจึงเข้าใจอะไรบางอย่างก่อนจะขอให้เขาช่วยเธอแทนการขอโทษแทน เจ้ากระต่ายเขียวตรงหน้าของเธอที่ได้ยินหน้าก็ซีดลงไปหนักกว่าเดิมจนเธอลนลานทำตัวไม่ถูก ในใจก็รู้สึกเหมือนตนเองกำลังรังแกเด็กน้อยอยู่ทั้งที่ตัวเองก็อายุไม่น้อยแล้วแท้ๆจึงทำไใแต่ขอโทษในใจไป
ฮารุมิยืนมองประตูห้องพักอาจารย์โดยข้างๆตัวเธอก็มีเจ้ากระต่ายเขียวตัวเดิมยืนตัวเกร็งอยู่ข้างๆกัน เธอมองเจ้ากระต่ายเขียวเล็กน้อยก่อนจะเดินไปเคาะประตูและขออนุญาตเข้าไปตามมารยาท ให้พูดตามตรงเธอผิดหวังที่โรงเรียนอนุบาลที่นี่ไม่มีอาจารย์ออกมารับที่หน้าโรงเรียนทั้งๆที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าจึงทำให้พี่คานะไม่สามารถเดินเข้ามาส่งได้และตัวเธอในตอนนี้ก็เป็นเพียงเด็กอนุบาลตัวน้อยกลับต้องเดินมาที่ห้องพักอาจารย์ด้วยตัวเองแทนเสียอย่างนั้น คิดได้ไม่นานนักก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูออกหน้าตาของเธอคนนั้นเมื่อมองเห็นเธอก็ทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ทันที ไม่ทันที่ฮารุมิจะได้เอ่ยอะไรอาจารย์สาวคนนั้นก็ตวาดใส่ฮารุมิในทันที
"จะมาเคาะทำไมยังไม่ถึงเวลาเรียนด้วยซ้ำ!ถ้าจะมากวนละก็กลับไปซะ!"
ว่าจบอาจารย์สาวก็ปิดประตูเสียงดังใส่หน้าของฮารุมิทันที ฮารุมิกำมือแน่นก่อนจะหันไปหาเจ้ากระต่ายเขียวข้างกายว่าให้นำไปห้องผู้อำนวยการของที่นี่หน่อย เจ้ากระต่ายเขียวที่ได้ยินก็ลนลานเหมือนพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดแล้วเดินนำเธอไปที่ห้องผู้อำนวยการแทน แต่ยังไม่ทันจะถึงห้องผู้อำนวยการก็มีใครไม่รู้โผล่ออกมาขวางทางเสียอย่างนั้น
"เฮ้ย!!เดกุ!นี่แกจะไปไหนกันน่ะห๊า!!"
เด็กชายคนนึงโผล่มาข้างหน้าฮารุมิและเจ้ากระต่ายเขียวในมือของเด็กคนนั้นก็มีประกายไฟของระเบิดที่ดูแล้วมันคงจะเป็นอัตลักษณ์ของเด็กคนนั้นส่งเสียงอยู่เป็นระยะถี่ๆ เหมือนกำลังข่มขวัญเจ้ากระต่ายเขียวอยู่อย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าที่กำลังยกยิ้มดูหยิ่งยโสและมองมาที่เจ้ากระต่ายเขียวอย่างเหี้ยมโหดและดูจะสนุก ต่างกันกับเจ้ากระต่ายเขียวของเธอที่กลับยืนตัวสั่นมองเด็กมือระเบิดตรงหน้าด้วยความกลัวไม่กล้าขยับตัว ฮารุมิมองเด็กทั้งสองคนสลับกันก่อนที่จะทักเด็กมือระเบิดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"นี่คุณทุเรียนระเบิดคะช่วยหลบหน่อยได้ไหมพอดีว่ามีที่ที่ต้องไปหน่อยน่ะค่ะ"
ความเดิมตอนที่แล้ว
..."นี่คุณทุเรียนระเบิดคะช่วยหลบหน่อยได้ไหมพอดีว่ามีที่ที่ต้องไปหน่อยน่ะค่ะ"...
......................
"หะ...ห๊า!!" เด็กชายเจ้าของฉายาทุเรียนระเบิดเมื่อได้ยินดังนั้นก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังออกมาทันทีแต่ก่อนที่จะได้ต่อว่าอะไร เด็กสาวก็พูดขัดขึ้นมาอีกครั้ง
"ฉันรีบมีธุระน่ะค่ะเพราะงั้นช่วยหลบทีได้ไหมคะ" ฮารุมิพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่กำลังยิ้มอ่อน นั้นยิ่งทำให้กระต่ายเขียวข้างกายลนลาน และเด็กชายหัวทุเรียนโมโหหนักกว่าเก่า
ไม่รอช้าเด็กชายหัวทุกเรียนก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังประกาศก้องราวกับกำลังพูดกับคนที่อยู่ห่างกับตนราวๆร้อยเมตร
"อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะยัยหัวชมพู ชื่อของฉันคือ บาคุโก คัตสึกิ ชายผู้ที่จะเป็นคนก้าวข้ามออลไมท์และเป็นที่1ให้ได้ต้างหากละ!!"
ว่าจบบาคุโกก็กระโดดเข้าหาฮารุมิพร้อมระเบิดในมือหวังจะระเบิดเธอให้รู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของตนเอง แต่ยังไม่ทันจะถึงตัว ฮารุมิก็ถอนหายใจออกมาและดีดนิ้วหนึ่งครั้งด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนที่จะเกิดลมพายุที่แม้จะมีกลิ่มหอมของดอกไม้และกลีบดอกไม้ปลิวว่อนในพายุนั้นแต่อนุภาพของลมพายุนั่นกลับรุนแรงและพัดพาร่างกายของบาคุโกออกไปปล่อยทิ้งไว้ที่หน้าโรงเรียนอย่างรวดเร็วจนกระต่ายเขียวที่อยู่ข้างๆได้แต่มองด้วยความทึ้ง ในตาก็เป็นประกายกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
"สะ...สุดยอดไปเลย...แค่ดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว...ก็พัดคัตจังไปได้ไกลถึงขนาดนั้นเลย"
ฮารุมิมองเจ้ากระต่ายเขียวที่ยังตาเป็นประกายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็อดที่จะนึกเอ็นดูเจ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้แม้ว่ากว่าเธอจะสามารถทำได้ขนาดนี้ได้ก็ฝึกอย่างหนักจนเลือดตาแทบกระเด็นเลยแท้เชียว แต่ถึงแบบนั้นเป้าหมายตอนนี้ของเธอก็คือ ไปที่ห้องผู้อำนวยการเพื่อดำเนินเรื่องการรายงายตัวเข้าเรียนวันแรกนี้ของเธอและรายงานพฤติกรรมของยัยหนองโตไร้สมองที่เธอตั้งฉายาให้เมื่อกี้ให้โดนลงโทษอย่างสาสมให้จงได้
เวลาผ่านไปเรื่องราวที่เธอต้องการก็จบลงอย่างสวยงานแต่เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วเสียอย่างนั้น
"เฮ้อ ในที่สุดก็เสร็จเรื่องซะทีดันกินเวลาไปมากกว่าที่คิดซะได้ ได้เวลาหาอะไรกินแล้ว....แล้ว....โรงอาหารไปทางไหนกันละเนี่ย"
ฮารุมิเดินไปเรื่อยๆก็เจอเข้ากับกลุ่มเด็กน้อยที่ดูเหมือนจะกำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งเด็กน้อยคนหนึ่งที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาดี เด็กที่โดนรังแกก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เจ้ากระต่ายเขียวน่าเอ็นดูของเธอเองนั้นแหละ ฮารุมิยืนดูอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างเหลืออดแล้วเดินเข้าไปหากลุ่มเด็กพวกนั้น
"นี่เล่นอะไรกันอยู่หรอ?สนุกรึเปล่าให้ฉันเล่นด้วยคนสิ"
ฮารุมิยิ้มตาปิดให้กลุ่ทเด็กน้อยพวกนั้นก่อนเผยให้เห็นดวงตาคู่สวยน่าหลงไหลให้เด็กพวกนั้นเห็น กลั่มเด็กน้อยที่เห็นเด็กสาวหน้าตาหน้ารักทัก็หน้ากันเป็นแถบๆผิดกับเจ้ากระต่ายเขียวที่ก้นจุ้มปุกอยู่ที่พื้นที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มไปแล้ว
เหล่าเด็กน้อยที่เริ่มได้สติกันก็ต้อนรับฮารุมิให้มาแกล้งเจ้ากระต่ายเขียวกันอย่างยิ้มแย้มแต่กลับกันหน้าฮารุมิที่แม้จะยิ้มอยู่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเธอกำลังสนุกอยู่เลย ฮารุมิยืนฟังที่เจ้าเด็กน้อย3หนอที่สาธยายเกี่ยวกับเจ้ากระต่ายเขียวให้ฟัง ใจความคร่าวๆที่แน่ชัดก็คือเขาเป็นคนไร้อัตลักษณ์เป็นขยะไร้ค่าของสังคม ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ คำพูดพวกนั้นมันทำให้ฮารุมิมีใบหน้าที่มืดครึ้มยิ่งกว่าเก่าเสียอีกรอยยิ้มที่เธอมีเองก็หายไปด้วยเช่นกัน
ในขณะที่เจ้าเด็กน้อย3หน่อกำลังหัวเราชอบใจอยู่นั้นก็มีรากไม้งอกขึ้นมาจากพื้นดินรัดตัวของเจ้าเเ็กน้อย3หน่อ้อาไว้แน่นจนทั้ง3ได้แต่ไอค่อกแค่กน้ำมูกน้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แต่ฮารุมิที่มองดูอยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยนัยน์ตาคู่สวยจ้องมองไปที่เด็กน้อย3หน่อที่กำลังถูกรัดด้วยรากต้นได้ของเธออยู่นั้นก็เปลี่ยนมาเป็นใบหน้ายิ้มแย้มอีกครั้งและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
"อย่างนี้นี่เองความรุ้สึกของการได้กลั่นแกล้งคนอ่อนแอมันสนุกแบบนี้เองสินะเนี่ยแหมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการละเล่นของเด็กๆแบบนี้อยู่ด้วย ว่าไหม?เจ้ากระต่ายเขียว"
ฮารุมิหันไปถามเจ้ากระต่ายเขียวของเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่ตาของเธอกลับไม่ยิ้มไปด้วยเลยแม้แต่น้อย เจ้ากระต่ายเขียวที่เห็นก็ลนลานเลิากลั้กทำตัวไม่ถูกก่อนก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วพูดกับฮารุมิไป
"ระ..เราไปจากที่นี้กันดีไหมครับ"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!