ณ ดินแดนมนุษย์ ภูเขาหลิงเจียน ป่าทางทิศเหนือแห่งเมืองเป่ยยง ป่าเงียบสงบ
สัตว์ป่านานาชนิดต่างดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข ดอกไม้นานาพันธุ์ผลิบานชูช่อขาว
ชมพู เหลือง ส้ม และสีเขียวไล่ระดับสีของใบไม้ อวดสัตว์ป่า
น้อยใหญ่มาเป็นเวลานาน
ภูเขาแห่งนี้ไร้ผู้บุกรุกมาเป็นเวลาร้อยปี เพราะข่าวลือที่ว่าป่าแห่งนี้มีผีสาง คนตัดไม้ต่างพากัน
ลือว่าใครที่เข้ามายังภูเขาแห่งนี้ ล้วนแต่ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน หรือกลับไปแล้ว
ต่างจำอะไรไม่ได้หรือบางคนถึงขั้นสติฟั่นเฟือน สติแตกไปก็มี
เรื่องกล่าวขานนี้เกิดขึ้นเมื่อมีข่าวลือว่า มีคนตัดไม้เข้ามายังภูเขาแห่งนี้ และได้เก็บดอกไม้ชนิดหนึ่ง
สีขาวดอกใหญ่กลับบ้าน เพียงเพื่อจะนำกลับไปให้กับบุตรสาวของเขาที่กำลังป่วย
และกำลังจะตาย นางได้สูดดมดอกไม้นั้นและได้กลิ่นหอมเป็นพิเศษ
จึงขอให้ท่านพ่อของนางนำไปต้มเป็นชาให้นางกิน เพราะตั้งแต่เกิดมานั้น นางยังไม่เคย
ได้พบเจอดอกไม้งดงามเช่นนี้ หลังจากนางได้
ดื่มน้ำชาดอกไม้ประหลาดนั้นเข้าไป
วันต่อมาอาการป่วยของนางก็หายไปอย่างกับปลิดทิ้ง สร้างความประหลาดใจกับผู้เป็นพ่อยิ่งนัก
จึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้หมอยาในตลาดฟังและเล่าต่อๆ กันเรื่อยๆ
จนกระทั่งมีผู้คนมากมายที่จะเข้ามายังภูเขาแห่งนี้เพราะต้องการดอกไม้เหล่านั้นไปขาย
ต่างก็ว่าเป็นดอกไม้วิเศษ กินแล้วหายป่วยไข้
ไป่ลู่จิ่วจึงต้องปกป้องทุ่งดอกไม้ร้อยลี้ของนางที่นางสร้างขึ้นมาเองกับมือ
ด้วยวิธีการต่างๆ นานาไม่ให้ใครได้เข้ามายังภูเขาของนางอีก
ชาวบ้านจึงกล่าวขานกันไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่ามีภูตผีคอยดักทำร้าย
มีเทพคอยปกปักษ์รักษา
หรือจนกระทั่งมีผีผู้หญิงคอยปกป้องป่าแห่งนี้แต่หามีใครรู้ว่า
ป่าแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของภูตดอกโบตั๋น
ไป่ลู่จิ่ว เติบโตมาจากภูเขาหลิงเจียน นางเป็นภูตดอกโบตั๋นสีขาว ผิวของนางขาวนวล
ตากลมโต ปากเล็กเป็นกระจับ จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้ารูปไข่ สีขาวนวลครีม
นั้นคือสีชุดของนาง บนศีรษะของนางนั้นประดับประดา
ไปด้วยดอกไม้สีขาวและชมพูอ่อน
อาวุธประจำตัวของนางคือ พัดหมู่ตาน ซึ่งได้รับมาจากเทพผู้เฒ่าหลิงเจียน
ผู้ดูแลเขาหลิงเจียนแห่งนี้ ไป่ลู่จิ่วนางเกิดมาจากดอกโบตั๋น
และเริ่มบำเพ็ญเพียรมาเป็นเวลา 500 ร้อยปีแล้ว
บัดนี้นางกำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นเซียน
ท่านเทพผู้เฒ่าแห่งภูเขาหลิงเจียนจึงลงมาหานาง
ที่ทุ่งดอกไม้ร้อยลี้
“เสี่ยวไป่”
เสียงอ่อนโยนแต่มีพลังของท่านเทพผู้เฒ่าเรียกหา ไป่ลู่จิ่ว จากใต้ต้นโบตั๋นที่กำลังผลิดอกสีขาว
ท่านเทพผู้เฒ่านั่งลง พร้อมรินชาดอกโบตั๋น จิบเบาๆ
“เจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่า”
ไป่ลู่จิ่วหายตัวออกมาจากบ้านต้นไม้ของนาง และออกมานั่งข้างๆ
คำนับท่านเทพผู้เฒ่าอยู่ตรงหน้า
“นั่งก่อนเถิดศิษย์ข้า ลำบากเจ้าแล้ว”
จริงๆ แล้วไป่ลู่จิ่ว ได้รับการฝึกฝนเคล็ดบำเพ็ญเพียรมาจากท่านเทพผู้เฒ่านั่นเอง
ท่านเทพผู้เฒ่าจึงเอ็นดูนางเป็นพิเศษ
“ข้าจะลำบากได้อย่างไรเจ้าคะ ในเมื่อ 500 ปีมานี้ ท่านผู้เฒ่าดูแลข้ามาเป็นอย่างดี
ทั้งยังรับข้าเป็นศิษย์ของท่านอีก เท่านี้ข้าก็สบายที่สุดแล้วหล่ะเจ้าค่ะ”
นางช่างพูดช่างเจรจา ท่านเทพผู้เฒ่าจึงเอ็นดูนาง และนางเป็นผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์
ท่านเทพผู้เฒ่าจึงมอบอาวุธวิเศษให้แก่นาง เพื่อปกป้องภูเขาแห่งนี้
“เจ้าก็ยังช่างเจรจาเหมือนเคย”
ท่านเทพผู้เฒ่าพูดและยิ้มด้วยความอ่อนโยน
“วันนี้ท่านผู้เฒ่า จะมาฝึกวิชาอะไรให้ข้าหรือเจ้าคะ หรือท่านจะพาข้าไปที่ใดกัน”
นางถามท่านเทพด้วยความสงสัย
“วันนี้ข้ามาแจ้งข่าวแก่เจ้า”
ท่านเทพผู้เฒ่าพูดด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้า
“ข่าวดีหรือร้ายเจ้าคะท่านผู้เฒ่า ถ้าข่าวร้ายข้าขอไปก่อนนะเจ้าคะ”
นางทำท่าจะหายตัว
“ข่าวดี เจ้ากำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นเซียน”
ท่านเทพผู้เฒ่ารีบชิงพูด ก่อนที่นางจะหายตัวไปอีก
“จริงหรือเจ้าคะ ท่านผู้เฒ่า ข้ากำลังจะได้เป็นเซียนจริงๆ หรือเจ้าคะ”
นางถามท่านเทพผู้เฒ่าด้วยความดีใจ
“จงเตรียมตัวให้พร้อม อีก 10 วันให้หลัง ข้าจะมารับเจ้าไปเข้าเฝ้าองค์เทียนตี้”
ท่านเทพผู้เฒ่ากล่าวกับนางก่อนจะกลับ
“ข้ากำลังจะเป็นเซียนแล้ว”
รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้า ไป่ลู่จิ่วดีใจ วิ่งออกไปกลางทุ่งดอกไม้ร้อยลี้
หมุนตัวท่ามกลางดอกไม้อย่างสุขใจ และล้มตัวลงนอน
มองท้องฟ้าสีฟ้าที่ตัดกับเมฆสีขาวที่ลอยสลับกันไปมา
แล้วเผลอหลับไปในที่สุด
ในที่สุดวันที่นางรอคอยก็มาถึง ภูตินกกระจิบตัวเล็กๆ บินไปมาวุ่นวายภายในบ้านต้นไม้
ช่วยกันแต่งตัวให้นางเพื่อเข้าเฝ้าเทียนตี้ วันนี้นางสวมชุดสีขาวนวล
ประดับเลื่อมสะท้อนกับแสงแดดวับวาวๆ ใบหน้าขาวผ่อง
ปากเล็กๆ สีแดงเลือดนก ประดับศีรษะด้วยมงกุฎดอกไม้สีชมพู
สีโอรสและแซมด้วยสีขาว นางยิ้มอยู่หน้ากระจกราวกับ
เด็กน้อยที่ได้รับของเล่นที่ถูกใจ
“เสี่ยวไป่ เจ้าพร้อมแล้วหรือไม่”
ท่านเทพผู้เฒ่าแต่งกายด้วยชุดสีฟ้าอ่อน สลับสีฟ้าเข้มมองดูสง่างาม สบายตา และใช่แล้ว
ท่านคือเทพแห่งฟ้าฝน ผู้ดูแลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล มีจิตใจเยือกเย็น
อ่อนโยน ไร้ซึ่งคู่ครอง เพราะถือศีลพรหมจรรย์
“ข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่า”
นางเดินออกมาพร้อมกับภูติดอกไม้เล็กๆ ที่บินออกมาพร้อมกับนาง สายตาของนาง
สดใสดั่งหยาดน้ำค้าง รอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้านั้นช่างมีความสุข
“งั้นเราเดินทางกันเถิด องค์เทียนตี้มีงานเลี้ยงแต่งตั้งเซียน
ในวันนี้ อย่าช้าอยู่เลย”
แล้วนางก็เดินมาจับที่แขนท่านเทพผู้เฒ่า พร้อมหายตัวมา
อยู่หน้าตำหนักสวรรค์
ณ ตำหนักสวรรค์ เหล่าเทพและเซียนต่างมาชุมนุมกันกันอย่างพร้อมเพรียง
ท่านเทพผู้เฒ่าเดินนำ ไป่ลู่จิ่วเดินตามท่านเทพผู้เฒ่าอย่างสำรวม
ตำหนักสวรรค์ใหญ่โตและประดับประดาด้วยสีขาวของหินอ่อน
และสีทองของทองคำแท้
มองเห็นก้อนเมฆสีขาวในระยะใกล้ และไกลโพ้น ดอกไม้ที่ประดับประดา
สวยงามได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งบึงบัวสีขาว ดอกเหมยที่มี
สีชมพูอร่ามและดอกกุ้ยฮวาที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล
“ท่านผู้เฒ่าเจ้าคะ”
ไป่ลู่จิ่วเรียกท่านเทพผู้เฒ่าด้วยความตื่นเต้นเมื่อหันไปเห็นฝูงหงส์
ซึ่งมีหงส์เพลิงเป็นจ่าฝูงบินเข้ามายังตำหนักสวรรค์
และแปลงกายปรากฎเป็นองค์ชายรูปงาม
ท่านเทพผู้เฒ่าหันมามองนางด้วยความเอ็นดู ทั้งยังรู้ทันนางว่า
ตื่นเต้นเรื่องใด จึงอธิบายให้นางฟัง
“เผ่าหงส์ และที่เจ้าเห็นนั้นคือพญาหงส์ องค์ชายเฟิ่งหวง
หน่อเนื้อขององค์เทียนตี้และเทียนโฮ่ว”
นางมองตามด้วยความสงสัย ทุกคนต่างหลบและแสดงความเคารพ
แก่เผ่าหงส์ รวมทั้งไป่ลู่จิ่วด้วย
นางสังเกตเห็นองค์ชายเฟิ่งหวงเดินนำหน้าเหล่าหงส์ องค์ชายผู้นั้นสวมชุดสีขาว
ประดับด้วยด้ายสีแดง ดวงหน้าขาวผ่อง
ดวงตาเป็นประกาย จมูกโด่งรั้น รับกับใบหน้าเรียวรูปไข่ ปากเป็นกระจับ
เหมาะกับใบหน้านั้นนัก ผมยาวสลวยแต่เก็บผมไว้แบบเรียบง่าย
ไม่สวมเครื่องประดับใดๆ ท่าทางองอาจดุจนักรบโบราณ
ของเขานั้น ช่างดึงดูดสายตาของนางยิ่งนัก
จังหวะหนึ่งองค์ชายเฟิ่งหวงหันมาสบสายตากับไป่ลู่จิ่ว นางรู้สึกใจเต้นแรง
หน้าเริ่มแดงจัด หูแดงกล่ำ ด้วยความตื่นเต้นนี้ จึงหลบหน้า
องค์ชายเฟิ่งหวงซึ่งกำลังมองนางเช่นกัน
“รีบเดินเถิดศิษย์ข้า เดี๋ยวจะไม่ทันการ”
ท่านเทพผู้เฒ่ากล่าวเรียกสติไป่ลู่จิ่ว
“เจ้าค่ะท่านผู้เฒ่า”
ไป่ลู่จิ่ว รีบเดินตามท่านเทพผู้เฒ่ามานั่งในโถงใหญ่ที่มีทั้งเทพและเซียนน้อยใหญ่
กำลังชุมนุมกันอย่างครึกครื้น ต่างทักทายกันด้วยไมตรีจิต บ้างชวนกันพูดคุย
บ้างดื่มน้ำชา ก่อนที่จะได้ยินเสียงประกาศ
“เทียนตี้และเทียนโฮ่วเสด็จ”
ทุกคนในโถงนั้นต่างยืนขึ้นคารวะ รวมทั้งท่านเทพผู้เฒ่าและไป่ลู่จิ่ว
“นั่งลงเถิด”
องค์เทียนตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวานและมีพลัง องค์เทียนโฮ่ว
นั่งลงข้างๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ในวันนี้ข้าตั้งใจที่จะแต่งตั้งเหล่าภูตให้ขึ้นตำแหน่งเซียน และเป็นโอกาสดีเช่นกัน
ข้าจะแต่งตั้งองค์ชายเฟิ่งหวงเป็นองค์รัชทายาท”
ทุกคนในโถงแห่งนี้ต่างฮือฮาที่จะได้พบกับองค์รัชทายาท ซึ่งต่างรู้ดีว่า
เป็นองค์ชายเฟิ่งหวง หงส์เพลิงซึ่งเป็นบุตรชาย
เพียงคนเดียวที่พระมารดามาจากเผ่าหงส์
“ข้าจะให้ท่านเทพแห่งทิศอุดร เป็นผู้ดำเนินพิธีในวันนี้”
องค์เทียนตี้กล่าว ท่านเทพอุดรเดินมาอยู่ทางด้านขวามือ
ขององค์เทียนตี้ พร้อมกล่าว
“ขณะนี้จะเป็นการแต่งตั้งเซียน มีทั้งหมด 3 ท่าน พร้อมมอบสัตว์ภูตให้เหล่าเซียน”
ทุกคนในโถงต่างปรบมือแสดงความยินดี
“ท่านแรก ภูตงูขาว แต่งตั้งเป็น เซียนหลงหลี่ สัตว์ภูตประจำตัว
ตะขาบลมกรด อาวุธประจำกาย ดาบชี้ฟ้า”
เซียนหลงหลี่ นางแสดงความเคารพองค์เทียนตี้และองค์เทียนโฮ่ว
พร้อมรับสัตว์ภูตและอาวุธประจำกาย
“ท่านที่ 2 ภูติมังกรดิน แต่งตั้งเป็น เซียนต้าหวงตง สัตว์ภูตประจำตัว
พยัคฆ์เทา อาวุธประจำกาย กระบี่วายุพัด”
เซียนต้าหวงตงเป็นบุตรลับๆ ของ ท่านเทพแห่งดวงดาวและนางมังกรเกล็ดนิล
ซึ่งเดิมทีแม่ของเซียนต้าหวงตงไม่ให้เซียนต้าหวงตงติดต่อกับ
ท่านเทพดวงดาวเด็ดขาด เพราะท่านเทพดวงดาวมีภรรยามาก่อน
คือท่านเทพจันทรา ซึ่งนางเองรู้สึกต่ำต้อยเพราะ นางมังกรเกล็ดนิลนั้น
เป็นแค่เซียน จึงห้ามบุตรชายของตนพบเจอกับบิดา
ด้วยความกลัวว่าท่านเทพดวงดาว
จะมาแย่งลูกของนางไป
“ท่านสุดท้ายในวันนี้คือ ภูติดอกโบตั๋นขาว แต่งตั้งเป็น เซียนไป่ลู่จิ่ว
ตำแหน่งธิดาดอกไม้ ดูแลดอกไม้ทั่วทั้งตำหนักสวรรค์
สัตว์ภูตประจำตัว ผีเสื้อร้อยรุ้ง อาวุธประจำกาย
พัดสะบัดเมฆาและมอบตำหนักกลางหาว
ข้ารับใช้ 30 คน เป็นของกำนัล”
ไป่ลู่จิ่วตกใจมากที่ตนเองได้รับตำแหน่งธิดาดอกไม้ ซึ่งตำแหน่งนี้
ยังไม่มีใครเคยรับมาก่อน หากพูดแล้วตำแหน่งนี้
เทียบเท่าท่านเทพท่านหนึ่งได้เลย โดยนางไม่เคยรู้มาก่อน
ว่าท่านเทพผู้เฒ่าเป็นคนขอตำแหน่งนี้ให้กับนาง
ซึ่งท่านเทพผู้เฒ่าเป็นเพียงคนเดียวที่ทราบว่าแท้จริงแล้ว มารดาของนาง
เป็นเทพแห่งมวลดอกไม้ และบิดาของนางนั้นคือราชาแห่งทะเลประจิม
ซึ่งเดิมทีเป็นสหายรักขององค์เทียนตี้
แต่บิดาของนางได้สละชีพในสนามรบ
การสละชีพในครั้งนั้นเป็นปมในใจองค์เทียนตี้เสมอมา เพราะเป็นการสละชีพ
ในสนามรบที่เกิดจากศึกระหว่างเผ่ามารและเผ่าสวรรค์
ในครั้งนั้นองค์เทียนตี้เสียเปรียบราชามารนิล ราชาแห่งทะเลประจิม
จึงเข้ารับหอกเพลิงกาล ของราชามารนิลแทนองค์เทียนตี้
จนขาดใจตายในสนามรบ
หลังจากราชาแห่งทะเลประจิมสิ้นชีพพลังแห่งมนต์บุปผาวารีก็หวนคืนสู่ร่างของหญิง
อันเป็นที่รัก เพราะวิชานี้ได้เกิดจากการหลอมรวมกันของพลังสองสาย
คือของราชาแห่งทะเลประจิม และเทพแห่งมวลดอกไม้
เมื่อพลังหวนคืนสู่ร่างของนาง ก็ทำให้นางทราบได้โดยปริยายว่าบุรุษผู้เป็นที่รัก
ของนางได้จากโลกใบนี้ไปแล้ว
เทพแห่งมวลดอกไม้ เสียใจมากและตรอมใจเพราะการจากไปของคนรัก
นางได้ผนึกพลังเทพของนางทั้งหมดรวมทั้ง
เคล็ดวิชามนต์บุปผาวารีไว้ในโถแก้ว
ก่อนจากไปนางได้ฝากธิดาของนางไว้กับท่านเทพผู้เฒ่า และสั่งเสียท่านเทพผู้เฒ่าไว้
ให้บอกทุกคนว่า นางได้ตายไปเพราะตรอมใจ ส่วนธิดาของนางนั้น
นางได้ตัดเส้นวาสนาเทพลง
และส่งให้ไปอยู่ที่ดินแดนมนุษย์ เพื่อให้นางหลุดพ้นจากแดนสวรรค์
และไม่ยุ่งเกี่ยวกับดินแดนสวรรค์อีก ทั้งนี้จริงๆ
แล้วเป็นวิธีการที่นางใช้ปกป้องไป่ลู่จิ่ว
จากราชามารนิลและเผ่ามาร
เพราะนางรู้ดีว่าก่อนที่ราชาแห่งทะเลประจิมจะสิ้นชีพนั้น ได้ฆ่าน้องสาว
ของราชามารนิลเพราะนางเข้ามารับกระบี่ธารามลาย แทนท่านพี่ของนาง
ทำให้ราชามารนิลเสียใจมาก และคิดแก้แค้น
โดยครั้งนั้นตั้งใจจะฆ่าองค์เทียนตี้ เพราะรู้ว่าองค์เทียนตี้เป็นสหายรักของราชาแห่งทะเลประจิม
แต่ราชาแห่งทะเลประจิมก็มารับหอกเพลิงกาล
ของราชามารนิลแทนองค์เทียนตี้
ทำให้การตายในครั้งนี้ของราชาแห่งทะเลประจิมเป็นปมในใจ
ของเทพแห่งมวลดอกไม้ และคิดหาทาง
ให้ธิดาของตนปลอดภัย
นางจึงฝากธิดาของตนไว้กับท่านเทพผู้เฒ่าผู้เป็นท่านลุงของนาง
และไม่ให้บอกความลับนี้กับใคร จนกว่าไป่ลู่จิ่ว
นางจะอายุครบ 500 ปี
แม้แต่ท่านปู่และท่านยายของไป่ลู่จิ่วเองก็ห้ามบอก เพราะนางกลัวว่า
หากทั้งสองรู้ว่าหลานอยู่ที่ใด จะต้องรับหลานกลับไปยังดินแดนบุปผา
และดินแดนทะเลประจิมเป็นแน่แท้ นางกลัวธิดาของนางจะ
ได้รับอันตรายจึงเลือกฝากไว้ที่ผู้เป็นลุงของนางแทน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!