มันเป็นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อนผมออกไปกินข้าวข้างนอกกับเพื่อนคนนึง มันมาหาผมตอน 1 ทุ่ม มันเข้ามาชวนผมไปกินข้าวข้างนอก ร้านข้าวมันไก่ตรงแยกถนนแห่งนึง ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ข้าวมันไก่ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมง ใช่ครับคุณอ่านไม่ผิด มันเปิด 24 ชั่วโมง คนในร้านเป็นคนประเทศข้างบ้านเรา พูดไม่ชัดเท่าไหร่ ผมมาถึงก็สั่งแบบที่กินทุกที ผมนั่งลงกับโต๊ะก็เห็นเพื่อนผมมานั่งตามกันติดๆ "มึงสั่งข้าวยังอ่ะ" มันเงยหน้ามาละตอบผม "ลืมว่ะ มึงสั่งให้กูหน่อยดิ" ผมเลยพยักหน้าแล้วบอกพนักงานว่า เอาเหมือนกันอีกที่นึง ผมก็นั่งคุยกับมันไปเรื่อยเปื่อย คนรอบๆร้านก็หันมามองผมเป็นระยะๆ ผมเลยสังสัยว่ามองทำไม เลยถามเพื่อนผมออกไปด้วยความสงสัย "คนในร้านมันมองเหี้ยไรวะ" เพื่อนผมก็พูดเปรยๆขึ้นมา "ปล่อยแม่งดิ"
ผมก็นั่งกินไปคุยไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งมีคนรู้จักมาซื้อข้าวมันไก่ร้านนี้ ผมหันไปเห็นพอดีเลยตะโกนทักออกไป "มาซื้อข้าวไง" ก็พยักหน้าตอบผมมา "มากินข้าวเหรอ" ผมเลยลุกขึ้นไปหาเรื่องคุยซักหน่อย ถามถึงคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง จากนั้นมันก็พูดขึ้นมา
"เออมึงรู้เปล่าซอยแถวๆบ้านเรามีคนตายด้วยนะมึง" ผมฟังมันเล่าก็หัวเราะออกไปตามประสา "ใช่เหรอวะ เป็นห่าไรวะ"
มันก็ตอบผมมาว่าตอนประมาณตี 3 มีคนขับรถมอไซค์ด้วยความเร็วในซอยแล้วเกิดเสียหลักพุ่งชนกับเสาป้ายซอย หลังจากที่มันเล่าจบผมก็หัวเราะขึ้นมาอีกรอบ "ไอเหี้ย แม่งควายจังวะ สมควรตายละไอห่า ขับดีๆไม่ชอบ"
ผมกับมันก็คุยกับนานพอตัว ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆได้ คนรู้จักเลยขอตัวกลับบ้านไปก่อน จากนั้นก็เดินกลับมาที่โต๊ะตัวเอง เห็นว่าเพื่อนผมยังนั่งเขี่ยข้าวอยู่ไม่แดกซักที เลยตัดสินใจคิดเงินเลยไม่ต้องให้มันแดกต่อละ
ระหว่างขากลับมันก็ชวนผมไปเที่ยวเดินเล่นกันต่อที่ท่าน้ำนนท์ เดินกันจนดึกเกือบๆตี 1 ได้ ผมเลยบอกกับมันว่ากลับบ้านกันดีกว่า ผมก็เริ่มง่วงแล้วด้วย มันก็ไม่พูดอะไรพยักหน้าแล้วก็เดินไปที่รถผมเลย จากนั้นผมก็ขับไปส่งมันกลับบ้าน ซอยมันเปลี่ยวมากๆ ผมก็ขับไปตามปกติไม่ได้เร็วอะไรมาก มันก็บอกผม "มึงจอดหน้าซอยเลยก็ได้เพื่อน" ผมก็ตอบมันว่า "จัดไป" พอจอดรถผมได้กลิ่นแปลกๆ เลยถามมันบอกไปว่า มึงได้กลิ่นอะไรมั้ย มันก็ส่ายหัวแล้วตอบมา "กูไม่ได้กลิ่นอะไรเลย มึงเพี้ยนเปล่า"
ผมก็เลยบอกลามันตรงนั้น "งั้นกูกลับก่อนนะ" มันก็ตอบกลับมา "เออเพื่อนแล้วเจอกัน กูคิดถึงมึงนะ" ผมก็ทำหน้างงๆแล้วหัวเราะขึ้นมา "เป็นเหี้ยไรของมึงวะ ดูหลอนๆนะมึง" ผมก็ขับรถกลับบ้านไปเลย
เช้าวันถัดมา มีเพื่อนโทรมาบอกผมว่า ไอบอลเพื่อนผมที่ไปด้วยกันเมื่อคืนตายแล้ว ตายเมื่อ 2 วันก่อน ผมก็เลยงงๆ มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ เมื่อคืนผมก็ไปแดกข้าวกับมัน ไปท่าน้ำด้วยกัน ไปส่งมันถึงบ้าน แล้วมันจะตายได้ยังไง เพื่อนผมบอกมันซิ่งมอไซค์ในซอยแล้วเกิดเสียหลักจนกับเสาป้ายหน้าปากซอยหน้ามันแล้วตายคาที่ ผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ จนกระทั่งมานั่งนึกเหตุการณ์เมื่อคืนทั้งหมด ตั้งแต่ร้านข้าว ท่าน้ำ และยันขากลับบ้าน ผมนั่งคุยอยู่กับใคร ขนลุกขึ้นมาเลยครับ ผมยังจำคำพูดของมันก่อนจะกลับบ้านได้เลยว่ามันพูดว่า
"คิดถึงมึงนะ"
คืนหนึ่งผมต้องไปส่งพิชซ่าให้ลูกค้า แต่มันน่าโมโหเพราะดันมาสั่งตอนร้านจะปิด เวลาประมาณเกือบๆ 4 ทุ่ม แถมพิกัดก็ไกลมาก ผมก็สงสัยว่า ผจก ทำไมถึงไม่ให้สาขาอื่น พอผมเห็นของก็เข้าใจได้ว่า อ๋อกลัวยอดขายร้านจะตกเพราะลูกค้ารอบนี้สั่งแบบชุดใหญ่มากๆ พิชซ่าถาดใหญ่ 6 ถาด ผมไม่อยากฟัง ผจก บ่นเลยต้องไปส่งทั้งๆที่อีกไม่กี่นาทีก็เลิกงานแล้ว ผมขับมาได้ซักระยะก็เริ่มตะหงิดๆว่ามันใช่ที่นี่แน่ๆเหรอ หรือ GPS นำทางผมมามั่วกันแน่ เพราะรอบๆข้างมันเป็นป่าทั้งสองข้างทางเลย ไฟทางก็ไม่มีมืดสนิทบวกกับถนนที่เป็นลูกรังขับรถก็ลำบาก เมื่อขับไปได้ซักพักผมก็เห็นบ้านหลังนึงตั้งอยู่ข้างทาง ผมจึงหยุดรถแล้วลงมาดูว่าใช่รึเปล่า ผมเดินเข้าไปยังประตูหน้าบ้านแต่บ้านหลังนี้ดูเก่ามากๆแถมไม่มีกริ่งให้กดเรียกเสียอีก ผมจึงเคาะประตูแล้วบอกว่า "พิชซ่ามาส่งแล้วครับ" แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา ผมจึงเดินไปที่รถตัวเองแล้วโทรไปถาม ผจก ว่าใช่จริงๆรึเปล่า ผจก โมโหมากแล้วบอกกับผมว่า "มันใช่สิวะ ไม่ใช่แล้วเขาจะสั่งทำมะเขืออะไร" เขาก็วางสายใส่ ผมจึงตัดสินใจไปที่ประตูแล้วเคาะเรียกอีกครั้ง จากนั้นก็มีเสียงคนเดินลงบันไดมา เสียงไม้จากบันไดมันดังมากค่อยๆลงมาเรื่อยๆ หัวใจผมก็เต้นรัวขึ้น จากนั้นเสียงเดินก็มาหยุดตรงหน้าประตู แล้วก็เงียบไป ผมจึงตะโกนออกไป "เอ่อ...พิชซ่าล่ะครับ" ไม่รู้อะไรหางตาผมเห็นอะไรบางอย่างที่หน้าต่างยืนดูผมอยู่ จึงหันไปมอง เห็นเงาคนกำลังถือของอะไรซักอย่างคล้ายๆมีด วินาทีนั้นก็รีบวิ่งกลับไปที่รถสตาร์รถแล้วรีบขับรถไปทันที ผมมองไปที่กระจกหลัง ก็เห็นเป็นผู้หญิงแก่ๆคนนึงยืนแสยะยิ้มปากแทบถึงใบหูเต็มไปด้วยเลือด ระหว่างที่ขับรถไปนั้นรถก็มีเสียงกรีดร้องออกมาจึงหยุดรถแล้งลงมาดู ผมแทบจะเป็นลมเพราะยางรถถูกกรีดจนแบน ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจโทรหาตำรวจ มี Operator ให้คำแนะนำบอกให้ผมใจเย็นๆตำรวจกำลังไปตามพิกัดที่ส่งมา เธอก็ให้คำแนะนำผม ให้อยู่แต่ในรถล็อครถไว้แล้วสังเกตุสิ่งรอบข้าง เธอบอกจะถือสายอยู่เป็นเพื่อนผม ซักพักก็ได้ยินเสียงอะไรไม่รู้วิ่งมาชนที่รถผม ผมจึงตกใจมากรีบวิ่งลงจากรถเข้าไปในป่า โชคดีที่มีท่อนซุงใหญ่ๆอยู่ท่อนนึง ผมจึงหลบอยู่หลังท่อนซุงนั้น แล้วสวดภาวนาขอให้หน่วยช่วยเหลือมาไวๆ มันมีเสียงอยู่รอบๆตัวผมมากมาย ทั้งกรีดร้อง ร้องแบบโหยหวน ผมกลัวมากๆ ได้แต่นั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้ แต่ก็ต้องกลั้นเสียงเอาไว้ จนกระทั่งผมได้ยินเสียง ไซเรนของรถตำรวจ ผมจึงรีบวิ่งออกจากที่ซ่อนมุ่งตรงไปหาแสงไฟที่อยู่ตรงหน้าเห็นตำรวจกำลังมาตรวจสอบรถ ผมวิ่งไปจนหมดแรงทรุดลงกับพื้น พวกตำรวจก็เข้ามาหาแล้วถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมตอบแทบไม่เป็นภาษา สุดท้ายผมก็ปลอดภัย หลังจากวันนั้นมาผมก็ลาออกจากการส่งพิชซ่า ไปทำงานร้านสะดวกซื้อแทน เรื่องในคืนนั้นมันยังเป็นฝันร้ายสำหรับผมตลอดมา.....
มันเรื่องสมัยที่ผมยังเด็กผมกับพ่อไปเยี่ยมลุงที่ต่างจังหวัด ผมมีลูกพี่ลูกน้องอยู่สองคน เขาแก่กว่าผมประมาณ 2 ปี ตอนนั้นผมประมาณ 9 ขวบ พอเดินทางไปถึงผมก็รีบไปหาลูกพี่ลูกน้องผมทันที มี พี่อาต กับ พี่ โดม พี่โดมนี่จะโตสุด ผมก็ไปเล่นกันตามประสาเด็ก พอพวกผมกำลังจะวิ่งออกจากไล่ ลุงของผมก็ตะโกนบอกพวกเราว่า ห้ามไปเล่นแถวบริเวณบ้านร้างนะ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ระหว่างที่ผมเล่นกัน พี่โดมก็ชวนเล่นซ่อนแอบกัน ผมชอบมากๆเล่นซ่อนแอบ เพราะผมซ่อนได้เนียนหยั่งกะพรางตัวเลยทีเดียว พวกผมก็รับคำท้ากันไป ตอนที่แอบผมก็ไม่รู้จะไปแอบที่ไหนดี ผมเลยตัดสินใจไปแอบในบ้านร้างหลังนั้น มันห่างจากบ้านลุงผม ประมาณ 200 เมตรได้ ผมเข้าไปแอบในบ้าน ข้างในของบางอย่างยังไม่เก่ามากผมมองไปรอบๆไม่เห็นมีที่จะซ่อนได้เลย ขึ้นไปที่ชั้นสองแทน พอผมขึ้นไปก็พบกับตู้ไม้ตู้นึงสภาพเหมือนไม่ได้ใช้งานมาเลย ส่วนของภายในห้องนั้นก็เก่าแล้วใยเกาะขึ้นเต็มห้องไปหมดมีเพียง ตู้นี้เท่านั้นที่ดูใหม่สุด ผมเลยตัดสินใจที่จะเข้าไปซ่อนในตู้ ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงพวกลูกพี่น้องผมเรียก จู่ๆเสียงข้างนอกฟังดูเหมือนตกใจอะไรซักอย่าง จากนั้นทุกอย่างก็เงียบกริบ ผมกำลังจะออกจากตู้ก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เสียงเหมือนคนกำลังเดินอยู่ในบ้าน กลิ่นอะไรซักอย่างก็ลอยมาเตะจมูกผม มันเป็นกลิ่นคล้ายๆซากสัตว์หรืออะไรซักอย่าง
เสียงค่อยๆดังขึ้นเหมือนกำลังจะขึ้นมาที่ชั้น 2 เสียงของรองเท้าบูทเดินลงส้นหนักๆ เสียงค่อยๆดังขึ้นๆ ผมจึงแง้มประตูตู้ออกไปเพื่อมองให้เห็นข้างนอก สิ่งที่ผมเห็น มันเป็นคนกำลังลากเหมือนขวานเดินไปมา รอบๆห้อง ผมกลั้นใจเอามือปิดปากตัวเองไว้ ผมเหมือนจะร้องไห้ มันเดินมาหยุดที่หน้าตู้ กลิ่นสาบทำเอาผมเกือบสำลัก ทันใดนั้นก็มีเสียงดังจากข้างล่างมันจึงหันหลังเดินลงไปข้างล่าง ในใจผมก็คิดเมื่อไหร่มันจะไปซักที ตกกลางคืนเสียงมันก็ยังอยู่ เพิ่มเติมผมได้ยินเสียง คนกรีดร้อง ทั่วทั้งบ้าน อยู่หลายชั่วโมงทำเอาผมแทบจะเป็นบ้า ผมนั่งร้องไห้ พร้อมกับได้ยินเสียงเหล่านั้น ไม่นานผมก็เผลอหลับไป ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วมือไปฟาดเข้าข้างตู้ เสียงร้องเท้าบูทวิ่งขึ้นมาที่ชั้น 2 มันกำลังจะเดินมาที่ตู้ ผมได้ยินเสียงเหมือนคนกระซิบข้างหู "ออกไปซะ" ผมตกใจรีบวิ่งสวนลงมาข้างล่างอย่างไม่คิดชีวิต มันก็วิ่งตามผมลงมาอย่างรวดเร็ว ผมรีบวิ่งไปที่โรงนาของลุง เจอพวกตำรวจพร้อมกับพ่อลุง
ผมวิ่งเข้าไปกอดพ่อ พวกพ่อลุงตำรวจก็ต่างถามว่าผมหายไปไหนมา ผมตอบแทบไม่เป็นภาษา พอเล่ารายละเอียดให้ตำรวจฟัง พวกเขาก็รีบไปตรวจสอบ บ้านร้างหลังนั้น แต่ก็ไม่พบอะไร
ผ่านไปหลายปี ผมก็นัดเจอพวกลูกพี่ลูกน้องมาที่ร้านเหล้า พี่โดมก็เล่าให้ฟัง ระหว่างที่เขาหาพี่อาตเจอแล้วกำลังตามหาผม พวกเขาเดินผ่านบ้านหลังนั้น ก็เห็นชั้น 2 เห็นเด็กผู้ชายยืนชี้อยู่ตรงหน้าต่างแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าชี้อะไร เกิดอาการกลัวเลยวิ่งหนีไป ผมได้ฟังแล้วก็อึ้ง ถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตามผมก็ยังคาใจอยู่
"สิ่งที่ผมพบในคืนนั้นมันคืออะไรกันแน่"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!