NovelToon NovelToon

Mood Love Is Pastel (รักของคุณคือสีอะไร?)

บทนำ

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้ทำให้สิ่งมีชีวิตที่นอกเหนือจากเผ่าพันธุ์ของมนุษย์กำเนิดขึ้นมา พวกเขาเหล่านั้นเรียกขานตัวเองกันว่า 'แวมไพร์' เผ่าพันธุ์ที่มีรูปลักษณ์ หน้าตาและเสน่ห์หาเพื่อที่จะเชื้อเชิญให้มนุษย์หลงใหล โดยส่วนใหญ่แล้วแวมไพร์มีความต้องการเพียงอย่างเดียวคือ การดื่มเลือดของมนุษย์ แม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องดื่มเลยก็ได้ แต่นั่นคงเป็นความปรารถนาที่ยากจะหลุดพ้น นั่นคือเรื่องเล่ามาแต่เดิมที่มนุษย์เชื่อกันในเรื่องนี้ แต่นั่นจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ยากที่จะบอกได้

ความเชื่อก็คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงยาก เมื่อมันก่อกำเนิดขึ้นมาและถูกปลูกฝังอยู่ในหัวของเรา

'****แวมไพร์คือสิ่งที่น่ากลัวและน่ารังเกียจ จงอย่าได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับมัน'

นั่นคือสิ่งที่เหมือนเป็นคำชี้แนะในหัวสมองของเด็กสาวอย่าง คีตกาล หรือ คีย์ ที่จำต้องเดินทางมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย S ในฐานะเฟรชชี่ปี 1 นักศึกษาคณะนิติศาสตร์  ความที่เป็นคนตรงไปตรงมาและการมีความสามารถพิเศษแปลกประหลาดติดตัวมาตั้งแต่วัยเยาว์ นั่นคือ การมีดวงตาสองสีที่ทำให้คีย์มองเห็นอารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างชัดเจน นั่นทำให้เธอรู้จักประเมิน คาดเดาและเลือกคบคนได้ดี จนกระทั่งการปรากฎตัวของเธอคนนั้นได้ทำให้คีย์ต้องพับเก็บนิสัยที่ไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะรุ่นพี่ดาวมหาลัยปี 2 อย่าง นิวาพร หรือ นิวา กลับเป็นคนแรกที่ทำให้ความสามารถอันน่าภูมิใจของคีย์ไม่สามารถใช้งานได้เสียอย่างนั้น

.

.

.

.

.

.

.

'ถึงมันจะวุ่นวายไปสักหน่อย แต่ฉันก็อยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ว่าภายใต้ใบหน้าสวยๆและรอยยิ้มนั้น มีอารมณ์อะไรแฝงอยู่กันนะ'

นิยายเรื่องนี้เป็นแนว Yuri หรือหญิงรักหญิง (ใครไม่ใช่สายนี้หรือไม่ชอบแนวนี้กดปิดได้เลยค้าบ)

คำเตือน : นิยายเรื่องเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป อาจมีฉาก ภาษา หรือพฤติกรรมตัวละครที่ไม่เหมาะสม ตัวละครไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่จริงแต่ประการใด เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อความบรรเทิงเท่านั้น โปรดใช้จักรยานในการรับชม ล้อเล่นนะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค้าบ

ติดตามหรือพูดคุยกับเค้าได้ที่นี่เลยน้า

🌈Twitter : @ishinraray

☀️IG : yeon_sayyeon

E-Mail : yeonsayyeon@gmail.com

01 คนตัวหอม

                                                                           

Mood Love Is Pastel

(รักของคุณคือสีอะไร?)

                                                                                            1

                                                                                     คนตัวหอม

'เจออารมณ์สีชมพูหวานแหววตั้งแต่เช้าเลยแฮะ'

ดวงตาของเด็กสาวเมียงมองภาพของคู่รักตรงหน้าที่กำลังพูดคุยจู๋จี๊ดี๊ด๊าประหนึ่งอยู่ในโลกสีชมพูกันสองคนจนเรียกได้ว่าออกหน้าออกตาท่ามกลางสายตาของผู้คนที่แออัดกันอยู่บนรถไฟฟ้าที่เคลื่อนขบวนด้วยความเร็วสูง คีตกาล หรือเรียกสั้นๆ ว่า คีย์ ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เมื่อเด็กมัธยมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองหน้ามายังเธอซึ่งกำลังยืนอยู่มุมนึงของเสาแล้วหันไปซุบซิบกันกับเพื่อนข้างตัว ด้วยคงจะเห็นใบหน้าเรียวเล็ก ผมสั้นประบ่าสีดำ ที่มีดวงตาแปลกประหลาดสองสีของเธอนั่นแหละ ทั้งดวงตาสีฟ้าใสที่อยู่ข้างซ้ายประกบคู่กับดวงตาสีน้ำตาลที่อยู่ด้านขวา ใครเห็นก็คงอดแปลกใจไม่ได้ที่คนแถบเอเชียจะมีดวงตาสีนี้กัน แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ

' เฉดสีเหลืองและสีแดง อ้อ ตอนนี้กระโดดไปที่สีม่วง'

นั่นคือสีที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของเด็กผู้อยากรู้อยากเห็นทั้งสองนั่น มีทั้งความกระตือรือร้น อันตรายและแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น รู้สึกได้ถึงความลึบลับน่าค้นหา เป็นเสมือนความนัยที่สื่อผ่านอารมณ์เหล่านั้นประกอบกับสีหน้าที่แสดงออกมา และคีย์มองเห็นมันชัดแจ๋ว อาจจะฟังดูประหลาดที่มนุษย์ธรรมดาแบบเธอ ดันมีความสามารถพิเศษตั้งแต่เด็ก นั่นคือการที่มองหน้าใครแล้วเธอจะรับรู้ได้ถึงห้วงอารมณ์ของอีกฝ่ายได้และรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นในหัวสมองว่าสิ่งนั้นหมายถึงอะไร ดังนั้นในแต่ละวันคีย์จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเห็นอารมณ์ของคนอื่นอยู่เสมอจนเป็นเรื่องปกติ จนกว่าที่จะข่มตาลงนอนได้นั่นแหละทุกอย่างจึงจะดับมืดลง

'สองคนนั้นแอบคิดว่าฉันเป็นแวมไพร์แหงแซะ ช่างเถอะ ฉันควรจะชินกับมันเสียที'

ในโลกนี้ ไม่สิ ยุคปัจจุบันนี้ใครที่ดูแปลกๆ หรือไม่เข้าพวกก็มักจะถูกคนอื่นตัดสินกันไปเองทั้งนั้นว่าพวกเขาเป็นอะไร มนุษย์ตาสองสีอย่างเธอก็คงหนีไม่พ้นคำนินทานี้ว่าเป็นหนึ่งในพวกแวมไพร์ เรื่องราวของแวมไพร์นั้นว่ากันว่าพวกเขากำเนิดขึ้นมาเนิ่นนานมากแล้ว และมีรูปลักษณ์ หน้าตาอันทรงสเน่ห์ที่พร้อมจะยั่วยุ เชื้อเชิญให้เหล่ามนุษย์ตัวจ้อยหลงเคลิบเคลิ้มด้วยการแฝงเร้นกายเข้ามาให้กลมกลืนปะปนราวกับเป็นพวกเดียวกัน หลังจากนั้นก็เผด็จศึกด้วยการดื่มเลือดของพวกเขา นั่นคงเพียงพอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้มนุษย์ได้ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่ตายไปเพราะแวมไพร์ดูดเลือดจนหมดตัวเลยแม้แต่รายเดียว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกดี แม้จะไม่มีใครกล้าไปทดลองหาคำตอบเรื่องราวเหล่านั้นเลยก็ตามที

[สถานีต่อไป มหาวิทยาลัย S]

เสียงประกาศภายในรถไฟฟ้าดังขึ้นโดยอัตโนมัติเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอใกล้จะถึงที่หมายและต้องเตรียมตัวลงที่ป้ายนี้ได้แล้ว เพราะวันนี้จะเป็นวันแรกของคีย์สำหรับการเป็นเฟรชชี่นักศึกษาปี 1 คณะนิติศาสตร์ หลังผ่านพ้นการจากการสอบเข้าที่เธอต้องอ่านหนังสือ เรียนพิเศษและกวดขันตัวเองมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งประสบความสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้นในครั้งนี้ คีย์ก้าวเท้าออกจากตัวรถและเดินลงบันได แตะบัตรผ่านประตูที่ชั้นล่าง ก่อนที่จะออกมาพ้นจากสถานี

ติ๊ง!

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นนั้นเป็นการบอกว่ามีใครบางคนส่งข้อความมาเธอ คีย์ควานหามันจากกระเป๋าเพื่อที่จะตอบข้อความของผู้ที่เธอไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร

Aung : [คีย์ อยู่ไหนแล้ว อีก 20 นาทีเขากำลังจะเรียกรวมพล ฉันรอที่ใต้ตึก A นะ]

Key : [รออยู่นั่นแหละ กำลังไป]

เธอกดพิมพ์ตอบข้อความสั้นๆ ลงไปในช่องแชทแล้วปิดโทรศัพท์มือถือลง เพื่อที่จะข้ามถนนตรงทางม้าลายหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งจากตรงนี้ เป็นถนนใหญ่ที่รถราผ่านไปมาไม่ขาดสายจนแทบจะไม่มีช่วงจังหวะที่ชะลอให้คนเดินเท้าก้าวข้ามกันไปได้ง่ายๆ เลย บางครั้งถนนหนทางในเมืองใหญ่ก็คงเป็นอะไรที่มีไว้สำหรับความเร่งรีบในการใช้ชีวิตประจำวันเสียมากกว่าที่ทุกคนจะได้ใช้เส้นทางสัญจรร่วมกันอย่างปลอดภัย ภาวะการจราจรที่ติดขัดในทุกเช้า เป็นปัญหาใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นได้เสมอและนั่นทำให้น้ำใจของผู้คนที่มีต่อกันมันลดน้อยลง คีย์เข้ามายืนอยู่แถวหน้าใกล้กลุ่มคนที่มีเป้าหมายเดียวกันคือจะข้ามถนน แต่ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดกลับเกิดขึ้น

ลูกแมวตัวเล็กบอบบางสีดำ ที่มีดวงตาสีอำพัน มันกำลังวิ่งลู่ข้ามถนนโดยหารู้ไม่ว่ากฎเกณฑ์ที่สำคัญของมนุษย์คือการรอ...

'' ไม่ได้นะ! อย่าข้ามไปนะเจ้าเหมียว! ''

เสียงร้องตะโกนลั่นอย่างไม่ทันคิดและขาสองข้างที่พร้อมจะพุ่งตัวออกไปหมายจะหยุดเจ้าแมวน้อยตนนั้น แต่ทว่าร่างบางของใครคนหนึ่งกลับเคลื่อนไหวผ่านตัวเธอไปได้เร็วกว่ามาก เพียงไม่กี่อึดใจ คนคนนั้นก็ไปอยู่ใกล้กับเจ้าเหมียวที่ยังคงดูใสซื่อไม่รู้เรื่องราวและกะพริบตาปริบๆ มองเสมือนว่าพวกมนุษย์นั้นโง่เง่า ส่งเสียงดังรบกวนมัน นั่นก็คงจะทำให้อุ่นใจขึ้นมาได้ว่ามันคงจะปลอดภัยแล้ว ถ้าหากว่าคีย์ไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาเสียก่อน เพียงแค่เธอปรายตาไปชั่วแวบเดียว ใบหน้าของผู้ชายที่ขับรถกระบะสีดำ และสิ่งที่เธอสัมผัสได้นั่นคือ

' สีเทา ขาวและดำผสมกัน นี่มัน ความรู้สึกแบบนี้ ห้วงอารมณ์ของการขาดสติ! แย่แล้ว! '

สามสีนี้คือสีขาวบริสุทธิ์ ใสซื่อ สีเทาคือความเศร้า มัวหมองและสีดำคือความชั่วร้าย ความหมายของสีและจิตวิทยาของมนุษย์ที่เกี่ยวพันกันระหว่างสีกับอารมณ์นั้นมีการวิจัยอยู่มากมาย เพียงแต่คีย์นั้นสัมผัสได้ในแบบของตนเองว่าสีนี้ อารมณ์นี้ของบุคคลนี้มันแตกต่างกัน มิได้ตรงกับสิ่งที่นักวิชาการทั้งหลายแหล่อ้างอิงมาเท่าใดนัก เธอรับรู้ได้ว่าชายผู้นั้นกำลังสติหลุด อาจจะด้วยเมา คลั่งหรืออะไรสักอย่าง และรถของเขาพุ่งมาตรงจุดที่เจ้าเหมียวอยู่

''บ้าเอ๊ย! ''

ด้วยฝีเท้าที่ไม่ยอมหยุดวิ่งนั้นก็พาคีย์ตรงไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว แขนสองข้างของเธอพุ่งเข้าโอบรัดร่างของหญิงสาวคนแรกที่เข้าไปช่วยเจ้าเหมียวและพยายามใช้เรี่ยวแรงที่ตนเองมีดึงร่างบางนั้นให้เข้ามา แต่ทว่าไม่ทันเสียแล้ว เพราะรถกระบะคันนั้นมาด้วยความเร็วชนิดที่เบรคก็เอาไม่อยู่ อีกแค่เสี้ยววินาทีก็จะชนสองพลเมืองดีและสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเข้าให้แล้ว นัยต์ตาสองสีของคีย์เบิกกว้าง ไม่รู้ด้วยความตระหนกตกใจหรือหวาดกลัวสุดขีดแต่อย่างใด

ดวงตาสีฟ้าข้างซ้ายของเธอกลับส่องประกายออกมา...

และวินาทีนั้น ราวกับโลกทั้งใบได้หยุดนิ่งลง ทุกสรรพสิ่งรอบกายพลันชะงักและไร้ปฏิกริยาแห่งการตอบสนองอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งผู้คน รถรา สายลมที่พัดผ่านจนใบไม้ปลิดปลิว ทุกอย่างจมดิ่งลงสู่ความนิ่งงัน ประหนึ่งว่าห้วงเวลาที่มีถูกใครบางคนหยุดไว้ และคงจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้เลยนอกจากเธอ คีย์มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จะว่าไม่ได้เป็นคนทำก็กระไรอยู่ เพราะตอนนี้มีเพียงแค่เธอเท่านั้น เธอเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เป็นเหมือนกับคนอื่นๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

'' นี่มันความสามารถหยุดเวลาได้เหมือนในหนังฮีโร่งั้นเหรอ บ้าไปแล้วรึไง จำไม่ได้สักนิดว่าฉันทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย! ''

เด็กสาวกุมขมับและแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ลำพังแค่ตาสองสีที่เห็นอารมณ์คนได้นี่มันก็ประหลาดจนเกินเยียวยาแล้ว แถมตอนนี้ยังเพิ่มสกิลใหม่มาให้เธอแบบไม่ได้ร้องขออีก

'' ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ นิ่งกันเป็นหินไปหมดทั้งแถบเลย...''

การทอดถอนหายใจด้วยความเคยชิน ทำให้หางตาเธอเหลือบไปเห็นร่างของผู้ที่ตัวเองคว้าหมับเข้าให้ก่อนที่ห้วงเวลาจะหยุดนิ่ง จึงนึกขึ้นได้ว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะพอหันไปอีกด้านก็พบว่ารถกระบะคันนั้นแนบชิดจนแทบจะสิงร่างเธอไปแล้วถ้าทำได้ เด็กสาวรีบเปิดประตูรถฝั่งคนขับพร้อมกับถอดกุญแจรถของเขาออกซะเผื่อว่าทุกอย่างกลับมาปกติ เขาจะได้ไม่พุ่งชนใคร แล้วจึงได้ลากตัวทั้งคนทั้งแมวข้างกายไปอย่างทุลักทุเล อาศัยจังหวะนี้ข้ามถนนไปเลยก็แล้วกัน

ไม่กี่วินาทีที่เธอกำลังจะข้ามพ้น นั่นก็ราวกับมีคนรู้ใจ ห้วงเวลาที่เคยหยุดนิ่งไปคล้ายกับภาพวาดกลับมามีชีวิตชีวา ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างอิสระเสรีอีกครั้ง ทั้งผู้คน ทุกสิ่งทุกอย่าง หรือแม้แต่ผู้ชายคนนั้นที่ตื่นจากภวังค์ของเวลา และดูเหมือนว่าจะกำลังงุนงงว่าทำไม เขาขับรถมาได้ถึงที่ทั้งที่กุญแจร่วงอยู่เบาะหลัง...

'' เอ่อ...''

น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากคนข้างตัวที่บัดนี้ คีย์กำลังใช้แขนโอบรอบเอวของเจ้าตัวคล้ายกับว่าอุ้มเธอข้ามถนนมา ในมือของเจ้าหล่อนยังคงอุ้มแมวค้างเอาไว้ จนมันได้แต่ร้องเรียกให้เธอปล่อยตัวไปเสียที

'' ขะ..ขอโทษนะ พอดีว่าเมื่อกี๊เห็นคุณกำลังช่วยเจ้าเหมียวนี่ แล้วรถกระบะคันนั้นพุ่งเข้ามาก็เลย...''

'' เก่งจังเลยนะคะ จากถนนฝั่งนั้นพาฉันมาถึงตรงนี้ในวินาทีเฉียดตายแบบนั้น...คุณเป็นใครกัน ''

' ชิบหายแล้วไง จะบอกว่าอะไรดี? มีตาวิเศษเหรอ ไม่ได้ดิ คิดเข้าสิคิดด! '

ใบหน้าที่สวยหมดจดงดงามประหนึ่งรูปสลัก ผิวที่ดูขาวจัด ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูดูธรรมชาติและสิ่งที่ดูเย้ายวนชวนให้หลงได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นนัยต์ตาสีน้ำตาลอ่อนแสนหวาน คล้ายกับทำให้คนที่มองมารู้สึกเหมือนต้องมนตร์ นั่นทำให้คีย์เกิดอาการสมองบลิ้งค์ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สายตาที่บ่งบอกถึงความกระหายใคร่รู้และคล้ายกับกำลังจับผิดเธอเป็นนัยๆ และที่สำคัญที่สุด ทำไมกัน...

'ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นอะไรเลย ทั้งอารมณ์ ความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้...'

แม้จะมองให้นานขึ้นกว่าเดิมผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากตอนแรก ใช่แล้ว...นี่คือความมหัศจรรย์ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ที่คีย์รู้สึกได้ว่า ความสามารถพิเศษของเธอกลายเป็นอัมพาตทันทีเมื่ออยู่ตรงหน้าผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ โดยที่ไม่รู้สาเหตุ

''ก่อนที่จะสงสัยกัน ขอบคุณสักคำไม่มีให้หน่อยเหรอคะ ที่เมื่อกี๊คุณทำน่ะมันอันตรายถึงตายเอาได้เลยนะ ''

''ฉันทนดูเจ้าเหมียวน้อยน่ารักแบบนี้ตายไปไม่ได้หรอกค่ะ แล้วก็ ถ้าจะตายฉันก็คงไม่เหงานัก ที่แน่ๆ ก็มีคุณแล้วหนึ่งคนที่จะมาร่วมก๊วนด้วย คนเดียวหัวหาย สามคนร่วมกันตายไงคะ เป็นยังไงล่ะ ฟังดูดีไหม? ''

' บ้าแล้ว ใครที่ไหนเขาคิดกันอย่างนั้น อีกอย่างนะ มันต้องคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายต่างหาก! แถมหนึ่งในก๊วนนี้มันคือแมวเฟ้ย '

คีย์รู้สึกปวดหัวตุ้บกับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน เธอเริ่มยิ้มร่าที่เห็นอีกฝ่ายไม่รู้จะสรรหาอะไรมาต่อปากต่อคำ รอยยิ้มนั้นดูน่ารักดี แต่ความข้องใจที่คาดเดาอารมณ์ของเธอไม่ได้ยิ่งทำให้คีย์ไปต่อไม่ถูก และเพราะไม่อยากถูกซักถามมากไปกว่านี้ว่าเรื่องราวมันเลยเถิดมายังไง คีย์จึงรีบเอ่ยตัดบทสนทนาขึ้นซะเอง

''เอาเป็นว่าต่อไป คุณต้องระมัดระวังตัวมากกว่านี้นะคะ การมีน้ำใจอยากเป็นคนดีมันก็โอเค แต่ถ้าเกินความสามารถตัวเองจนต้องพลาดพลั้ง มันไม่คุ้มกันหรอกค่ะ ''

'' งั้นแปลว่าคุณก็เป็นคนดีมากเลยแหละ เพราะมาช่วยฉันโดยที่ไม่ลังเลสักนิดเดียว เอ...หรือว่า เพราะสิ่งนั้นมันไม่เกินความสามารถของคุณกันแน่คะ? ''

ตึกตัก..ตึกตัก..

การเอื้อนเอ่ยประโยคที่ดูมีชั้นเชิงการคาดเดาซึ่งตรงใจคนร้อนตัวอย่างมากในเวลานี้ เล่นทำเอาผู้ถูกถามไปไม่เป็น และหัวใจดวงน้อยเท่ากำปั้นนี่ก็เกิดผิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา มันเต้นโครมครามจนแทบจะระเบิดออกมานอกอก เมื่อสาวสวยแต่แปลกคนนั้นยื่นใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้กับใบหน้าของคีย์ การจ้องมองตากันเกิดขึ้นมาอย่างใกล้ชิด และนั่นทำให้คีย์ประหม่า จนเผลอก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว

''กลิ่นของคุณหอมจัง...''

' หืม? เธอพูดถึงอะไรอยู่เนี่ย '

ในความเคลือบแคลงถึงประโยคอย่างไร้ที่มาที่ไปก็เริ่มได้รับการตอบรับ เมื่อใบหน้าเรียวงามนั้นเข้ามาซบลงที่ไหล่ซ้ายของคีย์อย่างรวดเร็ว แขนทั้งสองข้างของเธอจับหมับเข้าที่ร่างของคนตัวสูงกว่าไว้มั่นไม่คิดจะปล่อยให้หลุดรอดไปไหนได้ ลมหายใจอุ่นๆ จากจมูกที่โด่งเป็นสันนั้นเข้าเป่ารดที่ต้นคอของคีย์ และริมฝีปากนั้นยังเข้ามาใกล้พร้อมกับจุมพิตเบาๆ ที่ต้นคอเล่นเอาคีย์ขนลุกเกรียว เธอจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกซบ ถูกจุ๊บต้นคอและราวกับสวมกอดอย่างเงียบๆ นั่น แต่ขณะที่พยายามจะปัดป้อง น้ำเสียงอ่อนหวานนั่นก็ดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง

''กลิ่นของคุณมันหอมจนยั่วยวนเกินไปแล้วนะคะ คนที่ต้องระวังตัว...คงไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคุณมากกว่านะ ''

''หอมอะไรนักหนากะอีแค่น้ำหอมตลาดนัดเนี่ย คิดจะกวนตีนกันเหรอ ''

คีย์เอ่ยประชดประชัน แม้ในความเป็นจริงเธอจะไม่ได้ใช้น้ำหอมอะไรเลยในวันนี้ เนื่องจากตื่นสายเอามากๆ จนทำให้ไม่มีเวลาได้ฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรดของตัวเองมาเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ติดอยู่บนเสื้อแล้วไม่จางไปก็คงมีแค่กลิ่นน้ำยาปรับผ้าหนุ่มซองละ 20 บาท สำหรับผู้ที่มาใช้ชีวิตเป็นเด็กหอเท่านั้นแหละ

'' ไม่ได้กวนตีนนะคะ ถ้าน้ำหอมตลาดนัดดีขนาดนี้จริง ช่วยแนะนำให้หน่อยสิ ''

เจ้าหล่อนยังคงใช้วิธีกระซิบข้างหู พลางเป่าลมหายใจรดต้นคอเธออย่างไม่คิดจะหยุด ริมฝีปากอวบอิ่มคู่นั้นคลี่ยิ้มปากอย่างมีเลศนัย ทั้งที่คนถูกสวมกอดยังคงดูงุนงง แต่ก็ไม่วายยังบ้าจี้ตอบคำถามอีกฝ่ายกลับไปอีก

''แนะนำว่าควรใช้กลิ่นอะไรน่ะเหรอ? ''

'' เปล่าค่ะ แนะนำให้หน่อยว่าคุณอยู่ที่ไหน จะได้อยู่ใกล้กันบ่อยๆ ฉันอยากได้กลิ่นของคุณ ไม่สิ ได้มาทั้งตัวเลยก็ยังได้นะ...''

อึก...

นี่มันปริศนาปัญหาเชาว์อะไรกันเนี่ย มันดูใช้คำได้กำกวมพิกลนะ เธอคงไม่ได้หมายความตามที่พูดมาจริงๆ งั้นใช่ไหม เหมือนโดนอ่อยอยู่มากกว่าการถามตอบปกตินะ คีย์เริ่มรู้สึกแปลกๆ เข้าไปทุกทีแล้ว จนไม่กล้าสบตาตรงๆ เพราะกลัวจะตกหลุมพรางให้กับดวงตาสีน้ำตาลมีเสน่ห์คู่นั้น เธอรีบดันร่างของคนตัวเล็กกว่าออกไปอย่างมีมารยาทและไม่แรงเกินไปที่จะทำให้เจ้าหล่อนล้มลง

''ฉันไม่รู้ว่าคุณตั้งใจจะทำอะไร แต่ครั้งนี้ฉันรีบและไม่อยากถือโทษโกรธคนเพี้ยนๆ แบบนี้ด้วย เพราะงั้นเลิกมาพูดอะไรแปลกๆ ทั้งกับฉันและคนอื่นนะคะ เดี๋ยวคนเข้าใจผิดเอาได้ ''

เมื่อเล็งเห็นว่าต่อปากต่อคำกันไร้สาระมาเกินสมควรแล้ว คีย์ก็หันหลังให้กับเธอโดยไม่คิดจะสนใจอะไร แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกร้อนรุ่ม หัวใจที่ไม่เคยเต้นรัวเร็วอย่างนี้มาก่อน มันดูตรงข้ามกับการกระทำภายนอกไปมาก แต่เธอก็ไม่รู้จะเสวนากับผู้หญิงคนนั้นต่อไปทำไม ทั้งความคิด อารมณ์ที่เดาไม่ได้ และความแปลกประหลาดนั่น ยอมรับเลยว่าคีย์พ่ายแพ้ให้เธอทุกทางราวกับถูกควบคุม

'' ฉันแค่อยากเตือนน่ะค่ะ ว่าคนตัวหอมแบบคุณ จะมีคนแปลกๆ แบบฉันมาสนใจอีกเยอะแยะเลย เพราะงั้นที่เผลอทำอะไรลงไปเมื่อกี๊ ขอโทษด้วย ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตกใจแบบนั้น ''

'ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ รีแอคเธอก็มาขนาดนี้แล้วไหม...'

''อยากจะคุยต่อจัง คุณอาจจะเข้าใจสิ่งที่ฉันสื่อมากกว่านี้ แต่พอดีวันนี้ฉันก็รีบเหมือนกัน ไว้คราวหน้านะคะ 'คุณตัวหอม' แล้วก็ขอบคุณจริงๆ สำหรับความช่วยเหลือ ''

เธอโบกมือให้คีย์ก่อนที่จะกึ่งเกินกึ่งวิ่งตรงไปในทิศทางที่น่าจะเข้าไปยังตึกคณะ เพราะตอนนี้ทั้งสองอยู่แถวๆ หน้ามหาวิทยาลัยใกล้กับประตูใหญ่แล้ว การเป็นนักศึกษานี่มันไม่ง่ายจริงๆ แค่วันแรกก็ได้เจอสิ่งมีชีวิตเพี้ยนๆ หนึ่งคนที่ตอนนี้อยู่ม.เดียวกันเข้าซะงั้น และเหมือนว่าคีย์พึ่งจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่สำคัญกว่ารออยู่

'สายแล้วแน่ๆ เวรเอ๊ยย! ไม่น่ามัวเถียงกับยัยเพี้ยนนั่นเลย '

ว่าแล้วร่างสูงของเธอก็รีบจ้ำอ้าวเกียร์หมาพุ่งตัวผ่านประตูไปยังป้ายบอกทางที่จะพาไปยังตึก A ซึ่งเพื่อนสาวของเธอรีรออยู่ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังซ้ำจากการทักแชทมาหลายต่อหลายครั้ง คีย์ตัดใจไม่ตอบกลับเพราะไม่มีเวลา รอไปอธิบายเอาทีเดียว และในที่สุดการวิ่งแบบมาราธอนนั้นก็ทำให้เจ้าตัวพาร่างกายอันเหนื่อยหอบมายังจุดรวมพลได้สำเร็จ โชคยังดีที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่สายจนเกินไปนัก เธอเห็น 'อัง' เพื่อนสาวคนสนิทกำลังโบกมือหย็อยๆ เป็นสัญญาณว่าอยู่ตรงนี้ ก่อนที่คีย์จะพยักหน้ารับรู้และเดินไปยังจุดโต๊ะลงทะเบียนที่พวกรุ่นพี่ปี 2 และปี 3 มาทำหน้าที่ร่วมกันเป็นสตาฟในค่ายปฐมนิเทศครั้งนี้

ที่โต๊ะเรียงยาวตรงนั้นมีรุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยน่ารักอยู่คนหนึ่งนั่งคู่กับรุ่นพี่ผู้ชายใส่แว่น ที่ท่าทางจะฮอตเนิร์ดไม่แพ้กัน ทั้งสองเรียกให้คีย์เข้ามาลงทะเบียนด้วยการเซ็นชื่อตามธรรมเนียม

''น้องชื่อเล่นชื่ออะไรเอ่ย? ''

'' ชื่อ คีย์ ค่ะ ''

'' โอเคค่ะ น้องรอแปบนึงนะเดี๋ยวพี่ให้คนเขียนป้ายชื่อให้ ''

รุ่นพี่สตาฟผู้หญิงลุกเดินออกไปสักครู่ เพื่อที่จะบอกให้คนข้างหลังช่วยทำป้ายชื่อให้เธอ ที่นี่รุ่นพี่เขียนป้ายชื่อให้รุ่นน้องเองเลยเหรอ น่ารักกันดีจัง หวังว่านับจากวินาทีนี้จะไม่เป็นการเข้าค่ายหฤโหดหรือแบบระบบโซตัสอะไรแบบนี้หรอกนะ เด็กสาวมัวยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือ

'' พึ่งแยกจากกันแปบเดียว เราเจอกันอีกแล้วนะคะ 'คุณตัวหอม' สงสัยคงเป็นพรหมลิขิต ''

น้ำเสียงที่อ่อนโยนและหวานใส แม้ได้ฟังเพียงไม่กี่ครั้ง แต่คีย์กลับจำได้ดี เพราะเป็นคนที่ตัวเองพึ่งจะก่นด่าไปเมื่อไม่นานมานี้ และคราวนี้อะไรๆ ที่ไม่คาดคิดยิ่งทำให้เธอตกใจมากกว่าเดิม เพราะอีกฝ่ายถือสิ่งที่เธอกำลังยืนรออยู่ในมือ มันคือป้ายชื่อเล่นของเธอ ที่พี่สตาฟผู้หญิงคนนั้นบอกให้ใครบางคนเขียนให้ และใครที่ว่านั่นก็คือ

'นิวา ปี 2 คณะนิติศาสตร์ ป้ายนี่มันของพวก...สตาฟค่าย '

ยัยเพี้ยนที่เธอไม่รู้ที่มาที่ไป ซึ่งได้บังเอิญมาเจอกันอีกครั้งอย่างง่ายดาย เพียงเพราะสถานะระหว่างเธอและคีย์ตอนนี้ก็คือ รุ่นพี่กับรุ่นน้อง คณะเดียวกัน นั่นแปลว่านับจากนี้ เธอจะได้พบหน้าผู้หญิงเพี้ยนคนนี้ตลอดค่ายเลยน่ะสิ นัยต์ตาสีน้ำตาลดูยิ้มบางๆ ราวกับรู้ทันความคิดของเด็กสาวรุ่นน้องตรงหน้า กลิ่นที่เธอเอ่ยชมนั้นก็ยังคงหอมสมฉายาที่ให้ไป แม้เจ้าตัวจะไม่เข้าใจความหมายของมันเลยก็ตาม นิวานำป้ายที่เธอเป็นคนเขียนชื่อลงไปเองกับมือที่มีเชือกร้อยผ่านเข้ามาคล้องคอให้คีย์

''ยินดีที่ได้รู้จักนะคะน้องคีย์ รู้ชื่อกันสักทีนะ จากนี้ไปก็ฝากตัวด้วย มีอะไรสงสัยหรือไม่สบายตรงไหนติดต่อสตาฟอย่างพี่ได้เลยนะคะ จะไปดูแลถึงที่เลย ''

' ไม่มีอะไรน่าสงสัยเท่าเธอแล้วล่ะ ยัยเพี้ยน! '

-โปรดติดตามตอนต่อไป-

ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านงับ หลงแล้วตามต่อไปนะ จะอัพเยอะๆเลยย

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!