ณ ห้วงอากาศแห่งหนึ่งที่ไม่ทราบแน่ชัดถึงสถานที่และเวลาที่แน่ชัด.... หญิงสาวที่กำเนิดจากอวกาศได้ลืมตาตื่นขึ้นมา โดยที่เธอเองก็ไม่ทราบว่าตนนั้นเกิดมาได้อย่างไร... ท่ามกลางความสับสนเธอได้พึมพำกับตนเองออกมาว่าตนเป็นใครกัน..?
"..."
"นี้ชั้น...?"
"เป็นใคร..."
หญิงสาวหันมองสภาพโดยรอบให้แน่ใจว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหน ก่อนที่เธอหันมามองตัวเธอเองว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ เกิดมาได้อย่างไรและทำไมถึงต้องเกิดมา... คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของเธอซึ่งเป็นคำถามที่ไม่สามารถตอบได้ ทว่ามีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
"..."
"ผู้ชี้นำแห่งอวกาศ..."
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"นั่นคือ ชั้น งั้นเหรอ?"
หญิงสาวคุยกับใครคนนึงที่มีแต่เสียงแต่ไร้ซึ่งตัวตนมีเพียงเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของเธอ... โดยที่เธอนั้นก็ไม่ทราบว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร หญิงสาวจึงหันมองดูโดยรอบแต่ก็ไม่พบใคร ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆลอยไปยังดาวเคราะห์ดวงนึง...
"หน้าที่ของชั้น คือ การชี้นำแห่งอวกาศ?"
"งั้นเหรอ? แล้วชั้นได้อะไรล่ะ"
"ทำไมถึงเป็นฉัน?"
หญิงสาวสงสัยกับเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของตน จึงพยายามถามกลับไปแต่ หญิงสาวก็ได้แต่ความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ ก่อนที่จะก้มลงและมองดาวเคราะห์ดวงนั้น...
"เพราะเจ้าคือผู้ถูกเลือกจากอวกาศ"
"มีหน้าที่ส่องสอดและเฝ้ามองโลก"
หญิงสาวได้คำตอบที่เธอถามไปก็หน้านี้จึงค่อยๆลบความสงสัยแต่ละอย่างออกจากหัวไป.. ก่อนที่ตัวเธอนั่นจะลอยขึ้นสูงและลอยตัวนอนอยู่ในอวกาศเพื่อจะถามคำถามต่อโดยไม่หวาดกลัวกับเสียงประหลาดที่ไม่ทราบที่มา หลังจากถามไป..เสียงประหลาดนั้นก็ตอบกลับมา
"ผู้ถูกเลือกงั้นเหรอ?"
"เพื่อสิ่งใดล่ะ?"
..
"เพื่อปกป้องโลกยามที่อายุไขสิ้นลง"
"ดาวเคราะห์นับล้านนับพัน"
"ต่างไม่สามารถหนีอายุขัยได้"
"รวมถึงเจ้าด้วย ผู้ชี้แห่งนำแห่งอวกาศเอ๋ย..."
หญิงสาวได้เงียบไปสักพักและได้ครุ่นคิดอยู่ในใจ ว่านี้คือสิ่งที่ตนจะเผชิญในไม่ช้าก็เร็ว... ก่อนที่เธอจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา และก็ได้หัวเราะอย่างสนุกสนานแต่เธอก็ยื่นข้อเสนอให้กับเสียงประหลาดนั้นโดยการที่เธอขอลงไปยังโลก
"ได้สิ งั้นชั้นจะทำตามที่นายบอก"
"แต่ว่า... ชั้นสามารถลงไปที่โลกได้ไหม?"
"ผู้ที่ไม่สามารถหนีอายุขัยได้อย่างมนุษย์"
"เจ้าอยากที่จะเจอพวกนั้นอย่างนั้นหรือ?"
"ก็ไม่รู้สิอยู่นี้มันเบื่อนี่น่า..."
หญิงสาวตอบคำถามของเสียงนั่นโดยที่ไม่สนใจว่าคำตอบนั่นจะเป็นที่พอใจหรือไม่พอใจ เพราะหญิงสาวนั้นแค่อยากจะรู้จึงได้ถามและตอบออกไปโดยไม่ลังเล แม้ว่าข้อเสนอที่จะลงไปยังโลกจะไม่ได้รับการตอบรับใดๆแต่เธอเองก็ไม่สนใจ
"เจ้าสามารถทำทุกสิ่งที่เจ้าอยากทำได้"
"ผู้ชี้นำแห่งอวกาศ"
หญิงสาวที่กำลังจะตอบกลับเสียงประหลาดนั่น แต่ว่าเสียงนั้นก็ได้หายไปโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเสียงนั่นมาจากใครและมาได้อย่างไร เธอได้แต่สงสัยอยู่สักพักก่อนที่จะสะบัดความสงสัยนั้นทิ้งไป... ก่อนที่ตัวเธอจะลอยว่ายอยู่ในอวกาศ
เวลาผ่านไปนับราวๆ 10000 ปี... ณ โลกที่กำลังเข้าสู่ช่วงวิวัฒนาการของธรรมชาติในป่าลึกแห่งนึง มีต้นไม้ต้นนึงที่เปล่งแสงออกมาก่อนที่จะมีมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาโดยที่หัวของเธอเป็นสีเขียวราวกับสีของผืนป่าและมีสิ่งืี่คล้ายๆเขามองแล้วเหมือนกิ่งไม้สะมากกว่า
"นี้สินะโลกมนุษย์..."
"ช่างเป็นโลกที่ดีเสียเหลือเกิน""
พร้อมกับดอกไม้ที่ประดับอยู่บริเวณหูของเธอ หญิงสาวคนนั้นได้ก้าวเดินไปยังบริเวณแถวนั้นก่อให้เกิดต้นไม้ใบหญ้าและสิ่งต่างๆมากมายในธรรมชาติล้วนถูกสร้างขึ้นจากก้าวหนึ่งก้าวของเธอราวกับก้าวแต่ละก้าวของเธอนั่นสรรสร้างธรรมชาติได้เพียงแค่การเดิน**
"ตอนนี้...ยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่า มนุษย์ สินะ"
"ชั้นจะค่อยรอดูทุกสิ่งจากธรรมชาติ"
"รวมทั้งการกำเนิดของมนุษย์..."
"เพราะฉันคือ ผู้สรรสร้างธรรมชาติ"
หลังพูดเสร็จตัวเธอก็เดินหายเข้าไปในป่าลึกพร้อมกับสรรพสัตว์ที่ติดตามเธอไป... เวลาผ่านไปนับหลายศตวรรษมนุษย์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น... โดยที่ ผู้ชี้นำแห่งอวกาศ และ ผู้สรรสร้างธรรมชาติต่างเฝ้ามองดูมนุษย์ที่กำเนิดขึ้นนั่นผ่านมุมมองของพวกเธอโดยที่ไม่เข้าไปแทรกแซง
เวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆ จนมนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการที่เพิ่มมากขึ้น จากมนุษย์แค่เพียงสองคนก็ทำให้เกิดมนุษย์จำนวนนึงขึ้นและมนุษย์เหล่านั้นก็ได้สืบต่อไปยังรุ่นต่อๆไป... พร้อมทั้งวิวัฒนาการของเครื่องใช้รวมทั้งในด้านความคิด
"เห๋... เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วนะ"
"ราวๆเกือบ 20000 ปีแล้วสินะ"
"ต้องใช้เวลาสักกี่ปีกันนะ"
เสียงของหญิงสาวที่ไม่คุ้นเคยและไม่รู้ว่ามาจากแห่งใด ดังขึ้นราวกับเป็นสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ทุกๆทีทุกๆแห่งของโลกเสมือนว่ามีเธอคนนี้อยู่ทุกเวลา ท่ามกลางท้องฟ้าธรรมชาติอันกว้างใหญ่หรือไม่ว่าจะสิ่งใดต่างล้วนมีเวลาเป็นของตนเองและเวลานั้น...
"หน้าที่ของชั้นคือ"
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ผู้ควบคุมกาลเวลา"
"ถึงจะน่าเบื่อไปหน่อยแต่ก็ต้องทำสินะ"
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็งเล็กน้อยก็จะเสียงของหญิงสาวจะเงียบหายไป.. หลังจากสิ้นคำพูดของผู้ควบคุมกาลเวลานั่นเวลาก็ผ่านไปและยังคงผ่านไปเรื่อยๆ กาลเวลา ก้าวข้ามยุคหิน ยุคหินกลาง ยุคหินใหม่ และหลายๆยุคต่อมา จนมนุษย์เริ่มสร้างอารยธรรมขึ้นและได้เผยแพร่อารยธรรมออกไป..
นกฮูกตัวนึงได้ค่อยเฝ้าดูอารยธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นอยู่ห่างๆมาตั้งแต่มนุษย์ได้เริ่มสร้างอารยธรรมอยู่ในต้นไม้ต้นนึงก่อนที่นกฮูกตัวนั้นจะกลายร่างเป็นมนุษย์หญิงสาวผมสีน้ำตาลคนนึง พร้อมกับผ้าคลุมสีน้ำตาลและกิ๊บติดผมที่เหมือนกับขนของนกฮูก
"เห๋... ไม่เลวเลยแฮ่ะอารยธรรมนี้"
"เอ๊ะ... จะว่าไปต้องไปที่ไหนต่อนะ"
หญิงสาวครุ่นคิดกับตัวเองสักพักก็ที่จะหันไปเห็นผลไม้ชนิดนึงที่อยู่ในบริเวณนั้นที่ตกบนพื้น หญิงสาวนำผลไม้นั่นขึ้นมาดูและครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ว่าจะทานสิ่งที่ตนไม่รู้จักหรือจะทิ้งมันไว้ที่เดิมดี แต่ทว่าหญิงสาวกลับเลือกที่จะลองและทานมันเข้าไป...
"งั่ม... อร่อย!!!"
"แต่ว่าสิ่งนี้คืออะไรกันนะ..."
"ช่างมันเถอะเก็บไว้สักนิดดีกว่า"
หญิงสาวเก็บผลไม้ชนิดนั้นจำนวนนึงไว้ก่อนที่จะกางปีกบินไปยังสถานที่ต่อไป โดยที่เธอนั้นได้ลืมไปแล้วว่าตนจะไปที่ไหนจึงได้ออกทางเดินไปเรื่อยๆตามใจของตนราวกับอารยธรรมที่จะเกิดที่ใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับมนุษย์จะสร้างอารยธรรมขึ้นที่ใด
หลายๆสิ่งหลายๆอย่างกำเนิดรวมถึงมนุษย์เองก็เช่นกันเมื่อมีมนุษย์ย่อมมีความขัดแย้งเกิดขึ้นเช่นกันบางคนเห็นต่างกันก็อาจจะก่อให้เกิดสงครามได้ ก่อว่าเป็นความโกลาหลไม่มากก็น้อย ที่ใดมีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่นั่นย่อมมี ความโกลาหลเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ในยุค 612-539 ปีก่อนคริสต์ศักราช สมัยกษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์ได้ทำการสร้างสวนลอยแห่งกรุงบาลิโลน ที่แสดงถึงความเจริญในระบบการดึงน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสมาใช้ในสวนลอยแห่งกรุงบาลิโลน และในปี 539 ปีก่อนคริสต์ศักราช กษัตริย์นามว่าไรซัสได้เข้าโจมตีกรุงบาลิโลนได้สำเร็จ และถูกรวมเข้ากับจักรวรรดิเปอร์เชีย โดยหญิงสาวคนนึงเฝ้าดูอยู่อย่างสนุกสนาน
"เจ้าพวกมนุษย์นี้ชอบชิงดีชิงเด่นกันจังเลยนะ"
"เป็นมนุษย์ที่ใช่ไม่ได้เอาสะเลย"
"ก่อสงครามเพื่อรวมเข้ากับจักรวรรดิตนเอง"
"ต่อสู้ฆ่าฟันกันเพื่อสิ่งใดสิ่งนึง"
"แต่ว่าสิ่งนั้นแหละทำให้เกิด"
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ความโกลาหลอย่างชั้นไงล่ะ"
ในมือของหญิงสาวมีลูกเต๋าสองลูกอยู่ โดยเธอทอยออกไปและจู่ๆเธอก็อันตรธานหายไปทันทีที่หน้าลูกเต๋าสัมผัสกับพื้น โดยทุกๆทีที่เธอปรากฏตัวขึ้นต่างมีสภาพแวดล้อมเดียวกันนั้นคือ ความโกลาหล ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็จะเกิดความโกลาหลหลังจากที่เธอมาเยือน
ในปีคริสต์ศักราช 476 อารยธรรมโรมันที่มีอิทธิพลแผ่ขยายออกไปจนกระทั่งจักรวรรดิโรมันล่มสลายลงไปในที่สุดเมื่อพวกชนเผ่าเยอรมันเข้ายึดกรุงโรม จากการล่มสลายของกรุงโรมจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ทางการเมืองเศรษฐกิจ และสังคม ความอ่อนแอของประชา ความอดอยากและขาดที่พึ่งพาซึ่งเป็นปัญหา เรื่องโจรผู้ร้าย
เนื่องในช่วงสงครามเนื่องจากช่วงเวลานี้ก่อนเข้าสู่ ยุคมืด (Dark Ages) หญิงสาวผมสีแดงที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างได้เอ่ยขึ้นว่า
"ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยพวกมนุษย์ก็มีดีแต่สร้างความวุ่นวายทั้งนั้น"
"เพราะงั้นความโกลาหลอย่าง ข้า ก็ต้องค่อยเฝ้าดูพวกมนุษย์"
"น่าเบื่อจริงๆเลยนะ"
หญิงสาวผมสีแดงที่มีหูราวกับหนู? ได้เฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างที่ก่อให้เกิดความโกลาหลอย่างไม่จบไม่สิ้นจนตัวเธอน้่นเองก็เบื่อเช่นกันที่เธอตัองมาเฝ้าดูการกระทำอันซ้ำซากจำเจของสิ่งชีวิตที่เรียกว่า "มนุษย์" ก่อนที่หญิงสาวที่หยิบลูกเต๋าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วทอยออกไป...
"4 กับ 3 งั้นเหรอ..."
"คราวนี้จะเป็นยังไงต่อนะ..."
"หญิงสาวผมสีแดงได้หายตัวไปยังอีกสถานที่นึง..."
ในปี คริสต์ศักราช 476–1453 ปีใดปีหนึ่ง ได้เกิดเมืองคอนสแตนติโนเปิลที่มีความเจริญเรืองรุ่งอย่างมากในช่วงนั้นและเป็นที่มีการเปลี่ยนแปลง อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมโรมันไปสู่อารยธรรมและยังมีลักษณะที่เป็นสังคมในระบบฟิวดัล หรือสังคมที่เรียกว่า สังคมศักดินาสวามิภักดิ์
หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่มีกิ๊บติดผมคล้ายนกของนกฮูกพร้อมผ้าคลุมสีน้ำตาลเหมือนกับนกฮูกในคราบของมนุษย์ได้โผล่ออกมาจากที่ไหนสักที... ทำให้หญิงสาวผมสีแดงตกใจเป็นอย่างมาก จึงรีบตั้งรับการโจมตีจากหญิงสาวสีน้ำตาลคนนั้นทันทีโดยอัตโนมัติ...
"โอ้ยๆ... เจ็บจังเลย"
"เอ๊ะเจ้าลูกนั่นนี่น่า\~"
หญิงสาวผมสีน้ำตาลรีบลุกขึ้นแล้วมุ่งตรงไปยัง ผลไม้ ชนิดนึงที่เธอเคยเจอและทานไปเมื่อครั้งก่อนที่จะเดินทางมายังที่แห่งนี้ โดยเธอเด็นมันมาทานโดยไม่ทราบว่ามีหญิงสาวอีกคนนึงอยู่ด้วยแถมยังเตรียมตั้งรับการโจมตีของตนอยู่ห่างๆ...
"เธอเป็นใครน่ะ!?"
หญิงสาวผมสีแดงตะโกนถามหญิงสาวผมสีน้ำตาลพร้อมด้วยท่าทีที่ระแวงเล็กน้อย เพราะหญิงสาวรับรู้ได้ว่าผู้หญิงที่อยู่หน้าตนไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอนแม้ว่าจะทำตัวเพี้ยนๆต่อหน้าตนเองก็ตาม เพราะมีบางอย่างที่หญิงสาวผมสีแดงรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างในตัวเธอ...
"เอ๊ะ!? ชั้นเหรอ? หรือว่าใคร?"
"ใช่สิ ตอบคำถามชั้นมาสะ!!"
"มุเมย์!!"
"...แล้วเธอมาทำอะไรที่นี้!?"
หญิงสาวผมสีแดงยังคงระแวงในตัวตนของมุเมย์อยู่จึงได้ตะโกนถามย้ำไปอีกที และถ้าไม่ได้คำตอบที่เธอต้องการก็พร้อมจะเข้าโจมตีทันที.. แต่หญิงสาวก็ต้องเหว๋อไปทันทีหลังจากที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลคนนั้นไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำแต่สนใจผลไม้ที่อยู่ด้านหลังตน
"เอ๋... ไม่รู้เหมือนกัน"
"ชั้นรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว.."
"เอ๊ะนี้ หลบหน่อยสิชั้นขอไอ้เจ้าลูกนั่นที่อยู่ด้านหลังเธอหน่อย!!"
"ห๋า?"
มุเมย์ วิ่งเข้าไปหาหญิงสาวผมสีแดงโดยไม่มีท่าทีที่จะโจมตีใดๆ เพื่อที่เธอจะไปเด็นผลไม้ชนิดนึงที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาวผมสีแดง ก่อนที่หญิงสาวจะลดการป้องกันลดเพราะเห็นว่า มุเมย์ ไม่มีอันตรายต่อเธอก่อนจะถามมุเมย์เกี่ยวกับผลไม้นั่น...
"นี้เธอชอบเจ้านี่เหรอ?"
"ใช่ ชอบมากๆเลยล่ะ"
"อ่า.. เจ้านี่มันชื่อว่า เบอร์รี่น่ะ"
"เบอร์รี่สินะ\~"
"แล้วเธอล่ะ?"
มุเมย์ที่ได้รู้ว่าสิ่งที่ตนเจอครั้งแรกและกำลังจะเด็นมากินตอนนี้นั้นคือต้น "เบอร์รี่" จึงค่อยๆเงยหน้าถามชื่อของหญิงสาวผมสีแดงด้วยรอยยิ้มเป็นการตอบแทนที่บอกชื่อเบอร์รี่ที่ตนชอบ
"เบย์..."
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ เบย์!"
"เอาล่ะต้องไปกันแลัว"
เบย์ จับมือของมุเมย์ไว้พร้อมกับหยิบลูกเต๋าออกมาทอยอีกครั้งเพื่อไปยังปีต่อไปหรือจะย้อนหลังไปก็สามารถทำได้... ซึ่งลูกเต๋าคือสื่อในการใช้พลังของเธอ มุเมย์ที่ถูกเบย์จับมือก็สงสัยว่าเบย์จะพาตนไปไหนจึงได้ถามออกไปก่อนที่ทั้งสองก็ได้หายตัวไป...
"เอ๊ะ!? จะไปไหนเหรอ"
"4 กับ 3 อีกแล้วงั้นเหรอ.."
"ช่วยไม่ได้สินะ..."
"ทั้งสองได้หายตัวไปยังในอีกปีนึง... "
ในปีคริสต์ศักราช 1945-1991 ในช่วงสงครามเย็น เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงทำให้เกิดความขัดแย้ง ทางอุดมการณ์ทางการเมืองของ 2 อำนาจอภิมหาอำนาจ ก็คือสหรัฐอเมริกา ผู้นำค่ายประชาธิปไตยและสหโซเวียตผู้นำคอมมิวนิสต์ เพื่อแข่งขันเกี่ยวกับลัทธิความเชื่อทางการเมืองซึ่งเป็นประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้ทำสงครามเหมือนสงครามโลก ที่ผ่านมาแต่จะใช้การโฆษณา เป็นหลักในการหาพันธมิตร หรือการขยายอำนาจ และประเทศที่มีอิทธิพลประเทศเล็กๆ การขยายอำนาจต่างๆ
"เห๋... ปีนี้ไม่มีสงครามสินะ"
"พวกมนุษย์คงจะเริ่มเบื่อหน่ายกับสงครามแล้วสินะ"
"แต่ก็เป็นสงครามทางความคิดสินะ"
"ใช่ไหมเบย์?"
มุเมย์ที่มองดูอยู่ข้างๆจึงได้เอยถามเบย์ไป... พร้อมกับถือขนนกฮูกไว้ในมือ ซึ่งเป็นสื่อในการใช้พลังของเธอโดยที่เธอเองก็นั่งเฝ้าดูการกระทำของมนุษย์ข้างๆเบย์ เบย์ที่สงสัยเกี่ยวกับพลังของมุเมย์และเห็นขนนกฮูกจึงอดใจที่จะถามมุเมย์ไม่ได้
"ก็ถูกนะ..."
"แต่ว่าเธอมีพลังอะไรกันแน่น่ะ? มุเมย์"
เบย์ที่รู้สึกสะกิดใจตั้งแต่ตอนแรกที่พบกันว่า มุเมย์ ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ เพราะสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่คล้ายๆ กับพลังเวทย์ของเธอ และยังสามารถรับรู้ได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้คือเหตุการณ์อะไร โดยที่เบย์ยังไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม...
"ฉันคือ... อารยธรรม"
"ผู้ปกป้องอารยธรรมของมนุษย์"
มุเมย์จับมือเบย์และใช้พลังของเธอวาร์ปไปยังปีอื่นก่อนที่จะมีเสียงจากต้นไม้ในบริเวณแถวนั้นส่งเสียงออกมา... เหมือนกับว่าธรรมชาตินั่นรอให้ทั้งความโกลาหลและอารยธรรมไปจากพื้นที่ป่าแห่งนี้... โดยที่มีหญิงสาวผมสีเขียวเดินออกมาจากต้นไม้ไปยัง ลูกเบอร์รี่ที่ร่วงอยู่...
"มุเมย์ กับ เบย์สินะ..."
"ผู้ปกป้องอารยธรรม กับ ความโกลาหลสินะ.."
"จะให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
หลังจากหญิงสาวพูดจบก็ได้หายตัวเข้าไปในป่า ก่อนที่เสียงจากฟากฟ้าจะดังขึ้นราวกับว่าเป็นการตอบรับสิ่งที่หญิงสาวผมสีเขียวพูดออกมา แล้วกาลเวลาล่วงเลยผ่านพ้นไปจากอดีตสู่ปัจจุบัน ที่สามารถรับรู้ได้ทุกอย่างผ่าน สายธารแห่งกาลเวลา...
"...มุเมย์"
"ชั้นจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้ว..."
ณ ห่วงอวกาศอันกว้างใหญ่... หญิงสาวผู้ได้นามว่า "ผู้ชี้นำแห่งอวกาศ" ได้ลอยว่ายอยู่ใจกลางสูญญาณพร้อมกับหญิงสาวที่มีนาฬิกาอยู่บนหัวที่จู่ๆก็โผล่ออกมาจากไหนไม่รู้จึงทำให้ ผู้ชี้นำแห่งอวกาศดีดนิ้วเสกโต๊ะเก้าอี้ขึ้นมาให้หญิงสาวคนนั้นนั่ง พร้อมกับน้ำชา...
"แปลกใจนะที่เธอมาถึงที่นี่น่ะ"
"ผู้ควบคุมกาลเวลา"
"ไม่สิ โครนี่"
หญิงสาวผู้ได้นามว่า "ผู้ควบคุมกาลเวลา" โครนี่ยกชาที่ผู้ชี้นำแห่งอวกาศเสกมาหมาดๆ ขึ้นมาพร้อมกับจิบเล็กน้อยก่อนที่จะวางถ้วยชานั่นลงกับโต๊ะด้วยสีหน้าที่จริงจัง ก่อนจะพูดออกไป แต่กลับถูกซานะต่อว่าว่าจริงจังมากเกินไปไม่สมกับเป็นเธอเลย
"เธอเองก็สบายน่าดูนะซานะ"
"ไม่สิ ผู้ชี้นำแห่งอวกาศ"
"เธอเนี้ยนะ อย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้นสิ"
"ทำหน้าแบบนั้นตลอดไม่ได้นะรู้มั้ย"
ซานะ ผู้ชี้นำแห่งอวกาศได้พูดติดตลกกับโครนี่ โดยไม่แยแสร้งว่าโครนี่จะคิดกับการกระทำของเธอเช่นไหร่ เสมือนตอนแรกที่เธอได้เจอกับ "พระเจ้า" โครนี่เองก็รู้ว่าซานะเป็นคนยังไงจึงไม่ได้ถือสาอะไรมากก็ที่ทั้งสองจะเข้าสู่บทสนทนาที่จริงจัง...
"มาเข้าเรื่องกันเถอะ..."
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!