NovelToon NovelToon

เทพสไนเปอร์ข้ามโลก

ตอนที่1 เทพจุติแล้ว

ปังง!!!

เมื่อสิ้นเสียงทุ้มดังก้องไปทั่วป่า กระต่ายยักษ์เขาเดียวตัวสีขาวขณะกำลังกระโดดหนีบางสิ่งบางอย่างก็ล้มลงทันที เลือดสีดำของมันไหลออกมาแสดงให้เห็นว่าเข้าตัวนี้เป็นมอนสเตอร์ระดับสูง รอยแผลเกิดเป็นรูเล็กๆที่บริเวณตาข้างซ้ายของมัน ทะลุออกด้านหลังศีรษะ ปักอยู่บนต้นไม้

กระต่ายขาวตัวนั้นนอนหายใจโรยรินอยู่บนพื้นหญ้า ขาหลังสองข้างกระตุกดุกดิกไปมาเพราะสมองหยุดทำงานอย่างกระทันหัน เลือดของมันไหลออกมาทั้งทางปากและจมูก รวมไปถึงหูใบใหญ่สองข้างด้วย สายตาของมันจ้องไปที่ต้นไม้สูงห่างไปอีกราวๆสามร้อยเมตร เหมือนมันจะเห็นอะไรบางอย่างเข้า

นับห่างจากตัวกระต่ายใกล้ตาย ถัดออกไปอีกสามร้อยเมตรเศษๆ ภายในเงาต้นไม้ใหญ่ ใบยักษ์สีเขียวพลิ้วไหวคล้อยตามลม เมื่อสิ้นสายลมเย็นพัดผ่าน รอยยิ้มมุมปากของคนคนหนึ่งได้จารึกเข้าไปในดวงวิญญาณของกระต่ายที่ถูกสังหาร แสงอาทิตย์ยามเที่ยงสาดส่องสะท้อนกับเลนส์วงกลมของอะไรบางอย่างอยู่บนกิ่งก้าน ก่อนจะมีเงาตะคุ่มๆของมนุษย์ในชุดผ้าคลุมสีดำกระโดดลงมาจากต้นไม้ วีนัส มือสไนเปอร์อันดับหนึ่งที่ชื่อเสียงเคยดังกึกก้องไปทั่วประเทศ วันนี้เขาต้องมาล่ากระต่ายมอนสเตอร์ในโลกแฟนตาซีเหมือนนิยาย และใช่แล้ว นี่ไม่ใช่โลกที่เขาเคยอยู่ แต่เป็นต่างโลกตามพล็อตพระเอกเทพทั่วไป

ย้อนเรื่องราวกลับไปเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นประเทศไทยได้เกิดจราจลขึ้นภายในกลางเมืองกรุงเทพฯ เปล่าประชาชนมากกว่าหนึ่งแสนคนจากทั่วภูมิภาคต่างพากันเข้ามาชุมนุมประท้วงกับองค์กรเอกชนแห่งหนึ่ง จนเกิดการต่อสู้เริ่มมีผู้คนล้มตาย ไม่นานฝ่ายการป้องกันภายในประเทศก็ได้เข้าระงับเหตุโดยการส่งตำรวจและทหารติดอาวุธเข้ามาสลายการชุมนุม

 วีนัสมือสไนเปอร์ที่ได้ออกจากกองทัพเพราะเกษียณอายุราชการ ผู้ได้รับฉายา Hell king (เฮลคิงส์) หรือราชานรก ผู้รอดพ้นจากสงครามนิวเคลียร์ครั้งที่ 1 ในต่างประเทศ

วีนัสหลังจากที่เขาได้ออกจากราชการ เขาก็ผันตัวมาเป็นมือปืนรับจ้าง และในวันที่การจลาจลรุนแรงนั้น เขาได้เข้าร่วมด้วย วีนัสถูกว่าจ้างให้สังหารผู้อำนวยการขององค์กรเอกชนนั้น ซึ่งค่าจ้างก็เป็นเงินมหาศาลพอจะให้ไว้เป็นมรดกกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา

ปังง!!?

เมื่อสิ้นเสียงปืนที่ถูกส่งมาจากนรก ชายที่เป็นเป้าหมายก็ล้มลงกับพื้นทันที วีนัสยกปืนออกจากขาคํ้าทั้งสองข้าง ถอดแยกชิ้นส่วนของปืนจัดเก็บเข้ากระเป๋า ก่อนจะโทรไปรายงานกับผู้ว่าจ้า

“เงินผมโอนเข้าเรียบร้อย”

หลังจากที่เงินในบัญชีเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก เขาก็เริ่มเขียนพินัยกรรมทันที เขาโทรไปหาน้องชายที่เป็นทนายความ เพื่อจะยกมรดกของตัวเองทั้งหมดให้กับลูกสาว

“เรียบร้อยแล้วครับพี่”

หลังจากที่พินัยกรรมอย่างง่ายถูกเขียนเสร็จเรียบร้อย เขายิ้มออกมาเหมือนกับไม่มีอะไรค้างคาในโลกนี้แล้ว เขากอดกระเป๋าปืนแนบหน้าอกไว้แน่น ค่อยๆหลับตาลง

ปังง!!?

เมื่อสายตาของเหยี่ยววัยชราหลับลงแล้ว เสียงปืนก็ดังขึ้น ลูกกระสุนถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปืนชนิดหนึ่งที่อยู่ตึกตรงข้าม ลอยละลิ่วกลางอากาศก่อนจะเข้าไปที่กลางศีรษะของเขา

“ขอให้เกิดใหม่ในภพที่ดีนะครับ อาจารย์”

ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในเงามืดของตึกอีกฝั่ง

ฟืดๆๆ

“นี่ชั้น น่าจะตายไปแล้ว…”

ชายชราวัยทองพูดขึ้นเมื่อเขาลืมตาแล้วกลับพบว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เขาเหลียวมองทิวทัศน์ที่แปลกใหม่ไม่คุ้นตา ก่อนจะก้มดูตามมือตามร่างกายตัวเอง

เขายืนนิ่งหันมองซ้ายขวาไปมา เพราะไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน ชายชราหันหน้ามองทิวทัศน์ที่เป็นสีชมพูอ่อนแปลกตาอยู่รอบตัว พลางนึกเรื่องราวก่อนหน้า

“ยินดีต้อนรับสู่วิหารเทพ”

นํ้าเสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ชายชราหันมองตามต้นทางเสียง เขาเงยหน้าขึ้นมองเก้าอี้หินที่ลอยอยู่บนฟ้า ตรงหน้าเป็นหญิงสาววัยทำงานกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในชุดผ้าคลุมสีขาว เธอมองมาที่ชายชราซึ่งอยู่เบื้องล่างมือขวายกขึ้นเท้าคางเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นอำนาจของตน

เก้าอี้หินซึ่งกำลังลอยอยู่บนอากาศ ค่อยๆร่อนลงมาบนพื้นอย่างช้าๆ ตรงหน้าชายชรา หญิงสาวในผ้าคลุมคนนั้นลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาเขา

“เจ้าเนี่ย ดีจังน้า ลูกศิษย์สุดที่รักลงมือสังหาร แถมยังขอพรให้เจ้าเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีอีก”

เธอพูดพลางเดินรอบตัวชายชราที่หันหน้ามองตาม

“ฮ่าๆ เป็นลูกศิย์ที่ชั้นภาคภูมิใจเลยล่ะ”

ชายชราหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะตอบกลับหญิงสาวที่กำลังเดินกลับมานั่งเก้าอี้

“ข้าตัดสินใจละ ข้าจะให้เจ้าเกิดใหม่ในโลกของข้า”

“ห๊ะ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”

“ดีใจซะเถอะ นี้เป็นเพียงเพราะคำขอของลูกศิษย์เจ้า เอาล่ะไปซะ ใช้ชีวิตใหม่ให้มีความสุข”

“เอ๊ะ เดี๋ยว—”

เมื่อแสงสีฟ้าส่องสว่างจากปลายนิ้วหญิงสาวที่วางแนบเก้าอี้ ชายชรายังพูดไม่ทันจบประโยค เขาก็ถูกแสงนั้นดูดขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะหายไปในกลุ่มควัน หญิงสาวในชุดคลุมยิ้มอย่างมีเลศนัยส่งท้ายเขา

โลกแฟนตาซี ณ ทุ่งหญ้ากลางป่าใหญ่

ตุบ~~~

“ที่นี่ที่ไหน”

เมื่อแสงสีฟ้าถูกส่งลงมาจากเบื้องบน ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันเจิดจรัสก็สาดส่องไปทั่วผืนดิน เหล่าสัตว์ต่างๆนาๆหลากหลายสายพันธุ์ ต่างคุกเข่าก้มหมอบกราบ เสมือนดั่งแสงแห่งเทพธิดาอันสูงส่ง ณ เบื้องบน กำลังหงายมือให้พรแด่พวกเขา

ที่ปลายแสง วีนัสที่ถูกส่งบงมานอนอยู่กลางทุ่งหญ้าค่อยๆลุกขึ้น เขาหันหน้ามองทิวทัศน์รอบตัวที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ สุดขอบสายตาพอดีจะเห็นเป็นเงาของต้นไม้ลางๆ เขาเริ่มเดินขึ้นไปบนเนินสูงที่อยู่ใกล้ๆในทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศเดียวที่สายตาของเขาถูกบดบังจากเนินหญ้านี้

หลังจากเดินมาได้ราวๆห้าเมตร วีนัสหันไปมองหลุมเล็กๆที่เขารู้สึกตัวเมื่อตอนแรก พึงนึกคิดใจใน ที่นี่ที่ไหน เขาตายแล้วเกิดใหม่งั้นเหรอ? แต่ว่า คิดมากไปก็ไม่ดี เขามุ่งหน้าขึ้นเนินเขาต่อ

เมื่อขึ้นมาถึงยอดเนินเล็กๆ วีนัสก็หยุดชะงักหลังเจออะไรบางอย่าง

“เฮ้อ ยังตามมาทุกที่เลยนะแกเนี่ย”

เขาถอนหายใจหลายครั้งตามหลังประโยค ก่อนจะเดินเข้าไปหาของที่หน้าคิดถึง วีนัสหยิบกระเป๋าสีดำคู่ใจของเขาในโลกก่อนขึ้น ค่อยๆเปิดดูภายในนั้นอย่างช้าๆ

ภายในกระเป๋าเป็นชุดปืนประกอบ ซึ่งเป็นอาวุธคู่กายที่เขาใช้ในการทำงานบ่อยๆ “แผ่นขยะที่ไหน…” เขาหยิบแผ่นกระดาษสีน้ำตาลที่เหลือบเห็นโดยบังเอิญขึ้นมาดู

เนื้อหาภายในของกระดาษแผ่นบาง มีข้อความชวนให้เขาสงสัย วีนัสอ่านข้อความในกระดาษตรงหน้าสักพัก

>” วีนัส ก่อนอื่นข้าขอแสดงความยินดีที่เจ้าได้มาจุติในโลกของข้า ตอนนี้เจ้าคงยังสงสัยอยู่ใช่ไหมล่ะ ว่าทำไมข้าถึงส่งเข้ามาโดยไม่ให้เจ้าตั้งตัว แต่ว่านะ ฝีมือของเจ้าข้ายอมรับเลยว่าเป็นของจริง”<

“หึ จดหมายขยะ”

วีนัสพูดขึ้นเมื่ออ่านแผ่นกระดาษนั้นมาได้สักพัก ใบหน้าของเขาที่มองกระดาษแผ่นนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถดูออกได้ว่าเป็นใบหน้าที่รู้สึกไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงอ่านข้อความในกระดาษต่อไป

>” เป็นมือสไนเปอร์รับจ้าง แต่ไม่ถูกจ้างมันน่าหงุดหงิดใช่ไหมล่ะ งั้นข้าจะขอจ้างเจ้า วีนัส เจ้าจงฆ่าจอมมารในโลกนี้ซะ ส่วนสิ่งตอบแทนนั้น ข้าจะให้พรกับเจ้าหนึ่งข้อ ไม่ว่าจะขออะไรเจ้าจะสมหวัง ลงชื่อ ดอกไม้ราตรี”<

“นี่มัน….”

เมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย ณ ลงนามของชื่อผู้เขียน วีนัสรู้สึกประหลาดใจทันที เพราะชื่อผู้ว่าจ้างให้เขาสังหารในงานสุดท้ายนั้น [ดอกไม้ราตรี] เป็นชื่อเดียวกัน

“อย่างนี้นี่เองๆ ฮ่าๆ จริงด้วยสินะ งั้นชั้นขอรับงานนี้ละกัน”

วีนัสพูดออกมาพลางหัวเราะเป็นระยะๆ เหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่าง ซึ่งมันกระตุ้นความรู้สึกของมือปืนแบบเขาขึ้นมา เขาตอบรับคำขอของเทพธิดาอันน่าสงสัยอย่างยินดี

“เจ้ารับงานแล้วสินะ งั้นนี่เป็นค่าจ้างเบื้องต้น ข้อมูลของโลกใบที่เท่าที่ข้าเอาให้เจ้าได้”

เสียงของเทพธิดาคนนั้นดังขึ้นมาในหัวของชายชรา

“งั้นข้าจะให้พรกับเจ้าอรปข้อละกัน พรที่ใช้ได้แค่ในโลกนี้ เจ้าต้องการอะไรล่ะ”

เธอเอ่ยถาม

“จากข้อมูลของโลกใบนี้ที่คุณให้ผมมาเนี่ย ผมขอเป็นพลังที่ไร้ขีดจำกัดแล้วกัน”

“โอเคๆ ได้ๆ งั้นข้าจะแถมให้เจ้า ร่างกายใหม่ที่ไม่ใช่ชายชราใกล้ตาย แต่เป็นชายหนุ่มรูปงามไร้ที่ติ เข้ายอมรับหรือไม่”

“เอาตามนั้นแล้วกัน….”

หลังพูดคุยกันอยู่สักพัก แสงสีฟ้านั้นก็ถูกส่งลงมาจากเบื้องบนอีกครั้ง แสงกระทบไปที่ตัวของชายชราที่กำลังยืนหลับตาตามคำขอของเทพธิดาที่พูดคุยกับเขา

แสงนั้นค่อยๆเปลี่ยนให้ร่างกายของชายชราเริ่มกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง ผิวหนังที่หย่อนยานกลับมาตึงแน่น กล้ามหน้าท้องที่เคยหายไปค่อยโผล่ขึ้น ใบหน้าอันเหี่ยวเฉาและบิดเบี้ยว ถูกเปลี่ยนเป็นหนุ่มรูปงามไร้ที่ติ

“เอาล่ะ ได้เริ่มงานสักที”

วีนัสในร่างชายหนุ่มสวมผ้าคลุมเอ่ยขึ้น

ตอนที่2 ออกเดินทาง หมู่บ้านกิม

“เห้อ… หลังจากที่ลงมาเกิดใหม่ในร่างนี้ ก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แล้วไอเงื่อนไขเกิดของจอมมารนั่นมันอะไรกัน”

[จอมมารจะปรากฏก็ต่อเมื่อผู้กล้าซึ่งสืบสายเลือดของมังกรปรากฏ  ดังนั้น เจ้าจงตามหาผู้กล้าที่หลับไหลเสีย]

วีนัสถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งปีเศษๆ เขาย้ายเข้ามาอยู่ภายในป่าที่เห็นเมื่อตอนแรก สร้างบ้านไม้หลังใหญ่บนต้นไม้สูงไว้เป็นที่อาศัย จากที่เทพธิดาเล่าว่า ตัวของเขานั้นในโลกนี้เป็นลูกครึ่งของมังกรกับมนุษย์ ทำให้เขามีอายุยืนมากกว่าเอลฟ์เสียอีก

วีนัสใช้ชีวิตสโลไลฟ์ในป่าเพื่อฟาร์มเลเวลให้สูง ฝึกการต่อสู้ตามความรู้ที่เทพธิดามอบให้ ฝึกใช้เวทมนตร์ มานา การอ่านการเขียน เพราะภาษาในโลกนี้ไม่เหมือนร้อยสิบหกภาษาที่เขาอ่านเขียนได้เหมือนกับโลกก่อนๆ

อู๊ดๆๆๆ

ปังง!!

“นี่ก็ตัวสุดท้ายละ อาทิตย์หน้าก็เข้าฤดูหิมะร่วงแล้วสินะ”

เขาพูดขึ้นพลางมองท้องฟ้ายามเที่ยง สายลมเย็นคอยพัดผ่านเตือนเขาถึงฤดูหนาวจากซอกไม้ เหล่าสิ่งมีชีวิตหลายหลายสายพันธุ์ต่างเร่งออกหาอาหารเพื่อกักตุนในผ่านพ้น ยามนี้เป็นยามที่เขาจะล่าสัตว์ได้มากที่สุด

หลังจากที่เดินลงจากเนินเขาหิมะเริ่มปกคลุม ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยิบร่างของหมูป่าที่พึ่งฆ่าได้สดๆ กระสุนพลังเวทย์ที่สร้างขึ้นมาได้ไม่จำกัดทำให้หนึ่งวันเขาล่าสัตว์ได้มากมาย เขาลากหมูป่าตัวใหญ่มาวางไว้บนรถเลื่อนบนเนินเขารวมกับสัตว์ตัวอื่นๆที่ล่ามาได้ ก่อนจะออกแรงดึงรถเลื่อนที่มีนํ้าหนักเกือบตันไปตามเส้นทางประจำจนเห็นเป็นรอยชัด

ใช้เวลาไม่นานรถเลื่อนที่บรรทุกร่างของสัตว์ไร้วิญญาณก็มาถึงบ้านไม้ วีนัสปล่อยมือออกจากสายสลิงหนาสองเส้นที่เขาสร้างขึ้น เดินไปนั่งพักบนรากไม้ใต้บ้าน

หลังจากนั่งพักเอาแรงได้สักนิด เขาก็เริ่มขนสัตว์พวกนั้นลงจากรถเลื่อน แบกขึ้นหลังทีละสองตัว เดินเข้าไปในอุโมงใต้ดิน หลังใช้เวลาสักพักเขาก็เดินกลับออกมาพร้อมกับขนพวกตัวอื่นๆลงไปด้วย เขาทำแบบนี้ตั้งแต่เที่ยงไปจนถึงตอนเย็น ในที่สุดก็เอาร่างของสัตว์พวกนี้เข้าไปในอุโมงใต้ดินจนหมด

“ไอซ์วอล!!”

วีนัสใช้เวทมนตร์สร้างกำแพงนํ้าแขงผนาขึ้นมา ปิดตั้งแต่ข้างในอุโมงจนล้นออกมาข้างนอก ตู้แช่แข็งอย่างง่ายที่เขาสร้างขึ้นสำเร็จแล้ว

ชายหนุ่มที่เหนื่อยจากงานในวันนี้ เขาปีนขึ้นเถาวัลย์ที่ทิ้งดิ่งมาตั้งแต่บนบ้าน ค่อยๆไต่ขึ้นไปตามรอยมัดเป็นวงเสมือนบันไดขาเดียว เมื่อขึ้นมาถึงบ้านไม้หลังใหญ่ที่อยู่บนต้นไม้สูง เขาใช้แรงดึงเถาวัลย์ที่ห้อยดิ่งไปจนถึงพื้นดินขึ้นมาทันทีเพท่อป้องการอันตรายจากการบุกรุก

เขาเดินเข้าไปในบ้าน หลังจากดึงเถาวัลย์ขึ้นมาจนหมด ถอดเสื้อคลุมด้านนอกสีเทาดำออกวางไว้บนเก้าอี้ซึ่งวางอยู่ไม่เป็นที่เป็นทางภายในบ้าน ก่อนจะเดินตรงปรี่เข้าไปหาโซฟาหนังสัตว์ที่สร้างขึ้นเอง เอนตัวลงนอนโซฟานุ่ม ก่อนจะผลอยหลับไป

วิ้ง~~~

แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ปลุกสัตว์ที่หลับไหลให้ตื่นขึ้นจากฝัน สายลมอุ่นจากดวงตะวันเริ่มสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ ไก่สี่ปีกโก่งคอขันเป็นจังหวะเสียงเพลง เตือนให้รู้ว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว วีนัสลุกขึ้นจากโซฟาที่พาเขาเข้าสู่ห้วงการนอน ตื่นขึ้นทำกิจวัตรยามเช้า อาบน้ำแปรงฟัน ทำความสะอาดร่างกายของตนให้เรียบร้อย

เขาเดินออกมาจากห้องน้ำเมื่อทำธุระเสร็จ สวมเสื้อผ้าเวทมนตร์ที่ไม่มีวันขาดและเปื้อน เดินออกมาจากห้อง ยืนที่ระเบียงไม้หน้าบ้าน หยิบเมล็ดกาแฟสดๆจากต้นขึ้นมาเคี้ยวเพื่อบังคับให้สมองตื่นตัว

เขากระโดดลงมาจากบ้านไม้ที่มีความสูงเท่าตึกสิบชั้น เกาะตามกิ่งก้านไม้ใหญ่ ตํ่าลงเรื่อยๆ จนมาถึงพื้น วันนี้ตามกำหนดการที่เขาเตรียมไว้ คือการเข้าไปในเมืองหลวงครั้งแรก หลังจากที่เขาสามารถอ่านเขียนภาษาต่างโลกได้แล้ว

“ผมจะไม่ได้กลับมาสักพัก อย่าพึ่งพังล่ะ”

วีนัสพูดบอกลากับบ้านหลังใหญ่ที่เขาสร้างขึ้น ก่อนจะเริ่มเดินทางไปยังเมืองหลวง ระยะทางจากที่นี่ไปจนถึงหมู่บ้านแรกหลังออกจากป่า ก็ราวๆยี่สิบกิโลเมตรได้

เขาเริ่มวิ่งไปตามทางรถเลื่อนของเขาก่อนเพราะเป็นเส้นทางที่เรียบและอุปสรรคน้อยที่สุด มุ่งหน้าออกจากป่าแล้วเข้าไปทำความรู้จักกับคนในหมู่บ้าน นั่นคือภารกิจแรกของเขาในวันนี้

“หึ กวางไฟงั้นเหรอ วันนี้คุณโชคร้านหน่อยนะที่ผมเจอคุณเข้า”

เมื่อชายหนุ่มเหลือบไปเห็นกวางไฟกำลังกินหญ้าอยู่ เขาก็เริ่มยกปืนสไนเปอร์คู่ใจที่ห้อยหน้าแนบลำตัวขึ้นมาตั้งท่าเตรียมยิงทันที

ครืด…..!

เขาเบรคสไลด์กับพื้นหิมะบางๆ หันปากกระบอกปืนไปที่เจ้ากวางผู้โชคร้าย และ…

ฉึด!

เสียงอันเงียบสงบราวกับสายลมที่พัดผ่าน ปากกระบอกปืนสีดำก็ได้พ่นลูกเหล็กสีเงินวาวออกมาทันที แสงไฟร้อนวาบออกมาตามหลังทำให้รู้ถึงความเร็วอันน่าอัศจรรย์ของปืนกระบอกนี้

เจ้ากวางไฟผู้โชคร้ายไม่รู้ถึงสถานการณ์ของตน มันกัดกินยอดหญ้าอ่อนโดยไม่รู้ว่า ลูกไฟจากนรก ได้พุ่งเข้ามาหามันแล้ว

ตับ….!

เสียงลูกเหล็กความเร็วสูงเจาะเข้ากลางหะวของกวางไฟดังขึ้น วีนัสล็อคไกปืนแล้วเก็บเข้าที่ วิ่งตรงไปหาเจ้ากวางซึ่งนอนแน่นิ่งทันที

เขาใช้มีดแร่ ตัดเขาที่ไม่จำเป็นออก กรีดตัดแบ่งเนื้อกวางเก็บเข้าไอเทมบล็อค เนื้อหนังส่วนที่ตนไม่ได้ใช้ก็มัดห่อเก็บเข้าไว้ เผื่อเอาไปขายเช่นกัน

เขาเดินกลับไปที่เส้นทางเดิมก่อนจะออกวิ่งอีกครั้ง คราวนี้เร่งสปีดฝีเท้าขึ้นอีกสักหน่อย เพราะอากาศเริ่มจะร้อนแล้ว

ชายหนุ่มวิ่งมาเรื่อยๆ ลอดผ่านต้นไม้นานาพันธุ์จนมาถึงปลายทางที่รถเลื่อนของเขามาถึง ซึ่งมันเป็นครึ่งทางก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้าน

เขาหยุดพักตรงต้นไม้แถวนั้นสักพัก “ไฟบอล” จุดไฟกับซากไม้แห้งที่เก็บมากองไว้ หยิบเอาเนื้อกวางสดๆที่กล้ามเนื้อยังทำงานอยู่ เสียบใส่แท่งไม้แหลม แล้ววางขวางคํ้าเสาไม้ทั้งสองข้างเพื่อย่าง

“อืมมม”

กล้ามเนื้อที่พึ่งปาดออกมาสดๆ เมื่อโดนความร้อนจากเปลวไฟ จึงทำให้มันเหมือนกับมีชีวิต ก้อนเนื้อที่ถูกเสียบไม้ดิ้นขยับดุกดิกไปมายั่วนํ้าลาย ส่งกลิ่นหอมฟุ้งของเนื้อไปทั่ว

“รสชาติเผ็ดแสบนิดๆ ไม่ต้องเติมพริกไทย”

เนื้อกวางย่างร้อนๆเมื่อยกออกจากไฟย่าง นํ้ามันจากเนื้อไหลเยิ้มออกมาอย่างไม่หยุด ชายหนุ่มไม่รอช้า กัดเข้าไปที่เนื้ออุ่นๆแล้วเคี้ยวกินทันที

“เอาล่ะๆ เดินทางต่อ ”

ตอนที่3 หมู่บ้านกิม กับหญิงสาว 1

[หมู่บ้านกิม]

หลังใช้เวลาเดินทางมาหลายชั่วโมงจากการลอดป่าปีนเขา ลงห้วย ข้ามลำธารมาแล้ว ในที่สุดชายหนุ่มก็เดินทางมาถึงทางเข้าหมู่บ้านก่อนพระอาทิตย์ตก

วีนัสเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างระมัดระวังและทำตัวเป็นมิตรและเหมือนชาวบ้านให้มากที่สุด แต่ถึงกระนั้นสายตาของผู้คนที่เขาเดินผ่าน ต่างพากันจับจ้องไปที่ตัวเขาไม่ว่าจะชายหรือหญิง เขาเดินตามทางรถม้าไปเรื่อยๆ หลังจากเข้าหมู่บ้านมาได้สักพักก็เริ่มเห็นแปลงนาข้าวขนาดใหญ่เป็นเงาๆอยู่ไม่ใกล

“เอ่อคือ…. มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”

เสียงเล็กหวานของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง หญิงสาวผมสีทอง นัยตาสีเขียวมรกตราวกับหลุดมาจากนิยายนั่งอยู่บนหลังม้ากำลังเอ่ยถามชายหนุ่มที่เดินเข้าไปหมู่บ้านด้วยชุดคลุมแปลกตารวมถึงยังห้อยสิ่งของประหลาดแนบตัว

เธอลงจากผลังม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลรูปร่างทะมัดทะแมง ยืนมองชายหนุ่มที่กำลังหันมาด้วยท่าทีสงสัย ถึงภายนอกหญิงสาวจะมีท่าทียิ้มแย้ม แต่จิตใจเธอยังเป็นกังวลกับชายซึ่งอยู่ตรงหน้า มือขวาล้วงเข้าไปหยิบมีดปลายแหลมในกระเป๋าที่เบาะนั่งหลังม้า

“เอ่อ… ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อวีนัส พึ่งมาหมู่บ้านนี้ครั้งแรก”

วีนัสแนะนำตัวกับหญิงสาวที่ดูท่าทางกังวล เขายกมือซ้ายขึ้นแนบอกเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นมิตร

วิ้งๆ…..

หญิงสาวมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า นัยตาสีเขียวมรกตของเธอเปล่งแสงออกมาอย่างเห็นได้ชัดจนวีนัสสงสัย เธอเพ่งเล็งไปที่ตัวชายหนุ่มซึ่งกำลังค่อยๆปล่อยมือวางจากอก

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เราชื่อริต”

เมื่อแสงสีเขียวจากนัยตากลมค่อยๆจางลง หญิงสาวค่อยๆปล่อยมือออกจากมีดบางที่จับไว้เมื่อตอนแรก แนะนำตัวกับวีนัสซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า

“เอ่อคือ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”

เธอเอ่ยถามชายหนุ่มหลังจากที่กระพริบตาสองสามครั้ง

“ผมต้องการเข้าไปในหมู่บ้านครับ แต่ทางมันไกล ตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว…”

วีนัสตอบกลับหญิงสาวที่ยืนลูบหลังม้าตัวที่เธอขี่มา เขาเปิดไอเทมบล็อกหยิบหนังของกวางไฟที่ยังใหม่ๆยื่นให้ เพื่อจ่ายแทนค่าจ้างเพราะตัวไม่มีเงิน

“เราไม่ต้องการหรอกค่ะ คุณเอาไปขายในหมู่บ้านเถอะ”

ริตที่รู้อยู่แล้วในใจว่าชายหนุ่มต้องการให้เธอช่วยพาไปส่งในหมู่บ้านแน่ๆ ก่อนหน้านี้เธอจึงส่งซิกให้เขารู้ว่าสามารถขึ้นมาไปกับเธอได้

ริตบอกกับชายหนุ่มรูปงามว่าจะช่วยเหลือ เธอกระโดดขึ้นนั่งบนเบาะหนังหลังม้า สั่งให้มันเดินหน้าไปสองสามก้าวเพื่อรับวีนัส

วีนัสเก็บปืนยาวพาดไหล่ไว้ด้านหลังจับมือหญิงสาวที่ยื่นให้ อีกมือคว้าเชือกที่มัดอยู่บนอานหนัง ดึงตัวเองขึ้นนั่งบนหลังม้าสูง

เมื่อวีนัสขึ้นนังบนหลังม้าเรียบร้อย ริตก็ควบม้าวิ่งไปที่หมู่บ้านข้างหน้าทันที เสียงควบม้าทำให้ชาวบ้านที่กำลังเดินกลับหมู่บ้าน บางครยังคงทำไร่ทำนา ต่างโบกมือยิ้มต้อนรับหญิงสาวด้วยความยินดี

“สวัสดีค่ะ รีบกลับหมู่บ้านกันเถอะนะคะ มันจะมืดแล้ว”

ริตกล่าวทักทายกับผู้คนที่เธอผ่าน โบกมือพลางส่งยิ้มให้พวกเขา เหล่าชาวบ้านชายหญิงที่เห็นนิตทักทาย พวกเขาก็ต่างโบกมือพลางทักทายริตกลับ

ไม่นานหลังจากที่วีนัสขอให้ริตมาส่งในหมู่บ้าน ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็มาถึง ริตควบม้าเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง “ที่นี่แหละคะ” เธอบอกกับวีนัสที่นั่งอยู่ด้านหลัง

ทั้งสองลงจากหลังม้าอย่างช้าๆ เมื่อเท้าสองข้างของริตแตะพื้น เธอยืนจัดเชือกที่มัดตามตัวม้าหนุ่ม โบกมือชี้นิ้วให้วีนัสเข้าไปในบ้านไม้หลังนี้ก่อน วีนัสเดินเข้าไปข้างในตามคำบอกของริตที่กำลังจูงม้าเข้าไปในคอกเลี้ยง

ข้างในบ้านเมื่อเข้าไปมีโต๊ะกลมทำจากไม้อยู่แปดตัว จัดวางอยู่ภายในอย่างเป็นระเบียบ เก้าอี้ตัวเล็กๆพอดีนั่งวางล้อมรอบ ด้านในสุดเป็นโต๊ะไม้ยาวจนไปถึงบันไดฝั่งขวามือชิดมุม มีชาวบ้านกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นอยู่ราวๆสี่ห้าโต๊ะ

วีนัสเดินมุ่งไปที่หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงด้านหลังโต๊ะไม้ยาวในชุดสีขาวมีผ้ากันเปื้อนทับอีกชั้น เขาเดินเข้าไปหยุดที่หน้าโต๊ะอีกด้าน

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

หญิงสาวเอ่ยเปิดประโยคทักถามกับวีนัสที่ยืนอยู่ตรงหน้า ชายตามองอุปกรณ์ประหลาดตามีอักษรเวทมนตร์ที่ห้อยติดอยู่ด้านหลังด้วยความสงสัย

“ที่นี่คือโรงเตี้ยมใช่ไหมครับ”

วีนัสถามกับหญิงสาว

“ค่ะ ใช่ค่ะ”

เธอตอบกลับ

ในขณะที่วีนัสจะเอ่ยประโยคต่อไปนั้น อยู่ๆเสียงของประตูไม้หน้าร้านก็ดังขึ้น ริตที่เอาม้าเข้าไปมัดไว้ในคอกเลี้ยงเรียบร้อย เป็นเธอที่เปิดประตูเข้ามา เหล่าทุกคนในร้านที่กำลังนั่งทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนต่างพากันวางช้อนลง แล้วหันมาโบกมือยิ้มทักทายเธอ

“โอ้วท่านนักบุญ มาทานข้าวด้วยกันไหมครับ”

ชายชราในชุดเสื้อผ้าโทรมๆที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เกือบๆติดมุมห้องพูดขึ้น เขาเอามือขยับจานที่มีอาหารอยู่เต็มและยังร้อนอยู่

“ขอบคุณนะคะ แต่ว่าเราทานข้าวมาแล้ว คุณลุงกินเถอะค่ะ”

ริตตอบกลับชายคนนั้นด้วยท่าทีที่สง่าผ่าเผย แล้วเดินเข้ามาหาผมที่ยืนมองเธออยู่

“สวัสดีค่ะ คุณริต”

หญิงสาวที่ดูอายุแก่กว่ากล่าวสวัสดีทักทายริตที่พึ่งเดินมาถึง “วันนี้ก็ห้องเดิมใช่ไหมคะ” เธอยิ้มต้อนรับริตอย่างยินดี

“เอ่อคือว่า พอดีผู้ชายคนนี้ต้องการพักน่ะ เอาห้องให้เขาห้องหนึงนะ เดี๋ยวเราจ่ายเอง”

แต่ถึงแบบนั้น ริตเธอก็ไม่ลืมชายที่ขอความช่วยเหลือ เธอบอกกับหญิงสาวสวมผ้ากันเปื้อนให้เอาอีกห้องที่ว่างให้กับวีนัสใช้พักผ่อนคืนนี้ ส่วนเงินค่าที่พักเธอจะจ่ายให้แทนเขาไปก่อน

“เอ๊ะ!”

หญิงสาวอุทานออกมาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน มือสองข้างจับโต๊ะยาว อ้าปากกลางเหมือนทำอะไรไม่ถูก หันหน้ามองวีนัสกับริตกลับไปกลับมา

“มีอะไรเหรอคะ”

ริตเอ่ยถามกับเธอที่ลนลานส่ายหัวไปมา

“อ๊ะ ไม่มีอะไรค่ะ”

หญิงสาวหยุดชะงักหลังจากที่ริตถามว่าเป็นอะไร แล้วรีบตอบปัดริตไปทันที

“งั้น เดี๋ยวเราไปหาผู้ใหญ่บ้านก่อน คุณขึ้นไปพักเถอะ”

ริตเดินออกจากโรงเตี้ยมไปหลังพูดจบ

เมื่อเคลียร์เรื่องที่พักได้แล้ว วีนัสก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง เพื่อเข้าไปพักผ่อนภายในห้องที่ผู้หญิงคนนั้นบอก เขาเดินขึ้นบนบันไดไม้มาจนถึงชั้นสอง ข้างหน้าเป็นทางเดินยาวต่อจากบันไดไปจนสุดผนัง มีห้องพักเรียงกันสามห้องทางขวามือ ซ้ายมือเป็นหน้าต่างที่ทำจากกระจกบานเล็ก ติดไปทั่วผนังเป็นระยะๆเพื่อให้แสงจันทร์จากด้านนอกส่องสว่างถึง

วีนัสเดินเข้าไปจนถึงห้องที่อยู่ลึกสุด ผ่านห้องแรกที่ถูกปิดประตูไว้แสดงว่ามีคนพักอาศัยอยู่ ห้องที่อยู่ตรงกลางกับห้องสุดท้ายประตูยังเปิด แสดงว่าไม่มีคนเข้าพัก วีนัสเดินบนพื้นไม้ มีแสงจันทร์ค่อยส่องสว่างไปจนถึงผนัง เขาเดินมาจนถึงหน้าห้องที่ประตูเปิด เดินเข้าไปข้างในพลางกวาดสายตามองรอบห้องไปพลาง

ข้างในห้องเป็นห้องนอนที่ไม่มีอะไรมาก มีตู้เสื้อบางเล็กๆหนึ่งตู้ หน้าต่างไม้บานนึง แล้วก็เตียงนอน….

“หืมม….”

ถึงแม้วีนัสจะสะดุดตากับเตียงนอนขนาดใหญ่มีหมอนพร้อมผ้าห่มพอดีสองคนก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก วีนัสเดินไปนั่งบนที่นอน ถอดปืนสไนเปอร์ที่พาดหลังออกมาวางบนเตียง

To be continued….

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!