ตอนที่ 1 ห้องนอนของใคร
แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างกระทบใบหน้าชายหนุ่มหน้าขาวด้วยคลื่นความร้อนและแดดมันแยงตาสององค์ประกอบหรืออาจมากกว่านั้นทำให้ยากจะข่มตานอนต่อไป
สุดท้ายปลายทางร่างกายเลือกตอบสนองต่อสิ่งเร้าจากโลกภายนอกก่อเกิดเสียงครางเล็ก ๆ ขึ้นมา
ซึ่งนั่นคือสัญญาณขั้นต้นของการตื่นนอน
“อืออออ”
“...”
เปลือกตาสั่นไหวพร้อมเปิดเผยให้เห็นแววตาคู่งามที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
กล่าวสำหรับชายหนุ่มหน้าขาวอย่างแรกเลยที่เห็นหลังจากตื่นนอนไม่ใช่เพดานคุ้นหน้าคุ้นตาที่เคยเห็นอยู่ทุกวัน
วันนี้มันแปลกประหลาดกว่าวันอื่นเนื่องจากเพดานไม่ใช่สีดำด้านแต่เป็นสีชมพูทั้งยังไม่ใช่สีชมพูปรกติธรรมดาแต่เป็นชมพูหวานแหววชวนให้รู้สึกเป็นสาวขึ้นทันตาเห็น
ทราเวียร์กระพริบตาเรียกสติหลายต่อหลายครั้ง
...‘ที่ไหน?’
“...”
“ปวดหัวเป็นบ้า” มือข้างหนึ่งกุบขมับแน่น
สายตายังคงจับจ้องมองเพดานไม่คิดขยับไปไหนคล้ายต้องการยืนยันว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝันหนึ่งตื่น
หลังจากยืนยันเสร็จสิ้น
...‘เดพานสีชมพู?’
“...” เขาก็แน่ใจแล้วว่านี่ไม่ใช่บ้านของเขา
“นี่ไม่ใช่บ้านของฉัน”
ถ้าไม่ใช่บ้านของเขาแล้วมันเป็นบ้านของใคร เพื่อหาคำตอบให้กับตัวเองชายหนุ่มเริ่มกวาดมือไปทั่ว
พยายามหาแว่นตาที่หล่นหายไปไหนก็ไม่รู้
...‘อยู่ไหนวะ?’
“...”
“ทำไมมันหายากหาเย็นแบบนี้วะ” ด้านซ้ายข้างตัวหาไม่เจอเขาปรับเปลี่ยนไปคว้าทางด้านขวาของตัวแทน
ปรากฎว่าพบเจอ
หมับ!
จับบางสิ่งอย่างได้
“...” แต่ไม่รู้ว่าเจออะไรเข้า
“...อะไร?”
“อ๊ะ~”
...‘เชี่ยอะไรวะ!’
“...” ทราเวียร์ขมวดคิ้วแน่นตึงเครียดขั้นสุด
ฝ่ามือเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งอย่างยิ่งจับสัมผัสเสียงแปลกประหลาดยิ่งดังมากขึ้นไปตามลำดับ
เนียนนุ่ม เต่งตึง และหอมหวาน
“อือ~”
“อ๊า~”
เหงื่อไหลไปตามหน้าผากทันที
...‘สัมผัสแบบนี้อย่าบอกนะว่า---’
“...”
เรียบร้อยเป็นไปตามที่คิด
“!!!” หลังจากหันหน้ามองต้นสายปลายกำเนิดเจ้าเสียงกระตุ้นอารมณ์เขาก็พบเจอเข้ากับเรือนร่างเปลือยเปล่า
ไม่รอช้าร่างกายตอบสนองทันที
“เห้ย?!”
ตึง!
ทราเวียร์สะดุ้งตกเตียงกลิ้งไปมาเหมือนกับเด็กน้อยฝันร้ายกลิ้งตกที่นอน
ปากอ้าค้างนิ้วมือชี้สั่นไหว
“...” หญิงสาวไม่รับรู้อะไรยังคงนอนกอดผ้าห่มแน่นทั้งยังเปิดเผยผิวหนังเกือบทุกสัดส่วนให้เห็นไม่คิดปกปิด
บางทีหล่อนอาจจะเหมือนกับเขาคล้ายยังไม่ตื่นจากห้วงความฝันมาเผชิญหน้ากับโลกความเป๋นจริง
แต่ใครสนละ
...‘เกิดห่าเหวอะไรวะเนี่ย’
“...” ทราเวียร์ที่รู้สึกตัวรีบยกมือปิดปากตัวเองแน่น
หากจะถามว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นใครมาจากไหนเขาสามารถตอบกลับได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาครุ่นคิดให้เปล่าประโยชน์
หล่อนชื่อว่า ‘เอริ’ เป็นรุ่นน้องของเขา รุ่นน้องในที่ทำงานเดียวกัน รู้จักมักคุ้นมาหลายต่อหลายปี
อีกทั้งตัวหล่อนยังจัดได้ว่าเป็นสาวงามยอดเยี่ยมไม่ว่าใครเห็นล้วนต้องหลงใหลหลงรัก
แต่ทำไมหล่อนถึงได้มานอนเตียงเดียวกับเขาแถมยังเปลือยเปล่าปราศจากเสื้อผ้า
...‘อย่าบอกนะว่าเจาะไข่แดงไปแล้วน่ะ’
“...”
“ตื่นสิ” ไม่ได้การต้องปลุกมาเค้นหาความจริงหากไม่ได้ความจริงตามที่ตนต้องการละก็ชาตินี้คงนอนไม่หลับ
เขาเบี่ยงสายตาหลบ
“...” ก่อนใช้มือเขย่าแขนเธอเบาบางพอให้ตื่น
“อืออออ~”
“...”
“นิ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
“...”
“ตื่นมาตอบคำถามของฉัน!”
“...”
“เธอมานอนเตียงเดียวกับฉันทำไมหะ?!”
หลังจากพยายามร่วมนาทีเปลือกตาของหล่อนเริ่มสั่นไหวอาการเดียวกับคนกำลังตื่นนอน
และท้ายที่สุด
“...” เอริลืมตาจ้องมองมาที่เขา
ก่อนตอบกลับมาเบาบางด้วยท่าทีสะลึมสะลือ
“...รุ่นพี่...”
“ตื่นสักทียัยขี้เซา”
“...” ครั้งนี้เหมือนจะได้ผลมากกว่าเดิม
ดวงตาดวงน้อยกระพริบน่ารักหลายต่อหลายครั้งก่อนเผยรอยยิ้มหวานให้ทราเวียร์
หวานมากพอทำให้ผู้คนหลงใหล
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“รุ่นพี่~”
“...ตอบคำถามฉันมา?”
“เธอขึ้นมานอนบนเตียงฉันได้ไง?!”
“ทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านของฉันหะ?!”
“...” เอริหลุดหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินคำถามของชายหนุ่มหล่อนดึงผ้าห่มกระชับปิดเรือนร่างเอาไว้พองาม
ก่อนเปิดปากถามกลับไปแทน
“บ้านของรุ่นพี่?”
“ไม่เอาน่านี่บ้านของหนูต่างหาก”
“และนี่ก็เป็นเตียงของหนูด้วย” สิ้นเสียงบอกกล่าวเสมือนกับมีค้อนใหญ่ยักษ์ฟาดลงมากลางกระบาลทำเอามึนงงไปหมด
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเอริเขารีบกวาดสายตามองโดยรอบทันทีไม่มีรีรอ
และเมื่อมองเห็นฉากภาพเบื้องหน้าความจริงก็ปรากฎให้เห็นเต็มสองตา
ทราเวียร์ถึงกับวิงเวียนไปชั่วครู่หนึ่ง
...‘นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ’
“...”
“บ้านของเธอ?”
“ค่ะ”
“นี่ก็เตียงของเธอ?”
“ค่ะ” เอริพยักหน้าอีกครั้ง
รอยยิ้มขี้เล่นปรากฎให้เห็นคล้ายหล่อนจะรู้สึกสนุกสนานเวลาที่เห็นชายหนุ่มตื่นตระหนกตกใจ
ทราเวียร์ตบหน้าผากตัวเอง
“เวรกรรม”
...‘พระเจ้าช่วยนี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?!’
“...”
“ว่าแต่รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ?” เอริยิ้มถามกลับ
“...รู้สึกอะไร?”
“...” เห็นท่าทีหวาดระแวงของทราเวียร์แล้วมันอดหัวเราะไม่ได้แทนที่จะตอบคำถามทันที
หล่อนเลือกแสดงออกให้เห็นเป็นอันดับแรก
เรียวขาขาวเนียนยื่นไปหาเขาทั้งยังเป็นเรียวขาเปลือยเปล่าจนแทบเห็นอะไรต่อมิอะไร
การกระทำของหล่อนโหดเหี้ยมใจกล้าบ้าบิ่นครั้งนี้แทบเผาสมองเขาให้มอดไหม้ไปในชั่วพริบตา
ทราเวียร์เหม่อลอยไปครู่หนึ่ง
...‘%×÷$\=$÷©%’
“...”
“รู้สึกอะไรน่ะเหรอ~~~” เอริยิ้มหวานช้ำพร้อมยื่นฝ่าเท้าไปวางบนตักของชายหนุ่มก่อนใช้นิ้วเท้าเล็กเรียว
วาดกวาดไปมาบนหน้าขาอีกฝ่าย
“ก็หลังจากที่จับขาหนูไป~”
“...”
“รุ่นพี่รู้สึกยังไงบ้างคะ?”
“...”
“ชอบรึเปล่า?”
“...”
“ถ้ายังไม่รู้สึกหรือว่าสัมผัสไม่พอก็บอกนะ”
“...”
“แต่ถ้าอยากสัมผัสมากกว่าขาของหนูละก็”
“...”
“รุ่นพี่-ต้อง-จ่าย-นะ”
“เอาเป็นจูบที่ปากของหนู---” เอริยิ้มแข็งค้างเมื่อเห็นสีหน้าเดือดดาลขั้นสุดผุดขึ้นมากระทันหันไม่มีสัญญาณบอกกล่าว
แต่ก่อนจะได้ทำอะไรมันก็สายเกินไปแล้วฝ่ามือหยาบกร้านผลักขาของหล่อนออกไป
“...” ก่อนอ้าปากค้างตวาดดังลั่น
“ยัยเด็กแก่แดด!”
“ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
————————————————————————
† “ขอ comment เพิ่มไฟให้ไรท์ให้หน่อยน่าาา” †
ตอนที่ 2 ส้อมเปื้อนน้ำลาย
บรรยากาศเข้าขั้นมืดมนเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารทำเอาผู้คนพบเห็นอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
ซึ่งต้นสายปลายกำเนิดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
เป็นทราเวียร์พ่อหนุ่มสวมแว่นนั่นเอง
...‘ให้ตายสิ’
“...”
“ถามหน่อยได้ไหม?”
“ค่ะ เชิญถามมาได้เลย”
“เธอกำลังทำอะไรอยู่?” ทราเวียร์กวาดสายตามองจานอาหารร่วมสิบจานวางเรียงรายบนโต๊ะอาหาร
เอริขมวดคิ้วคล้ายเห็นคนโง่เขลาไม่เข้าใจภาษาคน
“...” ก่อนหล่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสุขยินดีกับสถานการณ์เบื้องหน้า
รอยยิ้มหวานคลี่ออก
“มื้อเช้าค่ะ”
“มื้อเช้าสำหรับเราสองคน”
กึก!
“...” จานสุดท้ายวางบนโต๊ะเสร็จสับเรียบร้อยพร้อมสำหรับรับประทานหลงเหลือเพียงแค่ลงมือเท่านั้น
เอริพยักหน้ามองจานอาหารฝีมือตนเอง
“เรียบร้อยค่ะ”
“เธออยากให้ฉันกินข้าวด้วย?”
“ค่ะ”
“...ไม่เข้าเรื่อง” เขายังไม่ทันเปิดปากบอกจะร่วมโต๊ะกับหล่อนด้วยซ้ำนี่มันออกจะรวบรัดตัดตอนเกินไปรึเปล่า
ทราเวียร์จ้องมองจานข้าวของตน
...‘ปฏิเสธยังไงดี?’
“...”
“รุ่นพี่?”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแถมสีหน้าชายหนุ่มสวมแว่นยังเคร่งเครียดขั้นสุดคล้ายคนกำลังมีปัญหาในชีวิต
เอริเอียงคอเล็กน้อยก่อนแววตาจะเปล่งประกาย
“อะ หนูรู้แล้ว?!”
“รู้อะไรอีก?”
“...” แทนที่คำตอบด้วยการกระทำ
หมูชิ้นหนึ่งถูกส้อมจิ้มทะลุ
“อ้าม~” หล่อนยื่นส้อมมาหาเขา
แววตาเปล่งประกายแสดงความต้องการของตนออกมาชัดเจน เรียกได้ว่าไม่มีเจตนาปกปิดหรือต้องการบ่ายเบี่ยง
กลับกันเลย
หล่อนเลือกเปิดเผยแสดงออกมาให้เห็นเต็มสองตาว่าต้องการอะไรแบบไหนกันแน่
...‘ยัยเด็กนี่’
“...”
“อย่าทำหน้าเคร่งเครียดแบบนั้นสิค่ะ”
“ถ้าไม่อร่อยหนูเปลี่ยนให้ได้นะ”
ทราเวียร์ยังคงนิ่งเงียบตามเดิมจนกระทั่ง
“...” ส้อมยื่นเข้ามาใกล้จมูก
ใกล้มากจนได้กลิ่นหอมอร่อยยากเกินต้านทานสายตาเขาจดจ้องมองชิ้นหมูบนส้อม
แม้จะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเดียว
แต่เอริเห็น
เธอเห็นเขาลอบกลืนน้ำลายตัวเอง
...‘หิวใช่ไหมละ?’
“...” เอริยิ้มหัวเราะ
เหมือนเขาจะรู้สึกตัวหลังจากได้ยินเสียงหัวเราะของหล่อน
“ไม่ต้องฉันกินเองได้” สีหน้าราบเรียบอาบย้อมไปด้วยริ้วแดงบ่งบอกอาการเขินอายเต็มที่
เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันยืดเยื้อเกินจำเป็นเจ้าตัวรีบยื่นมือเข้าไปคว้าส้อมจากมือหญิงสาว
แต่หล่อนชักหลบไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จ สายตาทั้งสองคู่แลกเปลี่ยนจดจ้องมองไม่มีใครยอมใคร
เอริยังคงยิ้มแย้มเต็มใบหน้าเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนผิดกับทราเวียร์ที่หน้าดำมืดเดือดดาลขั้นสุดจนเห็นเส้นเลือดผุดตามหน้าผาก
ดูท่าจะโกรธเคืองไม่น้อยเลย
...‘แกล้งปั้นหัวเหรอ?!’
“...”
“อยากกินรึเปล่าคะ?”
“...ชิ”
“ไม่กินก็ไม่กิน” ทราเวียร์กัดปากตัวเองแน่น
หลังจากเจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามอดกลั้นอารมณ์เดือดดาลที่ต้องการปะทุตลอดเวลา
หลายสิ่งอย่างที่หลงลืมก็หวนคืนกลับมาปรากฎเด่นชัดอีกครั้ง ทั้งยังปรากฎเข้ามาไม่ขาดสาย
จนหัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
...‘กินเมื่อไหร่ก็ได้แต่เรื่องเมื่อวานนี่มัน---’
“...” เขาตัดใจเรื่องอาหารได้ทันทีเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นอีกเรื่องหนึ่งมันแรงกล้าเหลือเกิน
แรงกล้าจนไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ได้
“พักเรื่องกินไปก่อนตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่า”
“รุ่นพี่อยากรู้อะไรคะ?”
“เรื่องเมื่อวาน”
“เรื่องเมื่อวานสินะ” เอริหรี่ตามองลงหลายระดับคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่งอย่างที่เขาไม่อาจรับรู้ได้เลย
ทราเวียร์ยังไล่บี้ถามต่อ
“เมื่อวานมันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”
“...”
“หนูก็อยากจะตอบอยู่เหมือนกัน”
“เพียงแต่ว่ารุ่นพี่มีอะไรมาให้หนูละ?”
“เธอต้องการอะไร?”
“...” ส้อมเดิมกลับมาอีกครั้งความต้องการของหล่อนเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนต่อให้เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา
ย่อมต้องรับรู้ความต้องการของหล่อนเป็นแน่
“...แค่กินใช่ไหม?”
“ค่ะ” เอริยิ้มพยักหน้า
“...”
“ขอแค่รุ่นพี่ลองชิม”
“หนูก็พร้อมตอบคำถาม”
...‘ก็ได้วะ’
“...” หลังจากลังเลอยู่นานในที่สุดเจ้าตัวก็ยินยอมกระโดดลงหลุมพรางที่อีกฝ่ายขุดเอาไว้
ทราเวียร์กัดปากตัวเองแน่น
“...คำเดียวนะ”
“เชิญค่ะ”
“ฉันกินเอง---”
“...”
“คิดให้ดีค่ะก่อนตอบ”
“...”
“อ้าม~~~”
ร่างกายชายหนุ่มสั่นสะท้านพยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่กันไม่ให้มันระเบิดออกมา
สุดท้ายปลายทางเขาจำต้องทำตาม
“...” ชายหนุ่มสวมแว่นหลับตาลงแน่นพร้อมอ้าปากกว้าง อ้ามากพอให้หญิงสาวยื่นส้อมเข้าไปในปากอีกฝ่าย
เอริกำหมัดตัวเอง
“...” มือที่ประคองส้อมสั่นสะท้าน สายตาไม่ได้มองหน้าทราเวียร์เลยแม้แต่น้อยหล่อนจดจ้องมองไปที่ส้อม
ส้อมที่เปื้อนน้ำลายสีใส
...‘มาแล้ว~’
“...”
“อร่อยไหมคะ?”
“...อร่อย”
“ฝีมือหนูซะอย่าง” หล่อนรีบชักส้อมกลับมาไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มมีปากเสียงหรือร้องเรียกอะไรให้มากความ
ส่วนเอาไปไหนเอาไว้ที่ใดไม่จำเป็นต้องรู้หรอก
...‘หึหึหึ’
“...”
“เอริ?”
“คะ ค่ะ”
“รีบทานเถอะค่ะเดี๋ยวข้าวเช้าจะเย็นหมด” เอริยิ้มหัวเราะชอบใจใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกลบเกลื่อนหมดทุกสิ่งอย่างไม่เปิดเผยร่องรอยให้เห็น
ฝ่ามือขาวเนียนพยายามยื่นจานมากมายหวังให้ทราเวียร์ลองรับประทานอาหารฝีมือของเธอ
วันเวลาผ่านไปรอยยิ้มยิ่งทวีความหวานโดยไม่ทราบสาเหตุ
“...”
“มองอะไรคะ?”
“ฉันทำตามที่เธอบอกแล้วนะ”
“ตอบคำถามของฉันมา” ทราเวียร์เค้นถามต่อ
เขายินยอมโอนอ่อนทำตามที่หล่อนต้องการนั่นก็เพราะต้องการคำตอบแต่สิ่งที่ได้รับกลับมา
คือใบหน้าแข็งค้างตื่นตระหนกตกใจเป็นที่สุด
“อะ!” มันเหมือนใบหน้าคนหลงลืมสิ่งที่เคยรับปากคนอื่น ใบหน้าคนหลอกลวงช่วงชิงผลประโยชน์ฝ่ายเดียว
ทราเวียร์ทุบโต๊ะทันที
ปึง!
“เธอลืม?!”
“ปะ เปล่านะ” เอริรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ถ้าไม่ลืมก็เล่ามา”
“...เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น?”
“...” หลังผ่านพ้นช่วงเวลาตื่นเต้นชวนให้หัวใจเป็นสุขหล่อนรีบตั้งสติก่อนหวนคืนสู่ภาพลักษณ์สาวงามทันตาเห็น
พร้อมเริ่มกล่าวเปิดประเด็น
“รุ่นพี่อยากฟัง?”
เขาพยักหน้าตอบแทนคำพูด
“...” เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มสวมแว่นต่อมอยากกลั้นแกล้งผู้คนยิ่งกระตุ้นให้หล่อนลงมือตามอารมณ์
เอริยิ้มยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเกือบจะแนบชิดติดกัน
“...เห้ย!!!” ร้อนจนทราเวียร์ต้องรีบดึงหน้าออก
และด้วยการรีบดึงใบหน้าออกโดยไม่ปล่อยให้เตรียมตัว มันก็เกือบทำเขาตกเก้าอี้กลายเป็นตัวตลก
ดีที่ทรงตัวเอาไว้ได้ทัน
...‘ใจหายใจคว่ำหมด’
“...” ทราเวียร์ลอบถอนหายใจโล่งอก
โดยลืมไปเลยว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาต้องเผชิญหน้ายิ่งกว่าอาการตื่นตระหนกตกใจในตอนแรก
เสียงกระซิบหวานชื่นดังขึ้นข้างหู
“ตกใจรึเปล่าคะ?”
...‘เชี่ย?!’
“!!!” กว่าจะรู้สึกตัวใบหน้าทั้งสองก็เกือบจะจูบกันแล้วขอเพียงหล่อนมีใจขยับยื่นเข้าไปอีกหน่อยเท่านั้น
ดวงตาทราเวียร์เบิกกว้าง
“...เธอ---”
“เงียบค่ะ” นิ้วเรียววางทาบริมฝีปากกันไม่ให้อีกฝ่ายพูด
“เงียบไปทั้งนั้นแบบนั้นแหละ”
“...” แววตาชายหนุ่มเริ่มหวั่นไหว
จนแทบประคองสติตัวเองเอาไว้ต่อไปไม่ได้
————————————————————————
† “ขอ comment เพิ่มไฟให้ไรท์ให้หน่อยน่าาา” †
ตอนที่ 3 เหตุการณ์เมื่อคืน
ทราเวียร์ที่กลับมาได้สติอีกครั้งลงมือรวดเร็วเด็ดขาด
“...” อาศัยฝ่ามือยันหน้าผากสาวงามให้ถอยห่างออกไปไม่ปล่อยให้เข้าใกล้อีกเป็นครั้งที่สอง
“ถอยไปยัยบ้า!”
“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!”
“ห้ามเข้ามาใกล้เด็ดขาด!”
แม้จะโดนฝ่ามือยันหน้าผากแต่หล่อนหาได้สนใจรายละเอียดยิบย่อยยังคงรักษาท่วงท่าเป็นหนึ่งเอาไว้ได้ไม่มีเปลี่ยนแปลง
เอริยิ้มมุมปาก
“...ฮิฮิ”
“ยังจะมาหัวเราะอีก”
“รีบเล่ามา?!”
“หนูแค่แกล้งนิดหน่อยเองนะ”
แกล้งนิดหน่อยของหล่อนเกือบทำเขาหัวใจวายตายถ้าเกิดหักห้ามไม่ทันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาดีไม่ดีไอ้ที่แย่อยู่แล้วอาจแย่หนักหน่วงเข้าไปอีกก็ได้
เห็นรุ่นพี่หนุ่มยังแข็งขืนไม่ให้อภัยง่ายดายเธอเลยต้องตามง้อไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายงอนไปตามลำพัง
“ไม่โกรธกันนะ~”
“...”
“หายโกรธนะ~”
สุดท้ายปลายทางเพื่อให้เรื่องราวมันจบลงต่อให้ไม่อยากยกโทษให้ก็ต้องยกโทษยกยอดไปตามระเบียบ
ใครจะรู้ละหากไม่ยกโทษให้หล่อนผลลัพธ์ท้ายที่สุดคนที่เดือดร้อนอาจไม่ใช่เธอแต่เป็นเขาก็ได้
เพราะฉะนั้นเลี่ยงได้สมควรเลี่ยง
...‘ก็ได้วะจะได้ออกจากที่นี่สักที’
“...” ทราเวียร์ถอนหายใจ
ยอมยกโทษให้แต่โดยดี
“ถ้าทำอีก---”
“ไม่ทำแน่นอนค่ะ!”
“หนูจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสั่งสอนทุกอย่างค่ะ!”
ทราเวียร์ขมวดคิ้วจ้องมอง
“...” หลังจากมองตากันอยู่นานหลายต่อหลายวินาทีจนแน่ใจแล้วว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีก
เขาจึงยอมกลับมาพูดคุยกับหล่อนอีกครั้ง
“ฉันจะยอมเชื่อเธอละกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
“ห้ามมีครั้งต่อไปอึกเด็ดขาด”
“ไม่มีแน่อนค่ะ”
“งั้นกลับเข้าประเด็นเดิม”
“...เรื่องเมื่อวานใช่ไหมคะ?”
“ใช่ ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?” ทราเวียร์ลอบกำหมัดแน่นแสดงอารมณ์เดือดดาลออกมาเต็มพิกัด
มีเพียงประเด็นนี้ประเด็นเดียวเท่านั้นที่เขาอยากรู้มากถึงมากที่สุดไม่สิต้องบอกต้องรู้ให้ได้ต่างหากถึงจะเหมาะสม
เอรินิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“...”
“อยากฟังแค่ไหนคะ?”
“เอาตั้งแต่เริ่มต้น”
“ถ้าเริ่มตั้งแต่แรก” เอรินึกย้อนไปเหตุการณ์เมื่อคืน
“ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อคืนตอนที่พวกเราเจอหน้ากันโดยบังเอิญที่ร้านลุงยอมพี่ยังจำได้รึเปล่าคะ?”
“พอจำได้อยู่บ้าง” ทราเวียร์พอนึกออกอยู่นิดหน่อย
“ฉันมาคนเดียวส่วนเธอก็มาคนเดียวสุดท้ายไม่รู้ว่าไปคุยกันอีท่าไหนเธอกับฉันถึงมารวมโต๊ะกันได้” พอพูดมาถึงตอนนี้เขาก็เกิดรู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมาทันที
พร้อมถอนหายใจออกมาให้เห็น
“...ให้ตายสิ”
“เมื่อวานไม่น่าออกไปเลย”
“อยู่บ้านมันก็ดีอยู่แล้ว” เกิดเขารู้ว่าถ้าออกนอกบ้านแล้วผลลัพธ์มันจะเป็นแบบนี้จ้างให้ก็ไม่ออกมาหรอก
น่าเสียดายเรื่องที่เกิดไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้
สุดท้ายก็ต้องอยู่กับปัจจุบันละนะ
...‘ไม่น่าเลย’
“...”
“ถ้าจำได้ขนาดนั้น”
“งั้นก็ง่ายเลยค่ะ”
“...” ทราเวียร์จดจ้องมองใบหน้าหล่อนโดยเฉพาะกับแววตาเปล่งประกายอยากถ่ายทอดเรื่องราว
เขานิ่งเงียบไปครู่ก่อนอนุญาตให้หล่อนนำเสนอ
“...เล่ามา”
“หลังจากที่พวกเราดื่มเสร็จ”
“อาการของรุ่นพี่เข้าขั้นหนักมากถึงมากที่สุด”
“ถ้าจะถามว่าหนักประมาณไหนก็น่าจะประมาณงานเลี้ยงเมื่อปีก่อนค่ะ” ตัวอย่างมีให้เปรียบเทียบชัดเจนหล่อนหยิบยกมาเทียบให้เห็นเต็มสองตา
ทราเวียร์ขมวดคิ้วหนักนำมาเลย
“หนักขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หากถามว่างานเลี้ยงปีก่อนเขาเมาขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าเมาหนักมากเมาจนไม่มีใครกล้าเรียกเขาไปกินอีก
หนักระดับที่เขาลอบสาบานเอาไว้เลยว่าชาติจะไม่ไปร่วมวงกับพวกผีห่าโดนเหล้าแดกพวกนั้นอีก
น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมันช่างโหดร้าย
“หนักระดับเดียวกับเมื่อปีก่อน?”
“...ค่ะ” หล่อนเอาภาพบางส่วนมาให้เขาดู
“สภาพเมื่อวานเรียกว่าขอทานยังถือว่าให้เกียรติ ถ้าไม่ติดว่าพวกเรารู้จักกันมานานหนูคงปล่อยให้รุ่นพี่นอนกองกับพื้นไปทั้งแบบนั่นแหละค่ะ”
ทราเวียร์ยิ้มแห้ง
...‘สภาพยิ่งกว่าหมาป่วยอีก’
“...”
“...ว่าต่อไป”
“เพื่อไม่ให้เหตุการณ์มันชุลมุนวุ่นวายไปมากกว่านี้”
“หนูก็เลยเลือกตัดสินใจพารุ่นพี่กลับบ้าน”
“แน่นอนว่ากว่าจะพากลับมาได้นี่ก็ต้องเสียเหงื่อเสียแรงไปพอสมควร” หากว่ากันตามคำกล่าวของหล่อนมันมีส่วนแปลกประหลาดอยู่หนึ่งที่ทั้งยังเป็นจุดใหญ่โตด้วย
ทราเวียร์ถามสวนกลับไปไม่มีปล่อยผ่าน
“ทำไมไม่พาฉันกลับบ้านตัวเอง”
“ทำไมถึงเลือกพามาที่บ้านของเธอ”
“...” สองคำถามคืออุปสรรคใหญ่โตสำหรับเขาในตอนนี้แต่สำหรับหล่อนมันช่างเป็นอะไรที่ง่ายดายเหลือเกิน
เอริยิ้มหัวเราะสนุกสนาน
“เหตุผลเหรอคะ?”
“หนูว่ารุ่นพี่น่าจะรู้อยู่แก่ใจละมั้ง”
“ว่าทำไมหนูถึงเลือกที่นี่ไม่เลือกไปส่งพี่ไปที่บ้านแทน” กล่าวจบรอยยิ้มปรกติธรรมดาแปรเปลี่ยนไปในทันที
ทั้งยังเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามอีก
“...” ตอนแรกก็มึนงง
แต่พอนึกออกเท่านั้นแหละ
“เวรกรรม” ทราเวียร์ตบกระบาลตัวเองอย่างแรง
เขาเข้าใจแล้วว่าอะไรคือเหตุผลหลักที่หล่อนพาเขามาที่นี่แทนห้องเท่ารูหนูของตน
สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันตาเห็น
...‘เอาละไง?!’
“...”
“เหมือนจะรู้แล้วนะคะ”
“เหตุผลที่หนูเลือกพารุ่นพี่มาที่บ้าน”
“...อือ”
“งั้นหากรุ่นพี่กลับบ้านไปสภาพแบบนั้น”
“มันจะเกิดอะไรขึ้นคะ?”
“...” หนาวสั่นสะท้านไปทุกสัดส่วนร่างกายจินตนาการออกเป็นฉากเป็นตอนได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เพียงแค่คิดก็จิตตกแล้ว
...‘ให้ตายสิ’
“...”
“นัอยสุดก็ดุด่า”
“...”
“มากสุดก็ทุบตี”
“...”
“แทนที่จะมาคาดคั้นเหตุผลจากหนู”
“ไม่ใช่ว่าควรขอบคุณกันก่อนเหรอคะ?” ยิ่งมายิ่งหนักหน่วงเอริเดินหน้าเกมรุกหวังเล่นงานทราเวียร์โดยตรง
เล่นงานจนเขาแทบทำอะไรไม่ถูก
“...”
“อยากให้ฉันขอบคุณ?”
“ขอบคุณอะไร?”
“...” เอริยื่นหน้าเข้าไปใกล้
กดดันต่อเนื่องไม่คิดเปล่อยผ่าน
“ขอบคุณที่ไม่ส่งพี่ไปหายมบาลเหี่ยวแห้งแต่เลือกพามาสรวงสวรรค์แสนสวยแบบหนูแทนไงค่ะ” ถึงกับหมดคำพูดกล่าวอะไรเพิ่มเติมไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ทราเวียร์ขมวดคิ้วแน่น
“...” รู้สึกเจ็บหน้าอกไปหมด
“ว่าไงคะ?”
“เริ่มรู้สึกอยากขอบคุณกันบ้างรึยัง?”
“แต่ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไร” กล่าวจบหล่อนเบี่ยงหน้าหลบไม่คิดเหลือบมองอีกเป็นครั้งที่สอง
อาการงอนกลับมาเต็มที่
...‘ยัยนี่’
“...” ทราเวียร์ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
ต่อให้ไม่อยากขอบคุณแต่การกระทำของหล่อนถือว่าช่วยต่อลมหายใจให้เขาได้ไม่มากก็น้อย
เจ้าตัวกัดปากแน่นกล่าวออกไป
“...ขอบคุณ” คำขอบคุณช่างหยาบกร้านเหลือเกิน
————————————————————————
† “ขอ comment เพิ่มไฟให้ไรท์ให้หน่อยน่าาา” †
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!