ตรอกซอกซอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตามปกติแล้วเป็นสถานที่ไร้ซึ่งผู้คน แต่ในเวลานี้กลับกลายเป็นสนามรบ โดยมีผู้ชายร่างกำยำจำนวนห้าคน ในมือถือปืนพก CZ75 กำลังวิ่งไล่ยิงชายคนหนึ่งอยู่
“เฮ้ย! มันหายไปไหนแล้ว”
“น่าจะยังอยู่แถวนี้ โดนยิงแบบนั้นคงหนีไปได้ไม่ไกล”
เนื่องจากปัญหาทางธุรกิจ วายุที่กำลังถูกตามล่าเขารู้ตัวดีว่าวันหนึ่งอาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาเล่นงานทีเผลอแบบนี้
ก่อนหน้านี้ในขณะที่วายุกำลังเดินทางไปทำงานอย่างทุกวัน อยู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งพุ่งตรงมาตัดหน้ารถเขา ทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง เพียงแค่เขาเปิดประตูลงมาจากรถเพื่อดูเหตุการณ์ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับชักปืนออกมายิงใส่เขาทันที
โชคดีที่วายุมีทักษะการเอาตัวรอดอยู่ ทำให้กระสุนเฉี่ยวไปที่แขนของเขาเพียงนิดเดียว แต่เพราะมันฉุกละหุกเกินไป ทำให้เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือกับปืนในช่องเก็บของหน้าคอนโซลรถไม่ทัน เหตุการณ์นี้เขาเลยเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาก จึงทำได้เพียงแค่หนีอีกฝ่ายเท่านั้น
เพราะทำได้แค่หนีก็เลยถูกคนกลุ่มนั้นยิงเฉี่ยวเข้าที่บริเวณแขนและหน้าท้องอีกครั้ง ทำให้วายุที่เสียเลือดมากเกินไปจนตอนนี้เริ่มจะไม่มีแรงที่จะวิ่งหนีต่อไปแล้ว
นี่เขาจะต้องมาตายในที่แบบนี้โดยที่ไม่มีใครรู้จริงๆ เหรอ…
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งกำลังเดินไปโรงเรียนอย่างทุกที ถึงแม้ว่าที่บ้านของยี่หวาจะใหญ่มาก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์เลยด้วยซ้ำ แถมเธอยังเป็นลูกสาวของเจ้าของบ้านอีก
แต่เพราะยี่หวามักจะถูกทุกคนในบ้านตราหน้าว่า ‘เธอเป็นลูกชู้’ ทำให้คนในบ้านต่างก็มองเธอเป็นแค่คนใช้ ทั้งที่เธอกับน้องสาวอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ที่บ้านกลับให้เธอเดินไปเรียนเอง ส่วนน้องสาวเธอมีคนขับรถไปส่ง
ซึ่งเธอก็ชินแล้ว…
“โอ๊ย! ขอโทษค่ะ” ยี่หวารีบขอโทษผู้ชายคนหนึ่งที่วิ่งมาชนจนเธอล้ม พอเธอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเลือดบริเวณท้องกับแขนของเขาก็ร้องออกมาเบาๆ เหมือนกับว่าอยู่ๆ เสียงของเธอก็ขาดหายไป “อ๊ะ…เลือด…”
แถมสีหน้าของผู้ชายคนนี้ก็เริ่มซีดลงเรื่อยๆ ตามใบหน้ามีเหงื่อผุดออกมาเยอะมาก บวกกับท่าทางลุกลี้ลุกลนและหวาดกลัว สายตาพยายามเหลือบมองด้านหลังเป็นพักๆ ทำให้ยี่หวารับรู้โดยสัญชาตญาณ ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้ต้องกำลังถูกคนตามทำร้ายอยู่แน่ๆ จึงรีบลุกขึ้น และเอื้อมมือไปคว้ามือของชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยเบาๆ ว่า “พี่ตามหนูมาแล้วจะปลอดภัย”
วายุไม่มีแรงที่จะพูดอะไรแล้ว ได้แต่ยอมให้หญิงสาวจูงมือเขาเดินตามเธอไป ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเธอจะพาเขาไปที่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ยอมเชื่อเด็กผู้หญิงตรงหน้านี้ด้วย
ส่วนหญิงสาวจากที่ตอนแรกเดินจูงมือให้ชายหนุ่มเดินตาม แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องประคองชายหนุ่มที่ตัวใหญ่กว่าเธอมากแทน
“ให้หนูโทรเรียกตำรวจหรือรถพยาบาลไหม” ยี่หวาถามขึ้นเพราะเธอเห็นว่าอาการของผู้ชายคนนี้ใกล้จะไม่ไหวแล้ว
“ไม่” วายุตอบด้วยเสียงอ่อนแรง แต่แฝงไปด้วยความดุดัน
ถึงแม้ยี่หวาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เธอก็พยักหน้าทีหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “งั้นพี่อดทนหน่อยนะ ใกล้ถึงแล้ว ทางเดินอาจจะลำบากหน่อย”
หญิงสาวหวังแค่ว่าเขาจะไม่หมดสติไปเสียก่อน เพราะถ้าเขาหมดสติไปจริงๆ เธอไม่สามารถแบกเขาได้หรอก อีกอย่างก็ไม่มีใครที่เธอจะสามารถเรียกให้มาช่วยได้ ไม่กี่นาทีต่อมายี่หวาก็สามารถประคองชายหนุ่มมาถึงฐานลับของเธอได้ เธอรีบให้เขานอนบนเตียงที่ค่อนข้างแข็งก่อนจะหยิบกล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นออกมาเพื่อดูอาการ
“หนูขอถอดเสื้อพี่นะ จะดูแผลให้”
ถึงแม้ว่าเสื้อตรงบริเวณแผลของเขาจะขาดอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะฉีกเสื้อของผู้ชายคนนี้ และเขาก็ดันใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวแถมยังเอาเสื้อใส่ไว้ในกางเกงอีก ทำให้เธอดูแผลของเขาไม่ถนัด
วายุไม่ตอบอะไร แต่ในสายตาของเขาบ่งบอกว่าอนุญาต ยี่หวาเลยเอื้อมมือไปดึงปลายเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกง แล้วค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของเขาอย่างเบามือ จากนั้นพยุงให้เขาลุกขึ้นนั่งเพื่อให้เขาถอดเสื้อออกมา
เมื่อถอดเสื้อเสร็จยี่หวาก็ค่อยๆ พยุงให้ชายหนุ่มนอนเหมือนเดิมก่อนจะเริ่มทำการดูแผลอีกครั้ง โชคดีที่แผลของผู้ชายคนนี้ไม่มีลูกกระสุนฝังไว้ เลยไม่ต้องโทรเรียกรถพยาบาลก็ได้ เพราะถ้ามีลูกกระสุนอยู่จริงๆ เธอคงไม่กล้าทำแผลให้เขาต่อ และอาจจะต้องฝืนความต้องการของเขาโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับไปแล้ว
วายุมองหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังตั้งใจทำแผลให้เขาอยู่ด้วยสายตาที่พร่ามัวได้สักพัก จากนั้นเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย…
ดีที่ผู้ชายคนนี้แค่โดนกระสุนเฉี่ยวแผลเลยไม่ลึกมาก แต่เพราะเลือดออกเยอะเกินไปเลยทำให้หมดสติ คงต้องให้เขานอนพักที่นี่ไปก่อน เพราะเธอเองก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครให้มารับเขากลับไปได้ในตอนนี้
ส่วนวันนี้เธอคงต้องขาดเรียนสักวันแล้ว…
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงในที่สุดวายุก็ค่อยๆ รู้สึกตัว ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในที่แปลกตา เขารีบลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปยังรอบๆ ห้องที่ค่อนข้างเก่าและทรุดโทรม แถมยังเล็กและมืดมาก มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากตะเกียงเทียนที่ทำให้เห็นว่าภายในห้องมีแค่เตียงเก่าๆ ที่เขานอนอยู่ แล้วก็โต๊ะกับเก้าอี้อย่างละหนึ่งตัวที่ตอนนี้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกอดอกสัปหงกอยู่ข้างเตียง จากนั้นเขาก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เขาโดนคนไล่ยิง จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาไว้…
แปลว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนช่วยเขาไว้สินะ ตอนนั้นเขากำลังคิดอะไรอยู่ทำไมถึงยอมให้เด็กมัธยมต้นคนนี้ช่วยเหลือได้ ถ้าใครรู้ว่านักธุรกิจพันล้านอย่างเขา ถูกเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนมัธยมต้นตัวเล็กๆ ช่วยเหลือจากการถูกไล่ยิงคงได้อับอายไปถึงชาติหน้าแน่
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแค่เด็กมัธยม แต่การทำแผลของเธอกลับละเอียดดูเรียบร้อยมากเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาวิ่งหนีจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกเหนียวตัว แสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงจะเช็ดตัวให้เขาด้วยสินะ
ในขณะเดียวกันนั้นยี่หวาก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ ไม่คิดว่านั่งอยู่ดีๆ จะเผลอหลับไปซะได้ แต่ก็ต้องตกใจกว่าเดิมเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจ้องเขม็งมาทางเธออยู่
พอเธอได้สติกลับมาก็รีบเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พี่ตื่นแล้วเหรอคะ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง เจ็บแผลอยู่ไหม”
“ไม่แล้ว เธอทำแผลดีมาก” วายุพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพราะไม่อยากทำให้หญิงสาวตรงหน้าเขากลัว
พอยี่หวาได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาจนตาหยี เพราะตั้งแต่เกิดมานอกจากแม่นมแล้วเธอยังไม่เคยถูกใครชมมาก่อน จึงรีบตอบกลับชายหนุ่มตรงหน้าด้วยเสียงอ่อนหวานและแฝงไปด้วยความดีใจ “หนูทำแผลให้ตัวเองบ่อยๆ ก็เลยชินแล้วค่ะ”
“เธอเป็นแผลบ่อยเหรอ”
ยี่หวานิ่งไปสักพัก ก่อนจะตอบออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่น้ำเสียงสั่นเครือว่า “หนูเป็นคนซุ่มซ่ามค่ะ”
เธอจะบอกอีกฝ่ายได้ยังไง ว่าเธอมักจะโดนคนที่บ้านตบตีอยู่บ่อยๆ ก็เลยได้แผลมาเป็นประจำ ความเลวร้ายของคนในบ้านให้เธอรู้แค่คนเดียวก็พอแล้ว เพราะขนาดคนในบ้านนั้นเวลาที่ไม่ได้อยู่กับเธอสองคน ต่างก็แสดงละครแสร้งทำตัวเป็นคนดีตลอด
วายุดูออกว่าหญิงสาวตรงหน้าโกหก แต่เขาก็ไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายต้องกดดัน เลยทำได้เพียงแค่ปล่อยผ่านไปไม่ถามอะไรต่อ ได้แต่เปลี่ยนเรื่องแทน
“เธอพักที่นี่เหรอ”
“บางทีก็พักที่นี่ค่ะ”
“บางที?” วายุทวนคำพูดของหญิงสาว เพราะไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่เธอพูดเท่าไหร่
“ใช่ค่ะ ถึงแม้ว่าที่นี่จะดูเก่าและโทรมมาก แถมยังไม่มีอะไรเลยแม้แต่ไฟฟ้า แต่มันก็เป็นที่ที่หนูอยู่แล้วรู้สึกปลอดภัยสุดๆ เปรียบเสมือนฐานลับของหนูเลยค่ะ”
“แล้วปกติเธออยู่ที่ไหน”
ไม่รู้ว่าทำเขาถึงได้สนใจเรื่องของเธอ เด็กผู้หญิงคนนี้ถึงแม้ว่าลักษณะท่าทางจะดูเป็นหญิงสาวที่มีความสดใสร่าเริงสมวัย แต่ในสายตาของเธอเขากลับเห็นว่ามันแฝงไปด้วยความโศกเศร้า เจ็บปวด และทรมาน
ทำไมเขาถึงได้เห็นเป็นแบบนั้น…
“หนูอยู่บ้านที่ห่างจากที่นี่ไม่กี่กิโลค่ะ จะว่าไปพี่ใส่เสื้อก่อนไหม พอดีว่าเสื้อของพี่มันขาดหนูก็เลยไปซื้อเสื้อยืดสีขาวให้ พี่ใส่ได้ไหม”
“ได้ ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแค่นี้เอง” ยี่หวาว่าจบก็หันไปเทข้าวต้มบนโต๊ะออกจากถุงใส่ลงในถ้วยพลาสติกก่อนจะยื่นให้ชายหนุ่ม “แล้วนี่ก็ข้าวต้มถึงมันจะเย็นไปหน่อยเพราะหนูซื้อไว้ตั้งนานแล้ว แต่พี่ก็กินรองท้องสักหน่อยนะ คำสองคำก็ยังดีค่ะจะได้กินยา ส่วนโทรศัพท์ของหนูอยู่ตรงข้างหมอน เผื่อพี่ต้องการใช้”
“แสดงว่าวันนี้เธอไม่ได้ไปเรียนใช่ไหม” วายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
แต่ยี่หวาก็ตอบกลับมาด้วยเสียงผ่อนคลายพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรค่ะ หนูเพิ่งขาดเรียนครั้งแรก ไม่ต้องใส่ใจค่ะ”
“ขอโทษที่ทำให้เธอลำบาก” ถึงยังไงวายุก็รู้สึกผิดอยู่ดี
“ไม่ลำบากเลยค่ะ อีกอย่างชีวิตคนสำคัญกว่า ถ้าจะให้หนูไปเรียนโดยทิ้งพี่ไว้ตรงนั้น หนูทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“ว่าแต่เธอไม่กลัวเหรอ ทั้งที่รู้ว่าฉันกำลังถูกคนตามฆ่าอยู่”
ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะเป็นแค่เด็กมัธยมต้น แต่กลับมีความกล้าหาญมาก เพราะตามปกติคนเราถ้าเจอคนที่กำลังถูกตามฆ่า แถมยังไม่ใช่คนรู้จัก ต่างก็ต้องหนีเอาตัวรอดก่อนทั้งนั้น แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเลือกที่จะช่วยเขา ยอมเสี่ยงอันตรายเป็นเพื่อนเขา
“ก็กลัวค่ะ แต่หนูก็ไม่สามารถทิ้งพี่ที่มีเลือดเต็มตัวขนาดนั้นได้อยู่ดี”
เมื่อเห็นแววตาของหญิงสาวตรงหน้าที่แสดงออกถึงความจริงใจ วายุก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจที่จะช่วยเขาจริงๆ ในใจของเขาก็รู้สึกสั่นไหวขึ้นมาทันที…
“ว่าแต่เธอชื่ออะไร” วายุถามขึ้นหลังจากที่เขารู้สึกว่าตัวเองต้องการรู้จักผู้หญิงคนนี้ให้มากกว่านี้
“หนูชื่อยี่หวาค่ะ แล้วพี่ล่ะคะชื่ออะไร”
“ฉันวายุ”
“งั้นหนูขอเรียกว่าพี่วายุได้ไหม” ยี่หวาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้คุยกับคนแปลกหน้าอย่างจริงจัง
“ตามสบายเลย” ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ จะเรียกเขาว่าอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น เพราะเธอเป็นถึงผู้มีพระคุณของเขา อีกอย่างอายุเธอกับเขาน่าจะห่างกันเกือบสิบปี เธอไม่เรียกเขาว่าลุงก็ดีขนาดไหนแล้ว
“ถ้าเกิดว่าพี่วายุรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว รีบโทรบอกให้คนที่บ้านมารับเถอะนะคะ” ยี่หวาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ก็รีบพูดขึ้นด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนอีกครั้ง “เอ่อ...หนูไม่ได้ตั้งใจที่จะไล่พี่นะ แต่ตอนนี้ดึกมากแล้วจริงๆ”
วายุขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “ตอนนี้กี่โมง”
“สองทุ่มกว่าแล้วค่ะ”
“หืม?”
คงเป็นเพราะห้องนี้เป็นห้องปิดตายไม่มีแม้แต่แสงไฟใดๆ ทำให้ชายหนุ่มคิดไม่ถึงว่าเวลาตอนนี้จะดึกมากแล้วอย่างที่เธอบอกจริงๆ เขาเลยรีบหยิบโทรศัพท์เธอแล้วกดเบอร์โทรหาน้องชายทันที
“ฉันเอง หาสัญญาณจากเครื่องนี้” วายุเขาพูดจบก็กดวางสายทันที โดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดตอบกลับอะไรเลย จากนั้นก็หันมาคุยกับหญิงสาวต่อ “ป่านนี้ที่บ้านเธอจะไม่เป็นห่วงแย่เหรอ”
ยี่หวาพึมพำออกมาเบาๆ “ถ้าพวกเขาเป็นห่วงจริงๆ ก็ดีสิ” แต่พอเห็นว่าชายหนุ่มทำหน้าสงสัย ก็เลยไอกลบเกลื่อนสองทีก่อนจะพูดเสียงดังว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ถ้าพี่กลับไปก็อย่าลืมไปหาหมออีกทีนะคะ เพราะบางทีอาจจะมีเชื้อโรคหลงเหลืออยู่ก็ได้”
“โอเค เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้าน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูเดินกลับเองได้ บ้านหนูห่างจากที่นี่นิดเดียวจริงๆ ค่ะ” เพราะถ้าคนที่บ้านเห็นว่ามีคนมาส่งเธอที่หน้าบ้าน มีหวังเธอได้โดนไล่ออกจากบ้านอีกแน่เลย ยิ่งวันนี้เธอไม่ได้ไปโรงเรียนด้วย ไม่รู้ว่าน้องสาวจะฟ้องคนที่บ้านแล้วหรือเปล่า
“แต่มันดึกแล้ว เป็นผู้หญิงเดินคนเดียวตอนกลางคืนอันตราย”
เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเป็นห่วงเธอนอกจากแม่นม…
“หนูเดินบ่อย พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ งั้นเราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่าค่ะ ป่านนี้คนที่บ้านพี่คงมาถึงแถวนี้แล้ว เพราะห้องนี้อยู่ชั้นใต้ดินก็เลยอาจจะหาสัญญาณได้ไม่ละเอียดนัก”
“อืม” ชายหนุ่มได้แต่ตอบรับคำของหญิงสาวไปก่อน ถึงเวลาค่อยพูดอีกทีแล้วกัน เพราะดูแล้วผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นพวกถ้าตัดสินใจอะไรแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงได้
ยี่หวาดับเทียนที่ตะเกียงทำให้ห้องนี้มืดสนิท จากนั้นก็เปิดไฟฉายในโทรศัพท์มือถือแล้วเดินนำชายหนุ่มออกไป
“ระวังนะคะ ทางเดินค่อนข้างลำบาก”
วายุไม่ตอบอะไร ได้แต่เดินตามหญิงสาวไปอย่างเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าห้องนี้จะอยู่ชั้นใต้ดินจริงๆ เพราะพอผลักประตูออกไปก็เจอกับบันไดขึ้นข้างบน แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตกใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คงจะเป็นบ้านร้างหลังนี้…
จริงดิ?
ก่อนหน้านี้เขากำลังนอนอยู่ชั้นใต้ดินของบ้านร้างหลังนี้จริงๆ เหรอ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตามหาเขาไม่เจอ เพราะถ้าเป็นคนปกติคงไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้แน่
รอบตัวบ้านมีแต่ใบไม้แห้งๆ เต็มพื้นไปหมด ประตูรั้วเหล็กที่ผุพังเพราะสนิมทั่วแทบทั้งบ้าน หน้าต่างส่วนใหญ่แตกละเอียด มีแต่ความมืดเข้าปกคลุม ไม่มีแม้แต่แสงไฟใดๆ ในซอยบ้านหลังนี้
อย่างกับว่าที่นี่คือบ้านผีสิง…
ผู้หญิงคนนี้กล้าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันจะเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเธอจริงๆ เหรอ เรื่องที่เธอเจอมันต้องเลวร้ายขนาดไหน ถึงได้มองว่าที่นี่ปลอดภัย
“เธอไม่กลัวเหรอ”
ยี่หวารู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มตรงหน้าหมายความว่ายังไง จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “คนเราน่ากลัวกว่าเยอะค่ะ”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!