ณ บริษัทสร้างอนิเมะแห่งหนึ่งในประเทศไทย
ปึ้ง!!!
เอกสารหลายปึกถูกโยนลงมาที่กลางโต๊ะของพนักงานรายหนึ่งในแผนก สร้างความแตกตื่นให้ทั้งพนักงานผู้ที่เป็นเจ้าของโต๊ะและพนักงานรายอื่นๆ ที่กำลังทำงานอยู่บริเวณโดยรอบ ราวกับว่ามีการโยนลูกระเบิดลงมาที่กลางโต๊ะยังไงยังงั้น ด้วยเพราะว่าครั้งนี้ผู้ที่กระทำโยนเอกสารลงมาคือผู้จัดการฝ่ายจอมเฮี้ยบนั้นเอง ถ้าหากใครถึงกับทำให้เธอต้องเดินลงมาที่โต๊ะทำงานรวมทั้งยังโยนเอกสารลงที่กลางโต๊ะทำงานเช่นนี้ คงคาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าพนักงานรายนี้คงใกล้หมดวาสนากับบริษัทแห่งนี้แล้ว
“ยัยกาญจน์! ฉันสั่งเธอไว้ว่าไง จำที่ฉันเคยบอกเธอได้บ้างไหม! อยู่กับฉันมาตั้งเจ็ดแปดปี มันไม่ได้ซึมซับเข้าไปในเซลล์สมองของเธอเลยหรือยังไง ถึงได้เขียนนิยายคร่ำครึมาส่งฉันแบบนี้ นี่มันบริษัทสร้างอนิเมะที่มีเป้าหมายหลักคือกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยทำงานและก็กลุ่มวัยเด็กไม่ใช่กลุ่มวัยผู้สูงอายุอย่างที่นิยายเธอเขียนมา ไหนเธอลองอธิบายมาสิว่าทำไมถึงเขียนนิยายแบบนี้มาส่งฉัน”
“....” จะให้ฉันอธิบายอะไร ในเมื่อด่าฉันยับขนาดนี้ อธิบายอะไรไปก็คงจะมีแต่จะแย่กว่าเดิมเสียมากกว่า ตอนนี้ฉันคงทำได้แค่เงียบสงบสยบทุกความเคลื่อนไหวของเจ๊แล้วล่ะ
“ดี! จะเงียบเช่นนี้ใช่ไหม!! ได้!!! อย่าคิดว่าทำงานกับฉันมานานแล้วฉันจะไม่กล้าไล่เธอออกนะ หากภายในหนึ่งเดือนนี้ ยังเขียนนิยายห่วยๆ มาส่งฉันอีกก็เตรียมเก็บข้าวของออกจากบริษัทนี้ได้เลย อ่อ! ถ้าจะให้ดีฉันขอเป็นแนวจีนโบราณแฟนตาซีนะ เพราะปีนี้ฉันจะลองทำอนิเมะแนวจีนโบราณลงตลาดดูบ้าง หวังว่าเธอจะทำได้ตามที่ฉันขอนะ”
“ค่ะผู้จัดการ” หึ! คำขอที่เหมือนคำสั่งเนี่ยนะ จะให้ฉันตอบอะไรได้นอกจากคำนี้ล่ะถ้าจะพูดขนาดนี้ แม้ในใจของฉันตอนนี้จะมีเป็นหมื่นล้านคำที่อยากจะพ่นออกไป แต่ก็ต้องกล้ำกลืนคำเหล่านั้นลงคอเอาไว้ให้ลึกที่สุดเช่นกัน
“อย่าดีแต่ค่ะ เธอต้องทำให้ได้ด้วย!”
ผู้จัดการฝ่ายจอมเฮี้ยบทิ้งประโยคสุดท้ายกับลูกน้องก่อนจะสะบัดบ๊อบออกไปจากตรงนั้น เพียงไม่นานหลังจากผู้จัดการฝ่ายจากไป พนักงานอื่นๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ต่างก็พากันเปิดประเด็นซุบซิบนินทาพนักงานรายนี้ต่อทันที
เฮ้อ.....ฉันได้แค่ถอนหายใจหลังจากที่ยัยเจ๊ฝอยทองจอมเฮี้ยบหันหลังจากไป โอ้ย! กดดันชะมัด รอบนี้ฉันตายแน่ๆ สั่งงานหินงานช้างขนาดนี้ ไม่รู้ว่านึกครึ้มอะไรขึ้นมา อยากจะสร้างอนิเมะแนวจีนโบราณทั้งยังแฟนตาซีอีก คงลืมไปรึเปล่าว่าที่นี่ประเทศไทยค่ะเจ๊ ถึงเจ๊จะมีเชื้อสายจีนแต่จะให้นักเขียนไทยมาเขียนแนวนี้มันจะรอดไหม ฉันไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศจีนเลยสักนิด จะมีแต่ก็แค่แอบส่องหนุ่มๆ พระเอกจีนที่หล่อล่ำงานดีมีซิกแพคแน่นๆ กับฉากฟินๆ เด็ดดวงชวนน้ำลายไหลก็เท่านั้นเอง จะว่าติ่งไหมก็ไม่เชิงเพราะฉันไม่ได้ตามติดชีวิตพวกเขาขนาดนั้น แค่พอส่องๆ ดูพวกเขาให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจก็เท่านั้นเอง แล้วแบบนี้ฉันจะเอามันสมองอันน้อยนิดมาแต่งนิยายแนวนี้รอดได้ยังไง ถ้าให้เขียนบรรยายลักษณะหนุ่มๆ พระเอกจีนอันนี้ยังพอสู้ไหว ยิ่งคิดฉันล่ะยิ่งเบื่อยัยเจ๊จริงๆ ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเคยถามถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหมที่ต้องมาแต่งนิยายตามใจหล่อนแบบนี้ ชิ! อย่าให้ฉันมีทางเลือกที่ดีกว่านี้นะ
อุ้ย! ฉันลืมแนะนำตัว ฉันชื่อกาญจน์ พรผสาน อายุ28 ปี ฉันมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายในบริษัทอนิเมะแห่งหนึ่ง ชีวิตฉันก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเขียนตามใจผู้สั่งไปวันๆ เท่านั้น ส่วนเรื่องแฟนอย่าถามถึงเลย โสดสนิทจนสนิมขึ้นจิ๊มิ๊แล้ว ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันยังโสดถึงทุกวันนี้ แค่ผิวคล้ำๆ หน้ามันๆ มีสิวแย่งกันขึ้นหน้าบ้าง ส่วนสูงก็ร้อยห้าสิบกว่าๆ ส่วนน้ำหนักก็เพียงหกสิบต้นๆ เอง ทำไมพวกผู้ชายไม่กล้ามาจีบฉันดูบ้างไม่รู้หรือไงว่าฉันเหงาแค่ไหน
กลับมาที่ปัจจุบันตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกงานพอดี ก็คงไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรแล้วละ ไฟลนก้นขนาดนี้ก็มีแต่จะตรงดิ่งไปร้านจำหน่ายหนังสือสิจ๊ะ ไปถึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้เสียเวลาทำมาหากิน เห็นนิยายเล่มไหนแนวจีนก็ฟาดให้เรียบอย่าให้เหลือ มารู้ตัวอีกทีเงินในกระเป๋าสตางค์ก็เหลือแบงค์ร้อยอยู่แค่สองใบเสียแล้ว
หลังจากนั้นฉันก็เริ่มต้นอ่านหนังสือนิยายมาเรื่อยๆ จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งสัปดาห์ ชีวิตฉันวนเวียนอยู่แบบนี้จนกระทั่ง ฉันได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่ง
ภายในห้องนอน
ฉันได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่งก็เกิดความไม่เข้าใจในเนื้อเรื่องที่อ่าน ว่าทำไมพล็อตเรื่องถึงป่วยแบบนี้! ป่วยเสียจนฉันนี่อยากจะสาปส่งทั้งคนแต่ง ทั้งพระเอกของเรื่องให้ตกนรกปอยเปต หมื่นแสนล้านภพ หมื่นแสนล้านชาติชั่วนิจนิรันดร์เสียจริง!
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวรักจีนโบราณมีพลังปราณ พลังธาตุ มีสัตว์อสูรและมารเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าผู้อ่านไม่คิดอะไรมากก็ถือว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่อ่านสนุกมากเลยทีเดียวแต่มันไม่ใช่สำหรับฉันไงล่ะ มีอย่างที่ไหนให้จุดเริ่มต้นของการเป็นนางร้ายของเรื่องมาจากผลการกระทำของผู้อื่นที่เข้ามาสิงสู่ร่างของนางแทนไม่ใช่ตัวตนของนางเลยด้วยซ้ำ
เรื่องมันเกิดขึ้นในช่วงตอนที่ทั้งนางและพระเอกโดนวางยาปลุกกำหนัดจนได้มีซัมติงกัน แต่ที่พีคขึ้นไปอีกคือพระเอกกลับไม่คิดรับผิดชอบนางแต่อย่างใดแบบฉีกกฏพระเอกแสนดีไปแล้วหนึ่ง แต่ยังไม่พอ!นอกจากพระเอกจะไม่คิดรับผิดชอบนางแล้ว ก็ยังอยากจะเซฟตนเองเพื่อไม่ให้นางกลับมาเรียกร้องเขาในภายหลัง เลยจับนางกรอกยาห้ามครรภ์ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นยาพิษจนนางกระอักเลือดจนสิ้นใจตายสุดท้ายก็กลายเป็นนางมารสวีเยว่เข้ามาสิงสู่ร่างของนางจนกลายเป็นนางร้ายสมใจนักเขียนนั่นเอง คือฉากตอนนี้พระเอกแทบไม่ใช่พระเอกแล้วอ่ะ ต่อให้อนาคตนางจะกลายเป็นนางร้ายจริงๆ ก็เถอะ
กริ้งงงงง!! กริ้งงงงง!!!
“ใครมาหาว่ะ กดเรียกอยู่ได้” ฉันสบถคำแล้วเดินไปหน้าประตูห้องแล้วส่องผ่านตาแมวหน้าประตูเพื่อมองว่าเป็นใคร แต่กลับมองไม่เห็นใครยืนอยู่เลย ฉันเลยยืนรอดูอีกสักพักก่อนจะหันหลังกลับด้วยความหงุดหงิดที่คิดว่าน่าจะเป็นเด็กมากดกริ่งเล่นเป็นแน่
กริ้งงงงงงงง!!!
“รอบนี้กดยาวเลยนะ ขอดูหนังหน้าหน่อยเถอะใครมากวนทีนฉันมืดค่ำขนาดนี้” ฉันบ่นแล้วรีบเปิดประตูทันที ด้วยเพราะกลัวรบกวนห้องชาวบ้าน และด้วยเสียงกริ่งที่ดังไม่หยุดจึงไม่ได้ส่งตาแมวดูอีกครั้ง
แกร็ก แกร็ก
ฟิ้ว!!! ฉึ้บ!!!!
พรึบ!!!
เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมากฉันหงายหลังล้มลงตรงหน้าห้องทันที มันทั้งเจ็บ ทั้งจุก ทั้งตกใจและกลัวปนเปไปหมด อยู่ๆ ฉันก็ถูกชายชุดดำร่างใหญ่ปกปิดใบหน้าด้วยไอ้โม่งสีดำใช้ปืนเก็บเสียงยิงฉันร่วงไปกองกับพื้นทันที ตอนนี้คงได้แต่ภาวนาให้มีคนมาช่วยฉันได้ทันเพราะฉันยังไม่อยากตายตอนนี้ ฉันยังไม่ได้ร่ำลาพ่อแม่ฉันเลย
เวลาผ่านล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไรแล้วไม่รู้ จนตอนนี้โจรร้ายได้ออกไปจากห้องของฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เห็นมีใครเขามาช่วยฉันสักคน ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนร่างกายค่อยๆ หนาวเย็นจนชาไปทั้งตัว มือที่เคยยกมาปิดตรงบาดแผลที่หน้าอกเริ่มอ่อนแรงจนร่วงตกลงพื้น ลมหายใจค่อยๆ เหือดแห้ง ยิ่งพยายามหายใจเลือดก็ยิ่งไหลออกมา จนสุดท้ายสติของฉันก็ดับวูบจนตัดภาพที่ห้องฉันไป
…
..
.
พรึบ!!!
ฉันรู้สึกตัวเองอีกทีก็มายืนอยู่ตรงนี้เสียแล้ว เห็นลานสนามหญ้าขนาดใหญ่ จัดอย่างกับสวนสาธารณะดูร่มรื่นชื่นใจถัดไปมีหน้าคฤหาสน์หรูหลังใหญ่อย่างกับราชวังแห่งหนึ่ง แล้วฉันก็เห็นคนสวมใส่ชุดจีนโบราณที่เหมือนนางกำนัลในซีรี่ย์จีนที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ฉันเริ่มเดินดูความสวยงามของคฤหาสน์หรูหลังนี้ไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียง ดังออกมาจากภายในห้องๆ หนึ่ง ด้วยความอยากเผือกเรื่องชาวบ้านก็ต้องเข้าไปดูสิค่ะ
ภายในห้องบรรทมของจวิ้นอ๋อง
จวิ้นอ๋องหรือเสวียนลู่เหวินหลังจากรู้สึกตัวจากฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดก็รีบผละตัวออกจากเฟิ่งเหม่ยหลินทันที เขาลุกขึ้นออกมาจากแท่นบรรทมด้วยความมึนงง ก่อนจะตั้งสติย้อนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพียงชั่วครู่เขาก็สาวเท้าเดินสำรวจทั่วห้อง จนพบเศษผงธูปราคะตกอยู่ในกระถางกำมะยานข้างๆ มุมห้องบรรทม สีหน้าของเขาเริ่มเขียวคล้ำก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปตรวจชุดถ้วยชาจีนที่วางอยู่บนโต๊ะรับน้ำชา แล้วพบว่าในกาน้ำชาก็มียาปลุกกำหนัดปะปนอยู่ ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่านี่คงเป็นแผนของนางเป็นแน่
เพล้ง!!
เสียงของชุดถ้วยชาจีนโบราณถูกกวาดลงมากองที่พื้นจนกระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง จนทำให้เฟิ่งเหม่ยหลินรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากนอนสลบไสลที่แท่นบรรทมด้วยความอ่อนแรง ขณะเดียวกันกับองครักษ์ทั้งสองที่นอนกองอยู่ที่พื้นหน้าประตูห้องด้านนอกเพราะฤทธิ์ยาสลบก็เริ่มมีสติขึ้นมาแล้วเช่นกัน
เชรดดด! เฉียดจมูกฉันไปนิดเดียวเอง เกือบไม่มีจมูกไว้ให้หายใจแล้วไหมล่ะ เพราะความอยากเผือกของฉันแท้ๆ เอ๊ะ! ห้องนอนนี้ทำไมตกแต่งด้วยเครื่องจีนโบราณเต็มไปหมดเลยล่ะ แล้วนั่นชายหญิงคู่นั้นคือใครกัน ทำไมสภาพเหมือนผ่านศึกหนักบนเตียงมา อย่าบอกนะที่เขวี้ยงถ้วยชาเกือบโดนฉันเมื่อครู่เพื่อสร้างอรรถรสเวลาซัมติงกันนะ ฉันยังไม่เคยมีหลัวเลยนะ จะให้ฉันมายืนดูหนังสดเลยหรอ
“เฟิ่งเหม่ยหลิน เจ้าวางยาเปิ่นหวาง!” เขายกมือขึ้นชี้นิ้วไปที่นางด้วยความกรุ่นโกรธ หลังจากระบายโทสะด้ายการกวาดชุดน้ำชาเจ้าปัญหาลงไปกองที่พื้นจนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
“หม่อมฉัน…ไม่ได้ทำ....ฮึก” เฟิ่งเหม่ยหลินกล่าวออกไปได้เพียงแค่นั้นเมื่อพบกับสายตาวาวโรจน์ของชายผู้ที่นางรักปักดวงใจ มันช่างเป็นสายตาที่บาดลึกเข้าไปในหัวใจของนางเหลือเกิน นางรับรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาทั้งโกรธและรังเกียจนางอย่างถึงที่สุด แม้แต่ก่อนเขาจะเคยกล่าวว่านางแต่สายตาของเขาไม่ได้แสดงทีท่าออกมาเช่นนี้ นางทั้งร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจในสิ่งที่พบเจอ นางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ ทำไมทั้งนางและเขาถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ นางอยากกล่าวอธิบายกับเขาเหลือเกิน แต่เกรงว่าเขาคงไม่อยากรับฟังนางเป็นแน่ เพราะที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเชื่อคำพูดนางเลยสักครั้ง
ขณะนั้นเองเซี่ยชินฮวาก็เปิดประตูห้องบรรทมเข้ามาทันที จนทำให้องครักษ์ที่อยู่หน้าประตูห้องกลิ้งเข้ามาในห้องบรรทมอย่างทุลักทุเล ด้วยเพราะฤทธิ์ยาสลบนี้รุนแรงยิ่งนักจนทำให้ผู้ที่ได้รับฟื้นตัวได้ยากแม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธก็ตาม
ปัง!!
“ฮึก...พระองค์ทำเช่นนี้ได้อย่างไร...ฮึก…ไหนพระองค์เคยบอกกับหม่อมฉันว่าไม่ได้รักนางแล้วนี่คืออะไรเพคะ...ฮื้อๆๆ” เซี่ยชินฮวามองไปทั้งสองคนซ้ำไปมาแล้วเริ่มร่ำไห้พรรณนา เมื่อเห็นภาพคนรักกับคู่หมั้นของเขาที่น่าจะผ่านการร่วมรักกันอย่างแน่แท้
“ฮวาเอ๋อร์! มันไม่ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด เรื่องทั้งหมดเปิ่นหวางอธิบายกับเจ้าได้” จวิ้นอ๋องรีบดึงนางที่รักเข้ามากอดทั้งที่แต่งตัวยังไม่เรียบร้อยก่อนจะกล่าวกับนางด้วยร้อนใจ ด้วยความกลัวว่านางจะเข้าใจผิด แล้วรีบคิดหาวิธีแก้ไขเพื่อไม่ให้คนรักขัดเคืองใจไปมากกว่านี้ โดยไม่สนใจสายตาอีกคู่ที่มองมาที่พวกเขาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
ฉันยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น แล้วเริ่มประมวลคำพูดกับชื่อคนที่กล่าวเรียกขานกัน ถึงแม้จะแปลกใจที่ตัวเองกลับฟังภาษาจีนออกสะงั้นทั้งที่ไม่เคยเรียนภาษาจีนมาเลยด้วยซ้ำ คงไม่ต้องคิดอะไรให้มากความอีกแล้วว่าฉันคงหลุดมาอยู่ในโลกนิยายแน่ๆ นี่มันโคตรน่าเหลือเชื่อชะมัด ฉันไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้ว ตอนนี้ฉันคงทะลุมิติเข้ามาชมการละครในนิยายเรื่องนี้แน่ๆ แล้วนิยายเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ฉันเพิ่งอ่านจบก่อนถูกยิงตายเสียด้วย เพราะสถานการณ์ตอนนี้ฉันจำได้แม่นว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่ทำให้เฟิ่งเหม่ยหลินกลายเป็นนางร้ายนั่นเอง
ฉันยืนมองพวกเขาจนเผลอใช้สายตาแถะโลมพระเอกจนได้ แบบว่าเขาหล่อออร่าสมกับเป็นพระเอกของเรื่องจริงๆ รูปร่างไม่ต้องพูดถึงสูงยาวเข่าดีเลยแหละ แต่ไม่รู้ว่าตรงหวางขาที่ตุงๆ อยู่เป็นมังกรหรือมังกือหรอกนะ ก็เขาใส่กางเกงสีดำปกปิดอยู่เหลือไว้เพียงท่อนบนให้เห็นซิกแพคแน่นๆ กับหัวนมชมพูเท่านั้น แค่นี้ฉันก็แถบจะกำเดาไหลแล้วจร้า ส่วนนางร้ายบนเตียงรูปร่างคือหน้าตายิ่งกว่าสวยอีกคือหน้าสวยใสมาก ตาโตจมูกโด่ง ปากน้อยๆ ริมฝีปากแดงๆ ทรวดทรงอกสะบึ้ม! เอวนี่คอดกิ่วจนฉันต้องย้อนมาก้มมามองผุงตัวเองที่ยื่นออกมาจนมองไม่เห็นปลายเท้า ส่วนผิวก็ขาวใสโอโม่จนเห็นร่องรอยรักจนฉันสังเกตุเห็นได้ แหม…พ่อพระเอก!! ถามจริงโดนยาปลุกกำหนัดจริงรึอยากกันแน่จ๊ะ ทิ้งรอยรักไว้เสียทั่วทั้งตัวนางขนาดนี้ ย้ายมาที่นางเอกของเรื่องรูปร่างก็งดงามหยดย้อยสมกับเป็นนางเอกผู้บอบบาง ผิวขาวออกไปทางซีดดูเหมือนคนเป็นโรค ดีที่แต่งหน้าไม่งั้นคิดว่าคนป่วย ฉันแซวนางเอกนิดๆ เองอย่าว่าข่อยเด้อ นางเอกสวมใส่ชุดจีนโบราณพริ้วไหวชมพูอ่อนชวนให้ดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอม แต่เอ๊ะ! ทำไมแม่นางเอกที่ร่ำไห้เสียใจกับคนรักถึงช้อนสายตาเย้ยหยันใส่นางแบบนั้นล่ะ แล้วพอพระเอกก้มไปมองก็แปลเปลี่ยนฉับพลันเป็นแววตากวางน้อยน้ำตาระเรื่อซบอกแน่นๆ ของพระเอก เรื่องมันชักจะยังไงยังไงแล้วนะแม่นางเอกคนนี้
“ซ่งอี้เจ้าไปสั่งให้หลี่กงกงเตรียมยาห้ามครรภ์แล้วพามาพบเปิ่นหวางที่เรือนรับรอง ส่วนเจ้าซ่งเอ้อพาสตรีร้ายกาจผู้นี้ออกไปรอเปิ่นหวางชำระความที่เรือนรับรองเดี๋ยวนี้ เปิ่นหวางไม่อยากร่วมหายใจกับนางนัก” จวิ้นอ๋องเมื่อคิดหาทางแก้ไขได้แล้ว จึงสั่งให้องครักษ์ทั้งสองที่ดูเหมือนจะฟื้นคืนสติขึ้นมาบ้างไปจัดการตามที่เขาวางแผนเอาไว้
“ขอรับ” องครักษ์ทั้งสองรีบรับคำสั่งแล้วแยกย้ายไปทำตามผู้เป็นนายสั่งทันที
หลังจากที่ทุกคนออกไปจนหมดภายในห้องจึงเหลือเพียงชายหญิงสองคนที่ยืนกอดกันกลมกับหนึ่งดวงวิญญาณที่มองดูพวกเขาพรอดรักกันด้วยความหมั่นไส้
“พระองค์กำลังจะทำอะไรเพคะ ถึงให้นางไปที่เรือนรับรองเช่นนั้น”
“เปิ่นหวางก็จะจัดการนางขั้นเด็ดขาดอย่างไรละฮวาเอ๋อร์ ถึงแม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้แต่ก็ช่วยให้เปิ่นหวางถอนหมั้นนางได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นเปิ่นหวางจะรีบสร้างผลงานเพื่อทูลขอเสด็จพ่อให้ประทานงานสมรสระหว่างเรา เจ้าจะได้มั่นใจในความรักของเปิ่นหวางที่มอบให้เสียที”
“จะเป็นไปได้หรือเจ้าค่ะ หม่อมฉันไม่อยากให้พระองค์ต้องมาเดือดร้อนเพราะต้องการทำเพื่อหม่อมฉันเช่นนี้หรอกเพคะ หากพระองค์จะรับนางเข้าตำหนักหม่อมฉันก็มิกล้าขัดข้องอันใดหรอกเพคะ ขอเพียงพระองค์ยังเมตตาหม่อมฉันอยู่บ้างก็เพียงพอแล้ว”
“ไม่! เปิ่นหวางจะไม่มีทางรับนางเข้าตำหนักแน่!! นางวางยาเปิ่นหวางเพื่อให้เปิ่นหวางจำต้องรับนางเข้าตำหนัก แต่นางคงไม่รู้ว่าเปิ่นหวางจะทำลายแผนการของนางให้สิ้น ฮวาเอ๋อร์เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเปิ่นหวาง เข้าใจหรือไม่ หื้อออ…” จวิ้นอ๋องเข้าคลอเคลียที่ซอกคอของด้วยเพราะฤทธิ์ยาที่หลงเหลืออยู่
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอีกแล้วฮวาเอ๋อร์ หากเจ้าไม่รีบไปที่เรือนรับรอง เปิ่นหวางคงอดใจไม่ไหวพาเจ้าไปที่แท่นบรรทมแทนเป็นแน่” จวิ้นอ๋องกล่าวหยอกเย้านางก่อนจะโอบกอดพานางออกจากห้องบรรทม
อรึ้ยยย! ขนลุก! พลอดรักกันไม่เกรงใจฉันที่ยืนมองดูอยู่บ้างเลย ฉันไปดูนางร้ายบ้างดีกว่า ขืนยังตามติดพวกเขาอยู่แบบนี้ มีหวังฉันคงขนแขนร่วงหมดเพราะขนลุกบ่อยเป็นแน่
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!