กลีบดอกไม้สีชมพูดอกเล็กในแจกันข้างหน้าต่าง ค่อยๆร่วงหล่น พร้อมกันนั้นมีหยดน้ำหยดลงบนโต๊ะ หนึ่งหยด สองหยด..
สิบปีก่อน
[เฮ้! ริน มาดูนี่สิ ทางนี้ๆ มาเร็ว!?!] เสียงของเด็กชายตัวเล็กในเสื้อกันฝนสีฟ้าใส ยืนโบกไม้โบกมือเรียกเด็กสาวมาแต่ไกล บรรยากาศของสายฝนที่ตกพรำหรือจะหยุดความอยากรู้อยากเห็นของเด็กน้อยได้
เด็กสาวในเสื้อกันฝนสีเหลืองใสวิ่งไปตามทางที่เด็กหนุ่มเรียก ก็ได้พบกับเห็ดสีชมพูประหลาดที่มีขนาดใหญ่ประมาณ20เซนเสียจะได้
[วันนี้เอาเจ้านี่ทำอาหารกันเถอะ]
[อื้ม! ]
เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับหยิบเห็ดสีชมพูขึ้นมา และยิ้มให้เด็กสาวด้วยความดีใจ เด็กสาวเห็นเขายิ้มเธอก็พลอยดีใจไปด้วย เส้นผมสีน้ำตาลเข้มมีน้ำฝนติดอยู่ที่ปลายผมได้หยดลงบนแก้มของเขา
[อ๊ะ!] เขาส่งเสียงด้วยความตกใจและทำหน้ายู่เล็กน้อย
[ฮ่าๆๆ ] เด็กสาวหัวเราะชอบใจกับสภาพของทั้งสองที่ตอนนี้ดูไม่ได้เอาสะเลย
[เธอขำฉันหรอ!]
[ฮ่าๆ ก็ดูหน้านายสิ ดูไม่ได้เลย ตลกจัง ฮ่าๆๆ ]
[เดี๋ยวเถอะ ฉันไปแล้ว ไม่อยู่ให้เธอหัวเราะเยาะดีกว่า]
ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันสนุกสนาน เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปตามทางเดินที่คุ้นเคย
[ใครถึงก่อนชนะ! คนแพ้ต้องมาเก็บของป่าพรุ่งนี้!]
[หยุดเดี๋ยวนี้นะ โชคุงคนขี้โกง!] เด็กหนุ่มที่พูดพร้อมกับวิ่งไปด้วยเพราะรู้ว่าตัวเองต้องถึงก่อนแน่ๆ เด็กสาวอารมณ์เสียเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องเป็นคนแพ้และมาเก็บของป่าคนเดียวพรุ่งนี้ แต่ก็ยังวิ่งตามไปจนสุดแรง
.
.
[...แฮ่กๆ ]
ไม่นานทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง
ที่กลางป่า บ้านปูนสีขาวมีไม้เลื้อยปกคลุมรอบบ้าน มีเพียงประตูไม้สีน้ำตาลแก่และหน้าต่างที่พอมีที่ว่าง ดูๆแล้วน่าจะได้รับการตัดแต่งเพื่อไม่ไห้ไม้เลื้อยมาบดบัง
เข้าไปด้านใน
เดินเข้ามาเป็นห้องนั่งเล่น ทั้งบ้านทำจากปูนซึ่งมีสีขาว มีโต๊ะทรงกลมและเก้าอี้ที่ทำมาจากปูนเช่นเดียวกับตัวบ้าน เหมือนเป็นที่นั่งพักธรรมดาๆในสวนสาธารณะ
มองเข้าไปด้านซ้ายมือจะเป็นห้องครัวและห้องน้ำ ส่วนด้านในสุดเป็นห้องนอนที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่
[นี่ ลองใส่อันนี้ดูสิ ฉันว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ] เสียงเด็กผู้หญิงเจี้ยวแจ้วดังมาจากในครัว ซึ่งกำลังบอกให้เด็กหนุ่มใส่ดอกไม้สีส้มรูปร่างประหลาดลงไปในอาหารของวันนี้
เขาที่ปกติจะต่อล้อต่อเถียงกับเด็กสาว ตอนนี้กำลังงุ่นอยู่กับการเตรียมกับข้าวก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ปล่อยให้รินพูดไปด้วยความเคยชิน และทำอาหารต่อไป
[อ๊ะ นี่เห็ดที่เราเก็บได้วันนี้ ]
[ฉันว่า ถ้าใส่อันนี้ไปต้องอร่อยแน่เลย กลิ่นมันหอมมากเลยนะดูสิ โชคุง!?]
[...]
รินรู้สึกตื่นเต้นกับของที่หามาได้ในวันนี้ มีของที่เธอไม่เคยเห็นเพิ่มขึ้นมาตั้งหลายชนิด จากปกติที่พูดเยอะอยู่แล้ว ก็กลายเป็นนกแก้วที่พูดไม่หยุดเลย ดูๆไปก็ตลกดี
โชที่ทำอาหารอยู่มองรินแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
(จบบทที่1)
ณ ยามบ่ายอันเงียบสงบ
ใบไม้สีเขียวยาวเลื้อยพาดหน้าต่างบานใหญ่ ด้านในมีหญิงสาววัย16 กำลังนั่งอ่านหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่ง เส้นผมสีดำสนิท ขนตาปลายตกไม่งอนงามแต่ยาวสวยเหมาะกับใบหน้า
ชั่วขณะหนึ่งลมพัดเข้าทางหน้าต่าง ใบไม้และผ้าม่านสั่นไหวเล็กน้อย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ
ได้เวลาไปเตรียมอาหารแล้วสินะ เธอคิดในใจหลังจากนั้นก็ลุกจากที่นั่ง และเดินไปเข้าครัว
เพียงไม่นาน อาหารก็ถูกตัดเตรียมเสร็จ เนื่องจากบ้านนี้มีเธอเพียงคนเดียว จึงไม่กังวลกับอาหารการกินมากนัก อะไรที่ดูจะกินได้เธอก็จับผัด ต้ม หรือทอด แค่นั้น
จะบอกว่าเธอเป็นคนกินง่ายหรือเกียจคร้านกันนะ..
จะทานแล้วนะคะ เธอพูดในใจและกำลังจะตักอาหารเข้าปาก
ก๊อกๆ
... เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าบ้าน เธอที่นั่งอยู่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เธอควรทำยังไงดี ใครกันที่เข้ามาในป่าลึกเช่นนี้ได้
"มีใครอยู่มั้ย!? ฮาโหล~??"
"...."
"ถ้ามีช่วยเปิดประตูให้หน่อย"
หญิงสาวไม่ทันได้เตรียมใจกับสถานการณ์เช่นนี้ ไม่รู้ควรทำตัวยังไง ใครกันที่อยู่ข้างนอก? เขามาหาเธอทำไม ? เธอรู้สึกตกใจและสับสน คำถามต่างๆเกิดขึ้นในใจ ทว่า
"ถ้าไม่มีคนอยู่งั้นจะเข้าไปแล้วนะ!"
แอ๊ด .. เสียงของบานประตูที่เก่าค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ
[ไม่มีใครอยู่]
บุคคลปริศนาเดินเข้ามาในบ้านและมองไปรอบๆ เอ่อ ก็ใช่สิ ในป่าลึกแบบนี้จะไปมีคนอาศัยอยู่ได้ยังไงกัน
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของเขากระทบกับพื้นบ้าน ห้องโถงสำหรับนั่งเล่น ห้องครัว ..เขาเดินสำรวจบ้านไปเรื่อยๆจนถึงห้องนอนด้านใน เมื่อมองเข้าไป ที่หน้าต่างบานใหญ่มีโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีชาม.. ชาม? ไม่นะ เดี๋ยวๆในชามนั้นคงไม่ได้มีอาหา..
ตึกๆๆ
เสียงสับเท้ารัวๆ เขาเดินไปดูชามข้าวใบนั้นและพบว่า มีอาหาร.. ถ้างั้นก็แปลว่า
'มีคนอยู่ที่นี่? จนถึงเมื่อกี้อ่ะนะ !?'
แล้วเขาคนนั้นหายไปไหนแล้ว คงไม่ใช่ผีสินะ นี่มันเรื่องอะไรกัน เขารู้สึกตื่นกลัว และกังวลกับสถานการณ์ตรงหน้า
เขาพยายามมองหาร่องรอย ทั่วๆห้องและก็ไปเจอกับเตียงนอน มีก้อนผ้าห่มกลมๆอยู่ที่เตียง เขาคิดว่าอาจมีคนอยู่ในนั้น
เขาค่อยๆเดินเข้าไป ผ้าห่มสั่นไหวเล็กน้อยราวกลับคนกำลังซ่อนตัวจากบางอย่างด้วยความกลัว
" นะ นี่" ชายหนุ่มปริศนาเอามือสะกิดที่ผ้าห่ม แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
"คือว่า.. เอ่ออ" เขานึกคำที่จะพูดไม่ออก
"ขอโทษทีที่อยู่ๆก็เข้ามาในบ้าน แต่ชั้นไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ คือ.. " เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะถูกปล่อยให้พูดคนเดียว
"คือชั้นเป็นนักเดินทาง ชั้นเดินทางมาเรื่อยๆจนเข้ามาในป่านี้ ตอนนี้ชั้นกำลังหาที่พักชั่วคราวแล้วบังเอิญมาเจอที่นี่พอดี ถ้าไม่ว่าอะไรขออยู่ด้วยสักคืนได้มั้ย เอ่อ.. "
ชายหนุ่มพยายามอธิบาย แต่ทว่าคนในผ้าห่มกลับไม่มีท่าทีอะไรตอบกลับมา มีเพียงความสั่วไหวเล็กน้อยของร่างกายนั้นที่ลอดออกมา
เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็เริ่มหมดความอดทน
"นี่!! ออกมาจากผ้าห่มเดี๋ยวนี้นะ! " ชายหนุ่มกระชากผ้าห่มออกมาด้วยความโมโหอย่างมาก
พรึ่บ!!
พลันนั้นเอง ร่างบางของสาวน้อยก็ได้ปรากฎขึ้น เธอนอนกอดเข่าร่างกายสั่นไหว และหลับตาปี๋ด้วยความกลัว เมื่อเห็นแบบนั้นชายหนุ่มก็แอบรู้สึกผิดเบาๆ
'แต่แล้วทำไมเธอไม่คุยกับเขาล่ะ เธอกลัวหรอ เขาก็กลัวเหมือนกันแหละ ถ้าหากในผ้าห่มมันเป็นอย่างอื่นล่ะ หมาป่าหรือไม่ก็.. ' เขาคิดในใจไม่ได้พูดมันออกไป ทำได้เพียงเก็บอารมณ์นั้นเอาไว้
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังสงสัยอยู่นั้นเอง หญิงสาวประหลาดก็ได้ลืมตาขึ้นมา ทั้งสองสบตากัน
"..." ".."
ไม่มีคำพูดใดใด
ชายหนุ่มเอามือขยี้ผมสีน้ำตาลแดงของเขาแรงๆ
"หวัดดี เราชื่อเจฟฟรี่ เอ่อ.. เธอล่ะ?"
"..." "วะ หวัด หวัส .."
"หวัดดี"
"สะหวัด ดี !"
ห้ะ นี่มัน? เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!??
เขาเพียงคิดในใจ..
ทำยังไงดี.. เป็นเพราะอยู่คนเดียวมานานเลยมักจะพูดในความคิดมากกว่าพูดแบบออกเสียงออกมา
เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร แต่พอถึงเวลาที่ต้องออกเสียงกลับขยับปากตามที่ต้องการไม่ได้ หญิงสาววุ่นวายใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าไม่สามารถออกเสียงได้ตามใจคิด
"ฉ ฉัน โทษ.. คะ พูดไม่..เหมอ คิด"
เสียงไม่ยอมออกไปตามที่คิด ฉันควรทำยังไงดี เธอพยายาเค้นเสียงออกมา "ฉะ อ่ะอึก"
"เธอหมายถึงว่า 'คำพูดไม่ยอมออกมาเหมือนที่คิด' ใช่มั้ย?"
หญิงสาวตกใจเล็กน้อยและรีบพยักหน้าหงึกๆขึ้นลงสองสามรอบ
"อ้อ อย่างนั้นเอง ...เอ่อ ขอโทษที่โมโหใส่เธอเมื่อกี้นะ"เจฟรี่เห็นท่าทางของหญิงสาวก็เข้าใจและรู้สึกผิด หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
"ถ้างั้น.. ฉันขอพักที่นี่สักคืนได้มั้ย พอดีว่าเดินทางมานานแล้วตอนนี้ก็เหนื่อยมาก.." เธอพยักหน้างึกๆ สักพักก็ทำตาโตเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้จึงรีบวิ่งออกไป
เจฟฟรีย์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงลองเดินตามออกไป เห็นด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังหยิบแก้ว ที่แท้ก็มาเอาน้ำนี่เอง
เธอเดินมาพร้อมน้ำสองแก้ววางไว้บนโต๊ะฝั่งของเธอแก้วนึงและให้ผู้มาเยือนอีกแก้ว
"ขอบใจ..เอ่อ" จริงสิ เขายังไม่รู้ชื่อเธอเลย "คือว่าที่บอกไปก่อนหน้าฉันชื่อเจฟรี่ แล้วเธอล่ะ"
เธอจ้องหน้าเขาสักพักแล้วหลบตา
"ร ริน"
"ริน?" เจฟเรียกชื่อหญิงสาวด้วยความไม่คุ้นเคย
หญิงสาวก็พยักหน้างึกๆ"อื้อ" ตอนนั้นเองที่สีหน้าของเธอดูเศร้าลงเล็กน้อย
อะฮึ่ม!
"อาาาาาา ..อาาาาาาาาา"
"อาาาาาาาาาาาา"
รินออกเสียง อา อยู่สักพัก เจฟไม่เข้าใจว่าเธอกำลังทำอะไร
รินขยับปากเป็นรูปวงกลมเล็กใหญ่สลับไปมา
"เธอ เป็นอะไรรึเปล่า?"
"สะหวัด ฮึ่ม ดี สะหวัดดี!"
"อ่า.."
"ฉัน ฝัก-ฝึก พู่" ท่าทางประหลาดของเธอเมื่อกี้เพียงแค่ต้องการฝึกพูด
"..อ่ะ อ้อ ฮะฮะ ขอโทษนะ ฮ่าๆๆ" เจฟฟรีย์เห็นท่าทางตลกๆของรินแล้วอดที่จะขำไม่ได้
"นนี่!! ตะหลด หรอ!!" รินทำหน้าบูดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ
"ตะหลดสิ ขอโทษนะ ฮ่าๆๆ ขอโทษทีๆไม่ขำแล้ว" เจฟฟรีย์เช็ดน้ำตาเพราะหัวเราะหนักเกินไปก่อนจะเสนออะไรบางอย่าง
"คือว่า ..เอางี้มั้ย ฉันขออยู่ที่นี่สักพักนึง แลกกับจะเป็นคนไปหาของในป่าสำหรับทำอาหารให้ แล้วจะช่วยเธอฝึกพูดด้วย ดีมั้ย?"
"อ่ะ เอ่อ.." รินทำหน้าครุ่นคิด
แสงจากหน้าต่างเล็กที่ห้องนั่งเล่นส่องเข้ามากระทบที่หน้าของหญิงสาว เส้นผมประกายวิบวับ
"อา.. พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้เธอค่อยตอบฉันก็ได้ ไปพักผ่อนเถอะ.. เดี๋ยวฉันนอนที่นี่แหละ" เขาตบที่นั่งในห้องนั่งเล่นเบาๆแล้วยิ้ม
โชคดีที่คืนนี้ยังมีที่พักไม่ต้องนอนบนต้นไม้แล้ว
วันเวลาผ่านไปได้3สัปดาห์
หลังจากที่เจฟยื่นข้อเสนอให้กับริน เธอคิดมันทั้งคืน ด้วยความคิดถึงใครบางคนในความทรงจำ หรือจะเพราะความเหงา..
เธอตอบตกลงกับข้อเสนอของเจฟ
"นี่ อาหารของเธอรสชาติดีขึ้นนะ ฮ่าๆๆ"
เจฟตักอาหารในชามเข้าปากและพูดชมกึ่งประชด เขามองไปที่จานกับข้าวตรงหน้า 'เนื้อหมูคาบะผัดกับเห็ดและราดด้วยซอสที่ทำจากฟักทองพิงการ่า
(หมูคาบะ เป็นหมูสีดำที่ไม่มีขน เหมาะสำหรับเป็นอาหารของนักเดินทางมาก และความชุ่มฉ่ำของเนื้อด้านในก็มีรสชาติที่ดี แต่การจะจับมันได้ต้องเป็นคนที่มีฝีมือระดับนึงเลย เพราะมันเป็นหมูกินเนื้อมีร่างกายที่แข็งแรงพลังมหาศาล เนื่องจากถิ่นที่อยู่ของมันคือถ้ำหินบนหน้าผาสูง และทุกวันมันจะลงมาหาอาหารที่เนินเขาจากนั้นก็ลากศพที่ล่ามาได้เช่น กวาง ลาม่า หรือกระทั่งกระทิงแคระ กลับขึ้นไปบนผานั้น จึงไม่แปลกที่ร่างกายของมันจะแข็งแรงสุดๆ)
จากนั้นก็มีผัดเนื้อทักเก็ตทอดกรอบ น่องไก่อบซอสจากผลจากัวร์ และของหวานต่างๆ ถึงจะพูดประชดแต่เจฟก็คิดว่าฝีมือทำอาหารของเธอนั้นดีจริงๆ จนเขาอยากจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยล่ะ ฮ่าๆ
"อร่อยจนอยากอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยน้า" เขาลูบพุงเบาด้วยความอิ่ม
"ก็ อยู่เลย ก็ด้ายนี่ ฉันก็ มไม่ได้ว่า อะไรสักหน่อย" เธอมองเจฟและพูดด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย หลังจากที่เจฟมาอยู่ทำให้เธอได้ออกเสียงพูดมากขึ้น จนตอนนี้เธอแทบจะพูดได้เหมือนคนทั่วไปแล้ว เธอรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ
อาหารต่างๆที่ทำได้ ก็เพราะวัตถุดิบที่เจฟเป็นคนหามาให้ทั้งนั้นเลย ด้วยตัวของเธอคนเดียวไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้แน่นอน เธอคิดในใจ
เจฟมองรินและหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา
"นั่นสิน้าา ฮ่าๆ"
รินเห็นเขายิ้มก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ โดยไม่ได้สังเกตถึงสัญญาณบางอย่างแม้แต่นิดเดียว
ตึง! ตึง! ตึง!!!
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!