NovelToon NovelToon

บ้านพักสยองขวัญ

บ้านพักสยองขวัญ ตอนที่ 1

แจนสาวสวยวัยทำงาน อายุ 30 ปี เป็นพนักงานเซลล์ขายของบริษัทฯแห่งหนึ่ง งานของเธอนั้นต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ในการเดินทางแต่ละครั้งเธอต้องอยู่พักต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายวัน  ที่พักแต่ละที่นั้นมีทั้งดีและไม่ดีแตกต่างกันไป แต่มีที่พักที่หนึ่งทำให้เธอไม่เคยลืมมันไม่ลงจนถึงทุกวันนี้

แจนและเพื่อนร่วมงานได้รับหมอบหมายให้ไปหาลูกค้าใหม่เพิ่ม แถวเขตภาคเหนือตอนล่างเป็นเวลา 3 วัน แจนจึงให้รุ่นน้องในกลุ่มจองที่พักเหมือนเคย แต่รอบนี้ที่พักหาได้ยากมากเพราะเป็นช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว จนมาเจอบ้านพักแห่งหนึ่งห่างจากตัวอำเภอเมืองพอสมควร ตัวบ้านดูจากภายนอกยังใหม่อยู่เลย ส่วนด้านในบ้านชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้  แจนและเพื่อนๆจึงตัดสินใจจองพักกันที่นี่ เมื่อแจนกลับมาถึงบ้านเตรียมจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋า เพื่อเดินทางในวันถัดไป  ตกกลางดึกแจนรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น แจนเห็นภาพของผู้หญิงใส่ชุดขาวมาบอกว่า “อย่าไปเลย อย่าไปเลย” พร้อมกับดึงมือของแจนไม่ให้ขึ้นรถตู้ ทันใดนั้นแจนสะดุ้งตื่น รู้สึกเจ็บปวดตรงข้อมือเหมือนมีคนมาดึงมือไว้จริงๆ แจนครุ่นคิดว่ามันคือความฝันหรือคิดมากไปเอง เพราะปกติแจนไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อน รุ่งเช้าเสียงรถตู้มาจอดรอรับแจนที่หน้าบ้าน ทำให้แจนไม่ทันระวังทำรูปกลุ่มที่เคยถ่ายไว้กับเพื่อนๆหล่นพื้นกระจกแตกกระจาย ด้วยความเร่งรีบแจนจึงตะโกนบอกแม่ “เก็บให้ด้วย เพื่อนมารอรับแล้ว!”  แจนรีบวิ่งขึ้นรถตู้ออกเดินทางทันที แจนได้หันมองกลับไปที่บ้าน เห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวมายืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน แจนตกใจมาก รู้สึกกังวลใจ รู้สึกไม่ค่อยดีกับการเดินทางครั้งนี้สักเท่าไร เหมือนมีลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้สนใจพยายามคิดจะรีบทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้าน ..

ขณะเดินทางไปยังต่างจังหวัดแจนได้ชวนเพื่อนๆไปทำบุญ เพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทางและการทำงานในครั้งนี้ แจนเลือกไปทำบุญที่วัดหนึ่งย่านฝั่งปทุมธานี ซึ่งเป็นวัดทางผ่านที่จะต้องเดินทางพอดี แจนเตรียมสังฆทานและดอกไม้ไปถวายพระ ก่อนเดินออกจากวัด พระท่านได้ทักว่า “เดินทางปลอดภัย พวกเอ็งคงกลับมาไม่ครบทุกคนนะ แล้วแต่บุญวาสนา แล้วแต่กรรมของแต่ละคน” พวกเธอหันหน้ามองกัน พี่คนในกลุ่มเลยถามว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ? หลวงพ่อ?”   หลวงพ่อได้แต่ทำหน้านิ่งแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ ในเวลานั้นพวกเธอไม่ได้คิดอะไรมาก ยังหยอกล้อคนในกลุ่มว่า สงสัยพี่ในกลุ่มจะได้งานใหม่เงินดีกว่าเดิมอยู่แถวนั้นแน่เลย คงไม่ได้กลับมาทำงานด้วยกันแล้ว พวกเธอพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ฟ้าเริ่มมืดลงทุกทีพวกเธอเดินทางใกล้ถึงตัวจังหวัด  รถก็ค่อย ๆ หยุดลง ด้านหน้าได้เกิดอุบัติเหตุ รถติดยาวและรถของพวกเธอก็ได้ขับผ่านอย่างช้าๆ ทุกคนภายในรถต่างพากันหลับกันหมดยกเว้นแจนที่กำลังก้มเล่นโทรศัพท์ แจนเงยหน้ามองออกไปที่หน้าต่างของรถทำให้เธอเห็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เป็นรถเก๋งกับรถมอเตอร์ไซค์ชนกัน คนขับรถมอเตอร์ไซค์โดนรถที่ขับตามมาเหยียบซ้ำ เหยียบเข้าไปที่ศีรษะทำให้สมองไหลออกมากองอยู่บนถนนมันเป็นภาพที่สยดสยองมาก จากนั้นแจนได้มองไปด้านข้างเพื่อที่ต้องการสลัดภาพที่เห็นออกจากหัว แต่แล้วเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กำลังมองมาที่อุบัติเหตุ  คนที่มองมานั้นมีหน้าตาเหมือนกับคนขับมอเตอร์ไซค์มาก ทำให้แจนตกใจและไม่กล้าบอกใคร ได้แต่ข่มตาให้หลับลง

ผ่านไปไม่นานรถก็ถึงจุดทางเข้าที่พักของพวกเธอ ระหว่างสองข้างทางมืดจนไม่สามารถมองเห็นข้างนอกได้เลย มีเพียงแต่ไฟหน้ารถที่ยังพอส่องแสงให้เห็นถนนด้านหน้าอยู่บ้าง ที่หน้าตะใจไปกว่านั้นแถวละแวกนี้ไม่มีบ้านคนอยู่แม้แต่หลังเดียว บ้านที่พวกเธอจองไว้อยู่ในซอยค่อนข้างเปลี่ยว ซึ่งแจนและเพื่อนๆไม่รู้มาก่อนเลยว่าบ้านที่จองไว้นั้นจะอยู่ห่างไกลจากผู้คนขนาดนี้ พวกเธอมาตามแผนที่ ที่ระบุตำแหน่งบ้านพักหลังนี้ไว้ แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ เพื่อนๆภายในกลุ่มเริ่มกังวลพวกเธอขับวนไปวนมาประมาณ 2รอบ จนในที่สุดก็ขับผ่านมาเจอบ้านพักของพวกเธออยู่ในซอยด้านซ้ายมือ ทุกคนต่างสงสัยเพราะเมื่อกี้พวกเธอได้ขับผ่านมาทางนี้แล้ว  ทำไมหาไม่เจอ!  เพื่อนในกลุ่มเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีหนักเหมือนอยากจะร้องไห้ แจนได้ปลอบใจเพื่อนๆไปว่า “ทางมันมืด พวกเราคงไม่มองไม่เห็นทางเข้าเอง ไม่มีอะไรหรอก”

ในที่สุดรถตู้ก็ได้มาจอดหน้าบ้านพัก พวกเธอก็พากันยกของลงจากรถ แล้วนำไปเก็บไว้ในบ้าน ในระหว่างที่เดินเข้าบ้านแจนสังเกตได้ว่าบ้านมีทั้งหมด 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอนจะอยู่ชั้นบนทั้ง 3 ห้อง แต่สามารถใช้ได้แค่ 2 ห้อง อีกห้องเจ้าของบ้านได้ทำเป็นห้องเก็บของและห้องนี้ก็ถูกล็อกกุญแจไว้เป็นที่เรียบร้อย แจนกับมี่เลือกห้องนอนติดกับห้องที่ล็อกกุญแจไว้ ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องของเพชรกับพลอย ส่วนพวกผู้ชายนอนกันชั้นล่าง  พวกเธอต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าไปทำงานในตัวเมือง..

กลางดึกคืนนั้นแจนได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินคนเดินอยู่ที่ห้องข้าง ๆ ลากสิ่งของไปมา แจนคิดว่าคงโดนหลอกแน่นอน เลยพูดในใจ “พรุ่งนี้ต้องทำงานเช้า ขอมาอาศัยแค่ 2 วันเดี๋ยวก็กลับแล้ว” ผ่านไปสักพักเสียงเดินก็ค่อยๆหายไป ขณะที่นอนเคลิ้มๆอยู่นั้น แจนรู้สึกเจ็บที่หน้าอกเหมือนมีคนเหยียบ เธอพยายามที่จะขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้ แจนกลั้นใจฝืนลืมตาขึ้น เธอเห็นผู้หญิงตัวดำใส่ชุดสีดำ นั่งยองๆบนหน้าอก แจนตกใจสุดขีดน้ำตาไหลพรากออกมาจากตาทั้งสองข้าง พยายามสวดมนต์ ต่างๆนานๆก็ไม่เป็นผล จนแจนทนไม่ไหวเป็นลมหมดสติไป มารู้สึกตัวอีกทีได้ยินเสียงเคาะประตู แจนรีบลุกไปเปิดประตูห้องเห็นหน้ามี่ที่นอนกัน แจนรีบเข้าไปสวมกอดมี่ทันที เมื่อแจนเริ่มตั้งสติได้ เธอรีบวิ่งลงมาขั้นล่างมานั่งรวมกลุ่มกันที่กลางห้องนั่งเล่น แจนได้เล่าให้เพื่อนๆฟังเมื่อคืนเธอเจออะไรมา พี่แทน(หัวหน้างาน)ที่นอนข้างล่างก็ได้เล่าว่า เมื่อคืนนอนอยู่ดีๆ ตาได้เหลือบมองไปที่ด้านบนบ้าน เหมือนมีตาคู่หนึ่งมองทะลุผ่านช่องไม้ด้านบนลงที่ชั้นล่างเป็นดวงตาสีแดงกร่ำ จุดที่พี่แทนนอนคือห้องนั่งเล่นซึ่งห้องนั่งเล่นนั้นอยู่ตรงกับห้องด้านบนที่ถูกล็อกไว้ พื้นบ้านบนชั้น 2 จะเป็นพื้นไม้ พี่แทนสามารถมองทะลุช่องไม้ขึ้นไปได้ ทุกคนต่างพากันตกใจ สงสัยว่ามีอะไรอยู่ที่ห้องนั้นหรือป่าว แจนจึงได้ถามเพชรและพลอยว่าเจออะไรไหม แต่ทั้งคู่ไม่เจออะไรแถมหลับสบายอีกต่างหาก

      จากนั้นไม่นานลุงขับรถตู้ได้ชูเศษหนังบางอย่างที่เจอข้างบ้าน เศษหนังได้ถูกเขียนเป็นอักขระภาษาเขมร  พี่แทนเริ่มรู้สึกไม่ดี จึงให้ลุงขับรถตู้พาไปวัดก็ไปทำงาน เมื่อมาถึงที่วัด พี่แทนได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อทำสีหน้าตกใจ แล้วบอกว่า “รู้ไหมเขาตามมาจากบ้านด้วย นั่งรอพวกเอ็งอยู่ในรถ” ทุกคนพากันเครียดหนัก หลวงพ่อเห็นสีหน้าของแต่ละคนไม่สู้ดีนักจึงได้นำน้ำมนต์ไปพรมทั่วรถ ก่อนกลับได้แจกสายสิญจน์ให้กับทุกคน แล้วบอกว่า “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด” ทำให้วันนั้นทุกคนไม่มีกระจิตกระใจทำงานได้อย่างเต็มที่

หลังเลิกงานทุกคนเตรียมตัวกลับที่พัก แต่ลุงขับรถตู้เห็นสีหน้าทุกคนไม่สู้ดีนัก เลยได้แนะนำพ่อหมอที่มีวิชาอาคมอยู่ในจังหวัดนี้ให้กับพวกเธอ เมื่อได้ยินอย่างนั้นทุกคนตกลงที่จะไปหาพ่อหมอทันที

บ้านพักสยองขวัญ ตอนที่ 2

พอเดินทางไปถึงบ้านพ่อหมอ สุนัขทุกตัวตั้งแต่หน้าทางเข้าจนถึงบ้านพ่อหมอได้พากันหอนตลอด เมื่อทุกคนลงจากรถมีหญิงชราแก่ ๆ คนหนึ่งเดินมารับพวกเธอจากหน้าบ้าน หญิงชราคนนี้ได้แต่งชุดสีขาวคล้ายกับคนถือศีล หญิงชราได้บอกว่า พ่อหมอรออยู่ในเรือน ให้รีบขึ้นไปหาพ่อหมอได้เลย ภายในห้องของพ่อหมอ มีโต๊ะหมู่บูชาพระเครื่องชุดใหญ่ มีหุ่นแปลกๆ ดูท่าทางทำให้ขนลุก ส่วนตัวพ่อหมอนั้นเป็นชายวัย 70-80  ปี พ่อหมอได้พูดขึ้นว่า “พวกเอ็งรู้อยู่ป่าวว่าทำอะไรไป! ทำไมพวกเอ็งถึงไปยุ่งกับเขา  พวกเอ็งอยากเจอดีกันใช้ไหม?”

ทุกคนต่างพากันตกใจ พี่แทนได้พูดกับพ่อหมอว่า “พวกเราแค่มาทำงาน ไม่ได้มารบกวนใคร ทำงานเสร็จแล้วพวกเราจะรีบกลับบ้านกัน” พ่อหมอก็บอกว่า “พวกเอ็งไปอยู่ในที่ของเขา เขาจะเอาพวกเอ็งไปอยู่ด้วย” จากนั้นลุงคนขับรถตู้ก็ได้ยื่นเศษหนังที่เก็บได้ให้พ่อหมอดู พ่อหมอสีหน้าเปลี่ยนไปทันที  แล้วบอกว่า “เศษหนังที่เก็บได้อันนี้ เป็นหนังของคนตายโหง คนที่ทำเกี่ยวกับพวกนี้เป็นคนที่เล่นของเขมร” พ่อหมอได้นำเศษหนังอันนั้นใส่ขัน นำน้ำใสๆเทใส่ลงไปในขันเกือบมิดเศษหนัง พ่อหมอก็ได้สวดทำพิธี ขณะที่ทำพิธีอยู่นั้นได้เกิดลมแรง ปิดประตูหน้า หน้าต่าง เสียงดังหลายครั้ง หมาแถวนั้นก็พากันเห่าหอน กลิ่นแปลกๆคล้ายกับกลิ่นซากศพ ลอยมาแตะจมูกทุกคนตลอดจนเสร็จพิธี หลังจากพิธีได้จบลงลมกับเสียงต่างๆก็พากันหยุดลงพร้อมๆกัน พ่อหมอยังได้พูดอีกว่า “เขายังไม่จบแค่นี้ เขาจะเอาพวกเอ็งไปอยู่ด้วย ไปรับใช้เขา” มี่เลยพูดขึ้นว่า “งั้นเรากลับ กทม. กันไม่ทำแล้วงานไว้รอบหน้าค่อยว่ากัน” พ่อหมอก็บอกอีกว่า “เอ็งหนีไปพ้นหลอก ในเมื่อพวกเอ็งไปอยู่ที่ของเขาแล้ว เขาก็จะตามเอาเอ็งไปอยู่ด้วย”

 แจนด้วยความสับสนและมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเธอ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย พวกเธอไม่ได้ไปลบหลู่ ทำไมถึงได้ตามมาเอาชีวิตพวกเธอ พ่อหมอได้หยิบเชือกยื่นให้กับพี่แทนให้เอาไปผูกรอบบ้าน แล้วอย่าไปยุ่งกับที่ของเขา  แจนยังไม่เข้าใจที่พ่อหมอบอก  จึงนั่งนึกถึงของที่น่าจะเป็นของคนนั้นหรือว่าจะเป็นห้องที่ใส่กุญแจไว้หรือเปล่า เธอจึงได้สอบถามเพื่อนๆอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามีใครในกลุ่มไปยุ่งกับห้องนั้นไหม เพชรและพลอยได้แต่มองหน้ากันแล้วหันมาพูดกับแจน เมื่อคืนก่อนเข้านอนพวกเธอได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรอยู่ในห้องนั้นหลายรอบมาก พลอยบอกว่ารำคาญนอนไม่หลับ เลยลองไปเคาะประตูห้อง แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป ทั้งคู่ไม่ได้คิดอะไรมากแล้วกลับห้องมานอนเหมือนเดิม ทุกคนในกลุ่มเข้าใจทันทีเลยว่าในห้องนั้นต้องมีอะไรแน่ๆ พ่อหมอเอ่ยปากบอกเป็นในในอีกรอบ “อย่าไปยุ่งกับที่ของเขาต่างคนต่างอยู่ ถ้าคืนนี้ผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว” พวกเธอต่างพากันไหว้ขอบคุณพ่อหมอแล้วกลับไปยังที่พัก

เมื่อกลับไปถึงบ้านพักหลังนั้น แจนและเพื่อนๆเปิดประตูเข้าไปทันใดนั้นทุกคนได้กลิ่นซากศพลอยมากับแรงลมที่เปิดประตู เป็น

กลิ่นจางๆแต่มันเป็นกลิ่นที่ติดจมูกทุกคนอย่างน่าสะอิดสะเอียน  สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องช๊อกไปตามๆกัน ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น ข้าวของของพวกเธอถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ผนังห้องถูกเขียนด้วยลิปสติกสีแดงด้วยภาษาแปลกๆ ลุงคนขับรถตู้ถึงกับร้องออกมา “อื้อฮือ... บ้านหลังนี้แรงจริงๆ ภาษาที่อยู่บนผนังนั้นเป็นภาษาเขมร” ทำให้ทุกคนยิ่งหวาดกลัวกันยกใหญ่ แต่แล้วลุงคนขับรถตู้ก็พูดปลอบใจทุกคน “ไม่มีอะไรหลอก เดี๋ยวเอาเชือกที่พ่อหมอให้มาไปผูกรอบบ้านก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ทุกคนเลยพากันเก็บของทำความสะอาดบ้าน เพื่อให้วันนี้พวกเธอมีที่นอน ลุงขับรถตู้ได้ช่วยเอาเชือกที่พ่อหมอให้ไปผูกไว้รอบบ้านตามที่พ่อหมอสั่งมา ในขณะที่นำเชื่อกไปผูกรอบนั้น ลุงขับรถตู้ได้สังเกตเห็นเงาดำๆ อยู่บนต้นไม้จองมองลงมาที่พวกเธออย่างไม่พอใจ

ทุกคนเก็บของเรียบร้อยแล้ว แจนได้ขอให้ทุกคนแยกย้ายไปทำภาระกิจส่วนตัว แล้วกลับลงมารวมกันที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง แจนกับมี่ได้ขึ้นกลับไปที่ห้อง ต่างคนต่างรีบเก็บเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัว ขณะกำลังเก็บของอยู่นั้น แจนและมี่ได้ยินเสียงเหมือนแจกันตกพื้น ...เพล้ง... ดังมาจากห้องข้างๆ แล้วหน้าต่างห้องนอนที่แจนและมี่อยู่ก็เปิดออกอย่างแรง มีลมพัดเข้ามาในห้อง แจนรีบวิ่งไปปิดหน้าต่าง เหลือบไปเห็นหน้าต่างห้องข้างๆถูกเปิดอยู่  มีเงาดำๆ ยืนมองหน้าเธอ เธอรีบปิดหน้าต่าง แล้วบอกมี่ให้รีบลงไปข้างล่าง ขณะที่แจนและมี่กำลังออกจากห้อง ทั้งสองได้ยินเสียงคนทุบประตู ...ตึง.ตึง.ตึง...ดังมาจากห้องข้างๆ  ทั้งคู่รีบวิ่งลงมาข้างล่างพร้อมกันน่าตาตื่น ทุกคนที่อยู่ด้านล่างหันมามองที่ทั้งคู่อย่างประหลาดใจ แจนจึงได้เล่าให้ทุกคนฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วพี่แทนก็เล่าเรื่องที่เจอมาให้ฟังว่า ตอนที่พี่แทนกำลังอาบน้ำอยู่ เหมือนมีคนมองอยู่ข้างนอกและเหมือนมีคนมาเดินอยู่รอบ ๆ

    ทุกคนนั่งคุยกันไปได้สักพักมี่กลับทำหน้าเศร้าแล้วมองมาที่แจน มี่บอกว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง อยากให้แจนขึ้นไปเอาเป็นเพื่อน แจนอ้ำอึ้งหันไปมองที่ลุงคนขับรถตู้ เลยขอให้ลุงขึ้นไปเป็นเพื่อนอีกคน ในขณะที่เราทั้ง 3 คนเดินขึ้นบันได ทั้ง 3 คนได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังสวดมนต์เป็นภาษาเขมร เมื่อมาถึงหน้าห้องนอน มี่รีบเข้าไปหยิบโทรศัพท์แล้วรีบออกจากห้อง จังหวะที่ทั้ง 3 คนกำลังลงบันได ทุกคนหันไปเห็นผู้หญิงตัวดำชุดดำที่เหยียบหน้าอกแจนในคืนแรก ยืนอยู่ที่มุมห้อง แล้วค่อยๆ เดินตรงมาหาพวกเขาทั้ง 3 คน ณ ตอนนั้นทุกคนรีบวิ่งลงบันไดตรงไปที่ห้องนั่งเล่น นั่งรวมกลุ่มกันรอเวลาให้ถึงเช้า เวลาที่อยู่ๆก็ดูเหมือนมันเดินช้ากว่าปกติ แจนก้มลงมองที่โทรศัพท์มือถือของเธอตอนนี้เป็นเที่ยงคืนกว่าๆ  ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรกัน ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่กลัวที่สุดในชีวิต ไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ จังหวะนั้นแจนก็นึกขึ้นมาได้ว่าเพชรและพลอยอยู่บนห้องยังไม่กลับมาข้างล่าง แจนตะโกนเรียกแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆจากทั้งสองคน ทุกคนจึงตัดสินใจขึ้นไปตามทั้ง 2 คนด้วยกัน พี่แทนได้ยืนเคาะประตูหน้าห้องของเพชรและพลอย แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากทั้ง 2 คนเช่นเคย แจนหันไปมองรอบเป็นการตรวจเช็คว่าจะไม่มีอะไรโผล่ออกมาจากมุมห้อง แต่แล้วแจนก็หันไปเห็นห้องที่ถูกล็อกไว้มันถูกเปิดออก  แจนรีบตะโกนบอกลุงคนขับรถตู้ เมื่อลุงคนขับรถตู้เห็นแบบนั้นจึงเดินไปที่หน้าห้องแล้วเปิดประตู สิ่งที่ทุกคนเห็นภายในห้องมันเป็นเหมือนห้องทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง  มีกลิ่นเหม็นสาบกลิ่นซากศพลอยออกมา แจนมองไปเห็นเพชรที่นอนสลบอยู่ที่มุมห้อง และได้ยินเสียงคนเปิดหน้าต่างออก พอหันไปดูเห็นพลอยนั่งอยู่ขอบหน้าต่างและได้หันหน้ามาหาพวกเธอ พลอยยิ้มให้พวกเธอ รอยยิ้มนั้นฉีกกว้างไปถึงใบหู จากนั้นพลอยกระโดดไปข้างล่าง ตอนนั้นทุกคนทำอะไรไม่ถูก แจนและมี่ ...กรี๊ด!.. ออกมาพร้อมกัน ตกใจกับสิ่งที่เห็น มันเกิดขึ้นเร็วมากจนทุกคนไม่ทันตั้งตัว พี่แทนบอกให้ลุงไปสตาร์ทรถรีบพาเพชรและพลอยไปโรงพยาบาลทันที ทุกคนช่วยกันแบกร่างเพชรลงมาข้างล่าง แจนวิ่งไปนอกบ้าน มองหาร่างของพลอย เธอมองเห็นร่างไร้สติของพลอยที่ตกลงมาจากชั้น 2 หัวฝาดกับหินข้างล่าง เลือดไหลออกจากหัวของพลอยเป็นจำนวนมาก ในใจแจนได้แต่คิดว่าพลอยคงไม่รอดแน่ๆ น้ำตาไหลออกมาอาบที่แก้มของแจนโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วพี่แทนรีบวิ่งมาหาแจน ช่วยกันแบกร่างของพลอยขึ้นรถ ร่างของทั้ง 2 คนทุกนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที

บ้านพักสยองขวัญ ตอนที่ 3

ขณะที่กำลังขับรถไปโรงพยาบาล ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเอาเล็บมากรีดกระจกทั้ง 2 ข้างจนถึงโรงพยาบาล เมื่อถึงโรงพยาบาลพี่แทนรีบส่งเพชรและพลอยให้กับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยรักษาในขั้นต่อไป ทุกคนต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  พวกเธอนั่งรอเพชรและพลอยอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ภาวนาให้ทั้ง 2 คนไม่เป็นอะไร ในที่สุดหมอก็ออกจากห้องมาจากห้องฉุกเฉิน พี่แทนรีบวิ่งไปถามหมอถึงอาการทั้ง 2 คน หมอแสดงความเสียใจกับพวกเธอเพราะไม่สามารถช่วยชีวิตทั้ง 2 คนไว้ได้ทัน หมอได้แจ้งสาเหตุการตายให้พวกเธอได้ทราบ เพชรหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ส่วนพลอยกะโหลกร้าวเลือดคั่งในสมองทำให้ทุกคนยืนร้องไห้อย่างคนเสียสติกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ พี่แทนตัดสินใจเป็นตัวแทนของกลุ่มพวกธอโทรไปเพื่อแจ้งข่าวร้ายกับครอบครัวทั้ง 2 คน

พอถึงตอนเช้าพวกเธอได้เข้าไปแจ้งความกับทางตำรวจ แจ้งสถานที่เกิดเหตุ และพาตำรวจไปบ้านพักหลังนั้น พอไปถึงแจนได้พาตำรวจไปชี้จุดเกิดเหตุ แต่แปลกมากที่สุดคือรอยเลือดของพลอยที่ตกลงมาจากชั้น 2 มันหายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นแจนได้พาตำรวจขึ้นไปชั้นที่ 2 ของบนบ้านไปยังห้องที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าห้องนั้นถูกล็อกไว้เหมือนเดิม ทุกคนในกลุ่มที่เดินตามมาถึงกับอ้าปากค้างเพราะทุกคนแน่ใจว่าก่อนออกไปโรงพยาบาลไม่มีใครล็อกห้องนี้ไว้ แล้วใครเป็นคนล็อกห้องนี้! ทางตำรวจเลยช่วยกันพังประตูเข้าไปด้านใน ภายในห้องเหมือนเป็นสถานที่ทำพิธีกรรม มีหัวกะโหลก มีโต๊ะหมู่บูชาของแปลกๆ มีรูปปั้นต่างๆ ตำรวจถ่ายรูปเก็บหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปดำเนินการกฎหมายในขั้นตอนต่อไป ตกเย็นแจนและพี่แทนนำร่างไร้วิญญาณของทั้ง 2 คน ไปส่งให้กับทางครอบครัวเพื่อนำไปบำเพญกุศล ขณะเดินทางก่อนถึงที่หมายแจนเผลอหลับ เธอฝันเห็นเพชรกับพลอยยืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านหลังนั้น ทั้ง 2 คนพยายามเรียกขอร้องความช่วยเหลือจากแจน จากนั้นไม่นานทั้ง 2 คนถูกเงาดำกระชากลากขึ้นไปบนชั้น 2 ของตัวบ้าน และประตูหน้าบ้านก็ปิดเสียงดัง...ปัง... ทำให้แจนสะดุ้งตื่น แจนเห็นพี่แทนกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในตาทั้ง 2 ข้างของพี่แทนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทำให้มีน้ำไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น หลังจากที่พี่แทนว่างโทรศัพท์ พี่แทนหันมาพูดกับแจนด้วยเสียงสั่นเครือ ตอนนี้นหัวใจแจนแทบตกไปอยู่ตาตุ่มสิ่งที่พี่แทนพูดมานั้นทำให้เธอต้องร้องไห้ออกมา พี่แทนบอกกับแจนว่าลุงขับรถตู้กับมี่ที่กำลังขับรถกลับมา กทม. ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุรถชน ทำให้มี่เสียชีวิตคาที่ส่วนลุงขับรถตู้ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน แจนเมื่อได้ยินดังนั้นก็เข้าไปกอดพี่แทน ในใจได้แต่คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเรื่องร้ายๆต้องมาเกิดขึ้นกับพวกเธอ พวกเธอไปทำอะไรให้ถึงได้ทำกับพวกเธอแบบนี้

หลังจากที่ทั้งคู่ได้ส่งร่างไร้วิญญาณให้กับครอบครัวของเพชรและพลอยเพื่อนำไปบำเพญกุศลต่อ ทั้งคู่ได้แยกย้ายกันกลับบ้านแจนกลับมาถึงบ้าน เธอรีบวิ่งเข้าไปกอดแม่แล้วร้องไห้ร่างกายของเธอตอนนี้รู้สึกหมดเรี่ยวแรงเหมือนถูกดูดพลังออกจากร่างเป็นจำนวนมาก เธอได้แต่ร้องไห้ฟูมฟายกอดแม่แต่ยังไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกินขึ้นทั้งหมดให้แม่ฟัง จากนั้นไม่นานแม่ได้เอ่ยปากถามแจน “ทำไมไม่ชวนเพื่อนเข้ามานั่งในบ้าน เพื่อนมายืนรอที่หน้าบ้านตั้งนานแล้ว” แจนตกใจในสิ่งที่แม่พูดมา ทำให้เธอนั่งมองหน้าแม่เธอ แล้วหันไปมองหน้าบ้านเธอไม่เห็นมีใครอยู่หน้าบ้านเธอแม้แต่คนเดียว เธอได้รวบรวมสติทั้งหมดที่มีและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแม่เธอฟัง แม่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถามแจนอีกครั้งว่า “ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า ทำไมเขาถึงทำกับพวกลูกแบบนี้” แจนได้แต่สายหัวนั่งกอดแม่จนเธอสบายใจ แม่จึงตัดสินใจภายใน 2 วันนี้จะพาเธอกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดไปหาพระป่าท่านหนึ่งที่แม่นับถือ เธอพยักหน้าเป็นการตอบรับกับสิ่งที่แม่บอกมา ด้วยความเหนื่อยล้าเธอจึงขอตัวไปเข้านอน เธอเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้แต่พอเธอรู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว เธอเดินไปเปิดหน้าต่างต้องการจะรับแสงยามเช้า แจนเห็นเงาดำๆวิ่งผ่านหน้าบ้านเธอทำให้เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอลองขยี้ตามองอีกรอบแต่ก็ไม่เห็นอะไร หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่แทน เธอชวนพี่แทนไปงานศพของเพชรกับพลอยด้วยกันในคืนนี้ พี่แทนตอบตกลงแล้วทั้งคู่ได้นัดหมายเจอกันที่วัดตอน 6 โมงเย็น...

แจนและพี่แทนนั่งอยู่ในศาลาสำหรับตั้งศพของเพชรและพลอย แจนได้เล่าให้พี่แทนฟังแม่เธอจะพาไปหาพระวัดป่าพี่แทนจะไปด้วยกันไหม แต่พี่แทนตอบปฏิเสธแจนเพราะเขาต้องเคลียร์งาน เคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ให้บริษัทได้ทราบ แจนพยักหน้าแล้วหันไปนั่งฟังพระ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นหมาในวัดทุกตัวพากันเห่าหอนเสีงดังไม่ยอมหยุดทำให้ผู้ที่มาร่วมงานมีสีหน้าแตกตื่น จนมีพระสงฆ์ท่านหนึ่งท่าทางดูมีอายุหลายพรรษา ท่านเดินไปที่หน้าศาลาแล้วพูดอะไรบางอย่างกับด้านหน้าที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้วท่านก็เริ่มพนมมือสวดมนต์ ไม่นานหนักเสียงหมาหอนพากันหยุดลง ท่านเดินกลับมาแล้วเริ่มสวดอภิธรรมกันต่อ อยู่ดีๆ ชั้นวางศพของเพชรหักลง ทำให้ตัวโลงศพตกลงมากระแทรกพื้นฝาโลงศพของเพชรถูกเปิดออก ครอบรัวของเพชรเดินเข้าไปปิดฝาโลงไว้อย่างเดิม สิ่งที่ทุกคนเห็นถึงกับต้องตกใจเพราะร่างของเพชรมีสีดำไปทั้งตัวผิวหนังที่แห้งติดกระดูก ตาทียังเปิดกว้างทั้งสองข้าง ทำให้พระท่านเดิมเดินลงมาดูพร้อมกล่าวว่า “โยมที่ตายไป โดนของดำเป็นของเขมร”  แจนกับพี่แทนมองหน้ากัน ทั้งคู่ได้แต่เงียบแล้วนั่งฟังพระสวดเสร็จจึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน แจนเดินออกมาที่จอดรถระหว่างทางเธอสังเกตเห็นต้นมะม่วงต้นหนึ่งมีลักษณะที่ใหญ่และสูงกว่าต้นไม้บริเวณนั้น สายตาของเธอได้เหลือบไปเห็นเงาดำๆกำลังนั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งมะม่วง ขณะเดียวกันลมเย็นๆพัดเข้ามาปะทะที่ตัวของเธอ ทำให้เธอได้ยินเสียงคล้ายๆบทสวดแต่ไม่สามารถจับใจความได้เลย เธอรีบวิ่งไปที่รถปิดประตูเสีงดังลั่น ...ปัง... ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์แถวนั้นตกใจ แจนรีบขับรถออกจากวัดเพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านของเธอ เธอพยายามเปิดเพลงเสียงดังพยายามไม่คิดถึงกับสิ่งที่เธอเห็น ขณะที่เธอเลี้ยวเข้าปากซอยบ้านเธอนั้น เสียงเพลงที่เธอเปิดมันกลับเปลี่ยนไปเป็นเสียงสวดมนต์ภาษาเขมรทันที เธอแอบมองไปที่กระจกหลัง เห็นเงาดำๆกำลังวิ่งไล่ตามรถเธอมาอย่างไว จังหวะนั้นเธอรีบขับรถเข้าบ้านแล้วเปิดประตูวิ่งเข้าบ้านทันที

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!