...ป้านเต่า(半岛 bàndǎo แปลว่าคาบสมุทร)เป็นเพียงคาบสมุทรที่กว้างใหญ่ ถูกรุกราน โดย...
...พวกซาโม่ ดินแดนแห่งทะเลทรายต้องสาป...
...มีความผิดใจกันตั้งแต่อดีตเพราะองค์ชายของป้ายเต่าในตอนนั้นได้หมั้นหมายกับองค์ชายที่เป็นเกอของซาโม่ แต่องค์ชายของป้ายเต่าดันไปมีความสัมพันธ์ชั่นชู้สาวกับสตรีนางหนึ่งแล้วจะเอานางมาเป็นชายารอง...
...สำหรับป้ายเต่าการมีสามีหรือภรรยาหลายคนไม่เป็นเรื่องที่ผิด เพราะส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องของการเมืองมากกว่า แต่สำหรับพวกซาโม่ที่รักเดียวใจเดียวกับคู่ครอง นั้นการมีสามีหรือภรรยาหลายคนเป็นเรื่องที่ยอรับไม่ได้เป็นอย่างมาก...
...จนทำให้องค์ชายเกอของซาโม่ทะเลาะกับองค์ชายป้านเต๋าจนองค์ชายเกอเผลอพังมือสังหารองค์ชายป้านเต่าตายในที่สุด ...
...หลังจากนั้นประชาชนของป้านเต่ารู้เรื่องซึ่งจับองค์ชายเกอมาประหารชีวิต...
... และอีกพวกคือเฉียวลี่ กลุ่มคนที่อาศัยในป่าเฉียวลี่ ป่าวิเศษ ติดกับคาบสมุทรป้านเต่า มีภูเขาซินจางกั้นระหว่าง เฉี่ยวลี่กับซาโม่...
... มีปัญหากันเรื่องแม่น้ำจื่อเจียง เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเฉียวลี่พูดจาไม่เคารพผู้พิกษ์แห่งแม่น้ำจื่อเจียง พอเทพแห่งเจียงเหอได้ยินก็ไม่พอใจ จึงดลบันดาลให้แม่น้ำจื่อเจียงไม่ไหลผ่านเป็นเวลา 7 เดือน...
...หัวหน้าเผ่าเฉี่ยวลี่ซึ่งมาขอให้ทางป้านเต่าช่วยเคลื่อนย้ายน้ำจากทางคาบสมุทรป้านเต่าเข้าสู่แม่น้ำจื่อเจียง แต่ทางป้ายเต่าปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเฉียงลี่ได้พูดจาไม่เคารพผู้พิทักษ์แห่งแม่น้ำจื่อเจียงเองและทางป้านเต่าเองก็เคารพเทพแห่งเจียงเหออยู่แล้ว จึงไม่ขอยื่นจมูกเข้าไปยุ่งเกี่ยว...
...ทางหัวเผ่าเฉี่ยวลี่ซึ่งไม่ได้ว่าอะไรแต่ได้พูดทิ้งท้ายก่อนกลับไว้ว่า...
..."เมื่อป้านเต่าไม่ยอมช่วยเรา งั้นเราก็จะช่วยตัวเอง แต่ถ้าหลังจากนี้เราได้กระทำซึ่งใดต่อไปก็ขอให้ทางป้านเต่าไม่ยื่นจมูกเข้ามาเหมือนกัน"...
...และหลังจากนั้นพวกเฉียวลี่ก็พากันไปเก็บน้ำจากเขาซินจางเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในดินแดนเยนวู่ซึ่งกั้นอยู่ระหว่างเผ่าเฉียวลี่และเผ่าซาโม่ เป็นผู้เขาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปปั้นของเทพลี่จวินประทับอยู่อีกด้วย ...
...ป้านเต่าประกาศสงครามกับเผ่าเฉียวลี่ เมื่อเผ่าซาโม่รู้ข่าวจึงเข้าเป็นพวกกับเผ่าเฉียวลี่ เป็นพวกเดียวกันบ้าง หักหลังกันบ้าง ทำสงครามกันเองบ้าง จนทำให้ทั้งสองเผ่าและหนึ่งอาณาจักรทำสงครามกันมาร่วม 10 ปีทั้งสงครามการค้า สงครามการเมือง จนมาถึงสองครามภากพื้นดิน ผลันกันแพ้ชนะมาเรื่อยๆ...
...จนมาทำสัญญาสงบซึ่งกันให้หลัง 1 ปีหลังจบสงครามของทั้งสองเผ่า หนึ่งอาณาจักร ...
... ...
...ป้านเต่าก็เกิดสงครามภายในครั้งใหญ่ขึ้นเป็นเวลากว่า 2 ปี จึงจบด้วยการที่ราชวงศ์หนิงหลินเป็นผู้ชนะ โดยการนำของแม่ทัพซีฮัน แม่ทัพเฟยหลง และบัณฑิตเหลิ่งจิ่ง ผู้เป็นองค์หญิงองค์ชายใหญ่ และองค์ชายรอง ร่วมกับปราบปรามราชวงศ์ต่างๆ และกฎบ ...
.......
.......
.......
...แต่องค์ชายใหญ่เฟยหรงบาดเจ็บจนขาขาดไปข้างหนึ่งเพราะปกป้องซีฮันที่กลัวฟ้าร้องจากจระเข้ยักษ์ในเขตป่าเฉียวลี่ และตัวเฟยหรงเองก็รักน้องชายและน้องสาวมากจึงย้อมสละบังลังก์ให้น้องชายผู้ที่เรียบเฉยตลอดเวลา...
...เหล่าบรรดาขุนนางที่เหลืออยู่จึงให้เหลิ่งจิ่งขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งป้านเต่า และเมื่อเหลิ่งจิ่งขึ้นเป็นฮ่องเต้เขาได้แต่งตั้ง ซีฮัน เป็น เจิ่นกั๋วซีฮันจ่างกงจู่และแต่งตั้ง เฟยหรง เป็น ชิ่งชินหวังเฟยหลง และให้ทั้งสองพระองค์เป็นผู้ร่วมปกครองบ้านเมืองและได้ตั้งราชวงศ์ใหม่จากหมิงหลินเป็น"หมิงเฟิง"...
...โดยแบ่งให้ เฟยหรงเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด คำตัดสิ้นของเฟยหรง เปรียบคำตัดสินเหนือฮ่องเต้และคำตัดสินของซีฮันเทียบเท่ากับพระองค์ แต่ถ้าหากในการประชุมใดความเห็นไม่ตรงกันจะเลือกใช้วิธีโหวต...
...เฟยหรงดูแลในเรื่องกรมยุติกรรม และการเงินในท้องพระคล้อง ส่วนซีฮันดูแลในเรื่องทหารการเกษตร และเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนที่ตัวนางชอบส่งคำร้องทุกข์ที่ได้มาให้หน่อยชายอยู่บ่อยครั้ง ...
...ถึงเฟยหรงจะไม่มีขาข้างหนึ่งแต่ซีฮันก็ให้ใช้ขาไม้แทนขาจริงไปก่อน ถึงจะเดินได้แต่วิ่งไม่ได้เหมือนเก่าก่อน เมื่อออกข้างนอกเฟยหรงจะชอบนั่งรถเข็นมากกว่า ถ้าวันไหนซีฮันว่างๆ ก็จะชอบพาเฟยหรงออกดูประชาชนอยู่บ่อยครั้ง...
...แต่ถึงเหลี่งจิ่งจะเป็นฮ่องเต้ แต่คำพูดของเฟยหรง และซีฮัน ก็มีอิทธิพลในการตัดสินใจอย่างมาก ถึงตัวเขาจะดูเย็นชาแต่ก็เคารพพี่สาวและพี่ชายมากเช่นกัน...
...จึงทำให้ในสายตาประชาชนมองว่าคนที่มีอำนาจมากที่สุดจริงๆ จะเป็น ซีฮัน มากกว่าเหลิ่งจิ่งที่ชอบจัดการงานบริหารอยู่ภายในวังมากกว่าน้อยครั้งที่จะเห็นออกมาข้างนอกวัง ส่วนเฟยหรงจะค่อยอยู่ปกป้องจากทางด้านหลังมากกว่า ...
.......
.......
...เมื่อซีฮันมีอำนาจในทางการทหารมากจนทำให้ในยุคของฮ่องเต้เหลิ่งจิ่ง มีขุนนางผู้หญิง แม่ทัพหญิง ทหารหญิงมากกว่าในยุคหลังๆ ...
...และการเกษตรก็ดีมากถึงขั้นมีข่าวในพระคลังสามารถเลี้ยงทั้งอาณาจักรได้ขึ้น 3 ปี...
.
.......
.......
...ส่วนทางเฟยหรงก็ไม่น้อยหน้าพี่สาว เขาออกกฎหมายที่รุนแรงมากสำหรับผู้กระทำผิด และเขาก็รอบคอบมากเช่นกันในการตัดสิ้น ส่งผลให้การสอบของขุนนางจะเห็นเขาเป็นผู้ออกข้อสอบและคุ้มสอบเป็นประจำเรื่องในท้องพระคลังไม่ต้องพูดถึงเพราะ เฟยหรงเข้มงวดกับการใช้เงินภายในวังมากเรียกได้ว่า อะไรไม่จำเป็นไม่มีทางได้ซื้อมันง่ายๆอย่างแน่นอน ของแทบทุกอย่างที่สั่งซื้อเข้าวังจะต้องได้รับการอนุญาติ และตรวจสอบคุณภาพ จากเขาก็ก่อนเสมอ ...
...และบ่อยๆที่พี่สาวของเขา ซีฮัน ชอบเอาเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนมาให้เขาแก้ปัญหาให้บ่อยๆ และบ่อยครั้งที่ซีฮัน จะชอบพาเฟยหรงไปเดินตลาด...
.......
.......
.......
...ส่วนฮ่องเต้เหลิ่งจิ่งก็ไม่แพ้กันเขาปกครองและตัดสินใจอย่างละเอียดอ่อนเสมอ ในการทำอะไรเขาจะชอบนิ่งและหยุดคิดอยู่บ่อยครั้ง...
...ในบ้างครั้งถ้าเขาพบว่ามีเรื่องแปลกๆกับเล่าขุนนางเขาจะเล่าให้พี่ชายจัดการทันที เพราะถ้าให้ไปบอก ซีฮัน นางจะฆ่าขุนนางนั้นทิ้งทันทีเพราะพี่สาวของเขาเป็นคนตัดสินใจอะไรเร็วมาก แล้วมือนี้ไปไวมากเช่นกัน...
...โดนเฉพาะวันหนึ่งเฟยหรงและเหลิ่งจิ่งได้ปลุกซีฮันในเวลามืดค่ำมากๆ เพียงเพราะเรื่องที่พวกเขาจับได้ว่ามีขุนนางคนหนึ่งเผาโกดังข้าวของชาวบ้าน ซีฮันที่อารมณ์เสียเพราะถูกปลูกก็นั่งสับพงับฟังคำอธิบายของขุนนางคนนั้นจนโยงไปถึงขุนนางคนนั้น คนนู้น คนนี้ พูดจาวนไปวนมาอยู่สองคน โทษกันไปโทษกันมา จนซีฮันลุกขึ้นมาหยิบกระบี่ฟันคอขุนนาง กับ โจรที่เหลือยกแก๊ง จากเรื่องนี้ทำให้ทั้งวังรู้ว่าอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมากวนพระนางอีก ...
.......
.......
.......
...เมื่อภายในอาณาจักรดีขึ้นแล้ว ฮ่องเต้เหลิ่งจิ่งจึงอยากเปิดประเทศค่าค้า และเขาเองก็อยากหาคู่ครองให้พี่สาวสักสองสามคนด้วย เพราะซีฮันนั้นมักจะยังชอบเล่นสนุกเชกเช่นเด็กๆอยู่เสมอพาลให้น้องชายทั้งสองเป็นห่วงอย่างมาก...
.
.
.
.
.
.
มันคือการมโนโปรดอย่าคิดมาก
...วันพุธที่ ๐๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๕...
...วันพุธที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๕...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!