ฉันอายุ30 กว่าๆ เป็นคนขับรถบัส
ยังเป็นคนขับที่อายุน้อยที่สุดของบริษัทอีกด้วย
หลายคนอาจคิดว่าชายหนุ่มมาขับรถบัสไร้ค่ามาก
แต่ฉันไม่สนใจ ไม่ได้ขโมยหรือปล้น พึ่งตัวเองได้ ยกเว้นไม่มีแฟน อย่างอื่นก็ยังมีอยู่
ฉันออกจากสถานีตรงเวลา5:00 น. ทุกเช้า กลับไปที่สถานีเริ่มต้นเวลา7:00 น. วิ่งกลับไปกลับมาในตอนบ่ายอีกรอบหนึ่ง และเลิกงานประมาณบ่าย4 โมงครึ่ง
คนหนึ่งได้หากินเพียงพอ ทั้งครอบครัวก็มีของกิน ทุกวันสบายกายสบายใจ ชีวิตช่างสงบเรียบง่าย
ตุ๋ยเป็นหัวหน้าของทีมเรา
ปกติทุกเรื่องต้องไปคุยกับเขาก่อน ไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็กก็ตาม เป็นคนที่เห็นแก่ตัว เจออะไรที่ดีก็จะเป็นคนแย่งชิงคนแรก
วันอาทิตย์นี้คือวันหยุดของฉัน และบังเอิญมีฝันหวาน ฉันไปคบกับฟ่านปิงปิง! กินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ใกล้จะจับมือกันแล้ว55555 บุ๊บก็ได้ยินเสียงดนตรีด้งขึ้น
เหี้ยใครเต้นรำอยู่รึวะ เปิดเครื่องเสียงดังขนาดนี้?
สุดท้ายในสายตาที่สับสนของปิงปิง ฉันตื่นขึ้นทันที
ฉันยกโทรศัพท์ที่กำลังกรีดร้องอยู่บนโต๊ะ กดปุ่มรับสาย และพูดอย่างมีอารมณ์ที่ไม่ดี:
“ใครจะบ้ารึ โทรมาตอนนี้”
คนอยู่สายนั้นตกตะลึง และเสียงตุ๋ยที่มีสำเนียงน่าเกลียดเข้ามาจากโทรศัพท์
“ลิน นี่พี่ตุ๋ยนะ อยู่บ้านใช่ปะ อย่าเพิ่งนอน รีบมาที่บริษัทเร็ว มีเรื่องด่วนต้องประชุมกัน”
แม้ว่าจะไม่พอใจนัก แต่ฉันก็ยังบอกได้แล้ววางสาย
นี่เป็นกฏของบริษัท ถึงจะติดวันหยุดก็ต้องไปบริษัทเมื่อติดเรื่องฉุกเฉิน
ล้างหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วไม่มีเวลากินอาหารเช้า พอถึงที่ออฟฟิศก็เห็นเพื่อนร่วมงานยืนเต็มห้องแล้ว
ฉันพยายามบีกเข้าไปในห้อง ตุ๋ยเห็นฉันมา พยักหน้าต่อฉันแล้วพูดว่า:
“เอาล่ะ คนมาครบแล้ว เรื่องจะบอกคือว่า มีประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะเพิ่มรถบัสจากโรงงานกระดาษมานี่ วันนี้เรามาประชุมกัน ว่าใครเป็นคนขับเส้นนี้"
“อะไรนะ โรงงานกระดาษ? นั่นร้างไปหมด ตั้งเส้นนี้ ขับรถไม่รับใคร”
พอตุ๋ยพูดเสร็จก็ได้ยินมีคนพร่ำบ่น
ตุ๋ยขมวดคิ้วและพูดว่า
“อย่าไปสนใจว่าจะมีคนอยู่หรือไม่ ปลัดเทศบาลเมืองสั่งให้ทำ ไม่อยากทำก็ไปฟ้อง เถียงอะไรกันนี่วะ”
ทุกคนเห็นตุ๋ยโกรธ ไม่มีใครกล้าพูดอีก ตุ๋ยพูดต่อว่า
"เส้นนี้วิ่งไปกลับวันละรอบเดียวพอ และคนขับที่รับงานนี้จะได้รับเงินเพิ่ม 1000 บาทต่อเดือน"
หลังจากคำพูดเช่นนี้ ฝูงชนก็กลับฟื้นอีกครั้ง
"วิ่งวันละครั้งก็เยอะกว่า 1000 กูก็ยอมทำซิ"
“ฉันด้วยนะ”
เห็นฝูงชนโห่ร้อง ตุ๋ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“นี่ๆๆ มีสิ่งดีๆ กูก็คิดถึงพวกมึงอยู่ตลอดนะ? เรียกกูพี่ทั้งวัน พี่จะให้พวกมึงเสียค่าหรือไง? "
พอตุ๋ยพูดจบ คนปกติชอบพูดคำเยินยอรีบปรบมือกัน
เสียงปรบมือดังขึ้น ตุ๋ยยิ้มอย่างสดใสยิ่งขึ้น
ตุ๋ยหรี่ตาและมองไปรอบๆ อีกครั้ง ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสายตาของเขา จริงๆ ตุ๋ยพูดต่อว่า
“ฉันบอกแล้วนะ ทั้งงานนี้และเงิน มันเป็นแบบนี้ อ่า เป็นงานที่ดี แต่มีจุดเล็กๆ ที่ไม่ต่อยดี อ่า นี่ทำรอบกลางคืน”
"อะไรวะ กะ....กลางคืน? เฮ้ยกูก็รู้ ทำไมอยู่ดีๆแค่ไปรอบเดียวต้องจ่ายเพิ่ม ไปโรงงานกระดาษ? ดึงผีรึไง? "
“ใช่ซิ ได้ยินมาว่าหมู่บ้านโน่นไม่สะอาด มักถูกผีหลอกโดน”
“ดูดิๆ ผีอยู่ไหน ร่างตัวใหญ่ กลัวความมืดหรอวะ
ที่นั่นไม่มีหมู่บ้าน มีคนรายงานมาให้สำนักงานเมืองว่า ชาวบ้านจำนวนมากเข้าเมืองช่วงกลางวันไปขายผัก แต่กลับคืนไม่ได้ เลยสั่งให้เพิ่งเส้นนี้เพื่อให้ชาวบ้านทางโน้นได้สะดวกขึ้น ”
“โอ๊ย ชาวบ้านพวกนั้นขายผักที่ตลาดกลางคืนถึง 4ทุ่ม แล้วรถจะออกกี่โมง?”
ตุ๋ยเม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เริ่ม 5ทุ่ม”
โรงงานกระดาษอยู่ในแถบชานเมือง รถออกจากสถานีหลักของเราเวลา 23.00 น. แม้จะไม่มีรถติดในตอนกลางคืน แต่ก็จะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงโน่น
นั่นหมายถึง ตอนกลับจากโรงงานตอนนั้นต้องเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉันก็เลิกคิดที่จะขับรถคันนี้ พิงกับประตู แล้วหาวง่าง
ไม่มีใครตอบเสียง ตุ๋ยรู้สึกอักอ่วน พูดอีกว่า
“แหม พวกนายเป็นคนขับรถ แล้วยังเลือกเส้นทางกับเวลาออกรถเหรอ?”
จิ๋วทนไม่ไหวแล้ว
"ไอ้ตุ๋ย ไม่ใช่ว่พวกเราไม่ขับ นี่เรามีเมียลูก กลับบ้านก็ตีสองตีสามแล้วลูกๆ นอนกันหมดแล้ว มันจะรบกวนเด็กเข้าเรียนการสอบไม่ใช่รึ”
“ใช่ๆๆ กูก็มีลูกด้วย ปีนี้ม.3 กำลังเตรียมสอบเข้าม.ปลาย”
“กูก็มีลูกด้วย ปีนี้ม.6 เตรียมสอบเข้ามอ”
"ลูกผมอยู่มอปี 3 เตรียมสอบใหญ่"
........
ไม่ว่าลูกตอนนี้อายุเท่าไร ดูเหมือนทุกคนก็ใกล้จะมีการสอบละ
เมื่อฉันแอบดุคนเหล่านี้ขาดคุณสมบัติอยู่ ตุ๋ยหันมามองฉันและพูดด้วยรอยยิ้มที่มีความหมาย:
“ไอ้ลิน มึงยังโสดใช่ปะ ไม่มีลูกเนาะ”
ทันใดนั้น คนขับทั้งห้องมองมาทางนี้พร้อม ๆ กัน ชั่วขณะฉันพูดไม่ออกสักคำ และก่อนจะพูดได้ก็มีมือมาตบไหล่ฉัน
“ลิน น้องยังเป็นหนุ่มนะ ตอนนี้ต้องพยายามทำงานหาเงิน สู้ๆนะ”
ขณะที่ฉันจะพูด อีกมือหนึ่งก็ตบไหล่ฉัน
“ลิน ตอนกลางคืนรถไม่ติด ไม่เหนื่อยหรอก และมีสาวน้อยขึ้นรถเยอะกันแน่ คว้าโอกาสให้ดีนะ”
ก่อนที่ฉันจะปฏิเสธ คนพวกนี้ก็รีบเปิดประตูด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ราวกับว่าตัดสินใจเลือกฉันโดยปริยาย
ทุกคนหายตัวไปในทันที มีเพียงฉันกับตุ๋ยยังอยู่ในห้อง
ริ้วรอยบนใบหน้าของตุ๋ย ซ้อนกันเหมือนใบกะหล่ำปลีที่เหี่ยวแห้ง พูดกับฉันโดยยิ้มอย่างไม่จริงใจ:
"ลิน เรื่องนี้อย่าปฏิเสธแล้วนะ เอางี้ พี่ไปขอเพิ่มอีก 500 บาทแก่เธอ ก็จะมีรายได้มากกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด 2500บาทนะ"
เขาพูดอย่างนี้ฉันแค่รู้สึกงี่เง่า กำลังจะตอบเขาด้วยคำยาบ แต่ตุ๋ยจับมือฉันก่อนและวางกุญแจมาใส่ฝ่ามือฉัน
“คุณไม่ต้องกังวลงานกลางวันละ พี่จะช่วยจัดการให้ ต่อไปลินไปขับรถ2386 ที่จอดอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือ มีไรก็บอกพี่นะ พี่เชื่อใจว่าน้องทำดีได้นะ”
ฉันกำลังจะพูดต่อ อีตุ๋ยก็โบกมือวิ่งไปยังประตู
เมื่อครึ่งตัวเขาออกจากประตู เขาหันกลับมาและพูดกับฉันว่า:
“อ๊ะลิน อันนี้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่พี่เพิ่งจำได้เมื่อคืน เลยก็ คืนนี้ต้องเริ่มทำนะ 5ทุ่ม อย่าลืมนะ”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ งานก็เปลี่ยน สับสนเกินจริง
เมื่อมองดูกุญแจรถในมือ ฉันก็ไม่รู้จะเอ่ยยังไงดี แต่ลองคิดดูก็ช่างมันเถอะ
เงินเพิ่มอีก1500 บาท สูบบุหรี่ที่ดีได้อีกทุกเดือนแล้ว
เวลาทานข้าวเย็นที่โรงอาหาร พี่ถังเข้ามาหาฉันพร้อมกับจานและกระซิบกับฉันอย่างลึกลับ:
“ลิน จริงรึ ตุ๋ยให้มึงทำงานกลางคืน ไปโรงงานกระดาษ?”
ฉันตักข้าวขาวใส่ปากแล้วพยักหน้า
“ชิบหาย อีโง่ เส้นนี้ไปได้ไงวะ”
ฉันได้ยินที่ถังพูดแล้ว หันไปมองใบหน้าที่เข้มงวดของเขา
“พี่ถัง แค่ทำกลางคืนไม่ใช่เหรอ? ไม่เป็นไร ฉันยังเป็นหนุ่ม มีแรงนะ กลัวอะไรวะ”
เมื่อถังได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัว
“มึงเพิ่งมาไม่นาน ไม่รู้เรื่องบางอย่างหรอก คิดว่าพวกหน้าด้านเหล่านั้นกลัวความมืดจริงๆ หรอ และทะเลาะกันเพราะเพื่อลูก?”
เมื่อฉันได้ยินคำเหล่านี้ รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ วางตะเกียบลงแล้วถามว่า:
“พี่ถัง มีอะไรอีกหรอ?”
ถังยิ้มอย่างขมขื่นและพูดด้วยเสียงต่ำ
“เส้นที่ไปโรงงานกระดาษตั้งขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ต่อมาคนขับกลางคืนที่ขับเส้นนี้ดึงรถที่เต็มไปด้วยคนเข้าไปในอ่างเก็บน้ำ มึงว่าแปลกไหม?”
ฉันยิ้มอย่างโล่งใจแล้วพูดว่า
“พี่ถัง เราทำอาชีพนี้ เกิดอุบัติเหตุอันตรายเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึ?”
“ไม่แปลกใจหรอ?” ถังกังวลมาก วางตะเกียบลง เอาหัวแนบหูฉันแล้วกระซิบ
“ต่อมา คนขับคนที่ 2 และ 3 ก็ขับรถเข้าไปในอ่างเก็บน้ำด้วย ในครึ่งปีนะ คนขับสามคน คนที่ในรถสามคันนั้น หายตัวไปหมด!”
รอยยิ้มเดิมบนใบหน้าของฉันหยุดนิ่งในทันที ฉันถามว่า
"ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนนะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้"
ถังมองไปรอบ ๆ เห็นไม่มีใครสนใจ เขาจึงพูดต่อ
“ไม่น่าแปลกใจ รัฐบาลให้ค่าชดเชยปิดกั้นข่าวมานานแล้ว เพิ่งเปลี่ยนนายกเทศมนตรีคนใหม่ใช่ปะ อาจไม่เชื่อความชั่วร้าย จึงเปิดเส้นนี้อีกครั้ง”
หลังฟังคำพูดของถัง ฉันเริ่มรู้สึกบูดบึ้ง
อีตุ๋ยต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ บังคับให้ฉันทำธุระนี้ อยากทำลายฉันเนี่ย!
ถังเห็นสีหน้าฉันไม่ค่อยดี เลยตบไหล่ฉันและพูดว่า
“ลิน เราสองคนสนิทกัน พี่จึงบอกเรื่องนี้ให้ฟัง แต่อาจเป็นเพราะอุบัติเหตุจริงๆนะ เพราะสภาพถนนไม่ดี แต่ยังไงมึงรับงานนี้ไปแล้ว ระมัดระวังให้มากขึ้นนะ”
ฉันพยักหน้า หยิบกล่องบุหรี่ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ถัง
“พี่ถัง ขอบคุณมากครับผม ผมอยู่กับบริษัทนี้มาหนึ่งปีแล้ว มีแค่พี่คนเดียวที่เป็นเพื่อนกัน”
ถังผลักมือของฉันและพูดอย่างกังวล:
“ลิน ยังไงก็ตาม มีเรื่องอะไรก็บอกพี่นะ พี่ช่วยได้ก็จะช่วยแน่นอน”
ในที่สุดฉันยืนยันส่งบุหรี่ให้ถัง ในสังคมปัจจุบันไม่ขออะไรอีก คนที่สามารถบอกความจริงกับเธอนี่เป็นเพื่อนที่ดีอยู่แล้ว
หลังกินอาหารเย็น ฉันอยากไปหาเรื่องกับตุ๋ย แต่เขาไม่อยู่ตลอด
นั่งอยู่อย่างร้าวใจในหองพักจนถึงสามทุ่มครึ่ง ดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้ขึ้นที่นั่งคนขับของรถบัสเส้น 13 หมายเลข 2386
ถือพวงมาลัยที่คุ้นเคย ฝ่ามือฉันยังคงเหงื่อออก
ฉันกัดฟันและคิดในใจว่า ไม่กลัวอะไรหรอก ฉันมีแรงอยู่
สตาร์ทรถ และเมื่อผ่านห้องยาม ฉันก็เหลือบมองเข้าไปข้างในโดยไม่ได้ตั้งใจ
แค่มองไปวินาทีนี้ทำให้ฉันใจหายตระหนก
ชายชราในห้องยามยืนอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาของเขาเบิกกว้างไป และจ้องมองฉันด้วยความสยดสยอง! !
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!