NovelToon NovelToon

ซูเชี่ยว นางร้ายกลับตัวเป็นคนไหม่

ตอนที่1

บนเตียงไม้ไม่เก่าไม่ไหม่ขนาดประมาณ 5 ฟุต มีหญิงสาวนอนหลับอย่างสงบ ด้วยลมหายใจสม่ำเสมอ เวลาผ่านไปไม่เกิน 2 เค่อ มีเสียงบรรเลงกู่เจิงดังมาแต่ไกล ตามสายลมท่วงทำนองไพเราะชวนให้อยากนอนต่อเป็นไหนๆ ในเวลาช่วงยามเหม่า ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงไม้ที่หลับอยู่ รู้สึกตัวและค่อยๆ ลืมตาขึ้น และลุกขึ้นจากเตียงจัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเอง เสียงบรรเลงกู่เจิงที่ได้ยิน เป็นเสียงที่ใช่กันในสำนักเพื่อบอกว่าอีกประมาณครึ่งชั่วยาม ทุกคนต้องมาร่วมตัวกันเพื่อทานอาหารเช้า ในกระจกทองเเดงสะท้อนรูปร่างหญิงสาวใบหน้ารูปไข่เรียวสวย เรือนผมดำงามยาวถึงกลางหลัง ครึ่งบนถูกรวบขึ้นเป็นทรงสวย มีเครื่องประดับรูปดอกไม้เล็กๆ ตกแต่งไม่มากจนเกินงาม และมีปิ่นปักผมรูปผีเสื้อเล็กๆ สีครามปักที่เรือนผม คิ้วหนาดำเรียงตัวจัดทรงสวยโดยไม่ต้องขีดเขียนคิ้วเพื่อความสวยงาม ดวงตาสีฟ้าครามอมเขียวขนตางอนยาวเพิ่มให้ดวงตาดูน่ารักน่าเอ็นดู และน่าทะนุถนอม จมูงโด่งรันเล็กน้อยเข้ากับใบหน้า ปากบางกระจับได้รูปสีเเดงรื้นดูมีน้ำมีนวล ผิวขาวอมชมพูดูสุขภาพดี สวมชุดสีฟ้าครามสลับสีฟ้าอ่อนที่เป็นสีของสำนัก ยิ่งทำให้ดูสง่างามและหวานไปพร้อมกัน

เฮ้อออ หญิงสาวในกระจกถอนหายใจอย่างหนักหน่วง นี่ก็ผ่านไป 7 วันแล้ว ที่เธอเข้ามาอยู่ในร่างของซูเชียว แค่ชื่อก็สามารถบอกถึงภาพลักษณ์ของหญิงสาวได้ดี ซูเชียว ที่แปลว่า สรวงสวรรค์อันงดงาม แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับร่างนี้ โลกใบนี้ที่เธอมาอยู่เลยสักนิด ความทรงจำต่างๆ ในร่างนี้ก็ไม่มีเหลืออยู่ และที่เธอเข้ามาอยู่ได้อย่างไรเป็นสิ่งที่เธอพยายามหาคำตอบมาโดยตลอด 7 วันที่ผ่านมา หญิงสาวลุกจากเก้าอี้ไม้ที่อยู่หน้ากระจกที่เธอนั่งเมื่อกี้ และเตรียมตัวเพื่อเดินไปทางอาหารเช้า ที่นี่คือดินแดนที่คนที่นี่เรียกว่าดินแดน 5 มหาธาตุ ซึ่งประกอบไปด้วย 5 สำนักได้แก่ 1.สำนักวารีหยก พลังภายในคือน้ำ 2.สำนักเพลิงอัคคี พลังภายในคือไฟ 3.สำนักวายุทะลายสวรรค์ พลังภายในคือลม 4.สำนักพฤกษชาติ พลังภายในคือไม้ 5.สำนักกาลพิภพพลังภายในคือดิน และทั้ง5 สำนักถูกปกครองโดยกษัตริย์แผ่นดิน และสำนักที่เธอกำลังอยู่เรียกว่าสำนักวารีหยก ในดินแดนแห่งนี้ผู้คนที่นี่มีพลังภายในเป็นของตัวเองซึ่งจะถูกปลุกขึ้นเมื่อมีอายุ 7 ขวบขึ้นไป พลังภายในเกิดจากการส่งต่อจากพ่อและแม่ที่มีพลังอยู่ก่อน หากพลังของพ่อและแม่คนใดคนหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าก็มีโอกาสกว่า 80%ที่จะส่งต่อพลังนั้นมาที่ลูก หลังจากถูกปลุกขึ้นแล้วทางครอบครัวก็มักจะส่งลูกหลานมาที่สำนักต่างๆ เพื่อรำเรียนในทางที่ตัวเองถนัด แต่ก็มีแค่40% ในแผนดินนี้ที่เกิดขึ้นเพียงเท่านั้นที่ทุกคนสามารถมีพลังภายในได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพลังได้ ในการปลุกพลังภายในตอนอายุ7 ควบ คนที่สามารถฝึกต่อไปได้ต้องมีพลังระดับปานกลางขึ้นไปเท่านั้นถึงเรียกว่ามีพลังภายใน ที่เหมาะสำหรับฝึกฝนขั้นต่อไป พลังแบ่งออกเป็น ไม่มีพลัง พลังระดับต่ำ พลังระดับปานกลาง พลังระดับสูง และพลังระดับสูงสุด

ซูเชียว เดินมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารรวมของสำหนัก โดยคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ราวๆ 170คน ที่นี่มีศิษย์ร่วมสำหนักประมาณ 80 คน คนอื่นๆ นอกจากเจ้าสำนักและอาจารย์ที่ช่วยสอนแล้วก็มี บ่าวรับใช้ที่ค่อยดูแลเรื่องต่างๆ แบ่งออกตามหน้าที่ของตัวเอง ห้องอาหารเป็นห้องโถงกว้างใหญ่ดูหรูหรางดงาม ด้านหน้าสุดและบนสุดเป็นเจ้าสำนักที่นั่งอยู่ไล่ลงมาตามลำดับอำนาจต่างๆ ในที่นี่ แต่จัดเรียงเป็นชั้นปี แบ่งเป็น 5 ปี ก็สามารถจบการศึกษาได้ ชูเชียวอยู่ปีที่ 4 แล้วถึงทำให้เธอได้นั่งใกล้ด้านหน้า ทันทีที่เธอเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงดังออกมา

“ยังกล้ามาอีกเหรอ เป็นข้านะเรื่องหน้าอายขนาดนั้น ป่านี้ข้าไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้วล่ะ หนีกลับบ้านไปแล้วล่ะ”

ได้ยินเสียงเเหลมเล็กแต่ไม่ดังมาดังมาจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง

“นั้นนะสิ นั้นสิ ไช่ ไช่ “เสียงสนับสนุนดังออกมาจากแล้วคนแล้วคนเล่าช่วยเสริมว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

เสียงฝีเท้าดังออกมาจากด้านหน้าของห้องโถ่ง ทำให้เสียงทุกเสียงพลั่นเงียบลง และทุกคนถอนกลับประจำที่ของตัวเอง ที่นี่ทุกคนจะทานอาหารพร้อมกันทุกเช้า แต่ช่วงเที่ยงและเย็นทุกคนสามารถเลือทานได้เอง

“คาราวะเจ้าสำนัก” เสียงของทุกคนกล่าวขึ้นมาพร้อมกัน พร้อมทำท่าโดยเอามือประสานกันยกขึ้นด้านหน้าพร้อมโค้งคำนับ

“ทุกคนเริ่มทานได้” เสียงทุ่มเรียบดังออกมาอย่าหนักแน่น

“ขอบคุณเจ้าสำนัก” ทุกคนกล่าวขอบคุณและนั่งทานอาหาร โดนไม่มีใครพูดคุย

ซูเชียวนั่งทานอย่างไม่สนใจบรรยากาศโดนรอบ เรื่องน่าอายที่ทุกคนพูดเมื่อสักครู่ เป็นเรื่องที่เจ้าของร่างเดิมก่อไว้เมื่อ7วันก่อน ก่อนที่เทอจะมาอยู่ร่างนี้ เจ้าตัวชอบลี่หยาง เจ้าสำนักวารีหยกแห่งนี้ เธอตามรังควานผู้หญิงและศิษย์ผู้หญิงทุกคนที่พยามเข้าใกล้หรืออยู่ข้างกายลี่หยาง ด้วยความที่เธอเป็นลูกสาวของท่านแม่ทัพ ซึ่งทำให้ทุกคนต้องเกรงใจเธอ แถมเธอยังมีพี่ชายที่เป็นเพื่อนสนิทกับลี่หยางเจ้าสำนัก ทั้งที่เธอมีพลังภายในอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่กลับสามารถเข้ามาเรียนในที่แห่งนี้ได้ ก็เพราะงานเลี้ยงราชสำนักที่เธอได้พบกับลี่หยาง ก็ทำให้หญิงสาวปักใจรัก ถึงขนาดขอบิดามาเรียนที่นี่ให้ได้ และด้วยความที่พ่อเธอมีอำนาจจึงทำให้เข้ามาเรียนได้และทำให้เธอได้ใจใหญ่ ครั้งล่าสุดพอเธอรู้ว่า แม่นางฮุ่ยซิ่วลูกสาวของสำนักพฤกษชาติ เข้ามาพบลี่หยางด้วยเรื่องยาสมุนไพรที่ให้นำมามอบให้ เพราะสำนักพฤกษชาติเชี่ยวชาญด้านการรักษาและยาสมุนไพรต่างๆ แต่ซูเชี่ยวกลับคิดว่านางพยายามมาอ่อยลี่หยางชายในดวงใจของนาง จึงว่างแผนเพื่อทำให้แม่นางฮุ่ยซิ่วผลัดตกน้ำ โดยการแสร้งทำเป็นว่าเดินหกล้มเข้าไปชน ถึงทำให้แม่นางฮุ่ยซิ่วตกน้ำ ก่อนที่จะได้เข้าไปพบเจ้าสำนักวารีหยกซึ่งบริเวณที่นางเลือกและได้วางแผนคือสะพานข้ามสระบัวที่ลึกที่เป็นทางที่จะเดินข้ามไปจวนเจ้าสำนัก และเธอได้ใช้น้ำมันที่เธอหาได้ใกล้ตัว มาแอบเทไว้อยู่แล้วแต่ต้น แต่ใครจะคิดว่าอุบัติเหตุที่เธอตั้งใจเตรียมไว้อย่างรอบครอบ ในจังหวะที่แม่นางฮุ่ยซิ่วจะตกและหงายหลังมือไปเกี่ยวกับสร้อยคอที่เธอใส่ ทำให้เธอพลัดลื่นตกไปด้วยอีกคน แม่นางฮุ่ยซิ่วไหว้น้ำเป็นจึงทำให้รอดมาได้และไม่เป็นอะไรมาก แม่ซูเขี่ยวในร่างเก่านี่สิกลับว่ายน้ำไม่เป็น ทั้งที่เป็นศิษย์ของสำนักวารีหยก ที่มีพลังภายในคือน้ำ แต่เหตุผลนี้ทุกคนรวมถึงเธอรู้ดีเพราะเธอมีพลังภายในระดับต่ำมาก จนไม่สามารถที่จะฝึกฝนในการใช้พลังได้เลย ทำให้ซูเชี่ยวในร่างเก่าสลบไปถึง 3 วันเต็มๆ และเหตุการณ์ทำให้เธอเข้ามาอยู่ในร่างนี้

เวลาผ่านไปประมาณ 4 เค่อทุกคนก็ทานอาหารจนเสร็จ และเริ่มที่จะทยอยลุกออกไป

“ทุกคนที่ทานอาหารเสร็จแล้วให้แยกย้ายไปฝึกและเรียนตามปกติ ส่วนซูเชียวไปพบข้าที่ห้องผดุงคุณธรรม” เสียงเข้มกล่าวออกมา และมองมาทางซูเชี่ยว เป็นเสียงของรองเจ้าสำนักเฟยซิ่น หนุ่มวัยกลางคนอายุ 36 ปี หน้าตาดูสุขุมนิสัยเจ้าระเบียบและใจดี มีเมตตาที่ทำหน้าที่เป็นทั้งมือขวาลี่หยางและรองเจ้าสำนัก

“เจ้าค่ะท่านรองเจ้าสำนัก” ฉันตอบออกไปเสียงเรียบและย่อกายเล็กน้อย จากนั้นเดินไปรอที่ห้องผดุงคุณธรรม

——————————

เวลาในภาษาจีน

เค่อ 1 เค่อ คือ15 นาที

1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง

1 ชั่วยามมี 8 เค่อ

1วันมี 100 เค่อ

ยามจื่อ คือ 23.00 - 24.59 น.

ยามโฉ่ว คือ 01.00 - 02.59 น.

ยามอิ๋น คือ 03.00 - 04.59 น.

ยามเหม่า คือ 05.00 - 06.59 น.

ยามเฉิน คือ 07.00 - 08.59 น.

ยามซื่อ คือ 09.00 - 10.59 น.

——————————

ไรท์จะพยายามลงทุกวันน๊าาาทุกคน คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊าาา😊

ตอนที่ 2

หญิงสาวเดินหาตำหนักผดุงคุณธรรมมา 1 เค่อ แล้วแต่กลับไม่พบ จึงได้หยุดถามบ่าวชายที่กำลังกวาดใบไม้อยู่

“ขอโทษ เอ้ย! ขออภัยเจ้าค่ะตำหนักผดุงคุณธรรมไปทางไหนหรือเจ้าค่ะ” ซูเชี่ยวถามออกไปเมื่อหมดความพยายามในการหา แต่ขณะที่เธอได้เห็นหน้าตาของบ่าวรับใช้ชายตรงหน้าเธอกับคุ้นหน้าเขาเป็นอย่างมาก แต่นึกไม่ออกว่าเจอกันที่ไหน

“อะไรแม่นางหนูอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว ใยถึงไม่รู้” บ่าวรับใช้ชายตรงหน้ากล่าวออกมาอย่างรำคาญ เขาอายุราวๆประมาณ40 ปีและใช้มือชี้ไปประตูทางฝั่งขวามือ

“เดินไปทางประตูนั้น แล้วเลี้ยวขวาอีกที” เขาพูดเสร็จและก้มหน้าลงกวาดใบไม้ต่อ อย่างไม่สนใจ

“เอ่อ ท่านหน้าตาคุ้นมาก ไม่ทราบท่านกับข้าเคยเจอกันหรือปล่าว”

ชูเชี่ยวถามออกไปอย่างสงสัย แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา กลับโดนกวาดเศษใบไม้ใส่นี่เป็นการกระทำที่เธอรู้ได้ดีว่าคือการไล่เธอ ซูเชี่ยวจึงเดินออกมาตามทางที่บ่าวรับใช้ชายเมื่อสักครู่บอก

คลายหลังจากที่ซูเชี่ยวหญิงสาวตรงหน้าเดินออกไป บ่าวรับใช้ชายเงยหน้าขึ้นยิ้มมุมปากเล็กน้อยไปที่แผ่นหลังที่กำลังเดินออกไป โดนที่ซูเชี่ยวเองก็ไม่ทันได้สังเกต

.

ณ ตำหนักผดุงคุณธรรม ซูเชี่ยวเดินมาหยุดที่ตรงหน้าตำหนักมองสำรวจไปทั่วบริเวณ เป็นตำหนักที่ดูหรูหราและสวยงาม บนประตูทางเข้าติดป้ายไว้ว่าตำหนักผดุงคุณธรรม ด้านหน้ามีรูปปั่นสิงโตที่มีปีก 2 ตัวอยู่ด้านหน้า 2ข้างบันไดทางเดินเข้าตำหนัก บริเวณข้างๆด้านหน้ามีต้นท้อขนาดใหญ่อายุราวๆ ร้อนปี 1 ต้นมีผลเต็มต้นไปหมด หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเท้าและเปิดประตูเข้าไปข้างในบริเวณข้าวในหรูหราไม่ต่างจากข้างนอก การตกเเต่งเหมือนตำหนักในซีรี่ย์จีนที่เธอเคยเห็นในอินเทอร์เน็ต หญิงสาวค่อยเดินสำรวจเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งรอบๆ เพราะนี้นับเป็นของแปลกใหม่สำหรับเธอที่ไม่เคยเห็นของจริงในโลกปัจจุบันหากเธอเผลอทำมันตกแตกสักชิ้นไม่รู้ต้องทำงานกี่ปีถึงจะชดใช้หมดกันนะ แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากหน้าประตู

ซูเชี่ยวมองไปตามทิศทางเสียงที่เธอได้ยิน เห็นรองเจ้าสำนักเฟยซิ่น ตามด้วยผู้ช่วยข้างกาย 2 คน และศิษย์ในสำนักอีก3คน เป็นหญิง1 คน และชาย2 คน เดินตามหลังเข้ามา

“คาราวะรองเจ้าสำนัก” ฉันพูดออกไปเสียงเรียบและทำท่าคาราวะ รองเจ้าสำนักเฟยซิ่นเพียงยิ้มและพยักหน้า จากนั้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตำแหน่งหน้าห้อง โดยมีผู้ช่วย 2 คนยืนอยู่ที่ ข้าง ตอนนี้ซูเชี่ยวยืนอยู่ตรงกลางห้องโถ่งด้านซ้าย และมีศิษย์ร่วงสำนัก 3คน ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง อาการป่วยหายหรือยัง” เฟยซิ่นกล่าวออกมาทันทีที่นั่งลง

“ขอบคุณรองเจ้าสำนักที่เป็นห่วง ซูเชี่ยวหายเป็นปกติแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปเสียงเรียบด้วยความนอบน้อม

“หายแล้วก็ดี เอาล่ะที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ เจ้าคงจะรู้แล้วว่าเรียกมาด้วยเรื่องอะไร” เฟยซิ่นยังถามออกมาเสียงนุ่มอย่างผู้ใหญ่ที่ดูอบอุ่น โอนโยนและมีความยุติธรรม

“เจ้าค่ะ” ซูเชี่ยวกล่าวออกไปเสียงเรียบ เธอรู้ว่าที่เรียกมาที่นี่วันนี้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ7 วันก่อนแน่นอน เพราะกว่าเธอจะฟื้นและหายจากอาการป่วยก็เลยมาเป็นเวลา 7 วันแล้ว เฟยซิ่นหยักหน้าแล้วให้ผู้ช่วย1 คน หยิบหนังสือไม้ไผ่ที่คนที่นี่นิยมนำมาใช้เขียนเเทนกระดาษกลางออกและอ่านความผิดของเธอออกมา

“ชูเชียว มีใจคิดร้ายวางแผนทำร้ายแม่นางฮุ่ยซิ่ว คุณหนูรองของสำนักพฤกษชาติทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ 3 คน ที่เห็นว่าซูเชี่ยวได้ใช้น้ำมันราดบริเวณสะพานทางเดินก่อนที่แม่นางฮุ่ยซิวจะเกิดอุบัติเหตุลงโทษตามกฎสำนักโบย 20 ไม้และส่งกลับตระกูล” เสียงของผู้ช่วยเฟยซิ่นอ่านจบเสียงดังฟังชัดและปิดไว้เหมือนเดิม

“ทั้งหลักฐานและพยานครบ เจ้ามีอะไรจะเแก้ตัวหรือไม่” ยังเป็นเสียงของเฟยซิ่นที่ถามออกมาและมองมาทางซูเชี่ยว

ทางด้านซูเชี่ยวตอนนี้กำลังขบคิดว่าจะเอายังไงดี โบย20 ไม้ไม่มีปัญหา แต่การส่งกลับตระกูลคนในยุคนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาเป็นอย่างมาก ขืนส่งเธอกลับตระกูลมีหวังท่านพ่อของเธอต้องโกรธเธอมากๆ แถมชาตินี้ผู้หญิงที่ทำเรื่องร้ายเเรงถึงขั้นทำร้ายสตรีด้วยกันถือว่ามีจิตใจอัมหิตไม่สามารถแต่งออกไปตระกูลไหนได้อีก แต่จะให้เธอทำอย่างไรก็เจ้าของร่างเก่าในร่างนี้ทำไปแล้วด้วยนี่สิ ทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคลขนาดนี้พอจะมีทางรอดให้เธอไหมนะ

“ว่าอย่างไร” เสียงนุ่มถามเตือนอีกครั้งเมื่อเห็นหญิงสาวเงียบไป

“เอ่ออ งั้นข้าขอถามพยานทั้ง3คนนี้ว่าพวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้าที่ทำการลักลอบแอบเอาน้ำมันไปราดไว้ " ฉันที่ไม่รู้อะไรเช่นกัน เพราะไม่มีความทรงจำเก่าๆ ของร่างนี้เลย ได้ยินแค่ใครต่างๆ พูดถึงเหตุการณ์นี้ไปทั่วเช่นกัน

“ข้า 3 คน เห็นเจ้าสวมชุดดำ ปิดหน้าปิดตาทำลับๆ ล่ออยู่บริเวณตรงกลางสะพานเวลายามเหม่า และก็เป็นเจ้าอีกที่เดินชนแม่นางฮุ่ยซิ่วจนตกไปที่สระบัว” ชายคนหนึ่งในศิษย์ 3 คนที่มาและยืนตรงข้ามกับเธอพูดขึ้น

“แล้วข้าจะทำแบบนั้นไปทำไมกัน” ซูเชี่ยวถามกลับด้วยท่าทีสงบนิ่ง และไม่แสดงอาการลนลานใดๆ ออกมา

“ใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าชอบท่านเจ้าสำนัก” ศิษย์หญิงคนหนึ่งรีบแย้ง และแอบเหลือบมองหน้ารองเจ้าสำนักเฟยซิ่น เมื่อเห็นว่าไม่มีท่าทางใดๆ จึงพูดต่อว่า

“เจ้าพยายามกลั่นแกล้งและขัดขวางผู้หญิงทุกคนที่พยายามเข้าใกล้ท่านเจ้าสำนักมาโดยตลอด ดังนั้นพอเจ้ารู้ว่าแม่นางฮุ่ยซิ่วจะมาจึงขัดขวางไม่ให้นางได้เข้าใกล้ท่านเจ้าสำหนัก อย่างไรล่ะ”  ศิษย์คนเดิมกบ่าวออกมาด้วยท่าทางเหนื่อกว่า เพราะเธอไม่ชอบหน้าซูเชี่ยวมานานแล้ว ทั้งที่ซูเชี่ยวมีพลังแค่ระดับต่ำเท่านั้นกลับเข้ามาเรียนที่นี่ได้ เเถมยังวางอำนาจใหญ่โตเพียงเพราะเป็นลูกสาวของท่านแม่ทัพ แล้วยังไรล่ะเธอก็แค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะมากดหัวพวกเธอที่มีพลังแบบนี้ได้เพราะแค่เธอไม่ได้เป็นลูกของผู้มีอำนาจแค่นั้น

“ดังนั้นข้าของถามพวกท่าน ถ้าหากข้าทำจริงๆ เหตุใดข้าจึงตกลงไปด้วย ทั้งที่ข้าวางแผนมาก่อนแล้วตามที่พวกท่านกล่าวอ้าง ถ้าหากคนๆ หนึ่งจะทำร้ายใครย่อมต้องศึกษาข้อมูลของคนๆ นั้นมาดี" เธอกล่าวออกมาเสียงเรียบและมองไปที่พยาน 3 คน และกล่าวต่อว่า

“แม่นางฮุ่ยซิ่วว่ายน้ำเป็น นั้นย่อมเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ถ้าหากข้าวางแผนย่อมต้องรู้ แต่เป็นข้าเองที่ว่ายน้ำและน้ำบริเวณนั้นค่อนข้างที่จะลึก บวกกับที่ข้าเองไม่มีพลังใดๆ ที่จะช่วยตัวเองได้เลย แล้วหากข้าเผลอตกลงไปด้วยเล่า พวกท่านคิดว่าคนอย่างข้าที่พวกท่านกล่าวอ้างจะยังเลือกใช้แผนนี้อยู่อีกหรือ มีวิธีมากมายที่ข้าเลือกใช้ได้แล้วข้าจะเลือกวิธีที่อาจเสี่ยงให้ข้าบาดเจ็บด้วยไปใย” หญิงสาวกล่าวออกมายืดยาว ด้วยเสียงเรียบและหนักแน่น ก็เธอไม่ได้ทำจริงๆนิ เจ้าของร่างเก่านู๊น\~ที่เป็นคนทำตั่งหากเธอจะมารับผิดชอบเเทนทำไมล่ะ

“แล้วเรื่องที่เจ้าแอบไปวางน้ำมันล่ะ เจ้าจะว่ายังไง” เสียงนี้เป็นเสียงของรองเจ้าสำนักเฟยซิ่นที่นั่งฟังมานานเเละเริ่มคิดตามที่ซูเชี่ยวพูด

“เรียนท่านรองเจ้าสำนัก ข้าขอถามพยานทั้ง 3 ท่านว่า พวกท่านรู้ได้ยังไงว่าเป็นข้าที่แอบไปวางน้ำมัน ตามที่ทันกล่าวหาพวกท่านเพียงเห็นคนสวมชุดดำ ปิดหน้าตา แถมเห็นเเค่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไร อีกทั้งยังเป็นยามเหม่าฟ้ายังไม่สว่างดีด้วยซ้ำ ท่านไม่เห็นหน้าตาชัดๆ ด้วยซ้ำแต่กลับกล่าวหาข้า” ซูเชี่ยวกล่าวออกมาอย่างต้องการคำตอบ

“เจ้า!!” ชาย 1 ใน3 ของศิษย์ที่มาเป็นพยานสบดออกมาอย่างโมโห

“เอาล่ะๆ ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล แต่ถึงยังไรเจ้าก็มีส่วนผิดอยู่ดีที่ไม่ทันระวังเดินชนแม่นางฮุ่ยซิ่วจนตกน้ำ งั้นลงโทษโดยการโบย 15ไม้ ส่วนพวกเจ้าก็เช่นกันโบยคนล่ะ10 ไม้โทษฐานไม่คิดให้รอบคอบใส่ร้ายพูดอื่น” หลังจากเงียบไปสักพักเพื่อใช้ความคิดเฟยซิ่นกล่าวออกมาเสียงเรียบ

ซูเชี่ยวกำลังจะอ่าปากแย้งแต่หันไปเห็นผู้ช่วยข้างกายเฟยซิ่นส่ายหน้าเป็นการห้าม

“ขอบคุณท่านรองเจ้าสำนัก” ซูเชี่ยวจำใจได้แค่ต้องเก็บคำพูดเอาไว้

“ขอบคุณท่านรองเจ้าสำนัก” เป็นเสียงของศิษย์ที่มาเป็นพยานกล่าวออกมาพร้อมกัน จากนั้นเฟยซิ่นและคนอื่นๆ ก็ทยอยออกไปจากห้อง ร่วมถึงหญิงสาวด้วยเธอทำได้แค่คิดในใจ อะไรกันว่ะเนี่ยไม่ได้ทำผิด ทั้งที่มีคำแก้ตัวทุกอย่างก็ต้องถูกลงโทษด้วยเหรอเนี้ย แล้วฉันจะมีชีวิตรอดไปได้อีกเท่าไหร่กัน

——————————-

เค่อ 1 เค่อ คือ15 นาที

1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง

1 ชั่วยามมี 8 เค่อ

1วันมี 100 เค่อ

ยามจื่อ คือ 23.00 - 24.59 น.

ยามโฉ่ว คือ 01.00 - 02.59 น.

ยามอิ๋น คือ 03.00 - 04.59 น.

ยามเหม่า คือ 05.00 - 06.59 น.

ยามเฉิน คือ 07.00 - 08.59 น.

ยามซื่อ คือ 09.00 - 10.59 น.

——————————

แรกเริ่มนางเอกของเราก็เเสดงความฉลาดและเอาตัวรอดได้เลย น้องจะรอดแบบนี้ทุกครั้งไหมนะ ?

ไรท์จะพยายามลงทุกวันน๊าาาทุกคน ฝากทุกคนติดตาม คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊าาา😊

ตอนที่ 3

สะพานไม้ทอดตัวเป็นทางเดินจากพื้นดินยาวไปกลางน้ำ มีศาลาไม้สไตล์จีนโบราณทรง 8 เหลี่ยม ที่ตั้งอยู่ บริเวณโดยรอบแม่น้ำถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและหน้าผาสูงต่ำสลับกัน มีต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวดูสดชื่น ที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอกเหนือผิวน้ำ ที่นี่คือบริเวณหลังตำหนักหยกขาว เจ้าของตำหนักแห่งนี้ไม่ใช่ใครนอกจากชายที่อยู่ในบริเวณกลางศาลาแห่งนี้ ลี่หยางเจ้าสำนักวารีหยกกำลังนั่งดีดกู่เจิงอย่างเพลิดเพลิน แต่เเล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล ทำให้เขาต้องหยุดบรรเลง จากนั้นลุกขึ้นและยืนหันหน้าชื่นชมทิวทัศน์เบื่องหน้า

“เป็นอย่างไรบ้าง” เสียงทุมกล่าวออกมาโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมามองคนที่พึ่งมาเยือนเมื่อสักครู่นี้

“นางไม่ยอมรับคำสารภาพขอรับ”

เสียงนุ่มกล่าวออกมา ผู้ที่มาเยือนคือรองเจ้าสำนักเฟยซิ่น จากนั้นเล่าเรื่องและเหตุผลการณ์ต่างๆ ให้ลี่หยางเจ้าสำนักฟังอย่างละเอียด เรื่องที่เหล่านั้นคือเรื่องของซูเชี่ยวในวันนี้นั้นเอง

“อืม ครั้งนี้นางนับว่าฉลาดที่สามารถหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองได้ ปล่อยนางไปก่อน” เสียงทุ่มกล่าวออกมาและหันหน้ามามองเฟยซิ่น แล้วยิ้ม

ชายต้องหน้าคือลี่หยาง เจ้าสำนักวารีหยก ใบหน้ารูปไข่ ผมยาวดำถึงกลางหลังพลิ้วไหว ครึ่งบนถูกมัดรวบและครอบด้วยเครื่องประดับสีทองปล่อยห่างม้าที่มัดให้สลายไปกับผมยาว ผมด้านหน้าถูกปล่อยออกมาเล็กน้อยช่วยเพิ่มความสง่างาม คิ้วเข้มดำหนาเรียงตัวสวย ดวงตาสีน้ำตาลแดงคมกริบ ขนตายาวยิ่งทำให้เวลาคนมองแล้วรู้สึกอบอุ่นและหนาวเย็นละเยือกไปพร้อมกัน จมูกโด่งได้รูป เรียวปากไม่หนาไม่บางเกินไปเข้ากับใบหน้าได้ดี ทำให้คนที่พบเห็นไม่สามารถละสายตาได้ กิริยาการยืนดูมั่นคงภูมิฐาน เสื้อผ้าเนื้อดีสีดำยาวตัดกับผิวขาวยิ่งทำให้ดูสง่างามหาใครเทียบ

“ครั้งนี้นางทำเกินไปจริงๆ ท่านไม่ควรปล่อยไว้แบบแบบนี้อีก นางชื่นชอบท่านมากจนกระทำตัวเกินขอบเขต…”

เฟยชิ่นยังพูดไม่จบและกับต้องหยุดพูดเมื่อลี่หยางยกมือห้ามไม่ให้พูดต่อ

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย หากมีครั้งต่อไปส่งนางกลับจวนท่านแม่ทัพ”

ลี่หยางกล่าวออกมาเสียงเรียบและหยิบแก้วชาที่เฟยซิ่นพึ่งรินให้เมื่อสักครู่ยังมีควันจางๆ ลอยออกมา และยืนหันหลังกลับมายกชาดื่มและมองทิวทัศน์อันสวยงามและสงบด้านหน้าเงียบๆ โดยไม่มีเสียงของทั้ง2 ดังขึ้นอีก

.

.

ด้านซูเชี่ยวหลังจากที่โดนทำโทษด้วยการโบย 15 ไม้ ก็ใช้เวลากว่า 2 เค่อในการหอบสังขารกลับมาที่ห้อง โดยที่ไม่มีใครคิดที่จะพยุงเธอกลับมาเลย เพราะเธอทำผิดมาหลายครั้งในร่างเก่าบ่าวรับใช้จึงถูกส่งกลับไปหมด และศิษย์ร่วมสำนักก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นนางมารร้ายอย่างเธอ จึงต้องช่วยเหลือตัวเองอย่างยากลำบาก พอกลับมาถึงห้องหญิงสาวจึงค่อยๆ เดินไปหาตามลิ้นชักเพื่อหายามาท่า

หญิงสาวเปิดหาไม่นานก็พบ เป็นขวดยาสีขาวที่มีชื่อเขียนไว้ข้างและในเป็นผงละเอียดสีขาว โชคดีหน่อยที่มีชื่อเขียนไว้ว่าเป็นยาอะไร ด้วยการแพทย์ในโลกนี้แตกต่างจากโลกปัจจุบันมาก อย่างสามัญประจำบ้านในโลกก่อนแตกต่างกันลิบลับ เธอค่อยๆ ดันร่างกายให้ไปนอนบนเตียง และถอดเสื้อป้าออกเผยให้เห็นผิวหนังด้านหลังที่ผิวถลอก และเลือดไหลออกมาอย่างน่ากลัวและชวนขนลุก เธอค่อยๆ เทยาลงไปช้าอย่างทุลักทุเล

“อ๊ากกกกก แสบชะมัด”

เธอร้องออกมาอย่าห้ามไม่ได้ เมื่อผงสีขาวถูกแผลเธอนิดเดียวเท่านั้น พลางคิดว่ายาพิษหรืออย่างไรขืนเธอทาทั่วหลังมีสิทธิ์ทนไม่ไหวจนตายก็เป็นได้ คนที่นี่ก็กระไร โบยเจ็บชะมัด ตีแค่ไม้เดียวข้าก็ไม่กล้าทำอีกแล้วล่ะ เธอไม่กล้าที่จะใส่ยาอีกแม้แต่นิดเดียวเพราะมันทั้งแสบและทรมานเกินไป ทำได้เพียงใส่ผ้าชุบน้ำ และค่อยๆ เช็ดบริเวณแผล

ก๊อกๆ!!

เสียงเคาะประตูดังออกมา ทำให้หญิงสาวที่ตั้งใจเช็ดแผลสดุ้งจนเผลอเอาผ้าไปโดนแผลแรง จนส่งเสียงซี๊ด\~ ออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บและเเเซบที่แผล

“ใคร” ซูเชี่ยวส่งเสียงถามออกไป และเอาผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ ปิดร่างกายเอาไว้

“ข้าเจียอี ท่านรองเจ้าสำนักเฟยซิ่นให้ข้าเอายามาให้” เสียงหญิงสาวที่อยู่หน้าห้องดังเข้ามา

“เชิญแม่ทางเจีนอี”

ซูเชี่ยวกล่าวออกมาเสียงเรียบ เจียอีเปิดประตูเข้ามาด้านใน หน้าตานางไม่ถึงกับสวยแต่ออกแนวน่ารัก และดูปราดเปรื่อง เจียอีมองไปรอบๆ ห้องที่ไม่กว้างไม่เล็กจนเกินไป เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาในห้องนี้ เพราะปกติศิษย์ในสำนักจะได้นอนห้องล่ะ 3 คน แต่ซูเชี่ยวได้นอนคนเดียวเพราะเธอใช้อำนาจทางครอบครัว เจียอีเดินมาหยุดที่หน้าเตียงของซูเชี่ยว และวางถาดยาที่เธอถือมาวางที่โต๊ะข้างเตียง

“เจ้าท่าเช้าเย็นไม่เกิน3วันแผลจะตกสะเก็ดและหายดี” เจียอีกล่าวออกมาและทำท่าจะก้าวขากลับไป

“ขอบเจ้ามากแม่นางเจียอี” ซูเชี่ยวกล่าวออกมาด้วยความจริงใจ และหยิบยาที่เจียอีนำมาอย่างสงสัยว่ามันใช้ยังไง

“เจ้าว่ายังไงนะ ขอบคุณงั้นเหรอ” เจียอีที่กำลังจะก้าวขาออกไปต้องหยุดชะงักและหันกลับมามองว่าใช่นางเจียอีที่ได้ชายาว่านางมารร้ายคนนั้นรึปล่าว

“อะไรของเจ้า ขาก็พูดว่าขอบใจเจ้าอย่างไรเล่า”

ซูเชี่ยวพูดโดยไม่หันมามองหน้าเจียอีอีก แต่กำลังสนใจยาที่นางเอามาให้ มี 2 อย่าง คือถ้วยยาที่น้ำด้านในสีออกน้ำตาลๆ นี่น่าจะเป็นยาสมุนไพรต้มที่ไว้กิน อีกถ้วยเป็นยาผงสีออกส้มอิฐที่ละลายน้ำมาแล้วมีเนื้อเหลวไม่มากน่าจะเป็นยาสมุนไพรที่ใช่ท่าแผล

เจียอีที่ยังอึ้งอยู่มองมาที่นางอย่างจับผิดทางสีหน้าแต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติ หรือการฟื้นใจในการพูดใดๆ จึงถอนหายใจและเดินเข้ามาใกล้

“ถ้วยนี้เจ้าดื่ม ส่วนอีกเจ้าเอาไว้ท่า”

เจียอีชี้ไปทิศทางถ้วยขณะที่พูด ซึ่งเป็นอย่างที่ซูเชี่ยวคิดไว้ไม่มีผิด ซูเชี่ยวที่นอนอยู่กำลังจะหยิบอีกถ้วยเพื่อมาทาแต่ก็ยังทำท่าทุลักทุเลเพราะยังเจ็บและเเซบอยู่มาก เจียอีที่เห็นท่าเก้ๆกังๆ ของนางก็รู้สึกสงสาร นางคิดว่าซูเชียวที่แต่ก่อนนางมีคนคอยรับใช้ แต่ตอนนี้ถูกส่งกลับจนหมดแล้ว แถมท่าทางนางตอนนี้ก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรจึงหยิบยาจากมือของซูเชียวมา

“เจ้าทานยาในถ้วยนั้นก่อน มันช่วยให้เจ้าลดอาการปวด แก้อักเสบ และป้องกันไม่ให้เจ้าเป็นไข้ ไม่สบาย แล้วเดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าทายาที่แผลให้”

เจียอีพูดออกมาในที่สุด ซูเชี่ยวเพียงทำตามที่เจียอีบอก ทานยาจากนั้นนอนคว่ำให้เจียอีทสยาที่แผลให้ ตอนที่เจียอีทสยาให้เธอทำใจยอมรับความเจ็บปวดแบบคราวที่เธอท่าเองอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บแสบแบบที่เธอคิดไว้ แต่กลับรู้สึกเย็นสบายบริเวณที่ทาแทน

“ต่อไปตอนเจ้าท่าก็เช็ดแผลให้สะอาดก่อน และน้ำผงยาในขวดที่ท่านรองเจ้าสำนักเฟยซิ่นให้มาผสมน้ำลงไปเล็กน้อย อย่าท่าบริเวณปากแผลให้ท่าข้างๆ”

เจียอีพูดออกมาและนำผ้าห่มปิดร่างกายให้เธอ เพราะเกรงว่าหญิงสาวน่าจะทำอะไรไม่เป็นเพราะแต่ก่อนมีบ่าวค่อยรับใช้ตลอด

“หากเจ้ามีอะไรเรียกข้าได้ ข้าอยู่ห้องตรงข้ามเจ้า อ้อท่านเฟยซิ่นให้ข้ามาบอกเจ้าด้วยว่า 2วันนี้เจ้าไม่ต้องไปเรียนหรือทานอาหารเช้าร่วมกับคนในสำนักก็ได้ รอให้แผลเจ้าหายดีกว่า” เจียอีกล่าวออกมาเสียงยาว

“ได้ ขอบใจเจ้าอีกครั้ง” ซูเชี่ยวกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่บงบอกถึงการขอบคุณที่จริงใจ เจียอีเพียงพยักหน้าแล้วเดินออกไป หลังจากที่เจียอีออก ซูเชียวก็ค่อยๆ เช็ดเนื้อตัวเพราะเธอยังอาบน้ำไม่ได้ไม่งั้นแผลจะโดนน้ำและไม่หาย นี้เป็นสิ่งที่รู้กันทั่วไปในโลกปัจจุบันที่เธออยู่ พลางคิดไปด้วยว่าอย่างน้อยวันนี้เธอก็ยังโชคดีที่เจอเจียอี โลกใบนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายกับเธอทุกคน หลังเช็ดตัวเสร็จเธอก็หลังอย่างเหนื่อยล้า

.

.

3 วันผ่านไป ซูเชี่ยวหายจากอาการเจ็บ และเเผลเริ่มตกสะเก็ดจนหมดแล้วโดยไม่มีแผลเป็นเหลือเลย      เหลือเชื่อมากยานั้นวิเศษเกินจริงมาก ถ้าเป็นโลกปัจจุบันคนที่ทำยาชนิดนี้เป็นนะคงเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว วันนี้หลังจากที่เธอทานข้าวเช้าพร้อมกันกับคนในสำนักแล้ว ซูเชี่ยวก็เข้ามาเรียนทฤษฎีในห้องร่วมกับศิษย์คนอื่น เธอทำได้แค่นั้นสัปหงก เพราะเธอไม่เข้าใจเลยสักนิด แค่เรื่องง่ายๆอย่างการโคจรพลังในร่างกายเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไร ถึงทำได้แค่นั่งดูคนอื่นจนจบคาบเรียน หลังเรียนเสร็จหญิงสาวตรงกลับมาที่ห้องอย่างเดียว โดยที่ไม่สนใจที่จะไปไหนทั้งนั้นเป็นแบบนี้มา 1 เดือนแล้ว เพราะเธอไม่อยากที่จะยุ่งและสุงสิงหรือมีปัญหากับใครอีก ส่วนทางด้านเจียอี่หลังจากที่วันนั้น พอเธอหายก็พยายามเข้าหาเจียอีขอเป็นเพื่อนกับนาง แต่นางก็ยังไม่รับซูเชี่ยวเป็นเพื่อนอย่างจริงใจ ยังไม่เชื่อว่าซูเชี่ยวจะเปลี่ยนใจกลับมาเป็นคนดีได้ เพราะคิดว่าเธออาจมีแผนการอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้ขับไลส่งซูเชี่ยวไป

—————-

เค่อ 1 เค่อ คือ15 นาที

1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง

1 ชั่วยามมี 8 เค่อ

1วันมี 100 เค่อ

ยามจื่อ คือ 23.00 - 24.59 น.

ยามโฉ่ว คือ 01.00 - 02.59 น.

ยามอิ๋น คือ 03.00 - 04.59 น.

ยามเหม่า คือ 05.00 - 06.59 น.

ยามเฉิน คือ 07.00 - 08.59 น.

ยามซื่อ คือ 09.00 - 10.59 น.

——————————

สงสารนางเอกของเรานะ จะมีเพื่อนกับเขาทั้งที แต่เพื่อนกลับยังรับเป็นเพื่อนแค่ 50% เพราะยังไม่เชื่อใจ\~\~\~ ส่วนพระเอกของเราก็พึ่งออกมาเเว็ปๆ อดใจรอกันหน่อยน๊าา

ไรท์จะพยายามลงทุกวันน๊าาาทุกคน ติดตาม คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊าาา😊

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!