NovelToon NovelToon

[นิยาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 1 รถโจร

บทนำ

“หลูจื้อ พวกเราไม่ควรคบกันตั้งแต่แรก” ชุยหังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล

“ถ้าอย่างนั้นมึงแม่งมาทำให้กูหลงรักมึงทำไมวะ” หลูจื้อตะโกนถามกลับ

ชุยหางพยายามประนีประนอมต่อความใจร้อนของหลูจื้อ : “เป็นความผิดของฉันเอง บางทีฉันไม่ควรจะมาที่เมืองนี้เลยด้วยซ้ำ”

“เพราะแบบนี้นายก็เลยจะทิ้งฉัน เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ฉันทอดทิ้งนายอย่างนั้นใช่ไหม”

“ฉันทอดทิ้งตัวฉันเอง เพื่อให้นายสมหวัง” ชุยหังฝืนยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด ในที่สุดน้ำตาก็กลั้นเอาไว้ไม่ไหวไหลออกมาพร้อมรอยยิ้ม

เขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่แยกจากหลูจื้อ โลกทั้งใบของเขาคงจะแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี

แต่จู่ๆ หลูจื้อก็เหมือนจะบ้าไปแล้ว เขาเอื้อมมือมารั้งตัวชุยหังเข้าไปกอดไว้แน่น : “ไม่ต้องมาพูดเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้กับฉัน กูแม่งจะบอกอะไรให้นะ ไม่ว่านายจะเป็นหรือตาย นายก็เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”

“ให้ฉันตายก็ได้ แต่ว่าครอบครัวของนายล่ะ” ชุยหางเอ่ยถามอย่างเหม่อลอย แววตาของเขาขุ่นมัว

ชุยหางเป็นเหมือนแมลงที่ยืนอยู่บนผิวน้ำที่ได้แต่ระมัดระวัง ไม่กล้าแม้แต่จะทำให้เกิดคลื่นน้ำ ไม่กล้าแม้แต่จะไปเปรอะเปื้อนดอกบัวที่หอมหวาน

ท่ามกลางความขุ่นมัวนั้นมีมือใหญ่มือหนึ่งผลักชุยหังให้ออกไปอยู่ข้างตัวหลูจื้อ ให้ผู้ชายทั้งแท่งแข็งทื่อเป็นเหล็กอย่างหลูจื้อที่ถูกโก่งงอเบี่ยงเบนจนเกือบจะหักอยู่แล้ว

แขนของหลูจื้อที่รัดแขนชุยหังเอาไว้แน่นก็ค่อยๆ คลายออกช้าๆ

ฉันรักนาย ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นเพศไหน แต่ท้ายที่สุดก็หนีความจริงไม่พ้น

ฉันรักนาย ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา แต่ท้ายที่สุดก็พานายหนีไปไม่ได้

ฉันรักนาย ไม่เกี่ยวกับความสำเร็จใดๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงปกป้องนายจากลมฝนได้

“ถ้าหากมันสามารถเป็นจริงได้ ฉันยินดีที่จะตื่นขึ้นมาแล้วพูดประโยคหนึ่งกับนายทุกวันว่า 721,521 [1] ”

“ได้ นายรอฉันก่อนนะ ฉันจะทำให้มันกลายเป็นจริงให้ได้ ที่ฉันติดหนี้นายจะจ่ายมันคืนด้วยความรู้สึก ที่นายติดหนี้ฉันต้องจ่ายด้วยตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของนาย”

“พี่คนขับครับ อีกนานไหมครับกว่าจะถึง แล้วที่นี่คือที่ไหนครับ” ชุยหังมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่สภาพการณ์ดูเหมือนยิ่งไกลออกไปจากตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเป็นกังวลขึ้นมานิดหน่อย

ต้นไม้ข้างทางก็ยิ่งหนาทึบ ถนนก็เริ่มคดเคี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนที่เขาจะมาที่เมืองเอ้อก็พอจะได้สอบถามมาก่อนบ้างแล้วว่ามหาวิทยาลัยของพวกเขาอยู่ในใจกลางเมือง ไม่ใช่ที่ห่างไกลเปล่าเปลี่ยวแบบนี้

คนขับรถคนนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ

คนขับพูดอย่างหงุดหงิด: “อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

“ผมจะไปมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคนะ แต่นี่พี่ลากผมมาที่ไหนกันเนี่ย”

“มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค? เมื่อกี้น้องพูดว่ามหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคหรอ พี่จำได้ว่าน้องบอกว่ามหาวิทยาลัยพลังงานนี่นา” พี่คนขับรถดูเหมือนแปลกใจมาก

ชุยหังหมดคำจะพูดแล้ว โพลีเทคนิคกับพลังงานยังไงก็ไม่มีทางเอามาปะปนหลงกันได้อยู่แล้วไหม

เขานั่งนิ่งต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนเขาพึ่งจะลงจากรถไฟมายังไม่ทันได้มองทิศทางให้แน่ชัดก็ถูกคนขับรถคนนี้มาขวางไว้ก่อนจะลากพามาขึ้นรถ

ถ้ารู้เร็วกว่านี้เขาคงจะไม่รีบมามหาวิทยาลัยเร็วขนาดนี้ ผ่านไปอีกสองวันทางมหาวิทยาลัยคงจะจัดรถมารอรับนักศึกษาใหม่อยู่แล้ว

“จอดรถ ผมจะลงรถ” ชุยหังพูดขึ้น

ในสถานการณ์แบบนี้ ตนจะสามารถพูดอะไรได้อีกหรอ

ถ้าหากยังปล่อยให้เขาพาตัวเองขับไปต่อแบบนี้ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้อาจจะมีข่าวใหม่ว่านักศึกษาปีหนึ่งเดินทางมารายงานตัวล่วงหน้าแล้วถูกฆ่าตายศพถูกทิ้งไว้ในป่ารกร้างข้างทางแน่ๆ

แต่ไอ้คนขับกลับทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเลย แถมยังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆ อีกต่างหาก

“ผมบอกให้จอดรถ ไม่ได้ยินหรือไง” ชุยหังเริ่มร้อนใจ

ไอ้บ้านี่ไม่ใช่คนดีของแท้เลย ถ้ารู้เร็วกว่านี้ตนคงไม่มีทางขึ้นรถคันนี้มาแน่

แต่มาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว กระเป๋าเดินทางของตนก็ยังอยู่ท้ายรถของเขาด้วย

“ถ้าพี่ยังไม่ยอมจอดผมจะโดดออกไปแล้วนะ” ชุยหังเริ่มตะโกนใส่

คนขับเหมือนจะจนปัญญาแล้ว สุดท้ายก็จอดรถเทียบข้างทางในที่สุด

และในตอนนี้เองก็มีรถทหารคันหนึ่งขับผ่านมาพอดี

ชุยหังรีบถลาออกจากรถแท็กซี่ในขณะเดียวกันนั้นก็รีบวิ่งไปขวางหน้ารถทหารเอาไว้ก่อนจะโบกมือทั้งสองข้างพลางตะโกนเสียงดังว่า : “หยุดรถก่อนมีคนจะปล้น”

คนขับรถแท็กซี่ตกใจและคิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กคนนี้จะทันได้สังเกต

รถทหารคันนั้นแทบจะหยุดไว้ไม่ทัน จนหน้ารถเกือบจะติดกับตัวของชุยหังแล้วรถถึงหยุดลง เสียงเบรกรถดังเอี๊ยดจนแสบแก้วหูไปหมด

——

[1] 721,521 ชินอ้ายเตอะ หว่ออ้ายหนี่ (亲爱的我爱你) แปลว่า ที่รักฉันรักคุณ

ตอนที่ 2 พี่ทหาร

คนขับรถเห็นท่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้วก็กำลังจะขับรถหลบหนี แต่ในจังหวะนั้นเองชุยหังก็รีบพุ่งเข้าไปเปิดท้ายรถ วินาทีที่รถสตาร์ทขึ้นและกำลังจะออกตัวนั้นเองเขาก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ดึงเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองลงมาจนหมด

เสียงกระเป๋าหล่นกระทบลงบนพื้น ในตอนนั้นเองชุยหังก็รีบจำหมายเลขทะเบียนรถคันนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็ลากกระเป๋าเดินมาที่รถทหารคันนั้นอีกครั้งก่อนจะเคาะกระจกรถเบาๆ

กระจกรถหนาทึบค่อยๆ เลื่อนลงช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้มที่อยู่ภายในรถ

“นายอยากตายหรือไง” คนๆ นั้นโพล่งประโยคนี้ออกมาใส่หัวใส่หน้าเพียงประโยคเดียว

ชุยหังตอบกลับ: “คนเมื่อกี้เป็นพวกโจรขับรถหลอกขโมยของ ถ้าผมไม่ลงจากรถคันนั้นได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ เลย”

ชายคนนั้นกลับพูดว่า: “ดูจากความสามารถของนายแล้วฉันกลับคิดว่าคนที่เกิดปัญหาใหญ่น่ะน่าจะเป็นเขามากกว่า”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นรถทหารเขาจะยอมไปง่ายๆ แบบนี้หรอ มันต้องลงจากรถมาขู่เข็ญเอาเงินจากผมแน่ ไม่แน่อาจจะต่อยตีผมด้วยซ้ำ” ชุยหังตอบกลับ

เรื่องแบบนี้ในโทรทัศน์มีให้เห็นออกจะบ่อยและแน่นอนว่าเขาเองก็จำใส่ใจเลยด้วย

“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็รีบไปได้แล้ว” พี่ทหารบนรถพูด

ชุยหังนิ่งตะลึงไป นี่เขาจะไม่พาตัวเองกลับไปส่งหรอ

“แล้วถ้าเกิดว่าอีกเดี๋ยวเขากลับมาล่ะ” เขาพูดเป็นนัยๆ

“นายก็เอาเงินค่ารถให้เขาไปก็หมดเรื่องแล้ว” พี่ทหารพูดพลางขำออกมาอีกด้วย แต่เหตุการณ์เมื่อกี้นี้ยังทำเขาหวาดกลัวอยู่เลยนะ

“ไม่มีทาง ผมไม่แจ้งตำรวจก็ดีเท่าไหร่แล้ว” ชุยหังว่า

“นายเก่งขนาดนี้แล้วยังจะขวางรถอยู่อีกทำไม” พี่ทหารถามกลับ

ชุยหังตอนนี้เริ่มจะเฉาลงแล้ว : “ผมเก่งอะไรซะที่ไหนกันเล่า ถ้าผมเก่งเมื่อกี้คงจะไม่ยืมรถทหารคันนี้ของพี่มาข่มขู่เขาหรอก”

“ในเมื่อข่มขู่เสร็จแล้ว ฉันไปได้แล้วใช่ไหม” พี่ทหารถามต่อ

ชุยหังรีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน : “แล้วที่นี่มันที่ไหนกันล่ะ ผมถูกทิ้งไว้ที่นี่ก็หามหา’ ลัยไม่เจอแล้ว”

“ที่นี่คือเมืองเอ้อ” พี่ทหารหัวเราะออกมาจนเผยให้เห็นฟันขาวๆ

ชุยหังแอบคิดในใจว่าไร้สาระชะมัด แต่แน่นอนว่าไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้

ถนนสายนี้แม้แต่รถผ่านไปผ่านมาก็น้อยมาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตนถึงจะเรียกรถให้พากลับไปส่งที่มหาวิทยาลัยได้

“นายเรียนที่มหา’ ลัยไหนล่ะ” พี่ทหารถาม

ชุยหังพูดอย่างรวดเร็ว: “มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค”

นัยน์ตาของพี่ทหารมีแสงแปลกๆ พลันสว่างออกมาก่อนจะพูดว่า : “ไม่ใช่ทางผ่าน เอาแบบนี้แล้วกัน นายเดินต่อไปตามถนนสายนี้อีกประมาณห้านาทีก็จะเจอสี่แยก แถวนั้นมีรถผ่านไปมาเยอะ”

ชุยหังพยายามอดทนอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ก่อนจะพูดเพียงว่า : “อ้อ”

จากนั้นก็เดินลากกระเป๋าเทอะทะเดินไปตามทิศทางที่พี่ทหารพึ่งจะบอก

“นายจะไม่ขอบคุณฉันหน่อยหรอ” พี่ทหารจู่ๆ ก็ยืนหน้าออกมาถาม

“อืม ขอบคุณมาก ผมขอบคุณแทนทุกคนในครอบครัวของผมด้วย ขอบคุณหัวหน้าของพี่ที่อบรมสั่งสอนลูกน้องทหารได้ออกมาเป็นคนดีขนาดนี้” ชุยหังพูดด้วยความโกรธเคืองอารมณ์ไม่ดี

แค่นึกถึงว่าตัวเองต้องเดินต่อไปตามถนนนี้จนถึงสี่แยก แล้วยังนั่งรอรถที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ แค่คิดก็รู้สึกคับคั่งใจแล้ว

พี่ทหารแค่ได้ฟังก็หลุดขำออกมาแล้ว เจ้าเด็กคนนี้น่าสนใจ

“ครั้งหน้าอย่ามาขวางหน้ารถแบบนี้อีกนะ เดี๋ยวจะเกิดเรื่องเอาง่ายๆ” เขายังคงตะโกนตามหลังชุยหังมา

ชุยหังแค่ได้ยินก็อารมณ์เสียแล้ว : “โอเค ครั้งหน้าต่อให้ต้องถูกขังก็จะไม่มีทางวิ่งขวางหน้ารถแบบนี้อีกแล้ว โดยเฉพาะรถทหารแบบพี่”

พี่ทหารได้ยินก็รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ไม่รู้จักซาบซึ้งในพระคุณเอาเสียเลย แต่ว่าตนเองก็มีเรื่องสำคัญจริงๆ ล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด

ช่างเถอะ ในเมื่ออีกไม่กี่วันตนก็อาจจะมีโอกาสได้เจอเขาอีก

ตอนที่ 3 มหาวิทยาลัย

ชุยหังยืนรออยู่ตรงนั้นนานกว่าครึ่งชั่วโมงเต็มๆ กว่าจะมีรถขับผ่านมา

หลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้ว ในใจของเขายังคงหวาดผวาไม่หาย เอาแต่คอยถามคนขับรถว่ายังจำสถานที่ที่ตนต้องการจะไปได้ไหม จากตรงนี้ถึงมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคเหลืออีกไกลแค่ไหน แล้วต้องใช้เวลาเดินทางนานเท่าไหร่

ด้านคนขับรถก็ใจดีมากถามเขากลับว่าเขาหลงทางมาหรือเปล่า

ชุยหังอึดอัดใจจึงเล่าเรื่องที่ตัวเองถูกคนขับรถนิสัยแย่ลากมาถึงที่นี่ แต่ตัวเองโชคดีหนีรอดออกมาได้ หลังจากที่คนขับรถฟังแล้วนอกจากถอนหายใจเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เขารู้ว่าชุยหังเป็นนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค แต่คนขับรถยังคงสงสัยอยู่นิดหน่อยว่า นักศึกษาทุกวันนี้วิธีเอาตัวรอดป้องกันตัวเองจากพวกหลอกลวงแย่ขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงได้ถูกหลอกลากออกมาจากสถานีรถได้ง่ายขนาดนี้

ชุยหังรู้สึกเหมือนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน เรื่องแบบนี้พูดออกไปก็มีแต่ทำให้ขายขี้หน้าเปล่าๆ

แต่ว่าอันที่จริงเขานึกหวาดกลัวเสียมากกว่า ถ้าหากว่ารถทหารคันนั้นไม่ขับผ่านมาล่ะก็พวกกระเป๋าเดินทางของตนเองจะทำยังไงล่ะ

เมื่อคิดแบบนี้แล้วไม่ว่ายังไงตนควรจะขอบคุณพี่ชายทหารคนนั้น ช่างเถอะเอาเป็นว่าเรื่องที่เขาไม่ยอมขับรถมาส่งนั้น ตนก็จะไม่เก็บมันมาใส่ใจก็แล้วกัน

ในที่สุดประตูมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของชุยหังแล้วตอนนี้ ชุยหังรู้สึกเหมือนชีวิตพึ่งรอดตายมายังไงอย่างนั้นแทบอยากจะโผเข้าไปกอดคนขับรถอย่างแนบแน่น ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้แน่

ประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคกว้างใหญ่ยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก พอเดินเข้าประตูไปก็เห็นว่าด้านในมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย ด้านในสระมีน้ำพลุที่พ่นน้ำกระจายออกด้านนอกไม่ยอมหยุด ดูไปแล้วก็ให้ความรู้สึกเป็นศิลปะอยู่ไม่น้อยเลย

ริมสระน้ำมีต้นหลิวที่แม้จะเลยผ่านฤดูกาลช่วงใบสีเขียวอ่อนมาแล้วแต่เมื่อกิ่งก้านยาวๆ เคลื่อนไหวตามสายลมโบกพัด ก็นับว่าเป็นภาพทิวทัศน์ที่งดงามไม่น้อย

ชุยหังรบกวนคนที่เดินผ่านมาให้ช่วยถ่ายรูปของตนคู่กับประตูใหญ่ให้สองสามรูป จากนั้นเขาก็เลือกเอารูปภาพหนึ่งรูปที่ไม่ได้ลบทิ้งอีกทั้งยังเห็นตัวอักษรบนป้ายหน้ามหาวิทยาลัยอย่างชัดเจนแชร์ลงบนโมเมนต์กลุ่มเพื่อน

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเล่าประสบการณ์เรื่องที่ตนถูกหลอกให้นั่งบนรถโจร เพราะไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่ของเขาต้องเป็นห่วงมากแน่นอน

ไม่นานบนโมเมนต์กลุ่มเพื่อนก็เต็มไปด้วยคนเข้ามากดไลค์และแสดงความคิดเห็น

มีคนพูดว่า: [ในที่สุดพ่อหนุ่มล้าสมัยก็เข้าเมืองแล้ว ดูสิเมืองใหญ่กำลังโบกมือทักทายนายอยู่]

[ตอนไปไปคนเดียว ตอนกลับอย่าลืมสอยสาวสวยกลับมาด้วยนะ]

[มองแต่ประตู แทบไม่อยากมองนายเลย นี่ถือว่าแอบถ่ายนะ]

[เรือของมหา’ ลัยนายล่ะ ไม่ใช่การเดินเรือหรอกหรอ]

[ว่าที่กัปตันเรือในอนาคต ขอแสดงความเคารพครับ]

ภาควิชาของชุยหังคือเทคนิคการเดินเรือ นับเป็นหนึ่งในสาขาวิชาพิเศษของมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคแห่งนี้ และเป็นชุดแรกๆ เลยด้วย

ชุยหังตอบกลับความคิดเห็นทีละอันๆ จนครบแล้วก็เดินลากกระเป๋าลากของตัวเองเข้าไปด้านใน

ปรากฏว่าได้ยินเสียงดัง “แกร๊ก” ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ตอนเขาหันกลับไปมองก็พบว่าล้อของกระเป๋าลากหักออกไปแล้ว…

คนมันจะซวย ขนาดดื่มน้ำเย็นยังรู้สึกเสียวฟัน [1] เลย

เขาทำได้แค่เปลี่ยนมาเป็นยกตรงที่จับกระเป๋าแทน แต่เนื่องจากคุณภาพของกระเป๋าไม่ค่อยจะดีแถมข้างในกระเป๋ายังยัดข้าวของไว้มากจนเกินไปทำให้ที่จับกระเป๋าก็หลุดออกเหมือนกัน…

ชุยหังอารมณ์ยุ่งเหยิงไปหมดรู้สึกว่าทำไมตัวเองถึงได้น่าสมเพชขนาดนี้นะ

ยังดีที่ตอนนี้ในมหาวิทยาลัยยังไม่ค่อยมีคนมากมายนัก เขาอุ้มกระเป๋าเดินทางเดินกว่าจะไปโผล่ตรงที่มหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้พวกคนที่มาก่อนล่วงหน้าก็เหนื่อยจนทั่วทั้งร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงรายงานตัวอย่างเป็นทางการ ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยจึงจัดพวกคนที่มาก่อนล่วงหน้าจากหลากคณะให้เข้ามาอยู่ด้วยกัน

คงเพราะบรรยากาศภายในห้องดูน่าเบื่อ ในที่สุดสี่คนภายในห้องจึงเริ่มสนทนากันขึ้นมา

“พวกนายมาจากคณะไหนกันบ้างหรอ” คนหนึ่งในห้องที่ติดสำเนียงทางใต้พูดขึ้น

——

[1] ดื่มน้ำเย็นยังรู้สึกเสียวฟัน(喝口凉水都寒牙缝) แปลว่า โชคร้ายจนถึงขั้นสุด ทำอะไรก็ไม่ราบรื่นเลย

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!