ครืด~~~ครืด~~~~
" ตีห้าแล้วนะ เสี่ยวหลิน จะให้พี่โทรตามทุกวันทุกปีเลยรึไง รีบแต่งตัวเเล้วรีบมากอง อย่าให้คนทีมงานเขารอนาน จะกินอะไรไหม?เดี๋ยวพี่ซื้อไปให้ "
เสียงหวานแหลมของคนที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดีดังขึ้นโดยไม่เว้นช่องว่าง หลังจากที่ฉันกดรับโทรศัพท์ พี่ลี่ลี่ เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉันเอง เธอเป็นเหมือนพี่สาว และเป็นเหมือนเพื่อนฉันในคราวเดียว
ทั้งชีวิตฉันนอกจากแม่ที่จอมปลอมและพ่อที่หลอกลวงเเล้ว ฉันก็มีแค่พี่ลี่กับยายนี่แหละที่ฉันสนิทและคุยเรื่องส่วนตัวได้มากที่สุด
" อืมมม รู้แล้ว รอสักครู่นะคะคุณผู้จัดการ เสี่ยวหลิน จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ " ฟังคนในสายพูดจบฉันจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงงัวเงียหลังจากพึ่งตื่นนอน ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟที่หัวเตียง จนเผยให้เห็นเพดานห้องสีฟ้ากับลายเตียงนอนที่คุ้นชิน
ฉันชื่อ เสี่ยวหลิน หรือชื่อเต็มของฉันคือ จางมู่หลิน ฉันมีอาชีพเป็นนางแบบถ่ายโฆษณาและรับงานทั่วไปแบบที่นางแบบคนอื่นเขาทำกัน
แต่สิ่งเดียวที่ฉันจะไม่ทำก็คือ การขายเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง
@ กองถ่ายโฆษณาครีมทามือของ Ck Berry
" สวัสดีครับ น้องหลิน " เสียงหวานทุ้มของผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเอาการเอ่ยทักฉันทันทีหลังจากที่ฉันเดินเข้ามาในสตูดีโอ
เขาคือ เจียงเฉิง ตากล้องของการถ่ายโฆษณานี้. ฉันกับเขาเราร่วมงานกันบ่อยจนเรียกได้ว่า ที่ไหนมีฉันที่นั่นก็ต้องมีเขา เจียงเฉิงเป็นคนหล่อที่มีความสามารถ เก่งครบทุกด้าน จึงเป็นที่หมายตาสำหรับนางแบบสาวหลายๆคน
" สวัสดีค่ะ เจียงเกอ หลินขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทำผมก่อนนะ " ฉันตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างที่เคยทำ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบทางเล็กน้อยเเล้วเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว
" เสี่ยวหลิน. มาทางนี้เลยมา " พี่ ลู่ สาวน้อยตัวเล็กที่รับหน้าที่แต่งหน้าและทำผมให้ฉันในงานนี้ พูดขึ้นพร้อมกับทำมือปรายว่าให้มานั่งที่เก้าอี้หน้ากระจกใหญ่เพื่อเตรียมแต่งหน้าและทำผม
" เจอกันกี่ครั้งผิวหน้าก็ยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะ. ชาติที่เเล้วทำบุญมาด้วยอะไรมาจ้ะ? " เสียงหวานของคนตัวเล็กเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหู ปากพูดไป มือก็พรางขยับแต่งหน้าไปอย่างช่ำชอง
" ทำบุญด้วยครีมทาหน้ามั้งคะ.ฮ่าาาาๆ " ฉันตอบกลับไปแบบนั้นด้วยความสนิท เราเคยทำงานร่วมกันมาหลายครั้ง พี่ลู่เธอเป็นทีมงานของ เจียงเกอ และดูเหมือนว่า ทั้งสองกำลังจะแอบดูใจกันอยู่เงียบๆด้วยสิ่
" เสร็จเเล้วจ่ะ. เดี๋ยวเสี่ยวหลินไปรอแต่งตัวทางด้านนู้นได้เลยนะ เดี๋ยวพี่ออกไปเอาชุดกับเครื่องประดับมาให้ หนูไปรอในห้องก่อน " พี่ลู่วางหวีด้ามเล็กซี่ถี่ลงกับโต๊ะก่อนจะเดินออกไปทำหน้าที่ของเธอ
" มานี่มา " พี่ลี่ลี่ พึ่งเดินเข้ามาดูฉันแต่งหน้าได้ไม่นาน เมื่อเห็นฉันแต่งหน้าเสร็จเเล้ว ก็ขวักมือเรียกพลางเปรยว่าห้องแต่งตัวอยู่ทางนี้
" พี่ลี่...หลินหิวอะ " ฉันพูดด้วยท่าทีออดอ้อนก่อนที่มือเรียวของเธอจะโอบเอวฉันเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้องปิดทึบที่มีเพียงไฟดวงเดียวกับกระจกบานใหญ่พร้อมกัน
" ชุดมาเเล้วค่ะ " ทีมงานผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับชุดเดสสีขาวอมชมพูที่ยาวคลุมเข่า ก่อนจะส่งให้พี่ลี่เเล้วเดินออกไป
@หน้ากล้อง
" เสี่ยวหลิน บีบครีมทามือนิดหน่อยก็ได้ เเล้วยิ้มให้กล้องแบบเป็นธรรมชาติได้เลยครับ " เจียงเฉิงตากล้องสุดฮอต. บอกฉันก่อนจะเดินกล้องและเริ่มถ่ายภาพนิ่ง.
" ขอยิ้มหวานอีกนิดครับ..ดี..เปลี่ยนท่าได้ครับ...ดีมากครับ...สวยมาก...เปลี่ยนท่าได้ครับ.."
@ห้าชั่วโมงผ่านไป
" ลำบากเสี่ยวหลินเเล้ว ขอบคุณมากนะครับ " เจียงเฉิงพูดขอบคุณหลังจากถ่ายเสร็จ
" ไม่มีอะไรเเล้วพี่พาเสี่ยวหลินกลับนะ เธอมีงานต่อคืนนี้ " เป็นพี่ลี่ที่ตอบเจียงเฉิงแทนฉัน
" ครับผม. เดินทางปลอดภัยนะครับ "
" พี่ลี่ เดี๋ยวหลินขับกลับเองนะคะ หลินมีธุระที่ต้องไปทำนิดหน่อย " หลังจากเดินมาถึงลานจอดรถ ฉันบอกกับพี่ลี่ ก่อนจะเดินขึ้นรถเก๋งคันสีขาวทันทีไม่รอให้ได้ยินเสียงตอบรับจากคนที่เป็นผู้จัดการ
ไม่รอช้ามือเรียวของฉันก็เสียบกุญแจพร้อมกับบิดเพื่อสตร์าทเครื่องทันที
รถเคลื่อนออกจากที่เดิมได้ไม่นาน ก่อนจะเข้าสู้ถนนใหญ่ ฉันมีธุระที่ต้องไปทำในวันนี้คือ ไปรับคุณยายที่วัดโบราณเเห่งหนึ่ง ที่นัดกันไว้
@วัดโบราณ
ฉันก้าวเท้ายาวลงจากรถทันทีหลังจากที่รถจอดอยู่ใต้ต้นไม้. ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในวัดตามหาคุณยาย
ตลอดทางเดินที่ตรงเข้าไปในวัด ข้างทางเต็มไปด้วยต้นซากุระตลอดทั้งทาง
ดอกซากุระสีขาวอมชมพูแย้มบานจนเห็นเป็นสีชมพูเข้มทั้งต้นจนแทบมองไม่เห็นสีเขียวของใบโผล่อยู่เลย บ้างล่วงหล่นลงมาจากกิ่งเหมือนดั่งหิมะที่ปรายลงมาจากฟากฟ้า กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่บวกกับลมพลัดโชยเบาๆ ทำเอาฉันแทบเคลิ้มจนสติหลุดออกจากภวังค์ตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันอย่างไงอย่างงั้น
ความรู้สึกนี้มันคุ้นชินจนเหลือเชื่อ เหมือนกับว่าฉันเคยอยู่ในที่แห่งนี้มาก่อนเลย
" มาแล้วหรอ...คุณหนู " เสียงแหบพ่าเอ่ยทักขึ้นในห้วงนาทีต่อมา ฉันรีบตื่นจากห้วงนิทรา เบิกตาโพรงขึ้นมองไปตามเสียงที่เอ่ยดังเมื่อสักครู่ ถึงกับตกกระใจ เพราะคนที่ทักฉันไม่ใช่ยายของฉัน แต่เป็นคุณยายแก่ชราคนหนึ่งที่สวมชุดอาภรณ์สีดำตลอดทั้งตัว ผมสีดำแกมขาวยาวประบ่า มือข้างหนึ่งถือไม้เท้า มืออีกข้างถือช่อดอกซากุระ เดินตรงมาหยุดที่ฉัน
" คุณยาย? คุณยายคุยกับฉันหรอคะ? " ฉันเอ่ยเรียกด้วยความสงสัย ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อมองดูคนรอบๆ แต่กลับไม่มีผู้ใด เลยเอ่ยถามกลับไป
" ข้ารอท่านมานานเเล้ว " หญิงชราวัย 70 กว่าๆ ไม่ได้ตอบคำถามฉันกลับมาแต่กับพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาจนฉันเองหัวใจกระตุกวูบ
*** อ่านตอนหนึ่งเเล้วอย่าลืมอ่านตอนสองน้าาา***
" ห้ะ?....คุณคือใครคะ!? " เมื่อได้ฟังคำพูดของคุณยายมันทำให้ฉันรู้สึกกลัว และ ตกใจเล็กน้อย จนเผลอหลุดปากเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเเข็งกร้าว
คุณยายอาภรณ์สีดำก้าวขาเข้ามาใกล้ๆฉันเล็กน้อยก่อนจะยื่นดอกซากุระช่อนั้นให้ฉัน
จู่ๆดอกซากุระสีชมพูที่บานสะพรั่งอยู่บนต้นก็พากันร่วงหล่นลงมาราวกับเกร็ดหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาอย่างหนักในช่วงฤดูหนาว. ลมที่โชยพัดเบาๆก็เริ่มพัดแรงขึ้น บุปผาซากุระก็เริ่มร่วงหล่นหนักขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นทางข้างหน้า ก่อนจะจางหายไปในพริบตา ในขณะที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่กับมัน
" คุณยาย ?... คุณยายคะ? " เมื่อดอกซากุระที่ถูกลมพัดกระหน่ำถาโถมหล่นลงมาอย่างหนักหายไป ฉันลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่กับไม่พบคุณยายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเเล้ว. เขาหายไปราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนี้เลย ทำเอาใจฉันกระตุกวูบอีกครั้ง
" เสี่ยวหลิน ?" ไม่นานนักหลังจากที่ฉันกำลังร้องเรียกคุณยายอาภรณ์ชุดดำ เสียงแหบพ่าของหญิงชราอีกคนก็เอ่ยเรียกฉันจากข้างหน้า
" คุณยาย! " ฉันหันไปตามเสียงเอ่ยเรียก เห็นคุณยาย ของฉันที่กำลังเดินมาจากทางด้านหลัง พร้อมกับชุดคลุมหนาสีขาวยาวคลุมเข่า หยุดอยู่ตรงหน้า
" คุยกับใครอยู่ ทำไมไม่เข้าไปข้างใน มันหนาวนะลูก.." คุณยายยื่นมือข้างซ้ายมาอิงที่หน้าของฉัน ก่อนจะเลื่อนมาจับที่มือ แล้วพาเดินจูงมือกลับเข้าไปข้างใน
" คุณยายคะ เห็นคุณยายอีกคนที่ใส่ชุดผ้าคลุมสีดำทั้งตัวบ้างไหมคะ ?" ฉันเดินตามทางที่คุณยายพามาเลื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
" ใคร? ยายไม่เห็นใครเลย " ยายตอบกลับมาแบบนั้นก่อนจะมาหยุดที่ห้องๆหนึ่ง ภายในห้อง เต็มไปด้วยข้าวของโบราณเก่าแก่ที่เก็บไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมขณะที่มาเที่ยวนี่ที่
" พาหลินมาทำไมที่นี่คะ ? " ฉันเดินตามหลังยายมาโดยไม่ปริปากพูด ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
ตั้งแต่ฉันก้าวขาเข้ามาภายในวัดแห่งนี้ ก็มีแต่เรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นมากมาย
" เข้าไปสิ่ " คุณยายบอกพลางยื่นมือที่จับมือฉันไว้ปรายว่าให้เข้าไปข้างใน
" ทำไมคะ ?" ฉันยังแปลกใจไม่หาย วันนี้ที่ฉันนัดกับคุณยายไว้เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของฉันเอง มีเพียงแค่ยายที่จำได้ เพราะทุกวันฉันทำแต่งงาน คนรอบกลายฉันอย่างเช่นพี่ลี่ลี่และเพื่อนร่วมงานต่างก็โฟกัสแต่กับการทำงานของฉัน เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจในเรื่องส่วนตัวของฉันสักเท่าไหร่
" เข้าไปเถอะ ยายรอข้างนอกนะ " ยายไม่ตอบคำถามแต่กับเปลี่ยนเรื่อง ราวกับว่ามีอะไรลึกลับยากเกินที่ฉันจะคาดเดา
ฉันก้าวเท้าเปลือยเปล่าเข้ามาในห้องตามที่ยายบอก ก่อนที่ยายจะปล่อยมือแล้วเดินไปรอข้างนอก
ภายในถูกประดับตกแต่งด้วยข้างของโบราณ มีของใช้ในยุคสมัยราชวงค์ถังเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น จานเคลือบเงาขอบน้ำเงินรายบุปผา ตะเกียงไฟเคลือบทองคำ และของต่างๆอีกมากมาย
ตุ๊บ !!! มีของบางอย่างตกลงมาจากชั้นเก็บของ ก่อนจะหล่นลงมาใส่พรมสีแดงที่ปูเต็มพื้นห้อง
ฉับหยุดชะงักทันทีเมื่อหันไปเห็นปิ่นปักผมรายหงษ์คาบดอกเหมยที่ล่วงหล่นลงมา
// จะเก็บหรือไม่เก็บดีนะ ถ้าเก็บเขาจะหาว่าฉันเป็นคนทำรึเปล่า แต่ถ้าไม่เก็บ คนที่มาเจอคนต่อไป แอบลักเอาไปเป็นของตัวเองจะทำไงหละ //
เมื่อครุ่นคิดอยู่นาน ฉันจึงตัดสินใจเก็บปิ่นปักผมนั้นขึ้นมา
" ...ฮืออ.ออออ....เฮือก!!...เกิดอะไรขึ้น?!." ทันทีที่มือของฉันจับโดนไปที่ปิ่นปักผมนั่น ภาพความเจ็บปวดของผู้หญิงคนหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว ความเจ็บปวดที่ยากเกินจะอธิบายแล่นเข้ามา จนใจฉันกระตุกวูบเต้นแรงขึ้นอย่างไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่ฉันจะปล่อยปิ่นปักผมนั่นลงแล้วความเจ็บนั้นก็หายไป
ฉันค่อยไปใช้มือเลื่อนเข้าไปสัมผัสปิ่นนั่นอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่มีอาการใดๆเหมือนครั้งแรกแล้ว จึงนำปิ่นปักผมนั่นขึ้นไปวางไว้ที่เดิมที่มันเคยอยู่ ก่อนจะก้าวเดินออกมาทันที
" คุณยาย...หลินว่าเรากลับกันเถอะ " ปากเหี่ยวของหญิงชราคลี่ยิ้มบาน ก่อนจะตกลงออกจากสถานที่ตรงนั้นทันที
@ บ้านเช่าหลังหนึ่งของคุณยาย
" ยายไม่มีอะไรจะให้นอกของสิ่งนี้..รับไว้นะหลาน....สุขสันต์วันเกิดนะหลานคนเก่งของยาย " คุณยายพูดพรางยื่นสร้อยเส้นหนึ่งที่เป็นจี้ไข่มุขสีแดงลงบนมือของฉัน ก่อนที่มือเหี่ยวย่นทั้งสองข้างจะยื่นมากลุมไว้ที่มือของฉันเบาๆ
" ขอบคุณนะคะคุณยาย.... หลินรักยายที่สุดเลย " ฉับรับมันเอาไว้ก่อนจะเลื่อนเเขนทั้งสองข้างเข้าไปกอด แนบหน้าอิงซบอกนุ่มที่แสนจะอบอุ่นที่สุดในชีวิต
" อายุ 20 ปีนี้ของเสี่ยวหลิน ขอแค่เสี่ยวหลินมีคุณยายอยู่ข้างกายโอบกอดอยู่แบบนี้ ทั้งชีวิตของเสี่ยวหลิน ก็ไม่ต้องการอะไรอีกเเล้วค่ะ "
" หึ.....กลับได้เเล้วลูก หนูมีงานต่อไม่ใช่รึไงหะ? " คุณยายโอบกอดตอบด้วยความอบอุ่น คลี่ยิ้มบางเผยออกข้างมุมปาก โอบกอดที่คุ้นชินมันเป็นการชาร์จพลังงานที่ดีที่สุดสำหรับฉันในตอนนี้
เวลานี้น่าจะล่วงเลยไปถึงสามทุ่มเเล้ว
" งั้น หลินไปก่อนนะคะคุณยาย..จุ๊บ " ฉันพูดพร้อมกับกอดรัดให้แน่นขึ้น ก่อนที่ปากรูปกระจับจะเลื่อนขึ้นไปประทับบนแก้มเหี่ยวของคนที่อยู่ตรงหน้า
" รักษาเนื้อรักษาตัวนะลูก " คุณยายไม่ตอบอะไรกลับมาแต่เป็นคำพูดที่ยายชอบพูดกับฉันบ่อยๆ เอ่ยพูดขึ้น ก่อนจะคลายอ้อมกอดออกจากตัวฉันเเล้วขยี้หัวเบาๆอย่างอบอุ่น
@ขณะทางกลับคอนโด
" ห้าว~~ " สายตาจ้องมองท้องถนนที่ปล่าวเปลี่ยวและมืดสนิท. มือสองข้างจับประสานกันไว้ที่พวงมาลัย หูทั้งสองข้างฟังเสียงเพลงที่เปิดกล่อมจากในรถ ทำให้จิตใจฉันตอนนี้ไม่มีสมาธิเลยสักนิด สายตาเริ่มพล่ามัวลงเลื่อยๆ จนแทบมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า ประสาททั้งสองเริ่มตกอยู่ในห้วงภวังค์ของเสียงดนตรี และทันใดนั้นเอง
โคร๊ม!!!!! เสียงของรถสองคันที่พุ่งประสานกันด้วยความแรง ทำให้ฉันตกใจ สะดุ้งตื่นจากห้วงนิทราในทันที ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองด้านหน้ากระจกรถที่แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยแรงกระแทก เมื่อรู้สึกตัว จึงพยายามเปิดประตูรถเพื่อออกไปดูด้านนอก ตอนนี้ใจฉันเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะพร้อมกังความหวาดกลัว
ขายาวก้าวลงจากรถอย่างทุลักทุเล จนทรงตัวได้และออกมายืนด้านนอก ภาพที่ฉันเห็นทำเอาตัวฉันแทบทรุดลงตรงนั้น ร่างของฉันยังติดอยู่ที่เบาะของคนขับ หน้าฟุบกับถุงลมนิรภัยที่เต็มไปด้วยเลือด ภายนอกรถบุบยับด้วยแรงชนของรถคันข้างหน้าอย่างแรง แต่พอมองไปที่รถคันนั้นไม่เห็นท่าทีที่เคลื่อนไหวของคนขับรถเลยสักนิด มีเพียงกระจกที่แตกกระจายกับรอยบุบพังของซากรถเท่านั้น
"กะ..กะ.เกิดอะไรขึ้น?!!! ทำไม? ทำไมฉันถึง?!! " " นี่มัน....ฉัน...ฉันตายแล้วหรอ ไม่นะ เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง !!!! หือ หืออ ออออ "
ฉันกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับคนขาดสติ ไม่นึกเชื่อสายตาตัวเองที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้า ก่อนจะทรุดเข่าลงไปนั่งกับพื้น ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
แหงนมองท้องฟ้าที่มืดสนิทกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ส่องแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้าด้วยสายตาพร่ามัวเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่กำลังไหลไม่ขาดสาย
จู่ๆก็มีลมจากทางทิศตะวันออกพัดโฉยมากระทบตัวฉัน แรงขึ้น แรงขึ้นเลื่อยๆ จนฉันสัมผัสได้ถึงเส้นผมที่พัดปลิวไปตามแรงลม
เสื้อคลุมกันหนาวสีขาวของฉันพัดปลิวไปตามทิศทางของลม และเริ่มทวีคูณแรงขึ้นจนฝุ่นบนท้องถนนพัดปลิวว่อนไปทั่วอากาศ ก้อนเมฆบนท้องฟ้าเคลื่อนที่เร็วตามทิศทางของลมที่พัดมาจากทิศตะวันออก
ไม่นานนัก ท้องฟ้ามืดครึ้มก็ถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีคราม บดบังแสงของพระจันทร์จนท้องฟ้ามืดสนิท จากที่ลมพัดโชยอย่างรุนแรงก็ค่อยๆเงียบสงบลง จู่ๆกลีบดอกซากุระที่ลอยมาตามแรงลมได้ปลิวว่อนทั่วท้องถนน
จากท้องฟ้ามืดครึ้มที่ถูกเมฆหนาสีครามบดบังเริ่มจางหายไป กลับมีแสงสว่างของดวงจันทร์ที่จากเคยปรากฎแค่ครึ่งดวงแต่ตอนนี้กลายเป็นเต็มดวงส่องสีเหลืองสว่างทั่วท้องฟ้า จนฉันสามารถมองไปได้ทั่วในที่มืด
กลีบดอกซากุระดอกหนึ่งปลิวมาตกบนฝ่ามือเรียวที่ฉันแบรองเพื่อรับมัน
" ฉันตายเเล้วจริงๆ ใช่ไหม หมดเวลาของฉันแล้วจริงๆใช่ไหม เมื่อคนเราตายแล้ว จะต้องไปที่ไหนกัน " " ยายจ๋าหลินขอโทษที่ไม่ได้บอกลายายก่อนไป " น้ำตาที่พึ่งเหือดแห้งไปก็เริ่มก่อตัวล้นออกมาอีกครั้ง ความรู้สึกหลังความตายมันเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกำลังดับสลาย การจากไปโดยไม่ได้ล่ำลาของฉันจะทำให้ยายเจ็บปวดแค่ไหนกันนะ
" คุณยาย ช่วยหนูด้วย หนูยังไม่อยากตาย...หืออ ยายจ๋าา.อึก.. " น้ำตาที่ก่อตัวเอ่อล้นออกมาดั่งสายธารมันทำให้ก้อนเนื้อข้างซ้ายของฉันอัดตัวกันแน่นจนเจ็บปวด ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกกำลังถาโถมกระหน่ำข้างในของก้อนเนื้อข้างซ้าย
" ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ฮือออ อออ ฮือ ยาย... " ความรู้สึกกลัวเปลี่ยนเป็นเสียใจ เสียใจที่ไม่ได้บอกลาก่อนจะจากมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ฉันพึ่งจะกอดยายเองแท้ๆ
เนื้อตัวสั่นเทานั่งก้มหน้าฟุบลงกับเข่า ส่งเสียงร้องไห้ดังลั่นทั่วท้องถนนที่ไร้แม้แต่รถจะขับผ่าน
ดวงจันทร์ที่ทอแสงสว่างบนท้องฟ้า เริ่มส่องแสงสว่างมากขึ้น ส่องมากระทบที่ตัวของฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นจากหัวเข่าแหงนมองแสงที่ทอดส่องมายังใบหน้า ก่อนจะหยัดกลายลุกยืนขึ้น มองไปบนท้องฟ้าที่ปรากฏเพียงดวงจันทร์ทองอร่าม ก่อนที่ความรู้สึกจะวูบดับไป
****อะแฮ่มมม อะไรยังไงน้าาาา*******
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!