"นี่แม่จะบ้าหรอ! ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ ชีวิตของผมยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำป่ะ ให้ผมถ่อไปถึงภูเก็ต ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ ให้ตายยังไงผมก็ไม่ไปหรอก"
อิน อครพล เจ้าตัวได้โวยคนเป็นแม่ลั่นขึ้นมาถึงการร้องขอให้ช่วยเหลืออะไรบางอย่างให้กับทางเพื่อนสนิทของเธอหน่อย
"ก็น้าเกวเธอขอร้องแม่มาว่าให้มาช่วยพูดกับแกให้หน่อย แล้วแกจะให้แม่ทำยังไงได้ล่ะ จะให้แม่บอกปฏิเสธไปเลย มันก็ใช่เรื่องป่ะ น้าเกวเธอเป็นเพื่อนรักของแม่นะ แกก็รู้หนิ"อารยาอธิบาย และก็คาดหวังว่าลูกชายคงจะเข้าใจเธอนะ
อินถึงกับกุมขมับแน่น ก่อนจะปรายตาไปมองทางน้องสาวที่นั่งอยู่ด้วย
"ยายอรไงแม่! เมื่อก่อนไอ้ภัทรมันก็ช่วยเลี้ยงยายอรมาเหมือนๆกัน ยายอรก็เป็นเหมือนน้องสาวของมันคนนึง มันน่าจะยอมฟังยายอรนะ"
อินได้โบ้ยไปทางน้องสาวให้เป็นคนไปแทนตน
"หยุดเลยนะพี่อิน อรเป็นผู้หญิงนะ พี่จะให้อรไปตามผู้ชายถึงภูเก็ตเนี่ยนะ แล้วใครต่อใครเค้าจะมองน้องเป็นคนยังไง แล้วอีกอย่างถึงตอนเด็กๆ อรจะสนิทกับพี่ภัทรก็จริง แต่นี่มันก็เป็นสิบกว่าปีแล้วป่ะที่ไม่ได้เจอกันเลย พี่อินนั่นแหละที่ต้องเป็นคนไป ไม่ใช่อรสักหน่อย"
อินทุอรบอกปัด ทั้งยื่นคำขาดไปอีกคนว่าคนที่ต้องเป็นคนไปภูเก็ตก็คือพี่ชาย ไม่ใช่ตัวเธอ
"จริงด้วย! น้องแกยังเด็กอยู่เลยนะ และถึงแม่จะอนุญาต แต่ก็ใช่ว่าพ่อเค้าจะยอม"
อินนิ่วหน้าเคร่ง ทั้งไม่พอใจ เมื่อนู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ยังไม่ได้สักอย่างอีก
"แล้วอินอ่ะแม่ พ่อเค้ายอมให้อินไปรึป่าว"
อินค่อนข้างคาดหวัง เพราะขนาดน้องสาวพ่อยังไม่ยินยอม แล้วถ้าเป็นตนล่ะ หวังว่าพ่อคงจะไม่เห็นด้วยเหมือนกันนะ
"ตอนที่น้าเกวเธอมาที่บ้านของเรา พ่อเค้าก็อยู่ด้วยนะ แล้วพ่อเค้าก็ยังพูดอีกด้วยนะว่าเอาไว้ให้แกเป็นคนตัดสินใจเอง ก็ถ้าแกคิดจะไปนะ พ่อเค้าก็คงไม่ได้จะว่าอะไรหรอก"
"แม่! ทำไมมันถึงต่างกันอย่างงี้อ่ะ!"อินที่ถึงกับร้องเสียงหลงใส่แม่ไป
"ทีกับยายอร พ่อเค้าจะต้องไม่ยอมแน่ๆ แล้วทีกับผม ไม่ดูขับไล่ไสส่งกันเกินไปหน่อยหรือไง! นี่ผมมันไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่สินะ ถึงไม่คิดจะรักจะห่วงกันบ้าง"
อินรู้สึกผิดหวังอย่างหนักกับพ่อและแม่ ที่รักลูกไม่เท่ากัน ถึงปากจะบอกว่าให้อินเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองก็ตาม แต่ที่แม่กำลังรบเร้าให้ตนยอมไปภูเก็ตให้ได้อยู่เนี่ย ตรงไหนหรอ ที่เรียกว่าปล่อยให้อินเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองได้น่ะ
อารยารู้สึกว่าความดันกำลังขึ้นที่ลูกชายดันคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ เธอเป็นแม่คนนะ เลี้ยงดูลูกๆมาด้วยตัวเองทั้งสองคน ทำไมเธอถึงจะไม่รักลูกล่ะ จะลูกชายลูกหญิง ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกของเธอ ยังไงเธอก็รักทั้งหมดนั่นแหละ ไม่คิดแบ่งแยกเพศอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ
"พี่นี่บทจะงี่เง่า ก็น่าหมั่นไส้เหมือนกันนะ"อินทุอรว่าขึ้นอย่างเหลืออด
"แกก็พูดได้ดิ แกจะลองมาเป็นพี่ดูหน่อยมั้ยล่ะ อุตส่าห์เรียนจบกลับบ้านมาทั้งที แต่แล้วจู่ๆก็กับจะถูกส่งไปอยู่ที่อื่นต่อ แกไม่โดนอย่างพี่บ้าง แกมันจะไปรู้สึกอะไรวะ!"
เสียงเข้มเอ่ยตำหนิน้องสาวต่อ
"นี่พี่อย่ามาพาลใส่อรได้ป่ะ แล้วพี่จะมาวะอะไรใส่น้องอ่ะ ไม่พอใจ ไม่อยากไป! ก็แค่ไปคุยกับน้าเกวเอาก็ได้ป่ะ อรไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของพี่นะเว้ย!"
"อ๋อเดี๋ยวนี้ แกกล้าขึ้นเสียงใส่พี่แล้วสินะ!"
"ก็พี่อินเป็นคนเริ่มก่อนเองป่ะ มันใช่ความผิดของน้องหรือไง พี่โมโหได้ แต่น้องโมโหไม่ได้เนี่ยนะ มันใช่เรื่องป่ะวะ!"
"ยายอร!!"
"พี่อิน!!"
"พอกันทั้งคู่นั่นแหละ!!"คุณวรินทรที่กลับบ้านมาทันห้ามศึกของสองพี่น้องได้ทันเวลาพอดิบพอดี
"น้าเกว!!"ไม่เพียงแต่ที่ต้องตกใจกับเสียงของผู้เป็นพ่อแล้ว ทางด้านหลังของพ่อไป กับเป็นทางน้าเกวลินที่ยืนอยู่ด้วยอีกคน ใบหน้าของเธอดูถอดสีลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องเดาว่าเธอคงจะได้ยินทุกๆอย่างที่ได้พูดคุยกันไปทั้งหมดแล้ว
"เกว! นี่เธอมาได้ยังไง ไม่เห็นโทรบอกฉันก่อนล่ะ"อารยารีบเดินเข้าไปหาเพื่อน รู้สึกอับอายทั้งรู้สึกไม่ดี ที่เพื่อนต้องมาได้ยินลูกๆของเธอเถียงกันแบบนี้ ซึ่งสาเหตุมันก็เป็นในเรื่องของเพื่อนอีกด้วย
"พอดีผมเห็นคุณเกวอยู่ตรงข้างหน้าห้อง! ผมก็เลยชวนเข้ามาด้วยกัน"
"คือฉันโทรเข้ามาที่บ้าน เห็นป้าน้อมบอกว่าเจ้าอินกลับมาแล้ว ฉันก็เลยรีบเข้ามาหาไม่ทันได้โทรเข้ามาหาเธอก่อน ฉันขอโทษนะ"
เกวลินรู้สึกอึดอัด ดูจะเป็นครั้งแรกที่เธอมาหาเพื่อนแล้วมันเกิดความรู้สึกแบบนี้
เธอได้ยินทุกๆอย่างถึงไม่กล้าที่จะเดินเข้ามา เธอไม่คิดว่าคำร้องขอของเธอ มันจะทำให้หลานๆของเธอ ถึงกับต้องมาทะเลาะกันลั่นบ้านแบบนี้
และถ้ามันเป็นแบบนี้! ซึ่งเธอก็คงไม่มีหน้าที่จะกล้าไปคุยกับหลานชายได้ต่อแล้วล่ะ
"ไม่เป็นไรเลย เรื่องแค่นี้เอง เธอไม่ต้องขอโทษฉันหรอก"
ด้านอินกับน้องสาวถึงกับต้องลอบมองหน้ากันและกัน สองคนพี่น้องที่ต่างก็รู้สึกผิดด้วยกันทั้งคู่ โดยเฉพาะกับอิน ยิ่งพอได้ยินว่าน้าเกวลินตั้งใจที่จะมาหาตน ก้อนเนื้อในอกมันก็รู้สึกตื้อแปล๊บไปหมด
อินไม่ได้มีนิสัยใจแคบหรือว่าจะเห็นแก่ตัวอะไร ออกจะเป็นคนใจอ่อนง่ายซะด้วยซ้ำไป แล้วยิ่งพอได้มาเห็นว่าน้าเกวลินเป็นแบบนี้แล้ว! อินก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย
"อิน..."เกวลินผละออกจากเพื่อนมา เดินเข้าไปหาหลานชายต่อ
"น้าขอโทษนะ ที่ได้ทำให้อินต้องลำบากใจ อินอุตส่าห์ได้กลับบ้านมาแท้ๆ น้ายังจะหาเรื่องปวดหัวมาให้อีก"
อินพูดอะไรไม่ออก และก็อยากจะหายตัวออกไปจากที่ตรงนี้ให้ได้ซะจริง
"ก็ถือเสียว่า อินไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้วกันนะ น้าขอโทษ ขอโทษจริงๆ"
เธอร้องไห้ออกมา ด้วยที่รู้สึกหมดหนทางแล้วจริงๆ แต่เธอก็ไม่คิดที่จะโทษหลานชายสักนิด ด้วยที่มันไม่ใช่เป็นความผิดของหลานชาย แต่ว่ามัน เป็นความผิดของเธอเองที่ตัดสินใจผิดมาตั้งแต่แรก
"ถ้ายังไง เดี๋ยวน้าขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ อินจะได้พักผ่อนด้วย กลับมาเหนื่อยๆก็คงจะเพลียแย่ เอาไว้วันหลัง เดี๋ยวเราออกไปกินข้าวด้วยกันหน่อยนะ ถือเสียว่า เป็นการเลี้ยงต้อนรับหลานของน้า โอเคมั้ย"
อินไม่ได้ตอบอะไรเช่นเดิม มันพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงแค่มองไปที่พ่อกับแม่! ต้องการความคิดเห็นอีกสักครั้งนึง เพื่อที่ตนจะได้ตัดสินใจ ว่าควรจะทำยังไงกับความลังเลภายในใจในตอนนี้ดี
แต่ทว่า! พ่อกับแม่กับไร้ซึ่งความคิดเห็น พวกเค้าทำเฉย ปล่อยให้อินได้เป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
"ถ้ายังไงวันนี้! เดี๋ยวน้าขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ แล้วถ้าน้าว่างวันไหน แล้วน้าจะติดต่อมานะ"
เกวลินผละเดินออกไปหาอารยากับคุณวรินทรต่อ ทั้งได้บอกร่ำลา
"ฉันกลับก่อนนะ แล้วก็ต้องขอโทษอีกครั้ง ที่ทำให้เธอกับลูกๆต้องเดือดร้อนน่ะ"
"เธออย่าพูดแบบนี้สิ คือฉันกับลูก..."
"เอาเถอะ.. ฉันต้องกลับแล้วล่ะ ไว้ฉันจะติดต่อมาแล้วกันนะ เรื่องเลี้ยงต้อนรับเจ้าอินน่ะ"
เธอแทรกพูดขึ้น ไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว! เธอได้ฝืนยิ้มให้กับเพื่อนกับคุณวรินทรไป ก่อนที่จะผละเลี่ยงเดินออกไปต่อ
"โธ่เว้ย!"อินทุอรหลุดสบทลั่นขึ้นมา ด้วยที่เธอรู้สึกสงสารน้าเกวลินของเธอ
"นั่นแกจะไปไหนของแกห๊ะยายอร!!"อินท้วงใส่น้องสาวที่กำลังจะวิ่งตามน้าเกวลินไป
"อรก็จะไปบอกน้าเกวไง ว่าอรจะเป็นคนขึ้นไปคุยกับพี่ภัทรให้น้าเกวเอง"
อินตัดสินใจแล้ว ก็ในเมื่อน้าเกวลินต้องการให้ตนเป็นคนช่วย ก็ถ้าอินจะไปโยนให้น้องสาวเป็นคนจัดการแทน อินก็คงจะเป็นพี่ชายที่ดูเห็นแก่ตัวมากขนาดไหนน่ะ
"ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ไปเอง แกอยู่บ้านเนี่ยแหละ"
"น้าเกวครับ เดี๋ยวก่อนครับอย่าเพิ่งไป!!"อินวิ่งออกมาทันน้าเกวลินที่เธอกำลังจะขึ้นรถไป
"อิน! นี่อินมีอะไรกับน้าหรอ"เธอมองหลานชายไปอย่างงงๆ นึกแปลกใจที่เห็นหลานชายวิ่งตามเธอออกมาแบบนี้
"ก็ได้ครับ! ผมจะเป็นคนขึ้นไปคุยกับภัทรให้น้าเกวเอง"ไม่มีความลังเลใดๆ ด้วยที่ตัดสินใจดีแล้ว
"นี่อิน! พูดจริงๆหรอ ไม่ได้หลอกให้น้าดีใจเล่นใช่มั้ย"เธอถึงได้พูดติดๆขัดๆออกมา ทั้งรู้สึกดีใจ ไม่คิดว่าหลานชายจะยอม ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นก็ยังค้านหัวชนฝากับแม่ของเจ้าตัวอยู่เลย
"ผมพูดจริงๆครับ แต่ผมไม่รับปากหรอกนะว่าจะทำสำเร็จหรือป่าว"
ด้วยที่รู้จักกันในตอนเด็กมาก่อน ภัทร ภูวดลเป็นเด็กดื้อเงียบมากๆคนนึงเลยก็ว่าได้ อินไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้เด็กนั่น จะเปลี่ยนนิสัยไปบ้างแล้ว หรือว่ายังคงมีนิสัยเป็นเหมือนเดิมอยู่ อินจึงไม่กล้าที่จะรับปาก เพราะไม่อยากจะให้ความหวังน้าเกวลินมากจนเกินไป
หากว่าอินทำไม่สำเร็จขึ้นมา! น้าเกวลินเธอจะได้ ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดอะไรมาก เพราะอย่างน้อยๆ เธอก็ยังได้เผื่อใจเอาไว้บ้างแล้ว
"ไม่เป็นไรเลยอิน แค่อินเห็นใจน้ายอมที่จะช่วยน้าอย่างนี้ น้าก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วล่ะ"
"ถ้าอย่างนั้น ถ้าน้าเกวจะให้ผมขึ้นไปตอนไหน รบกวนบอกผมล่วงหน้าหน่อยนะครับ เผื่อว่าผมจะชวนเพื่อนขึ้นไปด้วยกัน"
ไหนๆก็จะต้องขึ้นไปอยู่แล้ว อินก็เลยจะถือเอาโอกาสตรงนี้ ชวนเพื่อนไปเที่ยวพักผ่อนด้วยเลย
"น้าคงแล้วแต่อินเลย ถ้าอินสะดวกวันไหน อินบอกน้ามาได้เลยนะ แล้วน้าจะได้จองเที่ยวบินเอาไว้ให้เลย"
เธอพร้อมมาก ขอเพียงแค่ให้หลานชายได้เอ่ยปากออกมาเท่านั้น เธอก็พร้อมที่จะจัดหาตั๋วเครื่องบินมาให้เดี๋ยวนี้ก็ยังได้เลย
"ตามนั้นแล้วกันครับ ไว้ถ้าผมพร้อมที่จะไปวันไหน แล้วผมจะโทรไปหาแล้วกันนะครับ"
...***...
บุคคลที่ถูกยกขึ้นมาใช้กล่าวอ้างไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเรื่องแต่อย่างใด ไม่ได้มีการเจตนาทำร้ายศิลปินนักแสดง
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ**
1อาทิตย์ต่อมา
"มั่นใจว่ามึงจะทำสำเร็จ ขนาดแม่เค้า ก็ยังทำอะไรกับลูกเค้าไม่ได้เลย มึงก็เป็นแค่เพื่อนเล่นด้วยกันตอนเด็ก มึงมั่นใจได้แค่ไหนกันว่าเด็กนั่นมันจะยอมฟังมึงน่ะห๊ะ?"
ปรก ปรินทร์พูดขึ้นมาในระหว่างที่กำลังรอต่อรถไปยังบ้านของเพื่อนเล่นในวัยเด็กของเพื่อน
อินเองก็รู้สึกหนักใจในเรื่องนี้เหมือนๆกัน ด้วยที่ห่างหายกันไปนาน อินก็คาดเดาไม่ได้เลยว่า! เรื่องราวมันจะเป็นไปในทิศทางไหนเหมือนกัน มันจะหมู่หรือว่าจะจ่า ก็ต้องไปเสี่ยงดวงกันเอาล่ะงานนี้
"จะเอาคำตอบแบบไหนดีล่ะ? ถ้ามึงคิดว่ามันเป็นไปได้ มันก็ต้องได้แหละ แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันก็คือไม่ได้เว้ย"
"อะไรของมึงเนี่ย! นี่กูถามมึง ไม่ได้ให้มึงมาให้กูคาดเดาเอาเองป่ะ!"ปรกพูดต่อว่าไป ด้วยที่เพื่อนดันตอบไม่ตรงคำถามมาเสียได้
"มึงก็ฟังว่ากูเป็นเพื่อนเล่นของแม่งตอนเด็กๆสิ แถมยังไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบกว่าปี แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงว่าแม่งจะมีความคิดเป็นยังไงตอนนี้ มึงนี่ก็ถามแปลกๆป่ะ กูไม่ใช่ผู้วิเศษ จะได้หยั่งรู้ไปซะทุกเรื่อง"
ปรกถึงกับสะอึกกับคำตอบของเพื่อนก็ถ้าจะพูดใส่กันขนาดนี้ ก็ด่าตนว่าควายซะเถอะจะได้จบๆ
"แล้วนี่เราต้องรอรถอีกนานแค่ไหนวะ อากาศแม่งร้อนสัดว่ะ!"อินบ่นต่อ หงุดหงิดกับเหงื่อไคลซึมตามกรอบหน้าอยู่ในตอนนี้
"เห็นลุงแกบอกว่า อีกสิบกว่านาทีนะ กูเองก็ขี้เกียจรอแล้วว่ะ เหมารถลุงแกเลยดีป่ะ?"
ปรกคิดถึงรถคันโปรดของตนใจจะขาด การที่ต้องมานั่งรอรถโดยสารอยู่แบบนี้ มันช่างดูทรมานซะจนปรกอดคิดขึ้นมาไม่ได้เลยว่า ตนคิดถูกหรือว่าคิดผิดกันเนี่ย ที่ได้ยอมตามเพื่อนมาด้วยอย่างนี้
"เอาดิ เดี๋ยวกูลองไปคุยกับลุงแกเอง มึงรออยู่เนี่ยแหละ"
อินอาสาไปติดต่อเอง.. เพราะดูจากสภาพของเพื่อนละ ขืนถ้ายังให้รอรถอยู่อีกล่ะก็ มีหวังว่าเพื่อนมันคงได้น็อคตายคาอากาศร้อนๆแบบนี้แน่
ผลสรุปสุดท้าย ก็จบที่อินได้เลือกที่จะเหมารถไปเอง ด้วยราคาเกือบจะสองพันนิดๆได้
อินไม่รู้หรอกว่าไอ้ระยะทางที่กำลังจะไปมันอยู่ใกล้หรือว่าไกลแค่ไหน อินแค่เน้นความสะดวกสบายของตนกับเพื่อนก็เพียงพอแล้ว จะเสียเงินอีกสักแค่ไหน อินก็ไม่หวั่นสักนิด
"ไปมึงขึ้นรถ กูเหมารถลุงแกเรียบร้อยละ"
"ไปคันไหนอ่ะ รถสองแถวคันนี้อ่ะหรอ"
"รถแท็กซี่มั้ยล่ะ มึงจะไปขึ้นรถสองแถวเพื่อ!"
เหมือนจะเป็นธุรกิจของครอบครัว.. ลุงแกขับรถสองแถวคันใหญ่ ส่วนลูกๆหลานๆก็ขับรถแท็กซี่ อินเลยมีช้อยส์ให้เลือก แล้วมีหรือไงที่อินจะเลือกไปลำบากนั่งรถสองแถว เมินซะเถอะ
"ก็ไหนมึงบอกว่าอยากจะนั่งรถสองแถวชิลๆไง ไม่งั้นกูก็คงจะเรียกแกร๊บตั้งแต่สนามบินแล้วป่ะ"
ปรกอดที่จะพูดย้อนถึงคำพูดของเพื่อนกลับไปไม่ได้ เพราะความคิดของมันคนเดียวที่ทำให้ต้องพากันมาลำบากอยู่แบบเนี๊ยะ แทนที่จะได้ไปถึงที่หมายเร็วๆ แต่กับต้องมายืนกล่อยรอรถเข้าท่ากันอยู่แบบนี้ ก็ได้ชิลสมใจดีมั้ยล่ะ
"ใครจะไปรู้วะว่าเดินออกมาแล้ว ๆแดดมันจะเปรี้ยงซะขนาดเนี๊ยะ หรือมึงจะไปสองแถว ก็ได้นะ กูจะได้ไปบอกลุงแกให้"
"เดี๋ยวๆๆๆ กูก็พูดไปอย่างนั้นเองป่ะ! มึงจะทำจริงจังอะไรเนี่ย ไปขึ้นรถ กูร้อนจะตายแล้วเนี่ย!"
ปรกที่รีบลากกระเป๋าเดินออกไป เพราะกลัวว่าเพื่อนจะเกิดเปลี่ยนใจตามที่พูดจริงๆ อินฉุกรอยยิ้มขึ้นได้ บนความลำบากที่ตนเป็นคนเลือกเอง อินก็ได้แต่หวังว่า การที่ตนถ่อมาไกลถึงที่นี่
หวังว่าสิ่งที่น้าเกวลินได้ฝากความหวังเอาไว้กับตน มันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะ อินเป็นคนเบื่อง่าย ถ้าต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากเข้าบ่อยๆ! ก็กลัวว่าตนจะเผลอถอดใจเอาซะก่อนเนี่ยสิ
"ถึงจะเป็นรีสอร์ทเล็กๆ แต่บรรยากาศก็ได้อยู่นะ ไม่แย่ๆ กูชอบฟิวประมาณนี้เลย คนไม่ต้องเยอะมาก ดูเงียบสงบดี"
ปรกว่าขึ้นมา ทันทีที่มาถึงที่หมาย ใช้เวลาเดินทางประมาณไม่น่าจะถึงหนึ่งชั่วโมงได้
อินก็ชอบแบบนี้เหมือนๆกัน เดินไปอีกหน่อยก็เจอทะเลละ ทำเลดีออกขนาดนี้ ถ้าเป็นช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวคงจะมาเข้าพักกันเยอะน่าดู
"ใช่มั้ยล่ะ อย่างนี้ค่อยรู้สึกว่าคุ้มค่ากับการที่มาไกลหน่อย ตอนแรกนะ กูก็หลงนึกว่ากู คงจะพามึงมาเสียเที่ยวแล้วซะอีก"
ด้วยที่เหตุผลหลักๆที่มาที่นี่ ถ้าไม่ใช่เป็นสถานที่สวยๆแบบนี้ ไม่แคล้วว่าเพื่อนก็คงจะต้องหนีกลับบ้านไปก่อนแน่ๆ แต่ว่าพอเห็นแบบนี้แล้ว อินก็รู้สึกเบาใจขึ้นได้เยอะเลยล่ะ
"กูก็ว่างั้นแหละ แค่ที่มึงพากูไปยืนรอสองแถว กูก็ใจแป้วไปหมดละ แต่เห็นแบบนี้ละ กูค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย"
อินถึงกับส่ายหัว คิดผิดซะเมื่อไหร่ว่าเพื่อนจะต้องมีความคิดเช่นนี้จริงๆ ก็อย่างว่ารู้จักกันมานาน ไม่ใช่แค่อินที่รู้จักเพื่อนดี เพราะเพื่อนเอง ที่ก็น่าจะรู้จักอินดีไม่ต่างกันนักหรอก
"สวัสดีค่ะ มาติดต่อบ้านพักหรือป่าวคะ?"เสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เห็นเป็นป้าคนหนึ่ง ที่ยืนส่งรอยยิ้มละไมมาให้กับทั้งสองคน
"ใช่ครับ ผมกับเพื่อนจะมาติดต่อบ้านพัก ต้องเข้าไปข้างในเลยมั้ยครับ"อินถามกลับไป
"เข้าไปได้เลยค่ะ เอ๊ะนั่น! เจ้าของรีสอร์ทมานู่นพอดีเลยค่ะ นายน้อยๆคะมีแขกมาขอติดต่อเช่าบ้านพักแหนะค่ะ"
อินกับเพื่อนที่หันมองตามป้าที่แกจู่ๆก็ได้พยักเพยิดบอก แต่อินก็ฟังไม่ค่อยจะเข้าใจนักหรอกนะ ก็ด้วยสำเนียงที่ป้าแกใช้ช่วงประโยคท้ายๆ มันฟังดูแปล่งๆยังไงชอบกลอยู่นะ
//กึก!//
อินถึงกับชะงักงันลงไป ด้วยบุคคลที่ยืนอยู่ตรงข้างหน้าในตอนนี้ ถ้าอินจำไม่ผิดไป คนๆนี้ก็น่าจะใช่ ภัทร ภูวดล เพื่อนเล่นในวัยเด็กของตนหรือป่าว
"ภัท... เดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งไป!!"ยังไม่ทันที่อินจะได้พูดอะไร จู่ๆทางรายนั้นที่ก็ได้เดินเลี่ยงหนีออกไปซะอย่างนั้น
"ปรกเดี๋ยวมึงไปติดต่อเรื่องบ้านพักไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูมา"อินรีบบอกกับเพื่อน ก่อนที่จะรีบเดินตามภัทรไป เพราะกลัวว่าอาจจะคาดกันเอาได้ถ้าไม่รีบตามไปในตอนนี้
"เอ้าแล้วนี่มึงจะไปไหนของมึงเนี่ยห๊ะไอ้อินแล้วกูล่ะ!!"ปรกตะโกนถามตามหลังไป
"เออ! เดี๋ยวกูมา!!"
อินเลือกที่จะวิ่งตามต่อ.. ไม่เข้าใจว่าคนที่มีรูปร่างขนาดก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก ทำไมถึงได้เดินเร็วกว่าตนนักนะ
"นี่หยุดนะ กูบอกให้มึงหยุดยังไงเล่า ฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง!!"อินตวาดกร้าวขึ้น ทันทีที่วิ่งเข้ามาดักหน้าของอีกฝ่ายไว้ได้ทัน! ทั้งยังได้พูดต่อว่าออกไปอย่างเหลืออด
ด้านคนถูกต่อว่าเพียงแค่ยืนมองกลับมานิ่งๆเท่านั้น ไร้อารมณ์โต้ตอบแต่อย่างใดทั้งนั้น! อินที่มองเห็นเช่นนี้ จึงคาดเดาไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะยังคงจำกันได้อยู่หรือป่าว
"มึงดูหน้ากูไว้นะ กูดูเหมือนใคร มึงพอจะจำกูได้บ้างป่ะ?"อินลองชี้นำดู เผื่อว่าอีกฝ่ายจะจำกันไม่ได้จริงๆ และถ้าได้พูดเตือนความจำกันสักหน่อย ไม่แน่ว่า ก็อาจจะจำกันขึ้นมาได้บ้างก็ได้
แต่ทว่า!อีกฝ่ายก็กับทำสีหน้าดูเหม็นเบื่อใส่กันซะอย่างนั้น ไม่เห็นว่าจะเป็นไปอย่างที่อิน ได้คิดเอาไว้เลยสักนิด หรือว่าจะจำกันไม่ได้แล้วจริงๆ
"อ่ะๆๆๆ เดี๋ยวบอกชื่อมึงเลยก็ได้อะ กูชื่ออินนะ พ่อกูชื่อชวินทรส่วนแม่กูชื่ออารยา! นี่มึงพอจะจำขึ้นมาได้บ้างมั้ย"
อินแถมด้วยการบอกชื่อพ่อกับแม่ไปด้วยเลยก็เผื่อว่าคนตรงหน้าจะฉุกคิดได้ง่ายขึ้นมาหน่อย
"... แล้วจะมาบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากจะรู้ด้วยสักหน่อย"คนถูกซักว่าขึ้น ก่อนจะเลี่ยงผละเดินหลบไปอีกทาง
"เอ้า!! เดี๋ยวก่อนดิ!!"อินต้องไล่เดินตามต่อ นึกหัวเสียที่อีกฝ่ายเอาแต่เดินหนีกันอยู่ได้
แล้วก็คำตอบ.. ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะหลีกเลี่ยงที่จะตอบกัน แต่เพียงแค่นี้ อินก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายคือภัทร เจ้าตัวที่เป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็กของตนจริงๆ
ว่าแต่แล้วทำไมภัทรถึงต้องเอาแต่หนีกันอย่างนี้ด้วย เพราะการมาของอินในวันนี้ ภัทรไม่น่าจะรู้รึป่าวว่าอินมาด้วยเหตุผลอะไร
"อ๊ะะ!!"ด้วยความที่เอาแต่เร่งรีบติดตาม อินจึงไม่ทันจะได้ระวังสะดุดก้อนหินล้มคะมำลงไปกองอยู่กับพื้นเสียแล้ว
"อิน!!"เพราะอารามตกใจ ภัทรจึงรีบรุดเข้าช่วยอิน จนหลงลืมไปเสียสนิทเลยว่าตนกำลังทำเป็นไม่รู้จักกับอินอยู่แท้ๆ
มารู้ตัวเอาอีกที! ก็เมื่อเห็นอินกระหยิ่มยิ้มย่องใส่จนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้มของเจ้าตัวมาชัดเจน
ภัทรจึงคิดว่าตนก็คงจะหลงกลคนตรงหน้าเข้าให้แล้วจริงๆ ไม่เจอกันตั้งนาน อินที่ยังคงมีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ตนน่าจะเอะใจบ้างสักนิด ก็คงจะดี
"ที่มึงเป็นห่วงกูออกหน้าออกตาขนาดนี้ แสดงว่า มึงก็พอจะจำกูได้แล้วใช่ป่ะว่ากูเป็นใคร!"อินท้วงถามออกไป เมื่อภัทรได้ผละลุกขึ้นไป! และก็ตั้งท่าที่จะกำลังจะเดินหนีกันไปอีก
ภัทรชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินไปต่อ หลับตาแน่น.. พยายามจะระงับอารมณ์ ก็ด้วยที่ไม่ต้องการอยากที่จะมีปัญหากับอิน ก่อนที่จะหันกลับไป ซึ่งก็พอดีกับที่อินได้ผละลุกขึ้นมาพอดี
"มึงต้องการอะไรจากกูอิน! นี่เค้าเป็นคนส่งมึงมาใช่มั้ย!"ด้วยหนนี้ มันก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผู้หญิงคนนั้นได้ส่งคนมาหว่านล้อมกัน
คนเป็นแม่ ที่เลือกจะทิ้งลูกทิ้งผัวของตัวเองเพื่อไปแต่งงานใหม่ได้นี่ มาวันนี้ จะมาถามหาความรับผิดชอบไปเพื่ออะไร ภัทรไม่ต้องการมันสักนิด ถึงแม้ว่าในทุกๆวันนี้ พ่อจะไม่อยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม แต่มันก็ใช่ว่า ภัทรจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้สักหน่อย ซึ่งมันไม่ได้ดูแย่อะไรเลยที่จะเติบโตขึ้นมาได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง
"เอ่อ! นี่มึงพูดเรื่องบ้าไรเนี่ย กูไม่เห็นจะเข้าใจเลย"อินเลือกที่จะทำเบลอไปก่อน ไม่ต้องการจะถูกอีกฝ่ายไล่ตะเพิดกลับไปซะตั้งแต่วันแรกหรอกนะ
"ไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่เข้าใจกันแน่"
"นี่มึงพูดบ้าอะไรเนี่ยห๊ะ กูมาเที่ยวกับเพื่อนป่ะ ไม่มีใครส่งกูมาอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ ว่าแต่ เค้าคนที่มึงพูดถึงอยู่เนี่ย เค้าเป็นใครกัน นี่กูรู้จักด้วยหรอ?"
...***...
บุคคลที่ถูกยกขึ้นมาใช้กล่าวอ้างไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเรื่องแต่อย่างใด ไม่ได้มีการเจตนาทำร้ายศิลปินนักแสดง
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ**
"ตกลงว่า! ใช่คนนั้นป่ะ เพื่อนของมึงอ่ะ"ปรกกระซิบถาม พยักเพยิดไปยังบุคคลที่ยืนกอดอกอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านพัก
"มึงอย่าเพิ่งถามกูตอนนี้ ไว้เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้ฟัง!"อินไม่อยากให้มันดูผิดสังเกตจนเกินไป ด้วยที่ตนกำลังโกหกอีกฝ่ายอยู่
อินหันไปยิ้มเผล่ให้กับภัทรต่อ พยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติให้ได้มากที่สุด
แต่ว่าภัทรกับเลือกที่จะเดินหนีกันไป อินชักจะหัวเสียหนัก ไม่เข้าใจว่าภัทรเติบโตขึ้นมายังไง จากที่ชอบดื้อเงียบในตอนเด็ก! ทำไมพอโตขึ้นมาหน่อยถึงได้กลายเป็นคนกวนบาทาได้มากขนาดนี้ก็ไม่รู้
"ไอ้เชี่ยนี่ก็แม่ง!! อย่าให้ถึงทีกูเอาคืนบ้างก็แล้วกัน เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้คลานเข่าเข้ามาร้องขอชีวิตเอาซะเลยเหอะ" อินบ่นอุบออกมา
ด้านคนที่ยืนอยู่ด้วย แต่ว่าต่างคนที่ต่างก็ได้ยินกันไม่ค่อยถนัด จึงได้มองหน้าของกันและกันไปมา
"เอ่อ! เมื่อตะกี้นี้ คุณว่าอะไรนะคะ ป้าได้ยินไม่ค่อยถนัดเลยค่ะ"
อินมองไปยังป้ายุพิณที่แกเป็นคนดูแลที่นี่ด้วยใบหน้าเคร่ง ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา เมื่อคิดได้ว่าตนไม่ควรจะไปพาลใส่คนอื่น ที่เค้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย
"ไม่มีอะไรครับ! ผมแค่จะบอกว่า ผมเลือกบ้านหลังนี้ ยังไงผมรบกวนป้าช่วยเอากระเป๋าของผมกับของเพื่อนมาส่งให้ที่นี่ด้วยนะครับ"
"อ๋อ ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าให้ลุงกับลูกชายเอามาส่งให้นะคะ ถ้าอย่างนั้น ป้าไม่รบกวนแล้วล่ะค่ะ เชิญพวกคุณพักผ่อนตามอัธยาศัยกันได้เลยนะคะ"
"ขอบคุณนะครับ"อินรอจนป้ายุพิณเดินออกไปไกลพ้นบ้านพักแล้ว อินจึงรีบปิดประตูลง! ทั้งยังได้ถอดถอนลมหายใจออกมาโล่งอกกับเค้าได้สักทีที่ไม่ต้องมาทนปั้นหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้นอีกแล้ว
"ตกลง ไอ้คนที่มึงวิ่งตามมันไปก่อนหน้านี้ มันคือเพื่อนของมึงใช่มั้ย?"ปรกถามต่อ แต่ถึงเพื่อนไม่ตอบ ปรกก็พอจะคาดเดาเอาเองได้บ้างแล้วล่ะ
"ก็มันเนี่ยแหละคือไอ้ภัทร ทำไมกูจะจำแม่งไม่ได้"ต่อให้ภัทรยังคงทำเบลอต่อไป แต่อินก็ไม่โง่ที่จะเชื่อหรอก
"แต่เท่าที่กูเห็น ไอ้หมอนั่นมันดูไม่ค่อยจะอะไรกับมึงเลยนะ มันดูไม่ค่อยจะชอบหน้ามึงด้วยซ้ำ"
ทั้งพยายามรักษาระยะห่าง.. ไม่เข้ามาพูดคุยเหมือนคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันมานาน ปรกคิดว่ามันดูแปลกๆอยู่เหมือนกันนะ ไอ้ท่าทีแบบนี้มันเป็นเหมือนคนที่ไม่ค่อยจะถูกชะตากันซะมากกว่าป่ะ
อินก็คิดแบบนั้น ทั้งๆที่เมื่อก่อน ไม่ว่าจะกินไม่ว่านอนไม่ว่าจะเล่น มีอินที่ไหน ก็ต้องมีภัทรอยู่ที่นั่น แล้วดูตอนนี้สิ อีกฝ่ายกับเลือกที่จะหลีกเลี่ยงกันท่าเดียวเลย อินนึกท้อเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้สักกี่น้ำ ถ้ามันยังเป็นอยู่แบบนี้
"มันคิดว่าแม่มันเป็นคนส่งกูมา"
"แล้วยังไงวะ ก็แม่มันส่งมึงมาจริงๆนี่หว่า"
"มันก็ใช่! แต่ว่ากูโกหกมันไปละว่ากูแค่มาเที่ยวกับมึง แล้วก็บังเอิญมาเจอกับแม่งเฉยๆ"
"เพื่อ? ถ้ามันมารู้เอาทีหลังมึงไม่ซวยเอาหรอ?"
"ไม่รู้เว้ย! ตอนนั้นกูยังคิดอะไรไม่ออกนี่หว่า กูคิดอะไรขึ้นได้ กูก็พูดออกไปก่อน"
"มึงนี่หาเรื่องใส่ตัวเองเก่งจริงๆเลยนะ"
"เอาเหอะหน่า! เดี๋ยวรอให้แม่งไว้ใจกูกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วกูก็ค่อยลองคุยกับแม่งดูอีกทีก็ได้ป่ะ"
"คำพูดมันก็พูดได้ง่ายๆไง กูจะรอดูก็แล้วกันว่ามึงจะทำได้อย่างที่พูดหรือป่าวน่ะ"
อินเบือนหน้าหลบเพื่อนไปอีกทาง จากที่คิดไม่ตกอยู่แล้ว พอมาได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้! อินก็ยิ่งคิดหนักกว่าเดิมไปอีก ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวมันจะไปจบที่ตรงไหนเหมือนกัน
"มึงไม่คิดจะพากูเดินเที่ยวหน่อยหรอ! อุตส่าห์ได้กลับมาเจอกันทั้งที มาย้อนวันวานกันหน่อยป่ะ"
อินได้ทิ้งเพื่อนให้นอนหลับอยู่ในห้อง.. ส่วนตนก็ได้ออกมาหาภัทรที่สำนักงาน ด้านภัทรที่กำลังนั่งอ่านเอกสาร จึงไม่ทันจะได้สังเกตเห็นถึงการมาของอิน จนกระทั่งอินได้เดินเข้ามานั่งลงข้างๆภัทรถึงได้รู้ตัว ก่อนจะจ้องมองไปด้วยแววตาเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย
"ดูมึงทำหน้าเข้าสิ ยังไม่เชื่อกูอีกหรือไงว่าไม่ได้มีใครส่งกูมาจริงๆ"
อินยังคงเล่นตามน้ำไป ด้วยที่นึกอะไรไม่ออกจริงๆว่าควรจะเข้าหาภัทรได้ทางนั้น นอกจากทางนี้ ที่ดูจะเป็นหนทางเดียวแล้วจริงๆ
"ถ้ามึงยังไม่เชื่อกู มึงจะไปถามกับเพื่อนของกูก็ได้นะ หรือไม่มึงก็แค่โทรไปถาม คนที่มึงคิดว่าเค้าเป็นคนส่งกูมาที่นี่ก็ได้หนิ"
ด้วยที่รู้ว่าภัทร คงไม่กล้าที่จะโทรกลับไปจริงๆ อินจึงได้กล้าพูดท้าออกมา
"ไม่จำเป็นหรอก คนอย่างมึง กูดูออกได้ไม่ยากนักหรอก"
จู่ๆอินก็กับรู้สึกว่า! น้ำลายในลำคอมันดูกลืนลงลำคอได้ยากยังไงไม่รู้สิ
อินยิ้มรับ เพราะต้องทำใจดีสู้เสือไปก่อนเพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่หลุดสังเกตออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น
"ก็ดี! มองดูให้ชัดๆด้วยล่ะ มึงจะได้มองมาเห็นถึงความจริงใจจริงๆที่กูมีให้กับมึงว่ามันมีอยู่มากล้นขนาดไหนน่ะ"
อินไม่พูดป่าว แต่กับนั่งเท้าคาง ช้อนสายตาขึ้นมองคนข้างๆไปด้วย แต่ว่าอินกับไม่รู้ตัวเองเลยว่า ไอ้การที่ตนได้ทำท่าทีในแบบนี้ มันได้ทำให้คนที่มองอยู่ถึงกับรู้สึกเสียอาการไปหมด! จนถึงจะต้องรีบหลบเลี่ยงหันมองไปทางอื่น เพราะกลัวว่าตนอาจจะเผลอหลุดอาการแปลกๆให้อีกฝ่ายได้เห็นเอาได้
"เป็นอะไรของมึงอีกล่ะเนี่ย พอกูนั่งให้มอง แต่มึงกับหันหน้าหนีกูไปอย่างนี้เนี่ยนะ!"
อินพูดด้วยน้ำเสียงและก็ท่าทีที่ดูจะขุ่นเคืองอยู่นิดๆ ก่อนจะผละนั่งพิงพนักเก้าอี้ไปอย่างเบื่อหน่ายเต็มประดา
"แล้วนี่เพื่อนมึงเค้าหายไปไหน ทำไมมึงถึงมาที่นี่คนเดียว"
"ปรกมันเพลียจากแดด มันหลับเป็นตายอยู่ในบ้านนั่นแหละ ว่าแต่มึงเถอะ ตกลงมึงจะไม่พากูเดินเที่ยวที่ไหนบ้างเลย นี่กูมาไกลมากนะเนี่ย นี่ใจคอมึงจะไม่เป็นเจ้าบ้านที่ดีหน่อยหรือไง"
อินรบเร้าต่อ! ไม่เพียงแต่หาทางเพื่อหวังที่จะตีสนิทกับภัทรเพียงเท่านั้น แต่อินแค่รู้สึกเบื่อๆ จึงอยากจะหาเพื่อนเดินเที่ยวเล่นไปด้วยกันจริงๆ และภัทรก็ดูจะเป็นคนๆเดียวที่พึ่งพาได้ดีที่สุดแล้ว
"มึงแค่อยากจะเดินเที่ยวเล่นแค่นั้นใช่มั้ย?"
"ก็ใช่น่ะสิ ก็กูมาเที่ยวผักผ่อนแล้วมึงจะให้กูมาทำอะไรล่ะ"อินคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหยั่งเชิงถามตนอยู่ อินจึงได้รีบตอบออกไปว่าตนแค่ต้องการมาเที่ยวแค่นั้นจริงๆ
"อืมม ถ้างั้นเดี๋ยวกูโทรตามไอ้ลมให้แล้วกัน มึงอยากจะไปที่ไหน มึงก็บอกมันเองแล้วกัน"
ลม เวหา เจ้าตัวเป็นลูกชายของลุงรามกับป้ายุพิณ ลมเป็นเหมือนคนงานในรีสอร์ทอีกคนนึง และด้วยที่เติบโตและก็เป็นคนในพื้นที่จริงๆ ลมคงน่าจะอำนวยความสะดวกให้อินได้ดีกว่า ภัทรจึงไว้ใจที่จะเลือกใช้ลมให้มาเป็นคนดูแลอินแทนตน
"เดี๋ยวๆๆ มึงวางมือถือลงเลย!!"อินรีบเข้าห้าม
"กูจะไปกับมึง กูไม่เอาคนอื่น กูอุตส่าห์มาหามึงถึงนี่ มึงยังจะโทรตามคนอื่นอีกเนี่ยนะ กูถามมึงจริงๆเถอะ นี่มึงเกลียดอะไรกูหรือป่าว ก็ถ้ามึงไม่สบายใจที่กูมาพักอยู่ที่นี่! เดี๋ยวกูกับเพื่อนย้ายที่พักใหม่ก็ได้นะ มึงจะได้สบายใจขึ้น"
จะว่าประชดก็ใช่ จะว่าทำอะไรไม่คิดก็ใช่อีกนั่นแหละ แต่อินแค่รู้สึกเคืองที่อีกฝ่ายเอาแต่ทำเหมือนว่าตน ดูเป็นสิ่งน่ารังเกียจที่ไม่น่าเข้าใกล้อยู่เนี่ย มันก็ดูจะทำใส่กันเกินไปหน่อยหรือป่าว
ก็เข้าใจแหละว่ายังไม่ไว้ใจกัน แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะเห็นถึงความเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันหน่อยก็ได้ป่ะ ทำใส่กันขนาดนี้ ก็อย่ามาเป็นเพื่อนกันซะเลยเถอะ จะได้จบๆกันไป
"ขอโทษที่มารบกวนแล้วกัน กูจะรีบไปให้พ้นๆเดี๋ยวนี้แหละ"
อินเดินออกมา ภายในใจที่เกิดความกังวัลตามขึ้นมาว่าตนจะไปอธิบายถึงในเรื่องตรงนี้ยังไงดี ถ้าหากว่าความคาดหวังของน้าเกวลินมันกำลังจะพังไม่เป็นท่าเพราะความใจร้อนของตนแบบนี้
"ตอนนี้ที่รีสอร์ทมีแต่รถมอเตอร์ไซค์!.. ก็ถ้ามึงคิดว่าซ้อนได้ ก็ตามกูมาแล้วกัน!!"
อินหันกลับไปมองยังคนพูด! เห็นแต่หลังไวๆที่กำลังเดินไปตรงข้างหน้าสำนักงาน
"อะไรของแม่งอีก! นี่เรียกว่าง้อแล้วหรอ"การที่เดินไปไม่รอกัน แถมยังพูดส่งๆไปตามอากาศอย่างนี้เนี่ยนะ แต่ถามว่าอินคิดจะไปตามคำชักชวนนั่นมั้ย แน่นอนว่าอินไม่มีทางเลือกอื่น จำทนที่ต้องเดินไปตามคำชักชวนส่งๆนั่นอยู่ดี แต่ก็ใช่ว่า อินจะยอมคิดหายเคืองอีกฝ่ายง่ายๆ
ด้วยที่อินไม่ได้เป็นคนทำผิดอะไร ก็ถ้าจะหาว่าใครสักคนที่เป็นคนทำผิดก่อน ก็คงต้องเป็นอีกฝ่ายนั่นแหละ ไม่ใช่ตน
"ถ้าลำบากใจที่จะทำ! มึงไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้นะ กูไม่อยากจะฝืนใจใคร"
มุมปากฉุกรอยยิ้มตามขึ้นมา ภัทรพอจะดูออกว่าอินเพียงแค่พูดไปอย่างนั้น เจ้าตัวไม่ได้คิดจะงอนจริงจังอะไรหรอก
"ไหนๆมึงก็เดินตามมาขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องเดินกลับไปให้มันเมื่อยหรอกหน่า ขึ้นรถ!"
อินถลึงตาใส่ภัทรไปที่ดันมาพูดจาไม่เข้าหูใส่กันอีก ทั้งๆที่ความผิดของภัทรก่อนหน้านี้.. อินก็ยังไม่เคลียร์เลยเหอะ
"เร็วๆ จะไปไม่ไป เดี๋ยวกูต้องรีบกลับมาเคลียร์บัญชีต่ออีก"ภัทรต้องทำทุกอย่างแทนพ่อ เจ้าตัวจึงไม่ค่อยจะมีเวลาว่างเหมือนอย่างครั้งเมื่อก่อน ที่คิดอยากจะไปไหนมาไหนตามแต่ใจตนเองได้
"เออๆ ทีอย่างงี้ ทำมาเร่งกันจังวะ!!"ถึงจะปาก จะบ่น แต่อินก็รีบขึ้นซ้อนท้ายตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี
...***...
บุคคลที่ถูกยกขึ้นมาใช้กล่าวอ้างไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเรื่องแต่อย่างใด ไม่ได้มีการเจตนาทำร้ายศิลปินนักแสดง
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ**
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!