NovelToon NovelToon

รวมนิยาย

ตอนที่ 1 ตกหลุ่มร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด

นิยาย

ตอนที่ 1-1 หม่าม้า

สายตาของเขาจับจ้องไปยังข้าวห่อสาหร่ายในมือ มินจุนค่อยๆ แกะพลาสติกออกพร้อมกับรู้สึกพิศวงกับประสิทธิภาพการย่อยอาการของตัวเองที่กระตือรือร้นอยากอาหารแม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ ก็นะ คนเฒ่าคนแก่ก็เคยพูดไว้นี่นา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม อิ่มท้องไว้ก่อนถึงจะเป็นเรื่องดี ไม่รู้สิ เดิมทีเราก็หน้าตาดีอยู่แล้ว พอกินเสร็จตายไป ผิวอาจจะเปล่งประกายแวววาวจนยมทูตมาเอาไปเป็นแฟนก็ได้ ฮือออ คิดๆ ดูแล้วก็กลัวแฮะ คุณพ่อ คุณแม่ ยกโทษให้ลูกชายอกตัญญูคนนี้ด้วยนะครับ ถ้าการเกิดเป็นเกย์มันคือบาป และบาปนั้นส่งผลให้ผมต้องตายแบบนี้ ช่วยคิดเสียว่าส่งผมไปแต่งเข้าบ้านใครสักคนที่อยู่ไกลแสนไกล… มินจุนยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมา ก่อนจะยัดข้าวห่อสาหร่ายเข้าปาก “ไอ้เวรไทเซ! มาขู่กันได้ยังไงว่าจะจับไปขายคลับเกย์ถ้าเกิดแจ้งความ ถึงฉันจะตายไป แต่มันไม่จบแค่นี้แน่ ฉันจะไปยั่วยวนยมทูตในโลกหน้าให้มาพาตัวแกไปด้วยแน่นอน คอยดู!” ปังงง! “อ๊าก ตกใจหมด! หัวใจวายตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบฮะ” มินจุนกรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหันแล้วค่อยหันกลับไปมองด้านหลัง ทว่าข้าวห่อสาหร่ายที่เพิ่งกินได้ไม่เท่าไรกลับตกลงพื้น เขารีบแนบตัวเข้ากับกำแพงตึกตามสัญชาติญาณทันที นี่มันคลื่นสีดำในตำนานที่เขาพูดกัน จากนั้นก็กลืนน้ำลายดังอึกพร้อมตัวสั่นงึกงัก หลังพบขบวนรถเบนซ์สีดำที่เคยเห็นแต่ในภาพยนตร์ มินจุนรู้ได้เลยว่ารถเหล่านี้ไม่ได้ชวนให้รู้สึกประทับใจสักเท่าไร ระหว่างอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ก็อาจจะได้พบเจอคนประเภทที่นั่งอยู่บนรถแบบนี้บ้างสักครั้งละมั้ง ถามจริงๆ เลยนะ ถ้ายากูซ่ามีแฟนจะเป็นอย่างไรกัน ถึงเขาจะคิดอะไรเพี้ยนๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังคงรักษาระยะห่างกับขบวนรถเบนซ์ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าลง หรือก็คือต่อหน้ายากูซ่าราวกับวัดด้วยไม้บรรทัด เหมือช่วงเวลาที่สามารถตายได้ทุกเมื่อ แม้มินจุนจะภาวนาอย่างเอาเป็นเอาตายว่าอย่ามาสนใจกันเลยก็ตาม ‘ไม่ใช่ว่าเราหล่อมากจนไปเตะตาหัวหน้าคนพวกนั้นเข้าหรอกนะ ทำยังไงดี พวกนี้ไม่ใช่เล่นๆ ด้วยสิ องค์กรคือสิ่งสำคัญ เคยได้ยินว่าหนึ่งต่อสิบก็มี ตายๆ ตรงนั้นของเราคงฉีกแน่ มันถึงตายได้เลยไม่ใช่เหรอนั่นน่ะ ถึงจะอยากตายยังไง แต่ก็ไม่อยากตายในสภาพนั้นหรอกนะ’ เมื่อได้ยินเสียง ปึง จากการปิดประตูรถและก็ตามด้วยเสียงเรียก ‘คุณชาย!’ มินจุนก็เกาะกำแพงแน่น พลางรี่ตามองไปทางรถเบนซ์ ทว่ากลับมีอะไรบางอย่างวิ่งตึกๆ เข้ามาหาก่อนจะพุ่งตัวใส่อ้อมกอดของเขา มินจุนสัมผัสได้ถึงไออุ่นและกลิ่นตัวของเด็กน้อย เขาจึงเผลอกอดสิ่งมีชีวิตที่วิ่งเข้าสู่อ้อมอกตัวเองเสียแน่น “หม่าม้า…หม่าม้า” หม่าม้า ช่างเป็นคำที่ฟังแล้วอบอุ่นเสียจริง ฉันเองก็คิดถึงแม่ที่เกาหลี… เดี๋ยว หม่าม้าเหรอ ใครกัน มินจุนดันตัวเด็กน้อยในอ้อมกอดออกทันที “เดี๋ยวก่อน หนูน้อย หม่าม้าเหรอ ดูดีๆ นะ ถึงรูปร่างแบบนี้จะชวนให้สับสนไปบ้าง แต่พี่ก็เป็นผู้ชายนะ เป็นผู้ชายเหมือนหนูไง เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม” พอผละตัวออกมามองแบบนี้ก็เห็นชัดเจนว่าเป็นเด็กชายอายุประมาณสามขวบ หน้าตาน่ารักพอๆ กับนักแสดงเด็กของฮอลลีวูดจนน่าตกใจ เด็กชายตัวยุ้ยผมสีดำสวมชุดทางการทับด้วยเสื้อโค้ต ดวงตาคลอน้ำตา บุ้ยปากจ้องตากับเขา “หม่าม้า… กิ๊ดถึงฮับ หม่าม้า” แม้ลิ้นจะยังไม่แข็งแรงนัก แต่เด็กน้อยก็พูดทุกสิ่งที่ตัวเองอยากจะบอกกับมินจุนด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ไม่หยุด “อืมๆ ถ้าพี่เป็นหนูก็คงจะคิดถึงเหมือนกัน เจ้าหนูน้อย…” “โทมะๆ โทมะ โจ” “งั้นเหรอ โทมะ โทษทีนะ แต่พี่ไม่ใช่หม่าม้าของหนู” “มะเอา หม่าม้า… แงงง!” ในที่สุดโทมะก็ร้องไห้จ้าแล้วพุ่งเข้าใส่อ้อมกอดมินจุนอีกครั้ง น้ำหูน้ำตานองหน้า แถมยังอ้าปากร้องไห้จนน้ำลายเลอะเต็มเสื้อแพดดิ้งของเขาไปหมด รวมถึงกอดมินจุนแน่นขึ้นด้วย แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก มินจุนได้ยินเสียงอาวุธน่าหวาดเสียวจากด้านหลัง หากเป็นคนปกติคงจะไม่เคยได้ยินมันมาก่อน เขาตัวแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์ทันทีเมื่อหันกลับไปเจอปากกระบอกปืนสีดำ ชั่วขณะนั้นมินจุนกอดเด็กน้อยแล้วถอยกรูดไปด้านหลังก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น เจ้าของกระบอกปืนคือชายหนุ่มสามคนในชุดสูทสีดำคุณภาพดีต่างจากปกติทั่วไปเหมือนสั่งตัดกันมาเป็นกลุ่ม มีสองคนกำลังจ้องมองมินจุน ทว่าอีกคนนึงไม่ได้มอง สองคนนั้นท่าทางน่ากลัวอวดเบ่งจนแม้แต่สุนัขที่เดินผ่านไปมายังรู้โดยไม่ต้องมีใครบอกว่า ‘ฉันคือยากูซ่า’ ส่วนอีกคนหนึ่งกลับให้ความรู้สึกว่าเป็นชนชั้นสูงมากกว่ายากูซ่าธรรมดา อีกฝ่ายพยายามพูดกับโทมะ แต่ปืนที่ถืออยู่ยังคงเล็งมาที่หน้าผากเขา “คุณชายมาทางนี้เถอะครับ ถ้าขืนยังทำแบบนี้คนผู้นี้จะเดือดร้อนได้นะครับ” เดือดร้อน? เดือนร้อนอะไร หมายถึงจะฆ่าทิ้งโดยไม่ให้เหลือหลักฐานเลยสักนิดงั้นเหรอ หลังจากจินตนาการว่าศพตัวเองจะถูกฝังอยู่ในแผ่นดินของกรุงโตเกียว มินจุนก็ดันโทมะออกไปอีกครั้ง “คือ… ทะ โทมะ ถึงจะพูดไปแล้วก็เถอะ แต่พี่ไม่ใช่หม่าม้าของหนูนะ” “หม่าม้า ฮือออ แงงง หม่าม้า” เมื่อเสียงร้องไห้ของโทมะยิ่งดังขึ้น มินจุนจึงหันไปมองชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแล้วเอ่ยถาม “แม่ของเขาอยู่ที่ไหนเหรอครับ” “ขออภัยที่ทำให้ตกใจนะครับ ถึงจะลำบากไปสักหน่อย แต่ช่วยส่งคุณชายมาทางนี้ได้ไหมครับ” “ได้สิครับ ผมเองก็อยากจะทำแบบนั้น” มินจุนลูบศีรษะโทมะพร้อมกับเริ่มกล่อมเด็กน้อย “โทมะเด็กดี ต้องไปแล้วนะ คุณลุงเขามารับแล้ว โทมะเด็กดีเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายใช่ไหม” “งือ โทมะเปงเดะดีฮับ หม่าม้าไปด้วยกัง” “ไม่ได้หรอก โทมะกลับไปก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะตามไปนะ” เฮ้อ ตอนเป็นเด็กเราเองก็โดนหลอกและร้องไห้กับคำพวกนี้มากขนาดไหนกันนะ แต่ก็รู้ว่าสักวันก็ต้องโกหกแบบนี้เหมือนกัน โทมะเอียงคอมองมินจุนครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาแล้วพูดยืนกราน “มะเอา ไปด้วยกัง โทมะไม่ไปคนเดว” สมัยนี้ระดับสติปัญญาของเด็กไม่ธรรมดาเลยจริงๆ สงสัยคงเรียนรู้ตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่แล้ว มินจุนอดทนอย่างที่สุดและพยายามเกลี้ยกล่อมโทมะอีกครั้ง “งั้นบอกหน่อยสิว่าบ้านอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะไปหาแน่นอน สัญญา! จริงๆ น้า เกี่ยวก้อยสัญญาใครผิดสัญญากลืนเข็มพันเล่ม” ทว่าเสียง ‘แกร๊ก’ ดังขึ้นอย่างน่าเสียวและมีอะไรบางอย่างชนเข้ากับท้ายทอยของเขา ปืนที่เคยทิ้งระยะห่างออกไปตอนนี้กลับมาจ่อด้านหลังของมินจุนแล้ว ‘ไม่สิ เมื่อกี้เราพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนสิ…’ “ถ้างั้นกลืนเข็มสอง… สองพันเล่ม…” มินจุนคิดว่าเพราะจำนวนเข็มทำให้ปืนขยับมาจ่อหัวจน ร่างกายจึงสั่นสะท้านพร้อมกับเพิ่มจำนวนเข็มลงไปด้วย “มะเอา หม่าม้าไปด้วยกัง!!” โทมะคว้าเสื้อแพดดิ้งของมินจุนแน่นและเริ่มออดอ้อน หัวหน้ายากุซ่าที่มองอยู่จึงเอ่ยตักเตือนโทมะด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “คุณชายถ้ายังเป็นอย่างนี้ ป๊ะป๋าจะโกรธเอานะครับ” พอได้ยินคำว่าป๊ะป๋าการกระทำทุกอย่างก็หยุดลง จากนั้นโทมะก็เริ่มร้องไห้ออกมาทันที เดี๋ยว ป๊ะป๋าเหรอ งั้นก็หมายความว่าเด็กคนนี้มีพ่อน่ะสิ เมื่อกี้เขาเรียกโทมะว่าอะไรนะ.. อ่า ใช่แล้ว เรียกว่าคุณชายไง คุณชาย! คุณชาย… เป็นลูกคนรวยที่ไหนละเนี่ย ไม่ ไม่ ไม่ใช่สิเว้ย! คนพวกนี้เป็นยากุซ่าไม่เหรอ ถ้างั้นพ่อของเด็กคนนี้ก็… เป็นไปไม่ได้น่า คงไม่ใช่บอส…หรอกนะ บนโลกนี้มันมีเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างกับในละครแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ “เกิดอะไรขึ้น” แม้จะมาแค่เสียง ทว่าหลังได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำแสนเซ็กซี่คล้ายจะเสร็จกิจก็ทำเอาส่วนล่างของมินจุนอ่อนแรง หัวใจเต้นตึกตักขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันคือเสียงร่ำร้องจากสัญชาตญาณความเป็นเกย์ของเขานั่นเอง มินจุนกอดโทมะในอ้อมแขนแล้วค่อยๆ หันกลับไป ทว่าเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้งอแงอยู่กับหน้าอกเขากลับหันควับไปทางเจ้าของเสียงทุ้มสุดเซ็กซี่แล้วตะโกนใส่ทันที “ป๋มเกียดป๊ะป๋า จะไปกับหม่าม้า ฮือออ” ‘ให้ตายเถอะ อย่าบอกว่าเกลียดสิ! เกิดฉันโดนเหมารวมแล้วโดนจับตัวไปด้วยจะทำยังไง’ “ไปขึ้นรถ ทั้งคู่” ‘เห็นไหม บอกทั้งคู่เลยเนี่ย… อะไรนะ!’ ไม่ใช่แล้ว แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว… จากนั้นก็ไม่รู้มินจุนไปเอาความกล้ามาจากไหน เขาอุ้มโทมะลุกขึ้นแล้วสบตากับชายคนนั้น หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที…. มันไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนานเลย แต่สำหรับมินจุนแล้วทุกอย่างกลับนิ่งสงัด กระทั่งอากาศก็ยังหยุดนิ่งราวกับเวลาผ่านไปเป็นพันเป็นหมื่นปี ‘ผู้ชาย’ นั่นคือเป็นคำแรกที่เข้ามาในหัวเขา เป็นคำที่เหมาะสมกับอีกฝ่ายอย่างถึงที่สุด เหมาะกับคำว่าผู้ชายจริงๆ มินจุนนึกมาตลอดว่ายากุซ่าเป็นชื่อที่ตั้งให้คนน่ากลัว ไหล่กว้าง มีไขมันระหว่างชั้นผิวหนาขรุขระ เมื่อพูดถึงยากุซ่าก็ต้องมีรอยบากบนหน้าบนเป็นมาตรฐาน ที่จริงในโทรทัศน์มันก็เป็นแบบนั้นแหละ แต่คนๆ นี้กลับเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่า เซ็กซี่สมกับเป็นผู้ชายที่สามารถพบเจอได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต จนสามารถบรรยายชวนให้ตั้งครรภ์ได้เพียงแค่มองความเซ็กซี่นั่นครั้งเดียว “หม่าม้า ไปด้วยกัง ป๊ะป๋าพูกว่าทั้งคู่ๆ” มินจุนย้ายสายตาไปมองโทมะที่อยู่ๆ ก็หยุดร้องไห้แล้วมีท่าทางชอบใจขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ขณะนั้นสติเขากลับมา เลยหันไปมองยังชายหนุ่มอีกครั้งแล้วก็ต้องก้มหน้าลงมองพื้นทำมุมสี่สิบห้าองศาในทันที มินจุนอ้าปากพูดและพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองสั่น “ทะ…ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะครับ” “…” “ช่วยอธิบายให้น้องเขาเข้าใจหน่อยนะครับ” “…” “วะ ว่าผมไม่ใช่แม่ของเขา ไม่สามารถกลับไปด้วย… ได้…” ทันทีที่มือใหญ่สวมถุงมือหนังหยิบบุหรี่ขึ้นมา ชายหัวล้านแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เดินขึ้นมาจุดไฟแช็กให้อย่างนอบน้อมโดยไม่ต้องมีคำพูดใด เสียงของเขาเริ่มสั่นเลยค่อยๆ แอบซ่อนท่าทางของตัวเองพร้อมกับกลืนคำพูดที่เหลือกลับลงไป ทว่ทามินจุนรับกลิ่นบุหรี่ไม่ได้ตั้งแต่กำเนิดจึงยกมือขึ้นปิดจมูกพลางบ่นพึมพำ ‘โธ่เอ๊ย ถึงฉันจะเตรียมตัวตายแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังไม่ได้เตรียมใจเลยนะ ถ้าเกิดโดนปืนยิง ค่าตัวลดลงเดี๋ยวยมทูตก็เมินฉันหรอก ไอ้คนเห็นแก่ตัว น่ารังเกียจ’ “นี่” “ครับ?” “ใครเห็นแก่ตัว” มินจุนคิดว่าการสัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะในน้ำเสียงอันสุนทรีย์ชวนให้รู้สึกสยดสยองแค่เพียงได้ฟังของชายหนุ่ม มันเป็นเครื่องหมายแห่งความตายใช่หรือเปล่า ดูเหมือนเขาจะเผลอปล่อยคำบ่นในใจออกมาอีกแล้ว แต่นอกจากจะไม่ตกใจแล้วยังนิ่งใส่อีกต่างหาก มินจุนเงยหน้าที่เคยทำมุมสี่สิบห้าองศากับพื้นขึ้นมามองชายหนุ่มตรงๆ ด้วยหัวใจที่เรียกร้องว่าอยากเห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายก่อนตาย “คือผม… ช่วงนี้ลำบากมาก มากจริงๆ ครับ ถึงจะอยากตาย แต่บอกตามตรง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องตายด้วยปืนแบบนี้ คิดแค่ว่าต้องตายแบบธรรมดาๆ …อาจจะกินยา วิ่งให้รถชน ไม่ก็ลงไปในน้ำ เหมือนที่คนธรรมดาทั่วไปเขาตายกันน่ะครับ ผมไม่ได้ทำบาปอะไรนอกจากเดินผ่านถนนแคบๆ นี้เลยครับ ถึงจะไม่มีโชคแค่ไหน ยังไงก็… จริงๆ เลย เกาหลีก็กลับไม่ได้..” “เป็นคนเกาหลี?” “คะ.. ครับ?” “อย่าตอบคำถามด้วยคำถาม” “ครับ!” แววตาของชายหนุ่มตรงหน้าคล้ายมีประกายไฟวูบขึ้นมาชั่วขณะ มินจุนกลืนน้ำลายลงคอแล้วตอบเสียงดัง รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกลายเป็นหินลับมีดอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อสายตาแหลมคมราวกับใบมีดจ้องผ่าน “ขึ้นรถ” อีกฝ่ายโยนบุหรี่ลงพื้น ทิ้งคำพูดไว้เพียงหนึ่งคำแล้วหันหลังเดินออกไปขึ้นรถของตน ชายหนุ่มอีกคนที่มีท่าทางเหมือนหัวหน้าคนพวกนั้นดูสุภาพขึ้น แต่ก็ยังคงพยายามกึ่งบังคับพาโทมะที่เกาะติดกับเขาเหมือนหมากฝรั่งขึ้นรถเบนซ์ที่ตัวมินจุนเองก็เพิ่งเคยนั่งเป็นครั้งแรกในชีวิต “เดี๋ยวก่อนครับ ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน! นี่ นี่! อย่าเพิ่งออกรถนะ ผมจะลง” หลังจากถูกดันเข้าไปด้านใน มินจุนก็พยายามตะเกียกตะกายเพื่อลงจากรถ ทว่าแม้แต่โทมะก็ยังไม่ใยดีเขาเลย หัวหน้าคนพวกนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ผมจะไม่ห้าม ถ้าคุณอยากลงจากรถที่กำลังวิ่งอยู่ แต่ผมไม่อาจรับประกันได้ว่ารถที่ตามมาด้านหลังจะหลบให้คุณหรือเปล่า หากคุณเป็นคนฉลาด ผมขอเตือนให้เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่” ถ้าลงไปแบบนี้ เราได้ตัวแบนเป็นปลาหนังแผ่นบนยางมะตอยแน่ อึก! จู่ๆ ภาพศพแมวที่เคยเห็นพร้อมกับพ่อบนถนนทางหลวงก็ผุดขึ้นมา มีแต่หนังติดถนนยางมะตอยไร้ร่องรอยของศีรษะ มันเป็นภาพที่ตามหลอกหลอนจนทำให้มินจุนต้องเป็นทุกข์อยู่หลายปี คนตัวเล็กจึงกลับไปนั่งรวบขาอย่างเรียบร้อยในที่ของตัวเองแล้วกอดโทมะไว้ราวกับเป็นฟางเส้นสุดท้ายของชีวิต

ตอนที่ 2 ตกหลุ่มร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด

นิยาย

ตอนที่ 1-2 หม่าม้า MOKA เมื่อรถยนต์วิ่งออกจากตรอกแล้วเริ่มแล่นไปตามถนน แผนการที่ตั้งใจว่าจะสังเกตเส้นทางอย่างละเอียดว่ากำลังไปที่ไหนของมินจุนก็ต้องสูญเปล่าเพราะกระจกรถติดฟิล์มดำสนิท เขาจึงพิจารณาใบหน้าโทมะที่กำลังหลับสบายๆ แทน แล้วหัวเราะราวกับคนบ้า หัวหน้ากลุ่มที่นั่งข้างๆ เมื่อเห็นมินจุนกำลังหัวเราะก็มองด้วยสายตาเหมือนถามว่าเป็นบ้าหรือไง ก่อนจะเอ่ยข้อเสนอ “ถ้าคุณเหนื่อยส่งคุณชายมาทางนี้ได้นะครับ” มินจุนให้อีกฝ่ายมองมือเล็กๆ ของโทมะที่คว้าเสื้อของตนไว้แน่นทั้งๆ ที่ยังหลับอยู่พร้อมตอบบอกว่าไม่เป็นไร “เพราะผมหัวเราะ ก็เลยดูเหมือนคนบ้าใช่ไหมครับ” “เปล่าครับ แต่ก็….” “ตอนอยู่เกาหลี ผมไม่ชอบสายตาคนอื่นเวลามองมา ก็เลยตัดสินใจมาญี่ปุ่นใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานให้เต็มที่ นี่ก็เพิ่งจะผ่านมาแค่หกเดือนเอง…. ผมกลัวมากจริงๆ ก็เลยได้แต่หัวเราะน่ะครับ” “เทียบกับเวลาหกเดือน คุณพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก จนแทบไม่รู้เลยว่าเป็นคนเกาหลี” “ผมเรียนภาษาญี่ปุ่นมานานแล้วครับ คือ…. แอบจอดรถให้ผมลงที่ไหนสักที่ไม่ได้เหรอครับ ผมกลัวมากจริงๆ นะ” “เพราะพวกเราเป็นยากุซ่าเหรอครับ” เฮ้อ…. มินจุนถอนหายใจส่ายหน้าไปมาราวกับเด็ก พลางส่งเสียงหัวเราะแปลกๆ ออกมา “ฮ่าๆ เป็นยากุซ่าเหรอครับ ไม่รู้เลยนะเนี่ย งั้นคนเมื่อกี้ก็เป็นบอสเหรอครับ” “ครับเป็นบอส แล้วคนที่คุณกำลังกอดอยู่ก็คือลูกชายของบอส คุณชายสืบทอดเป็นบอสรุ่นที่สิบเอ็ดของกลุ่มอุเอะยามะครับ” ตุ้บ จู่ๆ น้ำหนักของเด็กชายที่นอนหายใจฟี่ๆ น่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตาตัวน้อยก็กดทับลงบนหัวเข่าของมินจุดอย่างแรงเหมือนกลายเป็นแท่งเหล็ก ‘อะไรเนี่ย เราโดนหมายหัวจากบอสรุ่นถัดไปงั้นเหรอ ไม่ใช่ในฐานะคนรัก แต่เป็นหม่าม้า โธ่เอ๊ย จะมีใครโชคร้ายได้เท่าฉันอีกไหม’ มินจุนเริ่มรู้สึกถึงความรักของแม่ในการอยากจะเฝ้ามองว่าใบหน้าน่ารักๆ จะเติบโตไปเป็นชายหนุ่มสุกเซ็กซี่อย่างคนที่ได้เจอเมื่อครู่หรือเปล่า…. ไม่สิ ตั้งสติหน่อยมินจุน ความรักของแม่อะไรเล่า! อย่าสำคัญตัวเองผิด แกเป็นเกย์นะ ไม่ใช่ผู้หญิง ที่สำคัญตอนนี้แกกำลังจะถูกฆ่านะโว้ย ฮือๆ แค่อยากตั้งใจทำงานตอบแทนบุญคุณเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วจะบอกแม่ยังไงว่ากำลังจะตาย “ยากุซ่าไม่ลงมือกับคนธรรมดาๆ ไม่มีความผิดหรอกครับ” “ความผิดเหรอ แล้วถ้ามีล่ะครับ” “ก็….ลองคิดดูสิครับ” มินจุนไม่อยากฟังเนื้อหาหลังจากนั้นต่อจึงพิงศีรษะกับกระจกพลางร้องไห้กระซิกกระซิก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคอยเช็ดใบหน้าของเด็กน้อยที่มีเหงื่อไหลซึมออกมา ก่อนจะดึงโทมะเข้ามากอดเพื่อให้อีกฝ่ายหลับสบายขึ้น

“ตื่น…. ตื่น!” ใครบางคนเขย่าไหล่ของมินจุน เมื่อโดนปลุกเขาก็พึมพำออกมาอัตโนมัติ “ไทเซอย่าน่า…. ฉันจะนอนต่อ….” มินจุนหันกลับมาด้วยใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตา เพี๊ยะๆ ทว่าแก้มกลับรู้สึกร้อนวูบวาบราวกับมีไฟลุก เขาจึงลืมตาโพลงแล้วส่งเสียงตะโกนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สตินัก “ไอ้เวรนี่ อยากตายหรืองะ…. อุ๊บ!” แล้วก็ต้องปิดปากตัวเองด้วยมือข้างนึงพลางส่ายหัวไปมาซ้ายทีขวาที ป๊ะป๋าของโทมะผู้หล่อเหลาจนแทบหยุดหายใจ บอสรุ่นที่สิบของอุเอะยา…บลาๆ กำลังก้มมองตนอยู่ ทั้งร่างอบอวลด้วยฟีโรโมนของชายหนุ่ม การมองเห็น การได้ยิน ไหนจะอุณหภูมิร่างกายที่รู้สึกได้จากระยะไกลนี่อีก ก็คือปลุกเร้าไปทุกความรู้สึก…. “ขะ…ขอโทษ… ครับ” “ส่งโทมะมา” ยิ่งได้ฟังใกล้ๆ น้ำเสียงของอีกฝ่ายทุ้มมากกว่าที่คิดเสียอีก ยังไม่ทันทำอะไรส่วนกลางลำตัวก็เริ่มจะกระดุกกระดิกและเสียววาบขึ้นมาในชั่วพริบตาแล้ว เมื่อมินจุนลังเล ชายหนุ่มจึงแย่งโทมะมาอุ้มแล้วออกจากรถไป “ออกมา” ก่อนจะพยักหน้าให้เขาออกจากรถเช่นกัน มินจุนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ขณะเดินตามมินจุนก็มีความคิดบางอย่าง ‘เอางี้ดีกว่า ไม่ต้องไปยั่วยมทูตแล้ว ขอลองอยู่ใต้ร่างผู้ชายสุดคูลแบบนั้นสักครั้งแล้วค่อยตายดีกว่า จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกับโลกใบนี้ไง! ดีกว่าไอ้เวรไทเซเป็นล้านเท่า ฮ่าๆ เอาเลยมินจุน นายทำได้’ เมื่อมีเป้าหมายใหม่ มินจุนก็รู้สึกว่าสภาพตัวเองไม่ได้อาภัพเหมือนคนใกล้ตายอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาเฝ้าฝันถึงอนาคตอันตื่นเต้นสนุกสนานที่วางแผนขึ้นมาใหม่สำหรับไลฟ์สไตล์เกย์ของตน ‘หึๆ ก็ใช่ว่าจะตายเสมอไปเนอะ อันที่จริงเตรียมใจไว้แล้วแท้ๆ แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้น่ะไม่เป็นไรหรอก ก็คุณมาทำให้ผมหลงเองนี่นา เพราะงั้นขออยู่ใต้ร่างคุณสักครั้งก่อนตายแล้วกันนะ’ มินจุนเดินตามชายหนุ่มผ่านสวนที่เชื่อมกับหมู่บ้านในป่าด้วยจิตใจเบิกบาน ก่อนจะเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ แต่ชีวิตคนเราจะมีอะไรเป็นดั่งใจบ้างล่ะ ยังไม่ทันจะถึงสิบนาทีดี ความหวังของเขาก็โดนกวาดทิ้งลงท่อระบายน้ำไม่ต่างอะไรจากเศษกระดาษทิชชู่เปียกๆ แผ่นหนึ่ง เมื่อคนเป็นหัวหน้ารับโทมะจากบอสตนมาอุ้มแล้วหายไปที่ไหนสักแห่ง มินจุนก็เริ่มกระสับกระส่าย ตอนนี้โทมะคือสิ่งเดียวที่จะช่วยชีวิตของเขาได้ แต่พอเด็กน้อยไม่อยู่ในสายตาแล้ว เขาก็เริ่มขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่จนโซซัดโซเซพิงตัวกับกำแพง บอสของทุกคนในที่นี้จึงยกจากเหล่าลูกน้องแล้วเดินมาทางเขา “เป็นอะไร” ไม่จริงน่า มินจุนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาและเริ่มพูดกับตนก่อน จึงเริ่มวิตกกังวลยิ่งฝังตัวเข้ากับกำแพงและค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น “…” “กะ…กลัวมากเลยก้าวขาไม่ออกครับ” “หึ ใครไปขู่ว่าจะฆ่าเขา” ชายหนุ่มจ้องมองมินจุนด้วยสายตาร้ายกาจราวกับจะเจาะทะลุ จากนั้นก็เอ่ยถามกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ไม่มีครับ” “ไม่เคยครับ” “พี่ใหญ่เคนตะบอกว่าเราไม่ฆ่าคนธรรมดาๆ เขาน่าจะกลัวไปเองครับ” ชายท่าทางดุดันและทำหน้าที่ขับรถเบนซ์คันที่มินจุนนั่งจัดเขาเข้าอยู่ในกลุ่มพวกขี้กลัวทันที มองว่าทุกอย่างเป็นเพราะนิสัยของมินจุน โดยไม่คำนึงถึงรูปลักษณ์ของตัวเองเลย “ลุกขึ้น หรือจะให้แบกไป” คนเป็นบอสสั่งออกมาอย่างหงุดหงิดเหมือนจะไม่ยกโทษให้อีกเป็นครั้งที่สอง ถ้าหากเป็นเวลาปกติต่อให้แสดงพลังเหนือมนุษย์ให้ดู มินจุนก็ไม่ลุกพรวดพราดแบบนี้หรอก แต่ใครเขาว่ากันไว้ละ ต่อหน้าความตายเราต้องสู้ แล้วมันเพราะใคร เขาถึงต้องมาที่นี่ แค่ปล่อยเขาไปก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว โทมะอาจจะร้องไห้สักหน่อย แต่ยิ่งร้อง เด็กก็จะยิ่งเติบโตนะ! พอคิดได้อย่างนั้น มินจุนก็เลิกเถียงแล้วมองไปรอบๆ แทน “มีแต่คนน่ากลัวทั้งนั้นเลย จะมีคนหล่อจนทำให้ตะลึง ใจดี แล้วก็อ่อนโยนบ้างไหมครับ ผมเดินไม่ได้แล้ว หมดแรง แถมยังสับสนไปหมด เดินไม่ได้จริงๆ นะครับ“ เกิดความเงียบสนิทถึงขั้นทำให้คนถึงตายได้ มินจุนเข้าใจถึงความอดทนอย่างที่สุดภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ คนที่เพิ่งดิ้นรนอย่างเปล่าประโชน์เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา ร่างกายก็เริ่มสั่น ถ้าเรามีความเด็ดเดี่ยวเหมือนนักรบที่พกความกล้าเท่ากับฝีปากตัวเองบ้างสักเพียงฝุ่นผงล่ะก็… ก่อนความเงียบแสนน่ากลัวราวกับใบมีดจะทำลายประสาทเขา อีกฝ่ายก็เริ่มขยับริมฝีปากแสนเซ็กซี่พร้อมกับยื่นมือมาทางมินจุน “งั้นก็แบกไป” “อ่า… ไม่เป็นไรครับ” มินจุนยันมือตัวเองกับกำแพงด้านหลัง เอนร่างกายพิงกำแพงแล้วทำท่าเหมือนปูขณะพยายามตระเกียดตระกายอย่างยากลำบาก ทว่าพอเอามือออกจากกำแพงและยิ้มราวกับว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ทรุดลงอย่างอ่อนแรงราวกับปลาหมึกไร้กระดูกทันที “แบกไป” จากนั้นชายฉกรรจ์ที่น่ากลัวที่สุดก็เดินเข้ามาเขาจุนพาดบ่าเหมือนแบกกระสอบแป้งเบาๆ กระสอบหนึ่งตามคำสั่งแล้วเดินตามเจ้านายไป หลังทำลายความมั่นใจ คนตัวเล็กได้แต่ร้องไห้กระซิกๆ อยู่บนบ่าของชายคนนั้น ถึงจะสูงไม่มาก แต่เขาก็เป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบสองที่แข็งแรงนะ… ฮึกๆ

ตอนที่ 3 ตกหลุ่มร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด

นิยาย

ตอนที่ 1-3 หม่าม้า

มินจุนโดนพาเข้ามาในห้องหนังสือ จะพูดให้ถูกก็คือสถานที่ที่เขาโดนไหล่หยาบๆ แบกมาก็คือห้องบรรยากาศมืดครึม ผนังเต็มไปด้วยหนังสือจำนวนมากนับไม่ถ้วน และมีโต๊ะหนังสือสีโอ๊คตั้งอยู่ มองแล้วเดาว่าน่าจะเป็นห้องหนังสือของชายหนุ่ม มินจุนยืนจ้องตากับอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง อยากจะกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ๆ ลงคอ แต่กลัวว่าจะโดนตำหนิจึงทำได้เพียงกลืนลงไปทีละนิดๆ เท่านั้น “ชื่อ” “ครับ?” “บอกว่าอย่าตอบด้วยคำถาม” อะไรบางอย่างเฉียดผ่านเส้นผมแล้วปักเข้ากับผนัง เส้นผมของเขาร่วงพรูลงบนเสื้อ มินจุนตัวแข็งทื่อ โดยมีเพียงลูกตาดำเท่านั้นที่ขยับไปมาเพื่อยืนยันว่าเมื่อครู่ชีวิตเพิ่งจะตกอยู่ในอันตราย มันคือลูกดอก และปักอยู่บนกำแพงห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่ถึงสิบเซนติเมตร เข็มของลูกดอกอันแหลมคมที่ฆ่าคนได้แม้ว่าจะสวมใส่เกราะเหล็กบินมาราวกับมิสไซล์ผ่านเส้นผมของมินจุน “อายุยี่สิบสอง นามสกุลมิน ชื่อจุนครับ!” เขาพูดเสียงดังฟังชัดด้วยน้ำเสียงเดียวกับตอนแนะนำตัวในห้องเรียนใหม่ ปีการศึกษาใหม่สมัยอยู่โรงเรียนมัธยม แน่นอนว่าแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ… “ก่อนจะเข้าคำถาม ไทเซเป็นใคร” เมื่อชายหนุ่มเปิดกล่องเหล็กเคลือบทองที่นำออกมาจากสูทแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบ ลูกน้องยากูซ่าหัวล้านก็ขยับตัวอย่างว่องไว ทว่าอีกฝ่ายกลับจุดไฟแช็กด้วยด้วยตัวเอง แล้วสูดเข้าไปเฮือกใหญ่ก่อนจะปล่อยควันออกมา ระหว่างเฝ้าดูท่าทางนั้น มินจุนก็รู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวอีกครั้งจึงแอบถอยหลังออกไปทีละน้อย “ฉันน่ากลัว?” เขาส่ายหัวกับคำถาม แต่ก็เปลี่ยนเป็นพยักหน้ารับ ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้พลางพ่นควันบุหรี่เป็นทางยาว มินจุนคิดว่าตัวเองปิดจมูกแน่นแล้วแท้ๆ แต่ควันบุหรี่เบาบางยิ่งกว่าอากาศก็ยังทะลุผ่านเข้ามาถึงปอดจนได้ กระทั่งเขาเริ่มไอออกมาอย่างควบคุมไม่ได้พร้อมกระตุกเล็กๆ หลังจากนั้นของเหลวที่ไม่ค่อยจะสะอาดนักก็ไหลออกมาจากช่องทางทั้งหลายบนใบหน้า เขาทรุดลงกับพื้น หัวใจเริ่มเต้นตึกตักๆ “เฮ้ย เป็นอะไร” คนที่ต่อให้คนข้างตัวโดนฟันอย่างรุนแรงคิ้วก็ไม่กระตุกสักเส้น ก้มศีรษะลงมาหามินจุนที่ตอนนี้ไอในระดับที่สามารถเรียกว่าชักได้แล้ว น้ำมูกน้ำตาพรั่งพรูออกมาจนทรมาน อยากจะขอทิชชู่สักแผ่น แต่ร่างบางกลับคว้าผ้าที่แกว่งไปมาตรงหน้าด้วยสัญชาติญาณมาเช็ดน้ำมูก แถมยังพับเศษผ้านั่นมาซับน้ำตาอีกหลายครั้ง… จู่ๆ ก็มีเสียงข่มกลั้นอารมณ์ออกคำสั่งหนึ่งคำจากด้านบน “กรรไกร” มินจุนคิดว่าการที่ตันเห็นมืออวบดำถือมีดสั่นไปมาคงเป็นผลพวงจากอาการไออย่างรุนแรง ทว่าหลังเสียงฉับแสนป่าเถื่อนตัดลงบนผ้า เขาก็ได้สติคืนมาทันที และเพิ่งรู้ในตอนนั้นว่าผ้าที่เอามาสั่งน้ำมูกก็คือเน็กไทของบอสยากูซ่า กรรไกรปักอยู่บนพื้นทำมุมเกาสิบองศาพอดี เศษผ้าส่วนที่ถูกตัดออกสะบัดอยู่ในมือหยาบ มินจุนเข้าใจได้ทันทีว่านั่นคือโทษตาย “ขะ… ขอโทษครับ ผมแพ้ควันบุหรี่… มะ… ไม่รู้มันเป็นเน็กไทของคุณ…” “พอ สรุปใคร” คนตัวเล็กสะอื้นฮักพร้อมกับส่งสายตาออกไปทางผู้คนโดยรอบว่าใครนี่หมายถึงใคร ยากูซ่าหัวล้านกรอกตาอย่างน่ากลัว เขาจึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือว่า ‘ช่วยที’ อีกฝ่ายขยับปากเป็นคำว่า ‘ไทเซ’ “คนที่หลอกผม” “แค่นั้น?” “เอ่อ… ก็…” “สั้นๆ ให้ได้ใจความภายในสิบวินาที ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว” สายตาเหมือนบอกว่าถ้าเกินสิบวินาที ฉันไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น มินจุนแลบลิ้นเลียริมฝีปากจนชุ่ม กลัวจนไม่กล้าจ้องตา ก็เลยเบนสายตาไปมองทางหน้าต่างแล้วเริ่มอธิบาย “ผมเป็นนักเรียนต่างชาติมาจากเกาหลีใต้ ไทเซคือรูมเมทที่เอาชื่อผมไปกู้เงินนอกระบบ เอาเงินค่าเรียนของผมตลอดหนึ่งปีไปทั้งหมด พาสปอร์ตก็เอาไปด้วย แล้วก็ขู่ว่าจะเอาผมไปขายคลับเกย์ทุกวัน เจ้าหนี้ก็มาตามทวงเงินทุกวัน…” “สต็อป” ไม่รู้ผ่านไปถึงสิบวินาทีหรือยัง พอคนตรงหน้ายกมือขึ้น มินจุนก็หยุดพูด “นายเป็นนักเรียนจากเกาหลี ไอ้คนที่หลอกนายเป็นรูมเมท แล้วก็เป็นแฟน นายเป็นเกย์ถูกไหม” “อ่า…” ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้พูดคำว่าเกย์ออกมาสักคำ รู้สึกทึ่งกับความสามารถของอีกฝ่ายที่เข้าใจจุดสำคัญได้พอดิบพอดี ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย มินจุนประทับใจจริงๆ “ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ถอดเสื้อผ้า” “หา? ทำไมต้องถอดรับ จะทำผมเหรอ” มินจุนกอดตัวเองด้วยมือทั้งสองข้างแล้วหันไปมองรอบตัวพลางยิ้มแหยหน้าเสีย คนหนึ่งเป็นชายหัวล้านที่มีแผลเป็นใต้ตาเป็นรอยบากจากมีดดูเหมือนจะเป็นมือขวาของชายหนุ่ม และอีกสองคนที่เขาไม่อยากจะพูดถึง มีลักษณะตามแบบยากูซ่าทั่วๆ ไป ภายในห้องนี้มีแค่ชายหนุ่มสุดเซ็กซี่ที่กำลังยืนพิงกำแพงคนเดียวเท่านั้นที่ห่างไกลจากคำว่ายากูซ่า แต่ตอนนี้มินจุนพูดได้เลยว่า อีกฝ่ายคือยากูซ่าที่น่ากลัวที่สุด ยากูซ่าคนอื่นๆ ที่สบตากับเขาก็ถลึงตาใส่ราวกับจะบอกว่า ‘ฉันไม่ใช่เกย์เว้ย ไอ้เกย์’ “มีใครที่ทำกับผู้ชายได้บ้าง” “ไม่ครับ” “ไม่ได้เลยครับ” “อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ” ‘หูย อีกหน่อยคงได้คว้านท้องตัวเองแน่ ฉันก็ไม่เอาเหมือนกันแหละเว้ย’ เนื่องจากพวกยากูซ่ายืนยันว่าชอบผู้หญิงหนักแน่นและพยายามปัดเรื่องพวกนี้ออกจากตัว ทำเอามินจุนของขึ้นจนเบ้ปากแล้วพูดออกไปตรงๆ อย่างโมโห “ผมก็ไม่เอาด้วยหรอกครับ” “เหรอ งั้นก็ช่าง ถอดออก” “เดี๋ยวสิ แล้วทำไมผมต้องถอดด้วย” “ตรวจสอบ มันมีแค่รูเดียวไม่ใช่เหรอที่พอจะซ่อนอะไรเข้ามาได้ เช็กก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่ จะถอดเอง หรือให้ถอดให้” น้ำเสียงทุ้มต่ำคือยาเสพติด ถ้าหากได้ยินเสียงนี้ใกล้ๆ เพียงลำพังแค่สักประมาณสิบนาที ก็คงทำให้เขาเสร็จโดยไม่ต้องกระตุ้นได้แล้ว มินจุนขยำเสื้อตัวเองแน่นพลางเหลือบตามองต่ำ “มะ… ไม่เอาครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้นเอง จะไปซ่อนอะไรได้ครับ” “ถุงยาง” ได้ยินผิดหรือเปล่าเนี่ย มินจุนแคะหูแล้วเอียงศีรษะไปมา เหมือนจะสั่งให้เอาถุงยางมาจริงๆ นะนั่น… ร่างบางที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์มองทุกอย่างงงๆ คนตรงหน้ารับถุงยางจากชายหัวล้านมาแกะออก ก่อนจะทาโลชั่นลงบนนิ้วทั้งสองที่สวมถุงยางทั้งๆ ที่ใบหน้าไม่แปรเปลี่ยน จากนั้นก็ขยับคิ้วเป็นคำสั่งให้คนที่อยู่ด้านหลัง …สั่งว่าอะไร… จู่ๆ ตัวเองก็ถูกผู้ชายที่เดินเข้ามาหาปลดเปลื้องแม้กระทั่งชั้นใน โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที จากการขัดขืนของมินจุนทำให้ยากูซ่าหัวล้านไร้เส้นผมสักเส้นมีรอยแดงบนศีรษะห้ารอย และอีกสองคนมีบนใบหน้า นอกจากนี้ยังมียากูซ่าที่โดนกัดหูด้วย ถึงจะพยายามขัดขืนเท่าที่ทำได้แล้วแต่มินจุนก็ไม่สามารถเอาชนะได้อยู่ดี มินจุนจ้องเขม็งไปทางร่างสูงของชายหนุ่ม หัวไหล่สั่นเทาอย่างรุนแรง ยกสองมือขึ้นปิดช่วงล่างและหน้าอกของตน ทว่าก่อนจะทันได้ทบทวนสถานการณ์ ตัวเขากลับถูกจับคว่ำอยู่บนเอวของอีกฝ่ายราวกับเด็กน้อยภายในชั่วพริบตา ไม่ได้ ไม่ได้นะ… สำหรับเขาแล้วนั่นมันเป็นจุดที่ทำให้เกิดความรู้สึกได้มากที่สุด ถึงจะเคยเข้าออกด้วยนิ้วตัวเองมาหลายครั้ง แต่กับนิ้วมือของคนอื่นมันเป็นสถานการณ์ที่ยากเกินจะจินตนาการ สุดท้ายมินจุนก็ต้องอ้อนวอน “ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ… ขอร้องล่ะ ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะ ผมไม่ได้ซ่อนอะไรไว้จริงๆ…” ชายหนุ่มคงไม่คิดจะฟังคำของคนตัวเล็กอีกแล้ว นิ้วเย็นเฉียบขยายร่องระหว่างบั้นท้ายอย่างไร้ความปราณี “ฮึก!” มินจุนส่งเสียงร้องออกมาโดยอัติโนมัติ ขณะเดียวกันด้านในก็ถูกกระตุ้นด้วยอากาศเย็นที่พัดผ่านเข้ามา แม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัว แต่ส่วนอ่อนไหวในมือตัวเองก็กระตุกบ่อยๆ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มผสมเสียงของลมเย็นทำให้รู้สึกเหมือนโดนกระตุ้นอย่างรุนแรง “สีสวยดีนี่” จากนั้นก็ส่งถุงยางที่ทาสารล่อลื่นอย่างโลชั่นเข้าไปภายใน “อะ… อึก… ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ ได้โปรด เอาออกเถอะครับ…” มินจุนหอบหายใจถี่ แยกไม่ออกว่ามันคือเสียงครางหรือเสียงต่อต้าน เขาจับข้อมือคนที่กำลังครูดไปตามผนังภายใน ทันทีที่รู้สึกถึงแรงจับ ท่อนแขนหนาเต็มไปด้วยเส้นเลือดก็ยิ่งไม่ปราณี จนความรู้สึกสุขสมวาบขึ้นมายังส่วนกลางลำตัว “อ๊า ฮึก…” แกนกายที่มินจุนใช้มือปิดไว้ค่อยๆ แข็งตัวขึ้น ขณะนั้นเสียงร้องไห้ที่เคยดังกระซิกๆ ก็กลับกลายเป็นเสียงครางประหลาด ชายหนุ่มจึงพูดออกมา “ไม่มีใครอยู่แล้ว” มินจุนร้องไห้จนไม่มีสติ เมื่อรู้ว่ายากูซ่าคนอื่นๆ ออกไปแล้วและตอนนี้พวกเขาอยู่กันเพียงสองคนในห้อง ก็ฝังหน้าลงกับต้นขาอีกฝ่ายแล้วร้องไห้ออกมา “หยุดร้อง ก็แค่เช็กดู ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ที่บอกว่ามินจุนทำเป็นเรื่องใหญ่หมายถึงแกนกายตั้งชันที่เจ้าตัวพยายามซ่อนมันไว้ ร่างบางสะอื้นพลางบ่นพึมพำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย “กะ… ก็บอกว่าไม่ได้ไงครับ ตรงนั้นไม่ได้… อึก… อยากตาย” “อะไร ใส่แค่นี้ก็รู้สึกแล้วเหรอ” “ก็เห็นแล้วนี่ครับ ฮือออ… ต่อจากนี้ผมจะอยู่ยังไง…” “หนวกหู ก็ตั้งใจจะตายอยู่แล้วนี่” พอได้ยินคำพูดนั้น มินจุนก็หันควับไปมองอีกฝ่ายทั้งน้ำตาก่อนจะตะโกนใส่ “ก็ใช่ แต่แบบนี้มันเกินไปแล้ว!” จากนั้นก็สะอึกสะอื้นซุกหน้าลงกับต้นขาแกร่ง บนกางเกงสแล็คราคาแพงเต็มไปด้วยน้ำมูกและน้ำตาของมินจุน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!