NovelToon NovelToon

Who'S Your Master

บทที่1

เรียนที่เดียวกันตั้งหลายปียันตอนนี้จบการศึกษาแล้ว ก็ไม่เคยเห็นมันอยู่ในสายตามาก่อน จนกระทั่งเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วได้ไปเจอกันโดยบังเอิญที่ร้านเหล้า เพราะไม่ได้รวมตัวกันยกก๊วนครบแก๊งมานาน ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ และวันนั้นเป็นวันที่ทุกคนว่างพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย

เลยตัดสินใจรวมก๊วนก๊กเหล้ากันที่ร้านประจำสมัยเรียน ซึ่งเป็นร้านที่เข้าได้เฉพาะเด็กมหาลัยนี้เท่านั้น ก่อนจะเข้าต้องชูบัตรแสดงตัว หากใครไม่มีแล้วทำเนียนมาเข้า บอกเลยว่า โดนตะเพิดกลับบ้านแทบไม่ทัน

หมอนั่นดูดีขึ้นมาก หรืออาจจะดูดีแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วก็ได้ เพราะไม่กินเส้นกันเลยไม่ได้ใส่ใจล่ะมั้ง

ในวันนั้นผมบังเอิญเห็นมันจูบอย่างดูดดื่มกับสาวสวยหุ่นสะบึ้มในร้านนั้น จูบดูดดื่มอย่างไม่อายใคร คงเป็นปกติของมันอยู่แล้ว วีรกรรมสมัยเรียนน้อยเสียเมื่อไหร่

และตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ทำผมคิดไม่ตก ไม่สามารถโยนเรื่องของมันออกไปจากหัวได้เลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็พาลนึกถึงเรื่องมันขึ้นมาเสียให้ได้ จนไม่เป็นอันทำอะไร ดีหน่อยที่ผมยังว่างงานและคงจะอีกนานเลยล่ะกว่าจะเข้าสู่สังคมวัยทำงานแบบเพื่อนคนอื่นๆ เพราะคุณพ่อคุณแม่บังเกิดเกล้าไม่อยากให้ลูกชายคนเล็กเหนื่อย โดยที่ผู้เป็นพ่อพูดกับลูกชายคนนี้ว่า ' ไม่ต้องทำห่าอะไรเลยก็ไม่อดตาย พ่อมึงรวยออกขนาดนี้' ถ้าเป็นคนอื่นพูดก็คงจะพากันเบ้ปากมองบนจนลูกตากลิ้ง แต่เพราะคนพูดคือเจ้าสัววิวัฒน์ จึงไม่มีใครคัดค้าน

ทุกคนในบ้านเลี้ยงดูผมเหมือนกับเป็นทารกตัวน้อยๆ เผลอๆอยากจะป้อนข้าวใส่ปากให้กันเหมือนครั้งยังเยาว์ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงได้ง่อยแดกเข้าสักวัน

ผมหยัดกายลุกขึ้นไปยังห้องน้ำกว้างใหญ่ เปิดน้ำจากฝักบัวปล่อยให้อาบรดเรือนกายตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ปล่อยให้น้ำไหลอาบรดกายไปเรื่อยๆ คล้ายอยากจะให้ความคิดฟุ้งซ่านไหลไปตามสายน้ำที่เหือดหายไปตามท่อระบาย

...

ถึงจะยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง แต่ผมก็ยังทำอะไรบ้างแก้เบื่อ ลงทุนสร้างห้องสตรีมเสียใหญ่โตซึ่งคนที่สร้างให้กันนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็เจ้าสัววิวัฒน์นั่นแหละ ทั้งห้องทั้งอุปกรณ์ต่างๆครบครันคงหมดไปไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลักแน่ๆ แต่เงินแค่นั้นขนหน้าแข้งอย่างเจ้าสัววิวัฒน์ไม่ร่วงหรอก

เพราะไม่ได้ออกไปพล่านที่ไหนเลยหมกตัวอยู่ในห้องเล่นเกมมันแม่งทั้งวัน มีหัวอุ่นอยู่บ้างที่ต้องทำหน้าที่เป็นพนักงานเก็บขยะ เวลาเพื่อนร่วมทีมเล่นไม่ได้ดั่งใจ สิงอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ยันเย็นย่ำจนคุณแม่ขึ้นมาเคาะประตูเรียกไปกินข้าวด้วยตัวเอง

"พี่ไอซ์ครับ ได้เวลากินข้าวแล้วครับ" ผมรีบตอบกลับและบอกลาเพื่อนๆในเกมอย่างไวเพราะไม่อยากให้คุณแม่คอยนาน และจบการสตรีมเพียงเท่านั้น คนที่ซัพช่องผมดูท่าจะกระเป๋าหนักไม่น้อย โดเนทแต่ละทีถึงกลับกลืนน้ำลายดังอึก มีเงินลงขวดเหล้ากับชาวแก๊งแล้วครับ แลดูไม่เหมือนลูกเจ้าสัวเลยเนอะ

...

วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ (สิบเอ็ดโมง) เพราะมีนัดกับเพื่อนที่เปิดร้านอาหารวันนี้เป็นวันแรกเลยว่าจะไปแสดงความยินดีสักหน่อย ของติดไม้ติดมือไว้ค่อยไปหาข้างหน้า จะไปมือเปล่าก็ไม่มีใครว่าหรอก แต่มันก็ดูไม่ดีไง

ใช้เวลาทำกิจวัตรส่วนตัวอยู่ร่วมเกือบชั่วโมงก็วิ่งลงบันไดมายังชั้นล่าง

"ทานข้าวต้มมั้ยคะ ป้าอุ่นรอไว้แล้ว" แม่บ้านเก่าแก่ของตระกูลเลยถามทันทีที่คุณชายเล็กลงมา

"จัดมาเลยครับป้า" จะปฏิเสธก็ได้ยังไงก็ต้องออกไปกินที่ร้านเพื่อนอยู่แล้ว แต่ก็กลัวป้าเขาจะเสียใจเปล่าๆ อุตส่าห์รอเขาลงมา แทบยังอุ่นรอแล้วด้วย กินสักหน่อยแล้วกัน ป้าเขาจะได้ไม่ห่อเหี่ยวเป็นต้นไม้รากขาดซะก่อน

...

กว่าจะฝ่าฝูงมดเหล็กที่เรียงตัวยาวเยียดบนท้องถนนมายังที่หมายได้ก็ปาเข้าไปบ่ายสองหน่อยๆ ไหนจะต้องเดินหาซื้อของฝากติดไม้ติดมืออีกก็ล่วงเลยไปยันบ่ายสี่ เสียเวลาเดินวนหาร้านที่ต้องการอยู่หลายรอบก็ไม่เจอ จนต้องเข้าช็อปรองเท้ากับพวกเครื่องสำอางค์แทนไปก่อน

แล้วตรงดิ่งมายังร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ทันที เพราะไอ้ตี๋ไปได้เมียญี่ปุ่นเข้าน่ะสิ แล้วสาวเจ้าก็วาดฝันไว้ว่าอยากมีร้านราเมงเป็นของตัวเอง และนี่คงจะเป็นของขวัญแต่งงานให้ยอดดวงใจของมันไม่ผิดแน่

ประตูร้านราเมงหมาดๆถูกเปิดออกขว้างด้วยฝีมือลูกชายคนเล็กของเจ้าสัววิวัฒน์ แต่พอเข้ามาในร้านได้ไม่กี่ก้าวขนสีน้ำเงินก็ชี้ฟูหูตั้ง เมื่อเจอกับคนที่ไม่อยากเจอเป็นที่สุดเข้า

รู้งี้แวะร้านขายแมวกวักก็ดีแหละ

รีบมาก็เจอไอ้เวรตะไลนี่จนได้

จะสาวเท้าหมุนตัวกลับตอนนี้ก็คงจะไม่ทันเสียแล้วเมื่อเพื่อนอย่างตี๋รู้ถึงการมาของเขาแล้วน่ะสิ

"อีกนิดก็เกือบปิดร้านแล้วมั้ย"

"ห้างปิดตั้งดึก มึงจะรีบปิดร้านไปกกเมียหรือไง"

"ก็เออสิวะ ข้าวใหม่ปลามันไม่รู้เหรอ" เบื่อจริงไอ้คนหลงเมีย อย่าให้มีบ้างแล้วกันจะอวดแม่งทุกวันจนเอียนไปข้าง

ตี๋พาผมมานั่งรอก่อนแป๊ปนึงแล้วยกชามราเมงฝีมือศรีภรรยาจากแดนอาทิตย์อุทัยมาเสิร์ฟตรงหน้า ควันสีขาวลอยฟุ้งเหนือถ้วยราเมง กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอจนพร้อมใจพรั่งพรู ไม่ต้องรอให้เพื่อนตี๋เลยปากบอกให้ทาน ก็ได้ยินเสียงซูดดูท่าจะถูกปากไม่น้อย

"เสน่ห์ปลายจวักเมียมึงก็ใช่เล่นอยู่นะ" นั่นปะไร ยังพูดไม่ทันขาดคำก็เอ่ยชมเมียเพื่อนอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้ทานของอร่อย

" แต่อย่าคิดตีท้ายครัวกูเชียว มีดโต้ในครัวจะปักกบาลมึง"

"แหม ชมนิดชมหน่อยทำเป็นหวง กูไม่เล่นของเพื่อนก็รู้นี่หว่า ว่าแต่มึงไปสนิทสนมกลมเกลียวกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ถามคลายความสงสัยกันไปเลย ผมกับเพื่อนไม่ค่อยจะถูกกับกลุ่มมันเท่าไหร่ ไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร แต่เจอกันเป็นไม่ได้ มันเป็นต้องพุ่งเข้าสวนกำหมัดกันสักตุ้บสักตับ

" ก็นานแล้ว ตอนเรียนก็คุยกันบ้าง มันนิสัยดีนะ แค่หน้าตามันชวนหาเรื่องไปหน่อย ปากหมาไปนิด" เออจริง ไม่เถียง หน้าตาวอนโดนเบื้องล่างแปะหมับที่หน้า

"มึงก็ลองเปิดใจดู ไปช่วยเมียหลังร้านก่อน เดี๋ยวมาคุยด้วย"

เปิดจงเปิดใจอะไรล่ะ ไม่เรียกเปิดแล้วมั้งตกหลุมไปทั้งตัวแล้วแหละกูว่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน ผมเคยคิดว่า ไม่ว่าจะเรื่องอะไรมันต้องมีเหตุผลมารองรับได้เสมอ แต่กลับเรื่องนี้หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แต่ก็แปลกพอได้เผลอใจไปชอบแบบงงๆ ก็ดันเจอกันง่ายเหลือเกิน บทจะเจอก็เจอกันเฉย เหมือนอยู่เส้นโคจรเดียวกันเสียอย่างนั้น ซึ่งร้อยวันพันปีไม่เคยมาปะจบกันเลยแท้ๆ

...

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่รู้สึกเหมือนถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา เลยทำทีหันมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนปะทะเข้ากลับสายตาจากไอ้คนผมสีน้ำเงิน สีหน้าดูเอาเรื่องมองมาทางเขาตลอดไปหันไปทางไหน แต่จะให้เขาไปถามไถ่ก่อนว่า 'มึงข้องอะไรกับกู' ก็ไม่เอาหรอก ถ้าข้องมากก็เป็นฝ่ายเข้ามาหาเองสิ คนอย่างเขาไม่ลดตัวไปคุยก่อนแน่นอน จะเรียกว่าศักดิ์ศรีค้ำคอ ก็ได้แหละมั้ง

เพราะอึดอัดกับการโดนจับจ้อง ซึ่งปกติก็เจออยู่แล้วแต่ไม่เคยมีใครมองมาอย่างเปิดเผยขนาดนี้เหมือนกัน เหมือนกับไม่รู้จักเก็บสายตา จึงทำทีเดินเข้าห้องน้ำของร้านราเมงตัดความอึดอัดนั้นเสีย

แต่แล้วเพียงชั่วอึดใจ เจ้าของเรือนกายที่มองมาอย่างสร้างความอึดอัดเมื่อครู่ก็เดินตามเข้ามา เสียงน้ำจากก๊อกดังขึ้น มือเลื่อนถูไถเอื่อยเฉื่อยจนเปียกชุ่ม ก่อนจะปิดก๊อกแล้วไปจ่อกับที่เป่าลมให้มือแห้ง ทุกความเคลื่อนไหวดูเอื่อยเฉื่อยคล้ายจงใจ จนคนที่เข้ามาก่อนแทบจะหลุดปากโพล่งถามอย่างหยาบคายอยู่ร่อมร่อ

แล้วสายตาเฉียบคมก็เห็นอะไรบางอย่างนูนเด่นจนสะดุดตา จนเกิดเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ

"มองกูแล้วเงี่ยน?" คนถูกทักอย่างหยาบคายชะงัก

"มึงพูดส้นตีนอะไรไอ้ไค" เถียงกลับคอเป็นเอ็นถึงแม้สิ่งที่อีกคนพูดจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ ไม่รู้ว่ากลไกของร่างกายทำงานผิดพลาดหรือเปล่า จนทำให้อวัยวะเบื้องล่างเกิดปฏิกิริยาเพียงแค่มองหน้าไอ้เวรตะไลนี้

"ฮึ แข็งจนนูนเด่นขนาดนั้นยังเฉไฉ" เจ็บใจที่เถียงมันไม่ได้ และก็ไม่รู้จะเดินตามมันมาทำไม นั่งซดน้ำราเมงอยู่ตรงนั้นก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ

!!!

เมื่อฝ่ามือร้อนระอุเอื้อมมากอบกุมส่วนอ่อนไหวที่นูนเด่นจนกางเกงแทบปริขาด คนโดนสัมผัสอย่างไม่ทันตั้งตัวก็สะดุ้งเฮือก เนื้อตัวสั่น ตัวแทบไหลเหลวไปกองกับพื้น แต่ต้องกัดฟันสู้จะให้มันรู้ไม่ได้ว่ารู้สึกดีจนตัวอ่อนระทวย

"แฉะแล้วนะ เงี่ยนมากเลยเหรอ" นิ้วหัวแม่มือกดวนตรงส่วนหัวผ่านเนื้อผ้า จนรู้สึกถึงความเปียกแฉะที่ปลายนิ้ว แค่นั้นก็จะตัวเหลวลงไปกองที่พื้นอยู่แล้ว ทำไมต้องมากกระซิบใกล้ๆหูด้วยวะ แบบนี้มันโคตรขี้โกงเลยนะไอ้สันดาน

ยิ่งถูกสัมผัสส่วนนั้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตัวอ่อนตัวเหลว จนต้องค้ำมือกับอ่างล้างมือตรงหน้า

"คราวหลังถ้าเงี่ยนมาก ก็ไปหาดูได้ทุกเมื่อ" พูดจบก็แสยะยิ้มอย่างคนเหนือกว่ามาให้ก่อนจะหายออกไป ทิ้งให้ลูกชายเจ้าสัววิวัฒน์ยืนแข้งขาอ่อนอยู่ตามลำพัง

มั่นควยเกินไปหรือเปล่า ใครเขาอยากจะได้ของมึงกัน!

...***...

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหารุนแรง และมีการใช้คำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หนุ่มสาวชาวทุ่งดอกไม้สีม่วง ใจเซาะทนอ่านไม่ไหวกดปิดไปนะคะ

จุ๊บมั๊วะ!

บทที่2

กว่าจะเอ็ดลูกชายที่ดื้อรั้นให้อยู่ในโอวาทได้ก็กินเวลาไปหลายนาที หลังจากกำหลาบลูกชายเสียอยู่หมัดจึงได้ย่างกายออกมาจากห้องน้ำ ตรงดิ่งไปเอ่ยลาเพื่อนรักพร้อมกับหอบหิ้วของฝากวางแหมะใส่อย่างเร่งรีบ ก่อนจะสะบัดก้นเดินขาปัดขาเป๋ออกจากร้าน

ด้วยอารมณ์คุกรุ่นแล้วต้องมานั่งอยู่หลังพวงมาลัยเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหล่ามดงานพากันแห่แหนกลับรัง ก็ยิ่งหัวอุ่นหัวร้อนกว่าเก่า ถ้อยคำสาปส่งถูกพ่นออกมาไม่หยุด สาปส่งทุกสิ่งที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ และกว่าจะหลุดพ้นจากเหล่ามดงานกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพก็เย็นย่ำค่ำมืดเสียแล้ว

คุณพ่อคุณแม่สุดรักนั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เพื่อเป็นการคั้นเวลารอบุตรชายคนเล็กกลับมาทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ครั้นสายตาระหงษ์เหลือบเห็นเรือนกายลูกชายคนเล็กก็เอ่ยทักเต็มเสียงด้วยความรักใคร่เหลือล้น

"กลับเสียค่ำมืดเชียวพี่ไอซ์" คุณนายสาวิตรีเยื้องย่างนวยนาดเข้ามาหาลูกชาย ยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนพร้อมส่งสายตาเอ็นดูลูกชาย ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มหวาน จนลูกชายอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา ก่อนจะสวมกอดคุณแม่อย่างเต็มรัก

"ไม่งอแงนะครับ พี่ไอซ์กลับมาให้กอดแล้วน้า" ออดอ้อนคุณแม่อย่างที่เคยทำจนคนโดนอ้อนหลุดยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะ ก่อนจะมอบจุ๊บนางฟ้าที่หน้าผากมนลูกชายไปหนึ่งฟอด

"ไปทานข้าวกันครับ" ก่อนจะจับจูงลูกชายไปทานข้าว ดูสิเนี่ย ผอมลงใช่ไหมจับแล้วเจอแต่กระดูก ไม่ได้การแล้ว ต้องปรับเปลี่ยนเมนูอาหารในแต่ละวันใหม่เสียแล้ว เป็นถึงลูกชายเจ้าสัววิวัฒน์จะผอมแห้งแรงน้อยได้อย่างไร

...

พอได้อยู่คนเดียวอีกครั้งความฟุ้งซ่านก็คืบคลานเข้ามากัดกินพื้นที่ในสมอง สัมผัสอุ่นอ่อนที่ได้รับเมื่อช่วงบ่าย ไม่จางหายไปเลยแม้เพียงนิด เหมือนกับโดนฝ่ามือนั้นกอบกุมเอาไว้ตลอดเสียอย่างนั้น จนลูกชายดื้อดึงใส่คุณพ่อ ยืนชี้หน้ากันอย่างไม่เห็นหัว อยากจะด่าเหลือเกิน 'กูพ่อมึงนะ พูดอะไรก็ฟังกันบ้าง จะมายืนเท้าสะเอวชี้หน้าพ่อบังเกิดเกล้าอย่างนี้ได้ที่ไหนกัน ไอ้ลูกไม่รักดี' แต่ใครบ้างวะคุยกับอวัยวะเพศรู้เรื่อง ก็ไม่มีไง

ในเมื่อดื้อรั้นนักก็ต้องโดนดุเสียบ้างจะได้จำว่าใครพ่อมึง มือเรียวยื่นไปลูบตรงหัวหยักบานอย่างเบามือ คล้ายกับคุณพ่อที่กำลังจะปลอบโอ๋ลูกชาย ที่โดนดุจนน้ำตาคลอหน่วย ก่อนจะลูบไล้ไปตามความยาวจนสุดโคน แล้วคว้าหมับให้ส่วนนั้นอยู่ในอุ้มมือก่อนจะสาวถอกท่อนลำจากช้าไปเร็วตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น

"อาห์.." เสียงลมหายใจถี่กระชั้นขึ้น ใบหน้าแหงนเชิดจนเห็นลำคอระหงส์อย่างชัดเจน คล้ายกับเชื้อเชิญให้ซูดดมน่าฝากรอย ขบกัดริมฝีปากล่างจนรู้สึกถึงรสคาวเลือด เพื่อสะกดกลั้นเสียงน่าอาย มือที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวที่แข็งปั้กชักขึ้นลงรัวเร็ว หน้าท้องหดเกร็ง

"จะ..เสร็จ..อ้ะ..แฮ่ก" ยิ่งใกล้ถึงฝั่งฝันมือเรียวก็ยิ่งสาวชักรัวเร็วมากขึ้น เรียวขาอ้าออกกว้างเอวเด้งขึ้นไม่ติดพื้น กดปลายนิ้วขยี้ตรงส่วนหัวปริ่มน้ำ

"อ๊าาาา..แฮ่ก" เหล่าอัศวินชุดขาวพุ่งทะยานสู่สนามรบ ไม่คิดไม่ฝันว่าตอนที่กำลังสาวท่อนลำจะนึกถึงใบหน้าไอ้หมอนั่น และแม่งก็เสร็จเพราะมัน ไม่อยากยอมรับแต่ความจริงก็ตีแสกหน้าดังเปรี้ยง

บอกก่อนเลยนะว่าผมชอบผู้หญิงมาก่อน จนได้เจอเพื่อนๆที่สุดแสนจะหล่อเหลา ผมเลยต้องมานั่งคิดใหม่อยู่พักใหญ่เลยแหละ จนได้ข้อสรุปให้กับตัวเองว่าได้ทั้งสอง แต่ไอ้อาการที่อยากโดนกระแทกให้รูบานเนี่ย พึ่งจะมีกับมันคนแรกเนี่ยแหละ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าไปพิศวาสอะไรมันนัก

อยากตะโกนให้คนทั้งโลกรู้ว่า ' I'M TOP!'

...

หลังจากที่ดุลูกชายจนร้องไห้โยเยผมก็เดินเปลือยไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดอีกรอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน และก็หลับเป็นตายยิงยาวยันเช้าวันใหม่ เพราะสมองโล่งเมื่อได้ปลดปล่อยเลยหลับสบาย

วันนี้ก็เป็นวันที่ว่างแสนว่างเหมือนเดิม ไม่รู้จะดีใจดีมั้ยที่เกิดมารวยจนไม่ต้องทำห่าอะไรก็มีแดกไปทั้งชาติ แต่มันก็น่าเบื่ออยู่นะ หรือผมจะหางานทำเป็นชิ้นเป็นอันดีว่ะ ไว้ตอนเย็นค่อยลองพูดเรื่องนี้ดูแล้วกัน

เพราะไม่มีอะไรทำ เลยคิดว่าจะไปเล่นเกมสักหน่อย จึงย้ายตัวเองไปยังห้องสตรีม แต่ระหว่างทางก็เจอพี่ชายเข้าเสียก่อน

"ไงเฮีย ไม่ทำงานเหรอ" ก็อายอยู่เหมือนกันที่ไปถามแบบนั้น ทั้งที่เราเองก็นอนแดกเฉยๆไม่คิดจะทำห่าอะไร อะๆ ผมก็คิดจะทำอยู่นะ เมื่อกี้ไง แต่ต้องคุยกับคุณพ่อคุณแม่เสียก่อน ว่าพวกท่านจะยอมให้คุณชายเล็กเหนื่อยหรือเปล่าอะนะ

"work from home" เฮียตอบมาเท่านั้น เพราะเขาก็ดูยุ่งๆไม่น้อยเลย เพราะมีเสียงโทรศัพท์เข้าไม่หยุด ไม่รู้ว่าสายคุยเรื่องงานหรือแอบซุกเด็กไว้หลายคนกันแน่

"สู้ๆครับ น้องไอซ์เป็นกำลังใจ จุ๊บมั๊วะ!" เอ่ยตะโกนส่งกำลังใจไล่หลังพี่ชายที่เดินแยกออกไปอย่างรีบร้อน จึงเป็นผลให้อีกคนหันกลับมามองแล้วพยักหน้าส่งยิ้มให้ ทั้งที่มือยังถือโทรศัพท์แนบหู

...

18:35 น.

ก๊อก ก๊อก

ประตูห้องสตรีมถูกเคาะขึ้น จึงทำให้เจ้าของห้องละความสนใจจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ วางทุกสิ่งที่กำลังทำแล้วเดินออกไปเปิดประตูให้ คงจะเป็นแม่บ้านที่ยกของว่างมาให้ทาน จะบอกให้เข้ามาเลยก็ได้โดยที่ไม่ต้องลุกมาเปิดเอง แต่เพราะนั่งเล่นเกมมาหลายชั่วโมงแล้วเลยอยากยืดเส้นยืดสายสักหน่อยคลายเมื่อย

แต่พอประตูแง้มออกกว้างกับไม่ใช่แม่บ้านอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก

"มีไรเหรอครับเฮีย อยากให้น้องไอซ์ช่วยอะไรเหรอ~" ผมทำท่าทะเล้นใส่พี่ชายที่ยืนหน้าดึงอยู่ตรงหน้า พอเห็นว่าอีกคนไม่เล่นด้วยเลยเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที

"พรุ่งนี้เฮียยุ่งมาก คงปลีกตัวไปงานเลี้ยงไม่ได้ เลยอยากงานให้น้องไอซ์ไปแทนหน่อยครับ" เหมือนว่าตบตีกับตัวเองเสร็จก็เอ่ยวานขอความช่วยเหลือจากน้องชาย พร้อมกับส่งบัตรเชิญยื่นมาให้ตรงหน้า

"ได้ครับ ไอซ์ว่างอยู่แล้ว" พอน้องชายตกปากรับคำก็ยิ้มกว้างส่งมาให้ ถึงแม้จะไม่ได้เล่นด้วยกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน แต่ไม่เคยรักน้องน้อยลงเลย ด้วยช่วงอายุที่ห่างกันเกือบสิบปี พอรู้ว่าคุณแม่กำลังตั้งท้องมีน้องชายให้กัน ก็เห่อเอามากๆ แต่ภาระหน้าที่เลยทำให้เจอกันน้อยลง แต่สายสัมพันธ์ไม่ได้บางลงเลย

"ไว้เฮียจะทำอาหารให้ทาน" เพราะต้องแยกไปอยู่คนเดียวตอนเรียนที่ต่างประเทศ เลยได้ค้นพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหาร และน้องชายก็ติดใจเอามากๆ

"จริงนะ น้องไอซ์ล้างท้องรอกินฝีมือเฮียเลยครับ" พอจะได้ทานอาหารฝีมือพี่ชายที่ไม่ได้ตกถึงท้องมานานก็ดีใจจนกระโดดกอดพี่ชายเต็มรัก สองขาเกี่ยวรัดรอบเอวสอบคนพี่ ทำตัวเหมือนเป็นเล็กๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนพี่ได้ดีนัก จึงกอดน้องชายโยกไปโยกมาคล้ายกล่อมเด็กน้อยให้นอนหลับ คนโดนกล่อมก็ส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ คุณพ่อคุณแม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้แต่ส่ายศีรษะเอ็นดูเด็กไม่รู้จักโต

...***...

บทที่3

สายลมยามเย็นพัดเอื่อยกระทบหน้า ระลอกคลื่นเคลื่อนตัวเอื่อยๆกระทบลำเรือ งานเลี้ยงที่พี่ชายเอ่ยวานให้มาแทนนั้น ถูกจัดขึ้นบนเรือลำใหญ่ เพราะความไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อนจึงต้องยืนพะอืดพะอมหาที่พยุงตัวอยู่อย่างนี้ เพราะไม่ค่อยได้ขึ้นเรือบ่อยนักจึงมีอาการเมาเรือ แต่จะให้กลับก็คงจะไม่ได้เมื่อเรือออกร่องไปตามแม่น้ำแล้วน่ะสิ นู้นแหละรองานเลิกเท้าถึงจะได้แตะพื้น ภาวนาขอให้มีชีวิตรอดไปซบอกแม่

พนักงานเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มให้แขกเหรื่อในงาน แต่ด้วยอาการเมาเรือหน่อยๆจึงทำให้ผมรับเพียงน้ำเปล่าเท่านั้น ไม่อยากดื่ม ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น กลัวว่ามันจะย้อนออกทางเดิมเสียหมดนี่แหละ

ผมยืนฟังเจ้าของงานขึ้นกล่าวเปิดงานนิดหน่อยก็ออกมารับลมด้านนอก ซึ่งบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ พอไม่ได้อยู่ในที่ที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน อาการเมาเรือก็เหมือนจะดีขึ้นมาหน่อย งั้นก็อยู่ตรงนี้ยันงานเลิกเลยแล้วกัน เพราะไม่ต้องคุยธุระกิจอะไรอยู่แล้วด้วย เหมือนแค่มาเพื่อให้เกียรติเจ้าภาพเฉยๆ

ผมหยิบสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังขึ้นมาถ่ายวิวทิวทัศน์อวดเพื่อนๆในโลกโซเชียลมีเดียสักหน่อย ทั้งแอคเคานต์แค่หลงผิดเข้ามาก็มึนเมาแล้ว มีแต่ภาพที่เกี่ยวกับพวกแอลกอฮอล์ และสิ่งมึนเมาต่างๆทั้งนั้น

อัพเดตความเคลื่อนไหวไม่นานบรรดาคนที่ติดตามก็แห่กันมาแซวเสียยกใหญ่ สร้างความขบขันให้กับเจ้าตัวไม่น้อย

ดูเหมือนผมจะปกติขึ้นนิดหน่อยแล้วนะ เพราะไม่ได้หมกมุ่นนึกถึงแต่ไอ้เวรนั่นเหมือนช่วงสองอาทิตย์ก่อนที่โคจรมาเจอกันเลยบังเอิญ อาจจะเป็นอาการหลงผิดชั่วขณะก็เป็นได้ เพราะผมไม่มีทางที่อยากโดนท่อนลำมันแหย่กระแทกรูแน่ๆ

ไอ้ฉิบหาย!

คำนี้ผุดขึ้นมาตีแสกหน้ากันจังๆ คนเรามันจะตายยากขนาดนี้คงไม่มีอีกแล้ว สาปส่งอยู่แหม๊บๆ ตัวจริงดันโผล่มานู้นแล้วไหมล่ะ แต่ว่าก็ว่าเถอะถอนสายตาออกมาไม่ได้เลย เรือนผมสีบลอนด์ตามแบบฉบับลูกครึ่งซึ่งไม่รู้ว่าอีกเสี้ยวหนึ่งของมันเป็นคนประเทศไหน แต่ก็ยอมรับเลยว่า ยีนส์เขาดีไม่หยอก ถึงทำให้ผีเปรตอย่างมันดูดีขนาดนั้นได้ บวกกับดวงตาสีอเมทิสต์ที่ผมไม่ค่อยเห็นในหมู่มวลคนต่างชาติเท่าไหร่นัก ยิ่งสะดุดตาเข้าไปใหญ่

เวลาที่สายตาคู่นั้นจับจ้องสิ่งใดเหมือนกับหมาล่าเนื้อที่หิวโซพร้อมจะขย้ำเหยื่อให้แดดิ้นแทบเท้า

!!!

"มึงจะมองอะไรกูนัก หรือว่าหิวควย ถึงได้ทำหน้าอ้อนควยส่งมาให้อยู่ได้" เพราะมัวแต่ยืนจ้องอีกคนและพร่ำพิจารณาทุกอากัปกิริยาของคนตรงหน้าอย่างลืมตัว จึงไม่พ้นถูกคนหยาบคายพูดจาเหยียดหยามกันอย่างเปิดเผย

คิ้วเรียวกระตุกยิกๆ โกรธแต่พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ จะทำตัวหยาบคายตอนนี้ไม่ได้เพราะต้องแบกชื่อเสียงวงศ์ตระกูลให้บนบ่าจนหนักอึ้ง ทำได้เพียงกัดฟันกรอดจนสันกรามนูนเน้น มือกำหมัดแน่นข้างลำตัว คอยนับหนึ่งถึงร้อยในใส่หวังไม่ให้ตนเผลอเหวี่ยงหมัดซัดหน้าแม่งให้ฟันร่วง

"โกรธหรือว่าเงี่ยนตัวจนสั่น แยกไม่ออกเลยว่ะ" ใบหน้าลูกเสี้ยวขยับยื่นเข้ามาใกล้ เว้นระยะไว้เพียงนิดไม่งั้นใบหน้าคมตามแบบฉบับลูกครึ่งคงฝังไปกับหน้าอกของผม

รีมฝีปากหนาแง้มออกก่อนจะแลบลิ้นยื่นยาวออกมาเลียหัวนมผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด "หัวนมแข็งเป็นไตเลยนะ" ผมไม่รู้เลยสักนิดว่ามันแข็งชูชันจนนูนเด่นจะทะลุเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่เข้าใจกลไลการทำงานของร่างกายตัวเองเลย เหมือนกับว่าจะสปาร์คง่ายเหลือเกินเวลาอยู่กับมัน

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอยากได้มากกว่าปลายลิ้นที่เลียหัวนมกันเมื่อกี้ อยากให้ทำมากกว่านี้ อยากได้มากกว่านี้ ความรู้สึกผมตอนนี้คือพร้อมอ้าขาให้มันตะบี้ตะบันสวบอัดท่อนลำ เข้ามาทะลุทะลวงจนขาสั่นหงันงก ครางปากคอสั่นฟังไม่เป็นภาษา

...***...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!