NovelToon NovelToon

[Shiguang Daili Ren : ข้ามเวลา พิชิตภารกิจ] ภาพถ่ายแห่งความทรงจำ

แนะนำตัวละคร

NovelToon
อี้ หนานว่าง
หญิงสาวปริศนาที่เป็นคนรู้จักของลู่กวาง ทั้งสองคนเคยเรียนด้วยกันตอนสมัยมัธยม เธอชอบมาแกล้งลู่กวางอยู่บ่อยๆและคอยช่วยเหลือพวกเขาในร้านรับล้างรูปถ่ายแห่งหนึ่ง เธอไม่เคยบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ใครรู้ และดูเหมือนว่าลู่กวางจะรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ
NovelToon
ลู่กวาง
เด็กหนุ่มที่มีความสามารถพิเศษที่สามารถมองเห็นเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้นในรูปภาพนั้น ๆ เป็นคนที่มีนิสัยนิ่ง ๆ เงียบจริงจังกับทุกเรื่องและคอยเป็นผู้นำของการทำงานอีกด้วย
คนที่มักจะรำคาญเสมอที่โดนแหย่หรือแกล้งอย่างเขา แต่น่าแปลกที่ลู่กวางไม่มีท่าทีรำคาญหนานว่างเลยแม้แต่น้อย ตัวเขาเองก็จำไม่ได้ว่าสนิทกับเธอตั้งแต่ตอนไหน คนอื่นก็ได้แต่คิดว่าเพราะสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมละมั้ง
NovelToon
เฉิง เซี่ยวสือ
เด็กหนุ่มที่สามารถเข้าไปอยู่ในร่างรูปถ่ายของคน ๆ นั้น เป็นเด็กที่มีนิสัยยิ้มแย้มแจ่มใส่ขี้เล่นแต่เป็นคนจริงจังมากอาจดูไม่ค่อยเอาไหนแต่จริง ๆ แล้วเป็นคนที่พึ่งพาได้คนหนึ่งแหละ
NovelToon
เฉียวหลิง
เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเป็นเพื่อนนของทั้งสองแถมยังมีชื่อเสียงว่าเป็นแม่มดที่สามารถเข้าไปในรูปถ่ายอีกด้วยแต่ความเป็นจริงนั้น เฉียวหลิง แค่มีหน้าที่่พูดคุยกับลูกค้าที่จะมาใช้บริการเท่านั้นแหละคนที่ทำภารกิจจริง ๆ คือสองคนนั้น
สำหรับเธอแล้ว อี้หนานว่างน่าสงสัยมากๆ ยิ่งพยายามค้นหาเรื่องราวของเธอมากเท่าไหร่ก็เหมือนยิ่งห่างออกไปเท่านั้น แต่ถ้าตัดความลึกลับออกไป ก็เป็นเพื่อนสาวที่น่ารักร่าเอ็นดูมากๆเลยล่ะ

รูปถ่ายแห่งความทรงจำ

ตอนที่ 0 : รูปถ่ายแห่งความทรงจำ [กล่องฟิล์ม]
NovelToon
ทำไมกัน? ทำไมหัวใจถึงโหยหามากขนาดนี้?
กรุ๊งกริ๊ง~ 
เสียงเปิดประตูหน้าร้านทำให้คนที่อยู่ในร้านหันความสนใจไปยังบุคคลที่เปิดประตูเข้ามา เป็นผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่มีจุดเด่นคือสีผมที่เป็นสีฟ้าไล่ระดับไปเป็นสีม่วงดูสวยงาม กิ๊บติดผมที่เป็นรูปร่างของปีกค้างคาวที่ติดอยู่สองข้างทำให้มันดูเข้ากันกับสีผม ดวงตาสีเทาเกือบขาวทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ชุดที่เธอใส่ก็เป็นโทนสีที่เข้ากันส่งเสริมให้ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ดูงดงามมากขึ้นไปอีก
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“ยินดีต้อนรับค่า~ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เฉียวหลิง หญิงสาวผู้ที่เปรียบเสมือนเจ้าของร้านล้างรูปแห่งนี้ถามด้วยความเป็นมิตร ถึงเธอจะแอบตกตะลึงในความสวยของผู้หญิงตรงหน้า แต่ลูกค้าก็คือลูกค้า ต้องต้อนรับให้ดี
เธอยิ้มการค้าใส่หญิงสาวที่พึ่งเข้ามาในร้าน มือข้างนึงก็ง้างฟาดไปที่หัวของเพื่อนสนิทของเธออย่าง เฉิงเซี่ยวสือ ที่กำลังทำหน้าทำตาไม่เข้าท่า(โรคจิต)ใส่ลูกค้าของเธอซะเสียงดัง เสียงร้องของเฉิงเซี่ยวสือทำให้อีกหนึ่งชีวิตที่กำลังอยู่ในห้องล้างรูปถึงกับวางงานและชะโงกหน้าออกมาดูด้วยความสงสัยปนรำคาญ ในใจก็กร่นด่าไปเนื่องจากเสียงร้องแสนจะดังของเขา
แต่แล้วสายตาของเขาก็หยุดชะงักลงเมื่อเขาได้ไปเห็นหญิงสาวที่อยู่นิ่งอยู่หน้าร้าน สายตาของเธอมองมายังสองหนุ่มสาวที่ทะเลาะกันจนเหมือนลืมว่าเธอยังอยู่ตรงนี้
เมื่อสองสายตาประสานกัน ราวกับว่าเวลาได้หยุดลง เสียงจากรอบข้างหายไปราวกับไม่มีอยู่ มีเพียงแค่พวกเธอสองคนที่จ้องมองกันด้วยความรู้สึกยากอธิบาย
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“อ้าว ลู่กวางนายล้างรูปเสร็จแล้วเหรอ?”
เฉียวหลิงที่เห็นว่าเพื่อนของเธอชะโงกหน้าออกมาจากห้องแดง(ห้องล้างฟิล์ม)ก็เลยถามออกไป แต่พอมาสังเกตใบหน้าของลู่กวางอีกที เธอก็รู้ได้เลยว่าเขาไม่ได้ฟังที่เธอถามไปแม้แต่น้อย สายตาของเขามองผ่านเธอไปยังร่างของหญิงสาวที่เธอคิดว่าเป็นลูกค้า
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“ลู่กวาง... / หนานว่าง?...”
สีหน้าของหญิงสาวผมฟ้าแสดงอาการตกใจอย่างชัดเจน ผิดกับชายหนุ่มผมสีขาวอย่างลู่กวางที่มองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยปนอารมณ์เสียนิดๆ แต่ไม่ได้แสดงอาการอะไร
ทั้งเฉียวหลิงและเฉิงเซี่ยวสือต่างมองซ้ายขวาสลับกันด้วยความไม่เข้าใจ ลู้กวางรู้จักคนที่สวยมากๆ แบบนี้ด้วยหรือ? แล้วพวกเขาเป็นอะไรกัน
ลู่กวางยืนแข็งทื่ออยู่ที่หน้าห้องแดง ในขณะที่ร่างของหญิงสาวที่เขาไม่ได้เจอมานานค่อยๆเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ในใจก็นึกอยากจะถอยหนี แต่ขามันกลับไม่ขยับเลยนี่สิ
หญิงสาวที่ถูกลู้กวางเรียกว่าหนานว่างค่อยๆเดินเข้าใกล้คนร่างสูงอย่างช้าๆ เมื่อประชิดตัวได้เธอก็ยกแขนบางๆ ทั้งสองข้างของเธอขึ้นมา สองเข้าเขย่งขึ้นเพื่อเพิ่มความสูงของตัวเอง เธอสวมกอดร่างสูงโปร่งเอาไว้แน่นและซุกหน้าเข้ากับไหล่ของเขา
ลู่กวางไม่ได้สนใจเสียงโวยวายด้วยความตกใจของเพื่อนเขาอีกสองคน สอ่งที่เขาสนใจคือการกระทำของหญิงสาวตรงหน้านี่ต่างหาก อยากจะผลักออกแต่ใจกับร่างกายมันไม่ทำตามที่สมองสั่งการ ได้แต่ยืนนิ่งๆ ให้หญิงสาวกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“ขอโทษนะ ลู่กวาง....ฉันขอโทษ”
เสียงหวานๆ ที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้นใกล้ๆหูของเขา น้ำเสียงของเธอมีความสั่นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีตัวเขาก็ยังจำเสียงนี้ได้...แต่ความสั่นของเสียงทำให้เขาไม่สบอารมณ์เอาซะเลย
ลู่กวาง
ลู่กวาง
“....”
แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกไป จนกระทั่งหญิงสาวปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด เธอก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วแหงนหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้มอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดวงตาสีเทาอ่อนนั่นทำให้เขาเริ่มนึกถึงอดีต หญิงสาวไม่พูดอะไรต่อแต่ได้หันหลังไปหาเฉียวหลิงที่ยังตกใจกับภาพเมื่อครู่อยู่
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันอี้หนานว่าง ฉันอยากจะล้างรูปน่ะ....พอจะให้ฉันได้ยืมห้องแดงสักครู่ได้มั้ย?”
เฉียวหลิงรู้สึกตัวและปรับอารมณ์ของตัวเองให้เหมาะสมกับการทำงานทันที แต่เมื่อพิจารณาคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าแล้ว....มันแปลกๆ นะ ไม่ใช่มาจ้างให้ล้างแต่มาขอยืมห้องเพื่อล้างเองงั้นเหรอ?
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“เอ่อ...เรื่องยืมเนี่ยมันก็...”
สาวผมสั้นหันไปทางลู่กวางเพื่อขอคำตอบ สีหน้าของลู่กวางตอนนี้น่ากลัวมาก เหมือนกับเห็นฆาตกรอย่างนั้นเลย
ลู่กวาง
ลู่กวาง
“แล้วแต่ แต่อย่าทำของในห้องเสียหายก็แล้วกัน ใช้เสร็จก็กลับไปซะอย่ามาให้ฉันเห็นอีก”
ท่าทางของลู่กวางที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัดทำให้เฉิงเซี่ยวสือเริ่มเป็นห่วง เขามองมาที่หญิงสาวผมฟ้าด้วยแววตาที่เริ่มไม่เป็นมิตร ที่ลู่กวางเป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้แน่นอน ตลอดเวลาที่รู้จักลู่กวางมาเขาไม่เคยทำหน้าโกรธแค้นแบบนี้ให้ได้เห็นเลยสักครั้ง
มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ
ทันทีที่ตอบเสร็จลู่กวางก็เดินขึ้นชั้นสองไปโดยไม่พูดอะไรอีก ส่วนทางเฉิงเซี่ยวสือก็รีบวิ่งตามขึ้นไปเพราะความเป็นห่วง โดยไม่ลืมตวัดสายตาไม่พอใจมาให้หญิงสาวที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ เฉียวหลิงตั้งแต่มื่อกี้
ถ้าลู่กวางเป็นอะไรไปเขาจะแค้นเธอต่อเอง ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรก็เถอะ
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“อ่า....ถ้าอย่างนั้นจะใช้เลยรึเปล่าคะ?”
เฉียวหลิงที่รู้สึกได้ว่าบรรยากาศหนักอึ้งเริ่มหายไปก็หันมาพูดกับลูกค้าสาวอีกครั้ง เมื่อเธอมองไปที่หญิงสาวก็เจอกับแววตาที่ว่างเปล่า มันดูเหมือนไม่มีอะไรเลยแต่เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเศร้าและรู้สึกผิดอย่างมาก มากเสียจนมันไม่สามารถแสดงออกมาทางการกระทำหรือสายตาได้
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่...ระหว่างเธอคนนี้กับลู่กวาง
แนวโน้มที่เธอพอจะคิดได้ก็คือเรื่องความรัก แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อ คนนิ่งๆอย่างลู่กวางเนี่ยนะสนใจเรื่องความรัก? ถึงจะคิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้วก็ตามที
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“...ค่ะ ดูท่าเขาคงเกลียดฉันเข้าแล้ว ฉันจะรีบใช้ห้องแล้วกลับในทันทีค่ะไม่ต้องห่วง”
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะได้อยู่ที่นี่”
ประโยคที่หญิงสาวพูดออกมามันติดใจของเฉียวหลิงแปลกๆ ทั้งๆ ที่มันอาจจะหมายถึงต้องย้ายเมืองหรือไปต่างประเทศ แต่ทำไมเธอถึงคิดว่าที่หญิงสาวพูดนั้นหมายความว่าเธอกำลังจะตายยังไงอย่างงั้น
2 ชั่วโมงผ่านไป
แกร๊ก...
ประตูห้องล้างรูปเปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างของหญิงสาวผมสีฟ้าคนเดิมเดินออกมา เธอสังเกตเห็นลู่กวางที่นั่งอยู่ตรงโซฟายาวตัวหนึ่ง เขาไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอด้วยซ้ำ
ส่วนเฉิงเซี่ยวหลิง เธอคิดว่าเขาคงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเธอและลู่กวางจากปากของเขาแล้วสินะ ถึงได้มองเธอตาขวางราวกับอยากพุ่งเข้ามาชกเธอแบบนั้น
อี้หนานว่างไม่ได้สนใจสองหนุ่ม เธอเดินไปที่หน้าร้านเพื่อไปคุยกับเฉียวหลิงเรื่องค่าใช้จ่าย หญิงสาวบอกกับฉัยวหลิงว่าจะจ่ายให้สองเท่าจากราคาเดิม เนื่องจากเธอเป็นคนขอให้ห้องเอง ทั้งๆ ที่ตามกฎแล้วทางร้านไม่ควรจะให้ลูกค้าได้ใช้ด้วยซ้ำ
เงินถูกโอนให้กับเฉียวหลิงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวผมสั้นเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มก่อนจะบอกให้ขอโชคดี แต่ก่อนที่ลูกค้าสาวจะเดินออกจากร้านไปเธอก็ได้ยื่นถุงกระดาษที่ภายในมีกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าสองฝ่ามือให้กับเธอสามกล่อง ไม่สิ สี่กล่องต่างหาก
กล่องแรก มีสีขาว ลวดลายประกายดวงดาวสีฟ้า
กล่องที่สอง มีสีดำ ลวดลายสีทองปราณีต
กล่องที่สาม เป็นสีดำ มีสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายแปะอยู่ทั่วกล่อง
และกล่องที่สี่ เป็นสีแดงเข้ม ตัดกับสีม่วงผูกโบว์สีแดง
ความสงสัยเกิดขึ้นกับเฉียวหลิง เมื่อเธอกำลังจะถามออกไปก็ถูกอี้หนานว่างเอ่ยตัดเสียก่อน
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“ฉันให้ค่ะ หวังว่าเมื่อถึงเวลาพวกคุณจะเปิดมัน”
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“เวลา? เวลาอะไรเหรอคะ?”
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวเกลี้ยงนั้น ในใจของเฉียวหลิงรู้สึกแปลกๆ เธอรู้สึกคิดถึงเหลือเกิน....ทำไมกัน? ทำไมเธอถึงอยากจะเข้าไปกอดร่างตรงหน้าขนาดนี้ แต่ร่างกายมันกลับยืนนิ่งเฉยไม่ขยับตามที่ใจคิด น้ำตาเธอค่อยๆ ไหลออกมาโดยไร้ซึ่งเสียงสะอึกสะอื้น
เธอกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียง ในใจรู้สึกอยากจะคว้าแขนนั้นเอาไว้ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเพื่อนที่แสนสำคัญคนนึงของเธอกำลังจะจากไปแสนไกล...
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“ฉันไปก่อนนะคะ ขอให้ทุกๆ คนมีความสุขนะ ใช้ชีวิตเผื่อในส่วนของฉันด้วยนะเซี่ยวหลิง”
คลิ๊ก!
ชื่อที่อี้หนานว่างเรียกเฉียวหลิงเมื่อครู่ทำให้หญิงสาวชะงักนิ่ง ในหัวมันเหมือนกับว่ามีบางอย่างถูกปลดล็อกออก แต่ทว่ามันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้ำตาของเธอยังคงไหลเช่นเดิมและมีท่าทีจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเริ่มกลั้นเสียงไม่อยู่
รู้สึกตัวอีกทีคือเฉิงเซี่ยวสือที่เข้ามาสะกิดเธอจากด้านหลังเมื่อเห็นว่าไม่เสร็จธุระเสียที
เฉิง เซี่ยวสือ
เฉิง เซี่ยวสือ
“เฉียวหลิง!!! ใครทำอะไรเธอ? ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรเธอ?”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทสาวกำลังร้องไห้ ชายหนุ่มก็ใม่สามารถเก็บอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาจับไหล่ทั้งของข้างของเฉียวหลิงเอาไว้และเขย่าเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ไม่มีเสียงตอบรับเขาจึงรีบวิ่งออกจากร้านด้วยความรวดเร็ว
แต่ทว่าเบื้องหน้าของเขากลับว่างเปล่า....ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ไม่มีวี่แววของหญิงสาวผมฟ้าเมื่อสักครู่เลย ทั้งๆ ที่คนก็มีไม่มากเพราะเป็นช่วงใกล้มืด แต่ถ้าสีผมเด่นขนาดนั้น ด้วยระยะเวลาสั้นๆ นี้ไม่มีทางที่ผู้หญิงร่างผอมบางจะหายไปได้เร็วขนาดนั้นแน่
เฉิงเซี่ยวสือกลับเข้ามาในร้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขารู้สึกโมโหตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นทำให้ลู่กวางเปลี่ยนไปแล้ว นี่ยังจะมาทำให้เพื่อนสนิทสาวของเขาร้องไห้อีก
ถ้าเขาได้เจอผู้หญิงคนนั้นอีกเมื่อไหร่ล่ะก็ จะขอชกสักสองสามหมัดก็แล้วกัน จะผู้หญิงก็ช่างมันแล้ว
หลังจากวันนั้น ชีวิตของพวกเขาทั้งสามคนก็ดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ ได้พบเจอกับผู้คนมากมาย งานที่พวกเขาได้ทำร่วมกันก็ได้มอบอะไรหลายๆอย่างให้กับพวกเขา ทั้งความสุข ความคิดถึง ความเศร้าเสียใจ ความรู้สึกผิด และอื่นๆ อีกมากมาย
เรื่องราวของอี้หนานว่างกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความทรงจำ ไม่มีใครพูดถึงหญิงสาวคนนั้นอีก และพวกเขาก็ไม่เคยได้เจอกับหญิงสาวนามว่าลู่หนานว่างอีกเลย....เหมือนกับที่เธอเคยพูดเอาไว้ คำพูดของลู่กวางเมื่อตอนนั้นแสดงผลให้ได้เห็น
ลู่กวาง
ลู่กวาง
‘ใช้เสร็จก็กลับไปซะอย่ามาให้ฉันเห็นอีก’
ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปไหน ขนาดตำรวจยังบอกว่าไม่เคยได้ยินคนชื่อนี้ในเมืองแห่งนี้เลย ทุกคนทำราวกับว่าอี้หนานว่างเป็นแค่ชื่อๆ นึงเท่านั้น มันทำให้พวกเขาเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าเธอคนนั้นหายไปไหนกันแน่
ไม่ว่าจะตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ และรู้สึกเหมือนว่ายิ่งห่างไกลออกไปด้วยซ้ำ
ลู่กวางเองก็บอกว่ารู้สึกแปลกๆ กับพลังที่ตัวเองมี เขารู้สึกมาตั้งนานแล้วว่าตัวเองใช้มันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากพอ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
หลายเดือนผ่านไป
ตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ในขณะที่กำลังช่วยเพื่อนของพวกเขาที่โดนลักพาตัวไปด้วยพลังของลู่กวาง เจ้าฆาตกรนั่นก็ได้เข้าสิงร่างของเฉียวหลิงและเข้าทำร้ายลู่กวางในขณะที่เฉิงเซี่ยวสือกำลังอยู่ในรูปถ่าย ทำให้ตอนนี้ลู่กวางกำลังเจ็บปวดเนื่องจากโดนมีดแทงเข้าที่หน้าท้องและเสียเลือดมาก
ทำยังไงดี? ด้านหน้าของเขาคือร่างกายของเฉียวหลิงที่กำลังถือมีดเล่มโต แต่เขาก็รู้ดีว่าคนที่กำลังควบคุมร่างกายของเธออยู่คือไอ้ฆาตกรชั่วช้าอย่าง หลิวหมิน
ท่ามกลางความสิ้นหวัง ลู่กวางที่พยายามจะบอกให้เฮิงเซี่ยวสือหนีไปก็ได้แต่กัดฟันเนื่องจากความเจ็บปวดจาดพิษบาดแผล ส่วนเฉิงเซี่ยวสือเองก็นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองร่างของเพื่อนสนิทสาวที่ถูกควบคุมค่อยๆ ใกล้เข้ามา
ปังงง!!!!
ประตูร้านเปิดออกอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างของคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์และเข้าประชิดตัวของเฉียวหลิงอย่างรวดเร็ว คนปริศนานั้นได้นำผ้ายันต์ใบหนึ่งโยนไปที่ด้านหน้าของเฉียวหลิง กระดาษยันต์ได้หายเข้าไปในตัวของเธอ
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“แกทำผิดกฎหลิวหมิน ออกมาจากร่างของคนที่ไม่เกี่ยวข่องได้แล้ว!!!”
เสียงตวาดดังลั่นมาจากคนปริศนานั้น เสียงที่พวกเขาจำได้ถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินแค่ครั้งเดียวแต่กลับอยู่ในความทรงจำของพวกเขาเป็นอย่างดี
อี้หนานว่าง
เฉียวหลิงที่ถูกควบคุมหัวเราะดังลั่น เธอตั้งท่าเตรียมและพุ่งเข้ามาทำร้ายอี้หนานว่างโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ปัก! อั่ก---ก
อี้หนานว่างเบี่ยงตัวหลบและใช้ฝ่ามือผลักไปที่หลังของเฉียวหลิงอย่างรุนแรงจนเธอกระอั่กน้ำลายออกมา แต่นอกจากน้ำลายแล้วมันยังมีกลุ่มควันสีดำแปลกๆออกมาจากปากของเธอด้วย
เฉียวหลิงสลบไปทันที ดูเหมือนว่าแรงกระแทกเมื่อกี้จะไม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย อี้หนานว่างประคองตัวเฉียวหลิงให้พิงกับผนังอย่างเบามือก่อนจะออกตัวพุ่งไปที่หน้าต่างด้านหลังของโซฟาที่ลู่กวางนอนกุมแผลอยู่อย่างรวดเร็วเพื่อจับกลุ่มก้อนควันสีดำนั้นเอาไว้
มือบางที่ประดับด้วยเล็บสีฟ้าจับกลุ่มควันเอาไว้แน่น อีกข้างก็หยิบขวดบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มันเป็นขวดแก้วที่ไม่มีฝาเปิด
แต่แล้วเมื่อเธอนำกลุ่มควันนั้นม่จ่อไว้ที่บริเวณที่ควรจะเป็นปากขวด มันกลับเปิดทางเป็นรูวงกลมขนาดเล็กและดูดกลุ่มควันนั้นเข้าไป เมื่อเสร็จแล้วก็กลับไปปิดดังเดิม
ลู่กวางที่อยากจะถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถทำได้ จนอี้หนานว่างหันมาสนใจเขาและวางมือลงที่บริเวณที่ถูกมีดแทงก่อนหน้านี้ ความเจ็บปวดที่เคยมีเบาบางลงจนหายสนิท เขาเปิดเสื้อขึ้นมาแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
แผลหายไปแล้ว....นี่มันอะไรกัน
ที่เสื้อของเขายังมีคราบเลือดอยู่ แต่ทว่าบริเวณหน้าท้องที่ควรมีแผลจากมีดกลับหายไปอย่างไร้ร่องลอยราวไม่ไม่เคยถูกแทงมาก่อน เขาเงยหน้ามองที่หญิงสาวด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ได้ก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง
ลมหายใจของเขาหยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นว่าร่างของหญิงสาวตรงหน้าเริ่มโปร่งแสง มือของเธอเริ่มจางหายไปกลายเป็นสีใสอย่างชัดเจน เฉิงเซี่ยวสือเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ทำเอาความโกรธที่เคยมีมลายหายไปในพริบตา
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“อ่า...นี่น่ะเหรอ? ก็บอกแล้วนี่นา...ว่าต้องไปแล้วน่ะ”
เสียงหวานๆ เอ่ยออกมาอย่างใจเย็นราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ผิดกับสองหนุ่มที่พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองร่างของหญิงสาวผมสีฟ้าค่อยเริ่มจางลงเท่านั้น
หมับ!
แรงกอดรัดจากด้านหลังทำให้อี้หนานว่างหันไปยังด้านหลังของเธอ เฉียวหลิงที่ฟื้นเมื่อกี้วิ่งเข้ามากอดเธอแน่นพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่เก็บเสียง เธอปล่อยโฮแล้วพูดอย่างไม่ได้ศัพท์ แต่ก็พอจะจับใจความได้อยู่บ้าง
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“ฮือออออ หนานหนาน เธอหายไปไหนมา—ฮือออ”
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“ฉันใจหายขนาดไหนรู้บ้างไหม?!! ฮึก—วันที่เธอหายไปพวกฉันแทบเป็นบ้า”
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“...เซี่ยวหลิง”
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“เธอห้ามหายไปไหนอีกทั้งนั้น!!!!! ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปหรอกนะ ฮืออออออออ”
อี้หนานว่างยิ้มให้กับความขี้แยของเฉียวหลิง เธอยกมือขึ้นหวังลูบหลังมือของเพื่อนสาวเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน แต่ว่ามือของเธอมันหายไปแล้วนี่สิ
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“ไม่ได้หรอกนะเซี่ยวหลิง มันถึงเวลาของฉันแล้วล่ะ”
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“ไม่นะ ไม่ ไม่--- เรายังไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยนะ ชานมไข่มุกร้านที่เธอแนะนำมาเธอยังไม่พาฉันไปกินเลย ฮึก เธอจะไปไม่ได้นะหนานหนาน”
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“.....ฉันฝืนมามากพอแล้วเซี่ยวหลิง มันนานเกินไปสำหรับตัวฉันแล้วล่ะ”
ร่างของหญิงสาวค่อยๆ เลือนหายไปช้าๆ อ้อมกอดของเฉียวหลิงที่เคยสัมผัสได้ก็หายไป ตอนนี้ตัวของเธอมันจางเกิมกว่าจะสัมผัสได้แล้วล่ะ
หญิงสาวยังคงยิ้มแล้วมองไปยังเฉียวหลิง เฉิงเซี่ยวสือ และลู่กวาง ริมฝีปากเล็กๆ ได้พูดประโยคนึงออกมาทำให้เฉิงเซี่ยวสือถึงกับชะงักไป
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“นายยังคงเป็นคนที่อบอุ่นเสมอ อย่าลืมความอ่อนโยนนี้เด็ดขาดเลยนะเซี่ยวสือ”
ดวงตาสีเทาอ่อนหันไปยังลู่กวาง น้ำเสียงหวานๆ เปล่งออกมาเบาๆ ทำให้ลู่กวางถึงกับน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“ที่ฉันยังอยู่...เพราะว่าฉันเป็นห่วงนายลู่กวาง แต่เหมือนว่านายคงไม่ต้องการฉันแล้ว....”
ลู่กวาง
ลู่กวาง
“ไม่”
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“เพราะงั้น...”
เฉิง เซี่ยวสือ
เฉิง เซี่ยวสือ
“ไม่”
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“ฉันคงจะต้องไปจริงๆแล้วล่ะ”
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“ไม่—“
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่ได้รู้จักทุกคน....ฉันมีความสุขมากๆเลยล่ะ”
คำพูดที่เอ่ยออกมาพร้อมกับร่างของหญิงสาวที่หายไป ทิ้งเอาไว้เพียงกิ๊บติดผมรูปปีกค้างคาวทั้งสองข้างที่ร่วงลงสู่พื้น มันเป็นของที่เธอได้รับมาจากทั้งสามคน
น่าเสียดายที่เธอเอามันไปด้วยไม่ได้
ความเงียบปกคลุมไปทั่วรอบๆ ของทั้งสามคน ไม่มีใครพูกอะไรออกมานอกจากเฉียวหลิงที่หยิบกิ๊บติดผมขึ้นมากอดแล้วกัดปากกลั้นเสียงร้องไห้อยู่กับพื้น สองหนุ่มเองก็มีน้ำตาไหลออกมาเช่นกัน 
อี้ หนานว่าง
อี้ หนานว่าง
‘ขอบคุณนะ ที่เป็นเพื่อนกับฉัน....อย่าลืมเปิดกล่องของขวัญด้วยล่ะ’
แว่วเสียงที่พัดมากับลมดังเข้าสู่ประสาทของพวกเขา แต่กลับไม่มีใครขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ยังคงมีแต่เสียงลมที่พัดผ่านพวกเขาราวกับกำลังปลอบโยนอย่างอ่อนโยน
.
.
.
.
10 ปีผ่านไป
กรุ๊งกริ๊ง~ 
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“ยินดีต้อนรับค่ะ / ครับ”
ตัวประกอบ
ตัวประกอบ
“เอ่อ...คือว่าเห็นว่ามีรับสมัครผนักงานถ่ายภาพ...”
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“อ๋า เข้ามาก่อนสิคะ มาคุยรายละเอียดกันข้างในเถอะค่ะ”
ไม่ว่ากี่ปีจะผ่านไป บรรยากาศของร้านก็ยังเหมือนเดิม ที่แปลกไปก็คงจะเป็นชื่อเสียงของร้านที่ดังไปทั่วเมืองล่ะมั้ง ร้านของพวกเธอจึงเติบโตขึ้นและขยายได้อย่างรวดเร็ว
ตัวประกอบ
ตัวประกอบ
“...ยูนิฟอร์มของร้านสวยดีนะครับ”
ถึงแม้จะเหมือนๆกับชุดพนักงานออฟฟิศ แต่สีของสีของมันสีฟ้าที่ไล่ความอ่อนจากด้านบนไปยังด้านล่างจนเป็นสีม่วง กางเกงสีดำและรองเท้าหุ้มส้นสีใดก็ได้
ตัวประกอบ
ตัวประกอบ
“นั่น...เป็นของพนักงานเหรอครับ?”
เขาสังเกตมาสักพักแล้ว ผู้หญิงคนเมื่อกี้ติดกิ๊บรูปปีกค้างคาวเขาไว้สองข้างแยกคู่กัน ส่วนพนักงานชายอีกสองคนติดมันเอาไว้ที่อกซ้ายตรงกับตำแหน่งของหัวใจ พวกเขาติดมันคนละข้างเช่นกัน
เมื่อถูกทักแบบนั้น หญิงสาวและชายหนุ่มอีกสองคนก็มองหน้ากันด้วยของยิ้มที่แสนมีความสุข
เฉียวหลิง
เฉียวหลิง
“มันเป็นของของเพื่อนน่ะค่ะ เธอทิ้งเอาไว้ก่อนจะไปในที่ที่ไกลแสนไกล”
มือบางยกขึ้นลูบกิ๊บติดผมอย่างเบามือพลางนึกถึงเรื่องราวในอดีต ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน ทุกครั้งที่นึกถึงมันพวกเขาจะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจราวกับถูกกอดเอาไว้ เธอคนนั้นคงจะไม่อยากให้พวกเธอเศร้าและเสียตัวตนที่เคยมีไป จึงได้คอบปลอบโยนพวกเขามาโดยตลอด
เฉียวหลิง ที่ตอนนี้โตขึ้นมากและหันไปไว้ผมยาวจนถึงกลางหลัง ตอนนี้เธอกลายเป็นช่างภาพมากฝีมือและมีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั้งประเทศ
เฉิงเซี่ยวสือ ตอนนี้เขาก็ยังคงไม่ทำอะไรเป็นหลักเป็นแหล่ง เปลี่ยนงานแล้วเปลี่ยนงานเล่าจนเฉียวหลิงถึงกับปวดหัว แต่หลักๆก็ยังคงมาทำงานที่ร้านของเธออยู่แหละนะ
ซวีซานซาน เพื่อนสนิทอีกคนของพวกเธอก็แต่งงานไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เรียนป.โทจบ ตอนนี้เธอโด่งดังอยู่ที่ต่างประเทศในฐานะนางแบบผู้นำแฟชั่น ที่ได้รับความนิยามอันดับหนึ่ง
และเราจะขาดคนคนนี้ไปไม่ได้
ลู่กวาง หลังจากวันนั้นเขาก็ดูเหมือนจะอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะไม่มีความรักอีกเลยแม้ว่าจะถูกสาวเล็กสาวใหญ่มาขายขนมจีบให้แทบทุกวันจนเฉียวหลิงและเพื่อนๆ แซวบ่อยๆ โดยเฉพาะเฉิงเซี่ยวสือที่ออกไปทางอิจฉามากกว่าก็เถอะ แต่ไม่ว่าจะยังไงหัวใจของเขาน่ะ...มันถูกมอบให้เธอคนนั้นไปแล้วนี่นา ทำไงได้ล่ะ
ตอนนี้เขายังคงมาช่วยงานเฉียวหลิงที่ร้านอยู่บ้างแต่ไม่บ่อยนัก เพราะว่าเขานั้นได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทที่แสนยิ่งใหญ่และเรืองอำนาจ ครอบคลุมธุรกิจแทบทุกอย่าง 
แน่นอนว่าพวกเธอทั้งสามคนก็ยังคงรับจ้างสืบข้อมูลจากภาพถ่ายเช่นเดิม แต่ก็เป็นแค่คดีเล็กๆ น้อยๆ อย่างคนหายหรือของโดนขโมยเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปพัวพันกับความยุ่งเหยิงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เด็กๆ เมื่อวันวาน กำลังเติบโตขึ้นด้วยความมั่นคง
และพวกเขาต่างก็หวังลึกๆ ว่าจะได้เจอเธอคนนั้นอีกสักครั้ง
☆.。.:*・°☆.。.:*・°☆.。.:*・°☆.。.:*・°☆
กาลครั้งหนึ่ง การพบใครคนหนึ่งทำให้ฉันสุขใจ กาลครั้งหนึ่ง ทุกช่วงเวลาเราเคยมีกันใกล้ๆ แต่กาลครั้งหนึ่ง สุดท้ายไม่จบตรงชั่วนิรันดร์เสมอไป...
(เพลง กาลครั้งหนึ่ง - STAMP)
เราจะกลับมาพบเจอกันอีกครั้ง
เมื่อเวลานั้นมาถึง
ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ไม่อาจะแยกพวกเราออกจากกันได้
จบ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!