...สวัสดีนักอ่านทุกท่าน...
...ขอขอบคุณที่สนใจนิยาย...
...หมื่นปรารถนาหวนคะนึงคมศาสตรา...
...(祈禱愛 武器神)...
...ผู้เขียน : 护福天 ฮู้ฝูเทียน...
...เรียบเรียง: Ehwaz...
...ภาพปก: Blazk...
...นิยายอัปเดตอาทิตย์ละสองตอน...
...ทุกวันศุกร์ - วันเสาร์...
"ข้าไม่ได้หวังกอบกู้เมืองที่ตกล่มจมหาย วิญญาณข้าจะได้รับการสะสางได้อย่างไรเมื่อท่านไม่เคยยอมรับความจริง อดีตที่ล่มจมไปแล้ว ใจข้าเองก็เช่นกัน มันไม่มีวันหวนคืนเช่นเดียวกับความล่มจมนั้น จงมอบอิสระให้แก่กันและไปตามทางของท่านเสียเถิด หากไม่เป็นดังนั้นแม้ชาติภพนี้ ข้าก็จะเลือกทางที่หยกต้องแหลกลาญกันไปข้าง ท่านไชย์ยันติ" นี่คือเสียงเพรียกของดวงวิญญาณ แต่กลับไม่ใช่เสียงเรียกหา หากจะว่าเป็นดั่งคำสาปส่งจากปรารถนาที่ต้องการจะตัดขาดเสียซึ่งความยึดติดอันมีอยู่เพียงฝ่ายเดียวของบุรุษผู้มุ่งหมายจะผูกวิญญาณของอิสตรีนางหนึ่งไว้ชั่วกัปชั่วกัลป์
เชิญดื่มด่ำไปกับการผสมผสานจินตนาการและประวัติศาสตร์ของโลกแห่งเทพเซียนในพื้นแผ่นดินจีนตอนล่างหรือในต้นทางลุ่มแม่น้ำโขงยุคโบราณ อาณาจักรสิงหวตินาคะปุระ หนึ่งชาติภพที่สะเทือนไปทั่วจนทำให้เกิดเรื่องราวระหว่างสองดวงจิตที่ผูกพันอย่างลึกซึ้งระหว่างศาสตราวุธและนางผู้ให้กำเนิดสิ่งนั้นร่วมกันนับหมื่นปรารถนาไม่สิ้นสุด… ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร สุดจินตนาการ….
สามบุรุษ หนึ่งสตรี หรือจะมีเพียงหนึ่งเดียวที่ครอบครองใจสตรีได้ แม้จะเป็นความมืดมนอนธการ นางก็หาได้หวาดหวั่นที่จะดำรงอยู่ในเส้นทางที่ตนเลือก บทสรุปจะลงเลยเช่นใด ไปติดตามกันได้ใน หมื่นปรารถนาหวนคะนึงคมศาสตรา
...อย่าลืมติดตามเพื่อรับแจ้งเตือนอัปเดต ...
...ชื่นชอบ ไม่ชอบอย่างไร...
...แนะนำติชมคอมเมนต์กันไว้นะ...
บรรพกาลนานมาแล้ว ณ จักรวาลที่พระมารดาพระบิดาทรงสร้างสรรพสิ่ง เผ่าทั้งหลายประกอบด้วย มนุษย์ สัตวะเทวา คนธรรพ์ ปักษา นาคา อัปสรา จิ้งจอก มาร ยักษาและอสูร ดำรงอยู่ร่วมกันในสี่สมุทรหกบรรจบแปดดินแดน สรรพสิ่งทั้งหลายมีสภาพวิญญาณตั้งแต่ภูติไปจนถึงเทพเซียนล้วนค่อยๆ พัฒนาสัมผัสและธาตุขันธ์ไปตามระดับการบำเพ็ญเพียร ยกเว้นมนุษย์ซึ่งได้รับหกสัมผัสห้าธาตุขันธ์ตั้งแต่เริ่มต้นบำเพ็ญเพียร เนื่องมาจากในครั้งที่พระบิดาทรงเข้าสู่นิโรธธรรมแล้ว พระมารดาก็ทรงสร้างง้วนดินก้อนแรกและฝังเมล็ดพันธุ์ขันธ์ของพระบิดาไว้ในง้วนดินนั้น เพื่อการสร้างโลกธาตุทั้งหลายตามพลังงานของท่านสืบต่อไป โดยแต่งตั้งให้เทพทั้งหลายในบรรพกาลปกปักดูแลรักษาง้วนดินนั้นไว้ก่อนที่จะทรงเข้าสู่นิโรธสมาบัติรอเวลากำเนิดโลกใหม่อีกครั้ง บรรพบุรุษของเผ่าทั้งหลายก็มาร่วมกันบริโภคง้วนดินเพื่อแลกเปลี่ยนพลังงานของพระมารดาพระบิดา ครั้งนั้นหนึ่งในอาภัสราพรหมที่เป็นบรรพบุรุษของชนเผ่ามนุษย์ได้บริโภคง้วนดินก้อนแรกเข้าไปจำนวนมาก อาภัสรานั้นเมื่อมีความสุขในการเสวยผลของง้วนดิน ก็เกิดความปีติเพลิดเพลินในการบริโภคอยู่เป็นเดือนเป็นปีพรหมโลก จนกระทั่งวันหนึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งพระบิดาได้งอกออกมา และมีกลิ่นฟุ้งกระจายหอมหวานไปไกลทั่วโลกธาตุ จิ้งจอกบรรพกาลผู้มีหน้าที่ดูแลเฝ้าฟัก ก็กลับหลับใหลไม่ไยดีเป็นเหตุให้ อาภัสราพรหมบรรพบุรุษของมนุษย์เผลอเสวยผลผลิตที่ยังไม่ถึงคราวบริโภคเข้าไป เรื่องจึงร้อนไปทั่วโลกธาตุ ผู้ปกครองสวรรค์ในครั้งนั้น จึงได้ส่งชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ไปอยู่ในดินแดนอันใกล้ชิดกับมนุษย์เพื่อเฝ้าแก้ไขข้อผิดพลาดของตน
วันเวลาผ่านไปหลายปีพรหมโลก นิสัยรักสนุกเพลิดเพลินของจิ้งจอกบรรพกาลตนนี้ก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย การอยู่ในดินแดนที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ยิ่งทำให้นางเพลิดเพลินกับการละเล่นของมนุษย์ ผนวกกับนิสัยที่ไม่ค่อยเอาใครของนาง จึงไม่ค่อยข้องแวะกับเทพสวรรค์อื่นๆ มากนั้น เมื่อไม่มีสิ่งน่าเพลิดเพลินใดดึงดูดใจนางผู้นี้ ทว่าเทพบรรพกาลก็ยังคงมีตบะที่แก่กล้ากว่าเทพในยุคสมัยหลัง เนื่องมาจากในยุคที่พระมารดาพระบิดาได้ให้กำเนิดเทพบรรพกาลได้อาศัยการกำเนิดแบบโอปปาติกะจากสายปราณทั้งสองของท่านโดยตรง แต่แม้จะมีตบะแก่กล้า จนกล่าวได้ว่าเป็นมหาภูติชั้นสูงและได้รับการนับถือจากเทพและภูติทั้งปวง เพียงแต่การบำเพ็ญสำเร็จวิสุทธิของนางกลับยังห่างไกลยิ่งนัก ทั้งชาวเผ่าสวรรค์ไม่ค่อยได้พบเห็นนาง จนมีเพียงภาพวาดอันงดงามให้คนกล่าวขานถึงเท่านั้น
ทั่วทั้งสี่สมุทรหกบรรจบแปดดินแดน โลกการบำเพ็ญปราณเริ่มต้นจาก ภูติไปสู่มหาภูติใช้เวลายาวนานถึงพันปีขึ้นไปในกรณีที่ไม่มีผู้ถ่ายทอดให้ เพราะต้องสะสมปราณจากธรรมชาติ โลกของภูติและมหาภูติเองก็มีระดับปราณวิญญาณ 36 ขั้น จึงสำเร็จเป็นมหาภูติ แล้วจึงจะสามารถเลือกมรรคา แบ่งออกเป็น มรรคาเทพ และมรรคามาร แต่ละมรรคาจะต้องเลือกสายพลังปราณย่อยแบ่งเป็นสองสายคือ อิ๋น หรือปราณพระมารดา และ หยาง หรือปราณพระบิดา ตามต้นกำเนิดสายพลังของตน แต่ก็ปรากฏมีไม่มากที่สามารถบำเพ็ญสำเร็จได้ทั้งสองสายไปพร้อมกัน ทั่วดินแดนก็นิยมให้เลือกบำเพ็ญเพียงสายเดียวเว้นแต่มนุษย์ที่บรรพบุรุษได้บริโภคผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เข้าไปทำให้มนุษย์มีพลังแฝงของพระบิดาผสมอยู่ จึงพบเห็นมนุษย์ที่บำเพ็ญสำเร็จมรรคาคู่ขึ้นมาบ้าง แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่นิโรธธรรมกลับคืนธาตุธรรมกันหมดแล้วทั้งสิ้น
จากระดับภูติสู่ระดับเซียน แบ่งเป็นสามชั้นหลัก ระดับล่าง 1-4 ระดับกลาง 5-9 ระดับสูง 10-13 จากนั้นก็จะเข้าสู่การทดสอบเพื่อเป็นวิสุทธิเทพในมรรคาที่ 9 นี่ก็คือเส้นทางของภูติและวิญญาณในจักรวาลนี้ แต่ก็ยังมีมนุษย์ส่วนหนึ่งที่บำเพ็ญ จนสำเร็จเซียนได้ ทั้งยังมีเส้นทางพิเศษซึ่งภูติจะบำเพ็ญหรือไม่บำเพ็ญก็ได้สำหรับผู้ที่ปรารถนาดินแดนของพุทธะ แต่หากภูติจะบำเพ็ญจะต้องสำเร็จระดับมหาภูติไปแล้วเป็นอย่างน้อย ไม่เช่นนั้นจะต้องอาศัยกำลังของผู้มีกำลัง เซียนหรือองค์คุรุต่างๆ นำพาไป มรรคาพิเศษนี้ยังเป็นที่เร้นลับแม้ในโลกวิญญาณ จะปรากฏให้เห็นก็แต่ผู้บำเพ็ญยูไล หรือสาวกของพุทธะยูไลอยู่บ้าง ส่วนผู้ที่สำเร็จระดับจักรพรรดิ ไปจนถึงระดับพระผู้สร้างยังไม่ปรากฏผู้ใดนอกจากพระบิดาพระมารดาที่บำเพ็ญไปถึงขั้นนี้
บนดินแดนเหล่านี้ก็ยังมีระบบการบำเพ็ญอื่นๆ ทว่าทั้งหมดล้วนรวมลงในมรรคา 9 ขั้น เมื่อสำเร็จจนถึงขั้น 8 ยังสามารถบำเพ็ญวิถีเร้นลับต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากกล่าวมาข้างต้นนี้ ได้มากมายสุดจินตนาการถึง หนึ่งในวิชาสายสุวรรณทวีปของมนุษย์ กล่าวเรียกถึงมรรคาที่ 9 ไว้ว่า “วิชชาโลกุตตระ” เวลาผ่านมาถึง 2000 ปี ผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่สำเร็จมรรคาที่ 9 ก็คล้ายจะหายสาบสูญ ว่ากันว่ายังมีผู้เร้นตนอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เพียงแต่จะพบเจอได้คงต้องอาศัยวาสนานำพา…
บรรพกาลนานมาแล้ว ณ จักรวาลที่พระมารดาพระบิดาทรงสร้างสรรพสิ่ง เผ่าทั้งหลายประกอบด้วย มนุษย์ สัตวะเทวา คนธรรพ์ ปักษา นาคา อัปสรา จิ้งจอก มาร ยักษาและอสูร ดำรงอยู่ร่วมกันในสี่สมุทรหกบรรจบแปดดินแดน สรรพสิ่งทั้งหลายมีสภาพวิญญาณตั้งแต่ภูติไปจนถึงเทพเซียนล้วนค่อยๆ พัฒนาสัมผัสและธาตุขันธ์ไปตามระดับการบำเพ็ญเพียร ยกเว้นมนุษย์ซึ่งได้รับหกสัมผัสห้าธาตุขันธ์ตั้งแต่เริ่มต้นบำเพ็ญเพียร เนื่องมาจากในครั้งที่พระบิดาทรงเข้าสู่นิโรธธรรมแล้ว พระมารดาก็ทรงสร้างง้วนดินก้อนแรกและฝังเมล็ดพันธุ์ขันธ์ของพระบิดาไว้ในง้วนดินนั้น เพื่อการสร้างโลกธาตุทั้งหลายตามพลังงานของท่านสืบต่อไป โดยแต่งตั้งให้เทพทั้งหลายในบรรพกาลปกปักดูแลรักษาง้วนดินนั้นไว้ก่อนที่จะทรงเข้าสู่นิโรธสมาบัติรอเวลากำเนิดโลกใหม่อีกครั้ง บรรพบุรุษของเผ่าทั้งหลายก็มาร่วมกันบริโภคง้วนดินเพื่อแลกเปลี่ยนพลังงานของพระมารดาพระบิดา ครั้งนั้นหนึ่งในอาภัสราพรหมที่เป็นบรรพบุรุษของชนเผ่ามนุษย์ได้บริโภคง้วนดินก้อนแรกเข้าไปจำนวนมาก อาภัสรานั้นเมื่อมีความสุขในการเสวยผลของง้วนดิน ก็เกิดความปีติเพลิดเพลินในการบริโภคอยู่เป็นเดือนเป็นปีพรหมโลก จนกระทั่งวันหนึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งพระบิดาได้งอกออกมา และมีกลิ่นฟุ้งกระจายหอมหวานไปไกลทั่วโลกธาตุ จิ้งจอกบรรพกาลผู้มีหน้าที่ดูแลเฝ้าฟัก ก็กลับหลับใหลไม่ไยดีเป็นเหตุให้ อาภัสราพรหมบรรพบุรุษของมนุษย์เผลอเสวยผลผลิตที่ยังไม่ถึงคราวบริโภคเข้าไป เรื่องจึงร้อนไปทั่วโลกธาตุ ผู้ปกครองสวรรค์ในครั้งนั้น จึงได้ส่งชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ไปอยู่ในดินแดนอันใกล้ชิดกับมนุษย์เพื่อเฝ้าแก้ไขข้อผิดพลาดของตน
วันเวลาผ่านไปหลายปีพรหมโลก นิสัยรักสนุกเพลิดเพลินของจิ้งจอกบรรพกาลตนนี้ก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย การอยู่ในดินแดนที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ยิ่งทำให้นางเพลิดเพลินกับการละเล่นของมนุษย์ ผนวกกับนิสัยที่ไม่ค่อยเอาใครของนาง จึงไม่ค่อยข้องแวะกับเทพสวรรค์อื่นๆ มากนั้น เมื่อไม่มีสิ่งน่าเพลิดเพลินใดดึงดูดใจนางผู้นี้ ทว่าเทพบรรพกาลก็ยังคงมีตบะที่แก่กล้ากว่าเทพในยุคสมัยหลัง เนื่องมาจากในยุคที่พระมารดาพระบิดาได้ให้กำเนิดเทพบรรพกาลได้อาศัยการกำเนิดแบบโอปปาติกะจากสายปราณทั้งสองของท่านโดยตรง แต่แม้จะมีตบะแก่กล้า จนกล่าวได้ว่าเป็นมหาภูติชั้นสูงและได้รับการนับถือจากเทพและภูติทั้งปวง เพียงแต่การบำเพ็ญสำเร็จวิสุทธิของนางกลับยังห่างไกลยิ่งนัก ทั้งชาวเผ่าสวรรค์ไม่ค่อยได้พบเห็นนาง จนมีเพียงภาพวาดอันงดงามให้คนกล่าวขานถึงเท่านั้น
ทั่วทั้งสี่สมุทรหกบรรจบแปดดินแดน โลกการบำเพ็ญปราณเริ่มต้นจาก ภูติไปสู่มหาภูติใช้เวลายาวนานถึงพันปีขึ้นไปในกรณีที่ไม่มีผู้ถ่ายทอดให้ เพราะต้องสะสมปราณจากธรรมชาติ โลกของภูติและมหาภูติเองก็มีระดับปราณวิญญาณ 36 ขั้น จึงสำเร็จเป็นมหาภูติ แล้วจึงจะสามารถเลือกมรรคา แบ่งออกเป็น มรรคาเทพ และมรรคามาร แต่ละมรรคาจะต้องเลือกสายพลังปราณย่อยแบ่งเป็นสองสายคือ อิ๋น หรือปราณพระมารดา และ หยาง หรือปราณพระบิดา ตามต้นกำเนิดสายพลังของตน แต่ก็ปรากฏมีไม่มากที่สามารถบำเพ็ญสำเร็จได้ทั้งสองสายไปพร้อมกัน ทั่วดินแดนก็นิยมให้เลือกบำเพ็ญเพียงสายเดียวเว้นแต่มนุษย์ที่บรรพบุรุษได้บริโภคผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เข้าไปทำให้มนุษย์มีพลังแฝงของพระบิดาผสมอยู่ จึงพบเห็นมนุษย์ที่บำเพ็ญสำเร็จมรรคาคู่ขึ้นมาบ้าง แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่นิโรธธรรมกลับคืนธาตุธรรมกันหมดแล้วทั้งสิ้น
จากระดับภูติสู่ระดับเซียน แบ่งเป็นสามชั้นหลัก ระดับล่าง 1-4 ระดับกลาง 5-9 ระดับสูง 10-13 จากนั้นก็จะเข้าสู่การทดสอบเพื่อเป็นวิสุทธิเทพในมรรคาที่ 9 นี่ก็คือเส้นทางของภูติและวิญญาณในจักรวาลนี้ แต่ก็ยังมีมนุษย์ส่วนหนึ่งที่บำเพ็ญ จนสำเร็จเซียนได้ ทั้งยังมีเส้นทางพิเศษซึ่งภูติจะบำเพ็ญหรือไม่บำเพ็ญก็ได้สำหรับผู้ที่ปรารถนาดินแดนของพุทธะ แต่หากภูติจะบำเพ็ญจะต้องสำเร็จระดับมหาภูติไปแล้วเป็นอย่างน้อย ไม่เช่นนั้นจะต้องอาศัยกำลังของผู้มีกำลัง เซียนหรือองค์คุรุต่างๆ นำพาไป มรรคาพิเศษนี้ยังเป็นที่เร้นลับแม้ในโลกวิญญาณ จะปรากฏให้เห็นก็แต่ผู้บำเพ็ญยูไล หรือสาวกของพุทธะยูไลอยู่บ้าง ส่วนผู้ที่สำเร็จระดับจักรพรรดิ ไปจนถึงระดับพระผู้สร้างยังไม่ปรากฏผู้ใดนอกจากพระบิดาพระมารดาที่บำเพ็ญไปถึงขั้นนี้
บนดินแดนเหล่านี้ก็ยังมีระบบการบำเพ็ญอื่นๆ ทว่าทั้งหมดล้วนรวมลงในมรรคา 9 ขั้น เมื่อสำเร็จจนถึงขั้น 8 ยังสามารถบำเพ็ญวิถีเร้นลับต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากกล่าวมาข้างต้นนี้ ได้มากมายสุดจินตนาการถึง หนึ่งในวิชาสายสุวรรณทวีปของมนุษย์ กล่าวเรียกถึงมรรคาที่ 9 ไว้ว่า “วิชชาโลกุตตระ” เวลาผ่านมาถึง 2000 ปี ผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่สำเร็จมรรคาที่ 9 ก็คล้ายจะหายสาบสูญ ว่ากันว่ายังมีผู้เร้นตนอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เพียงแต่จะพบเจอได้คงต้องอาศัยวาสนานำพา…
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!