เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ปัจจุบันเก็บตัวอยู่แต่ในห้องของตัวเอง ที่เกิดจากเรื่องราวครอบครัวในอดีตตั้งแต่เด็กจนโต ที่มันเหมือนกับฝันร้ายในชีวิตตลอดตั้งแต่เด็กจนโตของเธอ มันทำให้เธอเป็นโรคซึมเศร้า
เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งมีชื่อว่า แพร หรือ นางสาว ศิริรัตน์ อินทวงศ์ อายุ 19 ปี ใช่แล้วคือฉันเองผู้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา มันเป็นเรื่องราวในชีวิตอันแสนน่าเบื่อ และโคตรจะห่วยแตกของฉันเอง ฉันอยากจะเล่า (เอาเป็นว่าเล่าแล้วกัน) ฉันไม่มีคนที่จะให้ปรึกษา และไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง แม้กระทั่งคนที่จะพูดคุยด้วยยังไม่มีเลย ใช่แล้วใครจะมาคุยกับคนน่าเบื่ออย่างฉัน ไม่มีใครเข้าใจฉันเลยสักคน ไม่มีเลย ฉันเลยอยากจะเล่าในสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ในใจ สิ่งที่ไม่มีใครรับฟังและสิ่งที่บางครั้งก็ไม่สามารถพูดได้ ให้กับทุกคนได้อ่านและคนที่ผ่านมา หรืออาจจะหลงเข้ามา ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้เล่า ก่อนที่สักวันหนึ่งอาจจะไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้แล้ว
ตั้งแต่เล็กจนโตเธออยู่แต่กับครอบครัวมาตลอด ครอบครัวเธอมี 5 คน มีพ่อแม่ ยาย พี่ชายหนึ่งคน แล้วก็ตัวเธอเอง เธออยู่แต่ในกรอบของแม่ที่มอบให้ เชื่อฟังคำสอน ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากเถียงด้วยซ้ำเวลาที่แม่ดุ ด่า หรือในบางครั้งที่เธอนั้นจะรู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม เธอก็จะเอาแต่ก้มหน้าเงียบ ไม่กล้าโต้ตอบอะไร เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าแม่ด้วยซ้ำ แม่เธอเป็นคนที่เวลาพูดก็เสียงดังอยู่แล้ว แล้วไม่ต้องพูดถึงเวลาดุและด่าเลย ทั้งเสียงดังและน่ากลัว ใช่แล้วเธออยู่กับเสียงอันน่ากลัวของแม่เธอนั้นมาแต่เด็กจนโต อยู่กับการทะเลาะกันของพ่อและแม่ อยู่กับพี่ชายที่เอาแต่กินเหล้าไม่เคยที่คิดจะเก็บเงินสักที อยู่กับยายที่อายุมาก ยายที่รู้สึกว่าไม่เหมือนคนแก่คนอื่นๆ ชอบบ่น บางครั้งก็มักจะทำให้ลูกหลานไม่สบายใจอยู่เรื่อย และกับสายตาของยายที่มองเธอ บางครั้งก็มองเหมือนคนที่ไม่พอใจอะไรในตัวเราสักอย่าง มองแบบจะกินตับได้อะไรประมาณนี้ แล้วด้วยที่ตาก็โตด้วย อยู่กับสภาพสังคมรอบบ้านมีแต่เหล้า เหมือนลุง ก็มักจะทำให้ไม่สบายใจเหมือนกันเพราะแกกินเหล้าหนักมาก กินแล้วแบบข้าวของเนี่ยหายหมด เอาไปขายหมด เธออยู่กับการที่ต้องเจอปัญหาและเรื่องราวเหล่านั้นมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่เธอก็ไม่เคยชินกับมันเลยสักครั้ง ใช่แล้วเธอไม่เคยชินกับมันเลยโดยเฉพาะเสียงอันแสนน่ากลัวของแม่ ใครว่าเธอจะชินล่ะ เพราะเสียงนั่นและไหนจะเรื่องราวต่างๆ ที่เคยผ่านมา และเรื่องที่เข้ามาในปัจจุบัน เธอเป็นผู้หญิงที่คิดมาก ชอบเก็บมาคิดเพราะแบบนั้นมันจึงทำให้ปัจจุบันเธอกลายเป็นคนเก็บกดมากๆ คนหนึ่งและเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือบางทีอาจจะเป็นแต่ตัวเธอนั้นไม่รู้
มันจะมีอยู่คำหนึ่งที่ว่า "ไม่มีใครเกิดมาได้สมบูรณ์แบบ" ใช่..ไม่มีใครเกิดมาแล้วจะสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง ซึ่งแพรเธอก็คือหนึ่งในนั้นผู้ที่ไม่เคยมีอะไรดีและสมหวังเลย เอาง่ายๆคือแพรเกิดมาพร้อมความทุกข์เหมือนเกิดมาชดใช้กรรมโดยตรงโดยเฉพาะทางจิตใจ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอมักจะถูกแม่ดุ ว่า ขึ้นเสียงใส่ แม่เป็นคนประเภทที่เสียงดังมาก ตอนเด็กๆเธอก็อดทน เพราะคิดว่าเรายังเด็กอยู่ไม่สามารถพูดอะไรได้ และไม่กล้าพูดเลยแม้แต่คำเดียว ทุกครั้งที่เธอโดนแม่ดุ ว่า เธอก็จะเอาแต่ก้มหน้าเงียบ เพราะกลัวแม่มาก แต่พอเธอเริ่มโตขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้ เธอก็อายุ 19 ปี เธอรู้ทุกอย่าง รวมทั้งยังกล้าเถียง กล้าโต้ตอบ กล้าพูดออกไป จริงๆคือ ณ ปัจจุบันนี้เธอรับไม่ได้เลย ทุกครั้งที่แม่พูดหรือขึ้นเสียงใส่ ดุ หรือว่าเธอ หรืออะไรก็ตามที่เสียงดังเธอก็จะเข้าสู่ "ภาวะเศร้า" ทันที เธอไม่อยากพูด ไม่อยากพบปะกับใคร ไม่สนใจใคร อยากอยู่คนเดียวอยู่แต่ในโลกของเธอ อาจจะเป็นเพราะแต่เด็กจนโตครอบครัวเธอมักจะมีปัญหาตลอด เรื่องของพ่อบ้าง พี่ชายบ้าง ไหนจะยายอีก
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา..ช่วงเวลานั้นเธอก็กำลังเรียนด้วย แค่เรื่องเรียนของเธอเองก็เกินพอแล้ว ไหนจะเรื่องเงินอีก ฐานะทางบ้านของเธอก็ใช่ว่าจะรวย พออยู่พอกิน เธอเป็นคนที่จิตใจอ่อนไหวง่ายอีกทั้งยังเป็นคนที่ชอบคิดมาก ชอบเก็บมาคิด เธอไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลยเธอก็แค่คนที่แค่ "พยายามเข้มแข็ง" แล้วต้องมารับรู้เรื่องครอบครัวอีก มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอมักจะร้องไห้บ่อยมาก ร้องไห้ทุกคืน เธอนึกถึงมันทีไรเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา พยายามไม่คิดแต่มันก็คิดอยู่ดี ช่วงนั้นเธอเรียนอยู่ ปวช 2 เธอไม่อยากพูดแม้แต่กับเพื่อน ไม่แม้แต่จะยิ้มออกมา เพราะจิตตกกังวลเรื่องเกรดเรื่องผลการเรียน มันค่อนข้างจะแย่มาก ไม่เป็นไปตามที่หวัง ติด 0 ติด มส ณ ในตอนนั้นในหัวของเธอคิดเพียงแต่ว่าแม่อุตส่าห์ส่งมาเรียนแท้ๆ แล้วดูสิ่งที่เธอทำดิมันใช่หรอ มันใช่แล้วหรอ..ตอนนั้นเธอกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกผิดเพราะช่วงนั้นเธอเองก็ไม่ค่อยได้ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ กินเหล้า ขาดเรียนก็เยอะ สติก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะเธอเป็นคนที่จริงจัง เธอจริงจังกับทุกเรื่อง ทุกครั้งที่เธอได้ยินคนอื่นพูดเรื่องครอบครัวในหัวของเธอมักจะมีภาพแม่โผล่ขึ้นมา แล้วน้ำตาก็จะไหลออกมาทันที เธอพยายามอดกลั้นเอาไว้ เพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นนั้นเห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอ..
ช่วงเย็นในทุกๆวันเธอก็จะอยู่คนเดียว ที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ศรีสะเกษ เพราะเธอเรียนอยู่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษมันติดกับสวนสมเด็จฯ เธอก็จะไปอยู่ตรงที่สวนข้างหน้าสวนก่อนที่จะถึงที่ให้ดูสัตว์ เพราะว่าที่นั่นมันทั้งเงียบสงบและเย็นสบาย แล้วก็เปิดเพลงฟังให้ตัวเธอนั้นสบายใจ การ่เธอฟังเพลงมันสามารถทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากๆ ส่วนเพลงที่ฟังนั้นเธอชอบฟังเพลงสากล เพลงแนวอาร์แอนด์บี แนวดนตรีช้าๆเพราะมันทำให้ไม่ต้องคิดอะไรมาก เธอฟังเพลงเดิม ฟังวนซ้ำๆ ในสถานที่เงียบๆสงบๆ เธอเป็นแบบนี้อยู่เกือบเดือนได้ ในตอนนั้นจากเธอที่เคยเป็นคนร่าเริง ชอบแกล้งเพื่อน ชอบทำให้เพื่อนยิ้มและหัวเราะ จากที่เคยเป็นแบบนั้นมันก็หายไปหมด เธอคนนั้นไม่มีเลย พอเวลาผ่านไปหรือผ่านช่วงเวลานั้นมาก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเธอคนเดิมได้เท่าไหร่นัก คือไม่ค่อยยิ้มเหมือนแต่ก่อน ที่ผ่านมานั้นที่เห็นยิ้ม หัวเราะ อาจจะดูเหมือนมีความสุข แต่หากรู้ไม่ว่าเธอนั้นก็ฝืนตัวเองมากพอสมควร จริงๆแล้วไม่มีใครรู้เลยว่าลึกๆข้างในนั้นเธอแสนจะเศร้าแค่ไหน เหมือนร้องไห้ตลอดเวลาแล้วไหนจะเรื่องเพื่อนอีก เพื่อนและครอบครัว เธอทั้งรักและคิดถึงเสมอ
แต่...หารู้ไม่ มีใครบ้างที่จะคิดแบบนี้ไม่เห็นมีใครรักเธอบ้างเลย ไม่เคยนึกถึงเธอเลยด้วยซ้ำ บางคนเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ เธอให้ความจริงใจไป แต่ที่ได้กลับมาคืออะไรก็ไม่รู้...????????? สิ่งที่เธอฝังใจหรือมักจะคิดถึงมันตลอด คือตั้งแต่เด็กจนโต อายุ 19 ปี เธอไม่เคยได้ "ของขวัญและเป่าเค้กในวันเกิดเลย" เวลาถึงวันเกิดเพื่อนเธอก็จะคอยสนับสนุนหรือคอยช่วยออกตังทำนู่นนี่นั่น หรือบางครั้งถ้ามีเงินก็จะให้เป็นของขวัญ เธอนึกถึงเพื่อนตลอดแต่พอมาถึงของเธอเองบ้าง มองย้อนกลับมาดู ซึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มันทำให้เธอแอบน้อยใจและเรียกได้ว่าเป็นปมในเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เธอรู้ว่าคนเราเวลาให้อะไรใครก็ควรให้ด้วยใจ อย่าหวังผลตอบแทนแต่สำหรับเธอนั้น เธอไม่เคยได้มีอะไรดีๆแบบนั้นในวันเกิดเลยสักครั้ง ไม่มีใครให้ของขวัญ ไม่มีใครมาถือเค้กให้เป่า ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในชีวิตของเธอตลอดที่จำความได้จนถึงปัจจุบัน 19 ปี เธอก็เลยค่อนข้างที่จะคาดหวังกับมันเล็กน้อย จนเกิดเสียความรู้สึก พอถึงวันเกิดทีไร เธอก็ไม่อยากให้มีวันนั้นเลยถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะข้ามเวลาไปเป็นวันอื่นแทน เธอฝังใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จนมันทำให้เธอคิดน้อยเนื้อต่ำใจว่าเธอนั้นได้มีเพื่อนจริงๆหรือป่าว บางทีอย่างน้อยก็ควรจะบอกกล่าวก็ได้ ถ้าไม่มีทรัพย์นู่นนี่นั่น เธอก็จะได้รู้และเข้าใจ เพราะอย่างน้อยเธอเองก็ไม่ใช่คนที่ใจแคบอะไร ไม่ใช่เงียบกันไปแบบนี้...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!