...ร้านขายของ...
มือเล็กๆเปื้อนฝุ่นกำลังจัดของตามที่เจ้านายสั่งไว้ ดวงตาเป็นประกาย ผิวสีหิมะกับชุดสีดำมอมแมมสื่อให้เห็นว่าคนตัวเล็กทำงานมาทั้งวัน ผมสีดำสนิทที่ถูกรวบไว้ตอนนี้ชื้นเหงื่อบวกกับอากาศร้อน
"ขอบใจมากนะ อ่ะนี่ค่าแรง"
"ขอบคุณค่ะ"
เธอรับมันมาจากชายแก่เงินที่ได้มาก็แค่ไม่กี่ร้อยแต่สำหรับเธอมันมีค่ามาก เท้าเล็กเดินซื้อของกินมากมายเตรียมกับบ้านตอนเที่ยง เพราะมีบางคนรอเธอกลับไปหา
"กลับมาแล้วเด็กๆ"
"เย้ๆ เราหิวแล้วค่ะพี่"
เธอจัดกับข้าวใส่จานเรียบร้อยน้องๆของเธอรีบจัดแจงทุกอย่างด้วยความหิว ก็แน่ล่ะนี่มันบ่ายเข้าไปแล้ว
"กินเสร็จล้างจานด้วยนะอย่าทะเลาะกันพี่ต้องไปทำงานต่อ"
"พี่คัง มิจูจะไม่ทานข้าวก่อนหรอครับ"
แทยงส่งสายตาเป็นห่วงให้เธอเขาเป็นพี่รองของบ้านหลังนี้แม้ว่าเขาอายุแค่9ขวบแต่ก็เป็นที่พึ่งให้น้องๆอีก5คนได้เสมอ
"เดี๋ยวไปกินข้างนอกจ๊ะ พี่อาบน้ำก่อนนะแทยง"
"ครับพี่ผมดูแลน้องเอง"
มิจูได้ยินแบบนี้เธอก็หายห่วง บ้านของเธอเป็นบ้านปูนเล็กๆมีห้องไม่กี่ห้องอยู่กัน6คน มีตัวเธอ แทยง แทมิน แทยอน แทฮยอง แทฮยอน
พวกเราทั้ง6คน..."เป็นเด็กกำพร้า"
เราอยู่อย่างครอบครัวแม้ว่าตัวเธอจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันกับพี่น้องตระกูลแท
"พี่ไปก่อนนะ"
พี่ใหญ่ของบ้านโบกมือให้เด็กๆก่อนจะใส่รองเท้าผ้าใบคู่ใจตรงไปทางถนนใหญ่เพื่อรอลูกค้าเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีดำ ผมที่ถูกสระมาหมาดๆ ถูกปล่อยลงเพื่อรอให้มันแห้ง ผิวขาวๆราวกับหิมะเป็นที่น่าอิจฉาของใครๆหลายคนเพราะมิจูเองไม่ได้บำรุงมัน แต่มันกลับมีสุขภาพที่ดี
"ขึ้นรถสิ"
หญิงสาวสุดเดรสรัดรูปสีดำเรียกให้เธอขึ้นรถไปกับเขา...'อย่ามองแค่ภายนอก เธอไม่ได้มาขาย'
"อายุ15 จริงๆหรอมิจู"
เสียงเล็กๆพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำตัวไม่ถูก
"ค่ะ"
สาวสวยแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับความสวยสะพรั่งของเด็กอายุแค่นี้
"แล้วเป็นเด็กกำพร้างั้นหรอเลี้ยงน้องเหนื่อยไหม"
คำถาม108ข้อรัวใส่เด็กตาใสแต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงตอบไปตามจริงอย่างที่ใครเขาถาม แทบเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
"มิจูเป็นเด็กกำพร้าค่ะแล้วก็เลี้ยงน้องเหนื่อยมากค่ะ"
สายตาเรียวสวยมองหน้ามิจูสลับกับการแต่งตัวของเธอที่ดำทั้งตัวมีเพียงผิวนี่เท่านั้นที่ขาว
"เป็นเพื่อนกันแล้วไงไม่ต้องใช้คำสุภาพหรอก ฉัน ซง นาบี ฉันแค่มาหาเพื่อนเล่นด้วยเฉยๆ"
นาบียิ้มอย่างเป็นมิตร มิจูได้แต่เก็บคำถามที่อยู่ในหัวตั้งแต่ขึ้นรถมาไม่กล้าถามเพราะอาจจะหยาบคายกับเธอได้
"อยากถามอะไรถามได้นะฉันน่ะตอบได้ทุกเรื่อง"
"นาบีอายุเท่าไหร่"
ถามไปแล้ว...จะโกรธไหมเธอคิดในใจวนไปวนมา
"18 ฉันยังไม่บรรลุนิติภาวะหรอกถึงแต่งตัวแซ่บๆแต่ฉันอายุยังน้อยนะจ๊ะ"
"จะพามิจูไปไหนหรอนาบี"
"ทำไมต้องแทนชื่อตัวเองตลอดด้วยล่ะ"
"ก็..."
เธอไม่รู้จะใช้สรรพนามแบบไหนดี เรา เธอ แก คุณ ฉัน หรือแม้กระทั่ง กู มึงที่เจ้าตัวไม่ค่อยพูดนัก
"ว่าไงตอบไม่ได้อ่อ555ไม่ต้องกลัวหรอกน่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ"
ใบหน้าที่เป็นมิตรยิ้มให้มิจูแววตาที่สวยงามกำลังรอคำตอบของเธออยู่
"ก็มิจูไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรเเทนตัวเองดี"
เธอไม่เคยมีเพื่อนเลย ที่ได้พบกับนาบีเพราะคนที่คาเฟ่แนะนำงานง่ายๆให้รู้จัก แค่เอารูปเธอแล้วก็ข้อมูลส่วนตัวเล็กน้อย บอกสิ่งที่ต้องการ ซึ่งแน่นอนเธอต้องการเพื่อนผู้หญิงสักคนจนเจอนาบีที่ชอบเธอตั้งแต่แรก เธอเลยขอให้เขาลบโพสนั่นให้เมื่อเธอได้เพื่อนแล้ว
"ปกติใช้อะไรเเทนตัวเอง"
"หนู"
"5555555ฉันชอบเธออ่ะ หนูๆๆๆ"
เธอแซวเพื่อนต่างอายุอย่างไม่หยุดเสียงหัวเราะเล็กๆที่ดังออกมานานมาก
"แปลกหรอ? งั้นควรใช้อะไรดีถ้าเราเป็นเพื่อนกัน"
"นี่เธอมีเพื่อนป่ะเนี้ย"
นาบีแซวคนข้างๆที่ทำตาซื่อเป็นเด็กอ่อนต่อโลก
"ไม่มีนาบีคนแรกที่อยากเป็นเพื่อนมิจู"
"ห๊าาาาาจริงอ่ะ"
นาบีตกใจที่คนอยากมิจูน่าจะมีผู้ชายเข้าหาหรือไม่ก็มีคนอยากเป็นเพื่อนด้วยทั้งนั้นเธอตลกแบบแปลกๆความซื่อของเธอทำให้ทุกอย่างดูตลกไปหมด เธอพยักหน้าเบาๆ ตัวเธอไม่มีเพื่อนจริงๆ
"แกแล้วกันให้ใช้คำว่าแก ปกติฉันใช้กับเพื่อนแบบนี้"
"แกมีเพื่อนเยอะไหม"
คำถามเปิดประเด็นของเพื่อนชุดดำ
"เยอะสิเพื่อนแทบทุกมุมโลกเลยแหละ"
ไม่รู้ว่าทำไมเป็นคนพูดมากขนาดนี้ปกตินาบีเองไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเองให้ใครฟัง ส่วนมิจูเองก็ไม่ค่อยตั้งคำถามเยอะขนาดนี้มาก่อน ทั้งสองเริ่มสนิทกันเพียงชั่วพริบตา
สิ่งที่มิจูกลัวสุดๆก็คือการที่ตัวเองไปเป็นตัวโชคร้ายให้กับนาบีเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆ มิจูใช้เวลาสักพักก่อนที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอ
"แกฉันขอบอกเอาไว้เรื่องสำคัญในตัวฉัน...ฉันเป็นโชคร้าย"นาบีได้แต่ทำหน้าสงสัยเมื่อเพื่อนของเธอจู่ๆก็บอกว่าเป็นโชคร้าย
"คืออะไร"
"ฉันเป็นคนหาเรื่องเข้าตัวอยู่ใกล้แล้วจะโชคร้าย"
"ดีเลยฉันชอบ เบื่อจะแน่ชีวิตง่ายๆเนี้ยมีเงินก็ซื้อๆไปเรื่อยน่าเบื่อ"
ดูท่านาบีไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยแววตาที่มองเธอแบบไหนก็เป็นแบบนั้นเสมอ
"ไปกันเถอะฉันจะพาเธอไปเที่ยวห้างเธอคงไม่รู้จักห้าง"
ทั้งสองได้ไปเที่ยวกัน จริงๆแล้วนาบีแค่สงสารเพื่อนใหม่ของเธอแม้แต่ที่ๆเธอเบื่อที่สุดเธอก็ยอมมาเพราะมิจู
"ขอบคุณนะแกเลี้ยงเราเยอะเลย"
อาหารบางอย่างที่ไม่เคยกินวันนี้มิจูได้มีโอกาสกิน ได้มีโอกาสทำอะไรที่เด็กกำพร้าคนนึงไม่มีปัญญาจะทำได้
"อื้อ แกเป็นเพื่อนฉันนี่แกบอกว่าเลี้ยงน้องด้วยใช่ไหมล่ะ ฉันขอซื้อของไปให้น้องแกนะ"
นาบีทำตาเป็นประกายแบบที่ไม่เคยทำใส่มิจูมาก่อน
"ได้สิ...แกชอบเด็กๆหรอ"
"ใช่ ฉันน่ะนะมีพี่ชายคนนึงวันๆก็ทำแต่งาน ฉันเบื่อมากๆอยากมีน้องสักคนนึงอ่ะแต่พี่ก็ไม่ยอมอุปการะเด็กมาให้ฉัน"
มิจูเห็นแววตาที่น้อยใจของนาบีก็รู้ทันทีเลยว่าเธอชอบเด็กแค่ไหน คงเหงามากแน่ๆที่พี่ชายไม่สนใจ
"งั้นแกอยากไปบ้านฉันไหม มาได้เสมอเลยช่วยฉันเลี้ยงไอ้แซบด้วยก็ดี"
มันไม่เสียหายอะไรถ้าเธอจะให้นาบีช่วยเลี้ยง ปัญญาของเธอยังไม่มีเงินเลี้ยงตัวเองลงรอดเลย วันนี้อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่กินข้าวได้อิ่มท้อง
"จริงนะๆๆๆ ฉันไปบ้านแกได้จริงหรอ"
เธอเขย่าแขนฉัน จะเป็นเซียมซีที่วัดอยู่แล้ว
"ได้ดิ ถ้าแกอยากซื้อของให้เด็กๆก็ช่วยซื้อของเล่นกับเสื้อผ้าใหม่ได้ไหม"
"ได้ดิแก แค่นี้จิ๊บๆเดี๋ยวฉันนะจะเหมาให้หมดราวไปเลยของเล่นจะจัดงามๆให้"
ตื่นเต้นกว่าอะไรดี
...บ้าน คัง มิจู...
มือเล็กๆเปิดบ้านอย่างช้าๆเพราะนี่เป็นเวลาดึกแล้วเด็กๆก็อาจจะนอนกัน รองเท้าคู่ใจวางลงบนชั้นวาง ก่อนจะก้าวเข้าไปในบ้านพร้อมกับแขกคนสวย
"คงหลับกันแล้วล่ะมั้ง"
ปากสีชมพูอ่อนๆหันไปกระซิบให้เพื่อนของเธอช่วยเดินเบาๆ
"พี่กลับมาแล้ว!!"
แทมินตะโกนอย่างดีใจโผล่เขากอดคนตัวเล็กเด็กที่เหลือก็ตามมาทีหลังจนเธอเซนิดหน่อย
ทำไมยังไม่นอนกันอีก คำถามในใจที่เธอเห็นเด็กๆนั่งอยู่กลางบ้านในที่มืดๆ ไม่ยอมเปิดไฟด้วยซ้ำ
"ทำไมไม่เปิดไฟ นอนก็ไม่นอนนะเราปล่อยพี่ก่อนวันนี้แขกนะ"
ทุกสายตาหยุดนิ่งไปที่แขกสาวสวยด้วยความสงสัย ทั้งการแต่งตัวความสวย ไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนพี่สาวของพวกเขาได้เลย
"หวัดดีจ๊ะเด็กพอดีฉันเป็นเพื่อนกับมิจูน่ะ ก็เลยมาเยี่ยม มีของมาให้ด้วยน้าาา"
ความคิดของพวกเด็กๆแตกกระเจิงเมื่อเห็นของตรงหน้ามากมาย สมแล้วที่เป็นเด็ก
"ขอบคุณมากๆนะ"
ไม่รู้จะขอบคุณเพื่อนคนนี้ยังไงดี เขาดีมากจริงๆถึงแม้จะรวยขนาดไหนก็ไม่เคยดูถูกคนเลยสักนิด
"แกพอแล้วพูดมากจริงเอาเสื้อผ้าไปเก็บได้แล้ว รองเท้าที่ซื้อให้ก็ใส่ด้วยไม่งั้นฉันโกรธ"
คุณหนูเอาแต่ใจขั้นสุดหน้าอย่างมุ่ยๆ
"ได้ดิก็ต้องใส่อยู่แล้ว"
ก็คงไม่เก็บไว้เพราะรองเท้าคู่ก่อนมันไม่ไหวแล้วอ่ะ ถุงเสื้อผ้าทั้งหมดถูกหิ้วไปในห้องๆนึงอย่างเงียบๆ เสื้อผ้าของเด็กพวกนี้เยอะเอามากๆ เกรงใจมากแต่ก็ห้ามนาบีไม่ได้
"พี่อย่าพึ่งเก็บของ ออกมาเล่นกำเราก่อนสิครับ"
แทฮยองกับแทฮยอนเดินมาตามฉัน แต่ฉันไม่น่าไหวนี่เป็นเวลานอนของฉันแล้วร่างกายที่ใช้แรงมาตลอดทั้งวัน ยังไงต้องชาตบ้าง
"นอนพักเถอะเดี๋ยวผมดูแลน้องเอง"
แทยงดันน้องสองคนของเขาออกไปรอยยิ้มสดใสเหมือนกับพนะอาทิตย์ยามเช้า สายตาที่อบอุ่นกำลังบอกว่าพวกเขาไม่เป็นไร
"เอางั้นหรอ"
"อื้อผมบอกพี่นาบีแล้วเขาก็เห็นด้วยนะ"
เธอพยักหน้าเบาๆก่อนจะจัดที่นอน...ไม่ไหวๆปวดไปทั้งตัว
"ฝันดีครับพี่สาวของพวกเรา"
มือเล็กๆของเด็กชายเอื้อมไปปิดไฟเขารู้ว่าพี่สาวเจ็บปวดและเมื่อยล้าแค่ไหน เขาทำอะไรให้ไม่ได้เลยนอกจากเป็นพี่ที่ดีของน้องๆที่เหลือ เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่พี่เป็นทุกเดือนเขาเรียกว่าอะไร มันมีเลือดออกมาเยอะมากบนที่นอนตอนที่นางฟ้าของเขาตื่นแต่ก็ไม่ยอมที่จะพักเลยสักวัน...
"ขอบคุณนะครับพี่นาบี ช่วยดูแลพี่สาวของเราทีนะครับ"
นาบีอึ้งเล็กน้อยที่เห็นเด็กตัวเท่านี้พูดจาได้เหมือนผู้ใหญ่
สายตาที่อ้อนแสนน่ารักของเด็กชาย มันน่ารักจริงๆ
"ได้สิเพื่อนกันนี่นา"
"แต่ระวังเรื่องโชคร้ายด้วยนะครับ"
มิจูจะเป็นโชคร้ายได้ยังไงกันนะ เธอสงสัยจริงๆไอ้ที่บอกว่าโชคร้ายจะร้ายได้ขนาดไหนกัน
...07.00...
"มาแต่เช้าเลยนะแก"
"แน่นอนวันนี้ฉันซื้ออาหารแห้งมาเก็บไว้นะเผื่อไม่มีอะไรกิน"
"อื้อขอบคุณมาแต่เช้ามีอะไรหรอฉันต้องไปทำงาน"
พวกเราสนิทกันมากจริงๆไม่คิดเลยว่าจะมีเพื่อนกับเขาแล้วจริงๆ
ตากลมโตกำลังจัดตู้เสื้อผ้าให้เข้าทีผมที่ยังไม่ได้สางแม้จะดูฟูที่ก็เป็นเธอในฉบับเด็กง่วงคนนึง เท้าเล็กเดินวนรอบห้องเพื่อเตรียมอุปกรณ์ให้เด็กๆไปรร.กันในวันจันทร์นี้ แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะนาบีที่นอนอยู่บนผ้าที่เธอปูไว้นอนกับพื้นกำลังจ้องเธอเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"อะไร?"
"ไปบ้านฉันไหม"
"ห๊ะ! ฉันหรอ"
ใครจะไปบ้านคนรวยๆแบบเธอกันฉันไม่เอาด้วยหรอก
เธอส่ายหัวรัวๆทันทีไม่ได้อยากไปซักนิด
"ก็ได้แกคงไม่ชินหรอก"
"ก็รู้นี่"
"งั้นฉันขอพาเด็กๆไปส่ง"
"ยังไง"
"รถฉัน"
สายตาของมิจูมองรถยี่ห่อดังสีขาวที่จอดอยู่ด้านนอก
เธอต้องบ้าแน่ๆ ใครจะกล้าขึ้น
"พี่มิจูมาเร็วๆค่า"
มีแต่ฉันสิท่าที่ไม่กล้า
"ก็ได้"
อยากจะรู้จังทำยังไงถึงได้มีเงินขนาดนี้ ไม่ต้องลำบากแบบฉัน
ไม่นานรถก็จอดที่หน้ารร.เล็กๆเป็นรร.ฟรีของรัฐ
"สวัสดีครับพี่"
เด็กไหว้อย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะวิ่งเข้าไปในรร.เบาภาระได้เยอะมากๆ นี่คือสิ่งที่มิจูคิดจริงๆ
"จูน..มาส่งน้องหรอ"
อาาเพื่อนเก่าของฉัน..
"ใครอ่ะ หลอกเขามาหรอ"
รอยยิ้มบางๆที่เคลือบยาพิษแววตาที่ทิ่มแทงเข้าไปในใจของฉันอย่างช้าๆ ใบหน้าสวยแสดงอาการนิ่งเฉยทันที
"ใครหรอมิจู ถ้าเป็นแค่สวะก็อย่าไปเสวนาด้วยเลย"
นาบีดึงแขนเล็กออกไปจากตรงนี้อย่ารวดเพราะกลัวว่ามิจูจะร้องไห้เป็นเด็กขี้แง ยิ่งเธอเป็นคนใสซื่อขนาดนี้
"แม่สาวแซ่บก็ระวังตัวหน่อยนะ บ้านจะไฟไหม้เอา"
คำพูดทิ้งท้ายก่อนที่ยัยเด็กผู้หญิงหน้าจืดจะเดินออกไป
นาบีมองไปที่มิจูสีหน้าที่ไม่ดีแตกต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ
"กลับกัน ไฟไหม้ก็ไหม้ไปสิบ้านฉันมีหล้งด้วยที่ไหนเป็นร้อยๆหลัง"
เป็นร้อยก็บ้านสิใครจะอยู่หมดแค่พูดให้อีกฝ่ายสบายใจเฉยๆเอง
"ไปไหนหรอ"
"ช่วยทำงานหน่อยมีค่าจ้าง"
"ได้สิ"
รถหรูพุ่งตรงมาที่บริษัทขนาดย่อมๆ "นาบีกรุ๊ป" บริษัทของตัวเพื่อนเธอเอง รวยขนาดมีบริษัทเป็นของตัวเองเลยหรอ
ถึงว่าใส่เสื้อผ้าที่สุภาพกว่าทุกวัน แล้วดันมาบังคับให้เธอใส่ชุดนี้มาอีก
"อย่าพึ่งลงหน้าจืดไป"
มือสาวเปิดกระเป๋ากุชชี่สีดำเพื่อหยิบลิปสีแดงสดออกมาแต่งแต้มใบหน้าของเพื่อนซี้
"ไม่แดงไปหน่อยหรอ"
เรื่องแรกที่ทำให้เธอรู้ว่าลิปแท่งเดียวได้ทั้งหน้า
"สวยแล้ว จอดหน้าร้านกาแฟ"
นาบีบอกคนขับรถประจำตัว ก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถทันที
"ลงมาเหอะน่าไม่แปลกหรอกที่นี่เขาแต่งแบบนี้กัน"
แบบนี้ที่ไหนเล่าพนักงานแต่ละคนแต่งกันน่ารักทั้งงั้นมีแต่นาบีนี่แหละ...
นาบีสวยมากจริงๆ ทั้งการวางตัวทั้งเสื้อผ้าหน้าผมแตกต่างจากที่เป็นอยู่มากๆคงเพราะต้องทำงาน ฉันชอบแบบนี้จัง
"มาเร็วจะสั่งกาแฟ"
มือเล็กที่เย็นเฉียบเปิดประตูรถอย่างเก้งๆกังๆเพราะกระโปรงที่ไม่คุ้นชิน
เมื่อแสงแดดยามเช้ากระทบกับผิวเนียนทำให้เธอเปล่งประกายมากกว่าเพชรซะอีก นาบีได้แต่ยืนยิ้มให้กับความสวยของเพื่อนสาวของเธออย่างน่าขัน ที่เธอเอาแต่หลบกล้องที่เขาตามถ่ายเจ้าของบริษัทอย่างนาบี
"ขออนุญาตห้ามถ่ายภาพนะคะ"
นาบีช่วยลดความอึดอัดของมิจูไปบ้างนิดหน่อยทั้งคู่สั่งกาแฟกันก่อนจะเดินขึ้นตึก
มีสายตาหลายคู่ที่เอาแต่จ้องมองมาที่ทั้งสองคนจากที่สูง รอยยิ้มของชายหนุ่มที่กำลังรอคอยก็ผุดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะโฟกัสกับบอร์ดงานตรงหน้า
^^^พ่ามมมมพ้ามมมมมเอาออกมาแค่นี้ก่อนแล้วกัน^^^
^^^ใครก็ไม่รู้มามองนาบีและก็มิสฟอร์จูนของเราด้วยนะ^^^
^^^ยัยหน้าจืดที่รร.นั้นก็ด้วยเป็นเพื่อนแท้ๆใจร้ายมาก^^^
^^^เอ็นดูมิสฟอร์จูนของเราด้วยนะคะ^^^
^^^comment \= ❤^^^
^^^❤❤❤\= อัพ^^^
^^^^^^^^
"รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันขอไปประชุมแปบนึง"
นาบีกดฉันให้นั่งบนโซฟาในห้องทำงานของเธอ ขายาวๆรีบเดินไปหยิบเอกสารบนโต๊ะทำงานก่อนจะออกไป...
"อ่าว..."
แล้วให้มาทำอะไรล่ะ เท้าเล็กๆเดินวนรอบห้องไปมาเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี แฟ้มงานที่กองอยู่บนโต๊ะไม่มีวี่แววว่าเขาจะทำมัน มือเล็กถือวิสาสะเปิดดู
"บัญชีหรอ...ทำไมตัวเลขเยอะขนาดนี้"
เธอปิดมันลงเพราะได้ยินเสียงใครบางคนกำลังพูดอยู่หน้าห้อง เธอจึงรีบกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม จนเสียงเงียบไป
'ปวดฉี่...'
เวรกรรมแท้ๆเลยเรา เธอเปิดประตูออกไปเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำก็ต้องชะงัก เมื่อมีผู้ชายตัวสูงทำท่าจะเปิดประตูเหมือนกัน
"ขอโทษค่ะ ถ้ามาหานาบีล่ะก็ เธอออกไปประชุมค่ะ ขอตัว"
เท้าเล็กรีบวิ่งออกไปก่อนที่คนตรงหน้าจะเอ่ยปากถามอะไร ไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะ แค่ตกใจที่เรากับเขาจ้องหน้าแบบระยะประชิดขนาดนั้น
"นาบีเธอไปไหนกันเนี้ย"
ขาเล็กๆทั้งวิ่งและเดินไปในตัว ปากก็บ่นพึมพ่ำหาเพื่อนตัวดีของเธอ จนไม่ได้ดูทางชนกับใครคนนึงเข้า
"ขอโทษค่ะ"
ทั้งที่ตัวเองเซไปชนโต๊ะข้างๆ แต่ใครบางคนก็ดูไม่ได้สะทกสะเทือนอะไรเลย มือเล็กเอาผมที่บังหน้าทัดหูเพื่อจะเงยหน้ามองคนที่เดินชนแบบชัดๆ
"..."
เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกปลดกระดุม3เม็ดอย่างตั้งใจ ผู้ชายคนนี้ตัวสูงมากๆรอยสักที่ปรากฏใต้สาปเสื้อ
'Do....?'
ตากลมโตมองได้เพียงเท่านี้เพราะเสื้อมันบังตัวอักษรเกือบทั้งหมด
"มัวทำอะไรอยู่"
ไม่ทันที่จะได้เงยมองหน้าเขา เท้ายาวๆก็เดินออกไปทันทีโดยไม่มีเสียงพูดอะไรออกมาจากชายตรงหน้า
เธอหันไปมอง เห็นเพียงแค่แผ่นหลังกว้างกับมือทั้งสองข้างที่ล้วงกระเป๋ากางเกง
"น่ากลัว..."
เธอหันหน้าหนีทันทีเมื่อคนข้างๆร่างสูงโปร่งหันมามองเธอ
เท้าเล็กๆรีบก้าวออกไปอีกครั้ง ลืมไปเลยว่าจะไปห้องน้ำ
ร่างสูงจัดเสื้อตัวเองใหม่หลังจากที่โดนตัวอะไรไม่รู้วิ่งมาชน เขาจัดแบบลวกๆก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมพร้อมมือขวา
"มาช้าจังมึง กูนึกว่าไปห้องนาบี"
ซง ฮยอนจุน ที่นั่งอยู่ซ้ายของมุมห้องเอ่ยด้วยเสียงหน่ายๆเพราะทั้งห้องก็รอแค่คุณชายเพียงคนเดียว
"ใครเอาตัวอะไรเข้าบริษัท"
"คิม อูซอก พูดเกินไป ตัวอะไรคือ?"
" ช่างเถอะ ต้องประชุมกันแล้วนะ น้องฉันอุตส่าห์ขอร้องให้มาช่วยมัน จะไปสนใจเรื่องอะไรอีก"
ร่างสูงโปร่งเดินไปนั่งที่ประจำของตนขายาวนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าอย่างสบายอารมณ์ เขาเพียงแค่เข้ามาฟังเพื่อนๆของเขาทะเลาะกันเฉยๆ
'เด็กนั่นเป็นใคร'
เสียงในหัวของเขาถามซ้ำๆแต่ก็เลิกคิดทันทีเมื่อมีสงครามขนาดย่อมๆเกิดขึ้นตรงหน้าเขา
"แก...ฉันจะร้องไห้แล้วนะเมื่อกี้จะออกไปห้องน้ำมีผู้ชายน่าตาน่ารักอยู่หน้าห้องของแก พอรีบเดินออกมาก็ไปชนกับใครไม่รู้น่ากลัวมากเลย แงงงง"
ปากเล็กสวดรัวๆเมื่อนาบีกลับเข้ามาในห้องได้สักพัก ใบหน้าสดใสตอนนี้กลับทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ใส่นาบี
"เอาน่าคิดมาก บริษัทฉันไม่มีนักเลงหรอกแกอีกอย่างห้องฉันอยู่ข้างๆแผนกแฟชั่นนะยะมีแต่ผู้หญิง"
"แล้วฉันเดินชนใครล่ะ"
"บริหารระดับสูงมั้ง"
ยิ่งแย่เข้าไปอีก
"จูนจะตายแน่วว"
"นี่ขอเรียกว่าจูนบ้างได้ป่าว"
นาบีทำสีหน้าจริงจัง
"ได้สิเรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ"
ยังไงชื่อก็ถูกใช้มานานแล้วแค่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครรู้เฉยๆ
"จูนคืนนี้มีงานให้ทำอีกนะ ตอนนี้ช่วยดูนี่ที่ว่าดีไหม"
"ให้ฉันดูหรอ?"
"อืมนะๆช่วยดูหรือเช็คอะไรให้หน่อยนะ ขอร้อง"
.
.
.
.
.
"ฮัน ซึงอู มึงจะปล่อยแบบนี้หรอไอ้นาบีทำเป็นที่ไหนอวดเก่ง"
ฮยอนจุนกังวลอยู่ไม่น้อยเพราะแฟชั่นที่ถูกออกแบบมาถูกปัดทิ้งแถมเงินหล่นขนาดนั้น นาบีไม่ได้เรียนบริหารมาโดยตรงคงยาก
"เขารู้ว่ากำลังทำอะไรแหละ"
คิม โยฮัน นั่งหมุนเก้าอี้เล่น เขารู้ว่าซึงอูแค่แกล้งคนปากเก่งที่ไม่ยอมเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเขา
"ล่มพอดีบริษัทกูพึ่งเปิดให้น้องแท้ๆ"
"เขารู้อยู่แล้วแหละว่าจะเป็นแบบไหน"
อูซอกพูดให้ชายซงสบายใจ แม้ว่าซึงอูจะไม่ปริปากพูดอะไรทั้งนั้นแต่เขารู้ดีเพราะอยู่ด้วยกันมานาน
"อี ฮันกยอลไปไหนอีกแล้วว่ะเมื่อกี้นั่งอยู่นี่"
"ไปเก็บงาน"
"อ่อ"
ฮยอนจุนพยักหน้าอย่างเข้าใจว่าเก็บงานคืออะไรแล้วจู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
"กูไม่แน่ใจนาบีพาใครมาด้วยว่ะกลัวจะเป็นเพื่อนที่แม่งหลอกมัน กูเจอในห้องทำงานนาบีพอดี"
"เลขาใหม่ป่าว"
โยฮันเสนอความคิดขึ้นมา
"ไม่น่าใช่เธอสวยโลลิตัวเล็กๆชุดเดรสสีขาวกูยังติดตาอยู่เลย"
"ซึงอูนั่นนะ..."
ซึงอูมองหน้าอูซอกเพื่อบอกว่าเขาเองก็จำได้ก้อนกลมๆขาวๆนิ่มๆที่วิ่งมาชนเขาช่วงที่กำลังมาประชุมตอนนั้น
"มึงเจออ่อ"
สายตาทุกคู่มองมาที่ซึงอู เขาลุกขึ้นติดกระดุมทุกเม็ดแล้วเดินออกไป
"มีประชุม"
เขาเอ่ยทิ้งไว้ก่อนจะปิดประตูไปพร้อมกับอูซอกซึ่งเป็นมือขวาของเขาเอง
"วันนี้ซึงอูพูดไป14คำ"
โยฮันนั่งนับนิ้วตัวเองคร่าวๆ ซึงอูเป็นคนขี้เกียจพูด ถ้าเขาอยากพูดก็จะพูดออกมาไม่เกิน100คำใน1วัน นอกจากทำงานที่เขาจะพูดเยอะเป็นพิเศษ
"เข้าใจนับนะมึงอ่ะ รีบกลับไปรับนัม โดฮยอน ซะด้วยมันไม่ได้เอารถไป"
ทุกอย่างก็จบลงทันที
.
.
.
...19.00...
ตอนนี้หุ้นกำลังค่อยๆประคองขึ้นสูงด้วยฝีมือเด็กสาวคนนึง ที่ใช่สมองอย่างหนักในการช่วยเพื่อนสนิทของเธอ
"ได้แล้ว!! จูนเก่งจังเลยวันหลังสอนมั้งสิไปเรียนมาหรอ"
"ฉันเป็นเด็กกำพร้านะแกไม่มีเงินไปเรียนหรอกแค่ลองจับต้นชนไปมั่วๆอ่ะ"
รอยยิ้มสดใสผุดออกมาเมื่อทำให้เพื่อนคนสวยสบายใจขึ้นมา
"ฉันส่งพี่เลี้ยงเด็กไปดูแลแล้วนะแทๆของเธอน่ะ"
"อย่าส่งใครไปเยอะนะแค่นี้พอให้คนรู้แค่นี้"
แววตาที่เป็นกังวลทำให้นาบีรับปาก ไม่รู้ว่าจูนจะกลัวอะไรแต่อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่ได้ถามออกไป
"เราจะกลับเลยไหมหรือจะให้ช่วยอะไรอีก"
บอกเลยว่าอยากตอบแทนแต่นาบีก็ให้เงินเธอตลอดบอกว่าให้เด็กๆเพราะว่าเธอชอบพวกเขา
"มีที่ๆฉันต้องไปน่ะไปต่อว่าคนที่ดูถูกฉัน ทั้งฮันกยอลทั้งโยฮัน"
นี่อาจจะเป็นคนที่ทำให้นาบียอมจ่ายหนักๆและอ้อนวอนเธอแบบสุดๆ ดวงตาที่เป็นประกายจ้องมองสายตาที่ดูโมโหและเคืองๆของอีกฝ่าย
"ไปกันไม่ไกลฉันจะพาไปเปิดโลกยามค่ำคืน"
...20.30...
ไม่ไกลเลยจริงงงงๆๆเป็นห่วงน้องๆจะแย่ แต่ถ้านาบีบอกว่าส่งพี่เลี้ยงไปก็สบายใจหน่อย
"จะพาไปไหน..."
"เข้ามาสิ้"
ทุกครั้งที่อยู่กับนาบีเธอชอบทำอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเธอรู้ว่าที่นี่คืออะไร แล้วเธอก็ยังไม่18ด้วยซ้ำ
"เข้าได้"
มือคู่สวยลากตัวเล็กเข้าไปทันที มียามสองคนท่าทางน่ากลัวยืนอยู่เหมือนไม่ให้เขา แต่เมื่อนาบีเงยหน้าขึ้นเขาก็ต่างหลบให้กันหมด จริงๆแล้วเพื่อนที่คบอยู่เป็นเด็กแบบไหนเนี้ย
"เธอนั่งนี่นะเดี๋ยวฉันมา"
"แกจะทิ้งฉันอีกแล้วหรอ"
ปากเล็กเบะเห็นจะร้องไห้ที่เวลามาสถานที่ใหม่นาบีมักหายตัวไปเสมอ
"หรือเธออยากจะเข้าไปอยู่ในห้องVVIPที่มีแต่ผู้ชายล่ะ?"
"งั้นนั่งนี่ก็ได้ เร็วนะๆ"
ที่อโคจรที่นาบีพามาคือ..."บาร์โฮส" สายตาคู่สวยมองไปรอบๆซึ่งมีผู้ชายหล่อๆมากมายและผู้หญิงหลายวัย ทั้งวัยรุ่น ทั้งแก่แล้วก็มานั่งดริ้งกับผู้ชาย
"เมื่อไหร่จะออกมาสักที...วังเวงชะมัด"
เป็นนิสัยเคยชิดของคนที่นั่งหลบเข้ามุมเธอมักจะบ่นพึมพำแบบนี้เสมอ
"ขออนุญาตนั่งนะครับ มาคนเดียวหรอ"
ผู้ชาย...มาได้ไงไม่ได้เรียกซะนิด เธอคิดในใจ
ร่างสูงโปร่งแผ่นหลังกว้างกับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดกางเกงสีดำรองเท้าหนังสีดำ..การแต่งตัวที่ปกติแต่สามารถดึงดูดสาวๆหลายโต๊ะมากๆ
"เอ่อ..ค่ะ ฉันไม่ได้เรียกนะคะ"
เธอตอบแบบเก้งๆกังๆเพราะสายตาที่เซ็กซี่กำลังไล่มองคนที่นั่งชิดมุมเข้าไปอีก เหมือนรังเกียจเขา
"หยุดมองดเวยสายตาแบบนั้นสักที"
เธอขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมหยุดมอง เธอหลบสายตาของเขามองไปที่เวทีที่กำลังร้องเพลงกันอยู่
"ทำไมล่ะครับ.."
เธอหันไปมองอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงที่ได้ยินดันชัดเจนแม้ว่าดนตรีกำลังบรรเลง
สันจมูกอันสวยกระทบกันเขากับเธออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ร่างกายที่เหมือนจะรวมกันเพราะถูกบีบเข้ามา
"จะจูบไหม"
เธอสะดุ้งตกใจหน้าที่ขาวนวลตอนนี้กลับแดงระเรื่อๆเธอรีบลุกขึ้นทันทีเพราะไม่มีที่ให้ขยับตัวแล้ว
"จะจูบไม่ใช่หรอครับ"
มือหนารั้งเอวให้นั่งลงบนตักแข็ง สายตาที่ดูตกใจไม่น้อยทำให้เขาอยากแกล้งเข้าไปอีก นี่อะไรคนที่ซื้อตัวท็อปแล้วจ่ายไม่อั้นอ่ะแต่กลับรักนวลสงวนตัวแบบนี้
"ดิ้นมากๆไม่ดีนะครับ"
ดวงตากลมโตที่จ้องเหมือนจะฆ่าเขาแต่ด้วยปากที่เม้มเเน่นๆนั่นทำให้เขาคิดว่าเธอเป็นแค่ลูกแมวที่กำลังขู่
"ปล่อยฉันสิ ฉันมารอเพื่อนนะ"
น้ำเสียงเรียบนิ่งส่งผ่านไปให้เขาทันทีหลังหยุดดิ้น เพราะถ้าดิ้นคงเจ็บตัวเปล่าๆจะร้องให้ช่วยก็ไม่ใช่เห็น
"ชื่ออะไรครับ"
ปลายเสียงนุ่มกระซิบที่ข้างหูเบาๆคางของเขาวางไว้บนไหล่เธออย่างถือดี
"ปล่อยก่อนถึงจะบอก"
เขายกยิ้มกับความฉลาดของเธอ ตัวเท่านี้เองแต่กลับรู้จักต่อลอง อายุถึงรึป่าวก็ไม่รู้
"งั้นไม่อยากรู้แล้ว"
"นายชื่ออะไร"
"จูบก่อนเดี๋ยวบอก"
เธอตีไปที่ขาแข็งอย่างอดไม่ได้ หน้าสวยไม่กล้าแม้แต่จะขยับไปไหน พอขยับเหมือนกับว่าสันจมูกของเขากำลังเล่นกับซอกคอของเธออยู่
"อะไร?"
ยังจะถามอีกงั้นหรอคนอะไรก็ไม่รู้!
"ใครจะจูบกับคนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ"
เขายิ่งนึกอยากสนุกเขาไปอีกเมื่อเห็นการต่อลองของเธอ
"รู้ชื่อจะจูบได้?"
"ไม่มีทาง"
เธอตอบแบบทันควันสายตาคู่สวยพยายามมองหาเพื่อนสนิทของเธอตลอดเวลาแต่ก็ไม่มีวี่แววจะมา
"จะเข้าห้องน้ำ"
"ไปสิ"
"มืออ่ะ"
ร่างสูงปล่อยมือที่ยังรั้งเอวอยู่ เธอหันมามองหน้าเขาแบบเคืองๆ แต่ชายหนุ่มก็ยิ้มรับเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น
"ฉันชื่อ คัง มิจู เพื่อนๆฉันเรียกจูน"
พูดจบเธอก็ออกไปทันทีโดยไม่รอให้เขาพูดอะไร ร่างสูงได้แต่มองคนตัวเล็กหายไปกับผู้คน เขาประหลาดใจนิดหน่อยที่เธอมาบอกกับเขา แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ที่เธอรักษาคำพูดแม้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเธอ
"ผู้จัดการคะ มีเอกสารให้เซ็นค่ะ"
"เดี๋ยวไป"
เขาเดินออกไปจากโต๊ะนั้นทันที เขาคงไม่นั่งรอเธอจะเดินเข้ามาหรอกเพราะรู้ว่าคงกลัวเขาไปอีกนาน
.
.
.
"ไงคะ พี่ชายสนุกไหม"
"ก็ดี"
คนที่สั่งให้เขาไปเล่นกับคนที่ทุ้มเงินเยอะที่สุด ก็คือซงนาบี เขาแพ้พนันเธอเข้าเต็มๆ แต่ก็คุ้มดี
"เห็นว่าจับเธอนั่งตักด้วยนะแล้วก็...ทำท่าจะจูบ"
"พี่ชอบแบบแก่ๆหรอ"
"เด็กเกินไปด้วยซ้ำ"
เขาที่นั่งไขว้ห้างบนโซฟาเอ่ยขึ้น
"พี่ซึงอูผิดคนรึป่าวคนที่ทุ้มเงินเยอะๆเป็นหญิงแก่ๆนะ"
นาบีตกใจสุดขีดเมื่อพี่ซึงอูของเขาบอกว่าเด็กเธอก็นึกถึงเพื่อนที่ทิ้งไว้คนเดียว
"คนที่ทุ้มมากกว่าคือเด็กผู้หญิงเดรสขาว"
อูซอกพูดเสริมแล้วยื่นไอแพตให้เธอดู ท่าทางเธอเปลี่ยนไปทันทีเพราะไม่รู้ตัวเองจ่ายเยอะกว่าหญิงคนนั้นซะอีก
"นั้นคัง มิจู เพื่อนหนูนะ!!เธอพึ่งจะ15!!!"
"ห๊ะ!! ยัยบ้าพาเธอเข้ามาในที่แบบนี้อะนะ"
โยฮันทำหน้าตกใจสุดขีด
"โช ซึงยอน ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ"
โดยปกติจะตกใจที่เห็นสาวเอาะๆมาในที่แบบนี้เพราะนี้พ่อแม่มา หมอนี่ตัวท็อปในการเข้าไปเต๊าะเลยล่ะ
"ไม่ล่ะ เด็กๆก็อร่อยดีแต่นั่นนะดูเหมือนซึงอูจะถูกใจ"
สายตานิ่งหยุดมองไปที่ซึงอู เขาเห็นทุกอย่างที่ซึงอูทำทั้งรอยยิ้มนั่นพึ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกแท้ๆ
"หยุดคิดอะไรแปลกๆเลยนะ หนูไปดีกว่าฝากบอกพี่ฮันกยอลกับดงพโยด้วย ช่วยเอาของมาคืนสักที"
ขาสวยๆเดินพุ่งตรงออกไปที่โต๊ะแล้วคว้ามือเพื่อนตัวเล็กทันที
"ขอโทษจริงๆนะ"
คนถูกลากงงกับคำพูดของเพื่อนตัวเองเธอปล่อยให้เพื่อนจูงเธออกมาจากร้านทันที
"ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ไม่เป็นไรนะไม่โกรธหรอก"
รอยยิ้มบางๆจากคนตัวเล็กส่งให้เพื่อนคนสวยของเธอ นาบียิ้มตอบกลับมา เขารู้ดีว่าฮัน ซึงอูเป็นคนยังไงเขาไม่อยากให้เธอไปยุ่งกับพี่ชายคนนั้น
"ฉันไปส่งบ้านนะ พรุ่งนี้คงไม่ได้ไปหา"
"อื้อ ขอบใจนะแกไปทำงานบ้างก็ได้เดี๋ยวหุ้นก็ร่วงอีกหรอก"
...23.00...
ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเหนื่อยหน่าย เด็กๆพากันหลับไปหมดแล้วเพราะมีพี่เลี้ยงเล่นด้วยจนดึก
ฉันปูที่นอนของตัวเองแล้วล้มตัวลง
'ผู้ชายคนนั้น...โฮสนั่นชื่ออะไรนะหล่อขนาดนั้นมาเป็นโฮสทำไม'
เธอได้แต่คิดเรื่องผู้ชายที่หยาบคายคนนั้นจนหลับไป....
^^^Comment \= เป็นกำลังใจให้กันนะ:)^^^
...19.00...
"พี่ขอโทษนะ ดันลืมกระเป๋าไว้ที่ร้าน"
"พี่กลับมาเร็วๆแล้วกันงั้นพวกผมนอนก่อนนะครับ"
"ฝากน้องทีนะแทยง"
มิจูรีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที กระเป๋านั่นมีเงินค่าข้าวของพรุ่งนี้อีก ต้องรีบไปเอา เพราะช่วงบ่ายมีคนแปลกๆมองเธอตอนทำงานพิเศษอยู่ กลัวว่าจะโดนทำร้ายเข้าอีก..
"น้อง ไปไหน"
ผู้ชายร่างใหญ่ๆเดินออกมาจากที่มืด เธอรีบหันหลังวิ่งออกไปทันทีไม่ว่าจะเรียกยังไงเธอจะไม่หันไปเด็ดขาด
"อย่ามายุ่งกับฉันนะ!! ออกไป!!"
ยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่กลุ่มชายกล้ามมัดๆก็วิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว ด้วยความสูงนิดเดียว ของเธอมันทำให้การวิ่งช้ากว่าพวกเขา
ผลั๊ก!!!!
"โอ๊ะ!..."
ทุกสิ่งก็ดับวูบไปทันที สิ่งที่เธอคิดได้ตอนนี้คือ...ใครก็ได้ช่วยฉันที
"10ล้านครับ เสนอมา10ล้าน นับ1"
"นับ2"
"100ล้าน"
"คุณผู้ชายชุดสูทดำนะครับ นับ1"
เสียงดังออกไมค์ทำให้ร่างที่ได้สติลืมตาขึ้นมา พบกับผู้คนมากมายกำลังจ้องมองเธอ ผู้ชายสูงวัยมากมายกำลังมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย ชุดสีขาวบางๆกับผมที่ถูกปล่อยยาวถึงกลางหลัง แสงบนเวทีที่ส่องให้เห็นหน้าเธอชัดเจน มากกว่านั้นผิวที่ขาวอยู่แล้วก็ยาวมากกว่าแสงไฟซะอีก
"200ล้าน"
"300ล้าน"
"300ล้านนับ1"
"นับ2"
"นับ3 ให้คุณผู้ชายชุดสูทดำนะครับ"
สายตาที่มองเห็นเป็นภาพซ้อนกันมากมายถูกผู้ชาย2คนอุ้มลงไปทันที ที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างแต่เธอรู้ว่า..นี่คือการขายของที่ผิดกฏหมายแน่ๆและเธอเป็นสินค้าชุดนึงเหมือนกัน
"ฉันมารับเธอ"
ผู้ชายผมบลอนออกไปทางเหลืองอ่อนๆกำลังใช้มือปลดโซ่
"นาย...เป็นใคร"
สายตาที่เบลอๆเห็นภาพคนๆนึงซ้อนกันไปหมด ถึงแบบนั้นเขาก็ดูหล่อจริงๆ
"อี ฮันกยอล มีปัญหาเรื่องเงินถึงขนาดมาขายตัวเลยหรอยังเด็กแท้ๆ"
เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกออกมาคลุมให้เธอเพราะชุดที่บางมากๆจนเห็นชั้นในสีขาว
"ถึงจะอดตายฉันก็ไม่มาขายหรอกนะ"
มือเล็กคลึงผมด้วยเองไปมาเพราะภาพต้องหน้าทำให้เธอมึนหัวจะอ้วกอยู่แล้ว
"เธอเป็นอะไรรึป่าว"
"ท้าย...ทอย"
จู่ๆหญิงสาวก็นอนราบไปกับพื้นห้องที่เย็นเชียบ มือแกร่งค่อยๆจับคอระหงขึ้นมาสำรวจ ตาคมเห็นรอยเขียวๆเข้าเขารู้ทันทีเลยว่าถูกจับมาขายเหมือนคนอื่นๆแต่นี่เด็กเกินไป พ่อแม่ไม่ดูแลเอาซะเลย
"ตัวเบาขนาดนี้เลยหรอ"
ชายหนุ่มอุ้มเธอไปที่รพ.ใกล้ๆทันที เขาตกใจอยู่นิดหน่อยที่คนตัวเล็กกำลังมุดอกของเขาอย่างกับเด็กๆ
...20.30...
เพราะเป็นคนมีอำนาจมากการให้ตรวจสอบของทางรพ.จึงให้เวลาน้อยกว่าคนระดับล่าง
"ถูกตีที่ท้ายทอยอย่างแรงครับ ไม่โดนจุดสำคัญอะไร"
ฮันกยอลโล่งใจไปนิดนึงที่เธอยังไม่ตาย
"แล้วที่ให้ไปตรวจภายใน ผลออกมาแล้วครับ"
คุณหมอยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลส่งมาให้ฮันกยอล นี่คือสิ่งที่ต้องเช็คกับสาวน้อยคนนี้ มือหนาเปิดซองออกดูทันที
"ยังซิงอยู่"
ฮันกยอลเก็บเอกสารกลับไปที่เดิมก่อนจะคำนับให้คุณหมอแล้วตรงไปหาเธอ
คนตัวเล็กที่หลับอยู่บนเตียงในชุดคนไข้ ฮันกยอลที่พึ่งมาถึงก็กวาดสายตาไปรอบๆก็สะดุดกับนายของเขาเข้า
"ไม่คิดว่าจะมานะครับ นี่ครับที่คุณอยากรู้"
ชายหนุ่มยื่นเอกสารให้กับร่างที่ยืนมองคนป่วยอยู่ข้างเตียง ใบหน้าที่เปิดดูเอกสารในซองและเก็บกลับที่เดิมไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไป
"คัง มิจู เจอกันทั้งทีเซอร์ไพรส์จริงๆ"
เจ้านายโยนเอกสารให้มือขวาของเขาทันทีก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ฮันกยอลแปลกใจมากที่ปกติแล้วคนๆนี้จะพูดไม่ถึง10คำถ้าเป็นคนไม่รู้จัก ขนาดตัวเขาเองยังยากที่จะฟังคำสั่งจากปากเขาโดยตรง
ไม่นานนักหนังตาที่ปิดค่อยๆลืมตาขึ้นร่างกายที่ปวดเมื่อยไปหมด ห้องสีขาวสะอาดกับกินน้ำยาล้างแผลฟุ้งไปทั่วพื้นที่
"พามาโรงพยาบาลหรอ.."
เธอพยุงตัวขึ้นพิงกับหัวเตียง สายตาทอดมองไปที่โต๊ะข้างหน้าต่างเห็นคนๆนั้นเธอจำเขาได้ คุณอี ฮันกยอล
ใบหน้าได้รูปกำลังนั่งหลับตาชุดที่ถูกเปลี่ยนมาใหม่ดูไม่เป็นทางการแต่กลับหล่อมากๆ ใบหน้าแบบนี้บนโลกคงหายากไม่น้อยเลย
ไม่รู้ว่าจ้องคนตรงนั้นนานแค่ไหน จู่ๆเขาก็หันมาหาเธอทันทีที่ลืมตา แววตาคมจ้องมองตาใสๆของเธอจนเธอต้องหลบตาลงมองที่อื่นแทน
"ตื่นแล้วหรอ หิวน้ำไหม"
ร่างสูงเดินมารินน้ำให้เธอทันที เธอรับไว้กำลังจะเงยหน้ากระดกแต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดทันที
"คุณมีหลอดไหมคะ..คือว่า.."
เธอไม่กล้าจะพูดอะไรต่อเพราะสายตาที่ตั้งใจฟังเธอมากชนิดที่ว่าการมองของเขากลายเป็นการจ้องซะมากกว่า
"ปวดคอสินะ อ่ะนี่ค่อยๆล่ะ"
เขามองเธอดื่มน้ำจนเสร็จใบหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งแต้มอะไรเลย ผิวที่ขาวเกินเหตุกับดวงตาที่ใสและเป็นประกาย เขารู้ทันทีเลยว่าเด็กคนนี้เป็นคนยังไง
"แล้ว..มิจูต้องทำอะไรอีกคะ ต้องรับใช้ไหมมิจูมีน้องที่ต้องเลี้ยง"
"ไม่รู้ครับผมแค่เป็นคนดูแลชั่วคราวรอคนที่เขาซื้อคุณมาดีกว่านะ"
"มิจู...เป็นห่วงน้องของมิจูค่ะต้องกลับไปก่อน"
สีหน้าและแววตาที่เป็นกังวลมากฮันกยอลมองดูคนตัวเล็กที่ก้มมองมือตัวเองตลอดเวลาเหมือนกลัวเขา
"น้องคุณ?..ยังเด็กหรอครับทราบรายละเอียดได้ไหม"
"เด็กกำพร้าค่ะ..มิจูเป็นเด็กกำพร้ามีน้องๆอีกหลายคนที่ต้องดูแลคนรองจากมิจูแค่9ขวบเอง...ขอร้องล่ะค่ะ"
ฮันกยอลเดินออกไปทันที ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะต้องเดินออกไปเลยหรือว่ารอก่อนดีแล้วเขาจะกลับเข้ามาตอนไหนอีก
"ส่งพี่เลี้ยงไปให้แล้วครับ ไม่ต้องห่วงแล้ว"
เขากลับเข้ามาใช้เวลาเพียงชั่วครู่ รู้จักที่บ้านเธอได้ไง?
"นายผมอยู่สูงกว่าทุกอย่างแค่ชื่อคุณเขาก็รับรู้"
ไม่แปลกหรอก300ล้านเงินขนาดนั้นที่เธอหาทั้งชาติตายแล้วเกิดใหม่ยังหาไม่ได้เลยนับประสาอะไรกับอีแค่ที่อยู่เด็กกำพร้าคนนึง
"แล้ว.."
"พักผ่อนเถอะครับพรุ่งนี้ผมจะพาไปส่ง"
ฮันกยอลประคองคนตัวเล็กให้นอนลง ผ้าห่มสีขาวถูกดึงขึ้นถึงหน้าท้อง ใบหน้าเรียบนิ่งที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน เขายิ้มบางๆให้เธอก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาที่ห่างออกจากเตียงไม่ไกล
.
.
.
.
ปัง ปัง ปัง!!
เสียงปืนดังสนั่นจากบริเวณนึง มีผู้คนล้มตายจำนวนมากทางซอยเปลี่ยวในยามค่ำคืน ไม่มีใครโผล่ออกมานอกบ้านได้ในยามนี้
"เก็บให้หมด"
เพียงคำสั่งของชายที่นั่งอยู่บนกล่องไม้เก่าๆ
ทำให้ลูกน้อยระดมสาดยิงแบบไม่ยั้ง
"อูซอกฝากด้วย ฉันยังทำงานไม่เสร็จ"
"ซึงอู ฝากไปดูดงพโยที"
อูซอกพูดทิ้งท้ายก่อนจะหายเข้าไปในที่มืด
...03.00...
ฮันกยอลที่พึ่งกลับมาจากการทำงานก็ตรงไปที่รพ.ของเด็กคนนั้นทันที
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูอย่างเบามือกลัวว่าคนป่วยจะตื่น ตาคมมองไปที่เตียง แสงจันทร์ที่ลอดเข้ามากระทบกับใบหน้าที่กำลังหลับราวกับเจ้าหญิงจากเทพนิยาย ฮันกยอลยืนมองภาพตรงนั้นอยู่ครู่นึง
'มองอะไรว่ะ'
เสียงจากหัวของเขาดังขึ้นก่อนจะกลับไปนอนบนโซฟาเหมือนเดิม
...08.00...
"ห๊าวววว~~สายขนาดนี้แล้วหรอเนี้ย"
คนตัวเล็กเอาขาห้อยลงข้างเตียงเพราะความสูงแค่155ของเธอทำให้ขานั่นแตะพื้นไม่ถึง
"คุณฮันกยอลคะ.."
เธอเอ่ยเรียกชายที่กำลังหลับพริ้มอยู่บนโซฟา มิจูนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้างๆเขา
"คุณฮันกยอล..."
ถึงจะอยากให้เขาตื่นแต่ตัวเองกลับพูดอย่างกับกระซิบ เธอตัดสินใจเดินไปหยิบผ้าห่มที่เตียงมาคลุมให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่อย่างเงียบๆ
ร่างเล็กๆเดินไปทั่วห้อง ก่อนจะนั่งลงกับโต๊ะพร้อมกับนิตยสารเล่มนึง จะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้จะหาว่าได้เงินแล้วหนี จะไปปลุกก็เกรงใจจะแย่ นั่งอ่านอะไรเพลินๆไปก่อนแล้วกัน
ไม่นานคนที่โซฟาก็รู้สึกตัวตาคมมองผ้าห่มที่เป็นของคนป่วย แต่มันกลับมาอยู่บนตัวเขา เขาเดินไปนั่งตรงหน้าเธออย่างเงียบๆ
"อ๊าา...ตกใจหมดคุณฮันกยอล"
คนตัวเล็กเอามือทาบอกสีหน้าของเธอบ่งบอกว่าตกใจจริง
"ทำไมไม่หนีหรอครับ"
ตั้งแต่ฮันกยอลมีหน้าที่ดูแลเด็กที่ซื้อมาส่วนใหญ่ไม่หนีไปก็จะว่านเสน่ห์เขาอยู่ แต่เธอคนนี้ไม่ใช่สักอย่าง
"ซื้อจูน..เอ้ย!..มิจูมาไม่ใช่หรอคะถึงโดนจับไปแต่คุณก็ใช้เงินช่วยฉันออกมาตั้งเยอะฉันไม่กล้าหนีหรอกค่ะ"
รอยยิ้มใสซื่อที่เขาอยากเก็บเอาไว้จริงๆ...เธอคงไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง
"เป็นคนดีขนาดนี้เลยหรอ"
"อื้อ..เพราะว่าถูกเลี้ยงมาแบบนี้แม่ใหญ่บอกว่าถ้าเป็นคนดีจะมีคนรับไปเลี้ยงเป็นลูก^^"
ตาคมหลบตามองทางอื่น เขารู้ดีว่าถ้าทำดีใครๆก็จะเอ็นดู...แต่ไม่เลย...ไม่ใช่กับเขาเลยสักนิดเป็นคนดีแทบตายก็แพ้เงินอยู่ดี
"งั้นนี่ก็เหมือนการรับเลี้ยง น้องๆของเธอมีพี่เลี้ยง
แล้วฉันบอกไปแล้วว่าเธอสบายดี"
"ขอบคุณค่ะ"
"อื้อ จูน..เอ่อ..เรียกแบบนี้ได้รึป่าว"
คนตัวเล็กเก็บหนังสือแล้วหันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆ
"ไปอาบน้ำแต่งตัว เราต้องไปกันตอน10โมง"
"คุณฮันกยอล..เอ่อ..ชุดน่ะค่ะ"
นิ้วเรียวชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะปล่อยเธอไว้ให้จัดการกับตัวเอง
'เสื้อผู้ชายไม่ใช่หรอ..'
เธอคิดในใจแต่ก็ยอมใส่ ดีที่กางเกงไซต์เธอพอดี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามาเลยค่ะเสร็จแล้ว"
เธอใส่ทุกอย่างที่กองไว้กับเสื้อผ้าแม้กระทั่งโซ่สร้อยคอสีทอง
"หึ.."
ฮันกยอลหันหลังพร้อมกับกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ เขากะว่าจะเข้ามาเอาสร้อยคอสักหน่อยแต่ยัยคนนี้กลับใส่สบายใจเหมือนเครื่องประดับตัวเอง
"มันตลกหรอคะจูนแปลกๆหรอก็เสื้อมันใหญ่"
เธอพูดนู้นพูดนี่ไปทั่วเมื่อเห็นเขาทำหน้าเหมือนจะหัวเราะเธอ
"ป่าว ไปกันเหอะ"
"ไม่ได้แปลกจริงๆหรอคะ"
ใบหน้าที่ทำท่าสงสัยที่ร่างสูงยังกลั้นขำอยู่ มันต้องแปลกมากแน่ๆเขาถึงมองแล้วจะขำแบบนั้น
"ป่าว ไปได้แล้ว"
"แล้วขำอะไรคะ"
ร่างเล็กยังยืนถามเป็นเด็กๆ ยิ่งทำให้เขาอยากจะแกล้งเธอแต่มันไม่ใช่เวลาหรอก
"น่ารักดี โทษทีนะแถวนี้ไซต์ผู้หญิงดันหมดนี่ตัวเล็กสุดแล้ว"
เขาไม่ตอบคำถามอีก ขายาวๆเดินนำหน้าคนตัวเล็ก ที่ทั้งวิ่งทั้งเดินสลับกันไป 'ขาสั้นจริงๆเลย' เขาบ่นในใจแต่ก็คอยมองด้วยหางตาอยู่ตลอด ถ้าหลงไปคงลำบากเขาอีกแน่ๆ
"ขึ้นรถ"
เธอขึ้นตามอย่างว่าง่าย เหมือนหลอกเด็กไปขายยังงั้นแหละ
"นี่..ไกลรึป่าว"
"แปบเดียว"
ฮันกยอลนั่งข้างๆเธอ แววตาที่เหนื่อยล้ากำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ เขาหันไปมองเป็นระยะๆกลัวว่าหัวจะโขกกระจกอีก ยัยเด็กคนนี้คาดเดาไม่ได้
ปั๊ก!!
'นั่นไงทำไมไม่ถูกเหมือนหวยวะ'
"อุ้ยย..."
"นอนก่อนก็ได้ไม่ต้องฟืนขนาดนั้นถึงแล้วเดี๋ยวปลุก"
"ไม่เอา"
เธอตอบแบบห้วนๆก่อนจะหันไปมองข้างทางอีกครั้งเหมือนกำลังท่องอะไรสักอย่างตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่กล้าถามถ้ายัยเด็กนี่เล่นของขึ้นมาเขาอาจจะตายได้
'ตายด้วยลูกปืนยังจะดีกว่าอีก'
ปราสาท(ใหญ่เกินบ้าน)
เธอลงมาพร้อมฮันกยอล จะเป็นชายแก่ๆรึป่าวนะถ้าเขาลามกชอบเด็กๆล่ะ ถ้าเป็นพวกซาดิสใช้อย่างกับทาสล่ะ..ตายแน่ๆไม่เอาอะไรทั้งนั้น
"ทำหน้าแบบนั้นคืออะไรครับ"
เขามองหน้าที่เปลี่ยนไปมา108หน้าใน1นาทีเลยทีเดียว
"กลัวค่ะ"
เขายิ้มกับความตรงไปตรงมาของเธอ ไม่ได้เจอคนที่กล้าพูดความรู้สึกตรงๆแบบนี้มานานแล้วยิ่งเป็นเด็กอย่างเธอก็ดูใสซื่อดี
"ไม่ต้องกลัวหรอกครับเอาเป็นว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณนะ"
เอาวิธีปลอบใจคนมาใช้ซะเลย
"โอเคค่ะ จูนพร้อมแล้ว"
เท้าเล็กเดินตามหลังฮันกยอลไปห่างๆ แม่บ้าน คนใช้เต็มไปหมด ทุกคนพร้อมโค้งให้ร่างสูงราวกับเป็นเจ้าชายของที่นี่ เมื่อเดินไปสักพักเขาก็หยุดที่ห้องโถงใหญ่
"มาแล้วครับ"
ใจหล่นไปที่ตะตุ่มแล้ว ความกลัวก็แล่นขึ้นสมองทันที มือเท้าเย็นไปหมดไม่กล้า...กลัว
"นี่..ไปเถอะฉันส่งแค่นี้นะบาย"
ทิ้งกันง่ายๆเลยหรอ!!! รอยยิ้มบางๆเป็นคำลาก่อนจะเดินหายไป ทิ้งฉัน...ทิ้งเป็นขยะอันตรายเลยนะ
"จะยืนอีกนานแค่ไหน รากงอกเลยรึป่าว หรือต้องให้ฉันลุกไป"
เสียงทุ้มที่มีเสน่ห์ทำให้จูนอุ่นใจไปได้นิดนึง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตาแก่ลามก
เธอตัดสินใจเดินตรงไปหาคนปากร้ายทันที
"..นะ...นาย..นายโรคจิตนั่น!.."
เหมือนจะซวยซับซ้อนดันไปเจอเข้ากับคนที่อยู่ในบาร์ ไม่ใช่ตาแก่ลามก แต่เป็นไอ้หน้าหล่อลามกแทน จะบอกว่าไม่หล่อก็ไม่ได้ พอไม่มีแสงไฟหวือหวาแล้วเขาหล่อเป็นเท่าตัว
"ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ อุส่าห์ไปซื้อโฮสทำไมมาขายเองซะล่ะ"
ร่างสูงที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้กินข้าวอย่างสบายอารมณ์
'ไม่ใช่โฮสแล้วเป็นใครเนี้ยแถมรวยมากด้วย"
"ต้องการอะไร"
เสียงหวานเอ่ยถามชายตรงหน้า
"ซื้อเธอมาเพื่ออะไรล่ะ แล้วถ้าฉันไม่ซื้อมีคนซื้อไปคิดว่าเขาให้เธอเป็นอะไร?"
คำถามเชาว์รึไงกันนะ แน่นอนว่าที่แบบนั้นก็ต้อง..sex เขาต้องการsexจากเธองั้นหรอ บ้ารึป่าวอายุ15เองนะฉันยังไม่พร้อม
"รู้แล้วสิ"
"จูนยังเด็กเกินไปที่คุณจะทำแบบนั้น"
"ถ้าฉันจะทำใครจะทำไม ยังซิง ไม่ใช่หรอ"
เขาอยากได้จริงๆซะด้วย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ทำให้หัวเธอหมุนติ้วไปหมด
"อยากได้ขนาดนั้นเลยหรอ..."
เสียงหวานที่เมื่อกี้ดังๆกลับค่อยๆเบาลง ร่างสูงนึกสนุกทันทีที่เห็นว่าเธอหน้าเสีย
"ใครๆก็อยากเปิดซิงเด็กกันทั้งนั้น"
"..."
'ทำไงดี ทำไงดี คังมิจู เธอจะมีสามีตอน15ไม่ได้นะ ไม่สิคู่นอนมากกว่า'
"เงียบทำไม ไปรอบนห้องสิ"
"พากย์ผู้เยาว์ผิดกฎหมายนะ "
ร่างสูงเปลี่ยนท่านั่งก่อนที่จะหันไปจ้องตากับเธอแบบจังๆ
"คิดว่าฉันกลัวกฎหมายหรอ"
สายตาดุดันมาก มากจนเธอก็มองไปทางอื่นไม่รู้จะแก้ตัวอะไรดีกลัวก็กลัว จะให้ใครช่วยก็ไม่ได้นี่มันบ้านเขา
"ระวังหุ้นหล่น"
ร่างสูงยิ้มอย่างพอใจ เธอยกหุ้นของเขาขึ้นมาขู่แววตาเป็นประกายกับรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะเจ้าเล่ห์ขึ้นมา รวมๆแล้วก็แค่แมวขู่
"โอเค ฉันยอมในความฉลาดของเด็กกำพร้าคนนึงล่ะนะ"
เขาไม่อยากต่อลองไปมากกว่านี้ เขาแค่ลองหาอะไรแกล้งเล่นเฉยๆแต่ผลลัพธ์ออกมาก็น่าแปลกใจนิดหน่อย
"แล้วให้จูนมาทำอะไร"
'เด็ก3ขวบชัดๆ' การเรียกชื่อตัวเองตลอดเวลาแบบนี้อ่อนแอเกินไป
"แทนตัวเองว่าฉันก็ได้เหมือนที่บาร์ไง"
"ก็ได้ แล้วจะให้ฉันทำอะไร"
"เป็นเมีย"
"ห๊ะ?!!"
'เดี๋ยวก่อนนะพึ่งบอกไปว่ายังเด็ก..'
"เป็นเมียก็เป็นเมียรึอยากเป็นนางโรมให้พวกลูกน้องข้างนอก"
แววตาที่เหมือนกระต่ายตื่นตูมทำให้เขาสนุกเข้าไปอีก
ยิ่งเห็นคนตัวเล็กเลิ่กลักก็ยิ่งสนุก
"แต่ว่าฉัน15นะ! นายอะอายุเท่าไหร่เหอะคุณลุง"
คนตรงหน้าที่ทำปากมุบมิบๆอย่างไม่สบอารมณ์
"อายุเท่าไหร่ก็เป็นผัวเธอได้"
พัง.....พัง...อะไรเนี่ย จูนเม้มปากแน่ แก้มสวยเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
"ขี้เกียจจะเถียงคุณแล้วนะ"
"มาใกล้ๆเดี๋ยวบอกอายุให้"
มือเรียวกระดิกนิ้วเบาๆสองที ท่าทางเซ็กซี่กับรอยยิ้มที่สาวๆเห็นก็ต้องรุมล้อม
"อ่ะ..บอกมา"
"ใกล้อีก ถามเรื่องอายุเสียมารยาท"
เท้าเล็กเดินเข้าไปใกล้เขาจนยืนอยู่ขอบเก้าอี้แล้ว แม้ว่าเขานั่งอยู่แต่ก็สูงเกือบครึ่งตัวของจูนได้
หมับ! พรึบ
"เด็กน้อย"
มือหนาดึงคนตัวเล็กลงมานั่งบนตักเขาทันทีเพียงแค่ออกแรงนิดเดียวเธอก็เซแล้ว
"ปล่อยนะ ขี้โกงนี่"
เอวบางกำลังโดนคุกคามโดยมือหนาที่กำลังสอดเข้าไปใต้เสื้อของเธอ
"บอกอายุมาอย่าขี้โกง ฉันยังบอกชื่อคุณเลย"
คิ้วสวยขมวดยุ่งไปหมดทั้งมือที่รวดเร็วแล้วยังมีใบหน้าที่ซุกไซร้ซอกคอไปทั่ว มือเรียวทั้งปัดทั้งดันแต่ก็ไม่สำเร็จ
"25"
ร่างสูงตอบสั้นๆเพราะมัวแต่สนใจซอกคอขาวๆนี่อยู่ กลิ่นแชมพูและกลิ่นเจลอาบน้ำตีกันหอมไปหมด ยิ่งจมูกได้กดลงไปดอมดมก็ยิ่งอยากสัมผัสไปทั่วตัว
"หยุดก่อน..ไม่เล่นนะคะ"
เสียงนิ่งๆของเธอไม่สามารถหยุดผู้ชายคนนี้ได้ มือหนาเริ่มบีบสะโพกเล็กอย่างสนุกมือ
'น่าแปลกที่เด็กอายุ15โตเร็วขนาดนี้'
"ชื่ออะไร"
เธอหลุดออกจากพันธนาการของคนตัวสูงได้จึงรีบถอยออกไปไกล
"เคยบอกแล้วถ้าอยากรู้ให้จูบ"
"ไม่อยากรู้แล้ว"คำตอบที่สวนออกมาทันที ปากที่ยื่นออกมาเหมือนไม่พอใจ แก้มแดงๆที่ไม่รู้ว่าโกรธรึเขินกับการกระทำเมื่อกี้กันแน่
"มากินข้าวก่อน"
สายตาที่ตื่นตัวตลอดเวลาจ้องมองมาที่ชายโรคจิต ใส่ยารึป่าวก็ไม่รู้
"แล้วแต่"
"กินก็ได้ ขี้เกียจทะเลาะ ทะเลาะด้วยแล้วเหนื่อยข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน"
สุดท้ายก็ต้องมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับเขาอยู่ดี แม้ระยะห่างจากเขาถึงเธอเกือบเป็นเมตรก็เถอะ
อีกมุมห้องนึงที่กำลังแอบมองคุณชายของบ้านอยู่
"ดูท่าจะสนุกอยู่คนเดียวเลยเนอะ"
"เจอของที่ถูกใจเข้าแล้วล่ะมั้งครับ"
^^^Thank u to read it :)^^^
^^^Comment\=❤^^^
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!