1 แรกเริ่ม
ในห้องนอนเล็กๆ ยามเช้า มีร่างหญิงสาวอรชร นั่งมองภาพสะท้อนในกระจกสีทองขุ่นมั่ว "เฮ้อ......5ปีแล้วสินะ" นางบ่นพึมพำกับตัวเอง
ย้อนกลับไปเมื่อ5ปีก่อน นิดา เพิ่งเรียนจบ เธอนำเงินเก็บที่สะสมมาตอนสมัยเรียน เพื่อมาเที่ยว ก่อนเข้าสู่ชีวิตการทำงาน คงไม่มีเวลามาเที่ยว
ระหว่างเดินอยู่ในกลุ่มทัวร์ใน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ได้เก็บรักษาสิ่งสะสมอันทรงคุณค่าและโบราณวัตถุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ทำจากสำริด กระเบื้องหายาก งานฝีมือจากหยก และงานศิลปะ ระหว่างชื่นชมของสวยๆ งามของเครื่องประดับ เธอสะดุดขาตัวเองล้ม พอตื่นขึ้นมากก็มาอยู่ในร่างของคุณหนูสี่ "หลิวอี้เฟย" ลูกสาวคนสุดท้องของราชครู หลิวอี้สง แม่ของนางเป็นแค่อนุ พอคลอดนางก็สิ้นใจ
"เฮ้อ......"หลิวอี้เฟย ถอดหายใจรอบที่ ร้อยแปด
"คุณหนูค่ะ วันนี้ตื่นแต่เช้าเลย นี้น้ำล้างหน้าเจ้าค่ะ"สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มถือ อ่างน้ำเข้ามา ซิงซิง คือชื่อนาง
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา ก็มี ซิงซิง อยู่ข้างกายมาตลอด คุณหนูสี่ของนางเดินตกบันได สลบไปสี่วัน แต่คนที่ตื่นมาคือ นิดา ผ่านมา5ปี นิดาจึงต้องยอมรับชะตากรรมที่จะต้องอยู่ในร่างนี้ ได้แต่นั่งถอนใจ เพราะคิดถึงบิดามารดา
"คุณหนูวันนี้จะอาบน้ำมั้ยเจ้าค่ะ เดี๋ยวซิงซิงยกอ่างมาให้"
"อาบทำไม อากาศหนาวจะแย่"หลิวอี้เฟย มองค้อนไปเต็มวง "ไม่อาบก็หอมจะแย่อยู่แล้ว จริงๆ อยากไปคลุกขี้ดินหน้าจวนด้วยซ้ำ ไอ้อ๋องบ้ากามนั้นจะได้ถอนหมั้น"
ใช่แล้ว วันนี้ว่าที่คู่หมั้นจะมาดูตัว คู่หมั้นของร่างนี้คือ ท่านอ๋องสาม อ๋องที่มีฉายาว่าเจ้า สำราญ มีอนุมากมาย มีบุปพางดงามมากมายในจวน
"โถ่ คุณหนู อย่าทำให้นายท่านลำบากใจเลยเจ้าค่ะ" ซิงซิงได้แต่นั่งสายหน้า เพราะนางรู้ดีว่า คุณหนูสี่ตัวแสบของนางคงจะทำแบบที่พูดจริงๆ
ใช่ตาแก่หลิวอี้สง จะรักและเอ็นดูนางนักหรอก ที่ให้นางหมั้นกับอ๋อง เพิ่อสร้างฐานอำนาจให้ตัวเองมากกว่า จริงๆ หลิวอี้สงเกลียดนางเข้าใส้เลยต่างหาก ตลอด5ปีที่ผ่านมา นิดาใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้อย่างยากลำบาก เป็นถึงคุณหนูสี่ บุตรสาวราชครูแต่อยู่ในเรือนท้ายจวน มีสาวใช้แค่หนึ่งคนคือซิงซิง นัยจะถูกพวกยัยแก่แร้งทึ้งฮูหยินกับ แม่นมหาเรื่องรังแกไม่เว้นแต่ล่ะวัน
"ใช่ แล้วหนี" พอนึกได้ถ้ามือบางๆ สีขาวราวหิมะทุบลงที่หน้าขาตัวเอง
"อีกแล้วเหรอเจ้าค่ะคุณหนู คราวก่อนเจอโบยไม่เข็ดอีกหรือ" ซิงซิงได้แต่ส่ายหัว
"คราวนี้สำเร็จแน่นอน เจ้าไม่ต้องห่วง คราวนี้ข้าวางแผนมาดี "หลิวอี้เฟย ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา 2-3วันมานี้นางเดินจดเวลาเวรยาม รอบกำแพงไว้หมดแล้ว คราวนี้ล่ะต้องหนีไปให้ได้
@@@@@@@@@@@@@@
ลองเปิดใจอ่านดูนะคะ ท้วงติงได้ค่ะยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น
เรื่องคำผิดหลังจากอัพจบแล้วจะกลับมาแก้ไขและรีไรท์นะคะ
ขอบคุณรีดทุกๆๆ ท่านค่ะ
2 แรกพบ
พอซิงซิงเดินออกจากเรือนไป หลิวอี้เฟยรีบเดินไปยังด้านข้างของเตียงนอน แกะแผ่นไม้มุมข้างเตียงออก ตั๋วเงินที่นางแอบสะสมเอาไว้มาตลอด 5ปี ถึงจะไม่มากมาย แต่ก็คงพอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ อยู่ที่นี้ทั้งถูกรังแกจากพวกยัยแก่แร้งทึ้ง บ่าวไพร่ไม่ให้ความเคารพ สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
หันซ้ายหันขวา อยู่ข้างกำแพง เอาไงดี พอมายืนใกล้ๆ สูงใช่ย่อย สูงขนาดนี้จะบีนยังไง จดเวลาเวรยามมาอย่างดี แต่ดันมาเจอกำแพงมุมที่ สูงที่สุดในจวน จะบีนออกยังไงล่ะ หลิวอี้เฟยได้แต่ยืนถึ้งหัวตัวเอง อยากจะตะโกนแหกปากระบายอารมก็กลัวจะมีคนได้ยิน
"สำเร็จมั้ยเจ้าค่ะ" หลิวอี้เฟยสะดุ้งสุดตัว เมื่อหันไปมองตามเสียง เป็นซิงซิงสาวใช้ประจำตัวของนางนั้นเอง "เฮ้อ เจ้านั้นเองตกอกตกใจหมดเลย "
"ซิงซิงว่าคุณหนูกลับไปเตรียมตัวดีกว่าเจ้าค่ะ" สาวใช้พูดไปลากแขนเจ้านายตัวแสบไปด้วย ตั้งแต่นางตื่นมาจากล้มหัวพาดพื้น เมื่อ5ปีก่อน จากคุณหนูสี่ผู้เรียบร้อย พูดจาอ่อนหวานงดงาม กลายเป็นแก่นแก้ว แสบทรวง พูดจาวาแปลกๆ แต่นางแสดงออกแต่ตอนอยู่กับซิงซิงเท่านั้น
"เฮ้อ ไอ้ข้าก็ลืมไปว่ากำแพงมันสูง บันไดลิงก็ไม่ได้เตรียมมา แล้วจะทำไงดีล่ะซิงซิง ข้าไม่อยากเจออ๋องบ้ากามคนนั้น" หลิวอี้เฟยได้แต่นั่งตัดพ้อ
"ซิงซิงว่า คุณหนูเตรียมตัวจะดีกว่าเจ้าค่ะ ใกล้ได้เวลาแล้ว "
"ในเมื่อไม่มีทางเลือก อยากเจอก็จะให้เจอ"
"คุณหนูคงไม่ได้วางแผนอะไรแปลกๆ ไว้ใช่มั้ยเจ้าค่ะ"
หลิวอี้เฟยไม่ตอบสาวใช้ ได้แต่ยิ้มยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย บอกไปก็ไม่สนุกสิ
ที่เรือนรับรอง คนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธาน หลิวอี้สง ราชครูแห่งแค้วนหยาง เก้าอี้ข้างๆ กันคือฮูหยินใหญ่ หลิวเจียวมี่ และคุณชายรองหลิวอี้ฝาน คุณชายคนเดียวของตระกูล แล้วที่ยืนเหมือนไร้ตัวตนอยู่ คือ หลิวอี้เฟย นางใส่ชุดสีขาวขลิบฟ้า สายคาดเอวสีน้ำเงิน ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
โอ้ยยยยย เมื่อไรอิตาบ้ากามนั้นจะมา ข้าอึดอัด ยัยแก่ฮูหยินก็ไม่ยอมให้ข้านั่ง ให้ยืนรอจะปวดขาไปหมดแล้ว
ท่านอ๋องเสด็จ เสียงบ่าวหน้าเรือนรับรอง เมื่ออ๋องสามเดินเข้ามาในห้องโอ้วแม่เจ้า หล่อลากดิน หล่อโอป้ามากค่ะคุณพี่ขา อี้เฟยยืนตะลึง มาอยู่โลกนี้ได้5ปี เพิ่งเจอคนหล่อขนาดนี้ สูง180 ผิวขาว หน้าเนียนมาก
ท่านอ๋องสาม เหมือนเห็นหน้าของหญิงสาวที่ยืนตะลึง อยู่ในพะวง จึงยิ้มหวานตอบ ทำเอาอี้เฟยได้สติทันที
ก้มหน้าก้มตา ด่าตัวเองในใจ ที่เผลอปล่อยไก่ให้ อิตาอ๋องบ้ากามหัวเราะเยาะเอา
อ๋องสามหยางชงอวี้ ได้ชื่อว่าอ๋องเจ้าสำราญ เข้าออกหอโคมเขียวเป็นว่าเล่น มีอนุถึงสามคน แต่ยังไม่ได้แต่งพระชายา
หลิวอี้สง รีบลุก ให้อ๋องหยางชงอวี้นั่งเก้าอี้ประธาน
"หลังจากมีราชโองการประทานสมรสของเปิ่นหวางกับคุณหนูสี่ตะกูลหลิวเมื่ออาทิตก่อน วันนี้เปิ่นหวาง จึงมาของดูหน้าว่าที่พระชายาซักหน่อย คงไม่เป็นการรบกวน"
"ไม่เลย ไม่เลย ข้าน้อยยินดีเสียด้วยซ้ำไปที่ท่านอ๋องมาเยือน" หลิวอี้สง รีบประจบออกนอกหน้า หลิวอี้เฟยได้แต่ยืมก้มหน้าอยู่ท่าเดิม จนฮูหยินเดินมายืนข้างๆ แล้วหยิกเอว
"หลิวอี้เฟย ถวายพระพรท่านอ๋องเพค่ะ" ยิ้มเอียงอายเล็กน้อย พร้อมถอนสายบัวอย่างงดงาม
หยางชงอวี้ ยิ้มกว้าง ตามประสาหนุ่มเจ้าเสน่ห์
เฮอะ นางก็เหมือนลูกสาวตะกูลขุนนางทั่วๆ ไปนั้นล่ะ มีดีแค่สวย เรียบร้อย ได้ข่าวว่านางนั้นเรียบร้อย เพียบพร้อมทุกด้าน ส่วนราชครูก็หวังให้เค้าเป็นฐานสร้างอำนาจหน้าที่
"อายุเท่าไรแล้วล่ะ"
"18 ปีเพค่ะ" หลิวอี้เฟย งุนงงถามคำถามบ้าบออะไรเนี้ย
"แล้วทำไมถึงยังไม่ออกเรือน บุตรสาวบ้านอื่นเค้า16ปีก็ออกเรือนแล้ว " หยางชงอวี้ ถามด้วยน้ำเสียงปนขำ
ฮูหยินรีบตอบ อย่างไว" นางร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ตอนนี้หายดีแล้วเพคะ"
หลิวอี้เฟยได้แต่ยืนขำในใจ ใครบอกนางร่างกายไม่แข็งแรง หากไม่แข็งแรงจริงคงอยู่ไม่รอดมาถึงวันนี้หรอก ตลอด5ปีมานี้ นางพยามหนีออกจากจวนมาไม่รู้กี่ครั้ง ถูกจับได้ทุกครั้งก็เจอโบย ใต้ร่มผ้าเนื้อแตกมาไม่รู้กี่รอบแล้ว 55555555555 คิดแล้วก็แอบภูมิใจตัวเอง
"เปิ่นหวางยังไม่อยากมีพระชายา" หลิวอี้สงกับฮูหยินได้ฟังแล้วก็ตกใจ ไม่น้อย
"แต่ เป็นราชโอการ ประทานสมรสนะท่านอ๋อง จะขัดไม่ได้" ราชครูหลิวอี้สงรีบตอบสวนออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าถอดสี
"แล้วยังไง? ใครจะบังคับเปิ่นหวางได้ หากเปิ่นหวางไม่อยากแต่งคือไม่แต่ง" เฮอะ อยากให้ข้าเป็นบันไดบีนขึ้นไปสินะ ไอ้แก่ราชครู
หลิวอี้เฟย ที่ยืนพยายามกลั้นหัวเราะอยู่มุมห้อง ในที่สุดก็ทนไม่ไหว หลุดขำมาเบาๆ ถึงจะไม่ดังมากนัก แต่ก็ทำให้ทุกคนในห้องหันมาที่นาง
หยางชงอวี้ เลิกคิ้วเล็กน้อย น่าสนใจ
"เปิ่นหวาง มีธุระ วันนี้ขอตัวก่อน" พูดจบก็เดินออกไปเลย ราชครูหลิวอี้สง ฮูหยินใหญ่และหลิวอี้ฝาน ยังไม่ได้ทันกล่าวอันใด
พอทุกคนได้สติก็หันกลับมาที่ ตัวต้นเหตุ จะเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจากหลิวอี้เฟย ที่ยืนเอามือพยายามปิดปากกลั้นหัวเราะอยู่
3จำยอม
"เจ้ารู้มัยว่าเสียมารยาท กับท่านอ๋องสามแค่ไหน?" ฮูหยินใหญ่ นั่งมองหลิวอี้เฟย ด้วยสายตาเคียดแค้น ร่างน้อยที่คุกเข่าอยู่หน้าห้องรับรองแขก
"อี้เฟย ไม่ทราบค่ะแม่ใหญ่ อี้เฟยไม่ได้ตั้งใจ" พูดไปร้องไห้ไป ไม่ได้ตั้งใจจริงๆโวย คนมันขำ กลั้นแทบแย่ หลุดขำออกมานิดเดียวทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
"อี้เฟย ยินดีรับโทษจากแม่ใหญ่" พยามบีบน้ำตาทำหน้าตาให้หน้าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะตีก็รีบตีได้มัย ปวดหัวเข่าจะแย่แล้ว
"เจ้าพูดเองน่ะ ได้ แม่นม โบย5ไม้ "สิ้นเสียงฮูหยิน แม่นม คนสนิท เดินไม่หยิบไม้ทันที น่าแปลก ทั้งๆที่นางเป็นคนเลี้ยงหลิวอี้เฟย มาตั้งแต่เกิด แต่ทำไมนางจึงไม่มีความรักและเมตตาต่อหลิวอี้เฟยเลย
"เอาให้หนักๆเลยน่ะ แม่นม บังอาจหักหน้าท่านพ่อ เจ้ารู้มัยท่านพ่อกำลังวิ่งเต้นให้ข้าได้แต่งงานกับองค์หญิงสิบสี่ เจ้าทำเสียงานใหญ่" หลิวอี้ฝาน ที่นั่งจิบน้ำชาอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าไร้อารม
อะไรกันบ้านนี่ คุณหนูใหญ่ได้เป็นพระสนมชั้นเฟย คุณหนูรองแต่งเป็นพระชายาองค์ชายใหญ่ บังคับข้าแต่งกับองค์ชายสาม วางแผนให้ลูกชายคนเดียวแต่งองค์หญิงสิบสี่ นี้มันจะรวบหัวรวบหางทั้งราชวงศ์เลยหรอ ตาแก่นี้แผนสูงจริงๆ
"เอาล่ะๆ ไม่ต้องโบย อี้เฟย เจ้ากลับเรือนไปได้แล้ว"หลิวอี้สง เอ๋ยออกมากหลังจากแม่นมถือไม้เรียวเข้ามา "
"ทำไมล่ะค่ะท่านพี่ ก็เห็นอยู่ว่านางหักหน้าท่าน"
"เอาล่ะ ให้คุกเข่าแค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าโบยตีไปแล้วเกิดมีแผล จะทำยังไง อีก1อาทิตก็จะถึงงานแต่งแล้ว"
"แต่เมื่อกี้ท่านอ๋องสามบอกไม่แต่ง"
"ตราบใดที่ยังไม่มีราชองค์การถอนหมั้น งานแต่งก็ยังจัดเหมือนเดิม"
หึ ทำไมไม่แต่งเองล่ะตาแก่ อี้เฟยได้แต่พูดในใจ อยากตะโกนออกไป แต่ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้นางรับบทสาวน้อยถูกแม่เลี้ยงรังแกอยู่
"ไม่ว่ายังไง อี้เฟยก็ต้องแต่งงานกับอ๋องสาม ข้าลงเงินลงแรงไปเยอะ จะให้เสียงานไม่ได้ " อี้สงพูดจบก็เดินออกจากเรือนรับรองไป
"หึ วันนี้เจ้าโชดดีไป ข้าไม่ตีเจ้าก็ได้ แต่วันนี้ไม่ต้องกินข้าว" ฮูหยินใหญ่พูดจบก็กระทบเท้าเดินปึงปังออกจาเรือนรับรองไป พร้อมอี้ฝาน
ระหว่างทางเดินกลับเรือนท้ายจวน งดข้าวหรอ ยัยแก่แร้งทึ้ง แค่อดข้าววันเดียวข้าทนได้อยู่แล้ว โถ่เอ้ยแค่นี้เอง แปลกจริง ทำมัยยัยคุณหนูสี่ขี้โรคนี้ถึงถูกคนในบ้านรังแกขนาดนี้ ความทรงจำของร่างนี้ก็ไม่มีอะไรเลย เท่าที่รู้จากซิงซิง อย่าเรียกว่ารู้เลย เรียกว่าหลอกถามมาจะดีกว่า คุณหนูสี่ อ่อนแอ ขี้โรค อ่อนโยน แต่ถูกพวกพี่สาวรังแกตลอด มีแผลเป็นจางๆที่หลังจากจากโบย 3ปี ก่อน คุณหนูสามหลิวอี้ฟาง ก่อนแต่งออกไปก็แวะเวียนมารังแกนางเป็นระยะๆ แต่คุณหนูใหญ่หลิวเหม่ยฮัวนี้นางไม่เคยเจอ
เดินมาถึงเรือนก็เจอซิงซิง เดินวนไปมาอยู่หน้าเรือนนอน พอซิงซิงเห็นนางเท่านั้น รีบวิ่งมาจับไม้จับมือ สำรวจร่างกาย "เป็นไงบางค่ะคุณหนู พ่อบ้านหวังบอกว่าเห็นคุณหนุนั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือนรับรอง"
หลิวอี้เฟย ยักใหล่แล้วก็เดินเข้าเรือนไป
ศาลาริมสระบัว ณ จวน อ๋องหยางชงอวี้ ที่เทพบุตรรูปร่างเหมือนเซียนมาจุติ กำลังยืนเอามือไพล่หลังชมความงามของ ดอกบัวหลากสีสัน "พี่สาม ท่านไปจวนราชครูมาหรือวันนี้" เสียงขององค์ชายสิบ หยางซื่อเล่อทำลายความสงบลงทันที
"เจ้านี้หูไวตาไว ข่าวรวดเร็วจริงๆนะ" หยางชงอวี้หันมายิ้มให้น้องชาย
"ตกลงท่านจะแต่งหรอ ทั้งๆที่รู้ว่า ราชครูหลิวอี้สงวางแผนอะไรอยู่"
"หากเปิ่นหวางไม่อยากแต่ง ใครก็บังคับเปิ่งหวางไม่ได้" หยางชงอวี้ยกน้ำชาขึ้นจิบ
"แล้วทำไมพี่สามไม่เข้าเฝ้า เสด็จพ่อขอยกเลิกงานแต่งล่ะ มายืนชมดอกบัวใจเย็นอยู่แบบนี้?" หยางซื่อเล่อโวยวายใส่พี่ชาย ที่มัวทอดน่องใจเย็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่แบบนี้ มีแต่เค้าหรือไงกันที่ร้อนรนกับเรื่องงานแต่งของพี่ชายจะแย่อยู่แล้ว
"ตอนเปิ่นหวางบอก ไม่แต่ง นางหัวเราะเยาะเปิ่นหวาง"หยางชงอวี้ นึกถึงหน้าสาวน้อยยืนก้มหน้าที่พยามกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง เมื่อกลางวัน จากข่าวที่สืบมา นางเรียบร้อยเป็นกุลสตรี เก่งในทุกๆด้าน แต่ไม่ออกจากจวนมา5ปีแล้ว เพราะอะไร แล้วทำไมนางถึงทำให้เขาสนใจนางขนาดนี้
"หากพี่สามแต่งคุณหนูสี่แห่งจวนราชครูเข้ามา ท่านราชครูจะต้องกล่อมให้พี่สามเป็นพวกเพื่อแผนการของพวกมันแน่นอน"
"แล้วยังไง เก็บศัตรูไว้ใกล้ตัว ดีกว่าให้ศัตรูอยู่ในที่มืด" หยางชงอวี้พูดจบก็เดินออกจากศาลาไป
"พี่สาม ที่ท่านพูดมาคือท่านจะแต่งยังงั้นหรอ" หยางซื่อเล่อตะโกนตามหลังพี่ชาย
หลังจากอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนชุดนอนบางสีขาว หลิวอี้เฟยก็เดินไปนั่งรับลมอยู่ข้างหน้าต่าง มีเสียงดัง โครกคราก ออกมาจากท้องน้อย นางเอามือลูบท้อง แล้วบ่นกับตัวเองไปพลาง "แค่อดข้าวเย็น อย่าร้องได้มั้ยเจ้าท้องบ้า" แค่ข้าวเย็นที่ไหนกันเมื่อตอนกลางวันก็โดนให้คุกเข่า จนไม่ได้กินข้าวเที่ยง ไหนตอนเย็นจะโดนสั่งงดอีก เท่ากับวันนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ในเมื่อไม่มีอะไรทำก็นอนดีกว่า
ในตอนที่กำลังเดินไปที่เตียงนอน "คุณหนูหลับหรือยังเจ้าค่ะ" เสียงใครอื่นไม่ได้ซิงซิงนั้นเอง
"ยังเข้ามาสิ"
"ซิงซิงแอบหยิบหมั่นโถว มาได้1ลูก คุณหนูรองท้องซักหน่อยมั้ยเจ้าค่ะ" พลางยืนออกไปให้เจ้านายสาว
หลิวอี้เฟย เอื้อมมือไปหยิบมา "ขอบใจเจ้ามากนะ เฮ้อมีแต่เจ้านี้ล่ะที่ดีกับข้า ข้าจะทำยังไงดี หนีก็ลำบาก แต่งกับอ๋องสามก็ไม่พ้นหนีเสือปะจรเข้"
"แต่งออกไปใช่ว่า เสียหายน่ะเจ้าค่ะ ได้เป็นถึงพระชายาเอกของท่านอ๋อง คงจะสุขสบายกว่าอยู่ที่นี้" ซิงซิงพูดออกไปเนื่องด้วย คุณหนูของเธออยู่ที่นี้ลำบากไม่น้อย ต่างจากคุณท่านอื่นๆในบ้าน
"ข้าไม่อยากแต่งงาน ข้าอยากออกไปท่องโลกกว้าง อายุแค่18 ปี จะให้แต่งงาน อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนได้ยังไง ข้าอยากใช้ชีวิตของตัวเอง อยากมีคนรักที่รักข้าคนเดียวร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดชีวิต"
ซิงซิงได้แต่ส่ายหัว ใช่ว่าจะแปลกใจกับคำพูดแปลกประหลาดของเจ้านาย เพราะได้ยินมาจนเบื่อแล้ว
"งั้นคุณหนูพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ " หลิวอี้เฟย พยักหน้าตอบสาวใช้ แล้วเดินไปโต๊ะที่กระจก หยิบหมั่นโถวที้ซิงซิงขโมยมาให้ ยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ พยายามมองหน้าสาวน้อยในกระจก ตอนตื่นมาครั้งแรก ร่างนี้อายุ13 ก็ว่าน่ารักน่าชังอยู่ไม่น้อย เวลาผ่านมา5ปี ร่างนี้อายุ18ปี สวยจนล่มแค้วนได้เลยที่เดียว เครื่องหน้าจิ้มลิ้ม ปากเล็ก จมูกหน่อย ตากลมโตสองชั้น เวลายิ้มเป็นรู้พระจันทร์เสี้ยวน่าหลงไหล ผิวก็ขาวราวหิมะ ทรวงทรงองเอว ไร้ทีติ อืมๆๆ นางพนักหน้าให้กับตัวเองในกระจก "สวยขนาดนี้แต่งกับอ๋องสามที่มีอนุตั้งมากมาย เสียดายแย่เลย" หลิวอี้เฟย ชมตัวเองไปพลางเคี้ยวหมั่วโถวไป
"เรียนท่านอ๋อง จวนราชครูวางเวรยามแน่นหนากว่าเดิม มาก เนื่องจากหลายวันคุณหนูสี่หลิวอี้เฟย พยายามลอบหนีออกจากจวน ขอรับ" มู่หลง รายงานข่าวที่ท่านอ๋องให้ไปสืบ
นางพยายามหนีหรอ หนีงานแต่งกับข้างั้นหรอ ข้าผู้นี้นะหรือ "ฮ่าๆๆๆๆๆ" หยางชงอวี้ หลุดขำออกมาก ทำเอามู่หลง องครักษ์ที่ติดตามท่านอ๋องมาหลายสิบปีถึงกับตาโต
จวนราชครู เวรยามเพิ่มเป็นสามเท่าหลังจาก คุณหนูสี่ พยายามหลบหนีออกจากจวน ยิ่งมีคำสั่งห้ามทำร้ายร่างกายหรือลงโทษนาง นางยิ่งหนีบ่อยแล้วถี่ขึ้น ปลอมตัวเป็นสาวใช้บ้าง เอายาถ่ายผสมขนมให้ยามหน้าประตูกินบ้าง คลานออกช่องสุนัขในกลางดึก บีนกำแพงออกไปบ้าง เหล่าทหารยามต่างเหงื่อตกต้องเฝ้ายามด้วยความระแวง ด้วยกลัวเพราะนางมีแผนแปลกๆมาตลอดยากจะรับมือยิ่งนัก
"เฮ้อ...ข้าคิดแผนไม่ออกแล้วซิงซิง" หลิวอี้เฟย นั่งเอามือเท้าโต๊ะ ทำสีหน้าระอา พลางถอนหายใจติดกัน
ซิงซิงไม่โต้ตอบอันใด พลางรินน้ำชาแล้วยื่นให้
ผ่านไป1 ชั่วยามในห้องมีแต่ความเงียบ กับสีหน้าครุ่นคิดของหลิวอี้เฟย
"ซิงซิง เจ้าอยู่นี้เอง ข้าตามหาเจ้าแทบแย่" หลิวอี้ฝาง เปิดประตูเข้ามาโดนไม่ได้เคาะก่อนด้วยซ้ำ เจ้าคนไม่มีมารยาท "ท่านพ่อข้าเรียกหาเจ้านะ ไปเดี๋ยวนี้เลย" หลิวอี้ฝางหันไปพูดกับซิงซิง โดยที่ไม่สนใจเจ้าของห้อง ซิงซิงย่อกายทำความเคารพแล้วเดินออกจากห้องไป ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง หลิวอี้เฟยจิบชาไปเรื่อยๆโดยไม่ได้สนใจการมีอยู่ของอีกฝ่าย
"เจ้าจะไม่ถามข้าหน่อยหรอว่าเรียกซิงซิงไปทำไม" เมื่ออีกฝ่ายเงียบเค้าจึงเป็นฝ่ายเริ่มคุยก่อน
"อ้าว....ท่านพี่รอง ท่านยังอยู่อีกหรอ อี้เฟยนึกว่าพี่รองออกไปพร้อมซิงซิงแล้วเจ้าค่ะ"
หลิวอี้ฝางตากระตุก เขายืนอยู่ตรงนี้ทั้งคนนางจะไม่เห็นได้ยังไง จะมากไปแล้วนะ หลิวอี้ฝางสูดลมหายใจเข้าลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วได้พูดออกไป " ข้าแค่จะบอกเจ้าว่า มะรืนจะมีงานแต่งระหว่างท่างอ๋องสามกับเจ้า เจ้าอย่าคิดหลบหนีอีก หากเจ้าหลบหนีหรือตุกติกท่านพ่อมีคำสั่งให้ฆ่าซิงซิงทันที" พูดจบก็หัวเราะเสียงดัง เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้หลิวอี้เฟยนั่งหน้าซีดไร้สีอยู่ภายใน
ตาแก่ราชครูนั้นกล้าเอาชีวิตซิงซิง มาขู่ข้าเลยหรือนี้ ปกติไม่ว่าที่ผ่านมาไม่ว่าหลิวอี้เฟย จะหลบหนีซักกี่ครั้ง คนที่ทำโทษนางมีแค่ฮูหยินใหญ่กับแม่นมเท่านั้น
☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️
นี้เป็นนิยายที่แต่งเรื่องแรกของไรท์ ต้องขออภัยล่วงหน้า หากตกหล่น พิมผิดหรือเนื้อหาบางตอนอาจจะงงไปบ้าง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!