NovelToon NovelToon

เกมส์ล่าลางสังหาร

ความกลัว

สามวันมาแล้วหลังจากการตายของมิ้น บรรยากาศภายในโรงเรียนดูอึมครึมหดหู่ตั้งแต่เช้า ทุกคนต่างพูดถึงการตายของมิ้นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ยังคงพากันจับกลุ่มคุยกันไม่จบสิ้นสักที กิจกรรมหน้าเสาธงก็ดูกร่อยๆ ทุกคนไม่สดชื่นกันเลย​ แม้แต่คนในห้องเรียนก็ไม่มีกะจิตกะใจอยากจะเรียน ขนาดคุณครูก็คงไม่อยากที่จะสอน​ แจกชีทสั่งงานเสร็จก็เดินออกจากห้องไป จนค่อนวันแล้วทุกคนดูไม่ปกติเลย อาหารกลางวันก็ดูจืดชืด เป็นอะไรกันไปหมดก็ไม่รู้​ ผมเข้าใจว่ามีนักเรียนตายแต่ผมคิดว่าบรรยากาศมันไม่น่าจะเศร้าขนาดนี้ นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้ว คนที่เป็นไปกับเขาด้วยก็คือไอ้นิล​ เพื่อนสนิทผมที่วันนี้ดู แปลกไปกว่าวันอื่นๆ ผมสังเกตุดูมันตั้งแต่เช้าแล้ว​ มันมีอาการหวาดระแวง ทำตัวปิดปากเงียบไม่คุยกับใครแม้แต่ผม​ ที่เป็นเพื่อนสนิทมัน ผมพยายามเดินเข้าไปหา พยายามทัก แต่มันกลับเดินหนีตลอด ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงมันอย่างบอกไม่ถูก  เสียงออดหมดเวลาพักกลางวันดังขึ้นนักเรียนต่างทยอยกันกลับเข้าชั้นเรียน​ แต่ไอ้นิลยืนนิ่งมองหน้าผม ตกลงมันเป็นอะไรกันของมันนะ ผมจึงเดินเข้าไปหามันแล้วสังเกตุเห็นน้ำตาคลอที่เบ้าตามันเหมือนกำลังจะร้องไห้

" เฮ้ย! ไอ้นิล..มึงเป็นเหี้ย..อะไรของมึงวะ"

ผมพูดเสียงดังทำให้มันหลบหน้าก้มลงมองพื้น

" ไอ้แก๊ปกูทนไม่ไหวแล้ว..กูต้องบอกมึงแล้วว่ะ"

มันเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม

 "เฮ้ย! พูดได้ด้วยเหรอวะกูนึกว่าใบ้แดกไปซะละ"

ผมพูดกวนมันแต่ดูมันไม่ตลกเอาเสียเลย

" เออ..มึงมีอะไรจะบอกกูเหรอ?"

ผมรอฟังคำตอบว่ามันเป็นบ้าอะไรของมันกันแน่

" เอ่อคือ...กระดาษสีดำนั้น"

 มันพูดเสียงต่ำอยู่ในลำคอ

" ห๊ะ! ..อะไรนะ​ กระดาษสีดำอะไรของมึง" 

ผมทวนคำพูดมัน​ แต่มันเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมพูดต่อ

"กระดาษนั่นน่ะคือมัน...เอ่อ..โธ่เว้ย! กูไม่รู้จะบอกมึงยังไง..มึงต้องว่ากูบ้าแน่ๆ..." 

มันหยุดพูดแล้วเอามือกุมหัว 

"เชี้ย...มึงอย่าหยุดพูดดิ กูคาใจเว้ยเฮ้ย​ กูไม่ว่ามึงบ้าหรอก...ทุกวันนี้มึงก็บ้าอยู่แล้ว...ฮ่าๆ ๆ ๆ "

ผมพูดติดตลกแล้วหัวเราะกลบบรรยากาศตึงเครียดที่มันสร้างขึ้น​ แต่พอมองหน้ามัน​ เหมือนเดิม มันไม่ขำด้วยเลย​ ผมจึงหุบยิ้มหยุดหัวเราะทันที 

"ตกลงมึงจะบอกกูไหมห๊ะ! " 

ผมรู้สึกหงุดหงิดอยากรู้ว่ามันจะบอกอะไรแต่มันดันเงียบเอาแต่ก้มหน้า คราวนี้ผมเห็นน้ำตามันหยดลงพื้​น​ มันเอามือขยุ่มผมแล้วทึ้งไปมา ผมจึงรีบแกะมือมันออกจากหัว เพราะมันเริ่มทำร้ายตัวเองแล้ว 

"เฮ้ย! หยุดไอ้นิลมึงเป็นอะไรของมึงวะ​ ไม่ต้องบอกกูก็ได้..อึก! ..."

 พูดไม่ทันจบมันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดพร้อมร้องไห้โฮ ทำเอาคนรอบข้างหันมามอง​ ผมพยายามแกะมือมันออกแต่มันยิ่งรัดตัวผมแน่นกว่าเดิม​ ผมจึงปล่อยเลยตามเลยให้มันร้องไห้ให้เต็มที่คราวนี้รอบกายไม่ได้หยุดมองกันธรรมดา มีเอามือป้องปากกระซิบนินทากันเป็นกลุ่มๆ​แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ​ ในตอนนี้ผมสนแต่สิ่งที่มันเป็นอยู่ สักพักมันก็ปล่อยมือออก

" มึงมีอะไรบอกกูได้เลย กูเป็นเพื่อนมึงนะ ถ้าช่วยได้กูก็จะช่วย"

ผมตบไหล่มันเบาๆ

"มึงช่วยกูไม่ได้หรอก.."

มันตะคอกใส่หน้าผม​พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

" ทำไมวะ! " 

ผมจับไหล่มันเขย่า

 "พรุ่งนี้กูจะตาย..." 

พูดจบมันก็ปัดมือผมออก​ เมื่อได้ยินสิ่งที่มันบอก​ ผมก็อึ้งไปสามวิ

 "เวรแล้งไง...มึงอย่าทำอะไรบ้าๆนะ​ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษากูได้​ อย่าคิดอะไรแบบนั้นดิ ยังมีคนรักคนห่วงใยมึงอยู่นะอย่างน้อยมึงก็มี..."

"กูไม่ได้จะทำแบบที่มึงคิด"

มันพูดแทรกผมขึ้นมา

"แล้วที่มึงพูดหมายความว่ายังไง "

" ไอ้แก๊ป...กูจะตายตอนสิบโมงตรงวันเสาร์ที่สิบแปดก็คือวันพรุ่งนี้​ ไอ้กระดาษนั่นมันบอกกระดาษสีดำที่ครูมานะชัยให้มามึงจำได้มั้ยอาทิตย์ก่อนที่มิ้นจับสลากได้กระดาษนั้น​ ตอนแรกกูไม่เชื่อหรอก สามวันก่อนกูแอบได้ยินมิ้นกับโบคุยกัน มิ้นมันบอกกับโบว่ามันจะตายตอนเย็นของวันนั้น กระดาษนั่นมันมีข้อความเขียนไว้ ข้อความบอกว่ามันจะตายในวันนั้นตอนเย็น ดูเหมือนโบไม่ค่อยเชื่อกูได้ยินยังหลุดขำเลย พอตอนเย็นมันก็โดนรถชน มึงเข้าใจยัง ไอ้กระดาษเฮงซวยนั้นมันบอกว่ากูจะตายตอนสิบโมงของวันพรุ่งนี้..."

มันพูดเบาลงในประโยคสุดท้าย

" นี่มึงหมายถึงการ์ดที่ครูมานะชัยแจก​ ก่อนที่ครูจะตายนั่นเหรอ มึงเชื่อไอ้การ์ดบ้าบออะไรนั่นถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ มันอาจบังเอิญก็ได้ มึงนี่ก็คิดมากไปได้"

ไม่รู้ผมพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง​ ทั้งที่ในหัวมีแต่ความสงสัย ทั้งเรื่องคุณครูมานะชัย เรื่องการตายของมิ้นหรือแม้กระทั้งเรื่องการ์ดสีดำอะไรนั่น 

"กูคิดแล้วว่ามึงต้องพูดแบบนี้....กูไม่น่าบอกเรื่องนี้กับมึงเลย เสียเวลาเปล่า พูดไปมึงก็ไม่เชื่อกู..."

 มันพูดขึ้นมาขณะที่ผมกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดเรื่องที่มันเล่าให้ฟังอยู่​ แล้วมันก็เดินกลับเข้าไปห้องเรียนอย่างรวดเร็ว ผมจึงรีบวิ่งตามมันไปแล้วดึงแขนมันจับไหล่ให้หันหน้ามา

" เอางี้แล้วกันพรุ่งนี้กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึง โอเคมั้ย! "

ผมพูดหนักแน่นแล้วจ้องหน้ารอคำตอบจากมัน แต่มันจับมือผมออกจากไหล่แล้วเดินไปผมจึงกอดคอมันล็อคเข้ามา​ แล้วเดินไปด้วยกัน

" มึงไม่ต้องกลัวนะ... กูจะปกป้องมึงเอง​ เพราะมึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู "

ผมแอบเลี่ยนในคำพูดของตัวเอง​ แต่อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของมัน

" ใบ้แดกอีกแล้ว ไอ้นิล​ ตกลงจะให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ยพรุ่งนี้...ห๊ะ! "

ผมพับแขนเข้ามาล็อคคอมันแน่น

" เชี้ย! กูหายใจไม่ออก...ก็นี่แหล่ะไอ้เเก๊ปที่กูต้องการได้ยินจากปากมึง กูต้องการให้มึงเชื่อและช่วยกู " 

พูดจบมันก็ดึงมือผมออก

" มึงเข้าห้องไปก่อนนะเดี๋ยวกูไปห้องน้ำก่อน " มันผลักผมเข้าห้องแล้วมันก็เดินแยกไปห้องน้ำ ผมมองตามหลังมันไป และมีความรู้สึกว่ามันอุ่นใจขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว ....

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว

ผมมองออกไปนอกหน้าต่างมองดูนกบินไปมาอยู่เพลินๆ​ ในใจก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งเรื่องที่ไอ้นิลพูดในวันนี้ด้วย

" นักเรียน! ...ทำความเคารพ.."

เสียงหัวหน้าห้องดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์

"สวัสดีครับ,ค่ะ...คุณครู..." 

"จ้ะ..นั่งลงได้..."

คุณครูพิมพกายังคงเศร้ากับการตายของนักเรียนประจำชั้นของครูอยู่ ผมไม่แปลกใจหรอกเพราะมิ้นเป็นศิษย์รักของครู แต่กลับกันถ้าเป็นผม​ ครูแกคงเศร้าไม่นาน

" พรุ่งนี้เราจะไปวางพวงหรีดในนามของห้องเรานะ​ ครูอยากให้นักเรียนทุกคนแต่งชุดนักเรียนตามปรกติมาที่โรงเรียน​ แล้วครูจะให้รถนักเรียนขับไปส่ง​ เราจะไปช่วยงานของนรินดากัน"

่" จารย์ครับผมเอามอไซค์ไปเองได้มั้ย.."

ไอ้นัทยกมือขึ้นก่อนพูดห้วนๆตามสไตล์มัน

" ไม่ได้เด็ดขาด​ ช่วงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยยิ่งเป็นกิจของห้องเรา​ ก็ยิ่งอยู่ในความดูแลของครู บ้านนรินดาอยู่ไกล​ เพื่อความสบายใจของครู ครูจึงอยากให้ขึ้นรถโรงเรียนไปเท่านั้น​เข้าใจใช่ไหม ณัฐพงษ์ ครูขอเช็ครายชื่อก่อน..."

ไอ้นัทพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง

นึกขึ้นได้​ ผมลืมไอ้นิลไปสนิทเลย

"เออ..ครูครับ..ขออนุญาตเข้าห้องน้ำนะครับ พอดีผมปวดมาก"

ผมรีบยกมือขึ้นก่อนพูด แล้วแกล้งทำสีหน้าแบบไม่ไหวแล้วจริงๆ

"อืม...จ้ะรีบไปรีบกลับ"

ผมรีบวิ่งลงไปที่ห้องน้ำ​ ที่โถฉี่ไม่มีคนยืนอยู่ แล้วห้องน้ำก็เปิดอยู่เกือบทุกห้อง เห็นมีอยู่ห้องหนึ่งที่ปิดอยู่

"ไอ้นิล! ไอ้นิล!...ครูเช็คชื่อแล้วนะโว้ย.."

เงียบกริบไม่มีเสียงตอบกลับ ผมมองซ้ายขวาเห็นปากกามันหล่นที่อ่างล้างมือ​ แย่แล้วหรือว่า​มันจะ... ผมรีบทุบประตูห้องนั้นทันที พร้อมสลับตะโกนเรียกชื่อมัน ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ ผมจึงรีบวิ่งออกไปยกก้อนหิน ขนาดสองมืออุ้ม ยกเข้ามาแล้ว​ ง้างขึ้นเหนือบ่า​ กะว่าจะทุ่มทุบกลอนประตูเข้าไป ทันใดนั้น​ "เเกร๊ก! " เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ไอ้นิลเปิดประตูโผล่หน้าออกมาผมกับมันต่างคนต่างตกใจ จังหวะนั้นผมยกหินทุ่มลงพอดี​ มันจึงรีบยกแขนขึ้นมาบังไว้​ ส่วนผมบังคับเปลี่ยนทิศทางหินหลบมัน​ จนหินร่วงหล่นลงบนหัวแม่เท้าผมอย่างจัง

"โอ๊ย!"

ผมร้องลั่น​

"เฮ้ย! ไอ้แก็ปเป็นไงบ้างวะ"

"ยังมีน่ามาถามอีก ก็เจ็บสิ​โว้ย โอ๊ย!...เชี้ย​แล้วมึงอ่ะมัวทำไรอยู่กูเรียกแม่งไม่ตอบ​ ว่าวอยู่หรือไง! "

"ว่าวพ่อมึงซิกูขี้อยู่​ กูไม่ได้ยินกูใส่หูฟัง"

มันพูดพลางชี้ไปที่สายหูฟังที่พาดบ่าอยู่ ผมสังเกตุเห็นตามันแดงๆ ที่แท้มันก็มาแอบร้องไห้นี่เอง แต่ผมจะไม่ถามมันเพราะยังไงมันก็ต้องปฏิเสธอยู่ดี

"เกือบตายห่าขึ้นมาจริงๆ แล้วซิมึง"

ผมลุกขึ้นมาตบหัวมันเบาๆ

" รีบขึ้นห้องด่วนครูพิมพกา เช็ครายชื่อแล้วอย่าลืมปากกามึงล่ะ"

พูดจบมันก็รีบคว้าปากกาแล้ววิ่งออกไปจนลืมผม ที่วิ่งกระเพลกๆ ตามหลังมันไปผมแอบเคืองนิดๆ แต่ก็ดีใจที่มันปลอดภัย  หลังเลิกเรียนผมออกมานั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าโรงเรียนรอรถรับส่งนักเรียน​ เห็นไอ้นิลยืนสั่งลูกชิ้นทอดอยู่ ผมก้มลงถอดรองเท้ารูดถุงเท้าออก ดูเล็บหัวแม่เท้าที่ตอนนี้ห้อเลือดดำปื๋​ เลยลองเอามือแตะดูปวดชะมัด

" ไอ้นิลนะไอ้นิลมึงแท้ๆ ทำให้ตีนกูเจ็บ"

ผมแอบสบถเบาๆ

" กูขอโทษ.."

เสียงไอ้นิลดังขึ้นผมจึงเงยหน้าขึ้น แต่มันยังคงยืนที่รถขายลูกชิ้นทอดอยู่เหมือนเดิม เอาอีกแล้วมันเกิดขึ้นอีกแล้วลางสังหรณ์ของผม ผมไม่อยากได้สัมพัสแบบนี้ที่ใครๆ ต่างบอกกันว่า เป็นสัมผัสพิเศษ ผมกลัวและรู้สึกไม่ดีเลย ไอ้นิลเดินเข้ามาพร้อมยื่นถุงลูกชิ้นทอดให้ผม ผมรู้สึกหดหู่ใจยังไงชอบกล

"เป็นไรของมึงวะ..ทำหน้าเศร้า.."

"เปล่ากูเจ็บตีน.."

ผมชี้นิ้วไปที่หัวแม่เท้า

" ฮาๆ ๆ อยากเป็นพังค์หรอ ทาสีเล็บตีนดำเฉียว"

มันหัวเราะลั่นจนผมลืมภาพ คนที่อมทุกข์อมเศร้าก่อนหน้านั้นไปเลย

" พังค์พ่อง..กูจะเอาหินทุบหัวหมาอ่ะ​ แต่พลาดหล่นใส่ตีนกูเองไง มึงก็อยู่ในเหตุการณ์หนิ.."

ผมพูดกัดมันเบาๆ

"เออพรุ่งนี้กูอาจไม่ได้ไปอยู่เป็นเพื่อนมึงนะ..ก็อย่างที่มึงรู้แหล่ะ พรุ่งนี้ห้องเราต้องไปงานศพมิ้นกัน..."

"ฉิบหาย..มึงนี่โคตรตอแหลเลยไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อนกู..ไอ้เหี้ย..มึงจะโกหกกูทำไม..มึง..."

" เฮ้ยกูพูดเล่นเว้ย...กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึง ฮ่าๆ ๆ สาดเอ้ย แค่นี้จะร้องไห้ลูกผู้ชายหรือเปล่าวะ"

ผมพูดแทรกมันขณะที่มันชี้หน้าด่าผมรัวๆ

"ฮื้อๆ ฮ่า..มึงอย่าหลอกกูอีกนะสัตว์​" มันหัวเราะทั้งน้ำตา

" พอๆ เลยมึงกูอายเค้า...รีบๆ แดกรถกูจะมาละ"

ผมรีบใส่รองเท้าเมื่อเห็นรถกำลังใกล้เข้ามา

"เออ..เดี๋ยวกูไปส่งเอง..ให้รถไปก่อนเลยกูมีเรื่องสำคัญจะบอกมึง"

"จะบ้าเหรอบ้านกูกับบ้านมึงไปคนละทางกันแถมไกลกันโขเลยนะ ไม่เป็นไรหรอกลำบากมึงเปล่าๆ อีกอย่างกูขี้เกียจนั่งมอไซค์ ทางในหมู่บ้านกูไม่ดีเจ็บตูดวะ"

รถมาพอดีผมรอให้คนอื่นขึ้นก่อน แล้วผมก็ขึ้นไปนั่งท้ายรถ

" พรุ่งนี้เจอกัน"

ผมโบกมือให้มัน

"กูว่าจะพามึงไปเลี้ยงซูชิร้านน้องดาว!!! "

มันตะโกนดังลั่น ได้ยินดังนั้นผมไม่รอช้า รีบกระโดดลงรถวิ่งอ้อมไปหน้ารถแล้ว​บอกคนขับว่าผมจะไปกับเพื่อน แล้วรีบวิ่งไปหามันอย่างไม่รีรอเสียงหัวเราะเสียงแซวดังจากในรถไล่ตามหลังมาแต่ผมไม่สนใจ

" แหม่ ๆ ๆ ๆ พอได้ยินชื่อน้องดาวเนี้ยเร็วเชียวนะมึง "

" อ่ะมันแน่อยู่แล้ว"

ผมรีบกระโจนขึ้นนั่งซ้อนท้ายมัน ไม่รอช้ามันก็รีบบิดเครื่องออกไปทันที

" เดี๋ยวกูพามึงไปแดกซูชิก่อนแล้วค่อยไปส่งละกัน "

มันหันหน้ามาบอกผม

" เออๆ ดูทางๆ "

ผมชี้นิ้วบอกให้มันดูทางข้างหน้า เพราะในใจยังคงหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูก ขณะที่ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าน้องดาว และคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ไอ้นิลก็ขี่รถเลยร้านซูชิน้องดาวไปเฉยเลย

" อ้าวเฮ้ยๆ! เลยแล้วเว้ย..เชี้ย!"

ผมตบขามันให้จอดแต่มันบิดเร็วกว่าเดิม

"ฮะๆ ฮาฮ่า..มึงหลงกลกูแล้ว ..ไม่ต้องบอกให้กูจอดหรอกนะ ไอ้โง่เอ้ยเวลานี้น้องดาวยังไม่เลิกเรียนหรอก อยากลงก็โดดไปเลยนะ"

ผมกำลังจะอ้าปากพูด ว่าหากไม่จอดผมจะกระโดดลงไป แต่มันพูดแทนไปหมดเลย สรุปผมมายืนอยู่ที่หน้าบ้านมันเรียบร้อย

"อ่ะ! "

มันยื่นโทรศัพท์ให้ผม

" อะไรของมึง.."

ผมพูดแบบมีน้ำโห

" โทรบอกแม่มึงไง..ว่ามึงค้างบ้านกู"

มันอมยิ้มแบบผู้ชนะ

" โทรศัพท์กูมี...โด่บอกดีๆ กูก็มาสัตว์!"

" กระโดดขึ้นรถรับส่งเนี้ยนะจะมากับกู พอกูเอาสาวมาล่อแม่งย้ายก้นทันที รักเพื่อนมากนะมึง"

มันตบหัวผมอย่างแรง จากนั้นผมโทรบอกแม่ว่าค้างบ้านมันอย่างปฏิเสธไม่ได้

แล้วมันก็รีบดึงแขนลากผมเข้าบ้านไปอย่างเร็ว

การ์ดสีดำ

" มึงจะรีบไปไหนวะ!​ อ้าวสวัสดีครับพี่แวว"

ผมยกมือไหว้ทักทายพี่แววแม่บ้านของไอ้นิลมัน แกพยักหน้ายิ้มรับ บ้านมันใหญ่กว่าเดิมอีก ครั้งล่าสุดผมมาก็เมื่อสองเดือนที่แล้ว ช่วงพ่อแม่มันอยู่บ้านเลยไม่ค่อยได้มา ผมรู้สึกเกรงใจแบบไม่เป็นตัวเอง​ เลยไม่ค่อยมาหามันบ่อยๆส่วนใหญ่มันจะมาหาผมที่บ้านมากกว่า

" พ่อแม่มึงไม่อยู่หรอ..แล้วมึงต่อเติมหน้าบ้านตั้งแต่ตอนไหนวะ"

ผมกวาดสายตามองรอบบ้านมัน

" ไปดูแลงานที่ต่างจังหวัด กลับอาทิตย์หน้านู้นทิ้งเงินไว้ให้กูกองหนึ่ง แล้วหายเข้ากลีบเมฆ แม่งไม่สนใจกูสักคนทั้งพ่อและแม่ ขึ้นข้างบนกันเถอะเดี๋ยวกูเอากระดาษให้มึงดู"

" เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวเป็นคนจนสักที​วะ ดูห้องมึงดิ แค่ห้องน้ำก็กว้างกว่าห้องนอนกูอีก"

"เออ... ถ้าไม่รังเกียจมึงก็มานอนในห้องน้ำกูบ้างก็ได้นะฮะฮ่ะฮา...ที่กูทำตัวแบบนี้ก็เป็นตัวกูแหล่ะการไม่มีเพื่อนที่คบกูที่เงินมันก็ดีนะ อย่างน้อยกูก็มีมึงเป็นเพื่อนที่เข้าใจกู​ ไม่ได้คบกูที่เงิน..ขนาดพ่อแม่ยังไม่เข้าใจกูเลย...มามาจุ๊บทีซิมึง"

มันอ้าแขนทำท่าทำทางใส่ผม

" มาๆ มาจุ๊บส้นตีนกูนี่.."

ผมยกเท้าขึ้น​ แต่ผิดคาดมันก้มลงจุ๊บส้นเท้าผมจริงๆ

" เห็นมั้ย...ว่ากูรักมึงมากแค่ไหนไอ้เพื่อนสนิทฮ่าๆ ๆ "

"บ้าไปแล้วมึงอ่ะ​ เออๆ เอากระดาษมาดูเร็ว"

ผมคิดว่ามันจะกลับมาเป็นปรกติแล้วซะอีก​ แต่พอมันเอาการ์ดออกมา​ มันก็มีท่าทีเหมือนสามวันก่อนทันที

"มันก็กระดาษสีดำธรรมดาๆหนิ"

ผมพลิกไปมา​ ไม่เห็นตัวหนังสือเห็นแต่ลายไทยสีเงินอยู่รอบมุมกระดาษคล้ายการ์ดงานศพ

"มึงดูดีๆ "

พูดจบมันก็ปิดไฟทำให้ตัวหนังสือเรืองแสงปรากฎขึ้นมา

[ขอแสดงความเสียใจ...คุณคือผู้โชคร้ายจะตายในวันเสาร์ที่18เดือนxxปีxxxxเวลา10:00น.​ผู้กำหนดชะตาBB15 ]​

" นี่มันอะไรกัน​ แล้วไอ้บีบีสิบห้านี่คืออะไร? "

ผมหันไปถามมัน

"กูก็ไม่เข้าใจกูถึงอยากให้มึงช่วยไงไม่แน่ถ้าเรารู้ความหมายของมันกูอาจรอดก็ได้"

มันพูดก่อนเปิดไฟ​

" ใครมันมาเล่นตลกแบบนี้วะ​"

ผมรู้สึกไม่โอเคกับสิ่งที่ได้รับรู้

“ ที่แน่ๆกูรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องตลกหรอก ทั้งครูมานะชัย และทั้งมิ้น ต่างก็ตายอย่างมีเงื่อนงำ มึงไม่แปลกใจเหรอ ทำไมครูมานะชัยต้องมาแขวนคอที่ใต้อัฒจันทร์ของสนามวอลเลย์บอล ทั้งๆที่ทำที่บ้านก็ได้ มันไม่ใช่การฆ่าตัวตายกูคิดว่างั้นนะ"

ไอ้นิลใช้นิ้วชี้ลูบคางตัวเองไปมาพร้อมพูด

" แต่กูคิดว่าคนถ้าเขา อยากจะตายที่ไหนเขาก็ไม่เลือกหรอก แล้วมึงคิดว่าใครเป็นคนทำครู? "

" กูจะไปรู้เหรอ​ แค่สงสัยน่ะ"

พูดจบมันก็ไปหยิบปากกากับสมุดที่โต๊ะเขียนหนังสือ​ แล้วเดินมานั่งที่พื้นปลายเตียง ผมจึงลุกจากเตียงแล้วนั่งลงพื้นเอาหลังพิงปลายเตียง​ ขยับไปอยู่ข้างๆมัน​

" มึงเอาสมุดกับปากกามาทำไม"

ผมถามด้วยความสงสัย

" กูจะเอามาจดรายชื่อคนที่ได้การ์ดสีดำ มึงช่วยกูคิดด้วยนะ มึงจำได้ไหมว่ามีใครบ้าง "

"กูจำได้นะว่ามีห้าคน​ ถ้าตัดมิ้นออกไปก็เหลือสี่มี มึงอีกคนก็เหลือสาม"

ผมคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เราทั้งคู่พยายามที่จะเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดเท่าที่จำได้

บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดทันทีเมื่อผมกับมันได้แต่ครุ่นคิดโดยไม่พูดกันสักคำ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!