NovelToon NovelToon

บันทึกความทรงจำ

Chapter 01 วันแรก

ตรี๊ดๆๆๆ... ตรี๊ดๆๆๆ... ตรี๊ดๆๆๆ..

เสียงนาฬิกาปลุกแสนหน้ารำคาญที่ดังต่อเนื่องอยู่ในห้องนอนเพื่อปลุกให้ผมตื่นในแต่ละวัน

ด้วยอาการงัวเงีย​และรู้สึกนอนไม่พอยังคงดึงผมให้จมอยู่กับหมอน เสียงนาฬิกาปลุก​ยังคงดังต่อไป ด้วยความหงุดหงิดบวกกับความขี้เกียจ​ผมจึงหยิบหมอนข้างสีน้ำเงินลายมิ๊กกี้เมาส์ขึ้นมาอุดหูไว้ หวังให้มันลดเสียงที่หน้ารำคาญนั้นไป...  แต่ทันใดนั้น

ตึก.. ตึก.. ตึก... ตึก.. ตึก..

เสียงฝีเท้า​ของคนที่กำลังเดินขึ้นบันได​มาอย่างช้าๆ และในทุกๆย่างก้าว​เต็มเปลี่ยมไปด้วยความโกรธ​แค้น

.. ปังงงงงงง!  เสียงประตูที่เปิดออกอย่างรุนแรงและไปกระทบกับผนังห้อง

ผมที่กำลังนอนงัวเงีย​อยู่บนเตียงรู้สึกหนาวสันหลัง​ในทันที เมื่อได้ยินเสียงนั้น สัญชาตญาณ​การเอาตัวรอดตื่นขึ้นในทันใด รีบเด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียงแบบอัตโนมัติและหันหน้าไปทางประตูซึ่งเป็นต้นเสียง ทันใดนั้นเอง!

แม่ : มึงซินอนเอาโล่ทองคำติบักเอก!! .. บ้านเมืองเขาไปฮอดกรุงเทพแล้ว มึงคาแต่นอนกองดากอยู่นี้ละ บ่ทันขี้หมาหยังเขาดอกมึง!! ลุกหาอาบน้ำอาบในไปโรงเรียนทะแม้!!  หึมึงซิให้กุแต่งขันธ์​ 5 มามนต์​ดีบ่!!! ห่าขั่ว!

เสียงสบถ​เป็นชุดๆเหมือนกับปืนไรเฟิล​ที่ใช้ในสนามรบยิงสาดกระสุนใส่หน้าผมเต็มๆ ..  ใช่ครับ นี่คือเสียงที่ชนะนาฬิกาปลุกทุกเรือนบนโลก หรือแม่ผมเอง..

เมื่อได้ฟังเทศน์​จากมารดาผู้ให้กำเนิดจนหนำใจแล้ว ผมจึงรีบย้ายก้นไปอาบน้ำในทันที แต่ก็ยังได้ยินเสียงบ่นจางๆ ของแม่ตามหลังมา..

ผมชื่อ เอกภพ มาดี ชื่อเล่น เอก แม่ตอนปกติ​เรียก เอก ตอนแปลงร่าง​เรียก บักเอก ส่วนเพื่อนเรียก ไอ้เอก

ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ปี 1 ที่มหาวิทยาลัย​ใกล้บ้านแห่งนึง อธิบายแค่นี้ก่อน ตอนนี้ผมรีบมาก เพราะมีเรียนวิชาพุทธศาสนา​ตอน 8 โมง ครึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็ 8 โมง 15 นาที แล้ว พอเเต่งตัวเสร็จผมรีบวิ่งลงบันได​มา แล้ววิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน​ในทันที มือซ้ายคว้าลูกบิดประตู มือขวาคว้ารองเท้าผ้าใบสีขาวที่ชั้นวางรองเท้า กำลังจะเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงแม่ตะโกนจากห้องครัวมา

แม่ : บ่กินข้าวก่อนติ

ผม: บ่ทันแล้วแม่ สายแล้วๆ

แม่ : ซันละ ดึกดื่นเที่ยงคืน บ่จักหลับจักนอน เล่นตายแต่เกม... @#&)%)$##% เหมือนแม่กำลังจะเทศน์​อีกครั้ง ผมจึงรีบตัดบทก่อนจะยาว

ผม : ไปเรียนก่อนเด้อ แม่หวัดดีครับ

พอใส่รองเท้าเสร็จ ผมรีบคว้ามอเตอร์​ไซต์​คู่ใจสีดำ ตัดเส้นด้วยสีแดง บึ่งไปมอ.ทันที...

ตึกๆๆๆๆๆ... แฮกๆๆ ตึกๆๆ แฮกๆ...

เสียงผมที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ เพราะต้องวิ่งจากชั้นที่ 1จนถึง ชั้นที่ 7 แต่ตอนนี้พึ่งถึงชั้นที่ 4 ก็แทบจะได้คลานขึ้นบันไดแล้ว พอหันไปดูเวลาที่นาฬิกา​ข้อมือ​ ซึ่งตอนนี้เข็มสั้นอยู่ที่เลข 8 เข็มยาวก็อยู่ที่เลข 8 เหมือนกัน นั่นหมายถึงผมสายไป 10 นาทีแล้ว...  แรงเฮือกสุดท้าย​จึงทำให้ผมวิ่งขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 7 แล้วรีบตามหาห้องเรียน

ผม : 701....702.....703....704...! เจอแล้ว

705 ห้องเรียนพุทธศาสนา​

ผมยืนนิ่งหน้าประตู​แบบเลื่อนสีเทาหรือก็คือหน้าห้องเรียนพุทธศาสนา​นั่นแหละครับ รวบรวมความหน้าด้าน​ทั้งหมดที่มีแล้วเปิดประตู​

คลืดด~~~~ ตึก!..

สายตาทุกดวงประมาณ​ 40 คู่ จับจ้องมาที่ผม ผู้ยืนอยู่หน้าประตูเพียงคนเดียว...

อาจารย์​ประจำวิชา ดูลักษณะ​เป็นผู้ชายมีอายุ เพราะผมเริ่มมีสีขาวในบางจุด กำลังยืนอธิบายสไลด์​ให้นักศึกษา​ฟัง หันไปดูนาฬิกาหลังห้องแล้วหันกลับมาพูดกับผม

อาจารย์​ : สาย 15 นาทีตั้งแต่วันแรกเลยนะ ไปหาที่ว่างนั่งซะ

ผม : ครับ...

พอกำลังจะเดินเข้าห้อง ก็ได้ยินเสียงอาจารย์​พูดขึ้น

อาจารย์​ : ก้าวขาซ้ายเข้ามาก่อนด้วย

ผมเสียหลักเล็กน้อย เพราะก้าวขาขวาก่อน เสียงหัวเราะ​คิ๊กคักเบาๆ จากนักศึกษา​ก็ดังขึ้น ผมยิ้มแก้เขิลนิดหน่อยแล้วก้าวขาซ้ายเข้าห้องก่อน ตามที่อาจารย์บอก ซึ่งก็ตะหงิดอยู่ในใจ ว่าทำไปทำไม?

ผมกวาดตามองภายในห้องเรียนที่มีลักษณะเป็นชั้นๆ​เหมือนบันได ก็เห็นไอ้กฤษนั่งยุหลังห้อง ซึ่งมันยังหัวเราะไม่เสร็จ​ มันกวักมือแล้วชี้ให้ผมมานั่งข้างๆมันผมเดินไปบ่นกับมันเล็กน้อย เพราะเล่นเกมกับมันเมื่อคืนจนดึก ผมดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง หยิบสมุดขึ้นมาเพื่อแล็คเชอร์ ก็ได้ยินเสียงอาจารย์​ที่อยู่หน้าห้องเรียกชื่อผม

อาจารย์​ : นายเอกภพ "ผี" คืออะไร?

Chapter 2 รอยยิ้ม

"ผี" หรอ? ผีมีจริงบนโลกนี้ด้วยหรอ?

ผมคิดสงสัยอยู่ในใจ เกี่ยวกับคำถามที่อาจารย์​ถาม เพื่อหาคำตอบ แต่ก็นั่นแหละคนยุคผมไม่มีความเชื่อเรื่องผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์​แล้ว เราเกิดมาในยุคที่วิทยาศาสตร์​และเทคโนโลยีมีอิทธิพล​กับชีวิต เรื่อง ภูติ ผี วิญญาณ​ สำหรับเด็กยุคเราๆ จึงถูกมองว่าเป็นเรื่องงมงาย... 

ผมยืนขึ้นแล้วตอบคำถามอาจารย์

ผม : "ผี" คือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงครับ เป็นแค่การอุปมาอุปไมย​ของคนโบราณครับ

อาจารย์​ : .....​ เธอคิดแบบนั้นหรอ?

ผม : ผมคิดว่ามันเป็นแบบนั้นครับ.

พออาจารย์​ฟังคำยืนยันจากผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้ว สักพัก​ก็ปรากฏ​รอยยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย ที่ผมเห็นแล้วรู้สึกหนาวๆ ด้านหลังต้นคออย่างบอกไม่ถูก ก่อนอาจารย์จะพูดออกมา

อาจารย์ : งั้น... หมดเรียนวันนี้แล้ว อาจารย์​อยากให้เธอมาหาหน่อย

ผม : คือ.. ผมไม่รู้จักห้องอาจารย์​ครับ

อาจารย์​ : ให้นาย กฤษดา พามา เขารู้จักห้องอาจารย์

ผมหันไปมองไอ้กฤษด้วยความสงสัยว่ามันไปรู้จักห้องอาจารย์ได้ยังไง ทั้งๆที่พึ่งเปิดเรียนวันนี้วันแรก มันก็หันมามองผมแล้วยักไหล่เล็กน้อย ผมหันกลับไปตอบอาจารย์​ด้วยความ งง สงสัย และ ความรู้สึก​สับสนอีกมากมาย แต่ก็ทำได้แค่...  " ครับ"

ผม: ไอ้กฤษ...  มึงรู้จักห้องอาจารย์​ด้วยหรอ?

กฤษ : เออ.. กูเคยไปครั้งหนึ่ง

ผม : มึงไปหาอาจารย์​ทำไมว่ะ? มึงรู้จักกับอาจารย์​หรอ?

ความสงสัยของผม เปลี่ยนเป็นคำถามมากมายที่ต้องการความกระจ่าง​จากเพื่อนสนิทของผม

กฤษ : เปล่าๆ...  กูเดินตามสาว.. แล้วสาวคนนั้นเดินขึ้นบันได​มาชั้น 4 ของตึก 19 นี่แหละ จากนั้นเธอก็หายไปไหนไม่รู้ แล้วบังเอิญ​อาจารย์​เปิดห้องออกมาพอดี กูเลยเข้าไปช่วยเพราะเห็นแกถือของเยอะแยะ แต่ไม่คิดว่าจะมาสอนห้องเรา

ผม : อ๋อ มึงเดินตามสาวว่างั้น.. แล้วสาวคนนั้นเป็นใครละ

กฤษ : ไม่รู้ว่ะ อยู่ดีๆ เขาก็หายไปตรงมุมบันได กูนี้ยืน งง เลย ฮ่าๆๆๆ

ผม : เงียบหน่อยมึง คนมองทั้งห้องแล้ว

ผมกับไอ้กฤษได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ แล้วขอโทษ​คนในห้องที่หันมามอง เพราะเสียงหัวเราะ​ของไอ้กฤษมัน...

ตึ๊งตึงตึ้ง~~~

เสียงสวรรค์​นี้คือ หมดเวลาคาบเรียน

ผมมองนาฬิกาข้อมือ​ตอนนี้ก็ 12:31 น. แล้ว เลยชวนไอ้กฤษไปหาอะไรกินข้างมหาลัย จึงรีบเก็บของบน​โต๊ะ​ พอเดินไปถึงหน้าประตู​ห้อง ก็ได้ยินเสียอาจารย์​พูดย้ำ

อาจารย์ : นายเอกภพ อย่าลืมมาหาอาจารย์​ที่ห้องละ

ผมหันกลับไปรับคำ "ครับ"  ก่อนจะไหว้แล้วเดินออกจากห้องพร้อมกับไอ้กฤษ..

ผม: ไปกินร้านไหน​ดีว่ะ?

กฤษ: ร้านแม่อุ้ย อาหารอีสานใหม กูอยากกินลาบเป็ด

ผม : เออๆๆ.. ดีๆ กูอยากกินส้มตำพอดี

ผมกับไอ้กฤษเดินคุยกันจนไปถึงหน้าลิฟท์​

ตื้อดึ้ง   เสียงลิฟท์ดังขึ้น แล้วประตู​ก็เปิดออก ผมกับไอ้กฤษเดินเข้าลิฟท์ กดชั้น 1 เพื่อลงไปเอารถ ลิฟท์ปิดและลงไปเรื่อยๆ  ติ๊ง!  ผมกับไอ้กฤษมองด้านบนประตูลิฟท์เพื่อดูชั้นที่ลิฟท์​จอด มันคืิอชั้นที่ 4 ไอ้กฤษเลยพูดขึ้น

กฤษ : ชั้นนี้แหละ ที่กูเดินตามสาวมา แล้วเจอกับอาจารย์

ผม : ฮ้าๆๆ เออ แห้วละซิมึง

ผมกับไอ้กฤษหัวเราะกันเสียงดังในลิฟท์​ พอประตูลิฟท์เปิดออกก็ไม่เห็นมีใครสักคน

ผม : ใครมากดลิฟท์​เล่นว่ะ

ผมจึงกดปิดประตูลิฟท์ ประตูลิฟท์กำลังปิดก็ได้ยินเสีไอ้กฤษร้องขึ้นมา

กฤษ : นั่นๆๆ สาวคนนั้นน่ะ ที่กูเดินตามขึ้นมา

มันชี้ไปข้างนอกลิฟท์​ขณะที่ประตู​กำลังปิด ผมหันไปมองตามที่มันชี้ เห็นผู้หญิง​ผมยาวสีดำ สูงประมาณ​160 รูปร่างดี หน้าตาน่ารัก ปากเล็กสีแดงอมชมพู ตากลมโต ในตาสีดำ คิวดำเข้มโก้งโค้ง​กำลังดี ถือหนังสือเดินขึ้นบันได้มา ผู้หญิง​คนนั้นหันมาทางพวกเรา สบตากับผมแล้วยิ้มให้ก่อนที่ประตู​ลิฟท์จะปิด

ไอ้กฤษพูดขึ้น

กฤษ : มึงเห็นไหม น่ารักว่ะ เขายิ้มให้กูด้วย

ผม : เออๆ กูเห็นแล้ว

ภาพรอยยิ้มของเธอ ยังติดตาผมอยู่ เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกเย็นๆ กับสายตาที่อมทุกข์​ มันไม่ใช่สายตาของการทักทาย แต่มันเหมือนสายตาของคนที่รอคอยใครมาเป็นเวลานานและเป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน ผมมั่นใจ​ 100% ว่าคนที่เธอมอง ไม่ใช่ไอ้กฤษ แต่เป็นผม...

Charter 3 เพื่อน

กฤษ : แม่อุ้ยครับ ผมเอาลาบเป็ดจานนึง กับข้าวเปล่าหนึ่งจานครับ

แม่อุ้ย : ได้จ้า... แล้วหนูละ เอาอะไร

แม่อุ้ยหันมาถามผมที่กำลังยืนเหม่อ​อยู่..

ไอ้กฤษหันมาหาผม มันเอาศอกสะกิด ผมสะดุ้ง​เล็กน้อย

ผม : เอ่อๆๆๆ.. ครับ ว่าไงครับแม่?

ไอ่กฤษถอนหายใจ แล้วสั่งข้าวให้ผมแทน

กฤษ : มันเอาตำมั่ว กับข้าวเปล่าอย่างละจานครับแม่

แม่อุ้ย : ได้จ่ะ พวกหนูไปหาที่นั่งรอเลยจ้ะ เสร็จ​แล้วเดี๋ยว​แม่เอาไปให้

กฤษ : คร้าบบบ

ผมได้แต่พยักหน้า​กับยิ้มแก้เขิล แล้วเดินตามไอ่กฤษ​ไปหาที่นั่ง

กฤษ : เฮ้ย.. ไอ่เอก มึงว่าสาวคนนั้นน่ารักมั้ยว่ะ?

มันถามผมพร้อมกับทำหน้าตาเคลิบเคลิ้ม​.. ตาหวานฉ่ำ

ผม : เออๆ น่ารักดี

ผมตอบมันแบบปัดๆ แล้วนึกถึงรอยยิ้มของเธอคนนั้น  "เธอเป็นใคร ทำไมถึงรู้สึกคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก" ผมคิดในใจ

กฤษ : ตอนบ่ายเราเรียนอะไรนะ กูลืม

ผม : ภาษาอังกฤษ

กฤษ​ : เฮ้อออออ  อังกฤษ​อีกแล้ว น่าเบื่อชิบหาย

ผม : ฮ้าๆๆๆ มึงก็ตั้งใจหน่อย วิชาหลักนะ ได้เกรดน้อยระวังมันดึง GPA มึงร่วง

กฤษ : กูมีมึงซะอย่าง ช่วยผมหน่อยนะครับนายท่าน

มันหันมาแล้วทำสายตาบ้องแบ๊ว​ กระพริบตา​รัวๆ

ผม : เออๆ กูก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยแหละ ข้อสอบมึงก็กาแม่นๆเอาละกัน

กฤษ : ไม่ใช่ปัญหา​ กูมีตัวช่วย 😁

มันยิ้มกว้างแล้วหัวเราะคิ๊กคั๊ก

แม่อุ้ย : ได้แล้วจ้า

แม่อุ้ยถือถาดกับข้าวที่เราสั่งมาเสริฟที่โต๊ะ อาหารร้านแม่อุ้ยถือเป็นที่หนึ่งของพวกผม จากการจัดอันดับร้านอาหารข้างมหาลัย ด้วยรสชาติจี้จ๊าดถึงเครื่อง ให้เยอะ ราคาไม่แพงเหมือนร้านอื่น อีกทั้งแม่อุ้ยยังเป็นคนอัธยาศัย​ดี น่ารักพูดเพราะ บางครั้งก็เผลอพูดสำเนียงทางเหนือ เพราะแม่อุ้ยเป็นคนเชียงรายแต่ย้ายมาอยู่กินกับสามีที่ภาคอีสานและเปิดร้านอาหารเล็กๆข้างมหาลัย ทำให้เรามาฝากท้องไว้กับแม่อุ้ยในทุกๆมื้อ

ผม : ขอบคุณ​ครับแม่

ผมกับไอ่กฤษช่วยแม่อุ้ยหยิบอาหารในถาดวางบนโต๊ะ

แม่อุ้ย : ขาดอะไรบอกแม่ได้เลยนะเจ้า

ผมและกฤษ : คร้าบบ

พร้อมกับยิ้มให้แม่อุ้ย......

.

.

.

ผม : เร็วซิมึง มันจะบ่ายโมงแล้วนะนิ

ผมเร่งไอ่กฤษ ที่พึ่งตื่นหลังจากกินข้าวเสร็จแล้วกลับมาเล่นที่หอมัน แต่มันดันเผลอหลับ

กฤษ : เออ แปป กูหวีผมก่อน

ผม: มึงจะห่วงหล่อไปใหน

ไอ่กฤษมันเป็นคนที่หน้าตา​ดี คิ้วเข้ม จมูกเป็นสัน ผิวขาว บ้านมันอยู่ไกลจากมหาลัยประมาณ 15 กิโล มันจึงเช่าหออยู่เพราะขี้เกียจ​ขับรถไกล แต่บ้านผมอยู่ใกล้ๆมหาลัยเดินทางแค่ 3 กิโล ก็ถึง ผมกับไอ่กฤษ รู้จักกันตอนเรียน ม.4 มันย้ายเข้ามาใหม่ ตอนนั้นผมนั่งหลังห้องข้างๆหน้าต่าง แล้วโต๊ะข้างผมก็ดันว่าง มันเลยได้มานั่งข้างผม มันมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกับผม คือ PSP เรา 2 คน เล่น Monsters Hunter ด้วยกันอยู่เป็นประจำ บ้างก็ชวนกันไปเล่นร้านเกมส์ ด้วยนิสัยใจคอผมกับมันที่เข้ากันได้ดี จึงทำให้เราเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่นั้นมา เวลามันเบื่อนอนหอ มันก็มักมานอนบ้านผมบ่อยๆ ทุกครั้งที่มันมาบ้านผม เราจะพรี้เกมกันทั้งวันทั้งคืน ฮ้าๆๆๆ

กฤษ : เสร็จ​แล้ว​ๆ ป่ะ

ผมกับไอ่กฤษไปรถคันเดียวกัน เพราะเรียนเสร็จแล้วต้องไปหาอาจารย์วิชาพุทธศาสนา​ต่อ ไอ่กฤษเป็นคนขับ พอถึงห้องเรียน นั่งเรียนได้ประมาณ​ 30 นาที ผมและไอ่กฤษ​เราก็หลับทั้งคู่ ฮ่าๆๆๆ วิชานี้ไม่ได้อะไรเลย เหมือนมารอเช็คชื่อ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!