NovelToon NovelToon

ชมรมวิปริตจิตมืดมน

จุดจบสู่จุดเริ่มต้น

รสนิยม มีนิยามหมายถึง ความชอบ ความพอใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันในฐานะของมนุษย์ เพียงแต่รสนิยมของทุกคนนั้นแตกต่างกันไป ทั้งเรื่องอาหาร หนัง เกม หรือแม้แต่......รสนิยมทางเพศ

ตัวฉันมีชื่อว่า ซาซากิ อิซุมิ เป็นหญิงสาวธรรมดาทั่วไปที่เห็นได้ตามท้องถนน มีผมยาวสีน้ำตาลแปะหลัง ดวงตากลมโตสีดำ ใบหน้าขาวใสตามแบบฉบับสาวญี่ปุ่น ใส่ชุดนักเรียนมอปลายสีขาว กระโปงสีฟ้าเข้ม ยาวไม่ถึงหัวเข่า

ใช่แล้ว......ตัวฉันก็คือ นักเรียนสาวมอปลายธรรมดาทั่วไปยังไงล่ะ......แต่คุณรู้อะไรไหม ภายใต้ความธรรมดาจนกลมกลืนไปกับผู้คนนั้น มันมีความมืดมิดอันน่ารังเกียจซ่อนอยู่ ความมืดมิดที่ถูกเกลียด ความมืดมิดที่ถูกปฏิเสธ ตัวฉันน่ะ นับได้ว่าเป็น......สัตว์ประหลาดในคราบมนุษย์......

ถึงแม้ฉันจะไม่อยากยอมรับก็ตาม แต่มันก็คือสิ่งที่......สังคม...กำนดให้ฉันเป็น และนั่นก็ทำให้ฉันทำได้เพียงแค่เก็บซ่อนตัวตนอันน่ารังเกียจนั้นเอาไว้ เพื่อแฝงตัวอยู่ในสังคมต่อไปได้ เพราะฉันเองก็มีสิ่งที่รักที่ต้องปกป้องเอาไว้ ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง ความสงบสุข และ อิสรภาพ

แต่ว่า ถึงแม้ฉันจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขดีเรื่อยมา ทุกคนต่างเห็นรอยยิ้มของฉัน เห็นฉันใช้ชีวิตอย่างร่าเริง แต่ทุกอย่างมันก็แค่การเสแสร้งเท่านั้น ในโลกอันกว้างใหญ่ มีผู้คนอยู่มากมาย ตัวฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง ฉันต้องการ ฉันโหยหา ใครสักคน คนที่เข้าใจฉัน คนที่ยอมรับในตัวตนด้านมืดของฉัน

เพราะฉะนั้น ฉันจึงได้ตัดสินใจตั้งกระทู้ลงบนเว็บบอรด์ในอินเตอร์เน็ต สารภาพทุกความรู้สึก การกระทำ ที่ฉันไม่เคยบอกใครมาก่อน และหวังว่ามันจะได้รับการตอบกลับที่ดี แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ดี อย่างน้อย ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ทุกคนสามารถปิดบังตัวตนได้ ก็จะทำให้ผลของมันไม่สามารถส่งมาถึงชีวิตจริงได้

ฉันตั้งกระทู้ลงไปตั้งแต่มืดค่ำ จนมาถึงช่วงเช้าสดใส ฉันในตอนนี้กำลังนั่งรถไฟ เพื่อไปโรงเรียนตามกิจวัตรประจำวันอันแสนน่าเบื่อ แต่ยังโชคดีที่มีมือถือคู่ใจ คอยเฝ้ารอ และ ติดตามการตอบกลับกระทู้นั้น อย่างใจจดใจจ่อ ตอนนี้ฉันกำลังตัดสินใจที่จะเปิดอ่านมัน หลังจากที่ปล่อยทิ้วไว้นานพอสมควร มันน่าจะมีการตอบกลับที่มากพอ ตามที่ฉันต้องการ

“ไปตายซะ!!!”

“คนแบบแกน่ารังเกียจที่สุด!”

“แค่ฉันรู้ว่ามีคนแบบแกอยู่ก็ทำให้ฉันอยากจะอ๊วก!”

อ่า......ด่าได้เจ็บมาก......ก็ตรงตามที่ฉันคิดไว้......ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว......ถึงจะแอบคาดหวังอยู่นิดหน่อยก็เถอะ...

อ่า ดูเหมือนว่าจะถึงแล้วสินะ ยังไงตอนนี้ก็รีบลุกออกจากรถไฟก่อนดีกว่า แต่ให้ตายเถอะ ทั้งที่ทำใจไว้แล้ว แต่ก็เจ็บเป็นบ้าเลย นี่จิตใจฉันมันอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย

กริ้ง!!!

เอ๋ ใครกันแชทมาตอนนี้ กำลังจะเดินออกจากรถไฟอยู่แล้วเนี่ย

นี่มัน......มิมิ-จัง นี่นา เธอแชทมา แสดงว่าเธออ่านเรื่องที่เราสารภาพไปแล้วสินะ ไม่แน่ใจว่าเธอจะตอบมาว่ายังไง แต่มันคงไม่เลวร้ายเหมือนพวกในเว็บบอร์ดนั่นหรอกเนาะ ก็พวกเราเป็นเพื่อนทางออนไลน์ ที่สนิทกันมากยังไงล่ะ

“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะอุบาทขนาดนี้!! อย่ามาเรียกฉันว่าเพื่อนอีกนะ!”

อ-เอ๋......ข้อความนี้ มาจาก มิมิ-จัง อย่างงั้นเหรอ?!

“สิ่งที่เธอเล่ามาน่ะ ทำให้ฉันรู้สึกคลื่นไส้!!”

“คนแบบเธอน่ะ ไม่น่าเกิดมาเลย!”

“ฉันแนะนำว่าให้เธอน่ะ ขังตัวเองซะ!!! ไม่ก็ไปตาย!!! ทุกคนจะได้ปลอดภัยจากคนอย่างเธอ!”

ม...ไม่นะ...ไม่ใช่เธอสิ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เธอ

ม-ไม่ได้นะ จะร้องไห้ตอนนี้ไม่ได้ น้ำตาหยุดเดี๋ยวนี้นะ คนเยอะเกินไป ต้องรีบเดินออกจากที่นี่

อ๊า!!!

เจ็บจัง เมื่อกี้ฉันเดินชนอะไรเข้ากันน่ะ......

“นี่เธอน่ะ ตาบอดหรือไง”

เอ๋ ทำไมผู้ชายวัยกลางคน ใส่ชุดพนักงานออฟฟิค มองมาที่ฉันด้วยท่าทางอารมณ์เสียแบบนั้น

“เพราะเธอเลย กาแฟของฉันมันถึงหกเลอะเทอะไปหมด!!”

จ-จริงด้วย กาแฟหกเลอะเต็มพื้น แถมยังโดนรองเท้าของเขาด้วย นั่นมันฝีมือของฉันอย่างงั้นเหรอ?!

ไม่ได้การแล้ว ต้องรีบขอโทษเขา เร็วเข้าตัวฉันรีบลุกขึ้น

“ข-ขอโทษด้วยค่ะ!! ฉันรีบไปหน่อยต้องขอโทษจริงๆค่ะ”

“เธอคิดว่าขอโทษแล้วจะจบหรือไง รู้ไหมช่วงนี้ฉันโดนอะไรมาบ้าง ฉันแค่อยากจิบกาแฟให้อารมณ์ดีขึ้น แต่เธอกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เธอทำให้รองเท้าฉันเลอะ ฉันต้องไปสัมภาษณ์งานนะรู้ไหม!!!”

เขาดูโกรธมาก เขากำลังง้างมือเหมือนจะเข้ามาต่อยฉัน วันนี้มันบ้าวันอะไรกัน มีแต่คนเข้าทำร้ายฉัน

อ่า แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงคนที่น่ารังเกียจอย่างฉัน มันก็สมควรโดนแล้วล่ะนะ

“ก-แกเป็นใคร?! เข้ามายุ่งทำไม!!”

“ผู้ชายจะทำร้ายผู้หญิง ผมก็ต้องยุ่งอยู่แล้ว”

ฉันที่หลับตาสนิทเพราะกลัวเจ็บ แต่เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มปริศนา นั่นก็ทำให้ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง

ภาพที่อยู่ตรงหน้า คือชายหนุ่มอายุราวเดียวกันกับฉัน เขาใส่ชุดนักเรียนมอปลาย มีร่างกายกำยำ สูงประมาณ 180 มีใบหน้าที่ดูจริงจัง เขาได้ใช้มือของเขา จับแขนของชายคนนั้น คนที่พยายามจะทำร้ายฉัน

“ผมว่าคุณรีบออกไปจากที่นี่ดีกว่านะ ทุกคนกำลังจ้องมองคุณอยู่”

“เอ๊ะ?!”

ชายวัยกลางคนหันมองดูรอบตัวของเขา ฉันเองก็ทำแบบนั้น มีผู้คนมากมายกำลังลายร้อมพวกเรา พวกเขามองมาด้วยแววตาที่หวาดกลัว บางคนก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเหตุการ์ณเอาไว้

“ซิ ฉันจะยอมไปก็ได้ โถ่เอ้ย!!! วันนี้ซวยจริงๆ”

ชายวัยกลางคนเดินหนีออกไปอย่างเร่งรีบ พร้อมอารมณ์หงุดหงิด ผู้คนเริ่มแยกย้ายทำธุระของตัวเอง ยังเหลือก็แต่ฉัน ที่ยังยืนแน่นิ่งไม่ไหวติง กับชายหนุ่มคนนั้น คนที่เข้ามาช่วยฉันเอาไว้

“ไม่เป็นไรนะครับ”

“อ่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ”

ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งที่เจอกันครั้งแรก แต่เขากลับทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ

จะว่าไป เสื้อผ้าที่เขาใส่ มันดูคุ้นๆนะ...

“ชุดนั่น เป็นของโรงเรียนมอปลาย ซากุไร ใช่ไหมคะ”

“ใช่แล้วล่ะ เธอเองก็เหมือนกันสินะ”

“ค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ”

ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอคนจากโรงเรียนเดียวกัน ในสภาพแบบนี้ รู้สึกน่าอายเป็นบ้าเลย เขาเองก็ดูเหมือนจะเขินนิดหน่อยด้วย

“ผมชื่อ อายาโนะ อามาคุจิ นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“อ่ะ ส่วนฉันชื่อ ซาซากิ อิซุมิ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

“ในเมื่อเราเรียนที่เดียวกัน สนใจเดินไปโรงเรียนด้วยกันไหมครับ”

“……คะ?!!”

ไม่รู้ทำไมเขาถึงชวนฉันเดินไปโรงเรียนด้วยกัน ฉันเองก็ประติเสธไม่ได้ด้วยสิ พวกเราเดินมาได้สักพักแล้วโดยที่แทบไม่พูดอะไรสักคำ รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแหะ ควรหาเรื่องคุยดีไหมนะ……

“ทำไมเธอถึงร้องไห้ล่ะ”

“เอ๊ะ?!!”

“ผมเห็นมันนะ น้ำตาของเธอ”

“ค-คงจะเป็นเพราะฉันกลัวล่ะมั้งคะ ก็ชายวัยกลางคนคนนั้น น่ากลัวจะตายไป”

“ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้น ก่อนหน้านั้นอีก”

“ก่อนหน้านั้นเหรอคะ...ค-คุณมองอยู่ อย่างงั้นเหรอคะ”

“ใช่แล้วล่ะ มองอยู่ตลอด ตั้งแต่ที่เธอทำหน้าเศร้าใจ ตั้งแต่ที่เธอเริ่มร้องไห้ออกมา ฉันก็ดูอยู่ตลอด”

“น-น่าขนลุก...อ่ะ!! ขอโทษค่ะ”

“ฮ่าๆๆ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ผมชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น เป็นนิสัยส่วนตัวไปแล้วล่ะครับ”

เขาถอนหายใจออกมา พร้อมกับยิ้มแห้ง เหมือนกำลังรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อนิสัยของตัวเองอยู่

“แต่ว่า ถ้ามันหนักเกินจะรับไหว ผมก็ยินดีที่จะช่วยแบกรับให้นิดหน่อยนะครับ ถ้าเธอต้องการ”

เอ๊ะ?!......ไม่รู้ทำไม พอได้ยินสิ่งที่เขาพูด มันก็ทำให้ฉันรู้สึกปลื้มปลิติอย่างบอกไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ฉันต้องการตั้งแต่แรก ความต้องการที่อยากจะมีใครสักคนมาถามเรื่องราวภายในใจ โดยที่ฉันไม่ต้องเอ่ยขอสักคำ......แต่ว่าฉันยังรู้จักเขาได้ไม่นาน จะให้บอกเรื่องราวทั้งหมดคงจะไม่ไหว เพราะจิตใจของฉันมันไม่กล้าพอ ฉันไม่อยากเสี่ยงแบบนั้นอีกแล้ว โดยเฉพาะการคุยต่อหน้าแบบนี้

“ฉันมีความลับที่บอกใครไม่ได้น่ะค่ะ มันเป็นความลับที่ดำมืด ได้แต่เก็บไว้ในใจ ไม่เคยบอกใคร”

“พอนานเข้ามันก็รู้สึกอึดอัด จนในที่สุดก็ได้ตัดสินใจระบายออกไปในโลกอินเตอร์เน็ต”

“แต่ว่าผลลัพธ์......ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นล่ะค่ะ...”

“ความลับที่ดำมืดนั้น คงเป็นเรื่องที่จะให้ใครรู้ไม่ได้สินะครับ ผมเข้าใจ และ จะไม่ถามเรื่องนี้”

“สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็มีแต่ การอวยพร”

“สักวันหนึ่งจะต้องเจอแน่ คนที่เข้าใจ คนที่รับฟัง คนที่คอยให้กำลังใจ ขอให้อย่ายอมแพ้นะครับ”

คำพูดนั้นของเขา มันได้เข้าไปถึงส่วนลึกในจิตใจ ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับฉันมาก่อน รอยยิ้มอันเป็นมิตรมันช่างทำให้รู้สึกอบอุ่น มันทำให้ฉันรู้สึกดีจนมีกำลังใจมากขึ้น

“เอ่อ...คือว่า ขอบคุณค่ะ คุณ...”

“เรียกผมว่า อามาคุจิ ก็ได้ครับ”

“อ่ะค่ะ อามาคุจิ-ซัง จะเรียกฉันว่า อิซุมิ ก็ได้นะคะ”

“ด้วยความยินดีครับ”

“และก็ขอโทษที่พลั้งปากพูดไปว่าคุณน่าขนลุก ขอเปลี่ยนคำพูดใหม่นะคะ”

“คุณน่ะเป็นคนที่ใจดีมาก นิสัยชอบยุ่งเรื่องคนอื่นของ อามาคุจิ-ซัง ทำให้วันที่แย่กลายเป็นวันที่ดีได้”

“ฮ่าๆ ขอบคุณที่ชมครับ”

“......จริงๆแล้ว ผมเองก็มีความลับที่ดำมืดอยู่เหมือนกัน...”

“อ-เอ๋ จริงเหรอคะ”

“ครับ ถึงจะไม่ชอบ แต่ก็ต้องขอบคุณนิสัยชอบยุ่งเรื่องคนอื่น”

“ที่ทำให้ผมได้เจอกับเพื่อนๆ ที่รับฟังเรื่องราวความลับอันดำมืดของผม”

ฉันที่จ้องมอง อามาคุจิ-ซัง อย่างไม่ละสายตา อยู่ดีๆเขาก็หยุดเดิน พอมองดูรอบตัวถึงได้รู้ว่าพวกเรานั้นได้มาถึงหน้าโรงเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้

“ผมเองยังตามหาได้ เธอเองก็ทำได้เช่นกัน ขอให้โชคดีนะครับ”

อามาคุจิ-ซัง ยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเดินจากไป ตัวฉันนั้นยังคงยืนแน่นิ่งไม่ไหวติง วันนี้เป็นวันที่ความรู้สึกอันแปลกใหม่ ไหลพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายอย่างมากมาย แม้จะเป็นการคุยเพียงสั้นๆ แต่มันทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ไม่ได้ระบายทุกสิ่งที่อยู่ในใจ แต่แค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้สุขใจ

ขอบคุณมากค่ะ อามาคุจิ-ซัง หวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก

 

“อิซุมิ อารุณสวัสดิ์!”

มีเสียงของหญิงสาวกำลังเรียกชื่อฉัน เมื่อหันไปมองก็เป็นคนที่คุ้นเคย เป็นหญิงสาวสองคน ที่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าพวกเธอคือเพื่อนสาวของฉัน

คนหนึ่งเป็นสาวผมสั้นสีน้ำตาล ท่าทางร่าเริงเหมือนทอมบอย ชื่อว่า “ซูซุกิ อายาเนะ” เธอวิ่งเข้ามากอดฉันด้วยความสนิทสนม เป็นเรื่องน่าอายที่เคยซินเสียแล้วล่ะ

“อารุณสวัสดิ์นะ อิซุมิ”

อีกคนเป็นสาวผมยาวสีดำใส่แว่นตา มีท่าทางที่นุ่มนวล และ ดูขี้อายนิดหน่อย ชื่อว่า “โอโนะ มิกะ”

“อืม ออารุณสวัสดิ์นะ ทั้งคู่เลย”

“นี่ๆ อิซุมิ ผู้ชายที่เดินมาด้วยเมื่อกี้นี้ ใครน่ะ”

“เอ๋?! พวกเธอเห็นด้วยเหรอ”

“ก็เห็นจากไกลๆน่ะนะ พวกเรามาไม่ทัน ก็เลยเห็นหน้าเขาไม่ชัด นี่เธอไปแอบมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ม-ไม่ใช่นะ”

“อายาเนะ เธอไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวแบบนั้นนะ”

“แหม~ ก็ฉันอยากรู้นี่นา เธอเองก็ไม่อยากรู้หรือไง มิกะ”

“ก-ก็นิดหน่อย”

“เห็นไหม มิกะ ยังอยากรู้เลย ดังนั้นเล่ามาซะ อิซุมิ”

“พวกเธอทั้งคู่น่ะเข้าใจผิดแล้วนะ เขาไม่ใช่แฟนฉันสักหน่อย”

“แล้วทำไมดูสนิทกันจังเลยล่ะ”

“ก-ก็ เขาช่วยฉันนิดหน่อยน่ะ พวกเราก็เลยเดินคุยกันจนมาถึงโรงเรียน เรื่องมันก็มีแค่นั้นเอง”

“แค่นั้นเองเหรอ ไม่สนุกเลย~”

“ว่าแต่เขาเป็นใครเหรอคะ ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเขามากเลยล่ะค่ะ”

“อ่อ รู้สึกว่าเขาจะชื่อ อายาโนะ อามาคุจิ น่ะนะ เท่าที่ฉันจำได้”

“อามาคุจิ-ซัง…อย่างงั้นเหรอ?!”

“เอ๊ะ?! มิกะ-จัง รู้จักเขาด้วยเหรอ”

“ค่ะ......”

ไม่รู้ทำไม พอพูดถึง อามาคุจิ-ซัง มิกะ ก็มีท่าทีแปลกไป ดูกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก

“อ่ะ เสียงกระดิ่งดังแล้วพวกเรารีบไปกันเถอะ”

“จริงด้วย ต้องรีบแล้ว ไม่งั้นเข้าเรียนสายแน่เลย”

“อามาคุจิ-ซัง...กับ...อิซุมิ...อย่างงั้นเหรอ”

“เร็วเข้ามิกะ!!”

“อ่ะ! ค่ะ!!”

ชีวิตในรั้วโรงเรียนม.ปลายทั่วไป ชีวิตที่สงบ และ แสนเรียบง่าย พร้อมกับเหล่าเพื่อนสาวอันเป็นมิตร พวกเธอเป็นเพื่อนที่ดี คอยพาฉันไปเที่ยวเล่นตามที่ต่างๆด้วยกัน พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ และ คอยมอบความสุขให้ฉัน ในฐานะเพื่อนสาว จนบางครั้งก็รู้สึกว่า ตัวฉันมันไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนพวกเธอ

“สักวันหนึ่งจะต้องเจอแน่ คนที่เข้าใจ คนที่รับฟัง คนที่คอยให้กำลังใจ ขอให้อย่ายอมแพ้นะครับ”

แต่ว่า...คำพูดของ อามาคุจิ-ซัง ยังติดค้างอยู่ในความคิด อาจเป็นเพราะตัวฉันเองก็คาดหวังเอาไว้ ว่าสิ่งที่เขาพูดจะกลายเป็นจริง ชีวิตที่สงบสุขในตอนนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่มันกลับรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เหมือนกับว่าฉันไม่คู่ควรที่จะอยู่ที่นี่ ที่แห่งนี้ กับผู้คนเหล่านี้ ที่แสนดี ที่ปกติ ที่ไม่ใช่ตัวตนอันแปลกประหลาด และ น่ารังเกียจอย่างฉัน

ชีวิตของฉันต่อจากนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหรือเปล่านะ ฉันหวังอยู่ในใจ พร้อมมองไปยังต้นไม้ใหญ่สีเขียวกลางโรงเรียน อันแสนสวยงาม

ก็หวังการเปลี่ยนแปลงอยู่หรอก แต่ไม่ใช่แบบนี้!!!

ณ โถงทางเดินที่สาดส่องด้วยแสงอาทิศย์อัสดง พร้อมความเงียบสงัดว่างเปล่าไร้ผู้คน มีเพียงแค่ตัวฉันกับอาจารย์ชายวัยกลางคน ที่กำลังยืนประชันหน้ากันด้วยบรรยากาศอันตรึงเครียด ตัวฉันยืนแน่นิ่งมือไม้สั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ทางอาจารย์กลับกำลังยืนใช้มือถืออย่างสบายใจ มือถือนั้นเป็นของฉันเอง นอกจาก นั้น มันก็ยังเป็นสิ่งที่เก็บรวบรวมความลับอันดำมืดของฉันเอาไว้ทั้งหมด แต่ตอนนี้มันอยู่ในมือของเขา ......เขาก็ได้เห็นทุกอย่าง......สิ่งที่ฉัน......ไม่อยากให้ใครเห็น......

“ซาซากิ อิซุมิ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่ดูธรรมดาอย่างเธอ ที่แท้ก็เป็นพวก......ใคร่เด็ก......”

ชีวิตของฉัน......จบสิ้นแล้ว......

02 โชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

เฮ้อ~ วันธรรมดาจบไปอีกวันแล้วสินะ พระอาทิตย์ยามเย็นเนี่ย สวยจังเลยนะ~

“อิซุมิ!! ไปคาราโอเกะกันเถอะ”

“คาราโอเกะเหรอ...”

“ใช่ๆ พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันมาสักพักแล้วนะ เพราะเราต้องแยกทางกันกลับบ้านตลอดเลย”

“นั่นสินะ เพราะบ้าน อิซุมิ อยู่คนละทางกับพวกเรา ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวด้วยกันหลังเลิกเรียนเลย”

“คาราโอเกะ สินะ...อืม!! ไปสิ ฉันเองก็คาดหวังอยู่เหมือนกัน”

“เย้!!~”

ยังไงวันนี้ก็เจอเรื่องเครียดมามากมายเลยล่ะนะ ไปเที่ยวเพื่อผ่อนคลายสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

......

“ว่าแต่เราจะไปร้านไหนดีล่ะ”

“แปบนะ ขอฉันลองดูในเน็ตก่อนนะ......เอ๊ะ?!”

“หืม?...เป็นอะไรเหรอ อิซุมิ”

“ม-ไม่เจอ!! มือถือของฉันหาไม่เจอเลย ปกติฉันจะเก็บไว้ในกระเป๋านักเรียนนี่นา แต่ตอนนี้มันหายไป”

“เอ๋!? เธอแน่ใจนะ ค้นทั้งกระเป๋าแล้วหรือเปล่า”

“แน่ใจสิ ฉันค้นจนของข้างในเละเทะหมดแล้ว!!”

“หรือว่า อาจจะทิ้งไว้ที่อื่นหรือเปล่าคะ”

“อ่า!!!...จำได้แล้ว...ปัดโธ่เอ๊ย!!! ตัวฉัน”

“อะไรเหรอ อิซุมิ”

“ฉันวางมือถือไว้บนโต๊ะน่ะ แต่ลืมเก็บใส่กระเป๋า”

“พอพวกเธอมาเรียก ก็หยิบแค่กระเป๋า และ เดินตามพวกเธอมาเลย”

“งั้นมือถือของเธอตอนนี้ก็วางอยู่โต๊ะนักเรียนของเธอน่ะสิ”

“ย-แย่แล้วค่ะ! อาจจะมีใครสักคนขโมยไปแล้วก็ได้…”

“มองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า…มิกะ”

“ย-ยังไงก็เถอะ ฉันขอไปหยิบมือถือของฉันก่อนนะ จะรีบวิ่งไปเลย พวกเธอรอก่อนนะ”

“อืม โชคดีนะ อิซุมิ”

......

แฮ่กๆๆๆ ในที่สุดก็ถึงสักที เหนื่อยเป็นบ้าเลย ฉันยิ่งไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ด้วย นี่ยังต้องวิ่งกลับด้วยใช่ไหมเนี่ย แค่คิดก็เหนื่อยแล้วอ่ะ~......ยังไงตอนนี้ก็ดูมือถือก่อนดีกว่า

......

ยังอยู่ที่เดิมเลยแฮะ โล่งอกไปที แต่ต้องรีบแล้วสิ เพื่อนๆกำลังรออยู่......เอาล่ะ...วิ่ง!!

กริ๊ง!!

อ้าว?! ใครแชทมาตอนนี้เนี่ย คนกำลังวิ่งอยู่......ด-ได-คุง อย่างงั้นเหรอ?!!

“คืวา ผมคิดถึงพี อิชุมิ คัพ เมือไร่จาไดเจอกันอีก”

อร้าย~ ได-คุง น่ารักที่สุดเลย ทั้งที่พึ่งจะ 6 ขอบ แต่ก็ยังอุตส่าห์แชทมาหาจนได้นะเนี่ย ถึงจะพิมพ์ผิดเยอะไปหน่อยก็เถอะ

อ๊า!!!

......

จ-เจ็บจัง......เมื่อกี้เดินชนอะไรเนี่ย มัวแต่อ่านแชทของ ได-คุง ไม่ได้มองทางตอนวิ่งเลย โธ่เอ๊ย!!! ตัวฉัน

ล-แล้ว...มือถือของฉันอยู่ไหนกัน......

......

อ-อาจารย์......มีอาจารย์ชายวัยกลางคนกำลังดูมือถือของฉันอยู่...ม-ไม่นะ!!! ลุกขึ้น!! รีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!!!

เจ็บ!!! แต่ว่า!! ต้องเอามือถือคืนมาให้ได้!! ไม่ว่ายังไง!! ไม่ต้องขอร้อง!! ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!! แย่งออกมาจากมือของเขา!! คว้ามันมา!! ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป……ก่อนที่ชีวิตนี้ของฉันจะจบสิ้น……

ฉันใช้แรงทั้งหมดที่มี เพื่อที่จะคว้ามือถือมาจากเขา แต่ทำไม...ทำไมมันช่างเบาหวิว...ทำไมมันช่าง...ว่างเปล่า...ฉันรู้สึกเหมือนกำลังล่องรอย ในมิติอันหยุดนิ่ง หัวของฉันขาวโพลนไปหมด......ทำไม...ทำไม ทำไม! ทำไม!! ทำไม!!! ทำไมต้องหลบด้วย โธ่เอ๊ย!!!

“ใจเย็นก่อนสิ ฉันยังดูไม่เสร็จเลย”

เขาพูดอะไร...ฉันไม่เข้าใจ...นั่นมันมือถือของฉันนะ เขามีสิทธิ์อะไรมาใช้มือถือของฉันตามใจชอบ ไม่ได้!! ยังไงก็ไม่ได้!! คิดซิ อิซุมิ!! คิด!! ยังก็ต้องเอากลับมา

“อาจารย์คะ!!! ได้โปรดคืนมือถือของฉันด้วยเถอะค่ะ!! ในนั้นน่ะ...มันมีหนังโป๊อยู่ค่ะ!!”

ฉันก้มหัวขอร้อง และ พูดเรื่องน่าอายออกไป จนต้องหลับตาหน้าแดงด้วยความอับอาย แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอามือถือคืนมาให้ได้ ไม่ว่ายังไง

“โห~ ตกใจเลยนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะกล้าพูดแบบนั้น แต่เธอไม่คิดเหรอว่า มันสายเกินไปแล้ว”

“......ม...ไม่จริงใช่ไหม......”

และนั่นก็คือเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ ก่อนที่ฉันจะต้องมาประเชิญหน้ากับเขา ก่อนที่เขา...จะรู้ความจริงทุกอย่าง...ร่างกายของฉันเริ่มหมดแรงจนแทบจะยืนไม่ได้ จนต้องก้มไปจับขาตัวเอง เพื่อให้มันหยุดสั่น ฉันหายใจเข้าออกอย่างสั่นรัว เหมือนกับกำลังจะขาดใจ จะทำยังไงดี......จะทำยังไงดี......

--------------------------------------------------

“ฉันจะช่วยปกปิดเป็นความลับให้เอาไหม”

“เอ๊ะ?!”

“แต่เธอจะต้องทำตามที่ฉันสั่ง ตามฉันมา เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว”

น-นี่ฉัน...กำลังถูกแบล็คเมล์อย่างงั้นเหรอ...ฉันจะทำยังไงดี...นอกจากทำตามคำสั่งแล้ว ฉันไม่มีตัวเลือกอื่นเลยเหรอ......ถ้าใช้กำลังแย่งมือถือคืนจากเขาล่ะ...ฉ-ฉันจะไหวเหรอ ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดา...แต่ว่า...ฉันเองก็มีอยู่ไม่ใช่เหรอ อาวุธป้องกันตัวน่ะ มีดคัตเตอร์ในกระเป๋าของฉันน่ะ อาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่คิดว่าน่าจะพอทำอะไรได้บ้าง

ต-แต่ว่า ถ้าเกิดเขาขัดขืนได้ล่ะ หรือ ต่อให้แย่งมือถือคืนมาได้ ถ้าเขาขู่จะเอาเรื่องของฉันไปพูดล่ะ ถึงแม้เขาจะไม่มีหลักฐาน แต่เขาเป็นอาจารย์นะ มันก็ต้องมีคนที่อาจจะเชื่อในคำพูดของเขาอยู่ก็ได้ ล-แล้วถ้าเกิดเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกครอบครัวของฉันล่ะ พวกเขาจะคิดยังไง......โธ่เอ๊ย!!! นี่ฉันทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ

งั้นถ้าฉันฆ่าเขาทิ้งไปเลยล่ะ......น-นี่ฉันคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย คิดจะฆ่าคนอย่างงั้นเหรอ......แต่ว่า นั่นก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ แค่นี้ก็ได้มือถือคืน แถมไม่ต้องกลัวว่าเขาจะมาข่มขู่อีก......แต่ อิซุมิ!!! นั่นมันฆ่าคนเลยนะ!! คิดเหรอว่าเรื่องมันจะจบลงง่ายๆน่ะ......แต่การถูกเปิดโปงมันเลวร้ายกว่าไม่ใช่หรือไง แค่ถูกจับข้อหาฆาตกรรม มันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย ถ้าเทียบกับเรื่องนี้......

ต-แต่ว่า แล้วครอบครัวของฉันล่ะ แล้วยังเพื่อนของฉันอีก พวกเขาจะโดนอะไรบ้าง ถ้าฉันได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรน่ะ......งั้น...ถ้าฉันทำตัวเป็นเหยื่อล่ะ ทำเหมือนกับว่าฉันกำลังโดนคุกคาม ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อป้องกันตัว แค่นั้นทุกคนก็จะเห็นใจฉัน ยังไงสถานการณ์นี้ ฉันก็ดูเหมือนเป็นเหยื่ออยู่แล้วนิ

อ่า ใช่ๆ วิธีนี้อาจได้ผลก็ได้ จริงด้วยนะ...ต-แต่ว่า ถ้าเขาขัดขืนได้ จนเป็นฝ่ายที่ฆ่าฉันแทนล่ะ...ย-อย่างน้อย ถ้าสิ่งที่เขาขอ มันไม่ได้ผิดศิลธรรม หรือต้องเอาร่างกายเข้าแลก ฉันก็อาจจะพอทำให้ได้ อย่างเช่นเรื่องเงิน หรืออาจจะให้ช่วยเรื่องงาน อะไรพวกนี้......ขอให้เป็นอย่างนั้นทีเถอะ ฉันไม่อยากฆ่าคน ฉันกลัว......

“นี่เธอ สรุปจะมาไหม ห๊ะ!!!”

เสียงตระโกนของเขาทำให้ฉันตกใจ มือของฉันมันสั่นไม่หยุดเลย ตั้งแต่ที่ฉันคิดเรื่องฆ่าคน ฉันก็รู้สึกกลัวไปหมด ทั้งที่ทำใจเอาไว้แล้วแท้ๆ ถ้าถึงเวลานั้นฉันจะทำได้จริงๆน่ะเหรอ......ยังไงตอนนี้ก็คงมีแต่ทำตามคำสั่งของเขาไปก่อน

“ค-ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี รีบไปกันได้แล้ว”

กริ๊ง!!!

“หืม...มีคนแชทมางั้นเหรอ...ดูเหมือนเพื่อนของเธอจะยังรอเธออยู่...ถ้าเป็นเธอจะตอบพวกเขาว่าอะไร”

“อ...เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยนะ แต่ฉันติดธุระน่ะ คงไปด้วยไม่ได้แล้ว......ตอบไปอย่างนี้ก็ได้ค่ะ”

“อืม เป็นความคิดที่ดี งั้นก็ตอบไปอย่างงั้นละกัน...แค่นี้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง พวกเราไปกันได้แล้ว”

ขอโทษด้วยนะ...อายาเนะ...มิกะ...ทั้งที่สัญญากันเอาไว้แล้วแท้ๆ......ขอโทษจริงๆ ที่พวกเธอต้องมาเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉัน......

หลังจากนั้น ฉันกับอาจารย์ก็เดินไปด้วยกัน โดยที่ฉันแทบไม่รู้จุดหมาย ได้แต่เดินตามหลังของเขาไป บรรยากาศเงียบสงัด มีแค่เสียงรองเท้าดังก้องไปทั่วทางเดินโรงเรียน ฉันได้แต่เดินก้มหน้า และหวังว่าเรื่องแบบนี้จะจบลงสักที

ฉันเดินผ่าน ห้องเรียน ห้องพักครู ห้องปกครอง ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าห้องพวกนี้เลย จนมาถึงเขตห้องชมรม ห้องแรกผ่าน ห้องสองห้องสาม ค่อยๆผ่านไป จนในที่สุดฝีเท้าที่เดินมาอย่างต่อเนื่อง ก็ได้หยุดลง ที่หน้าห้องชมรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ปลายทางสุดท้าย ไม่มีทางให้เดินต่ออีกแล้ว และก็ไม่มีห้องอื่นๆ อยู่ใกล้แถวนี้ด้วย...เป็นห้องที่เหมาะสุดๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะไม่มีใครได้ยินหรือเห็นอะไรทั้งนั้น......ฉันคิดอย่างนั้น......

ทางฝั่งอาจารย์ใช้กุญแจของเขา เปิดเข้าห้องไปอย่างง่ายดาย เหมือนกับว่าคุ้นเคยกับห้องนี้เป็นอย่างดี ฉันที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างนอก มองไปยังป้ายที่ติดอยู่บนประตูห้อง

“ชมรมพูดคุย” เป็นชื่อชมรมที่แปลกดีนะ ไม่รู้เลยว่าชมรมนี้เขาทำอะไรกัน แต่ที่รู้เลยก็คือ ต่อจากนี้คงมีเรื่องที่เรียกได้ว่า ตื่นเต้นระทึก เกิดขึ้นในห้องชมรมนี้ ในอีกไม่ช้าแน่นอน

......อาวุธของฉันยังอยู่ดีสินะ......ฮ่า~......ขอให้วันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเถอะ!! ขอร้องล่ะ!!

ฉันเดินเข้าไปที่ห้องชมรม ข้างในนั้นเป็นห้องธรรมดา มีโต๊ะเล็กๆตั้งอยู่ตรงกลาง มีโซฟาสี่ตัวตั้งล้อมโต๊ะนั้นเอาไว้ มีทั้งแบบสั้น และ แบบยาว ตามขนาดของโต๊ะ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย อาจารย์นั่งลงที่โซฟายาว ข้างหลังของเขามีโต๊ะใหญ่ตั้งอยู่ พร้อมกับเอกสารมากมาย

หลังโต๊ะมีหน้าต่าง ที่ตอนนี้กำลังถูกสาดส่องไปด้วยอาทิตย์อัสดง ที่มุมห้องมีของอำนวยความสะดวกต่างๆ แม้กระทั่งที่ชงชา ครั้งแรกที่เห็นห้องนี้ ก็รู้สึกประทับใจนิดหน่อย แต่ว่า ก็รู้อยู่แก่ใจว่าห้องนี้ จะเป็นห้องที่ตัดสินชีวิตของฉัน

“นั่งสิ”

เขาชี้ไปที่โซฟายาว ที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ฉันก็นั่งตามที่เขาสั่ง

“ขอแนะนำตัวก่อนละกัน ฉันชื่อ อาซึซิ ฮาจิเมะ เป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ฉันชื่อ ซาซากิ อิซุมิ ค่ะ ยินดี...ที่ได้รู้จัก...เช่นกันค่ะ...”

“อิซุมิ สินะ ไม่ว่าจะเรื่องสังคม หรือ ผลการเรียน มันก็ดูธรรมดาไปหมด”

“ไม่คิดจริงๆ ว่าคนแบบเธอจะเป็นพวกใคร่เด็กไปได้ ฮ่าๆๆ”

“......”

“ที่ฉันเรียกเธอมาที่นี่ เพราะฉันอยากคุยกับเธอ แต่ก็กลัวคนอื่นจะได้ยิน ฉันหวังดีกับเธอรู้ไหม”

“ง-งั้น ช่วยคืนมือถือให้ฉันได้ไหมคะ และก็ช่วยลืมสิ่งที่เห็นทั้งหมดด้วย”

“อืม...มันก็ได้อยู่หรอก แต่ต้องตอบแทนกันสักหน่อยสิ ฉันอุตส่าห์หยิบมือถือขึ้นมาให้เธอเลยนะ”

“ค-คุณต้องการอะไรจากฉันอย่างงั้นเหรอคะ...”

“เฮ้อ~ นั่นสินะ ฉันจะเอาอะไรจากเธอดีนะ”

“ถ-ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ ฉันพอมีอยู่บ้างนะคะ...”

“เงินอย่างงั้นเหรอ......ไม่อ่ะ ไม่สนใจ สิ่งที่ฉันสนใจมันไม่ใช่เงินหรอกนะ”

“ง-งั้น จะให้ฉันช่วยเรื่องงานใช่ไหมคะ ฉันอาจจะทำได้ไม่ดีมาก แต่ก็จะพยายามค่ะ”

“อืม......ไม่อะ ไม่จำเป็น ฉันจัดการงานของฉันเองได้”

“ง-งั้น สิ่งที่คุณต้องการก็คือ......”

“สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ......ตัวเธอยังไงล่ะ”

เขาชี้นิ้วมาที่ฉัน พร้อมรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ ดวงตาของฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจ......ว่าแล้วเชียว คิดเอาไว้ไม่มีผิด ฉันกำมีดคัตเตอร์ที่อยู่ในกระเป๋าอย่างแน่น มือไม้สั่นไม่หยุด ดวงตาวอกแวกไปมา อย่าเชียวนะ อย่าให้ฉันต้องทำนะ

“ฮ่าๆๆ ดูเธอสิ สั่นเป็นเจ้าเข้าเชียว เธอคงคิดไปไกลแล้วสินะ คงกลัวมากเลยสินะ”

“แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอก ที่ฉันพูดน่ะ ไม่ได้หมายถึงเรื่องลามกหรอกนะ”

“เอ๊ะ?!! ไม่ใช่เรื่องลามกหรอกเหรอ...”

“ใช่!! ฉันน่ะมีสาวสวยคอยพลีกลายให้ฉันตั้งมากมายอยู่แล้ว”

“ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสกปรก เพื่อมีอะไรกับผู้หญิงหน้าตาธรรมดาอย่างเธอหรอกนะ”

“ล-แล้วที่ว่าต้องการตัวฉัน คืออะไรกันแน่คะ”

“เธอรู้ไหม ที่เรานั่งอยู่เนี่ย คือห้องอะไร”

“อ...เอ่อ...ห้องชมรมพูดคุยใช่ไหมคะ”

“อ่า!! เธอเนี่ยช่างสังเกตดีนะ ก็ตามนั้นล่ะ”

“ล-แล้ว มันทำไมเหรอคะ”

“ก็ฉันน่ะ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของชมรมนี้น่ะสิ”

“อ...เอ่อ...อย่างงั้นเหรอคะ เพราะงั้นถึงได้มีกุญแจของห้องนี้สินะคะ”

“แล้วเธอเคยคิดบ้างไหม ชื่อชมรมมันฟังดูไร้สาระดีนะ แต่ที่จริงแล้ว ที่ชมรมนี้ มันมีอะไรมากกว่านั้น”

“เอ๊ะ?! ชมรมที่ดูธรรมดาแบบนี้ มีอะไรแปลกๆอย่างงั้นเหรอคะ”

“ต้องแปลกอยู่แล้ว นั่นก็เพราะที่นี่ เป็นแหล่งรวมพวกสมองมีปัญหา พวกวิปริตวิปราต พวกโรคจิต”

น-นี่มัน ชมรมบ้าอะไรกันเนี่ย!!...ไม่สิ ที่น่าตกใจกว่าก็คือ นี่ฉันกำลังนั่งคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของชมรมแบบนั้น ในห้องชมรมที่ว่านั่น อย่างงั้นเหรอเนี่ย

“เธอดูท่าทางตกใจนะ แต่ขอบอกเธอเอาไว้ ว่าฉันน่ะเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่ได้โรคจิตเหมือนพวกนั้น”

จ-จะเชื่อได้จริงๆเหรอ......และก็ พอนึกถึงพวกโรคจิต ภาพที่ขึ้นมาในหัวก็มีแต่พวกผู้ชายอ้วนๆ หน้าตาหื่นกระหาย และก็หน้าตาน่ากลัว......ถ้าเจอคนพวกนั้น ฉันคงวิ่งหนีไม่คิดชีวิตเลยล่ะ

“สรุปก็คือ ฉันอยากให้เธอเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมของที่นี่น่ะ”

“อ-เอ๊ะ?!....น-นี่พูดจริงใช่ไหมคะ”

“หน้าของฉันเหมือนคนพูดเล่นเหรอ......แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอ มันก็เหมาะกับคนโรคจิตอย่างเธอดีนิ”

ม-ไม่...ไม่ใช่นะ! ฉันไม่ใช่โรคจิตนะ ฉันก็แค่มีรสนิยมรักเด็กแค่นั้นเอง แถมฉันยังไม่เคยทำอะไรเกินเลยกับเด็กพวกนั้นด้วย นอกจากเรื่องรักเด็กแล้ว ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา......ฉันก็แค่ถ่ายรูปพวกเขาตอนโป๊ กับ ตอนที่เล่นกับพวกเขา เพื่อเอาไว้ช่วยตัวเอง แค่นั้นเองนะ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย...ไม่เอา!! ไม่เอาเด็ดขาด!! หากต้องอยู่ร่วมกันกับคนพวกนั้นแล้วล่ะก็......ฉันต้องตายแน่ๆเลย

“ล-แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ”

“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!!! ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เธอน่ะ อยู่ในสถานะที่ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธอะไรทั้งนั้น!!!”

“เธอจะต้องทำตามที่ฉันสั่ง!! ไม่ว่าเธอจะชอบหรือไม่ก็ตาม!!”

ฉัน......พูดอะไรไม่ออกเลย...มันจุกอยู่ข้างใน...ฉันได้แต่ก้มหน้ามองพื้น...ทั้งชีวิตของฉันไม่เคยโดนคุกคามขนาดนี้มาก่อน ฉันใช้ชีวิตปกติมาตลอด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว......มือของฉันกำกระโปรงไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว......ฉันในตอนนี้ อย่างกับลูกหมาจนตรอก

“พรุ่งนี้ ให้เธอมาที่ห้องชมรมนี้ เวลาเดิม แล้วเราค่อยจัดการเรื่องของเธอต่อจากนั้น”

“และก็ ฉันได้โอนข้อมูลจากมือถือของเธอ เข้ามาที่เครื่องของฉันหมดแล้ว อย่าได้คิดตุกติก”

ทันทีที่เขาพูดเสร็จ เขาก็ยืนขึ้นแล้วเดินมาหาฉัน พร้อมกับยื่นมือถือมาให้ฉัน ตัวฉันที่รู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ก็ได้หยิบมือถือนั้นเอาไว้ ถึงแม้ว่ามันแทบจะไร้ความหมายแล้วก็เถอะ เพราะทุกอย่างอยู่ที่เขาหมดแล้ว ฉันน่ะ...ทำอะไรไม่ได้แล้ว......

ฉันทำอะไรไม่ได้แล้วอย่างงั้นเหรอ...ไม่ได้สักอย่างเลยเหรอ...ไม่สิ ยังมีอยู่ไม่ใช่เหรอ สิ่งที่ฉันทำได้น่ะ และ ตอนนี้โอกาศมันก็เหมาะสุดๆเลยไม่ใช่เหรอ เขาเข้ามาใกล้ตัวฉันโดยที่ไม่ได้มีท่าทีระวังตัวอะไรเลย แบบนี้ก็ทำได้ไม่ใช่เหรอ...แบบนี้ก็ฆ่าเขาได้ไม่ใช่เหรอ...

ใช่!! ใช่แล้ว!! แค่ฉันฆ่าเขาซะ!! ทุกอย่างก็จะจบ แค่ฉันฆ่าเขาซะ!! แค่นี้ฉันก็เป็นอิสระ ฆ่า!! ฆ่าเลย!! ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น!! ฆ่าเขาซะ!! เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว!!! มันจะได้จบสักที!!!…จบสักที...จบ......

“เข้าใจที่ฉันพูดไหม ห๊ะ!!!”

“อ่ะ...ค่ะ...”

“งั้นก็รีบไสหัวออกจากห้องนี้ได้แล้ว”

“ค-ค่ะ...”

ฉันเดินออกมาจากห้องชมรมนั้นด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่พูดอะไร เอาแต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น...สุดท้ายแล้ว ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ฉันปล่อยให้โอกาศสำคัญหลุดรอดไป......ต-แต่ว่า มันก็ถูกต้องแล้วนิ เขาเองก็ไม่ได้ขออะไรที่มันเกินตัวของฉันด้วย แค่ขอให้ฉันเข้าชมรมเอง ฉันก็แค่ลองไปเยี่ยมชมรมนั้นดูสักครั้ง ถ้าฉันไม่ชอบก็แค่ออกมาก็ได้นิ......

นั่นมันก็แค่......คำแก้ตัวจากคนที่ขี้ขลาดอย่างฉันก็เท่านั้น ชมรมนั่นเป็นชมรมแบบไหน เขาเองก็บอกอยู่ไม่ใช่เหรอ หากฉันต้องได้เข้าไปที่ห้องชมรมนั้นอีก ครั้งต่อไปพวกสมาชิกชมรมโรคจิตนั่น ก็คงอยู่ด้วย และ จะทำอะไรกับฉันบ้างก็ไม่รู้ แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันไม่สามารถออกมาได้ หรือหนีไปไหนได้ เพราะฉันได้ตกเป็นทาสให้กับเขา ต้องทำตามที่อาจารย์คนนั้นสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้......

03 ชายผู้แสนดี อายาโนะ อามาคุจิ

ท้องฟ้าใกล้มืดค่ำ ตัวฉันเดินอยู่ข้างถนนตามลำพัง ฉันจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองมาถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันมีหลายอย่างให้คิดมากเกินไป แต่มันก็ใกล้จะถึงบ้านฉันแล้วล่ะ หวังว่ากลับบ้านไป จะทำให้อาการดีขึ้น

แสงไฟตามที่ต่างๆเริ่มเปิดขึ้น ฉันก้าวเดินอย่างช้าๆด้วยความเหนื่อยล้า แสงไฟนีออนสวยดีนะ ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันเจอเรื่องแย่ๆ ก็คงจะชื่นชมมันได้อย่างเต็มที่

ฉันมองไปยังร้านต่างๆ ข้างในร้านมีผู้คนมากมายกำลังสนุกสนานกัน แต่ฉันในตอนนี้คงทำแบบพวกเขาไม่ได้ ฉันอิจฉาพวกเขาจัง ที่สามารถใช้ชีวิตปกติสุข

ที่ร้านฟิตเนสแห่งหนึ่ง มีผู้คนใช้งานอยู่นิดหน่อย ดูแล้วก็น่าเล่นดี จำไม่ได้แล้วแฮะ ว่าออกกำลังกายล่าสุดตอนไหน มีคนบอกว่าการออกกำลังกายจะช่วยทำให้จิตใจสดชื่นขึ้น นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะ......

......

“นั่นมัน...อามาคุจิ-ซัง?!!”

ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่พึ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่การที่ได้เห็นเขา มันก็ทำให้ฉันรู้สึกดีใจขึ้นมานิดหน่อย...ขาของฉันหยุดเดิน และจ้องมองไปที่เขาอย่างไม่ละสายตา ทันใดนั้น ความคิดในหัวก็ผุดออกมา

วันนี้...บางที...ออกกำลังกายสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

ฉันตัดสินใจก้าวเดินเข้าไปยังร้าน มีคุณพนักงานต้อนรับมาทักทายนิดหน่อย เพราะเห็นว่าเป็นลูกค้าใหม่จึงให้เข้าฟรี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันใส่ใจ สิ่งที่ฉันสนใจตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว...นั่นก็คือ อามาคุจิ-ซัง

ฉันค่อยๆเดินย่องไปอย่างช้าๆ หัวใจของฉันเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น อามาคุจิ-ซัง นอนยกน้ำหนักอย่างตั้งใจ ไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนของฉัน และนั่นล่ะคือสิ่งที่ฉันต้องการ

ทั้งที่เครียดมาโดยตลอด แต่สิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ มันก็รู้สึกสนุกจนทำให้ฉันยิ้มออกมาได้นิดหน่อย

“เจอกันอีกแล้วนะคะ อามาคุจิ-ซัง”

“อ-เอ๊ะ?!!...อ-อิซุมิ อย่างงั้นเหรอ”

“ค่ะ ฉันเองค่ะ ซาซากิ อิซุมิ”

......

“แล้ว...มีอะไรอย่างงั้นเหรอ”

“ก-ก็ ฉันอยากออกกำลังกายน่ะค่ะ พอดีเห็น อามาคุจิ-ซัง เลยเข้ามาทักทาย”

“การทักทายของเธอเนี่ย มันทำฉันตกใจมากเลยรู้ไหม ฉันเกือบยกน้ำหนักพลาดแน่ะ”

“ข-ขอโทษค่ะ...”

“ไม่เป็นไร ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ อยากออกกำลังกายใช่ไหม เดี๋ยวฉันช่วยด้วยละกัน”

“ขอบคุณค่ะ ฝากตัวด้วยค่ะ”

หลังจากนั้น อามาคุจิ-ซัง ก็คอยแนะนำเรื่องออกกำลังกายให้ฉันมากมาย คอยดูแลเอาใจใส่ฉันอย่างใกล้ชิด อามาคุจิ-ซัง ใจดีมากเลยล่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะพลาด ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เรื่อง แต่ก็ไม่เคยดุไม่เคยต่อว่าฉัน มีแต่คอยเป็นห่วงกลัวฉันจะบาดเจ็บ มันสนุกมากเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยไปหน่อย แต่ก็สนุกมาก มันทำให้ฉันรู้สึกสดชื่น จนลืมเรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

การออกกำลังกายจบลงแล้ว ฉันมานั่งพักพร้อมหอบด้วยความเหนื่อยล้า อามาคุจิ-ซัง เดินมาหาฉันด้วยรอยยิ้มสดใส ยื่นน้ำให้ พร้อมนั่งลงข้างๆฉัน

“ออกกำลังกายเป็นไงบ้าง”

“เหนื่อยมากเลยล่ะค่ะ แต่ต้องขอบคุณ อามาคุจิ-ซัง ที่ทำให้มันราบรื่นกว่าที่คิดเอาไว้”

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ......แล้วเรื่องเมื่อเช้าเป็นไงบ้าง ดีขึ้นบ้างไหม”

“เรื่องนั้น...ฉันไม่ใส่ใจแล้วล่ะค่ะ”

“งั้นเหรอ ก็ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องไปใส่ใจพวกคนในอินเทอร์เน็ตหรอกนะ ปวดหัวป่าวๆ”

“ยังไงก็อย่าให้ใครมาตัดสินตัวเธอได้ และเชื่อเถอะว่าสักวันต้องเจอแน่ คนที่เห็นคุณค่าในตัวเธอ”

“ค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ อามาคุจิ-ซัง”

อามาคุจิ-ซัง ใจดีจังเลยนะ เขาคอยเป็นห่วงฉัน คอยช่วยเหลือฉัน ความรู้สึกตอนนี้ เหมือนครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับเขา มันรู้สึกอบอุ่น มันรู้สึกปลอดภัย มันรู้สึกสบายใจ เหมือนได้คุยปรึกษากับผู้ใหญ่ที่พึ่ง พาได้......ไม่อยากให้เขารู้เรื่องอันน่ารังเกียจของฉันเลย...อยากให้เขายังคงรักษารอยยิ้มอันอบอุ่นนี้ไว้...

“ดูเหมือนว่าจะมืดแล้วแฮะ ให้ฉันเดินไปส่งไหม”

“เอ๊ะ?!”

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินกลับบ้านด้วยกัน ระหว่างทางก็พูดคุยเรื่องต่างๆมากมาย อามาคุจิ-ซัง พูดเก่งจนน่าตกใจ มันสนุกมากเลยล่ะ พวกเราพูดคุยกันเพลินจนเกือบเดินผ่านบ้านฉันไป และเมื่อถึงช่วงที่ต้องบอกลากัน มันก็ทำให้รู้สึกเศร้าใจนิดหน่อย ฉันยังอยากคุยกับเขาให้มากกว่นี้

สุดท้ายแล้ว อามาคุจิ-ซัง ก็เดินกลับบ้านคนเดียว ฉันก็ได้แต่โบกมือลาเขาที่หน้าบ้านของฉันนี่ล่ะนะ บ้านที่ฉันอยู่ เป็นอพาร์ทเม้นท์สูงหลายชั้น ฉันอาศัยอยู่ในห้องคนเดียว เพราะพ่อแม่ต้องไปทำงานต่างแดน ไม่ค่อยได้กลับมาบ่อยนัก ถึงกลับมาพวกเขาก็มีบ้านอีกหลัง ทำให้ยังไงฉันก็ต้องอยู่คนเดียว

แต่ฉันน่ะไม่เหงาหรอกนะ เพราะมีหลานชายหลายคนมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ โดยเฉพาะ ได-คุง...พอนึกถึง ได-คุง เรื่องแย่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกแล้ว ฉันเองก็อยากขอความช่วยเหลือหรอกนะ แต่ก็ไม่อยากให้ใครรู้รายละเอียดที่เกิดขึ้น ถึงจะน่าเศร้า แต่ตอนนี้ต้องช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น

ฉันเดินกลับเข้าห้องปกติ มันก็เงียบเหงาตามที่มันเคยเป็นล่ะนะ วันนี้ก็ไม่มีหลานๆมาเล่นด้วย แต่ตัวฉันกลับไม่ได้รู้สึกเหงาหรือเศร้าใจแต่อย่างใด ฉันปิดประตูล้มตัวนอนที่เตียงอันนุ่มนิ่ม วันนี้เหนื่อยมากเลยล่ะ

“อามาคุจิ-ซัง......อยากเจออีกเร็วๆจัง”

ตื่นเช้ามาอีกวัน ก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ตัวฉันก็ยังคงต้องเดินทางไปโรงเรียนตามเดิม ที่รถไฟสายเดิม แต่วันนี้มันแต่งตากจากทุกวันที่ผ่านมา เพราะฉันมีนัดสำคัญที่จะตัดสินชีวิตฉันต่อจากนี้ พอนึกถึงมันก็มีแต่ความรู้สึกแย่ๆเต็มไปหมด

แต่ก่อนอื่น......อามาคุจิ-ซัง อยู่ไหนนะ น่าจะอยู่แถวสถานีรถไฟนี้นิ......อ่ะ เจอแล้ว

“อามาคุจิ-ซัง อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

“เอ๊ะ?!! อ่อ อิซุมิ เองหรอกเหรอ อรุณสวัสดิ์นะ ดูร่าเริงดีนะวันนี้ รู้สึกไม่ชินยังไงก็ไม่รู้”

“ต้องขอบคุณ อามาคุจิ-ซัง นั่นล่ะค่ะ”

“งั้นเหรอ ดีใจที่ได้ช่วยนะ...แล้วออกกำลังกายเป็นไงบ้าง วันนี้ปวดเมื่อยตรงไหนบ้างไหม”

“อ่อ เรื่องนั้น รู้สึกว่าจะปวดนิดหน่อยนะคะ แต่ไม่มาก ต้องขอบคุณ อามาคุจิ-ซัง อีกนั่นล่ะ”

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ ยังไงก็ไปทางเดียวกัน สนใจที่จะเดินไปด้วยกันไหม”

“ค่ะ!! ไปค่ะ! ไป!”

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินด้วยกัน พวกเราคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยระหว่างทาง ฉันยิ้มให้เขาด้วยความร่าเรง เขาก็ยิ้มให้ฉันด้วยความอบอุ่น แต่เวลาผ่านไปได้สักพัก เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

โอโนะ มิกะ เพื่อนสาวของฉัน ได้มายืนดักรอระหว่างทาง นั่นทำให้ฉัน และ อามาคุจิ-ซัง ประหลาดใจต่อการปรากฎตัวของเธอ

“อิซุมิ...อารุณสวัสดิ์ค่ะ”

“อ-อืม...อารุณสวัสดิ์นะ มิกะ”

“และก็...อายาโนะ-ซัง อารุณสวัสดิ์ค่ะ”

“อ-เอ่อ อารุณสวัสดิ์นะ...แล้วเธอรู้จักฉันด้วยเหรอ”

“......ค่ะ รู้จักดี......แล้ว อายาโนะ-ซัง ล่ะคะ......รู้จักฉันหรือเปล่า”

“เอ่อ......โทษทีนะ ไม่รู้จักจริงๆ ต้องขอโทษด้วย”

“ค่ะ......ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจดี”

มิกะ วันนี้ดูแตกต่างไปจากทุกที บรรยากาศโดยรอบรู้สึกตรึงเครียดไปหมด จนฉันทำตัวไม่ถูก และสายตาที่เธอมองไปยัง อามาคุจิ-ซัง ก็แปลกมากด้วย

“คือว่า...ขอฉันคุยกับ อิซุมิ เป็นการส่วนตัวได้ไหมคะ”

“เธอว่าไง อิซุมิ”

“อ...เอ่อ...รบกวนด้วยค่ะ อามาคุจิ-ซัง”

“ถ้าเธอว่าอย่างนั้น......งั้นฉันไปก่อนนะ”

อามาคุจิ-ซัง เดินจากไปแต่โดยดี เหลือไว้แค่ฉันกับ มิกะ พวกเราจึงตัดสินใจที่จะไปคุยกันตรงม้านั่งใกล้ๆแถวนั้น ถึงฉันจะรู้สึกสับสน และกดดันนิดหน่อย กับการแสดงออกของ มิกะ แต่ในฐานะเพื่อนแล้ว ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้เธอคิดอะไรอยู่

“ตรงนี้ไม่มีคน และ อามาคุจิ-ซัง ก็ไปแล้วด้วย เธออยากพูดอะไรก็พูดออกมาได้เลยนะ”

“ฉัน......แอบชอบ อายาโนะ-ซัง เขาน่ะ”

“อ-เอ๋?!!! จริงเหรอ มิกะ”

“อ-อืม...”

มิกะ แอบชอบ อามาคุจิ-ซัง อย่างงั้นเหรอเนี่ย!!! ไม่อยากจะเชื่อเลย ไปแอบชอบตอนไหนเนี่ย ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ถึงว่าบรรยากาศตอนที่เธอเจอกับ อามาคุจิ-ซัง มันถึงได้ดูแปลกๆ

“อิซุมิ...เธอกับ อายาโนะ-ซัง ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนะ”

“ก็...ใช่แหละ พวกเราอาจดูสนิทกัน แต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันเองก็ไม่ได้ชอบเขาแบบนั้นด้วย”

“จ-จริงนะ”

“อืม จริงสิ”

ถึงฉันจะชอบที่ได้อยู่ใกล้เขาก็เถอะ แต่ฉันคิดว่าความรู้สึกพวกนั้นก็คงเป็นความเคารพนั่นล่ะ ฉันมองเขาเป็นคนที่พึ่งพาได้ สามารถปรึกษาด้วยได้ เรื่องมันก็มีแค่นั้น แถมตอนนี้เพื่อนสาวที่สนิทของฉัน บอกว่าแอบชอบเขา ฉันจะทำร้ายเพื่อนด้วยการแย่งผู้ชายกับเธอได้ยังไงกัน

“โล่งอกไปที เห็นทั้งสองคนเดินมาด้วยกัน มีท่าทีสนิทสนม นั่นทำให้ฉันกังวลมากเลยล่ะ”

“ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ ฉันพร้อมช่วยเหลือเธอทุกอย่างเลยนะ เพื่อให้เธอได้สมหวังในความรักน่ะ”

“ช่วยได้ทุกอย่างจริงนะ”

“เอ่อ...ก็ ถ้ามันไม่เกินความสามารถของฉันนั่นล่ะนะ”

“ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ฉันน่ะอยากให้ อิซุมิ ช่วยไปสอบถามข้อมูลส่วนตัวของเขามาให้ได้ไหม”

“ให้ฉันเข้าไปถามจาก อามาคุจิ-ซัง โดยตรงเลยอย่างงั้นเหรอ”

“อืม จะช่วยได้มากเลยล่ะ ฉันอยากได้ข้อมูลติดต่อของเขา งานอดิเรก เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร”

“ถ้าแค่นั้น ฉันคิดว่า ฉันพอทำให้ได้ล่ะนะ”

“จริงนะ!! ขอบคุณมากๆเลยนะ อิซุมิ......แต่ว่า อย่าบอกเขานะ ว่าฉันฝากถามมา”

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินไปโรงเรียนด้วยกัน เข้าเรียนด้วยกันตามปกติ ส่วนเรื่อง อามาคุจิ-ซัง ฉันคิดว่าจะลองไปคุยกับเขาในช่วงพักเที่ยงนี้ หวังว่าช่วงนั้นเขาจะสะดวกนะ

เวลาผ่านไป ช่วงพักเที่ยงก็ได้มาถึง ฉันเดินไปหา อามาคุจิ-ซัง ที่ห้องเรียนของเขา แต่ไม่กล้ารบกวนคนข้างใน จึงได้ยืนรอเขาที่หน้าห้องอยู่อย่างนั้น รอให้เขาออกมาเอง

“อิซุมิ เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”

“อามาคุจิ-ซัง สวัสดีค่ะ สนใจไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหมคะ”

“เธออยากกินข้าวเที่ยงกับฉันงั้นเหรอ...”

“ค่ะ...แล้วก็ ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากคุยกับ อามาคุจิ-ซัง น่ะค่ะ แบบส่วนตัว ได้ไหมคะ?...”

อามาคุจิ-ซัง มองหน้าฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ เหมือนกลับไม่คาดคิดว่าฉันจะมาชวนเขากินข้าวเที่ยงแบบนี้ ฉันก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับเขาไป จริงๆแล้วที่ฉันชวนเขา มันก็มีเจตนาแอบแฝงอ่ะนะ

“ก็ได้นะ”

“จริงเหรอคะ!!!”

“อืม แต่เธอช่วยไปรอฉันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ กลางโรงเรียนนั่นก่อนได้ไหม ขอฉันคุยกับเพื่อนก่อนนะ”

“อ่ะ ได้ค่ะ”

ต้นไม้ใหญ่กลางโรงเรียน เป็นที่ที่เงียบสงบและเย็นสบายมากเลยล่ะ ฉันได้มานั่งรอ อามาคุจิ-ซัง ตามที่เขาบอก ตอนนี้ก็มีแต่ต้องรอให้เขามาเท่านั้นล่ะ

“รอนานหรือเปล่า อิซุมิ”

“อามาคุจิ-ซัง?!! ไม่นานเลยค่ะ นั่งก่อนสิคะ”

อามาคุจิ-ซัง นั่งลงข้างๆตัวฉัน พวกเราหยิบเอาข้าวกล่องที่เตรียมมา ออกมารับประทานกัน มันก็เป็นข้าวกล่องธรรมดาทั้งคู่ล่ะนะ

“แล้ว มีเรื่องอะไรที่อยากคุยงั้นเหรอ”

“ก็ ฉันน่ะ อยากสนิทกับ อามาคุจิ-ซัง น่ะค่ะ”

“งั้นเหรอ...ที่จริง ตอนนี้เราก็ดูสนิทกันดีนะ”

“แต่ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของ อามาคุจิ-ซัง เท่าไหร่เลยนะคะ มันดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้”

“แล้วเธออยากรู้อะไรล่ะ ถ้าเธออยากรู้ก็ถามมาได้เลย ฉันจะตอบเท่าที่ตอบได้ละกัน”

“เอ๊ะ จริงเหรอคะ งั้นฉันจะถามแบบไม่เกรงใจนะคะ”

ในตอนนั้นฉันเองก็มีคำถามแรกผุดขึ้นมาในหัวอยู่แล้ว คำถามนี้ทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้ มันรู้สึกเขินนิดหน่อย ที่จะถามแบบนี้ออกไป

“อามาคุจิ-ซัง มีแฟนหรือยังคะ”

“อ-เอ๊ะ นั่นมันคำถามอะไรกันน่ะ”

“เอาเถอะน่า แค่ตอบมาก็พอ”

“ไม่มีหรอก”

“แล้วคนที่ชอบล่ะคะ”

“คนที่ชอบนี่......หมายถึงชอบแบบไหนเหรอ”

“ก็คนที่เราอยากได้เป็นแฟนยังไงล่ะคะ”

“อืม......คนที่อยากได้เป็นแฟนเหรอ......ถ้าแบบนั้นไม่มีหรอก”

เยี่ยม อามาคุจิ-ซัง โสดสนิทไร้คู่แข่ง ยินดีด้วยนะ มิกะ

“อิซุมิ......ที่เธอถามเนี่ย คงไม่ใช่ว่า......แอบชอบฉันหรอกใช่ไหม”

“อ-เอ๊ะ ท-ทำไมถึงคิดอย่างงั้นล่ะคะ อามาคุจิ-ซัง เข้าใจผิดแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดนะคะ”

“งั้นเหรอ นี่ฉันคิดไปเองเหรอเนี่ย”

“ใช่ๆ อามาคุจิ-ซัง อย่าหลงตัวเองแบบนั้นสิคะ”

“ฮ่าๆ โทษทีนะ”

แต่ก็มีคนที่แอบชอบเขาจริงๆอยู่ล่ะนะ งั้นฉันลองถามคำถามลองใจเขาดูดีกว่า

“แล้วถ้ามีผู้หญิงที่แอบชอบ อามาคุจิ-ซัง อยู่จริงๆ จะตอบกลับเธอยังไงเหรอคะ”

“ก็คงต้องบอกให้เธอตัดใจไปหาคนอื่น ดีกว่าน่ะ......เพราะว่าคนอย่างฉัน มันไม่คู่ควร.....”

“ท-ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะคะ”

ไม่รู้ทำไม อามาคุจิ-ซัง ถึงได้แสดงสีหน้าที่ดูเศร้าแบบนั้น เหมือนกับมีเรื่องที่อยู่ในใจ แบบนี้คงงานหินน่าดู สู้ๆนะ มิกะ

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ”

“ก็ได้ค่ะ......ถ้า อามาคุจิ-ซัง พูดอย่างนั้น”

“แล้วมีเรื่องที่อยากถามอีกไหม เร็วหน่อยล่ะ ไม่งั้นเวลาเที่ยงหมดนะ”

“อ่ะ ค่ะ ยังเหลือคำถามอีกเยอะเลยล่ะค่ะ”

หลังจากนั้นฉันก็ถามเขาเท่าที่จะนึกออก ไม่ว่าจะเรื่องอาหารที่ชอบ งานอดิเรกที่เขาทำ ข้อมูลติดต่อ และก็ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เขาก็ตอบมาตามตรง จนเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เวลาพักเที่ยงได้จบลง พวกเราจึงแยกย้ายไปเข้าห้องเรียนกันปกติ

แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องของ อามาคุจิ-ซัง ก็ยังคงค้างคาในจิตใจ เขาเคยบอกว่า เขาเองก็มีความลับอันดำมืดอยู่เหมือนกัน แล้วมันคืออะไรกันแน่ จะเกี่ยวกับการแสดงออกของเขาเมื่อไม่นานมานี้หรือเปล่านะ แต่พูดไปแล้วฉันเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ เพราะฉันเองก็ปิดบังเขาเหมือนกัน

ณ ห้องเรียนที่คุ้นเคย วันนี้ก็เป็นวันที่สงบสุขดี......แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ลืมหรอกนะ...ฉันน่ะมีนัดสำคัญที่จะต้องไป ถึงแม้จะไม่อยากให้มันมาถึง แต่เวลาก็ไม่เคยหยุดเดิน มันยังคงเดินหน้าต่อ ไปยังช่วงเวลาตามนัด ฉันก็ได้แค่จ้องมองมัน หากเป็นสถานะการ์ณปกติ คงอยากให้เวลาเดินเร็วกว่านี้ แต่สำหรับฉันแล้วกลับตรงกันข้าม ไม่อยากให้เวลาเดินต่อไปเลย ไม่อยากให้ความสงบสุขนี้......จากไปเลย

ท้ายที่สุด เวลานัดก็ได้มาถึง ฉันในตอนนี้อยู่ตัวคนเดียว ได้บอกให้เพื่อนๆกลับบ้านไปก่อน เพราะไม่อยากให้พวกเธอมารับรู้เรื่องราวต่อจากนี้.......แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องทั่วตึกโรงเรียน ฉันคนนี้เดินอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางความเงียบเหงา พยายามเดินอย่างเชื่องช้าเพื่อไม่ให้ถึงจุดหมาย แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีความหมาย

“มาแล้วเหรอ”

คนที่ฉันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดในเวลานี้ได้ปรากฏตัว เขาคือชายวัยกลางคนรูปร่างซูบผอม เป็นอาจารย์ของโรงเรียนแห่งนี้ มีชื่อว่า “อาซึซิ ฮาจิเมะ”

“กำลังรออยู่พอดี วันนี้มีคนสำคัญที่ฉันอยากให้เธอเจอ”

เมื่อมองไปที่ชายคนนี้ ความรู้สึกต่างๆมากมายก็ไหลผ่านเข้ามาในจิตใจ ฉันนั้นรู้สึกหวาดกลัวเขา ช่วงเวลาเดียวกันก็อยากฆ่าเขาให้ตาย แต่ความขี้ขลาดก็ทำให้ฉันไม่กล้าลงมือ เพราะเกรงกลัวต่อความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น จนสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเลย

“ตามฉันมาสิ”

เขาได้เดินนำทางฉันไปสู่ห้องที่คุ้นเคย “ชมรมพูดคุย” เขาเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคยเหมือนกับเป็นห้องของตัวเอง เหลือก็แต่ฉัน ที่ยังคงลังเลอยู่

มีดคัตเตอร์ ยังอยู่ดีสินะ อาวุธเพียงหนึ่งเดียวของฉัน หากเกิดเรื่องร้ายขึ้น ฉันคงต้องหวังพึ่งนายล่ะนะ......

“มัวทำอะไรอยู่ เข้ามาได้แล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงเรียก ฉันจึงจำใจเดินเข้าไป แม้จะไม่อยากก็ตาม และวินาทีที่ฉันก้าวเดินเข้ามาข้างใน ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ฉันแทบจะหยุดหายใจ

“ขอแนะนำให้เธอรู้จัก คนนี้ก็คือ ประธานชมรมของที่นี่”

“อิซุมิ......”

“อามาคุจิ-ซัง......”

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!