ตอนที่ 1
สบตาแม่ทัพหน้าหยก
ลู่ฟางซิน
บุตรีคนรองแม่ทัพ ลู่ต้าตง ผู้ร่วมบุกเบิกแคว้นกับองค์ฮ่องเต้ หงซูลี่
ผู้เป็นทั้งสหายร่วมเรียน ร่วมรบกันมาตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ นางทราบเพียงว่า
มารดาของตนคือหญิงรับใช้ในกองทัพของบิดา และถูกข้าศึกฆ่าตายระหว่างสงครามแคว้นฉินกับแคว้นจ้าว
เมื่อ 17 ปีก่อน
บิดาผู้ซึ่งกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ได้อุ้มบุตรีกลับมาที่จวน
พร้อมกับความสงสัยของฮูหยินทั้ง 2 (ฮูหยินเอก ลู่เหลียน
และฮูหยินรอง ลู่ถังซิน) พร้อมกันนั้น ท่านแม่ทัพก็ได้รับรู้ว่า ตนได้มีลูกสาวที่กำเนิดแล้วอีก 1 คน คือ ลู่หนิงเซียน
ซึ่งฮูหยินเอกได้กล่าวว่าไม่อยากให้ท่านแม่ทัพเป็นกังวลในการออกศึก
เลยไม่แจ้งข่าวการตั้งครรภ์ให้ทราบ เนื่องจากเป็นศึกยืดเยื้อยาวนานกว่า 1 ปี นางจึงคลอดก่อนที่ท่านแม่ทัพจะได้กลับมายังเมืองหลวง
ท่านแม่ทัพดีใจยิ่งนัก ที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ในวินาทีนี้
ไม่มีใครมีความสุขมากกว่าแม่ทัพลู่อีกแล้ว
แม่ทัพลู่ต้าตงยังมีบุตรชายคนโต
ที่กำเนิดจากฮูหยินรอง ลู่ถังซินอีก 1 คน ชื่อ ลู่จินเยว่ ซึ่งรู้จักกันในนามรองแม่ทัพลู่นั่นเอง
จินเยว่ติดตามบิดาไปออกศึกเสมอ จนได้รับการยอมรับจากทั้งกองทัพว่า ทั้งเก่ง
ความสามารถรอบด้าน ฉลาด และมีความเป็นผู้นำ ถอดแบบบิดามาไม่ผิดเพี้ยน
ผ่านมา 17 ปีแล้ว ที่ลู่ฟางซิน ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในจวนท่านแม่ทัพ
ท่านพ่อมีความยุติธรรมกับลูกทุกคนเสมอ
แม้ว่าหนิงเซียน จะมีความเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ต่อหน้าบิดา นางก็ยังมีความกลัวและเกรงใจอยู่มาก
ถึงแม้ฮูหยินเอก และหนิงเซียน จะไม่ชอบ และรังเกียจฟางซินมากเพียงใด
ก็ทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจเท่านั้น ผิดกับฮูหยินรอง
หรือที่ฟางซินเรียกว่าท่านแม่รอง ฮูหยินรักและเอ็นดูฟางซินดั่งบุตรในอุทธรณ์
ฟางซินและ จินเยว่จึงมีความสนิทสนมกัน
ฟางซินเป็นเด็กสาวที่เติบโตมา
โดยผ่านการอบรมเหมือนบุตรของขุนนางชั้นสูงโดยทั่วๆ ไป
แต่สิ่งที่ฟางซินแตกต่างกับเด็กสาวรุ่นเดียวกันคือ นางชอบค้าขาย
ชอบการทำเครื่องหอม เครื่องประทินโฉม นางชอบทดลองเพื่อการสร้างสรรค์กลิ่นใหม่ๆ
เพื่อสร้างความประหลาดใจ และทุกครั้งที่ได้ผลิตเครื่องหอมใหม่ๆ
นางมักจะแอบส่งไปขายที่หอจันทรา
ซึ่งเป็นแหล่งขายเครื่องประทินโฉมขึ้นชื่อของเมืองหลวง
ซึ่งตอนนี้เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด สาวๆ ในเมือง รวมไปถึงสาวใช้
และพระสนมในวังหลัง ต่างก็ล้วนติดใจในสินค้าเครื่องหอมเหล่านี้ จนยอดการสั่งซื้อมากมาย
ซึ่งนางเอง เปรียบได้เป็นเหมือนเศรษฐีนีในเมืองหลวงเงียบๆ คนนึงเช่นกัน
วันนี้ได้เวลาไปสำรวจตลาด
และความต้องการใหม่ๆ กันแล้ว ร้านขายของในเมืองวันนี้เหมือนจะคึกคักมากเป็นพิเศษ
ทำไมร้านขายดอกไม้ถึงมากมายเช่นนี้ อีกทั้งการประดับตกแต่งหน้าร้าน หน้าบ้าน
ยังสวยเป็นพิเศษ มีทั้งโคมไฟที่เขียนคำอวยพร ทั้งซุ้มประตูดอกไม้แบบต่างๆ
ที่สวยงามมากพอที่จะสร้างสรรค์กันออกมาได้ เรามีแขกบ้านแขกเมืองมาเยือนหรือ
ทำไมทั่ว ทั้งเมืองหลวงแลดูคึกคักเช่นนี้ นี่ข้าตาฝาดไปหรือไม่ ทำไมสาวๆ
เยอะมากขนาดนี้ เดินตามถนน เหมือนกับการจัดนิทรรศกาลการหาคู่ก็มิเชิง
แต่ละคนแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายเต็มยศ สวยละลานตาไปหมด และทุกคนมีตะกร้าดอกไม้
น่าสนใจยิ่งนัก
“ขออภัยเจ้าค่ะ
ทำไมวันนี้ถนนสายนี้ถึงคึกคักยิ่งนักเจ้าคะ”
ชุนเอ๋อ
สาวใช้ประจำตัวฟางซินเอ่ยถามกับหญิงสาวที่ถือตะกร้ากลีบดอกไม้ที่มองไปยังประตูเมืองฝั่งตะวันออกอย่างใจลอย
และตอบกลับมาว่า
“วันนี้เป็นวันที่ท่านอ๋องเฉิงกลับเข้าเมืองหลวง
หลังจากชนะศึกปราบกบฏแคว้นเว่ยไง เจ้าไม่รู้เหรอ ท่านอ๋องเฉิงลี่หมิง
แม่ทัพหน้าหยกคนนั้นน่ะ”
ว๊าวววว
มิน่าล่ะ สาวๆ ถึงได้เต็มถนนขนาดนี้ ที่แท้
“คุณหนูเจ้าคะ
ๆๆ”
ฟางซินกำลังสอบถามคนขายดอกไม้ข้างทางอยู่
ถึงสายพันธ์ดอกไม้ต่างๆ ที่นางมี และกำลังเจรจาขอซื้อจากสวนของนาง
ต้องตกใจกับเสียงของชุนเอ๋อ
“เจ้าเป็นอะไร ใครรังแกเจ้างั้นเหรอ
เรียกซะเสียงดัง”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะๆ
ข้าจะบอกว่า วันนี้ท่านอ๋องเฉิงจะเสด็จกลับเมือง ผู้คนเหล่านี้คือผู้ที่จะมาต้อนรับ
และมาชื่นชมความน่าเกรงขามของท่านอ๋องหน้าหยกเจ้าค่ะ”
ฟางซินหันกลับมามอง
“แล้ว….ยังไงล่ะ”
ชุนเอ๋อ
“คุณหนู เรารีบไปหาร้านน้ำชา แล้วนั่งรอดูเถิดเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวคงจะมาถึงกันแล้ว
คนน่าจะเยอะกว่านี้มากเจ้าค่ะ ไปกันเจ้าค่ะๆๆ”
ว่าแล้วนางก็เดินนำคุณหนูไปร้านน้ำชาแห่งหนึ่งบนถนน
และบอกเด็กร้านน้ำชาว่า
“ข้าจองห้องส่วนตัว
ระเบียงชั้น 2 ให้คุณหนูข้า 1 ห้อง”
เสี่ยวเอ้อ เห็นกระนั้น จึงตอบว่า
“ขออภัยคุณหนู ห้องชั้น 2 ของเราเต็มหมดทุกห้องเลยขอรับ
ตอนนี้ไม่มีที่ว่างเลยขอรับ”
อะไรกัน
มาช้าไปเหรอ
“ข้าจ่าย 2 เท่า ขอห้องเรา 1 ห้อง เจ้าหามาสิ”
ฟางซินถึงกับดึงแขนสาวใช้
“ชุนเอ๋อ
พอเถอะ ข้าไม่ได้อยากดื่มชา ข้าทำธุระเสร็จก็จะกลับแล้ว
เหตุใดต้องมารอดูขบวนนี้ด้วยเล่า”
“ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู
โอกาสดี ๆ แบบนี้ จะปล่อยผ่านได้อย่างไรเจ้าคะ ขบวนกองทัพที่ชนะศึก
เราไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ นะเจ้าคะ รอซักครู่ ให้เป็นหน้าที่ข้าเองเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวเอ้อ ว่าอย่างไร มีมั้ย”
“เรียนคุณหนูทั้ง 2 มีห้องหนึ่งว่างอยู่ ผู้จองได้จองไว้ แต่ไม่มา
ท่านสามารถใช้ห้องนั้นได้ขอรับ แต่…”
“แต่อะไรล่ะ”
ชุนเอ๋อถาม
“แต่ท่านต้องจ่าย 3 ตำลึงขอรับเพราะห้องนั้นคือห้องที่จองไว้ก่อนแล้ว
และต้องเผื่อที่จะจ่ายคืนผู้จองเดิม หากเขากลับมาขอรับ
”
ได้เลยๆ เอาไปๆ ทีนี้ นำทางข้ากับคุณหนูข้าได้หรือยัง”
“ขอรับๆ เชิญทางนี้เลยขอรับ”
ห้องส่วนตัวนี้ดีมาก
ๆ เห็นวิวชัดมาก มีห้องกั้นเป็นสัดส่วน ชุนเอ๋อสั่งอาหารมา 2 -3 อย่าง พร้อมชาอย่างดีมาให้คุณหนู
และมองผู้คนมากมายด้านล่างอย่างรู้สึกตื่นเต้น ฟางซินกลับมองว่า
ผู้คนมากมายเช่นนี้ มาต้อนรับคนผู้เดียว เค้าจะเป็นอย่างไรนะ
“เฉิงลี่หมิง ใช่มั้ย ถ้าฟังไม่ผิด
ชื่อที่เสี่ยวเอ้อบอกชุนเอ๋อ ชื่อนี้ข้าคุ้น ท่านพ่อเคยบอกว่า
เขาเป็นแม่ทัพและท่านอ๋องที่อายุยังน้อย มิใช่เชื้อพระวงศ์
หากศักดิ์นี้ได้สืบทอดมาจากบิดา ที่ร่วมกันออกศึกเมื่อ 17 ปีก่อน พร้อมกับบิดาของนาง
และองค์ฮ่องเต้ แต่บิดาของเขา สิ้นชีพกลางสนามรบ ยศอ๋องนี้เลยตกทอดมายังลูกชาย
ซึ่งมีความสามารถไม่ต่างกับบิดา เมื่ออายุ 25 ปี
เขาสามารถปราบกบฏที่เกิดขึ้นในแคว้นหานได้สำเร็จ ความชอบมากมาย เป็นที่น่าเกรงขาม เป็นทั้งแม่ทัพ
และท่านอ๋องในคราวเดียวกัน”
“น่าสนใจ"
นางลำพึงเบาๆ
เมือถึงยามซื่อ (ประมาณ 10 โมง) เสียงกลองดังขึ้น
ประตูฝั่งตะวันออก ได้ค่อยๆ เปิด ทันใดนั้นเอง เสียงผู้คนมากมายได้ดังขึ้น
ทั้งตื่นเต้น ดีใจ ถึงเวลาซักที ทุกคนต่างเตรียมตะกร้าดอกไม้โปรยจนทั้งถนนตอนนี้
เหมือนมีใครนำดอกไม้นานาชนิดปูเป็นพรมก็มิปาน ขบวนกองทัพเข้าเมืองมาแล้ว!!
เสียงกีบมา เดินมาเป็นจังหวะ
ทหารชุดแรก ถือธง มีป้ายว่า “เฉิง” นำขบวนมา ตามด้วยกองทหารเดินเท้า
ทุกคนถือหอกสูงตามทหารม้า ผ่านซุ้มที่โปรยด้วยดอกไม้ทุกทิศทุกทาง
เพื่อเป็นการต้อนรับกลับบ้าน บางคนก็ถือดอกไม้ ยื่นให้ทหารที่เดินผ่าน
เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก
“นั่น ใช่เขามั้ย
ใช่มั้ยๆ คนที่อยู่ตรงกลางขบวนนั่น”
เสียงเรียกมากมายเรียกให้ดู
พร้อมกับเสียงกรี๊ดเบาๆ ของสตรีหลายคน ทำให้ฟางซินมองไปตามเสียงนั้น ทันใดนั้นเอง
นางก็ได้เห็นเขาชัดๆ
ชายรูปงาม ขี้ม้าศึกสีดำ
สวมเกราะเหล็กสีเงิน มวยผมรวบไว้ด้านหลัง ใบหน้าดั่งหยก จมูกเป็นสันชัดเจน
ยิ่งมองด้านข้างยิ่งชวนตะลึง สายตาที่แน่วแน่ หากเพียงยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
คงจะทำให้สตรีรอบๆ เกิดอาการวิงเวียนได้ง่ายโดยแท้ ท่ามกลางผู้คนด้านล่างนั้น
สิ่งเดียวที่เป็นจุดเด่นของหญิงสาวตอนนี้คือ ท่านแม่ทัพเฉิงผู้นี้
ฟางซินใจเต้นแรง
สายตามองลงไปที่ท่านอ๋องเฉิงผู้นี้ ไม่กล้าละสายตา แม้บุรุษที่เคยเจอมาจะไม่มากก็จริง
แต่หากด้วยบุคลิก และท่วงท่า หน้าตาแบบนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน
นี่หน้าที่สวรรค์ปั้นมาใช่หรือไม่ นี่ข้า เป็นอะไรไป ทำไม ใจเต้นแรงแบบนี้
อาการแบบนี้ ข้าจะเป็นอันตรายหรือไม่ รู้เพียงว่า ไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย
เฉิงลี่หมิงมองไปรอบๆ
ผู้คนมากมายที่ให้การต้อนรับ ผู้คนเหล่านี้ คือคนที่ข้าต้องปกป้อง พลังบริสุทธิ์
ส่งผ่านความห่วงใย ทุกครั้งที่ออกรบ เขามักจะให้กำลังใจทหารทุกคนว่า
เขาอยากจะพาทุกคนกลับบ้าน วันนี้คือวันที่ได้เห็น สายตาพลันเหลือบขึ้นไปเห็น
สตรีที่อยู่ชั้นบน หลายคนมองลงมา ทั้งดอกไม้ที่โปรยมาจากทุกทิศทุกทาง
“เมืองหลวงนี้มีแต่สาวงามจริงๆ”
“เค้ามองข้าๆๆๆๆ”
ห้องข้างๆ ฟางซินตะโกน
“เจ้าเห็นมั้ย เค้ามองข้า เค้าเห็นข้าจริงๆ
ข้าตื่นเต้นจนจะเป็นลมอยู่แล้ว”
ฟางซินและชุนเอ๋อ
ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ไม่แปลกเลยที่จะมีอาการเช่นนี้
“แม่ทัพหน้าหยก อืม เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
ขบวนผ่านไปแล้ว
บัดนี้น่าจะถึงวังหลวงแล้ว ได้เวลากลับจวนเสียที ก่อนที่ท่านแม่ (ฮูหยินเอก)
จะหาเรื่องทำโทษข้า
ตอนที่ 2
ยินดีที่ได้รู้จัก
เมื่อฟางซินกลับถึงจวน
ในเรือนใหญ่นั้นดูแปลกกว่าทุกวัน ทำไมวันนี้ช่างวุ่นวาย บ่าวไพร่ สาวใช้
วิ่งสวนทางกัน ทั้งเข้า-ออก เกิดอะไรขึ้นกัน หรือที่จวนจะมีแขกมางั้นหรือ
ชุนเอ๋อรีบเข้าไปสอบถาม
“อารุ่ย
เกิดอะไรขึ้นเหรอ ที่จวนจะมีแขกรึ ทำไมช่างดูวุ่นวายกันเยี่ยงนี้”
“ฮูหยินใหญ่แจ้งว่า
คืนนี้ทุกคนในจวนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวง ท่านเลยสั่งให้เตรียมของขวัญ
ของกำนัล และเครื่องแต่งกายให้คุณหนูรอง วุ่นวายไปหมด
ข้าต้องไปเตรียมน้ำให้คุณหนูรองอาบก่อน ไปนะ”
ว่าแล้ว สาวใช้เรือนใหญ่ก็รีบวิ่งไป
งานเลี้ยงเหรอ งั้นก็ได้กินฟรีน่ะสิ เยี่ยมเลย ฟางซินคิดในใจ
ทุกครั้งที่มีงานฉลองที่วังหลวง นางมักจะเพลิดเพลินกับอาหารทั้งคาว-หวานที่ในวังจัดสรรมาให้แขกในงานได้ลิ้มลอง
“ต้องไปหาท่านแม่รอง
ไปกัน ชุนเอ๋อ”
“ท่านแม่รองเจ้าคะ”
ฟางซินเรียกฮูหยินรอง ลู่ถังซิน
“มาแล้วเหรอ
ซินเอ๋อแม่นึกว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว
แม่ส่งเครื่องแต่งกายไปให้เจ้าที่ห้องแล้ว เจ้าก็รีบเตรียมตัว ยามอิ๋น(บ่าย 3-4
โมง) มาเจอกันที่โถงรับแขกนะ”
“ในวังหลวงมีงานฉลองอะไรหรือเจ้าคะ
หรือฉลองที่แม่ทัพเฉิงปราบกบฏ ได้หรือเจ้าคะ”
ฮูหยินแปลกใจเล็กน้อย
“เจ้ารู้จักท่านอ๋องเฉิงด้วยหรือ”
“เปล่าเจ้าค่ะท่านแม่
เพียงแต่วันนี้ข้าได้ทันเห็นขบวนของท่านอ๋องเข้าเมืองมาเจ้าค่ะ
เลยเดาว่าวังหลวงอาจจะจัดงานฉลองให้ท่านอ๋องผู้นี้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองยิมให้นาง
“เจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง
เจ้าไปเตรียมตัวเถิด เหลือเวลาไม่มาก เดี๋ยวจะไม่ทัน อย่าให้ผู้ใหญ่รอ”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
ฟางซินรับคำ และรีบกลับห้องเพื่อเตรียมตัวอย่างว่าง่าย
ณ ห้องโถงกลาง จวนแม่ทัพลู่
“ท่านแม่ ลูกว่า
ปากลูกมันซีดไปหรือไม่เจ้าคะ ชุดนี้มันสีไม่เด่นไป
หรือเครื่องประดับมันน้อยไปหรือไม่เจ้าคะ”
ลู่หนิงเซียนเฝ้าถามมารดาของนางเป็นรอบที่ 5 วันนี้นางใส่ชุดสีชมพู
ประดับด้วยเครื่องเงินที่หรูหรา เครื่องประดับบนศีรษะล้วนประดับด้วยเงินและไข่มุกชั้นเลิศจากร้านเครื่องประดับชั้นนำ
ที่สั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ปิ่นปักผมและต่างหูเข้าชุดกัน แต่งหน้าอ่อนๆ
แต้มชาดที่แก้มสีชมพูเข้ม
ปากทาชาดสีชมพูกลีบบัวช่างเข้ากับรูปปากเป็นกระจับของนางยิ่งนัก
มองแล้วงดงามกว่าสตรีใด
“ท่านพี่
กับฟางซินทำไมยังไม่มาอีก ช้าตลอดเลย เสียมารยาทยิ่งนัก"
นางกล่าวแบบรำคาญ
“บ่นเป็นคนแก่เลยนะเซียนเอ๋อ
เจ้ายังมิได้ออกเรือน บ่นเหมือนหญิงชราไปได้”
จินเยว่แหย่นาง
“ท่านว่าใครเป็นหญิงแก่
ท่านนี่ปากเสียซะจริง ถึงว่าล่ะ หาสตรีแต่งเป็นภรรยาไม่ได้สักที”
นางสวนกลับ
“พอแล้วๆ
ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว เจ้า 2 คนพี่น้องจะคุยกันดีๆ
ไม่ได้เลยหรือไง”
ฮูหยินใหญ่ปรามทั้งคู่
“เยว่เอ๋อ
ท่านแม่เจ้าล่ะ มารึยัง”
แม้ว่าฮูหยินใหญ่
ไม่ค่อยชอบฮูหยินรองนักก็จริง แต่นางรักและเอ็นดูบุตรชายคนเดียวของตระกูลดังบุตรของตนเลยทีเดียว
“มาแล้วขอรับท่านแม่
แม่รองไปรับซินเอ๋ออยู่ขอรับ”
“ต้องให้ผู้ใหญ่ไปรับ
ไร้มารยาทอะไรเพียงนี้” หนิงเซียนกล่าว
“ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
ไม่ต้องให้รอนาน
ฟางซินพยุงฮูหยินรองมาพร้อมกัน ฟางซินในชุดสีขาวมีมุกประดับ
ประดับเครื่องประดับมุกและทองเหลือง ซึ่งตัดกับสีชุดของนางได้อย่างหน้ามอง
แต่งแต้มหน้าเพียงเล็กน้อย ชาดสีชมพูอ่อนบนริมฝีปากนั้น
สีช่างเป็นธรรมชาติคล้ายดอกกุหลาบพันปีในวังหลวง ผิวขาวราวไข่มุกของนาง
ทำให้เครื่องหน้าและผมของนาง ราวกับส่องประกายออกมาจากตัวได้
หนิงเซียนกัดปากและบิดผ้าเช็ดหน้า ข้าเตรียมตัวตั้งแต่เช้าเพื่องานเลี้ยงนี้
ทำไมต้องมาแต่งตัวแข่งกับข้า เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่ นางคิดในใจ
“ไปกันได้แล้ว”
ลู่ต้าตงเอ่ย รถม้า 2 คัน ออกจากจวนแม่ทัพ
มุ่งหน้าไปยังวังหลวง
……วังหลวง …..
ห้องโถงใหญ่
สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และสำหรับเลี้ยงฉลองในโอกาสต่างๆ
บัดนี้ได้ตกแต่งอย่างงดงามสำหรับงานฉลองครั้งนี้
“ท่านแม่ทัพลู่
ท่านมาแล้ว ยินดีๆ มาๆ ทางนี้ๆ”
ใต้เท้าซูหมิง
เสนาบดีกรมคลัง รอต้อนรับอยู่
“ดีใจที่ได้พบท่านนะท่านซู
มานานแล้วหรือ” แม่ทัพลู่ทักทาย
“สักพักแล้วๆ มาๆ
ข้าแนะนำให้รู้จัก บุตรชายข้า ซูเผิง เค้าพึ่งได้รับราชการปีนี้
เข้ากรมคลังเหมือนข้า นี่แม่ทัพลู่ต้าตง แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นเรา”
ซูเผิง “คารวะแม่ทัพลู่ขอรับ”
ลู่ต้าตง “ท่านยกย่องเกินจริงไปแล้ว
ใต้เท้าซู ข้ามิกล้ารับหรอก สวัสดีนะหลานชาย”
ซูหมิง “มิได้ๆ”
“ข้าแนะนำให้รู้จัก
ฮูหยินทั้ง 2 ของข้า ลู่เหลียน และลู่ถังซิน และลูกๆ
ของข้า จินเยว่ หนิงเซียน และ ฟางซิน”
“คารวะใต้เท้าซู”
ทั้ง 3 คำนับ ซูเผิงเงยหน้าตาม ตกตะลึงเมื่อเจอหญิงงามทั้ง 2 ตรงหน้า โลกนี้ยังมีหญิงงามขนาดนี้อยู่เหรอ
พวกนางมาจากเมืองเซียนหรือเปล่า ช่างงามจริงๆ
“ดูลูกชายข้าสิ
ไม่ทันไรก็อึ้งกับความงามไปเลย ใต้เท้าลู่โปรดอภัย อย่าถือสา”
ใต้เท้าซูรีบแจง
“เรื่องของหนุ่มสาว
ย่อมเป็นธรรมดา ฮ่าๆๆท่านอย่าได้คิดมากไป
เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ใต้เท้าลู่
เชิญก่อนเลย เชิญๆ ”
ซูหมิงกล่าว พร้อมเดินตามคณะของตระกูลลู่เข้าไป
“นั่นเขาเหรอ”
ฟางซินสะดุดกับชายหนุ่มที่ถูกรุมล้อมตรงกลางห้องโถง
วันนี้เขาสวมชุดสีขาว ถักทอด้วยไหมสีน้ำเงิน ซึ่งตัดกับชุดสีขาวอย่างเข้ากัน
ห้อยป้ายหยกที่ประณีตที่เอว ผมรวบไว้ด้านบนครึ่งศีรษะอย่างประณีต
ในยามไม่มีชุดเกราะ เขาก็เป็นชายที่รูปร่างดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
ใจหญิงสาวเต้นแรงไม่หยุด
เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย เกิดอะไรขึ้น ทำไมใจเต้นแรง มือไม้สั่นขนาดนี้ เก็บอาการไว้
หายใจลึกๆ ใจเย็นไว้ๆๆ นางบ่นในใจ ของกิน ใช่ หาของกินดีกว่า จะได้ใจเย็นลง
“ข้าน้อย เฉิงลี่หมิง
คารวะท่านแม่ทัพลู่ และฮูหยินทั้ง 2”
ทันใดที่ชายหนุ่มเข้ามาทักทาย
หนิงเซียนรู้ทันทีว่า ข้าต้องเป็นพระชายาของเค้าให้ได้
“ใต้เท้าเฉิง
อย่าได้เกรงใจ เราคนกันเอง”
“ศึกครั้งนี้
ลำบากท่านแล้วนะ” แม่ทัพลู่กล่าว
“มิได้ขอรับท่านลุง
เป็นหน้าของข้าขอรับ ท่านลุงสบายดีนะขอรับ”
เนื่องจากบิดา
และลู่ต้าตง คือสหายร่วมรบ และเป็นสหายที่สนิทกัน เฉิงลี่หมิง และแม่ทัพลู่
จึงมีความสนิทสนมกัน
“ข้าสบายดี
หลานชายอย่าได้ห่วง มา ข้าแนะนำให้รู้จักลูกๆ ของลุงนะ นี่จินเยว่
ลูกชายคนโตของลุง คงรู้จักกันแล้ว และนี่ก็ หนิงเซียน และ ฟาง….”
“ฟางซินไปไหนแล้ว”
“ท่านพ่อ
น้องคงไปหาของรับประทาน เช่นเดิมเจ้าค่ะ” หนิงเซียนกล่าว
“หนิงเซียน
คารวะท่านอ๋องเพคะ”
เฉิงลี่หมิงสะดุดไปครู่หนึ่ง
ช่างงามจริง สมกับเป็นบุตรีท่านลุงลู่
ได้ข่าวว่าชื่อเสียงความงามของบุตรีลูกสาวแม่ทัพลู่มานาน
พึ่งมาประจักษ์ต่อความจริง ก็วันนี้
“ลี่หมิง
เจ้าพึ่งมาถึงเมืองหลวง ว่างๆ ให้เยว่เอ๋อ พาเที่ยวสิ”
แม่ทัพลู่กล่าว
“ยินดีขอรับท่านลุง
แล้วข้าจะแวะไปเยี่ยมท่านลุงด้วยขอรับ จวนพระราชทานของข้า อยู่ใกล้จวนท่านลุง
คงได้ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ขอรับ”
พูดแล้วก็แอบมองหนิงเซียน
นางทำท่าเขินอาย และแอบตีแขนมารดาเบาๆ ฮูหยินรอง อดเอ็นดูหนุ่มสาวตรงหน้ามิได้
“ไปเถิด
ฮ่องเต้และฮองเฮาจวนใกล้เสด็จแล้วล่ะ หาที่นั่งกันเถอะ” แม่ทัพลู่กล่าว
“เจ้าไปไหนมา
แอบไปหาของกินมาอีกแล้วเหรอ”
จินเยว่ถามน้องสาวคนเล็ก
“แหม
ท่านพี่ก็อย่ารู้ทันไปซะหมดสิเจ้าคะ ข้าน่ะ นอกจากของกินแล้ว
ยังไปเจรจาเรื่องการค้ามาด้วยเจ้าค่ะ งานนี้คุ้มสุดๆ ไปเลย”
“ข้าเจอนางในหลายคนเลย
ใช้เครื่องหอมของข้า ข้าเลยกระซิบบอกพวกนางว่า อีก 5-6 วันจะมีสินค้าออกใหม่
ข้ารอนับเงินเลยงานนี้”
“ฮ่องเต้ และ ฮองเฮา
เสด็จ”
เสียงหวังกงกงตะโกน
ทุกคนทำความเคารพ และนั่งลงในที่ตนเอง งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อย ๆ ฟางซินแอบมองท่านอ๋องเฉิง
ซึ่งตอนนี้เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และนางพึ่งสังเกตเห็นตอนนี้เองว่า สายตาท่านอ๋อง
ก็มองมาเช่นกัน แต่ทว่า….
ท่านอ๋อง
มองผู้ที่นั่งอยู่ข้างหน้าของนาง นั่นคือ ลู่หนิงเซียน พี่สาวของนาง
ทั้งคู่มองสบตากัน พร้อมกับยกจอกสุรา ก่อนจะดื่มพร้อมกัน ภาพเบื้องหน้า
ทำให้หญิงสาวเกิดอาการเจ็บจิ๊ดๆ ที่ใจ อะไรกัน นี่มันคืออะไรกัน
ทำไมรู้สึกกระอักกระอ่วน หม่นหมอง และเศร้าถึงเพียงนี้ ใบหน้าของท่านอ๋องตอนนี้
มีรอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้น เพราะพี่สาวนางเช่นนั้นเหรอ เฮ้ออ และแล้วถึงเข้าใจ
อ่านในนิยายพวกนั้นมาก็เยอะ ฟังเพลงงิ้วมาก็เยอะ ไม่นึกว่าจะเจอกับตัวเอง รักแรก
ที่พบ และจบไปพร้อมกัน ช่างน่าเศร้าซะจริงๆ สายตาข้า มองไปที่คนๆ เดียว คือท่าน
ช่างน่าขำที่สายตาท่าน ก็มองไปที่คนๆ เดียวเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่ข้า ดื่มให้ตัวเอง
แล้วจบเรื่องนี้ซะเถอะ ฟางซิน!
ตอนที่ 3
พบกันอย่างเป็นทางการ
หลังกลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืน
ฟางซินแทบจะจำไม่ได้เลยว่ากลับมาที่ห้องได้อย่างไร รู้แต่ว่าเดินอย่างใจลอย
มายังห้องของตน ปล่อยสาวใช้จัดการทุกอย่าง และนางก็หลับลง หวังว่าเรื่องในคืนนี้
จะเป็นเพียงฝันไป
ปวดหัวซะจริง สุราแค่นิดหน่อยเองนะ
จากนี้ข้าคงไม่ดื่มอีกแล้ว
“คุณหนู
ท่านตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ สินค้าตัวใหม่ พร้อมนำไปส่งที่หอจันทราแล้วนะเจ้าคะ”
ชุนเอ๋อรายงาน
“ไปกัน แต่งตัวให้ข้าที
ได้เวลาทำงานแล้ว”
ใช่แล้ว
นางไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ นางหวังเก็บเงินได้มากพอที่จะไปจากเมืองนี้ ไปแคว้นจ้าว
เพื่อสืบหาเรื่องราวของท่านแม่ ถึงแม้ท่านพ่อจะดีกับนาง
แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามความอยากรู้ความจริงนี้ได้
นางไม่อาจทนให้ใครมาดูถูกมารดาของตนได้ ถึงจะไม่รู้ที่มาแน่นอน
แต่นางก็ยังแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มาตลอด
“ไปหอจันทรา”
นางบอกคนขับรถม้าของจวน
“ขอรับคุณหนู”
เอ๋
มีรถม้าจอดหน้าจวน รถของผู้ใดกัน มาเยือนแต่เช้าเช่นนี้ ม่านรถม้าเปิด
จังหวะเดียวกันกับที่ฟางซินเปิดม่านหน้าต่างดู นางไม่มีทางจำผิด ชุดขาว
รูปร่างสมส่วน หน้าตาดั่งหยก ท่านอ๋องเฉิง ใจนางเจ็บอีกแล้ว ไม่ต้องเดา
คงมาหาท่านพี่สินะ หึ ดีแล้วที่ข้าออกมาก่อน จะได้ไม่ต้องเห็นท่านอีก
“ชุนเอ๋อ
วันนี้ข้าอยากเที่ยว อยากซื้อเครื่องประดับใหม่ เจ้าอยากได้อะไรบอกข้า
วันนี้ข้าเลี้ยงเอง”
ชุนเอ่อถึงกับงุนงงกับคำกล่าวของคุณหนู
ปกติคุณหนูประหยัดมาก แม้แต่เครื่องประทินโฉม นางยังทำเอง
เครื่องประดับก็ล้วนแต่เป็นฮูหยินรอง ที่จัดหาให้ นางบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็น
แต่วันนี้ นางว่าไงนะ จะซื้อเครื่องประดับ งั้นเหรอ ว๊าววว คุณหนูข้าโตแล้วสินะ
เสร็จธุระจากหอจันทราแล้ว ทั้งคู่เลยออกมาเดินเล่นตลาด วันนี้ก็คึกคักเช่นเดิม
เนื่องจากเริ่มเปิดเมืองให้ทำการค้าขายจากแคว้นอื่นๆ กันแล้ว แผ่นดินสงบ
การค้ารุ่งเรือง
“ต่างหูหยกคู่นี้งามยิ่งนัก
เอ๋ มี 2 คู่เชียว เถ้าแก่ ต่างหูหยกนี่ขายยังไง”
ต่างหูคู่นี้ช่างสะดุดตานัก
หยกล้อมรอบเป็นระย้า มีพลอยสีแดงอยู่ตรงกลาง หยกนี้ช่างประณีตยิ่งนัก
สะดุดตาเหลือเกิน
“เถ้าแก่
ข้าซื้อคู่นี้”
“ไม่ได้ออกมาเดินเล่นซะนาน
ตลาดคึกคักนะเจ้าคะท่าน... เอ่อ พี่เฉิง”
หนิงเซียนคุยอย่างสนิทสนม
เนื่องจากอยุ่ข้างนอก ฐานะย่อมต้องปิดบัง
“เจ้าเคยอยากออกมาด้วยเหรอ
ปกติเห็นแต่อยากได้อะไรก็เรียกไปที่จวน”
จินเยว่กล่าว
หนิงเซียนถึงกับหันมาค้อนพี่ชาย
ต่างหูนี่งามยิ่งนัก เฉิงอ๋องรำพึงในใจ
“เถ้าแก่
ข้าอยากได้ต่างหูคู่นี้”
“ข้าให้เจ้า
คุณหนูหนิงเซียน ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้านะ”
“ขอบพระทัย …
ขอบคุณท่านพี่เฉิงเจ้าค่ะ”
หญิงสาวเอียงอาย เขาให้เรียกว่าท่านพี่เฉิง
ถือว่าให้ความสนิทสนมอีกขั้น
“คุณชายช่างตาแหลมยิ่งนัก
ต่างหูนี้ ช่างผู้ทำขึ้น ทำมาแค่ 2 คู่เท่านั้น”
“อ้าว
แล้วอีกคู่นึงล่ะเถ้าแก่”
หนิงเซียนถามด้วยความใคร่รู้
“มีแม่นางคนนึงซื้อไปแล้วขอรับ”
แต่ข้าไม่อยากได้ของเลียนแบบใครนี่นา
แต่คู่นี้ ท่านอ๋องเป็นคนซื้อให้เชียวนะ ช่างเถอะ คงไม่เจออีกคู่นึงง่ายขนาดมั้ง
ราคาขนาดนี้ หญิงในเมืองนี้ มีหรือจะกล้าซื้อ
“คุณหนูเจ้าคะ
วันนี้ซื้อหนักไปไหมเจ้าคะ ทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้าชุดใหม่
ไหนจะผ้าไหมเป็นม้วนอีก”
ชุนเอ๋อบ่นอุบอิบ
“นานๆ ทีน่ะ
ซื้อให้ท่านแม่รองด้วย ใกล้จะถึงวันเกิดนางแล้ว
ข้ายังไม่ได้เตรียมของขวัญให้ท่านแม่รองเลย”
“เอ๊ะ ข้างหน้ามีอะไรกันเหรอ
ทำไมคนมุงกันเต็มเลยล่ะ”
พ่อค้า “รถของเจ้าชนข้าวของข้าเสียหาย
เจ้าต้องรับผิดชอบสิ”
“รถข้าวิ่งมาเฉยๆ
และกำลังจะจอด ท่านตั้งใจมาชนข้าเอง แล้วจะให้ข้ารับผิดชอบสิ่งใด”
เอ๋ หน้าตาพ่อค้านั่นคุ้นๆ นะ อ๋อ
นักต้มตุ๋นในเมือง ที่ชอบหลอกคนเมืองอื่นนี่เอง
พ่อค้า “ไม่ได้ เจ้าต้องรับผิดชอบ
ของข้าทั้งหมดนี่ 500 ตำลึงทอง”
“แพงขนาดนั้นเชียว
นี่แค่กระถางดอกไม้ไม่กี่ต้นเองไม่ใช่เหรอ”
“ดอกไม้พวกนี้
ข้าจะส่งไปขายที่ร้านทำเครื่องหอม มันต้องปลูกด้วยดินและปุ๋ยชนิดพิเศษ
เจ้าต้องจ่ายมา”
“เอ๋ เดี๋ยวก่อนๆ
เจ้าว่าไงนะ เจ้าจะเอาไปส่งที่่ร้านเครื่องหอมเหรอ ร้านใดหรือ”
พ่อค้า “ข้าจะนำไปส่ง ร้านฟางหลิง
เขาผลิตเครื่องหอมส่งที่หอจันทรา เจ้าอย่ามาขวางข้า”
“เจ้าบอกว่า
ดอกไม้เหล่านี้ปลูกด้วยดินและปุ๋ยเฉพาะ
แต่ข้าจำได้ว่าไม่เคยรับสินค้าจากบุคคลภายนอก แล้วยังไม่เคยใช้ดิน และปุ๋ยแบบพิเศษเพื่อปลูกมัน
และที่สำคัญ ดูๆ ไปแล้ว ดอกไม้พวกนี้ เหมือนมาจากร้านขายต้นไม้ที่คัดออก
เพราะมันใกล้จะตายแล้ว เจ้า กำลังจะนำมันไปทิ้ง แต่ได้โอกาสหลอกคนต่างเมือง
เพื่อเอาเงินใช่หรือไม่”
พ่อค้า “เจ้าเป็นใครกัน
อย่ามาทำเป็นรู้ดี ข้าไม่ได้มีเรื่องกับเจ้า ถอยออกไป”
“ก่อนหน้าไม่มี
แต่ตอนนี้มีแล้ว เจ้าบอกว่าจะเอาไปส่งร้านฟางหลิง แอบอ้างชื่อร้านข้า
แล้วจะไม่เกี่ยวกับข้าได้เช่นไรกันเล่า" ฟางซินกล่าว
“หน้าเจ้าคุ้นตาข้านัก
เจ้าใช่นักต้มตุ๋นที่ทางการติดตามเมื่อ 4-5 วันก่อนหรือไม่
ข้าเห็นประกาศอยู่นะ”
ซวยแล้ว ไม่น่าเลย รีบหนีก่อนเถอะ
ว่าแล้วนักต้มตุ๋นก็รีบเข็นรถฝ่าวงล้อมออกไปฟางซินไม่ทันระวังเซเกือบล้ม
ยังดีที่มีมือหนึ่งดึงนางไว้
“แม่นาง ระวัง”
นางกลับมายืนมั่นคงอีกครั้ง
“ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ฟางซินเอ่ยถาม พร้อมดึงมือกลับมา
มือนางช่างบอบบางนัก
“ข้าน้อยไม่เป็นไร
ขอบคุณแม่นางมากที่ช่วยข้าไว้ในครั้งนี้”
“ข้าน้อยชื่อเจียฟู่เฉิง
มาจากแคว้นจ้าวเพื่อค้าขายผ้าไหมที่นี่ นึกไม่ถึง พอมาก็เกิดเรื่องเลย
น่าขายหน้ายิ่งนัก”
อะไรนะ เมื่อกี้เขาบอกว่า
มาจากแคว้นจ้าวใช่มั้ย ข้าฟังไม่ผิด
“ท่านมาจาก
แคว้นจ้าวงั้นเหรอ”
“อ้อ ข้า ลู่ฟางซิน
ยินดีที่ได้รู้จักนะท่านเจีย”
เจียฟู่เฉิงพึ่งสังเกตุตอนนี้นี่เอง
นางช่างงดงามยิ่ง กลิ่นหอมที่ติดตัวนางช่างเป็นเอกลักษณ์
ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน หน้าตางดงาม สตรีแคว้นนี้งดงามราวเทพธิดาจริงๆ
“ท่านบอกว่ามาทำการค้าหรือ
แล้วท่านไปลงทะเบียนที่หอการค้ารึยัง ข้านำทางท่านได้นะ
ถือว่าเราเป็นสหายกันก็แล้วกันนะ”
รอยยิ้มนั่น
ช่างงดงามยิ่งนัก
“ข้าไปมาเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณคุณหนูขอรับ หากท่านไม่รังเกียจ ให้ข้า เลี้ยงชาท่าน แทนคำขอบคุณได้หรือไม่”
ดีเลย
ข้าอยากรู้เรื่องแคว้นจ้าวมากกว่านี้ เผื่อจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง
“ได้เลยคุณชายเจีย
งั้นข้าไม่เกรงใจนะ ข้ารู้จักร้านน้ำชา และโรงเตี๊ยม เหมาะสำหรับพักแรมระยะยาวพอดี
เชิญ”
ที่แท้แคว้นจ้าวก็เป็นเมืองน่าอยู่
ค้าขายผ้าไหม น้ำผึ้ง และเครื่องเรือน อากาศน่าจะดี เพราะอยู่ทางเหนือ
เดินเท้าอาจใช้เวลานาน แต่หากเดินทางทางเรือ จะย่นระยะเวลาได้ไวกว่า ออ
แบบนี้นี่เอง
“คุณชายเจีย
วันนี้ข้าต้องขอตัวกลับก่อน ไว้วันหน้า เจอกันที่หอจันทรานะเจ้าคะ”
เจียฟู่เฉิงแอบเสียดาย
แต่ก็มิอาจรั้งสาวน้อยไว้ เนื่องจากพึ่งจะรู้จักกันไม่นาน แต่หากเจอนางอีกครั้ง
เขาคงจะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่
“วันนี้เจอกันกระทันหัน
แม่นางลู่โปรดรับของขวัญชิ้นนี้ของข้าไว้ด้วย”
ผ้าไหมสีทองอร่าม
ฝีมือปักเย็บมือที่ประณีตมาก สวยงามพริ้วไหวราวกับสายน้ำ
“ผ้าไหมนี่งดงามมากๆ
คุณชาย ท่านให้ของมีราคากับข้าเช่นนี้ จะดีหรือเจ้าคะ”
“ดีแน่นอน
วันนี้ท่านช่วยข้าไว้ ข้าต้องตอบแทน ถือว่าเป็นทั้งของขวัญและของขอบคุณ
จากข้าแล้วกันนะ คุณหนูลู่”
“งั้น คุณชายเจีย
ข้าไม่เกรงใจนะ ขอบคุณท่านมาก”
เขามองตามร่างเล็กๆ
พร้อมขบวนสิ่งของมากมายที่บ่าวรับใช้ถืออยู่
“แล้วเราจะได้เจอกันเร็วๆ
นี้ ลู่ฟางซิน”
เขายิ้มและเดินกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน
กลับถึงจวนแล้ว รถม้าคันเดิม
ยังจอดอยู่ เขายังไม่กลับเหรอ ช่างเถอะๆ กลับห้องก่อนค่อยว่ากัน
“ฮูหยินรอง คุณหนู 3 กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
แม่นมอู๋แจ้ง
“เจ้าไปเรียกนางมาหาข้าที”
“เจ้าค่ะ”
สาวรับใช้รับคำ
“ท่านแม่รองเรียกหาข้าหรือเจ้าคะ”
ฟางซินไม่มาเฉยๆ นางรีบสวมกอดและเริ่มออดอ้อนทันที
“เจ้าแอบหนีเที่ยวทั้งวัน
อีกแล้วสินะ”
ฮูหยินรองจำใจ
ใจอ่อนทุกทีที่นางมาด้วยท่าทางเช่นนี้
“วันนี้เรามีแขก
มาร่วมทานอาหารเย็นด้วย เจ้าก็เตรียมตัว ออกไปรับแขกพร้อมแม่”
นางไม่ต้องเดา
นางรู้แล้วว่าแขกผู้นั้นคือใคร และนางก็ไม่อยากไปเจอเขาอีก
“ท่านแม่รอง
ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้ออกไปข้างนอกแดดแรง
ข้าไม่ร่วมโต๊ะด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” นางอ้อน
“ไม่ได้ มันเสียมารยาท
ยังไงก็มาสักหน่อย แล้วค่อยกลับ เจ้าไปเตรียมตัวได้แล้ว"
อ้อนไม่ได้ผล เฮ้ออ ช่างเถอะ
รีบไปรีบกลับแล้วกัน
โต๊ะอาหาร ตระกูลลู่
“มาๆ ท่านอ๋องเฉิง
ไม่ต้องเกรงใจนะ เชิญนั่งๆ”
แม่ทัพลู่พูดอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณท่านลุงขอรับ
ท่านลุง เรียกข้าว่าลี่หมิง เหมือนตอนข้ายังเด็กก็ได้ขอรับ”
เฉิงลี่หมิงกล่าวอย่างนอบน้อม
“ได้ๆ ลี่หมิง มาๆ
นั่งใกล้ๆ ลุง เอ้า เยว่เอ๋อ มาๆ นั่งข้างๆ พ่อ มาๆๆ”
จินเยว่ทำตามคำสั่งบิดา
เขาเองเลื่อมใสทั้งบิดา และตัวอ๋องเฉิงคนนี้ยิ่งนัก
“ฮูหยินใหญ่และคุณหนูรองมาแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้แจ้ง
“ท่านพ่อ
ลูกมาแล้วเจ้าค่ะ”
หนิงเซียนยิ้มอย่างพอใจ
และไม่ลืมส่งยิ้มน้อย ๆ ให้อ๋องเฉิงด้วย
วันนี้นางก็ยังงดงามเช่นเดิม ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก
“ฮูหยินรอง กับคุณหนู 3 มาแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้รายงานอีกรอบ
ฟางซินเข้ามาพร้อมกับฮูหยินรอง
ลอบถอนหายใจเบาๆ ผู้เป็นมารดาลอบสังเกตเห็น แต่มิได้ทักอะไร
เขามาถึงก่อนแล้วสินะ เป็นดังคาด
นั่งมองตากัน เหมือนกับทั้งโลกมีแค่เขา 2 คน ข้าอยากกลับห้องแล้ว ไม่อยากอยู่แม้แต่วินาทีเดียว
ใจเกิดอาการจี๊ดๆ อีกแล้ว อะไรกัน มือสั่นอีกแล้ว อดทนไว้ อีกนิดเดียว ๆๆๆ
เดี๋ยวก็กลับแล้ว
เฉิงอ๋องแปลกใจ
ทั้งยังไม่เคยเห็นคุณหนู 3 มาก่อน
ลืมไปแล้วว่าแม่ทัพลู่มีบุตรสาว 2 คน
งานเลี้ยงครั้งก่อนก็มิทันได้เจอกัน เพราะนางแอบออกไป นาง …..
ชุดสีเขียวอ่อนดุจน้ำทะเลในฤดูร้อน
เครื่องประดับเรียบง่ายใบหน้าที่แทบจะไม่แต่งแต้มสีสัน ช่างดูงดงามเป็นธรรมชาติใบหน้าเรียวงาม
ปากกระจับแต่แลดูอวบอิ่มราวกับได้รับการดูแลมาอย่างดี กลิ่นหอมของนาง
ช่างรู้สึกสบายใจยิ่ง มันกลิ่นอะไรนะ ทำไมถึงหอมแบบนี้
“ครั้งที่แล้ว
ท่านอ๋องยังไม่ได้เจอ นี่ลูกสาวคนเล็กของข้า ลู่ฟางซิน”
“ฟางซินคารวะท่านอ๋องเพคะ”
เงยหน้ามา สบตากันอีกครั้ง แย่แล้วๆๆ
อดทนไว้ๆ นั่งลงๆ
“คุณหนู 3 ไม่ต้องเกรงใจ เชิญนั่งเถิด”
เฉิงอ๋องกล่าว
“คารวะฮูหยินรอง”
“ท่านอ๋องมิต้องเกรงใจเจ้าค่ะ
เชิญนั่ง”
ฮูหยินรองกล่าว
นาง งดงามราวกับเดินออกมาจากภาพวาด
งดงามยิ่งกว่าหญิงใดในที่เคยเจอ แม้แต่ .. หนิงเซียน
ที่เรียกได้ว่าเป็นสาวงามอันดับ 1 แล้วยัง… อืมมม น่าสนใจยิ่งนัก
“มาครบกันแล้วนะ
เริ่มได้เลยๆ มาๆ ท่านอ๋อง ข้าดื่มให้ท่านก่อนหนึ่งจอก"
“ขอบคุณท่านลุงขอรับ”
ใช่ว่าหนิงเซียนจะไม่สังเกตเห็น
กริยาแบบนั้นคืออะไร เหมือนตอนเจอข้าครั้งแรกเลยรึมิใช่ เจ้าอีกแล้วเหรอ ฟางซิน
นางขบคิดแค้นอยู่ในใจ
“วันนี้ท่านอ๋อง
พาลูกไปเดินตลาดมาเจ้าค่ะท่านพ่อ แถมยังซื้อของขวัญให้ลูกเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”
“เรื่องเล็กน้อย คุณหนูมิต้องเกรงใจ”
ลี่หมิงกล่าว
“ลุงขอบใจลี่หมิงที่เอ็นดูน้องนะ”
“มิได้ขอรับท่านลุง”
เฉิงอ๋องกล่าว
เฉิงลี่หมิงแอบลอบมองฟางซินเล็กน้อย
ทำไมนางต้องเอาแต่นั่งก้มหน้า อมทุกข์แบบนั้น การรับประทานอาหารร่วมกับเขา
มันน่าอึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอ
“ซินเอ๋อ วันนี้เจ้าแอบไปเที่ยวในเมืองทั้งวันอีกแล้วเหรอ
แม่เจ้าหาเจ้าทั้งวัน”
แม่ทัพลู่ถามบุตรสาว
“ท่านพ่อเจ้าคะ
ลูกออกไปทำการค้าต่างหากเจ้าค่ะ วันนี้ลูกไปช่วยคนด้วย ลูกน่ะ ไปทำความดีนะเจ้าคะ
อย่ามากล่าวหาลูกแบบนี้สิเจ้าคะ ท่านแม่รอง ท่านพ่อว่าข้าอีกแล้ว”
นางหันมาฟ้องฮูหยินรอง
ทั้งโต๊ะหัวเราะเบาๆ แบบเอ็นดูกับกริยาขี้อ้อนของสาวน้อย
มีเพียงฮูหยินใหญ่และหนิงเซียนเท่านั้น ที่ไม่คล้อยตาม
“เจ้าโตแล้ว
เป็นสาวเป็นนาง ยังมิออกเรือน เที่ยวเดินเล่นทั้งเมือง ไม่เหมาะสมกระมัง”
ฮูหยินใหญ่กล่าว
“ท่านแม่เจ้าคะ
วันนี้พี่รองบอกเองว่าออกไปเที่ยวกับท่านอ๋องมา ท่านจะมาว่าแต่ข้าคนเดียว
ไม่ถูกมั้งเจ้าคะ ใช่มั้ยเจ้าคะท่านพ่อ”
ฟางซินจงใจ
โยนก้อนหินไปหาพ่อ ท่านพ่อย่อมยุติธรรมที่สุด
“อะแฮ่ม เอาล่ะ
พอแล้ว ทานข้าวเถอะ วันนี้เรามีแขก เรื่องอื่น ว่ากันทีหลัง”
ฟางซินแอบยิ้มแบบผู้ชนะ
ฮูหยินรองปรามเบาๆ ด้วยสายตา นางหงอยไปนิดนึง
แล้วก้มหน้ายิ้มกับชัยชนะเล็กน้อยเหนือ 2 แม่ลูกนี้ได้ ถือว่าคุ้ม เงยหน้าขึ้นมา
สบตากับเฉิงอ๋องแบบไม่ทันตั้งตัว เค้ามองมาเมื่อไหร่เนี่ยย ตายแล้วๆๆ หมดกัน
พลาดไปแล้ว
ในใจเฉิงอ๋องกลับขำ คำว่า
"ท่านอ๋อง" ที่หญิงสาวเอ่ยออกมา มันช่างเพราะยิ่งนัก
ห้ามไม่ได้ที่จะแอบลอบมองนาง ท่าทางที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์นั้น อดขำไม่ได้
นางช่างน่ารักเสียจริง น่าสนใจ น่าสนใจมากจริงๆ
อาหารมื้อนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่
ถึงตอนนี้ การได้ระบายความรู้สึกบางอย่างออกไป ก็รู้สึกดีขึ้น มองหน้าเขา
ก็ไม่ใจเต้นแรงมากเหมือนครั้งก่อนๆ อีกแล้ว ต่อไปคงสามารถพุดคุยเหมือนปกติได้แล้ว
ต้องขอบคุณฮูหยินใหญ่กับพี่รองจริงๆ
เวลาบนโต๊ะอาหาร
หมดไปกับการฟังเรื่องราวการปราบกบฏ ที่ผ่านมาของท่านอ๋อง
แผนการรบและการโอบล้อมศัตรูถือว่ายอดเยี่ยม
ท่านพ่อเองดูเหมือนจะภาคภูมิใจราวกับเป็นบิดาของท่านอ๋องเลยทีเดียว
แม้ว่าหนิงเซียนจะพยายามเรียกร้องความสนใจจากท่านอ๋องเป็นบางเวลา ตอนนี้ ฟางซิน กลับรู้สึกขำในใจเล็กน้อย
ถึงท่านอ๋องจะสนใจนาง แต่เหมือนในใจฟางซิน
ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว……
ถึงเวลาส่งแขก
ในที่สุดก็อยู่จนจบงานเลี้ยงมื้ออาหารมื้อนี้
“เดี๋ยวลุงเดินไปส่งเจ้าเอง
ลี่หมิง”
“ท่านแม่รอง
เดี๋ยวข้าไปส่งท่านนะเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ท่านฟังเยอะเลย”
“ทูลลาท่านอ๋องเพคะ”
ฟางซินและฮูหยินรองลาท่านอ๋อง
และนางก็พยุงฮูหยินรองเดินกลับไป
สายตาเฉิงอ๋อง
มองตามนางไปแบบไม่รู้ตัว จนกระทั่ง
“ข้าไปส่งท่านอ๋องกับท่านพ่อด้วยเพคะ”
หนิงเซียนกล่าว
“ไม่ต้องหรอก
เจ้ากลับเข้าไปกับท่านแม่เถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านอ๋อง”
แม่ทัพลู่ปรามบุตรสาว
เขารู้ดีว่านางรู้สึกอย่างไรกับอ๋องเฉิง แต่เพื่อไม่ให้เกินขอบเขต
จึงต้องห้ามปรามไว้บ้าง
“ทูลลาท่านอ๋องเพคะ”
ฮูหยินใหญ่และหนิงเซียน
จำใจต้องกล่าวลา แล้วเดินจากไป
เฉิงอ๋องกล่าวลาแม่ทัพลู่
ขึ้นรถม้ากลับจวน ระหว่างทางกลับ นั่งนึกย้อนเหตุการณ์ในวันนี้ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
อยากรู้นักว่านางอยากเล่าอะไรให้ฮูหยินรองฟัง ข้าอยากฟังด้วยเหลือเกิน รอยยิ้มนั่น
ลืมได้ยากมากจริงๆ …..
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!