ในอดีตกาลพระกัศยปเทพบิดรผู้มีอิทธิฤทธิ์แก่กล้ามีมเหสี ๒ องค์ชื่อนางกัทรุและนางวินตาซึ่งทั้งสองไม่ลงรอยกันมักมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่เสมอ:จึงออกลูกเป็นเขาว่านางกัทรุขอให้มีโอกาสมากและมีอิทธิฤทธิ์มหาศาลมเหสีทั้งสองได้รับพรจากพระกายปคนละ ๑ ข้อ ๑,๐๐๐ ฟอง:ส่วนนางวินตาพรให้มีโอรส ๒ องค์เท่านั้น แต่มีอิทธิฤทธิ์เหนือกว่าลูกของนางกัทรุทั้งปวงนางจึงออกลูกเป็นไม่เพียง ๒ ของ:เวลาผ่านไป ๕๐๐ ปีไข่ของนางฟักออกมาเยืนนาค ๑,๐๐๐ ตัว:แต่ไข่ของนางวินตายังไม่ฟักเป็นตัวนางจึงร้อนใจใครจะเห็นหน้าโอรสโดยเร็วจึงทุบไข่ใบหนึ่งออกดู:ด้วยเหตุที่ออกมาก่อนกำหนดทําให้ร่างกายไม่สมประกอบมีเพียงครึ่งตัวเท่านั้นจึงได้ชื่อว่าอรุณหรืออีกนามหนึ่งว่าอนอรแปลว่าไม่มีต้นขา:พระอรุณโกรธมารดาที่ทำให้ตนพิการจึงสาปแช่งนางวินตาให้ตกเป็นทาสของนางกัทรุจนกว่าโอรสองค์ที่สองจะช่วยให้หลุดพ้นแล้วพระอรุณก็เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นสารถีให้พระอาทิตย์นางวินตาจึงเฝ้าถนอม ไข่ฟองที่เหลือเป็นอย่า:วันหนึ่งนางวินตาและนางกัทรุชวนกันไปดูมาอุจไฉศรพพาหนะของพระอาทิตย์ทั้งสองพนันทายสีของม้าเดิมพันว่าผู้ใดทายผิดจะต้องตกเป็นทาสของอีกฝ่ายนางวินตา S ม้าสีขาวป ลองตัวส่วนนางกัทรุพนันว่าตัวม้าเป็นสีขาวหางแซมคํา:คืนนั้นนางกัทรุจึงไปหาบุตรทั้งพันเพื่อออกอุบายให้ตนชนะพนันในครั้งนี้:นางให้นาคทั้ง ๑,๐๐๐ ตัวแปลงกายเป็นขนสีดำไปแซมบริเวณหางของม้าอุจไฉศรพทําให้หางของม้ามีสีขาวแซมด้าตามที่พนันไว้:นางกัทรุจึงเป็นฝ่ายชนะด้วยกลอุบายนางวินตาต้องยอมตกเป็นทาสดงคําสาปของพระอรุณ:กล่าวถึงโอรสองค์โตของนางกัทรุนามว่าเศษะนาคไม่เห็นด้วยกับการใช้เล่ห์กลของแม่และการกระทำของพี่น้องทั้งหลายจึงปลีกตัวไปจำศีลบำเพ็ญเพียรอย่างโดดเดี่ยว:9,000 พญาเศษะนาครัศมีกายสีทองเรืองรองมี ๑,๐๐๐ เศียรลำตัวยาวไม่สิ้นสุดจนเป็นที่กล่าวขานว่าสามารถพันรอบโลกได้:บำเพ็ญบารมีจนมีฤทธิ์แก่กล้าจึงได้ชื่อว่าอนันตนาคราชแปลว่าจอมแห่งนาคทั้งปวง:พระพรหมทราบเรื่องก็รู้สึกชื่นชมในความเที่ยงธรรมของนาคตนนี้จึงให้อนันตนาคราชไปขดตัวอยู่กลางเกษียรสมุทรเป็นแท่นบรรทมของพระนารายณ์เป็นที่มาของคำว่านารายณ์บรรทมสินธุ์:โอรสองค์ทีสองของนางกัทรุคือวาสุกรีนาคราชสามารถแผลงเศียรได้ ๗ เศียรมีพิษทรงอานุภาพร้ายแรงเป็นกษัตริย์ครองเมืองโภควดี ของนาคทงหลายและเป็นส่วนสำคัญในพิธีกวนเกษียรสมุทรในกาลต่อมา:๕๐๐ ปีผ่านไปในที่สุดไข่ฟองที่สองซึ่งนางวินตาเฝ้าทะนุถนอมก็ค่อยๆปริเป็นรอยพร้อมที่จะฟักออกมา:ที่รอยปริบนเปลือกไข่นั้นบังเกิดแสงสีทองเจิดจ้ากว่าแสงอาทิตย์:ปรากฏกายสีทองกึ่งนกกึ่งเทวดาของพญาครุฑนามว่าเวนไตย:เมื่อแรกเกิดร่างกายสูงใหญ่จรดฟ้าศีรษะจะงอยปากปีกและกรงเล็บน่าเกรงขามดังพญาอินทรีปลายปีกทั้ง ๒ ข้างกว้างไกล ๑,๕๐๐ โยชน์เพียงกระพือปีกครั้งหนึ่งก็บินเงินถึงเขาไกรลาสสามารให้เกิดพายุใหญ่ทําลายล้างได้:วาสุกรีนาคราชกวนเกษียรสมุทรในอดีตกาลอสูรและเทวดาเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันอาศัยอยู่บนสวรรค์ แต่เทวดาหลอกให้อสูรดื่มสุราจนเมามายแล้วจับโยนลงจากสวรรค์เหล่าเทวดาจึงเข้าครอบครองสวรรค์โดยมีพระอินทร์เป็นราชาอสูรกับเทวดาจึงเป็นศัตรูกันเรื่อยมา:วันหนึ่งฤาษีทรวาสเดินทางผ่านมายังป่าหิมพานต์บังเอิญได้พบกับเทพธิดาองค์หนึ่งนํามาลัยดอกไม้มาถวาย:มาลัยดอกไม้นั้นส่งกลิ่นหอมอบอวลทำให้ฤๅษีมึนเมาเที่ยวร้องรำทำเพลงล่องลอยไปมาในอากาศ:เมื่อฤๅษีครองสติได้ก็เห็นว่าตนไม่สมควรที่จะครอบครองพวงมาลัยจึงมอบมาลัยให้พระอินทร์ที่ทรงช้างผ่านมา:พระอินทร์รับมาแล้วคล้องให้ช้างทรงกลิ่นหอมของพวงมาลัยทำให้ช้างเกิดอาการคลุ้มคลั่ง:พระอินทร์จึงทำลายพวงมาลยชื้นเสีย:ฤาษีทรวาสเห็นดังนั้นก็โกรธมากคิดว่าพระอินทร์ไม่ให้เกียรติตน:จึงสาปให้พระอินทร์และเทวดาทั้งหลายพ่ายแพ้ต่ออสูรทุกเมื่อที่ต่อสู้กันอันว่าท้าวศักรินทร์ดูหมิ่นแน่แล้วขอกระอย่าแคล้วฉิบหายฤทธิ์ขจายโลกสามจงกลับทรามทรุดน้อยสิทธิสมดั่งถ้อยสาปสรรพ์อันหมอสุราเคย แพ้มาก่อนไซร้จงกลับชนะได้ดังถวิลแน่เทอญฯ จากลิลิตสิบปางพระราชนิพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอยู่:เมืองสวรรค์ต้องคำสาปเทวดาก็หวั่นไหวเดือดร้อนกันไปทั่วพระอินทร์จึงขอให้พระนารายณ์ผู้ทรงฤทธิ์ช่วยหาทางแก้ไข:พระนารายณ์จึงให้ทําพิธีกวนเกษียรสมุทรเพื่อทำนำอมฤตเมื่อผู้ใดดื่มกินแล้วจะมีพละกำลังมหาศาลและเป็นอมตะ:การกวนเกษียรสมุทรนั้นต้องใช้กำลังพลมากมายมหาศาลและใช้เวลานานนับพันปีเทวดาจึงออกอุบายให้เหล่าอสูรมาช่วยกวนเกษียรสมุทรโดยหลอกว่าจะแบ่งน้ำอมฤตให้ครึ่งหนึ่งเมื่อเสร็จพิธี:พระนารายณ์ให้เหล่าอสูรช่วยกันถอนขุนเขาจันทรศิริมาตังลงเป็นไม้กวนกลางเกษียรสมุทรและได้อัญเชิญพญาวาสุกรีนาคราชมาใช้ลำตัวพันรอบขุนเขามันทรคีรีต่างเชือกชักโยงโดยเทวดาจงใจเลือกชักดึงพญานาคทางด้านหาง และให้อสูรชักดึงทางเศียรของพญานาค:การชักนาคกวนเกษียรสมุทรดำเนินไปอย่างยาวนานพญาวาสุกรีเจ็บปวดจากการที่ถูกแรงดึงเสียดสีจึงพ่นพิษอันร้ายแรงออกมาทำให้เหล่าอสูรได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็นจํานวนมาก:ภูเขามันทรคีรีที่เคยตั้งตรงอยู่ก็เริ่มโอนเอนสั่นคลอน:พระนารายณ์จึงอวตารเป็นเต่ากูรมาวตาร เพื่อหนุนภูเขาให้ตั้งตรงดังเดิม * อวตารหมายถึงการแบ่งภาค:พิธีกวนเกษียรสมุทรดำเนินต่อไปโดยมิได้หยุดพักพญาวาสุกรีเจ็บปวดทรมานสุดทานทนจำต้องคายพิษพ่นไฟรุนแรงออกมาอย่างไม่ขาดสาย:พระศิวะเกรงว่าพิษของพานาคจะเป็นอันตรายกระจายทั้งสามโลกพระองค์จึงเข้าปกป้องด้วยการกลืนรับพิษร้ายนั้น แต่เพียงผู้เดียว:พิษร้ายรุนแรงของพญานาคทำให้พระศอของพระศิวะไหม้เกรียมจนเป็นสีดำตั้งแต่บัดนั้นสีดำจึงเปรียบเสมือนความรักอันบริสุทธิ์เป็นการสรรเสริญการเสียสละยิ่งใหญ่ของพระศิวะ:พิธีกวนน้ำอมฤตได้บังเกิดของวิเศษอย่าง๑๓อย่าง๑. ดวงจันทร์ ปิ่นปักพระเกศาของพระศิวะซึ่งเหล่าเทวดาและอสูรถวายเพื่อตอบแทนที่พระองค์เสียสละดื่มกินพิษจากพญาวาสุกรี:๒. เพชรเกาสภะเป็นเพชรล้ำค่าในสามโลกถวายให้พระนารายณ์นําไปประดับพระอุระ ๓. วารุณีเทพีแห่งสุราต่อมาได้เป็นชายาของพระพิรุณ ๔. พระลักษเสด็จผุดขึ้นจากดอกบัวแล้วถวายตัวเป็นพระมเหสี ของพระนารายณ์:๕. ช้างเอราวัณช้างเผือกสามเศียรเป็นพาหนะของพระอินทร์:๖. ต้นปาริชาตต้นไม้ทิพย์สามารถบนควความสําเร็จให้แก่ผู้ขอพร ๗. โคสุรภีโควิเศษเนรมิตสิ่งต่างๆตามที่เจ้าของปรารถนาได้:๔. ม้าอุจไฉศรพเจ็ดมาวิเศษสีขาวปลอดเหนือยอดอาชาทั้งปวงเป็นม้าเทียมราชรถของพระอาทิตย์:๙ หริธนูธนูวิเศษทรงอิทธิฤทธิ์ของพระนารายณ์:๑๐. สังข์สิ่งวิเศษของพระนารายณ์:. ๑๑. นางอัปสรปวงเทพอัปสรสวรรค์มีหน้าที่ปรนนิบัติบำเรอความสุขให้แก่เหล่าเทวดาและอสูร:๑๒. หม้อนำอมฤต:๑๓. ธนวันตรีแพทย์ประจำสวรรค์ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดศาสตร์การรักษาสุขภาพเรียกว่าอายุรเวท:เมื่อธันวันตรีผุดขึ้นพร้อมกับหม้อนําอมฤตนั้นเหล่าเทวดาและอสูรต่างก็เข้าแย่งชิง จะครอบครองน้ำอมฤต:พระอินทร์ฉวยโอกาสช่วงชิงหม้อน้ำทิพย์ไปให้เหล่าเทวดา:พระนารายณ์จึงอวตารเป็นโมหิณีนางอัปสรรูปงามมาล่อลวงเบี่ยงเบนให้อสูรหลงไหล:มีเพียงพญาอสูรตนหนึ่งนามว่าราหูที่ไม่หลงกลได้ปลอมตัวเป็นเทวดามาร่วมมนําอมฤตน้นด้วย:พระอาทิตย์และพระจันทร์สังเกตเห็นเงาของอสูรราในหม้อน้ำอมฤตจึงรู้ว่ามือสูรปลอมตัวแฝงกายเข้ามาเพราะเทวดามีกายเป็นทิพย์ย่อมไม่มีเงา:ทั้งสองจึงรีบแจ้งแก่พระนารายณ์:พระนารายณ์โกรธมากใช้จักรขว้างไปติดกายของราหูขาดเป็นสองท่อน แต่ราหูดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้วจึงไม่ตายคงเหลือร่างกายท่อนบนเท่านั้น:ราหูโกรธแค้นฝังใจจึงไล่กลืนกินพระอาทิตย์และพระจันทร์แอมไว้ในปากได้ไม่นานก็ต้องคายออกมาเพราะทนความร้อนไม่ไหวเป็นที่มาของการเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคาตามความเชื่อมา แต่โบราณ:ครุฑชิงน้ำอมฤตเมื่อน้ำอมฤตกำเนิดขึ้นก็เป็นที่ปรารถนาทั่วทั้งไตรภพบรรดานาคที่อาศัยอยู่ทั้งในแวดวลและบนบกต่างก็อยากจะมาอมฤตเพื่อเป็นอมตะ:ฝ่ายครุฑเมื่อเกิดมาก็ตกเป็นทาสของพวกนาคตามแม่ของตนนางกัทรุมักใช้ให้พาข้ามมหาสมุทรไปชมธรรมชาติและครุฑต้องพาพวกนาคข้ามไปด้วยเสมอ:ครุฑสงสารมารดาจึงถามนาคถึงหนทางไถ่ถอนนางวินตาให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสนาคจึงให้ครุฑไปนำน้ำอมฤตมาแลก:พญาครุฑยินดีรับภารกิจนี้ด้วยความหวังอันแรงกล้าแม้รู้ว่าหนทางเพื่อไปชิงน้ำอมฤตมานั้นยากลำบาก:พญาครุฑบินทะยานขึ้นสู่สวรรค์ด้วยจิตใจห้าวหาญ:พวกเทวดาเห็นพญาครุฑบินมา แต่ไกลก็ตกใจอลหม่านพญาครุฑกระพือปีกพัดจนฝุ่นตลบทั่วทั้งอากาศพระอินทร์ให้พระพายช่วยพัดฝุ่นกระจายหายไป:เทวดาทั้งหลายจู่โจมขัดขวางพญาครุฑรอบทิศด้วยอาวุธวิเศษต่างๆ 2 หอกศูลคทาศรเพลิงและจักรไฟ แต่อาวุธกายอัน ได้แก่ กรงเล็บปีกและจะงอยปากของครุฑนั้นทรงฤทธิ์ยิ่งสามารถปัดป้องได้ทั้งหมด:พญาครุฑใช้อาวุธกายต่อสู้จนเทวดาแพ้พ่ายไม่มีใครอาจหาญต้านทานฤทธิ์ของพญาครุฑได้:พญาครุฑจึงตรงไปยังที่เก็บน้ำอมฤตด่านแรกนั่นมีเปลวเพลิงร้อนเสมือนหนึ่งจะเผาไหม้พระอาทิตย์ให้สลายเป็นจุลพญาครุฑเนรมิตกายเป็นนกใหญ่มหึมามีปาก ๘,๑๐๐ ปากบินไปอมน้ำในแม่น้ำมาดับไฟ จนดับมอด:ไปด่านที่ ๒ พบกงจักรคมกริบและหมุนพัดผันด้วยความเร็วผู้ใดล่วงผ่านเข้าไปก็จะถูกกงจักรตัดขาดทันทีพญาครุฑจึงเนรมิตกายเป็นนกสีทองขนาดเล็กบินทะยานลอดผ่านกงจักรเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว:ด่านที่ ๓ พบนาค ๒ ตัวมีแสงแรงโรจน์ลิ้นเหมือนสายฟ้าแลบนัยน์ตาลุกโชนเป็นไฟเมื่อนาคมองไปที่ผู้ใดผู้นั้นจักต้องถูกเผาเป็นเถ้าธุลี:พญาครุฑบินเข้าต่อสู้กระพือปีกกว้างพัดพายุฝนเข้านัยน์ตานาคทั้งสอง:แล้วใช้กรงเล็บฉีกนาคเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย:พญาครุฑชิงนําอมฤตได้สําเร็จโดยไม่ได้ฉวยโอกาสแตะต้องดื่มกินน้ำอมฤตนั้น:พระนารายณ์รับรู้ถึงความเก่งกาจของพญาครุฑ-สรรเสริญว่าพญาครุฑมีสัจจะและคุณธรรมไม่ฉวยโอกาสดีมนำอมฤตนั้นจึงประทานพรแก่พญาครุฑ ๒ ข้อพญาครุฑขอให้ตนเป็น“ ตะและอยู่สูงกว่าพระนารายณ์พระ นารายณ์จึงให้พรพญาครุฑอมตะโดยไม่ต้องดื่มน้ำอมฤตและให้พญาครุฑประจำอยู่ที่ธงของพระองค์จะได้อยู่สูงกว่าตามประสงค์:ฝ่ายพญาครุฑก็ได้ให้พรแก่พระนารายณ์ข้อหนึ่งพระนารายณ์จึงขอให้พญาครุฑยอมเป็นพาหนะของพระองค์เป็นที่มาของคำว่านารายณ์ทรงสุบรรณหมายถึงพระนารายณ์ทรงครุฑนั่นเอง:พระอินทร์ได้ติดตามมาใช้อาวุธและวัชระต่อสู้ช่วงชิงน้ำอมฤตคืน แต่ศาสตราวุ ธ ใดก็ไม่อาจทําอันตรายพญาครุฑได้พญาครุฑเห็นว่าวัชระเป็นอาวุธซึ่งสร้างโดยฤๅษีผู้สละชีพเพื่อดับทุกข์เข็ญจึงแสดงความเคารพโดยการ สละขนเส้นหนึ่งให้ร่วงลงสู่ปฐพีพระอินทร์ขอสงบศึกและขอให้พญาครุฑยินยอมคืนน้ำอมฤตเพราะเกรงว่าหากนาคเป็นอมตะจะมาปองร้ายกลายเป็นศัตรูในภายหลัง:พญาครุฑยืนกรานว่าตนต้องนำน้ำอมฤตไปให้นาคเพื่อให้มารดาพ้นจากการเป็นทาส แต่ไม่จำเป็นต้องให้นาคดื่มน้ำอมฤตนี้:พญาครุฑแนะให้พระอินทร์ตามมาชิงน้ำอมฤตไปหลังจากที่ตนได้ส่ง 9 นำอมฤตให้นาคแล้วพระอินทร์พอใจในข้อเสนอนี้จึงประทานพรให้ครุฑสามารถจับนาคกินเป็นอาหารได้โดยไม่ถือเป็นบาป:พญาครุฑบินกลับไปหาฝูงนาคที่รอคอยอยู่:พญาครุฑวางหม้อน้ำอมฤตไว้บนหญ้าคาบอกนาคว่าให้ชำระกายให้สะอาดก่อนแล้วจึงค่อยดื่มน้ำอมฤต:ฝูงนาคเห็นหม้อน้ำอมฤตก็ยินยอมให้นางวินตาพ้นจากการเป็นทาสแล้วพากันอาบน้ำชำระร่างกาย:พระอินทร์สบโอกาสที่นาคกำลังอาบน้ำกลอบมาฉายเอาหม้อนำอมฤตไป:เมือฝูงนาคขึ้นมาก็พบว่าหม้อนำอมฤตได้อันตรธานไปแล้ว:จึงได้ แต่เลียใบหญ้าคาหวังว่าจะมีน้ำอมฤตเหลือหยดติดอยู่:ทำให้คมหญ้าคาบาดลิ้นนาคเป็นสองแฉกงูทั้งหลายจึงมีลิ้นสองแฉกมาจนถึงทุกวันนี้:ครุฑยุคนาคเมื่อครุฑได้พรจากพระอินทร์ให้จับนาคกินเป็นอาหารได้นาคก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของครุฑ:เมื่อต้องการล่านาคครุฑจะบินลงเหนือผืนน้ำลมจากแรงกระพือปีกของครุฑแหวกนําจนเห็นตัวนาค:ครุฑใช้กรงเล็บจับนาคหิ้วไปยังต้นงิ้วอันเป็นถิ่นอาศัยแล้วเลือกกินเฉพาะมันเหลวของนาคทิ้งร่างไร้วิญญาณที่เหลือลงมหาสมุทร:พวกนาคพากันเดือดร้อนจึงป้องกันตัวโดยการกลืนก้อนหินใหญ่ลงไปในท้องเพื่อถ่วงตัวให้หนัก:เมื่อครุฑบินมาหวังโฉบหิ้วนาคขึ้นไปกินก็ไม่สามารถทําได้โดยง่าย:ครุฑบางตัวถูกคลื่นซัดจมน้ำตายการจับนาคกินเป็นอาหารจึงเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต:ครุฑจึงคิดหาทางแก้ไขอุปสรรคนี:ครุฑได้เกลี้ยกล่อมอาจารย์ทุศีลของนาคให้บอกความลับจากนั้นก็เปลี่ยนวิธีการจับนาคโดยการจู่โจมจับด้านหางนาคโผทะยานขึ้นไปบนอากาศให้เศียรนาคลดต่ำลงสู่พื้นโลกนาคจําต้องสำรอกคายก้อนหินในท้องให้ ร่วงหล่นลงมา:ด้วยเหตุนี้ภาพเขียนหรือภาพแกะสลักตามหน้าบันโบสถ์วิหารจึงเป็นรูปครุฑจับนาคปล่อยหัวนาคอยู่ด้านล่างเรียกว่าครุฑยุดนาคสืบต่อมาจนปัจจุบันตำนานทั้งหมดนี้เป็นที่มาว่าเหตุใดครุฑกับนาคจึง เป็นศัตรูกัน:กินรี ณ เชิงเขาไกรลาสริมสระอโนดาตเมืองของเหล่ากินนรกินนรีปกครองโดยกษัตริย์ท้าวปทุมราชพระธิดาเป็นกิน ๗ คนซึ่งมีรูปร่างหน้าตางดงามและสะม้ายคล้ายกันยิ่งนัก:วันหนึ่งพระธิดาทั้งเจ็ดไปเล่นน้ำที่สระใหญ่:พรานป่าผ่านมาเห็นเข้าก็หมายจะจับกินไปถวายพระสุธนเจ้าชายแห่งเมืองอุดรปัญจาล:พรานป่าจึงใช้บ่วงนาคบาศซึ่งได้มาจากพญานาคที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้โยนคล้องจับตัวมโนห์ราน้องคนสุดท้องของเหล่ากินรี: พรานป่ายึดปีกและหางของมโนห์ราไม่ให้หลบหนีก่อนนำตัวไปถวายแด่พระสุธน:พระสุธนหลงรักมโนห์ราตั้งแต่แรกพบรนําปีกและหางของมโนห์ราไปซ่อนไว้:และจัดพิธีอภิเษกสมรสกับมโนห์ราอย่างยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา:คราหนึ่งพระสุธนต้องออกไปสู้ศึกปุโรหิตที่แอบไม่พอใจพระสุธนจึงใส่ความให้ท้าวอาทิตยวงศ์พระบิดาของพระสุธนจับตัวมโนห์รามาบูชายัญแก้ความอัปมงคล:มโนห์ราใช้ปัญญาเอาตัวรอดด้วยการร้องขอปีกและหางคืนมาประดับกายให้งดงามเพื่อร่ายรำในพิธีบวงสรวงเป็นครั้งสุดท้าย:เมื่อได้ปีกและหางคืนมาก็เป็นโอกาสให้มโนห์ราบินหนีจากพิธีกรรมกลับไปยังเขาไกรลาส:มโนห์ราแวะหาพระฤๅษีฝากผ้าทรงแหวนและยาไว้ให้พระสุธน:เมื่อพระสุธนกลับจากศึกพบว่ามโนห์ราจากไปแล้วก็ออกตามหาไปจนถึงอาศรมพระฤาษีและได้รับของที่นางฝากไว้จากนั้นก็ฝ่าอันตรายต่างๆนานนับ ๗ ปีจนถึงเขาไกรลาส:พระสุธนพบเหล่านางรับใช้ที่มาตักนำนำไปชำระร่างกายให้มโนห์ราเพื่อลบกลิ่นสาบมนุษย์:เมื่อบริวารสรงน้ำให้มโนห์ราแหวนก็ไหลลงจากหม้อสวมที่นิ้วของมโนห์ราพอดีมโนห์ราจึงทราบว่าพระสุธนได้เดินทางฝ่าอันตรายมาถึงที่นี่แล้ว:พระสุธนจึงแอบหย่อมแหวนลงไปในหม้อน้ำ:แต่ท้าวปทุมราชยังต้องการทดสอบพระสุธนจึงให้พระธิดาทั้งเจ็ดแต่งกายเหมือนกันจนแยกไม่ออกและให้พระสุธนเลือกว่าคนไหนคือมโนห์รา:พระอินทร์เห็นใจจึงแปลงกายเป็นแมลงวันทองมาเกาะที่ผมของมโนห์ราทำให้พระสุธนชี้ตัวได้ถูกต้อง:ในที่สุดพระสุธนก็ผ่านการทดสอบของท้าวปทุมราชทั้งพระสุธนและมโนห์ราจึงได้กลับมาครองรักกันอีกครั้งและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสืบต่อไป:มักกะลีผลทางทิศตะวันออกของป่าหิมพานต์มีพงไพรพิสดารแห่งหนึ่งที่ซึ่งต้นไม้ออกผลเป็นหญิงงามเรียกว่ามักกะลีผล:นมักกะลีผลมีใบดุจแพรเนื้อดีดอกเป็นแก้ววิเศษและผลที่ค่อยๆงอกงามเป็นเรือนร่างของหญิงสาวมีขั้วอยู่บนศีรษะห้อยระย้าอยู่บนกิ่งก้านที่แผ่ขยายไปทั่วต้นเป็นเพียงผลไม้งามที่มี แต่เรือนร่างไม่มีวิญญาณ:บรรดาเทวดาคนธรรพ์นักสิทธิวิทยาธรได้ผ่านมาพบเหนก็เกิดความลุ่มหลงรักใคร่ต่างแวะเวียนกันมาเด็ดเอามักกะลีผลไปเชยชมด้วยความเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว:กระทั่งฤาษีที่บำเพ็ญตบะแก่กล้าก็มิอาจต้านแรงปรารถนาบางครั้งก็ยังลุ่มหลงในนารีผลจนไม่สามารถบำเพ็ญตบะต่อไปได้:อนิจจาความงามช่างแสนสั้นดำรงอยู่ได้เพียง ๗ วันก็เหี่ยวเฉาเมื่อสูญสิ้นความงามก็หมดสิ้นเยื่อใยถูกทอดทิ้งไว้บนพื้นดิน:จนท้ายที่สุดก็เน่าเปื่อยเป็นอาหารของนกและหนอนสูญสลายกลับคืนสู่ผืนดินอย่างเดียวดาย:(จ...บ........บริบูรณ์)
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!