NovelToon NovelToon

ภรรยายั่วรัก

บทนำ

“ทำไมพวกเราสามคนต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ด้วยวะ”

อิงนรีเอ่ยขึ้นหลังยกแอลกอฮอล์ในแก้วตัวเองสาดลงคอไปจนหมดเกลี้ยง

เพื่อนสาวอีกสองคนก็ได้แต่นั่งมองตาแป๋ว อีกคนก็หัวเสียไม่แพ้กัน

ส่วนอีกคนด้วยความที่เป็นคนหัวอ่อนเธอไม่ได้ร้อนใจกับเรื่องที่เพิ่งจะระบายกันสักเท่าไหร่

“แกยังดีหยาด

อย่างน้อยก็เคยเห็นหน้าค่าตากันบ้าง ว่าเจ้าบ่าวเป็นใครมาจากไหน

ฉันสิ...จนจะต้องบินไปหาเขาที่เชียงใหม่แล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่า

ว่าที่ผัวเนี่ยชื่ออะไร”

อิงนรีเอ่ยขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาแก้วเหล้าของเพื่อนที่ดูไม่มีวี่แววจะยกขึ้นดื่มมาสาดลงคอ

“อิงใจเย็น ๆ” เจ้าของแก้วรีบร้องห้าม

“ไม่ต้องมาห้ามฉันเลยนะยายแก้ว

แกมัวแต่นั่งฟังฉันกับยายหยาดไม่ยอมยกสักที จนมันจืดหมดแล้วเนี่ย”

“แกจะมาบอกว่าฉันดีกว่าแก

เพราะรู้จักกันกับไอ้หมอสิบนั่นก็ไม่ได้หรอกนะ

ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันกับมันไม่ถูกกันมาตั้งแต่มัธยม คนเกลียดกันจะแต่งงานกันได้ยังไง”

หยาดฟ้าโวยขึ้นบ้าง

“อย่างน้อยแกก็มั่นใจได้

ว่าหมอสิบทิศน่ะหล่อ แล้วก็ร่างกายครบสามสิบสองส่วน เป็นคนแข็งแรงสมบูรณ์ดี

ฉันสิ...พิการหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องขี้ริ้วขี้เหร่จนไม่มีใครเอาแน่

แม่ถึงต้องมาหาจับผู้หญิงไปคลุมถุงชนกับลูกชายแบบนี้”

“อิง...ใจเย็น ๆ

เขาอาจจะไม่ได้แย่แบบนั้นก็ได้ ดูพวกเราสิ ก็แค่ไม่มีแฟนเลยโดนบังคับแต่งงาน

เขาเองก็อาจจะไม่มีแฟนสักที แม่เลยบังคับแต่งงานก็ได้”

มาลาแก้วที่ดูจะใจเย็นที่สุดกับเรื่องนี้พูดขึ้น

ทั้งอิงนรีและหยาดฟ้าต่างหันไปฟาดสายตาลงที่คนพูดพร้อมกัน

“อย่ามาโลกสวยแถวนี้นะยายแก้ว

คนอย่างไอ้หมอสิบน่ะ ถ้ามันจะไม่มีแฟนก็เพราะปากกับนิสัยมันนั่นแหละ ใครจะเอา”

“นี่ไง อย่างน้อยแกก็ยังรู้

ว่าหมอสิบทิศเขาเป็นคนยังไง ฉันไม่รู้อะไรเลยนะ” อิงนรีแทรกขึ้น

“เหอะ ถ้าฉันเลือกได้นะ

ขอแต่งกับคนที่ไม่รู้จักแบบแกดีกว่า ไปเรียนรู้กันใหม่

ไม่ใช่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดี แบบนี้ เป็นตายยังไงฉันก็ไม่ยอมแต่งหรอก แกล่ะ”

“ฉันจะไปขัดป้าได้ยังไง

อีกอย่างคิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน แต่งแล้วก็ต้องไปอยู่ที่โน่น

ป้าจะได้ไม่มาบ่นอะไรฉันอีก” อิงนรีปลงเสียแล้ว เรื่องถูกป้าจับคลุมถุงชน

เธอเหนื่อยหน่ายที่จะต้องถูกลากไปดูตัวอยู่บ่อย ๆ แล้ว แต่ง ๆ ไปให้มันจบ ๆ ดีกว่า

ไม่แต่งกับคนนี้ ป้าของเธอก็ต้องหาคนนั้น คนโน้น มาบังคับให้เธอแต่งเหมือนเดิม

“แล้วแกล่ะยายแก้ว ยังไง”

หยาดฟ้าหันไปถามเพื่อนอีกคน

“ก็คิดเหมือนอิง ว่าแต่ง ๆ ไปให้มันจบ

ๆ ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร แม่เลือกมาแล้วว่าดี มันก็น่าจะดีแหละ”

“แกดูใจเย็นกับเรื่องนี้มากนะ เฮ้อ!!!”

หยาดฟ้าถอนหายใจ ก่อนจะยกแก้วที่อิงนรีเพิ่งเทน้ำสีทองเติมให้ซดจนหมด

“เบา ๆ แกขับรถกลับเองไม่ใช่หรือไง”

คนรินว่าพร้อมกับดึงแก้วออกมาจากมือของเพื่อนสนิท

“ก็ฉันเครียดนี่"

"เครียดน่ะรู้ แต่มันอันตราย

พอเลยนะแกไม่ต้องกินแล้ว"

อิงนรีว่าพร้อมกับหันไปเทน้ำสีทองที่เหลือใส่แก้วตัวเองจนหมด

"แล้วนี่แกจะไปเชียงใหม่เมื่อไหร่"

มาลาแก้ว คนที่ดื่มน้อยที่สุดในโต๊ะเอ่ยถามขึ้น

"น่าจะอีกไม่กี่วันนี้แหละ

เห็นป้าโทรคุยกับเพื่อนทุกวัน"

"อ๋อ..."

"กลับยัง? แม่โทรตามแล้ว"

หยาดฟ้าเอ่ยถามขึ้น เธอดูจะเมามากแล้ว

อิงนรีหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนเพื่อขอความเห็น

แต่มาลาแก้วก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมาเท่านั้น

"เดี๋ยวฉันไปส่งแกดีกว่า

รถก็จอดไว้นี่แหละ ฉันว่าแกขับรถไม่ไหวแล้วนะหยาด" อิงนรีเสนอขึ้น

"ไม่ต้อง!! ฉันไหว

พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน จอดรถไว้นี่แล้วฉันจะไปทำงานยังไง แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก

ระดับหยาด กินได้ก็กลับบ้านได้ สบายใจหายห่วง"

"จะไม่ห่วงยังไง

นั่งยังไม่ตรงเลยเนี่ย"

ครืดดด ครืดดด

-คุณป้าขา-

"ป้าโทรตามแล้ว รีบกลับเถอะ ฉันขี้เกียจจะโดนบ่นอีก"

อิงนรีหันไปบอกกับมาลาแก้ว ซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบรับว่าเห็นด้วย

สามสาวพากันเดินออกมาจากร้านอย่างทุลักทะเลเพราะต้องคอยประคองคนเมา

"แกกลับไม่ไหวหรอกหยาด

เชื่อฉันเถอะ กลับแท็กซี่กับยายแก้ว แล้วจอดรถไว้นี่ซะ"

"ไม่!! ฉันไหว"

"หยาดอย่าดื้อได้ไหม

เป็นอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มหรอกนะ"

"นี่พวกแกจำวันเกิดพี่ต้อมแฟนเก่าฉันไม่ได้เหรอ

เมายิ่งกว่านี้อีกฉันยังกลับถึงบ้านปลอดภัยเลย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กลับบ้านดี ๆ นะ

บ๊ายบาย"

"เอ้า!! หยาด!!

เฮ้ยเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ" เผลอแวบเดียวเท่านั้นหยาดฟ้าก็เปิดประตูรถแล้วหนีเพื่อน

ๆ สองคนเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย

ทิ้งให้อิงนรีและมาลาแก้วยืนงุนงงกับเหตุการณ์กันสองคน

"คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วมั้ง

อิงก็ขับรถกลับดี ๆ นะ"

"แล้วแกล่ะ"

"แก้วนั่งแท็กซี่แป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว

ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าถึงแล้วจะไลน์บอกนะ"

"อืม ๆ กลับดี ๆ"

หลังล่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามสาวก็แยกย้ายกันกลับ

ส่วนอิงนรีนั้นขับรถไม่ค่อยจะเป็นสุขเท่าไหร่

เพราะมีเสียงโทรศัพท์สั่นตามจิกจนถึงบ้าน

---------------------------------------------------

ขออนุญาตขายของค่ะ

นิยายภรรยายั่วรักเล่มกระดาษ 325 รวมส่ง จากราคาปก 355

ช่องทางสั่งจอง

ฉันต้องไปแต่งงานจริงๆ เหรอ

อิงนรีกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงคืน

ตามที่ได้สัญญากับป้าของเธอเอาไว้

แม้มันจะดูตลกไปสักหน่อยที่มากำหนดเวลากลับบ้านเหมือนเธอเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

แต่อิงนรีก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี เพราะไม่อยากมีปัญหากับป้าของตัวเอง

"คิดว่าจะขัดคำสั่งกันแล้วซะอีก"

เสียงของสาวใหญ่ ในชุดนอนเรียบหรูดังขึ้น

ขณะที่ร่างระหงกำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกในบ้าน เพื่อขึ้นไปยังห้องตัวเองบนชั้นสอง

"นี่คุณป้ายังไม่นอนอีกเหรอคะ?" เท้าเล็กพลันชะงักก่อนจะหันไปถามด้วยความประหลาดใจ เพราะปกติแล้ว

แม้ว่าป้าของเธอนั้นจะกำหนดเวลากลับบ้านให้ แต่ก็ไม่เคยมารอแบบนี้สักที

"หลับไปแล้วมั้ง

นี่ฉันคงจะละเมออยู่ หรือไม่...นี่ก็เป็นจิตที่ฉันถอดเอาไว้รอรับแก"

เจ้าของบ้านกล่าวประชดประชัน

หลานสาวถอนหายใจก่อนจะยิ้มแล้วเดินเข้าไปโอบกอดร่างท้วมของคนเป็นป้า

"เป็นห่วงหนูละสิ"

"อย่ามาเกาะแกะ

เหม็นน้ำละมุด!!" คนถูกกอดว่าพลางสะบัดตัวออก อิงนรีรู้ดีว่าท่าทางพวกนั้น

ก็แค่การแสดงของคนแก่ขี้ใจน้อยอย่างป้าเธอเท่านั้นเอง ความจริงแล้วป้าเธอนั้น

ทั้งรัก และห่วงเธอมากกว่าใคร ๆ

"งั้นป้าจะบอกหนูได้หรือยัง

ว่ามารอหนูทำไม"

"ฉันจะบอกว่า ที่คุยกันไว้

ว่าจะไปเชียงใหม่อีกสองสามวัน ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว"

"เปลี่ยนใจ? จะไม่ไปแล้วเหรอคะ?"

"โอ๊ย!! ไปสิ

ที่บอกว่าเปลี่ยนใจน่ะ ฉันจะไปพรุ่งนี้"

"อะไรนะคะ!!!" อิงนรีโวยลั่น

เธอคิดว่ากำหนดการจะถูกเลื่อนออก ไหงถึงกลายมาเป็นเลื่อนเข้าไปเสียได้

"ดึกดื่นแบบนี้แกจะตะโกนทำไมยายอิง!!

ก็พอดีว่างานการกุศลที่คุยกันไว้ยกเลิกไปแล้ว

ฉันว่าง...ไปมันพรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน"

"แต่หนูยังไม่ได้เก็บของเลย

ไม่ทันหรอกค่ะ"

"ฉันให้ชื่นเก็บให้แล้ว

เสื้อผ้าแกฉันก็จัดการเลือกเองกับมือ รับรองได้เลยว่าจะไม่มีไปวับ ๆ แวม ๆ ให้ฉันขายขี้หน้าแน่

ๆ"

"ป้า...."

"ไม่ต้องเถียง รีบไปนอนซะ

ฉันจองตั๋วรอบเช้าเอาไว้แล้ว" อิงนรีสิ้นคำจะเถียง

ได้แต่ทำหน้าหงิกหน้างอเท่านั้น ดีเสียว่าคืนนี้เธอชิงไปปาร์ตี้กับเพื่อนก่อน

ไม่อย่างนั้นละก็คงจะได้ไปอยู่เชียงใหม่ยาวแบบไม่ได้ล่ำลากันแน่

แม้จะไม่เห็นด้วยกับความคิดของป้า

แต่อิงนรีก็ทำอะไรไม่ได้ เธอได้แต่เดินกระทืบเท้าขึ้นห้องของตัวเองเท่านั้น

"ทำไมยังไม่มีใครทักมาสักคน"

อิงนรีบ่นพึมพำคนเดียว เมื่อเช็กดูข้อความและพบเพียงความว่างเปล่า

เพื่อนคนหนึ่งก็กลับแท็กซี่ อีกคนก็เมาแถมยังต้องขับรถกลับเอง

[สามซ่า line group]

อิง : ถึงไหนกันแล้ว

อิงนรีตัดสินใจทักหาเพื่อนในไลน์กลุ่ม

แก้ว : ถึงแล้ว ๆ ขอโทษที่ลืมบอก

ไปอาบน้ำมา

มีเพียงมาลาแก้วที่อ่านข้อความ

ทำให้อิงนรียิ่งรู้สึกเป็นกังวล

อิง : ทำไมยายหยาดเงียบไปเลย

แก้ว : นั่นสิ @หยาดฟ้า ตอบหน่อย

อิง : โทรหาก็ไม่ติด

แก้ว : แบตหมดหรือเปล่า

ปกติหยาดไม่ค่อยชาร์จมือถืออยู่แล้ว

อิง : มันน่าตีจริง ๆ

อิง : ฉันจะบอกว่า

พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้ว ป้าเปลี่ยนกำหนดการ

แก้ว : เร็วจัง

แต่ยังไงก็เดินทางปลอดภัยนะ เจอกันวันแต่ง

อิง : ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาเลยจ้ะ!!

หลังคุยกับเพื่อนจบ อิงนรีถึงลุกไปอาบน้ำ

แล้วเช็กข้าวของที่ป้าเก็บให้ เพิ่มเติมอะไรที่ยังขาดเหลือ

แอบเอาเสื้อผ้าที่ชอบไปได้อีกกระเป๋า แค่นี้ก็สบายใจแล้ว

"เฮ้อ...นี่ฉันต้องไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้จริง

ๆ น่ะเหรอ" ปากเรียวบ่นพึมพำคนเดียว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เธอหวนคิดถึงชีวิตที่อิสระ

ต่อจากนี้ไปหากแต่งงาน มันคงจะยุ่งยากมากแน่

หนึ่งคือเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับว่าที่คู่ชีวิตตัวเองเลย

เกิดเขาเป็นคนพิกลพิการเธออาจจะต้องมีภาระเลี้ยงดูเขาอีก จะนิสัยใจคอแบบไหนกัน

หน้าตาจะอัปลักษณ์แค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจ อยากปฏิเสธ แต่ป้าก็ดูจะจริงจังเหลือเกิน

อีกอย่างเธอเองก็หนีการจับคู่ของป้ามาหลายครั้งแล้ว

ถ้าครั้งนี้จะหนีอีกป้าคงไม่พอใจมากแน่ ๆ

"อยู่กันได้ก็อยู่

อยู่ไม่ได้ค่อยเลิกก็แล้วกัน" อิงนรีกล่าวก่อนจะหลับตาลง

อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแล้วละ

ว่าที่ลูกสะใภ้

บนรถตู้ที่เดินทางจากสนามบินเชียงใหม่

มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านไร่นายเหนือ ร่างบางนอนหลับด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง

"ยายอิง" เสียงของป้าที่กระซิบเรียกหลานสาว

หวังจะปลุกให้ตื่น ตอนนี้รถได้เข้าใกล้จุดหมายเต็มทีแล้ว

คุณหญิงอรุณวลีอยากจะกำชับเรื่องมารยาทกับหลานสาวอีกสักหน่อย

"ยายอิง!! ตื่นได้แล้วจะถึงแล้วเนี่ย"

"โอ๊ยคุณป้า...ถึงแล้วค่อยเรียกอิงได้ไหมคะ

ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ"

"ไม่ได้!! ตื่นเดี๋ยวนี้"

"โอ๊ย!! ตื่นมาตั้งแต่เช้า กว่าจะขึ้นเครื่อง

แล้วยังนั่งรถต่อมาอีกตั้งไกล อิงง่วง" หลานสาวหัวดื้อว่าพร้อมทั้งทำท่าจะเอนตัวลงนอน

แต่กลับต้องสะดุ้งโหยงตื่นขึ้น

เพราะนิ้วอวบที่สวมแหวนเพชรแหวนพลอยจนเต็มมือหยิกเข้าที่ขาอย่างแรง

"โอ๊ยคุณป้า!! อิงเจ็บนะ" เธอโวยลั่น

"ก็หยิกให้เจ็บน่ะสิ

ฟังที่ฉันจะพูดก่อนเพราะมันสำคัญ" อิงนรีทำได้เพียงถอนหายใจ

และสลัดความอ่อนเพลียทั้งหมดทิ้งไป เพื่อตั้งใจฟังป้าของเธอเท่านั้น

"สายบัวเพื่อนฉันน่ะเป็นกุลสตรี เป็นคนเจ้าระเบียบ

พูดจาไพเราะน่าฟัง แกน่ะ...ไม่มีสักอย่าง

แต่ไปอยู่กับเขาก็ช่วยฝืนอกฝืนใจทำสักหน่อย อย่าให้มันขายหน้ามาถึงฉัน

แค่เขาไม่รู้เรื่องฉาว ๆ ที่แกทำทิ้งเอาไว้ให้ฉันขายหน้าที่กรุงเทพฯ นี่ก็นับว่าเป็นบุญมากแล้ว"

"แล้วถ้าเกิดเขารู้ขึ้นมา

จะไม่ด่าป้าทีหลังหรือไง"

"คนอย่างสายบัวน่ะไม่มาด่าฉันหรอก

แต่ก็คงจะเคืองใจกันอยู่นิดหน่อย ฉันก็จำใจทำ

ไม่ได้อยากจะย้อมแมวมาขายให้เพื่อนหรอกนะ แต่ก็อยากให้แกได้เจอคนดี ๆ" คำพูดที่คุณหญิงอรุณวลีพูดถึงหลานสาวอาจจะฟังดูเหมือนเลวร้ายไปบ้าง

แต่ความจริงแล้วนั้น ข่าวซุบซิบวงการไฮโซที่พูดถึงอิงนรี

ก็เป็นเพียงข่าวโคมลอยที่คนเขียน เขียนกันสนุก ๆ

ให้สาวโซเชียลว่างงานได้มีอะไรทำก็เท่านั้นเอง

กว่าคุณหญิงอรุณวลีจะเปิดคอร์สอบรมหลานสาวฉบับเร่งด่วนจบ

รถก็เคลื่อนมาถึงบ้านของแม่เลี้ยงสายบัวพอดี บรรยากาศรอบบ้านนั้นร่มรื่นน่าอยู่

สมเป็นบ้านพักบนเขา

ตั้งแต่ทางเข้าจนถึงตัวบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์

เห็นแล้วสดชื่นผ่อนคลาย ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ยกสูง มีใต้ถุน

ประดับประดาด้วยโคมล้านนาจำนวนมาก อิงนรีที่บอกว่าไม่อยากมา

เห็นบรรยากาศที่นี่ก็ยังนึกเปลี่ยนใจ

"วลี..." เจ้าบ้านเดินออกมารอต้อนรับแขกพิเศษด้วยสีหน้ายินดี

เธอมองดูเพื่อนสาว ก่อนจะแอบมองดูเด็กสาวที่กำลังเพลินอยู่กับการมองไปรอบตัว

"นี่เหรอหนูอิง สวยมากเลย"

แม่เลี้ยงสายบัวแอบกระซิบถาม

"ใช่แล้วจ้ะ เอ่อ....อิงจ๊ะ

อิง...เอ่อคงจะตื่นเต้นน่ะ ปกติไม่ค่อยได้ไปไหน"

เสียงเรียกของป้าไม่เข้าไปในโสตประสาทเลยแม้แต่น้อย อิงนรีผู้กำลังเพลินอยู่กับการเดินชมนกชมไม้

ยิ้มเคลิ้มไปกับบรรยากาศในบ้าน

"อิง!!"

"ค...คะ?" คนถูกเรียกสะดุ้งโหยง

"นี่คุณป้าสายบัว..."

คุณหญิงอรุณวลีแนะนำให้กับหลานสาว พลางส่งสายตาบอกให้อิงนรีนั้นยกมือขึ้นมาประณมให้งาม

ๆ แล้วกล่าวคำว่าสวัสดี

"สวัสดีค่ะคุณป้าสายบัว"

และเหมือนว่าจิตของป้าหลานคู่นี้จะส่งถึงกันได้

อิงนรีทำตามความต้องการของป้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"เรียกแม่ก็ได้

เดี๋ยวก็จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วลูก...เข้าบ้านก่อนเถอะ

เราเตรียมของไว้รอวลีเยอะเลย" แม้แต่ในตัวบ้านก็ยังตกแต่งด้วยต้นไม้เล็กๆ และคงความเป็นล้านนาเอาไว้ได้อย่างลงตัว

อิงนรีรู้สึกพอใจกับบ้านหลังนี้มาก การตกแต่งสวยไม่แพ้โรงแรมเลยทีเดียว

"เดี๋ยววาดช่วยเอาของคุณๆ เขาไปเก็บทีนะ"

สายบัวหันไปสั่งกับสาวใช้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนและว่าที่ลูกสะใภ้

"เดี๋ยวเราไปนั่งพักคุยกันที่ห้องนั่งเล่นดีกว่านะ

เดินทางมาเหนื่อยๆ"

ในห้องนั่งเล่นมีการจัดเตรียมอาหารว่างและเครื่องดื่มรอไว้แล้ว

"ไม่ได้มานาน ต้นไม้โตแล้วน่าอยู่กว่าแต่ก่อนเยอะเลย"

อรุณวลีเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมองไปนอกหน้าต่าง

"คนแก่อยู่แต่บ้าน ไม่ได้ทำงานอะไร เหงาๆ

ก็สั่งต้นไม้มาลง นี่ก็ปลูกจนไม่มีที่จะปลูกแล้ว แต่ก็ยังอยากได้เพิ่ม"

สองเพื่อนซี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

"แล้วหนูอิงเป็นไงบ้างลูก เดินทางไกลเหนื่อยหรือเปล่า"

สายบัวหันไปถามอิงนรีที่ยังคงเพลิดเพลินอยู่กับการชมนกชมไม้

"ไม่เลยค่ะ ยิ่งมาเจอต้นไม้ดอกไม้แบบนี้ยิ่งสดชื่น

ที่นี่น่าอยู่มากเลยค่ะ" อิงนรีตอบอย่างจริงใจ

"ชอบก็ดีแล้วลูก บ้านพี่เหนือบรรยากาศดีกว่านี้อีก

เพราะอยู่สูงกว่าที่นี่ ตื่นเช้ามาเจอทะเลหมอกสวยๆ อากาศเย็นไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเลย"

สายบัวรีบอวดลูกชาย แต่อิงนรีกลับมุ่นคิ้วยุ่ง

เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงใครอยู่กันแน่

"เอ่อ...แม่หมายถึงเหนือภูผาลูกชายแม่น่ะ

จริงสินี่วลียังไม่ได้แนะนำให้หนูอิงรู้จักเหรอ"

"ยังหรอก ก็อยากให้มารู้จักกันที่นี่"

"อ๋อ...เย็นนี้คงได้เจอกัน

ถ้าตาเหนือมาเห็นน้องคงจะถูกใจน่าดู

แต่ก็ไม่รู้ว่าหนูอิงจะถูกใจลูกชายแม่หรือเปล่า"

อิงนรีได้ฟังแบบนี้ก็ยิ่งปักใจเชื่อว่าเหนือภูผาคนนี้

จะต้องขี้ริ้วขี้เหร่จนหาเมียไม่ได้จริงๆ แน่

"จริงๆ อิงไม่ได้ติดเรื่องหน้าตาหรอกนะคะ ขอแค่เป็นคนดีก็พอ

อุ๊บ..." แขนขาวถูกนิ้วของอรุณวลีหยิกเข้าเต็มๆ

คำพูดเมื่อครู่ฟังดูคล้ายกำว่ากำลังดูถูกอีกฝ่ายจนทำให้คนเป็นป้าต้องรีบปราม

"เอาไว้เจอกันแล้ว

ค่อยตัดสินใจดูนะว่าหล่อหรือไม่หล่อ" สายบัวกล่าวอย่างเอ็นดู

ทั้งสามคนนั่งคุยเล่นกันอยู่นาน สายบัวก็เชิญให้สองป้าหลานขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง

เพราะกลัวจะอ่อนเพลียจากการเดินทาง ถึงเวลาอาหารค่ำแล้วจะให้คนขึ้นไปตาม

"คุณป้าคะ

ไม่ใช่ว่านายเหนืออะไรนี่จะขี้เหร่อัปลักษณ์จนหาเมียไม่ได้หรอกนะคะ

อย่างน้อยจะมีผัวทั้งทีอิงขอหล่อๆ ก็แล้วกัน โอ๊ย!!"

"หุบปากไปเลย แกไม่เห็นเหรอว่าสายบัวเขาดีขนาดไหน

มีแม่ผัวดี โชคดีกว่ามีผัวดีซะอีกจำเอาไว้เลย

"โอ๊ยอิงไม่สนหรอก

แค่อยากรู้ว่านายเหนือเนี่ยร่างกายครบ 32 รูปร่างหน้าตากลางๆ

ไม่ถึงกับแย่หรือเปล่า"

"ฉันก็จำไม่ได้แล้ว ไม่ได้เจอกันนาน"

"ขนาดป้ายังไม่กล้ารับประกันเลย"

"โอ๊ยอย่าเรื่องมาก

ไว้เดี๋ยวเย็นนี้ก็ได้เจอกันแล้ว"

"ถ้าไม่หล่อ อิงไม่แต่งหรอกนะ"

"ไม่ได้!!"

"หึ้ยยย"

อิงนรีทิ้งตัวลงนอนก่อนจะดึงเอาผ้าห่มมาคลุมตัว 'เป็นตายยังไงก็ต้องแต่งน่ะเหรอ

เกิดมีผัวพิการขึ้นมาจะทำยังไงกัน?'

ติดตาม พูดคุยเป็นกำลังใจนักเขียนได้ที่เฟสบุ๊คนักเขียนตามรูปเลยนะคะ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!